WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:01.000 (ปรบมือ) 00:00:02.000 --> 00:00:05.000 ขอบคุณครับ งานนี้ขอบอกว่าทั้งตื่นเต้นและหนักใจ 00:00:05.000 --> 00:00:08.000 ติ่นเต้นเพราะเป็นโอกาสที่จะได้ตอบแทนพวกท่าน 00:00:08.000 --> 00:00:12.000 หนักใจเพราะสัมมนาที่สั้นที่สุดของผมอยู่ที่ 50 ชั่วโมง 00:00:12.000 --> 00:00:13.000 (หัวเราะ) 00:00:13.000 --> 00:00:16.000 ไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมจัดช่วงสุดสัปดาห์ 00:00:16.000 --> 00:00:17.000 และมากกว่านั้นด้วยซำ เพราะเวลาฝึกคนนั้น 00:00:17.000 --> 00:00:20.000 ผมทำอย่างทุ่มเทสุดๆ คิดดู คุณเรียนภาษาอย่างไร 00:00:20.000 --> 00:00:22.000 คุณไม่ได้เรียนแค่หลักการ 00:00:22.000 --> 00:00:25.000 คุณลงมือและฝึกใช้มันบ่อยๆจนกลายเป็นธรรมชาติ NOTE Paragraph 00:00:25.000 --> 00:00:28.000 และเหตุผลที่ผมมาที่นี่ นอกจากจะทำตัวเหมือนคนบ้า 00:00:28.000 --> 00:00:30.000 ก็คือผมอยากมาบอกพวกคุณ 00:00:30.000 --> 00:00:32.000 ผมไม่ได้มาให้แรงบันดาลใจ คุณไม่ต้องการจากผมหรอก 00:00:32.000 --> 00:00:34.000 แต่ส่วนใหญ่ชอบคิดว่านั่นคือที่ผมทำ 00:00:34.000 --> 00:00:37.000 มันตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ 00:00:38.000 --> 00:00:39.000 ผู้คนบอกผมว่า "ผมไม่ต้องการแรงบันดาลใจ" 00:00:39.000 --> 00:00:41.000 ผมก็จะตอบว่า "แปลกดีนะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำเลย" 00:00:41.000 --> 00:00:45.000 ผมเป็นพวก "เจ้าหนูจำไม" ผมอยากรู้ทำไมคุณทำในสิ่งที่คุณทำ NOTE Paragraph 00:00:45.000 --> 00:00:47.000 อะไรจูงใจให้ทำอย่างนั้น 00:00:48.000 --> 00:00:51.000 อะไรขับเคลื่อนชีวิตคุณทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน 00:00:51.000 --> 00:00:53.000 คุณย่ำอยู่กับรอยเดิมๆหรือเปล่า เพราะผมเชื่อว่า 00:00:53.000 --> 00:00:56.000 มีพลังขับเคลื่อนภายใน ที่ทำงานอยู่ 00:00:56.000 --> 00:00:58.000 มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก 00:00:58.000 --> 00:01:02.000 ผมมาที่นี่เพราะเชื่อว่าอารมณ์คือพลังแห่งชีวิต 00:01:02.000 --> 00:01:04.000 ทุกคนที่นี่มีสมองดีเลิศ 00:01:04.000 --> 00:01:06.000 พวกคุณเป็นหัวกะทิอยู่แล้ว จริงไหม? 00:01:07.000 --> 00:01:09.000 ผมจะไม่พูดถึงคนอีกกลุ่มหนึ่ง แต่เราทุกคนรู้จักการคิด 00:01:09.000 --> 00:01:10.000 และด้วยสมองของเรา เราคิดชั่งใจได้ทุกเรื่อง 00:01:11.000 --> 00:01:14.000 เราสร้างสรรค์อะไรก็ได้ 00:01:14.000 --> 00:01:17.000 ผมเห็นด้วยนะ ที่ว่าคนเราทำเพื่อตนเอง NOTE Paragraph 00:01:17.000 --> 00:01:19.000 แต่เราก็รู้ว่ามันไม่จริงเสมอไป 00:01:20.000 --> 00:01:22.000 คุณไม่ได้ทำเพื่อตัวเองตลอดเวลา 00:01:23.000 --> 00:01:24.000 เพราะเมื่อมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยว 00:01:24.000 --> 00:01:26.000 สมองของเราก็เปลี่ยนไป 00:01:27.000 --> 00:01:29.000 มันงดงามมากที่เราคิดไตร่ตรอง 00:01:29.000 --> 00:01:31.000 เกี่ยวกับชีวิตบนโลกใบนี้ได้ และโดยเฉพาะ 00:01:31.000 --> 00:01:33.000 พวกที่ฉลาดมากๆ เราพลิกแพลงความคิดได้อีกมากมาย 00:01:33.000 --> 00:01:35.000 แต่ที่ผมอยากรู้คือ อะไรที่ผลักดันคุณ NOTE Paragraph 00:01:35.000 --> 00:01:37.000 จริงๆ ผมอยากเชิญชวนพวกคุณ 00:01:37.000 --> 00:01:40.000 หลังผมพูดจบแล้ว ให้สำรวจสิ่งที่คุณเป็นวันนี้ 00:01:40.000 --> 00:01:43.000 เพื่อสองเหตุผล หนึ่ง: เพื่อให้คุณทำได้มากกว่านี้ และสอง: 00:01:44.000 --> 00:01:46.000 เพื่อหวังว่า เราไม่เพียงเข้าใจคนอื่นมากขึ้น 00:01:46.000 --> 00:01:49.000 แต่จะซาบซึ้งในตัวพวกเขา และสร้างสัมพันธภาพ 00:01:49.000 --> 00:01:51.000 ที่สามารถหยุดบางปัญหา 00:01:51.000 --> 00:01:52.000 ที่พบอยู่ทุกวันนี้ในสังคม 00:01:52.000 --> 00:01:54.000 ปัญหาที่จะขยายวง 00:01:54.000 --> 00:01:55.000 ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมเราอยู่ 00:01:56.000 --> 00:01:59.000 เพราะนั่นทำให้พวกเรามาพบกัน และการพบกันนั้น 00:01:59.000 --> 00:02:02.000 ไม่ได้แปลว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน 00:02:02.000 --> 00:02:04.000 และสำนึกในคุณค่าของกันและกัน NOTE Paragraph 00:02:04.000 --> 00:02:08.000 ผมอยากรู้มาตลอด 30 ปี ว่า 00:02:09.000 --> 00:02:11.000 "อะไรที่ทำให้คุณภาพชีวิตเราต่างกัน? 00:02:12.000 --> 00:02:13.000 อะไรทำให้ผลงานเราต่างกัน?" 00:02:13.000 --> 00:02:14.000 เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมถูกจ้างให้ทำ 00:02:14.000 --> 00:02:15.000 ตอนนี้ผมต้องโชว์ผลงานแล้ว 00:02:15.000 --> 00:02:18.000 นั่นคือสิ่งที่ผมทำมา 30 ปี ... ผมได้รับโทรศัพท์ 00:02:18.000 --> 00:02:21.000 ตอนที่นักกีฬากำลังหมดแรงอยู่ในจอทีวี 00:02:21.000 --> 00:02:23.000 เขาถูกนำอยู่ห้าช่วงพาย 00:02:23.000 --> 00:02:24.000 และเขาไม่สามารถตีตื้นได้ 00:02:25.000 --> 00:02:26.000 ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้เห็นผลลัพธ์ 00:02:26.000 --> 00:02:28.000 ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง และผมได้รับโทรศัพท์ 00:02:29.000 --> 00:02:30.000 ตอนมีเด็กกำลังจะฆ่าตัวตาย 00:02:31.000 --> 00:02:33.000 และผมต้องทำอะไร ณ บัดนั้น และใน 29 ปีนี้ 00:02:33.000 --> 00:02:36.000 ผมภูมิใจที่จะบอกว่า ผมไม่เคยพลาดเลย 00:02:36.000 --> 00:02:38.000 แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะไม่มีวันพลาด แค่ผมยังไม่เคย 00:02:38.000 --> 00:02:40.000 เพราะผมเข้าใจความต้องการของมนุษย์ และนั่นคือสิ่งที่ผมจะพูดถึง NOTE Paragraph 00:02:40.000 --> 00:02:43.000 เมื่อผมถูกเรียกให้แก้ปัญหาผลงาน นั่นเรื่องหนึ่ง 00:02:43.000 --> 00:02:45.000 คุณจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างไร 00:02:46.000 --> 00:02:49.000 แต่ขณะเดียวกัน ผมก็มองหาว่าอะไร 00:02:49.000 --> 00:02:51.000 ที่บ่มเพาะความสามารถของแต่ละคน 00:02:52.000 --> 00:02:55.000 เพื่อให้เขาก้าวพ้นขีดจำกัด ดังนั้นคำถามที่แท้จริงคือ 00:02:55.000 --> 00:02:58.000 ชีวิตนี้มีบทเรียนสำคัญอยู่สองเรื่อง 00:02:58.000 --> 00:03:00.000 เรื่องแรก: การประสบความสำเร็จเป็นศาตร์อย่างหนึ่ง 00:03:00.000 --> 00:03:02.000 ซึ่งเกือบทุกเรื่องสามารถทำให้ดีขึ้นได้ 00:03:03.000 --> 00:03:05.000 นั่นคือ "การทำสิ่งที่มองไม่เห็นให้เห็นได้" จริงไหม? 00:03:05.000 --> 00:03:07.000 ทำอย่างไรให้ฝันเป็นจริง 00:03:07.000 --> 00:03:09.000 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ งานสังคม เงินทอง 00:03:10.000 --> 00:03:11.000 หรืออะไรสำคัญ ร่างกายคุณ ครอบครัวคุณ NOTE Paragraph 00:03:12.000 --> 00:03:14.000 แต่อีกบทเรียนชีวิตซึ่งยากจะชำนาญได้คือ การเติมเต็มชีวิต 00:03:14.000 --> 00:03:17.000 วิทยาศาสตร์นั้นมันง่าย จริงไหม? 00:03:17.000 --> 00:03:19.000 เรารู้กติกา เรารู้กฎ เราทำตามมัน 00:03:20.000 --> 00:03:21.000 เราก็จะได้ผลลัพธ์ ... เมื่อเรารู้วิธีเล่น 00:03:21.000 --> 00:03:23.000 เพียงคุณรู้ คุณก็ทำตามได้ จริงไหม? 00:03:24.000 --> 00:03:26.000 แต่ถ้าพูดถึงการเติมเต็มชีวิต มันคือศิลป์ 00:03:26.000 --> 00:03:28.000 เพราะมันเกี่ยวกับการมองเห็นคุณค่า 00:03:28.000 --> 00:03:31.000 และการให้ สิ่งที่คุณต้องรู้สึกเอาด้วยตัวเอง 00:03:32.000 --> 00:03:35.000 ผมได้ทำการวิจัยเพื่อตอบคำถามนี้ 00:03:35.000 --> 00:03:36.000 ว่าชีวิตคนหนึ่ง จะแตกต่างอย่างไร 00:03:36.000 --> 00:03:39.000 ถ้าคุณมองว่าเขาเป็นคนที่คุณ 00:03:39.000 --> 00:03:42.000 ให้ทุกอย่างได้กับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ 00:03:42.000 --> 00:03:44.000 ถ้าไม่ให้คอมพิวเตอร์ราคา 100 เหรียญ 00:03:44.000 --> 00:03:46.000 แต่ให้คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด คุณให้ความรัก 00:03:46.000 --> 00:03:47.000 ให้ความสุข คุณอยู่เมื่อต้องปลอบเขา 00:03:48.000 --> 00:03:50.000 และบ่อยครั้งที่คนเหล่านั้น ซึ่งคุณต้องรู้จักบ้างแน่ๆ 00:03:51.000 --> 00:03:53.000 มีชีวิตที่พร้อมสรรพ ทั้งความรัก การศึกษา เงินทอง 00:03:53.000 --> 00:03:56.000 และพื้นเพที่ดี ต้องใช้ชีวิตหมดไปกับการเข้าออกโรงพยาบาลบ้า 00:03:57.000 --> 00:03:59.000 แล้วคุณก็พบเจอคนที่ผ่านทุกข์แสนสาหัส 00:04:00.000 --> 00:04:03.000 ทั้งทางจิต ทางเพศ ทางจิตวิญญาณ ทางอารมณ์ที่บอบช้ำ 00:04:03.000 --> 00:04:05.000 แม้ไม่เสมอไป แต่ก็บ่อยครั้ง ที่เขาเหล่านั้น 00:04:05.000 --> 00:04:08.000 กลายเป็นผู้ที่ให้มากที่สุดกับสังคม NOTE Paragraph 00:04:08.000 --> 00:04:11.000 ดังนั้น คำถามที่เราควรถามตนเองจริงๆ ก็คือ 00:04:12.000 --> 00:04:14.000 อะไรที่ทำให้เราเป็นเรา และเราล้วนอยู่ในสังคมที่มอมเมาเรา 00:04:15.000 --> 00:04:17.000 พวกเราส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ แต่สังคมนั้นมอมเมา 00:04:17.000 --> 00:04:19.000 ผมหมายถึงทัศนคติที่จมปลักกับอดีต 00:04:20.000 --> 00:04:22.000 ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ คงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ 00:04:22.000 --> 00:04:23.000 ถ้าคุณเชื่อทฤษฏีนี้ 00:04:23.000 --> 00:04:25.000 แต่สังคมส่วนใหญ่คิดว่า อดีตลิขิตชะตา 00:04:26.000 --> 00:04:29.000 อดีตคืออนาคต และมันคงใช่ถ้าคุณยึดติดกับมัน 00:04:29.000 --> 00:04:30.000 แต่คนในห้องนี้ต่างรู้ดีว่า 00:04:31.000 --> 00:04:32.000 เราต้องคอยเตือนตนเอง ว่า 00:04:32.000 --> 00:04:34.000 เพราะคุณเป็นคนมีความคิด คุณรู้ว่าอะไรควร 00:04:35.000 --> 00:04:36.000 อะไรไม่ควร NOTE Paragraph 00:04:37.000 --> 00:04:38.000 ดังนั้น สิ่งที่เราต้องคอยเตือนตนเองคือ 00:04:38.000 --> 00:04:41.000 การตัดสินใจคืออำนาจสูงสุด จริงๆนะ 00:04:41.000 --> 00:04:43.000 ลองถามคนรู้จักดูว่า 00:04:43.000 --> 00:04:44.000 เขาเคยทำอะไรล้มเหลวหรือไม่ 00:04:44.000 --> 00:04:46.000 ในที่นี้ มีกี่คนที่เคยล้มเหลว 00:04:46.000 --> 00:04:47.000 กับสิ่งที่สำคัญในชีวิต ตอบว่า "ใช่" สิ๊ NOTE Paragraph 00:04:48.000 --> 00:04:49.000 ผู้ชม: ใช่ NOTE Paragraph 00:04:49.000 --> 00:04:50.000 ขอบคุณสำหรับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม 00:04:51.000 --> 00:04:52.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:04:52.000 --> 00:04:55.000 แต่ถ้าถามเขาว่าทำไมจึงพลาด 00:04:55.000 --> 00:04:57.000 คนที่ทำงานให้คุณ หรือหุ้นส่วนคุณ 00:04:57.000 --> 00:04:59.000 หรือแม้แต่คุณเอง เมื่อพลาดในการบรรลุเป้าหมาย 00:04:59.000 --> 00:05:01.000 อะไรคือเหตุผลที่เราอ้างกัน? 00:05:01.000 --> 00:05:03.000 เขาบอกคุณว่าอะไร? ผมไม่มี... ไม่รู้มากพอหรือ 00:05:04.000 --> 00:05:06.000 ไม่มีความรู้ ไม่มีทุน 00:05:06.000 --> 00:05:11.000 ไม่มีเวลา ไม่มีเทคโนโลยี 00:05:11.000 --> 00:05:14.000 ไม่มีผู้จัดการที่เหมาะสม ไม่มี... NOTE Paragraph 00:05:14.000 --> 00:05:18.000 อัล กอร์: ไม่มีศาลสูงสุด (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:05:28.000 --> 00:05:30.000 และ... 00:05:30.000 --> 00:05:32.000 (ปรบมือ) 00:05:32.000 --> 00:05:33.000 และ 00:05:33.000 --> 00:05:36.000 (ปรบมือ) 00:05:36.000 --> 00:05:38.000 อะไรที่สิ่งเหล่านั้น รวมทั้งศาลสูงสุด มีเหมือนกันคือ? 00:05:38.000 --> 00:05:40.000 (หัวเราะ) 00:05:41.000 --> 00:05:45.000 พวกมันคือทรัพยากรที่เราอ้างว่าขาดแคลน ชื่งก็อาจจะถูก 00:05:45.000 --> 00:05:47.000 เขาอาจจะไม่มีเงิน เขาอาจจะไม่มีศาลสูงสุด 00:05:48.000 --> 00:05:50.000 แต่นั่นไม่ใช่ตัวตัดสินครับ 00:05:50.000 --> 00:05:56.000 (ปรบมือ) 00:05:56.000 --> 00:05:57.000 ถ้าผมพูดผิดก็เตือนด้วยครับ 00:05:59.000 --> 00:06:01.000 ปัจจัยที่แท้จริงไม่ใช่ทรัพยากร แต่เป็นการมองทรัพยากรที่มี 00:06:02.000 --> 00:06:04.000 นี่ไม่ใช่แค่ประโยคสวยหรู 00:06:04.000 --> 00:06:09.000 ผมหมายถึงอารมณ์ ความรู้สึกมนุษย์ สิ่งที่ผมประสพได้ 00:06:09.000 --> 00:06:12.000 จากตัวคุณในวันก่อนๆ ที่ลึกซึ้ง 00:06:13.000 --> 00:06:15.000 เท่าที่ผมเคยประสบมา และเมื่อคุณสื่อสารกันด้วยความรู้สึกนั้น 00:06:15.000 --> 00:06:16.000 ผมเชื่อว่าคุณคงจะชนะไอ้หมอนั่นได้แน่ 00:06:17.000 --> 00:06:22.000 (ปรบมือ) NOTE Paragraph 00:06:22.000 --> 00:06:26.000 แต่มันง่ายที่จะบอกว่า เขาควรทำอะไร 00:06:26.000 --> 00:06:28.000 (หัวเราะ) 00:06:28.000 --> 00:06:35.000 ไอ้โง่รอบบิ้นส์ แต่ผมรู้ตอนดูการโต้วาทีในครั้งนั้น 00:06:36.000 --> 00:06:38.000 มีความรู้สึกที่มาสกัดกั้นความสามารถของคน 00:06:38.000 --> 00:06:40.000 ที่จะเข้าถึงความคิดและศักยภาพคนคนนั้น 00:06:40.000 --> 00:06:42.000 ในลักษณะที่บางคนได้ประสบวันนั้น 00:06:42.000 --> 00:06:45.000 เพราะผมรู้ว่ามีคนอยากลงคะแนนให้คุณ แต่ไม่ได้ทำ 00:06:46.000 --> 00:06:49.000 แล้วผมก็หัวเสีย แต่อารมณ์ความรู้สึกวันนั้นมีแน่ 00:06:49.000 --> 00:06:50.000 มีสักกี่คนที่เข้าใจที่ผมพูด ช่วยพูดว่า "ใช่" ซิ NOTE Paragraph 00:06:51.000 --> 00:06:52.000 ผู้ชม:ใช่ NOTE Paragraph 00:06:52.000 --> 00:06:54.000 ดังนั้น มันคืออารมณ์นี่แหละ และถ้าเราได้อารมณ์ที่ถูกต้อง 00:06:55.000 --> 00:06:57.000 เราสามารถทำอะไรก็ได้ เราผ่านมันไปได้ 00:06:57.000 --> 00:06:59.000 ถ้าคุณสร้างสรรค์พอ ขี้เล่นพอ สนุกพอ 00:06:59.000 --> 00:07:00.000 คุณก็สามารถเข้าถึงใครก็ได้ ใช่หรือไม่ NOTE Paragraph 00:07:01.000 --> 00:07:02.000 ผู้ชม:ใช่ NOTE Paragraph 00:07:02.000 --> 00:07:03.000 ถ้าคุณไม่มีเงิน แต่คุณสร้างสรรค์และมุ่งมั่นพอ 00:07:03.000 --> 00:07:06.000 คุณจะพบทางออก นั่นคือทรัพยากรที่แท้จริง 00:07:06.000 --> 00:07:09.000 แต่นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่ผู้คนบอกเรา จริงไหม? 00:07:09.000 --> 00:07:11.000 เรื่องราวที่ผู้คนเล่า มันมีต่างๆนาๆ 00:07:11.000 --> 00:07:13.000 พวกเขาบอกว่าขาดทรัพยากร แต่ท้ายที่สุด 00:07:13.000 --> 00:07:15.000 ลองดูนี่สิ 00:07:16.000 --> 00:07:17.000 พวกเขาบอกว่า อะไรคือเหตุผลที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ 00:07:18.000 --> 00:07:21.000 ต่อมา ไอ้หมอนี่ทำแผนผมเสียหมดเลย เฮ้อ 00:07:21.000 --> 00:07:25.000 (หัวเราะ) 00:07:25.000 --> 00:07:26.000 แต่ผมชื่นชมความคิดของเขา จริงๆนะ 00:07:26.000 --> 00:07:28.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:07:28.000 --> 00:07:31.000 อะไรกำหนดทรัพยากรของคุณ เราบอกว่าการตัดสินใจกำหนดอนาคต 00:07:31.000 --> 00:07:35.000 นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ ถ้าการตัดสินใจกำหนดอนาคต 00:07:35.000 --> 00:07:37.000 มีการตัดสินใจสามเรื่อง สิ่งที่คุณจะสนใจ 00:07:37.000 --> 00:07:39.000 ตอนนี้ คุณต้องตัดสินใจว่าจะสนใจเรื่องอะไร 00:07:39.000 --> 00:07:41.000 สิ่งที่สอง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว 00:07:42.000 --> 00:07:43.000 ว่าจะสนใจอะไร คุณต้องให้ความหมายกับมัน 00:07:44.000 --> 00:07:46.000 ความหมายอะไรก็ได้ที่ก่อกำเนิดอารมณ์ 00:07:46.000 --> 00:07:49.000 นี่คือตอนจบหรือตอนต้น นี่พระเจ้าลงโทษเรา 00:07:49.000 --> 00:07:51.000 หรือกำลังให้รางวัล นี่คือดวงหรือ? 00:07:52.000 --> 00:07:55.000 จากนั้น อารมณ์เราจะกำหนดว่าเราจะทำอะไรต่อไป NOTE Paragraph 00:07:55.000 --> 00:07:56.000 ดังนั้น ลองคิดถึงชีวิตคุณเอง 00:07:57.000 --> 00:07:58.000 การตัดสินใจที่ชี้ชะตาของคุณ 00:07:59.000 --> 00:08:01.000 มันฟังดูจริงจัง แต่ใน 5 หรือ 10 ปีที่ผ่านมา 00:08:02.000 --> 00:08:03.000 15 ปีก็ได้ คุณตัดสินใจอะไรไปบ้าง 00:08:03.000 --> 00:08:05.000 ซึ่งหากคุณได้ตัดสินใจเป็นอื่น 00:08:05.000 --> 00:08:08.000 ชีวิตจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใครบ้างที่คิดออก 00:08:08.000 --> 00:08:09.000 จริงๆนะ ไม่ว่าดีขึ้นหรือแย่ลง จงตอบว่า "ใช่" NOTE Paragraph 00:08:10.000 --> 00:08:11.000 ผู้ชม: ใช่ NOTE Paragraph 00:08:11.000 --> 00:08:13.000 ท้ายที่สุด อาจเป็นเรื่องว่าจะทำงานที่ไหน 00:08:13.000 --> 00:08:14.000 และพบกับคนที่คุณรักที่นั่น 00:08:15.000 --> 00:08:17.000 หรืออาจเป็นเรื่องอาชีพ ผมรู้จักอัจฉริยะจาก Google ที่นี่นะ 00:08:18.000 --> 00:08:19.000 ผมเข้าใจการตัดสินใจของพวกเขา 00:08:20.000 --> 00:08:22.000 ที่ต้องการขายเทคโนโลยี จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาทำเช่นนั้น 00:08:23.000 --> 00:08:25.000 แทนที่จะสร้างวัฒนธรรมเอง โลกนี้จะเป็นอย่างไร 00:08:25.000 --> 00:08:27.000 ชีวิตเขาจะต่างไปอย่างไร มีผลกระทบแค่ไหน 00:08:28.000 --> 00:08:30.000 ประวัติศาสตร์โลกประกอบด้วยการตัดสินใจเช่นนี้ 00:08:30.000 --> 00:08:33.000 เมื่อมีหญิงคนหนึ่งปฏิเสธที่จะนั่งที่ท้ายรถเมล์ 00:08:34.000 --> 00:08:37.000 เธอไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตเธอ แต่การตัดสินใจนั้นเปลี่ยนวัฒนธรรมเรา 00:08:37.000 --> 00:08:40.000 หรือเมื่อมีคนยืนหน้ารถถัง หรือคนอย่าง 00:08:41.000 --> 00:08:42.000 แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่มีคนมาบอกว่า 00:08:43.000 --> 00:08:45.000 "คุณเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก" มันยากสำหรับผู้ชายนะ 00:08:46.000 --> 00:08:47.000 โดยเฉพาะถ้าต้องขี่จักรยาน 00:08:47.000 --> 00:08:49.000 (หัวเราะ) 00:08:49.000 --> 00:08:51.000 ถ้าเป็นมะเร็งสมอง เป็นมะเร็งปอด 00:08:51.000 --> 00:08:53.000 แต่เส้นทางที่เขาเลือกคืออะไร? 00:08:54.000 --> 00:08:55.000 มันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ มันหมายความว่าอะไร? 00:08:55.000 --> 00:08:57.000 มันไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเริ่มต้น ว่าเขาจะทำอะไร 00:08:57.000 --> 00:09:00.000 เขาไปชนะการแข่งขันที่ไม่เคยชนะมาก่อนถึงเจ็ดครั้ง 00:09:00.000 --> 00:09:02.000 เพราะเขามีความพร้อมทางความรู้สึก 00:09:03.000 --> 00:09:06.000 มีพละกำลังทางจิตใจ นั่นคือความแตกต่างของคนคนนี้ 00:09:06.000 --> 00:09:08.000 ผมพบเจอคนประมาณสามล้านคน NOTE Paragraph 00:09:08.000 --> 00:09:10.000 เพราะนั่นคือห้องแล็บของผม รวมแล้วสามล้านคน 00:09:11.000 --> 00:09:13.000 จาก 80 ประเทศ ที่ได้มีโอกาสมาพบกัน 00:09:13.000 --> 00:09:17.000 ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา หลังๆมา ร่องรอยเริ่มเด่นชัด 00:09:17.000 --> 00:09:19.000 คุณจะเห็นว่า อเมริกาใต้และอัฟริกา 00:09:19.000 --> 00:09:22.000 อาจจะเชื่อมโยงกันในบางมุม จริงไหม? คนอื่นอาจพูดว่า 00:09:22.000 --> 00:09:25.000 "มันฟังดูไร้สาระ" ถ้าเช่นนั้น อะไรที่บ่มเพาะแลนซ์ล่ะ? 00:09:25.000 --> 00:09:30.000 อะไรที่บ่มเพาะคุณ มีพลังที่มองไม่เห็นสองอย่าง หนึ่งคือสถานะ 00:09:31.000 --> 00:09:32.000 เราต่างเคยประสพมา 00:09:32.000 --> 00:09:34.000 ถ้าคุณเคยทำอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้น 00:09:34.000 --> 00:09:35.000 คุณบอกตัวเองว่า ไม่น่าพูดออกไปเลย 00:09:36.000 --> 00:09:38.000 ทำลงไปได้อย่างไร มันงี่เง่ามาก ใครเคยเป็นแบบนั้นบ้าง? 00:09:38.000 --> 00:09:39.000 จงตอบว่า "ใช่" NOTE Paragraph 00:09:39.000 --> 00:09:40.000 ผู้ชม:ใช่ NOTE Paragraph 00:09:40.000 --> 00:09:42.000 คุณเคยทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเมื่อทำแล้ว บอกว่า "นั่นแหละผมเอง" 00:09:42.000 --> 00:09:44.000 (หัวเราะ) 00:09:44.000 --> 00:09:46.000 นั่นไม่ใช่เรื่องความสามารถ แต่เป็นเรื่องสภาวะ 00:09:47.000 --> 00:09:49.000 รูปแบบของโลกที่สร้างตัวคุณในระยะยาว 00:09:50.000 --> 00:09:53.000 รูปแบบนั้นเป็นเสมือนตัวกรอง ซึ่งปั้นเราขึ้นมา 00:09:53.000 --> 00:09:54.000 นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจ 00:09:55.000 --> 00:09:56.000 เมื่อเราจะชักจูงใครสักคน เราต้องรู้ว่า 00:09:56.000 --> 00:09:57.000 อะไรที่จูงใจเขาอยู่แล้ว 00:09:58.000 --> 00:09:59.000 ผมคิดว่ามันมีอยู่สามส่วน 00:10:00.000 --> 00:10:02.000 หนึ่ง: เป้าหมาย อะไรที่คุณต้องการ? 00:10:02.000 --> 00:10:04.000 ซึ่งผมเชื่อว่า มันไม่ใช่ความปรารถนา 00:10:04.000 --> 00:10:06.000 คุณสามารถบรรลุเป้าหรือความปรารถนาได้ มีสักกี่คนที่มีเป้า 00:10:06.000 --> 00:10:08.000 หรือความคิดปรารถนา มีเพียงเท่านี้หรือ 00:10:08.000 --> 00:10:09.000 ใครเคยมีบ้าง จงพูดว่า "ใช่" NOTE Paragraph 00:10:09.000 --> 00:10:10.000 ผู้ชม:ใช่ NOTE Paragraph 00:10:10.000 --> 00:10:13.000 มันคือความจำเป็น ผมว่ามนุษย์มีความจำเป็นหกประการ 00:10:13.000 --> 00:10:16.000 สอง: เมื่อคุณรู้จักเป้าหมายที่ขับเคลื่อนคุณแล้ว 00:10:16.000 --> 00:10:19.000 และได้ค้นพบความจริง คุณไม่ได้สร้าง คุณค้นพบมัน 00:10:19.000 --> 00:10:20.000 คุณก็จะพบแผนที่ 00:10:20.000 --> 00:10:23.000 ระบบความเชื่อที่บอกทางบรรลุความจำเป็นเหล่านั้น 00:10:23.000 --> 00:10:25.000 บางคนเชื่อว่าจะบรรลุได้โดยการทำลายโลก 00:10:25.000 --> 00:10:28.000 บ้างก็โดยการสร้างบางอย่าง รักใครสักคน 00:10:29.000 --> 00:10:32.000 จากนั้นเป็นเรื่องเชื้อเพลิงที่เลือก ผมจะพูดสั้นๆ ความจำเป็นหกอย่าง NOTE Paragraph 00:10:32.000 --> 00:10:34.000 ผมจะบอกคุณว่ามันคืออะไร หนึ่ง: ความแน่นอน 00:10:34.000 --> 00:10:36.000 สิ่งนี้ไม่ใช่เป้าหรือสิ่งปรารถนา แต่ใช้ได้กับทุกคน 00:10:37.000 --> 00:10:38.000 ทุกคนต้องการแน่ใจ ว่าหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้ 00:10:38.000 --> 00:10:40.000 อย่างน้อยให้รู้สึกสบาย จะได้มาอย่างไรล่ะ? 00:10:40.000 --> 00:10:44.000 ควบคุมคนอื่น? พัฒนาความสามารถ? เลิกล้ม? สูบบุหรื่? 00:10:45.000 --> 00:10:47.000 หากแน่ใจแล้ว มันตลกสิ้นดี 00:10:47.000 --> 00:10:48.000 แม้ว่าเราต่างต้องการมัน 00:10:48.000 --> 00:10:50.000 เช่นหากคุณไม่แน่นอนกับสุขภาพ หรือเรื่องบุตรหลาน 00:10:50.000 --> 00:10:52.000 หรือเรื่องเงิน คุณจะไม่คิดถึงเรื่องอื่น 00:10:52.000 --> 00:10:53.000 หากคุณไม่แน่ใจว่าเพดานนี้จะยกอยู่ได้ 00:10:53.000 --> 00:10:54.000 คุณก็จะไม่สนใจฟังวิทยากร 00:10:55.000 --> 00:10:58.000 ขณะที่ความแน่ใจของเรามีความหมายต่างกันไป ถ้าเราแน่ใจแล้ว 00:10:59.000 --> 00:11:00.000 เราจะได้อะไร? คุณรู้สึกอะไรเมื่อคุณแน่ใจ? 00:11:00.000 --> 00:11:01.000 รู้ว่าจะเกิดอะไร เกิดเมื่อไร 00:11:01.000 --> 00:11:02.000 รู้ว่าเกิดอย่างไร คุณจะรู้สึกอย่างไร? 00:11:03.000 --> 00:11:06.000 น่าเบื่อจะตาย พระเจ้า ผู้ทรงฉลาดล้ำ 00:11:06.000 --> 00:11:07.000 (หัวเราะ) 00:11:07.000 --> 00:11:10.000 จึงประทานความจำเป็นข้อสอง คือความไม่แน่นอน 00:11:10.000 --> 00:11:12.000 เราต้องการความหลากหลาย ประหลาดใจ 00:11:13.000 --> 00:11:14.000 มีกี่คนที่ชอบความประหลาดใจ พูดว่า "ใช่" NOTE Paragraph 00:11:15.000 --> 00:11:16.000 ผู้ชม:ใช่ NOTE Paragraph 00:11:16.000 --> 00:11:17.000 โกหก คุณชอบเฉพาะความประหลาดใจที่อยากได้ 00:11:17.000 --> 00:11:19.000 (หัวเราะ) 00:11:19.000 --> 00:11:22.000 สิ่งที่ไม่ต้องการก็เรียกว่าปัญหา แต่มันจำเป็นสำหรับคุณ 00:11:22.000 --> 00:11:25.000 ดังนั้นความหลากหลายก็สำคัญ เคยเช่าหนังวีดีโอซ้ำๆ 00:11:25.000 --> 00:11:29.000 ใครเคยบ้าง? ออกไปข้างนอกบ้างเถอะ 00:11:29.000 --> 00:11:31.000 (หัวเราะ) 00:11:31.000 --> 00:11:33.000 เอาล่ะ คุณทำทำไม? คุณแน่ใจว่ามันดี 00:11:33.000 --> 00:11:35.000 เพราะเคยอ่านแล้ว เคยดูแล้ว แต่คุณหวังว่า 00:11:35.000 --> 00:11:37.000 มันนานพอที่คุณจะลืมแล้ว นั่นคือความหลากหลาย NOTE Paragraph 00:11:38.000 --> 00:11:41.000 ความจำเป็นที่สาม ความสำคัญ เราต่างต้องการ 00:11:41.000 --> 00:11:44.000 รู้สึกสำคัญ พิเศษ โดดเด่น คุณได้โดยหาเงินมากขึ้น 00:11:44.000 --> 00:11:46.000 สนใจจิตวิญญาณมากขึ้น 00:11:46.000 --> 00:11:48.000 ไปทำรอยสัก ตุ้มหู 00:11:48.000 --> 00:11:51.000 ในบริเวณที่คนอื่นไม่อยากเห็น 00:11:52.000 --> 00:11:55.000 อะไรก็ได้ วิธีที่รวดเร็วที่สุด 00:11:55.000 --> 00:11:57.000 ถ้าคุณไร้การศึกษา ไร้การอบรม ไร้ศาสนาและทรัพย์สิน 00:11:57.000 --> 00:12:00.000 หรือหมดหนทาง ก็คือความรุนแรง ถ้าผมเอาปืนจ่อหัวคุณ 00:12:00.000 --> 00:12:02.000 และอาศัยในย่านนักเลง ผมสำคัญขึ้นมาทันที 00:12:02.000 --> 00:12:05.000 คะแนนจากศูนย์ไปเต็มสิบ ผมมั่นใจแค่ไหนว่า 00:12:05.000 --> 00:12:08.000 คุณจะตอบสนองผม? เต็มสิบเลย 00:12:09.000 --> 00:12:10.000 ใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันคงตื่นเต้นดี 00:12:10.000 --> 00:12:13.000 เหมือนที่ปีนเข้าไปในถ้ำ 00:12:13.000 --> 00:12:15.000 แล้วเข้าไปให้สุด ทั้งหลากหลายและไม่แน่นอน 00:12:15.000 --> 00:12:18.000 และมันสำคัญ จริงไหม? คุณจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อมัน 00:12:19.000 --> 00:12:21.000 นั่นคือเหตุที่เรามีความรุนแรงมาตลอด และจะคงมีต่อไป 00:12:21.000 --> 00:12:23.000 เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ของคนทั้งเผ่าพันธ์ 00:12:24.000 --> 00:12:25.000 มีเป็นล้านวิธีที่จะทำให้ตนสำคัญ 00:12:25.000 --> 00:12:27.000 แต่จะสำคัญได้ คุณต้องโดดเด่นและแตกต่าง NOTE Paragraph 00:12:27.000 --> 00:12:30.000 สิ่งที่จำเป็นคือ ความรักและความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นข้อที่สี่ 00:12:31.000 --> 00:12:33.000 เราล้วนต้องการมัน คนส่วนใหญ่จะหยุดอยู่แค่การรู้จัก 00:12:33.000 --> 00:12:35.000 เพราะความรักนั้นน่ากลัวเกินไป ไม่อยากเจ็บ 00:12:35.000 --> 00:12:38.000 ใครเคยเจ็บจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง พูดว่า "ใช่" 00:12:38.000 --> 00:12:39.000 (หัวเราะ) 00:12:39.000 --> 00:12:41.000 ถ้าคุณไม่ยกมือ คุณโกหกแน่ๆ ผมรู้ 00:12:41.000 --> 00:12:42.000 (หัวเราะ) 00:12:42.000 --> 00:12:43.000 และคุณจะต้องเจ็บปวดอีก 00:12:43.000 --> 00:12:45.000 ผมพูดซะให้รู้สึกดีเลยว่ามั้ย? 00:12:45.000 --> 00:12:46.000 (หัวเราะ) 00:12:46.000 --> 00:12:49.000 แต่ความจริงคือ เราต้องการมัน โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง 00:12:49.000 --> 00:12:52.000 อาศัยมิตรสหาย การอธิษฐาน การเดินป่า 00:12:53.000 --> 00:12:55.000 ถ้าไม่ได้ผลก็หาหมามาเลี้ยง ไม่เอาแมวนะ หาหมามาเลี้ยง 00:12:55.000 --> 00:12:57.000 เพราะถ้าคุณปล่อยมันไว้สองนาที มันทำเหมือนคุณ 00:12:57.000 --> 00:12:59.000 จากมันไปหกเดือน ตอนคุณโผล่มาในไม่กี่นาทีต่อมา 00:12:59.000 --> 00:13:00.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:13:00.000 --> 00:13:02.000 เอาละ สี่ข้อแรกนั้น ทุกๆคนหาทางบรรลุมันได้ 00:13:03.000 --> 00:13:05.000 แม้ว่าคุณอาจโกหกตัวเอง คุณต้องมีสองบุคลิก 00:13:06.000 --> 00:13:09.000 แต่สองข้อหลังนี่ซิ สื่ข้อแรกนั้นเรียกว่า 00:13:09.000 --> 00:13:11.000 ความจำเป็นทางบุคคล ผมเรียกอย่างนั้น 00:13:11.000 --> 00:13:13.000 สองข้อสุดท้ายคือความจำเป็นทางจิตใจ 00:13:14.000 --> 00:13:16.000 นั่นคือที่มาของการเติมเต็มชีวิต คุณไม่สามารถเติมเต็มได้ 00:13:16.000 --> 00:13:19.000 จากสี่ข้อแรก คุณอาจหาทาง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรืออะไรก็ตาม 00:13:19.000 --> 00:13:20.000 เพื่อบรรลุสี่ข้อแรก แต่สำหรับสองข้อหลัง เช่นข้อห้า 00:13:21.000 --> 00:13:23.000 คุณต้องเติบโตขึ้น เราที่นี่ต่างรู้คำตอบนี้ 00:13:23.000 --> 00:13:26.000 ถ้าไม่เติบโตจะเป็นอย่างไร หากความสัมพันธ์ไม่เติบโต 00:13:26.000 --> 00:13:28.000 ถ้าธุรกิจไม่เติบโต ถ้าคุณไม่เติบโต 00:13:28.000 --> 00:13:29.000 มันไม่สำคัญว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ 00:13:29.000 --> 00:13:31.000 มีเพื่อนกี่คน มีคนรักคุณกี่คน 00:13:31.000 --> 00:13:34.000 คุณรู้สึกเหมือนตกนรก และเหตุที่ต้องเติบโตขึ้นคือ 00:13:34.000 --> 00:13:36.000 เรามีสิ่งที่จะให้ผู้อื่น NOTE Paragraph 00:13:37.000 --> 00:13:39.000 เพราะข้อที่หกคือการช่วยผู้อื่น 00:13:40.000 --> 00:13:41.000 เพราะเราต่างก็รู้ว่า ถึงแม้จะฟังดูเชย 00:13:42.000 --> 00:13:45.000 ความลับของการใช้ชีวิตคือการให้ ชีวิดไม่ใช่มีแต่เรื่องของตน 00:13:45.000 --> 00:13:47.000 เป็นเรื่องของเรา วัฒนธรรมนี้ก็รู้ คนที่นี่ก็รู้เช่นนั้น 00:13:47.000 --> 00:13:50.000 มันน่าตื่นเต้นเมื่อเห็นนิโคลัสขึ้นมาพูดถึง 00:13:50.000 --> 00:13:52.000 คอมพิวเตอร์ร้อยเหรียญของเขา สิ่งที่น่าตื่นเต้นแท้จริงคือ 00:13:52.000 --> 00:13:55.000 อัจฉริยะท่านนี้ ได้ค้นพบว่าชีวิดเขาเกิดมาเพื่ออะไร 00:13:56.000 --> 00:13:58.000 สัมผัสใด้ถึงความแตกต่างในตัวเขา มันวิเศษมาก 00:13:59.000 --> 00:14:01.000 เหตุผลของเขาสัมผัสผู้อื่นได้ ในชีวิดผมเอง 00:14:01.000 --> 00:14:03.000 ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ 00:14:03.000 --> 00:14:06.000 ในวันขอบคุณพระเจ้า ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร และเราจะไม่ยอมทนหิว 00:14:06.000 --> 00:14:09.000 แต่พ่อผมก็กำลังแย่สุดๆ แม่ผมก็กำลังจะบอกเขา 00:14:09.000 --> 00:14:12.000 ว่าเขาแย่แค่ไหน และแล้วมีคนมาเคาะประตู 00:14:12.000 --> 00:14:14.000 มาส่งอาหารให้ พ่อผมตัดสินใจได้สามเรื่อง 00:14:15.000 --> 00:14:17.000 ผมรู้ว่ามันคืออะไร เขามองว่า "นั่นคือสื่งของบริจาค" 00:14:18.000 --> 00:14:20.000 มันแปลว่าอะไร ฉันไร้ค่า ฉันต้องทำอะไร 00:14:21.000 --> 00:14:23.000 จากครอบครัวนี้ไป" ซึ่งเขาก็ไป มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด 00:14:24.000 --> 00:14:27.000 นำมาซี่งหนทางใหม่ในการตัดสินใจสามข้อของผม 00:14:28.000 --> 00:14:31.000 ผมพูดว่า "อย่างน้อยเราก็มีอาหารกิน" แหม หลักการล้ำเลิศ 00:14:31.000 --> 00:14:32.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:14:32.000 --> 00:14:33.000 ข้อสอง แต่สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงชีวิดผม 00:14:33.000 --> 00:14:36.000 และมันบ่มเพาะความเป็นมนุษย์ของผม "ของขวัญจากใครสักคน 00:14:36.000 --> 00:14:39.000 ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร" พ่อบอกเสมอว่า 00:14:39.000 --> 00:14:42.000 "ไม่มีใครสนใจเราหรอก" แล้วอยู่ดีๆ มีใครก็ไม่รู้ 00:14:42.000 --> 00:14:44.000 เอาอาหารมาให้ครอบครัวเรา โดยไม่หวังอะไรตอบแทน 00:14:44.000 --> 00:14:47.000 มาห่วงใยเรา มันทำให้ผมเชื่อว่า "คนแปลกหน้า 00:14:47.000 --> 00:14:50.000 ก็ห่วงใยเรา" และนั่นทำให้ผมตัดสินใจได้ว่า 00:14:51.000 --> 00:14:52.000 ถ้าคนแปลกหน้าห่วงใยครอบครัวผม ผมก็ห่วงใยเขา 00:14:53.000 --> 00:14:54.000 ผมจะทำอย่างไร ผมต้องทำอะไรสักอย่าง 00:14:54.000 --> 00:14:57.000 ทำให้เกิดความแตกต่าง ดังนั้นเมื่อผมอายุ 17 ผมออกไป 00:14:57.000 --> 00:14:59.000 ในวันขอบคุณพระเจ้า ปีนั้นผมมีเป้าที่จะ 00:14:59.000 --> 00:15:00.000 หาเงินพอที่จะเลี้ยงสองครอบครัว 00:15:00.000 --> 00:15:02.000 เป็นความสุขที่สุดที่ผมเคยทำในชีวิด ตื้นตันใจที่สุด 00:15:03.000 --> 00:15:05.000 ปีต่อมาเป็นสี่ครอบครัว ผมไม่ได้บอกใครในสิ่งที่ทำ 00:15:05.000 --> 00:15:07.000 ปีต่อมาเป็น แปด ผมไม่ได้ทำเพื่อคะแนน 00:15:08.000 --> 00:15:09.000 แต่หลังจากแปด ผมได้คิดว่าผมน่าจะหาคนช่วย 00:15:09.000 --> 00:15:11.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:15:11.000 --> 00:15:13.000 และแน่นอน ผมออกไปอีกครั้ง 00:15:13.000 --> 00:15:15.000 ผมชวนเพื่อนๆมา และขยายจำนวนผู้ร่วมงาน 00:15:15.000 --> 00:15:17.000 เมื่อได้ถึง 11 คน ผมก็จัดตั้งมูลนิธิ 00:15:17.000 --> 00:15:19.000 ปัจจุบันผ่านไป 18 ปีแล้ว ผมภูมิใจที่จะบอกว่า ปีที่แล้ว 00:15:19.000 --> 00:15:22.000 เราเลี้ยงคนสองล้านคนใน 35 ประเทศโดยผ่านมูลนิธินี้ 00:15:23.000 --> 00:15:24.000 ในช่วงวันหยุด ในวันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส 00:15:24.000 --> 00:15:25.000 (ปรบมือ) 00:15:25.000 --> 00:15:26.000 ในประเทศต่างๆทั่วโลก 00:15:26.000 --> 00:15:27.000 มันช่างวิเศษ 00:15:27.000 --> 00:15:28.000 (ปรบมือ) 00:15:28.000 --> 00:15:29.000 ขอบคุณครับ 00:15:29.000 --> 00:15:30.000 (ปรบมือ) 00:15:30.000 --> 00:15:32.000 ผมไม่ได้พูดเพื่อโอ้อวด ผมพูดเพราะผมภูมิใจ 00:15:32.000 --> 00:15:35.000 ในความเป็นคน เพราะพวกเขาต่างตื่นเต้นที่จะให้ 00:15:35.000 --> 00:15:38.000 เมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์นั้น ไม่ได้ดีแต่พูด NOTE Paragraph 00:15:39.000 --> 00:15:43.000 ท้ายสุด เวลาใกล้จะหมดแล้ว เป้าหมายที่หล่อหลอมคุณ 00:15:44.000 --> 00:15:45.000 นั่นคือสิ่งที่แตกต่างจากคนสู่คน เราต่างมีความต้องการ 00:15:46.000 --> 00:15:48.000 คุณเป็นพวกไม่เสี่ยงหรือ นั่นคือสิ่งที่ให้ค่าสูงสุดหรือ 00:15:48.000 --> 00:15:52.000 หรือชอบเสี่ยง ผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่พวกกลัวเสี่ยงตาย 00:15:52.000 --> 00:15:55.000 ถ้าเขาอยากปีนเข้าไปในถ้ำเหล่านั้น คุณขับเคลื่อนด้วยความสำคัญ 00:15:55.000 --> 00:15:57.000 หรือความรัก? เราต้องการทั้งหกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม 00:15:57.000 --> 00:15:59.000 ระบบนำร่องของคุณ เบนเข็มไปในทิศต่างๆกัน 00:15:59.000 --> 00:16:01.000 เมื่อคุณไปในทิศทางนั้น ก็จะมีเป้าหมายหรือชะตาของตนเอง 00:16:02.000 --> 00:16:05.000 ส่วนที่สองคือแผนที่ เหมือนระบบควบคุมการทำงาน 00:16:05.000 --> 00:16:07.000 ที่บอกให้ไปถึงได้อย่างไร สำหรับบางคนแผนที่ก็คือ 00:16:08.000 --> 00:16:10.000 "ฉันจะช่วยชีวิตคน แม้ว่าต้องตายแทนคนอื่น" 00:16:10.000 --> 00:16:11.000 เขาจึงเป็นนักดับเพลิง แต่สำหรับบางคน 00:16:12.000 --> 00:16:14.000 "ฉันต้องฆ่าคนเพื่อให้ได้มา" พวกเขาพยายามบรรลุ 00:16:14.000 --> 00:16:18.000 ความต้องการสำคัญตน ใช่ไหม? พวกเขาทำเพื่อพระเจ้า 00:16:18.000 --> 00:16:20.000 เพื่อครอบครัว แต่เขาได้แผนที่คนละฉบับ NOTE Paragraph 00:16:20.000 --> 00:16:22.000 มีความเชื่อแตกต่างกันอยู่ 7 อย่างซึ่งผมไม่สามารถพูดได้ 00:16:22.000 --> 00:16:25.000 เดี๋ยวหมดเวลาเสียก่อน ข้อสุดท้ายคืออารมณ์ 00:16:25.000 --> 00:16:28.000 ส่วนหนึ่งของแผนที่เป็นเหมือนเวลา บางคนคิดว่า 00:16:28.000 --> 00:16:31.000 ระยะเวลายาวนานคือ 100 ปี คนอื่นอาจแค่ 3 วินาที 00:16:31.000 --> 00:16:32.000 และนั่นคือเวลาที่ผมมีเหลือ 00:16:32.000 --> 00:16:33.000 (หัวเราะ) 00:16:33.000 --> 00:16:35.000 และข้อสุดท้ายที่ผมพูดไปแล้ว เป็นเรื่องคุณ 00:16:35.000 --> 00:16:37.000 ถ้าคุณมีเป้าหมายและมีแผนที่ เช่น 00:16:38.000 --> 00:16:41.000 ผมไม่สามารถใช้กูเกิล เพราะว่าผมชอบแมค และแผนที่ในแมค 00:16:41.000 --> 00:16:43.000 ยังไม่ดีพอ -- ถ้าคุณใช้ MapQuest -- มีกี่คนที่ 00:16:43.000 --> 00:16:45.000 พลาดไปใช้ MapQuest กันบ้าง? 00:16:45.000 --> 00:16:46.000 (หัวเราะ) 00:16:46.000 --> 00:16:48.000 คุณใช้มันแล้วคุณไปไม่ถึงที่ ลองคิดดูซิ 00:16:48.000 --> 00:16:51.000 ถ้าความเชื่อของคุณรับประกันให้คุณไปไม่ถึงที่หมาย 00:16:51.000 --> 00:16:52.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:16:52.000 --> 00:16:54.000 ข้อสุดท้ายคืออารมณ์ 00:16:54.000 --> 00:16:58.000 สิ่งที่จะพูดเรื่องอารมณ์คือว่า เรามีถึง 6000 อารมณ์ 00:16:58.000 --> 00:17:00.000 ที่มีคำศัพท์ระบุไว้ในภาษาอังกฤษ 00:17:00.000 --> 00:17:02.000 ซึ่งนั่นเป็นเพียงตัวอย่างของคำเรียก 00:17:02.000 --> 00:17:06.000 ซึ่งเปลี่ยนไปตามภาษาที่ใช้ แต่ถ้าเป็นอารมณ์หลักๆ 00:17:06.000 --> 00:17:09.000 ถ้ามีเวลา ผมจะมีสัก 20000 คนหรือสักพันคน 00:17:09.000 --> 00:17:11.000 และให้พวกเขาเขียนอารมณ์ทั้งหมดที่ประสบมา 00:17:11.000 --> 00:17:13.000 ในแต่ละสัปดาห์ และให้เวลาเท่าที่ต้องการ 00:17:14.000 --> 00:17:15.000 เขียนลงในด้านหนึ่งว่าเป็น อารมณ์บวก 00:17:15.000 --> 00:17:16.000 อีกด้านเป็น อารมณ์ลบ 00:17:16.000 --> 00:17:18.000 ลองทายดูว่าได้อารมณ์กี่แบบ? น้อยกว่า 12 00:17:19.000 --> 00:17:22.000 และครึ่งหนึ่งทำให้รู้สึกแย่มาก ดังนั้นเขาได้สักห้าหรือหก 00:17:22.000 --> 00:17:25.000 อารมณ์ที่รู้สึกดี ก็คงประมาณว่า "สุข สุข 00:17:25.000 --> 00:17:28.000 ตื่นเต้น ฉิบหาย หงุดหงิด หงุดหงิด พ้ายแพ้ เศร้าสร้อย" 00:17:29.000 --> 00:17:31.000 มีกี่คนที่รู้จักคนที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 00:17:31.000 --> 00:17:33.000 ก็หาเรื่องฉุนเฉียวจนได้ กี่คนที่รู้จักคนแบบนี้? 00:17:33.000 --> 00:17:34.000 (หัวเราะ) 00:17:34.000 --> 00:17:38.000 หรือ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหาทางที่จะมีความสุขหรือเร้าใจได้ 00:17:38.000 --> 00:17:40.000 มีกี่คนที่รู้จักคนแบบนี้บ้าง? NOTE Paragraph 00:17:40.000 --> 00:17:43.000 ตอนเหตุการณ์ 9/11 -- ผมจะจบด้วยเรื่องนี้นะ -- ผมอยู่ที่ฮาวาย 00:17:44.000 --> 00:17:47.000 ผมอยู่กับคน 2,000 คนจาก 45 ประเทศ เราแปลกัน 00:17:47.000 --> 00:17:49.000 4 ภาษา ตลอดการฝึกอบรม 00:17:49.000 --> 00:17:52.000 ที่จัดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ คืนก่อนหน้านั้นเรียกว่า 00:17:52.000 --> 00:17:55.000 "การควบคุมอารมณ์" ผมขึ้นไปโดยไม่ได้เตรียมเรื่องที่จะพูด 00:17:56.000 --> 00:17:58.000 เราจุดพลุ เฮฮา เราเล่นกันอย่างเต็มที่ 00:17:59.000 --> 00:18:01.000 ท้ายสุดผมก็หยุดทุกสิ่ง ผมมีแผนว่าจะพูด 00:18:01.000 --> 00:18:03.000 แต่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่ผมคิด และทันใดนั้นผมก็บอกเขาว่า 00:18:03.000 --> 00:18:07.000 "คนเราเริ่มใช้ชีวิตจริงๆ เมื่อไร? เมื่อเผชิญกับความตาย" 00:18:07.000 --> 00:18:08.000 จากนั้นผมก็เล่าเรื่องราวที่ว่า 00:18:09.000 --> 00:18:11.000 ถ้าคุณกำลังออกจากเกาะนี้ในเก้าวันข้างหน้า 00:18:11.000 --> 00:18:14.000 แล้วคุณกำลังจะตาย คุณจะโทรหาใคร จะบอกเขาว่าอะไร 00:18:14.000 --> 00:18:18.000 คุณจะทำอะไร? มีหญิงคนหนึ่ง ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ 9/11 00:18:19.000 --> 00:18:21.000 หญิงผู้นั้นมาที่สัมมนาและเล่าว่า 00:18:21.000 --> 00:18:24.000 แฟนเก่าเธอถูกลักพาตัวไป และถูกฆาตกรรม 00:18:25.000 --> 00:18:28.000 แฟนใหม่ของเธอได้ขอเธอแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธไป NOTE Paragraph 00:18:28.000 --> 00:18:30.000 เขาบอกเธอว่า "ถ้าคุณไปงานที่ฮาวาย เรื่องของเราถือว่าจบกัน" 00:18:30.000 --> 00:18:32.000 เธอบอกเขาไปว่า "มันจบแล้ว" เสร็จงานคืนนั้นเธอโทรหาเขา 00:18:32.000 --> 00:18:35.000 และฝากข้อความไว้ -- นี่เป็นเรื่องจริง -- บนตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ 00:18:35.000 --> 00:18:38.000 ณ ที่ทำงานเขา เธอบอกว่า "ที่รัก ฉันรักเธอ ฉันเพียงอยากให้เธอรู้ว่า 00:18:39.000 --> 00:18:42.000 ฉันอยากแต่งงานกับคุณ ฉันช่างโง่จัง" เมื่อตอนเธอหลับอยู่ 00:18:42.000 --> 00:18:45.000 เพราะเวลาของเราคือตีสาม ตอนที่เขาโทรกลับมา 00:18:45.000 --> 00:18:47.000 จากยอดตึกเขาบอกว่า "ที่รัก ผมพูดไม่ออกว่ามันมีความหมายแค่ไหน 00:18:48.000 --> 00:18:50.000 ผมไม่รู้จะบอกคุณว่าอย่างไร 00:18:50.000 --> 00:18:52.000 แต่คุณได้ให้ของขวัญที่วิเศษสุด เพราะว่าผมกำลังจะตาย" 00:18:53.000 --> 00:18:55.000 และเธอเล่นเทปนั้นให้พวกเราฟังในห้อง 00:18:55.000 --> 00:18:58.000 เธอไปในรายการ Larry King ซึ่งเขาได้ถามว่า "คุณคงสงสัยว่า 00:18:58.000 --> 00:19:00.000 เกิดเรื่องแบบนี้ถึงสองครั้งได้อย่างไร" และเขาพูดว่า 00:19:00.000 --> 00:19:03.000 "ผมบอกได้แต่ว่า คงเป็นสัญญาณจากพระเจ้า 00:19:03.000 --> 00:19:06.000 ทุกวันต่อจากนี้ไป คือการให้ และรักให้หมดใจ 00:19:06.000 --> 00:19:10.000 อย่าให้มีอะไรหยุดคุณได้อีก" เมื่อจบลง ชายคนหนึ่งลุกขึ้น 00:19:10.000 --> 00:19:12.000 และพูดว่า "ผมมาจากปากีสถาน ผมเป็นมุสลิม 00:19:13.000 --> 00:19:15.000 ผมอยากจะกุมมือคุณและบอกว่า 00:19:15.000 --> 00:19:19.000 ผมเสียใจ แต่มันเป็นกรรมตามสนอง" ผมไม่สามารถเล่าเรื่องที่เหลือ 00:19:19.000 --> 00:19:22.000 เพราะผมหมดเวลาแล้ว 00:19:22.000 --> 00:19:28.000 (หัวเราะ) 00:19:32.000 --> 00:19:34.000 10 วินาที 00:19:34.000 --> 00:19:37.000 (ปรบมือ) NOTE Paragraph 00:19:37.000 --> 00:19:39.000 10 วินาที ด้วยความเคารพ ผมขอเพียง 10 วินาที 00:19:39.000 --> 00:19:41.000 ผมบอกได้แต่เพียงว่า ผมพาชายผู้นี้มาขึ้นเวที 00:19:41.000 --> 00:19:44.000 พร้อมกับชายอีกคนจากนิวยอร์ก ผู้เคยทำงานที่ World Trade Center 00:19:44.000 --> 00:19:46.000 เพราะว่าผมรู้จักประมาณ 200 คนจากนิวยอร์ก มากกว่า 50 คน 00:19:46.000 --> 00:19:49.000 เสียบริษัท เสียเพื่อน ขีดค่าชื่อ 00:19:49.000 --> 00:19:52.000 ที่อยู่ในมือถือ -- มีหญิงนักลงทุน หญิงเหล็ก เสียงดัง 00:19:53.000 --> 00:19:54.000 ตัดชื่อเพื่อน 30 คนทิ้ง เพราะพวกเขาตายหมด 00:19:55.000 --> 00:19:58.000 และผมพูดว่า "จะทำอย่างไรต่อไป? 00:19:59.000 --> 00:20:01.000 มันมีความหมายอย่างไร และเราจะทำอะไรต่อไป?" NOTE Paragraph 00:20:02.000 --> 00:20:04.000 ผมชักนำกลุ่มให้ผู้คนสนใจ 00:20:04.000 --> 00:20:06.000 ถ้าคุณไม่ได้สูญเสียใครในวันนี้ เป้าหมายวันนี้ก็คือ 00:20:06.000 --> 00:20:08.000 จะช่วยผู้อื่นอย่างไร ยังมีผู้คนอีกมากมาย -- 00:20:08.000 --> 00:20:10.000 มีหญิงคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกนด้วยความโกรธ 00:20:11.000 --> 00:20:12.000 ผมรู้ทีหลังว่าเธอไม่ได้มาจากนิวยอร์ก เธอไม่ใช่อเมริกัน 00:20:13.000 --> 00:20:15.000 เธอไม่รู้จักใครที่นั่น ผมถามเธอว่า "คุณโมโหตลอดเลยหรือ?" 00:20:16.000 --> 00:20:18.000 เธอตอบว่า "ใช่" คนผิดย่อมรู้สึกผิด คนเศร้าย่อมรู้สึกเศร้า 00:20:19.000 --> 00:20:22.000 และผมได้นำชายทั้งสองมาทำการเจรจากันทางอ้อม 00:20:22.000 --> 00:20:25.000 ชาวยิวที่ผ่านสงครามโลก ชาวนิวยอร์ก 00:20:25.000 --> 00:20:28.000 ผู้ซึ่งอาจตายถ้าเขาไปทำงานในวันนั้น และชายอีกคน 00:20:28.000 --> 00:20:29.000 ผู้ต้องการเป็นผู้ก่อการร้าย 00:20:30.000 --> 00:20:31.000 และผมเก็บภาพการร่วมมือกันบนแผ่นฟิล์ม 00:20:32.000 --> 00:20:34.000 ซึ่งผมยินดีที่จะส่งให้คุณได้ดู 00:20:34.000 --> 00:20:35.000 ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแทนที่จะฟังจากผม 00:20:36.000 --> 00:20:37.000 แต่ทั้งคู่ไม่เพียงมาร่วมกันเพื่อ 00:20:38.000 --> 00:20:39.000 เปลี่ยนความเชื่อต่อโลกใบนี้ 00:20:39.000 --> 00:20:41.000 แต่พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อนำ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา 00:20:42.000 --> 00:20:44.000 ผ่านสุเหร่าและโบสถ์ยิว นำความคิด 00:20:44.000 --> 00:20:46.000 ของการสร้างสันติภาพ และเขาเขียนหนังสือที่ชื่อว่า 00:20:46.000 --> 00:20:50.000 "สงครามศักดิ์สิทธิ์ หนทางสู่สันติของข้าฯ" เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง NOTE Paragraph 00:20:50.000 --> 00:20:55.000 สิ่งที่ผมเชิญชวนให้ท่านทำคือ ค้นหาเครือข่ายท่านดู เครือข่ายที่นี่ 00:20:56.000 --> 00:21:00.000 ทั้งความต้องการ ความเชื่อ อารมณ์ที่ควบคุมคุณอยู่ 00:21:00.000 --> 00:21:03.000 เพื่อสองเหตุผล: เพื่อเป็นผู้ให้ที่มากขึ้น และผู้รับที่มากขึ้น 00:21:03.000 --> 00:21:05.000 เราต่างต้องการทำ เพราะการให้ 00:21:05.000 --> 00:21:07.000 คือสิ่งที่เติมคุณให้เต็ม และข้อสอง 00:21:07.000 --> 00:21:10.000 เพื่อให้คุณได้เห็นค่า ไม่เพียงแต่เข้าใจ นั่นมันแค่ความคิด 00:21:10.000 --> 00:21:13.000 ในสมอง แต่ให้เห็นคุณค่าในสื่งขับเคลื่อนผู้อื่น 00:21:13.000 --> 00:21:15.000 มันเป็นวิธีเดียวที่โลกเราจะเปลี่ยนได้ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ 00:21:15.000 --> 00:21:17.000 ขอบคุณครับ ผมหวังว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์ 00:21:17.000 --> 00:21:20.000 (ปรบมือ)