1 00:00:00,000 --> 00:00:01,000 (ปรบมือ) 2 00:00:02,000 --> 00:00:05,000 ขอบคุณครับ งานนี้ขอบอกว่าทั้งตื่นเต้นและหนักใจ 3 00:00:05,000 --> 00:00:08,000 ติ่นเต้นเพราะเป็นโอกาสที่จะได้ตอบแทนพวกท่าน 4 00:00:08,000 --> 00:00:12,000 หนักใจเพราะสัมมนาที่สั้นที่สุดของผมอยู่ที่ 50 ชั่วโมง 5 00:00:12,000 --> 00:00:13,000 (หัวเราะ) 6 00:00:13,000 --> 00:00:16,000 ไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมจัดช่วงสุดสัปดาห์ 7 00:00:16,000 --> 00:00:17,000 และมากกว่านั้นด้วยซำ เพราะเวลาฝึกคนนั้น 8 00:00:17,000 --> 00:00:20,000 ผมทำอย่างทุ่มเทสุดๆ คิดดู คุณเรียนภาษาอย่างไร 9 00:00:20,000 --> 00:00:22,000 คุณไม่ได้เรียนแค่หลักการ 10 00:00:22,000 --> 00:00:25,000 คุณลงมือและฝึกใช้มันบ่อยๆจนกลายเป็นธรรมชาติ 11 00:00:25,000 --> 00:00:28,000 และเหตุผลที่ผมมาที่นี่ นอกจากจะทำตัวเหมือนคนบ้า 12 00:00:28,000 --> 00:00:30,000 ก็คือผมอยากมาบอกพวกคุณ 13 00:00:30,000 --> 00:00:32,000 ผมไม่ได้มาให้แรงบันดาลใจ คุณไม่ต้องการจากผมหรอก 14 00:00:32,000 --> 00:00:34,000 แต่ส่วนใหญ่ชอบคิดว่านั่นคือที่ผมทำ 15 00:00:34,000 --> 00:00:37,000 มันตรงกันข้ามเลยด้วยซ้ำ 16 00:00:38,000 --> 00:00:39,000 ผู้คนบอกผมว่า "ผมไม่ต้องการแรงบันดาลใจ" 17 00:00:39,000 --> 00:00:41,000 ผมก็จะตอบว่า "แปลกดีนะ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมทำเลย" 18 00:00:41,000 --> 00:00:45,000 ผมเป็นพวก "เจ้าหนูจำไม" ผมอยากรู้ทำไมคุณทำในสิ่งที่คุณทำ 19 00:00:45,000 --> 00:00:47,000 อะไรจูงใจให้ทำอย่างนั้น 20 00:00:48,000 --> 00:00:51,000 อะไรขับเคลื่อนชีวิตคุณทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องเมื่อ 10 ปีก่อน 21 00:00:51,000 --> 00:00:53,000 คุณย่ำอยู่กับรอยเดิมๆหรือเปล่า เพราะผมเชื่อว่า 22 00:00:53,000 --> 00:00:56,000 มีพลังขับเคลื่อนภายใน ที่ทำงานอยู่ 23 00:00:56,000 --> 00:00:58,000 มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลก 24 00:00:58,000 --> 00:01:02,000 ผมมาที่นี่เพราะเชื่อว่าอารมณ์คือพลังแห่งชีวิต 25 00:01:02,000 --> 00:01:04,000 ทุกคนที่นี่มีสมองดีเลิศ 26 00:01:04,000 --> 00:01:06,000 พวกคุณเป็นหัวกะทิอยู่แล้ว จริงไหม? 27 00:01:07,000 --> 00:01:09,000 ผมจะไม่พูดถึงคนอีกกลุ่มหนึ่ง แต่เราทุกคนรู้จักการคิด 28 00:01:09,000 --> 00:01:10,000 และด้วยสมองของเรา เราคิดชั่งใจได้ทุกเรื่อง 29 00:01:11,000 --> 00:01:14,000 เราสร้างสรรค์อะไรก็ได้ 30 00:01:14,000 --> 00:01:17,000 ผมเห็นด้วยนะ ที่ว่าคนเราทำเพื่อตนเอง 31 00:01:17,000 --> 00:01:19,000 แต่เราก็รู้ว่ามันไม่จริงเสมอไป 32 00:01:20,000 --> 00:01:22,000 คุณไม่ได้ทำเพื่อตัวเองตลอดเวลา 33 00:01:23,000 --> 00:01:24,000 เพราะเมื่อมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยว 34 00:01:24,000 --> 00:01:26,000 สมองของเราก็เปลี่ยนไป 35 00:01:27,000 --> 00:01:29,000 มันงดงามมากที่เราคิดไตร่ตรอง 36 00:01:29,000 --> 00:01:31,000 เกี่ยวกับชีวิตบนโลกใบนี้ได้ และโดยเฉพาะ 37 00:01:31,000 --> 00:01:33,000 พวกที่ฉลาดมากๆ เราพลิกแพลงความคิดได้อีกมากมาย 38 00:01:33,000 --> 00:01:35,000 แต่ที่ผมอยากรู้คือ อะไรที่ผลักดันคุณ 39 00:01:35,000 --> 00:01:37,000 จริงๆ ผมอยากเชิญชวนพวกคุณ 40 00:01:37,000 --> 00:01:40,000 หลังผมพูดจบแล้ว ให้สำรวจสิ่งที่คุณเป็นวันนี้ 41 00:01:40,000 --> 00:01:43,000 เพื่อสองเหตุผล หนึ่ง: เพื่อให้คุณทำได้มากกว่านี้ และสอง: 42 00:01:44,000 --> 00:01:46,000 เพื่อหวังว่า เราไม่เพียงเข้าใจคนอื่นมากขึ้น 43 00:01:46,000 --> 00:01:49,000 แต่จะซาบซึ้งในตัวพวกเขา และสร้างสัมพันธภาพ 44 00:01:49,000 --> 00:01:51,000 ที่สามารถหยุดบางปัญหา 45 00:01:51,000 --> 00:01:52,000 ที่พบอยู่ทุกวันนี้ในสังคม 46 00:01:52,000 --> 00:01:54,000 ปัญหาที่จะขยายวง 47 00:01:54,000 --> 00:01:55,000 ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมเราอยู่ 48 00:01:56,000 --> 00:01:59,000 เพราะนั่นทำให้พวกเรามาพบกัน และการพบกันนั้น 49 00:01:59,000 --> 00:02:02,000 ไม่ได้แปลว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน 50 00:02:02,000 --> 00:02:04,000 และสำนึกในคุณค่าของกันและกัน 51 00:02:04,000 --> 00:02:08,000 ผมอยากรู้มาตลอด 30 ปี ว่า 52 00:02:09,000 --> 00:02:11,000 "อะไรที่ทำให้คุณภาพชีวิตเราต่างกัน? 53 00:02:12,000 --> 00:02:13,000 อะไรทำให้ผลงานเราต่างกัน?" 54 00:02:13,000 --> 00:02:14,000 เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมถูกจ้างให้ทำ 55 00:02:14,000 --> 00:02:15,000 ตอนนี้ผมต้องโชว์ผลงานแล้ว 56 00:02:15,000 --> 00:02:18,000 นั่นคือสิ่งที่ผมทำมา 30 ปี ... ผมได้รับโทรศัพท์ 57 00:02:18,000 --> 00:02:21,000 ตอนที่นักกีฬากำลังหมดแรงอยู่ในจอทีวี 58 00:02:21,000 --> 00:02:23,000 เขาถูกนำอยู่ห้าช่วงพาย 59 00:02:23,000 --> 00:02:24,000 และเขาไม่สามารถตีตื้นได้ 60 00:02:25,000 --> 00:02:26,000 ผมต้องทำอะไรสักอย่างให้เห็นผลลัพธ์ 61 00:02:26,000 --> 00:02:28,000 ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง และผมได้รับโทรศัพท์ 62 00:02:29,000 --> 00:02:30,000 ตอนมีเด็กกำลังจะฆ่าตัวตาย 63 00:02:31,000 --> 00:02:33,000 และผมต้องทำอะไร ณ บัดนั้น และใน 29 ปีนี้ 64 00:02:33,000 --> 00:02:36,000 ผมภูมิใจที่จะบอกว่า ผมไม่เคยพลาดเลย 65 00:02:36,000 --> 00:02:38,000 แต่นั่นไม่ได้แปลว่าจะไม่มีวันพลาด แค่ผมยังไม่เคย 66 00:02:38,000 --> 00:02:40,000 เพราะผมเข้าใจความต้องการของมนุษย์ และนั่นคือสิ่งที่ผมจะพูดถึง 67 00:02:40,000 --> 00:02:43,000 เมื่อผมถูกเรียกให้แก้ปัญหาผลงาน นั่นเรื่องหนึ่ง 68 00:02:43,000 --> 00:02:45,000 คุณจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อย่างไร 69 00:02:46,000 --> 00:02:49,000 แต่ขณะเดียวกัน ผมก็มองหาว่าอะไร 70 00:02:49,000 --> 00:02:51,000 ที่บ่มเพาะความสามารถของแต่ละคน 71 00:02:52,000 --> 00:02:55,000 เพื่อให้เขาก้าวพ้นขีดจำกัด ดังนั้นคำถามที่แท้จริงคือ 72 00:02:55,000 --> 00:02:58,000 ชีวิตนี้มีบทเรียนสำคัญอยู่สองเรื่อง 73 00:02:58,000 --> 00:03:00,000 เรื่องแรก: การประสบความสำเร็จเป็นศาตร์อย่างหนึ่ง 74 00:03:00,000 --> 00:03:02,000 ซึ่งเกือบทุกเรื่องสามารถทำให้ดีขึ้นได้ 75 00:03:03,000 --> 00:03:05,000 นั่นคือ "การทำสิ่งที่มองไม่เห็นให้เห็นได้" จริงไหม? 76 00:03:05,000 --> 00:03:07,000 ทำอย่างไรให้ฝันเป็นจริง 77 00:03:07,000 --> 00:03:09,000 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจ งานสังคม เงินทอง 78 00:03:10,000 --> 00:03:11,000 หรืออะไรสำคัญ ร่างกายคุณ ครอบครัวคุณ 79 00:03:12,000 --> 00:03:14,000 แต่อีกบทเรียนชีวิตซึ่งยากจะชำนาญได้คือ การเติมเต็มชีวิต 80 00:03:14,000 --> 00:03:17,000 วิทยาศาสตร์นั้นมันง่าย จริงไหม? 81 00:03:17,000 --> 00:03:19,000 เรารู้กติกา เรารู้กฎ เราทำตามมัน 82 00:03:20,000 --> 00:03:21,000 เราก็จะได้ผลลัพธ์ ... เมื่อเรารู้วิธีเล่น 83 00:03:21,000 --> 00:03:23,000 เพียงคุณรู้ คุณก็ทำตามได้ จริงไหม? 84 00:03:24,000 --> 00:03:26,000 แต่ถ้าพูดถึงการเติมเต็มชีวิต มันคือศิลป์ 85 00:03:26,000 --> 00:03:28,000 เพราะมันเกี่ยวกับการมองเห็นคุณค่า 86 00:03:28,000 --> 00:03:31,000 และการให้ สิ่งที่คุณต้องรู้สึกเอาด้วยตัวเอง 87 00:03:32,000 --> 00:03:35,000 ผมได้ทำการวิจัยเพื่อตอบคำถามนี้ 88 00:03:35,000 --> 00:03:36,000 ว่าชีวิตคนหนึ่ง จะแตกต่างอย่างไร 89 00:03:36,000 --> 00:03:39,000 ถ้าคุณมองว่าเขาเป็นคนที่คุณ 90 00:03:39,000 --> 00:03:42,000 ให้ทุกอย่างได้กับเขา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ 91 00:03:42,000 --> 00:03:44,000 ถ้าไม่ให้คอมพิวเตอร์ราคา 100 เหรียญ 92 00:03:44,000 --> 00:03:46,000 แต่ให้คอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด คุณให้ความรัก 93 00:03:46,000 --> 00:03:47,000 ให้ความสุข คุณอยู่เมื่อต้องปลอบเขา 94 00:03:48,000 --> 00:03:50,000 และบ่อยครั้งที่คนเหล่านั้น ซึ่งคุณต้องรู้จักบ้างแน่ๆ 95 00:03:51,000 --> 00:03:53,000 มีชีวิตที่พร้อมสรรพ ทั้งความรัก การศึกษา เงินทอง 96 00:03:53,000 --> 00:03:56,000 และพื้นเพที่ดี ต้องใช้ชีวิตหมดไปกับการเข้าออกโรงพยาบาลบ้า 97 00:03:57,000 --> 00:03:59,000 แล้วคุณก็พบเจอคนที่ผ่านทุกข์แสนสาหัส 98 00:04:00,000 --> 00:04:03,000 ทั้งทางจิต ทางเพศ ทางจิตวิญญาณ ทางอารมณ์ที่บอบช้ำ 99 00:04:03,000 --> 00:04:05,000 แม้ไม่เสมอไป แต่ก็บ่อยครั้ง ที่เขาเหล่านั้น 100 00:04:05,000 --> 00:04:08,000 กลายเป็นผู้ที่ให้มากที่สุดกับสังคม 101 00:04:08,000 --> 00:04:11,000 ดังนั้น คำถามที่เราควรถามตนเองจริงๆ ก็คือ 102 00:04:12,000 --> 00:04:14,000 อะไรที่ทำให้เราเป็นเรา และเราล้วนอยู่ในสังคมที่มอมเมาเรา 103 00:04:15,000 --> 00:04:17,000 พวกเราส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ แต่สังคมนั้นมอมเมา 104 00:04:17,000 --> 00:04:19,000 ผมหมายถึงทัศนคติที่จมปลักกับอดีต 105 00:04:20,000 --> 00:04:22,000 ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ คงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ 106 00:04:22,000 --> 00:04:23,000 ถ้าคุณเชื่อทฤษฏีนี้ 107 00:04:23,000 --> 00:04:25,000 แต่สังคมส่วนใหญ่คิดว่า อดีตลิขิตชะตา 108 00:04:26,000 --> 00:04:29,000 อดีตคืออนาคต และมันคงใช่ถ้าคุณยึดติดกับมัน 109 00:04:29,000 --> 00:04:30,000 แต่คนในห้องนี้ต่างรู้ดีว่า 110 00:04:31,000 --> 00:04:32,000 เราต้องคอยเตือนตนเอง ว่า 111 00:04:32,000 --> 00:04:34,000 เพราะคุณเป็นคนมีความคิด คุณรู้ว่าอะไรควร 112 00:04:35,000 --> 00:04:36,000 อะไรไม่ควร 113 00:04:37,000 --> 00:04:38,000 ดังนั้น สิ่งที่เราต้องคอยเตือนตนเองคือ 114 00:04:38,000 --> 00:04:41,000 การตัดสินใจคืออำนาจสูงสุด จริงๆนะ 115 00:04:41,000 --> 00:04:43,000 ลองถามคนรู้จักดูว่า 116 00:04:43,000 --> 00:04:44,000 เขาเคยทำอะไรล้มเหลวหรือไม่ 117 00:04:44,000 --> 00:04:46,000 ในที่นี้ มีกี่คนที่เคยล้มเหลว 118 00:04:46,000 --> 00:04:47,000 กับสิ่งที่สำคัญในชีวิต ตอบว่า "ใช่" สิ๊ 119 00:04:48,000 --> 00:04:49,000 ผู้ชม: ใช่ 120 00:04:49,000 --> 00:04:50,000 ขอบคุณสำหรับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม 121 00:04:51,000 --> 00:04:52,000 (หัวเราะ) 122 00:04:52,000 --> 00:04:55,000 แต่ถ้าถามเขาว่าทำไมจึงพลาด 123 00:04:55,000 --> 00:04:57,000 คนที่ทำงานให้คุณ หรือหุ้นส่วนคุณ 124 00:04:57,000 --> 00:04:59,000 หรือแม้แต่คุณเอง เมื่อพลาดในการบรรลุเป้าหมาย 125 00:04:59,000 --> 00:05:01,000 อะไรคือเหตุผลที่เราอ้างกัน? 126 00:05:01,000 --> 00:05:03,000 เขาบอกคุณว่าอะไร? ผมไม่มี... ไม่รู้มากพอหรือ 127 00:05:04,000 --> 00:05:06,000 ไม่มีความรู้ ไม่มีทุน 128 00:05:06,000 --> 00:05:11,000 ไม่มีเวลา ไม่มีเทคโนโลยี 129 00:05:11,000 --> 00:05:14,000 ไม่มีผู้จัดการที่เหมาะสม ไม่มี... 130 00:05:14,000 --> 00:05:18,000 อัล กอร์: ไม่มีศาลสูงสุด (หัวเราะ) 131 00:05:28,000 --> 00:05:30,000 และ... 132 00:05:30,000 --> 00:05:32,000 (ปรบมือ) 133 00:05:32,000 --> 00:05:33,000 และ 134 00:05:33,000 --> 00:05:36,000 (ปรบมือ) 135 00:05:36,000 --> 00:05:38,000 อะไรที่สิ่งเหล่านั้น รวมทั้งศาลสูงสุด มีเหมือนกันคือ? 136 00:05:38,000 --> 00:05:40,000 (หัวเราะ) 137 00:05:41,000 --> 00:05:45,000 พวกมันคือทรัพยากรที่เราอ้างว่าขาดแคลน ชื่งก็อาจจะถูก 138 00:05:45,000 --> 00:05:47,000 เขาอาจจะไม่มีเงิน เขาอาจจะไม่มีศาลสูงสุด 139 00:05:48,000 --> 00:05:50,000 แต่นั่นไม่ใช่ตัวตัดสินครับ 140 00:05:50,000 --> 00:05:56,000 (ปรบมือ) 141 00:05:56,000 --> 00:05:57,000 ถ้าผมพูดผิดก็เตือนด้วยครับ 142 00:05:59,000 --> 00:06:01,000 ปัจจัยที่แท้จริงไม่ใช่ทรัพยากร แต่เป็นการมองทรัพยากรที่มี 143 00:06:02,000 --> 00:06:04,000 นี่ไม่ใช่แค่ประโยคสวยหรู 144 00:06:04,000 --> 00:06:09,000 ผมหมายถึงอารมณ์ ความรู้สึกมนุษย์ สิ่งที่ผมประสพได้ 145 00:06:09,000 --> 00:06:12,000 จากตัวคุณในวันก่อนๆ ที่ลึกซึ้ง 146 00:06:13,000 --> 00:06:15,000 เท่าที่ผมเคยประสบมา และเมื่อคุณสื่อสารกันด้วยความรู้สึกนั้น 147 00:06:15,000 --> 00:06:16,000 ผมเชื่อว่าคุณคงจะชนะไอ้หมอนั่นได้แน่ 148 00:06:17,000 --> 00:06:22,000 (ปรบมือ) 149 00:06:22,000 --> 00:06:26,000 แต่มันง่ายที่จะบอกว่า เขาควรทำอะไร 150 00:06:26,000 --> 00:06:28,000 (หัวเราะ) 151 00:06:28,000 --> 00:06:35,000 ไอ้โง่รอบบิ้นส์ แต่ผมรู้ตอนดูการโต้วาทีในครั้งนั้น 152 00:06:36,000 --> 00:06:38,000 มีความรู้สึกที่มาสกัดกั้นความสามารถของคน 153 00:06:38,000 --> 00:06:40,000 ที่จะเข้าถึงความคิดและศักยภาพคนคนนั้น 154 00:06:40,000 --> 00:06:42,000 ในลักษณะที่บางคนได้ประสบวันนั้น 155 00:06:42,000 --> 00:06:45,000 เพราะผมรู้ว่ามีคนอยากลงคะแนนให้คุณ แต่ไม่ได้ทำ 156 00:06:46,000 --> 00:06:49,000 แล้วผมก็หัวเสีย แต่อารมณ์ความรู้สึกวันนั้นมีแน่ 157 00:06:49,000 --> 00:06:50,000 มีสักกี่คนที่เข้าใจที่ผมพูด ช่วยพูดว่า "ใช่" ซิ 158 00:06:51,000 --> 00:06:52,000 ผู้ชม:ใช่ 159 00:06:52,000 --> 00:06:54,000 ดังนั้น มันคืออารมณ์นี่แหละ และถ้าเราได้อารมณ์ที่ถูกต้อง 160 00:06:55,000 --> 00:06:57,000 เราสามารถทำอะไรก็ได้ เราผ่านมันไปได้ 161 00:06:57,000 --> 00:06:59,000 ถ้าคุณสร้างสรรค์พอ ขี้เล่นพอ สนุกพอ 162 00:06:59,000 --> 00:07:00,000 คุณก็สามารถเข้าถึงใครก็ได้ ใช่หรือไม่ 163 00:07:01,000 --> 00:07:02,000 ผู้ชม:ใช่ 164 00:07:02,000 --> 00:07:03,000 ถ้าคุณไม่มีเงิน แต่คุณสร้างสรรค์และมุ่งมั่นพอ 165 00:07:03,000 --> 00:07:06,000 คุณจะพบทางออก นั่นคือทรัพยากรที่แท้จริง 166 00:07:06,000 --> 00:07:09,000 แต่นี่ไม่ใช่เรื่องราวที่ผู้คนบอกเรา จริงไหม? 167 00:07:09,000 --> 00:07:11,000 เรื่องราวที่ผู้คนเล่า มันมีต่างๆนาๆ 168 00:07:11,000 --> 00:07:13,000 พวกเขาบอกว่าขาดทรัพยากร แต่ท้ายที่สุด 169 00:07:13,000 --> 00:07:15,000 ลองดูนี่สิ 170 00:07:16,000 --> 00:07:17,000 พวกเขาบอกว่า อะไรคือเหตุผลที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ 171 00:07:18,000 --> 00:07:21,000 ต่อมา ไอ้หมอนี่ทำแผนผมเสียหมดเลย เฮ้อ 172 00:07:21,000 --> 00:07:25,000 (หัวเราะ) 173 00:07:25,000 --> 00:07:26,000 แต่ผมชื่นชมความคิดของเขา จริงๆนะ 174 00:07:26,000 --> 00:07:28,000 (หัวเราะ) 175 00:07:28,000 --> 00:07:31,000 อะไรกำหนดทรัพยากรของคุณ เราบอกว่าการตัดสินใจกำหนดอนาคต 176 00:07:31,000 --> 00:07:35,000 นี่คือสิ่งที่ผมสนใจ ถ้าการตัดสินใจกำหนดอนาคต 177 00:07:35,000 --> 00:07:37,000 มีการตัดสินใจสามเรื่อง สิ่งที่คุณจะสนใจ 178 00:07:37,000 --> 00:07:39,000 ตอนนี้ คุณต้องตัดสินใจว่าจะสนใจเรื่องอะไร 179 00:07:39,000 --> 00:07:41,000 สิ่งที่สอง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว 180 00:07:42,000 --> 00:07:43,000 ว่าจะสนใจอะไร คุณต้องให้ความหมายกับมัน 181 00:07:44,000 --> 00:07:46,000 ความหมายอะไรก็ได้ที่ก่อกำเนิดอารมณ์ 182 00:07:46,000 --> 00:07:49,000 นี่คือตอนจบหรือตอนต้น นี่พระเจ้าลงโทษเรา 183 00:07:49,000 --> 00:07:51,000 หรือกำลังให้รางวัล นี่คือดวงหรือ? 184 00:07:52,000 --> 00:07:55,000 จากนั้น อารมณ์เราจะกำหนดว่าเราจะทำอะไรต่อไป 185 00:07:55,000 --> 00:07:56,000 ดังนั้น ลองคิดถึงชีวิตคุณเอง 186 00:07:57,000 --> 00:07:58,000 การตัดสินใจที่ชี้ชะตาของคุณ 187 00:07:59,000 --> 00:08:01,000 มันฟังดูจริงจัง แต่ใน 5 หรือ 10 ปีที่ผ่านมา 188 00:08:02,000 --> 00:08:03,000 15 ปีก็ได้ คุณตัดสินใจอะไรไปบ้าง 189 00:08:03,000 --> 00:08:05,000 ซึ่งหากคุณได้ตัดสินใจเป็นอื่น 190 00:08:05,000 --> 00:08:08,000 ชีวิตจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ใครบ้างที่คิดออก 191 00:08:08,000 --> 00:08:09,000 จริงๆนะ ไม่ว่าดีขึ้นหรือแย่ลง จงตอบว่า "ใช่" 192 00:08:10,000 --> 00:08:11,000 ผู้ชม: ใช่ 193 00:08:11,000 --> 00:08:13,000 ท้ายที่สุด อาจเป็นเรื่องว่าจะทำงานที่ไหน 194 00:08:13,000 --> 00:08:14,000 และพบกับคนที่คุณรักที่นั่น 195 00:08:15,000 --> 00:08:17,000 หรืออาจเป็นเรื่องอาชีพ ผมรู้จักอัจฉริยะจาก Google ที่นี่นะ 196 00:08:18,000 --> 00:08:19,000 ผมเข้าใจการตัดสินใจของพวกเขา 197 00:08:20,000 --> 00:08:22,000 ที่ต้องการขายเทคโนโลยี จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาทำเช่นนั้น 198 00:08:23,000 --> 00:08:25,000 แทนที่จะสร้างวัฒนธรรมเอง โลกนี้จะเป็นอย่างไร 199 00:08:25,000 --> 00:08:27,000 ชีวิตเขาจะต่างไปอย่างไร มีผลกระทบแค่ไหน 200 00:08:28,000 --> 00:08:30,000 ประวัติศาสตร์โลกประกอบด้วยการตัดสินใจเช่นนี้ 201 00:08:30,000 --> 00:08:33,000 เมื่อมีหญิงคนหนึ่งปฏิเสธที่จะนั่งที่ท้ายรถเมล์ 202 00:08:34,000 --> 00:08:37,000 เธอไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตเธอ แต่การตัดสินใจนั้นเปลี่ยนวัฒนธรรมเรา 203 00:08:37,000 --> 00:08:40,000 หรือเมื่อมีคนยืนหน้ารถถัง หรือคนอย่าง 204 00:08:41,000 --> 00:08:42,000 แลนซ์ อาร์มสตรอง ที่มีคนมาบอกว่า 205 00:08:43,000 --> 00:08:45,000 "คุณเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก" มันยากสำหรับผู้ชายนะ 206 00:08:46,000 --> 00:08:47,000 โดยเฉพาะถ้าต้องขี่จักรยาน 207 00:08:47,000 --> 00:08:49,000 (หัวเราะ) 208 00:08:49,000 --> 00:08:51,000 ถ้าเป็นมะเร็งสมอง เป็นมะเร็งปอด 209 00:08:51,000 --> 00:08:53,000 แต่เส้นทางที่เขาเลือกคืออะไร? 210 00:08:54,000 --> 00:08:55,000 มันแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ มันหมายความว่าอะไร? 211 00:08:55,000 --> 00:08:57,000 มันไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเริ่มต้น ว่าเขาจะทำอะไร 212 00:08:57,000 --> 00:09:00,000 เขาไปชนะการแข่งขันที่ไม่เคยชนะมาก่อนถึงเจ็ดครั้ง 213 00:09:00,000 --> 00:09:02,000 เพราะเขามีความพร้อมทางความรู้สึก 214 00:09:03,000 --> 00:09:06,000 มีพละกำลังทางจิตใจ นั่นคือความแตกต่างของคนคนนี้ 215 00:09:06,000 --> 00:09:08,000 ผมพบเจอคนประมาณสามล้านคน 216 00:09:08,000 --> 00:09:10,000 เพราะนั่นคือห้องแล็บของผม รวมแล้วสามล้านคน 217 00:09:11,000 --> 00:09:13,000 จาก 80 ประเทศ ที่ได้มีโอกาสมาพบกัน 218 00:09:13,000 --> 00:09:17,000 ตลอด 29 ปีที่ผ่านมา หลังๆมา ร่องรอยเริ่มเด่นชัด 219 00:09:17,000 --> 00:09:19,000 คุณจะเห็นว่า อเมริกาใต้และอัฟริกา 220 00:09:19,000 --> 00:09:22,000 อาจจะเชื่อมโยงกันในบางมุม จริงไหม? คนอื่นอาจพูดว่า 221 00:09:22,000 --> 00:09:25,000 "มันฟังดูไร้สาระ" ถ้าเช่นนั้น อะไรที่บ่มเพาะแลนซ์ล่ะ? 222 00:09:25,000 --> 00:09:30,000 อะไรที่บ่มเพาะคุณ มีพลังที่มองไม่เห็นสองอย่าง หนึ่งคือสถานะ 223 00:09:31,000 --> 00:09:32,000 เราต่างเคยประสพมา 224 00:09:32,000 --> 00:09:34,000 ถ้าคุณเคยทำอะไรบางอย่าง แล้วหลังจากนั้น 225 00:09:34,000 --> 00:09:35,000 คุณบอกตัวเองว่า ไม่น่าพูดออกไปเลย 226 00:09:36,000 --> 00:09:38,000 ทำลงไปได้อย่างไร มันงี่เง่ามาก ใครเคยเป็นแบบนั้นบ้าง? 227 00:09:38,000 --> 00:09:39,000 จงตอบว่า "ใช่" 228 00:09:39,000 --> 00:09:40,000 ผู้ชม:ใช่ 229 00:09:40,000 --> 00:09:42,000 คุณเคยทำอะไรบางอย่าง ซึ่งเมื่อทำแล้ว บอกว่า "นั่นแหละผมเอง" 230 00:09:42,000 --> 00:09:44,000 (หัวเราะ) 231 00:09:44,000 --> 00:09:46,000 นั่นไม่ใช่เรื่องความสามารถ แต่เป็นเรื่องสภาวะ 232 00:09:47,000 --> 00:09:49,000 รูปแบบของโลกที่สร้างตัวคุณในระยะยาว 233 00:09:50,000 --> 00:09:53,000 รูปแบบนั้นเป็นเสมือนตัวกรอง ซึ่งปั้นเราขึ้นมา 234 00:09:53,000 --> 00:09:54,000 นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจ 235 00:09:55,000 --> 00:09:56,000 เมื่อเราจะชักจูงใครสักคน เราต้องรู้ว่า 236 00:09:56,000 --> 00:09:57,000 อะไรที่จูงใจเขาอยู่แล้ว 237 00:09:58,000 --> 00:09:59,000 ผมคิดว่ามันมีอยู่สามส่วน 238 00:10:00,000 --> 00:10:02,000 หนึ่ง: เป้าหมาย อะไรที่คุณต้องการ? 239 00:10:02,000 --> 00:10:04,000 ซึ่งผมเชื่อว่า มันไม่ใช่ความปรารถนา 240 00:10:04,000 --> 00:10:06,000 คุณสามารถบรรลุเป้าหรือความปรารถนาได้ มีสักกี่คนที่มีเป้า 241 00:10:06,000 --> 00:10:08,000 หรือความคิดปรารถนา มีเพียงเท่านี้หรือ 242 00:10:08,000 --> 00:10:09,000 ใครเคยมีบ้าง จงพูดว่า "ใช่" 243 00:10:09,000 --> 00:10:10,000 ผู้ชม:ใช่ 244 00:10:10,000 --> 00:10:13,000 มันคือความจำเป็น ผมว่ามนุษย์มีความจำเป็นหกประการ 245 00:10:13,000 --> 00:10:16,000 สอง: เมื่อคุณรู้จักเป้าหมายที่ขับเคลื่อนคุณแล้ว 246 00:10:16,000 --> 00:10:19,000 และได้ค้นพบความจริง คุณไม่ได้สร้าง คุณค้นพบมัน 247 00:10:19,000 --> 00:10:20,000 คุณก็จะพบแผนที่ 248 00:10:20,000 --> 00:10:23,000 ระบบความเชื่อที่บอกทางบรรลุความจำเป็นเหล่านั้น 249 00:10:23,000 --> 00:10:25,000 บางคนเชื่อว่าจะบรรลุได้โดยการทำลายโลก 250 00:10:25,000 --> 00:10:28,000 บ้างก็โดยการสร้างบางอย่าง รักใครสักคน 251 00:10:29,000 --> 00:10:32,000 จากนั้นเป็นเรื่องเชื้อเพลิงที่เลือก ผมจะพูดสั้นๆ ความจำเป็นหกอย่าง 252 00:10:32,000 --> 00:10:34,000 ผมจะบอกคุณว่ามันคืออะไร หนึ่ง: ความแน่นอน 253 00:10:34,000 --> 00:10:36,000 สิ่งนี้ไม่ใช่เป้าหรือสิ่งปรารถนา แต่ใช้ได้กับทุกคน 254 00:10:37,000 --> 00:10:38,000 ทุกคนต้องการแน่ใจ ว่าหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้ 255 00:10:38,000 --> 00:10:40,000 อย่างน้อยให้รู้สึกสบาย จะได้มาอย่างไรล่ะ? 256 00:10:40,000 --> 00:10:44,000 ควบคุมคนอื่น? พัฒนาความสามารถ? เลิกล้ม? สูบบุหรื่? 257 00:10:45,000 --> 00:10:47,000 หากแน่ใจแล้ว มันตลกสิ้นดี 258 00:10:47,000 --> 00:10:48,000 แม้ว่าเราต่างต้องการมัน 259 00:10:48,000 --> 00:10:50,000 เช่นหากคุณไม่แน่นอนกับสุขภาพ หรือเรื่องบุตรหลาน 260 00:10:50,000 --> 00:10:52,000 หรือเรื่องเงิน คุณจะไม่คิดถึงเรื่องอื่น 261 00:10:52,000 --> 00:10:53,000 หากคุณไม่แน่ใจว่าเพดานนี้จะยกอยู่ได้ 262 00:10:53,000 --> 00:10:54,000 คุณก็จะไม่สนใจฟังวิทยากร 263 00:10:55,000 --> 00:10:58,000 ขณะที่ความแน่ใจของเรามีความหมายต่างกันไป ถ้าเราแน่ใจแล้ว 264 00:10:59,000 --> 00:11:00,000 เราจะได้อะไร? คุณรู้สึกอะไรเมื่อคุณแน่ใจ? 265 00:11:00,000 --> 00:11:01,000 รู้ว่าจะเกิดอะไร เกิดเมื่อไร 266 00:11:01,000 --> 00:11:02,000 รู้ว่าเกิดอย่างไร คุณจะรู้สึกอย่างไร? 267 00:11:03,000 --> 00:11:06,000 น่าเบื่อจะตาย พระเจ้า ผู้ทรงฉลาดล้ำ 268 00:11:06,000 --> 00:11:07,000 (หัวเราะ) 269 00:11:07,000 --> 00:11:10,000 จึงประทานความจำเป็นข้อสอง คือความไม่แน่นอน 270 00:11:10,000 --> 00:11:12,000 เราต้องการความหลากหลาย ประหลาดใจ 271 00:11:13,000 --> 00:11:14,000 มีกี่คนที่ชอบความประหลาดใจ พูดว่า "ใช่" 272 00:11:15,000 --> 00:11:16,000 ผู้ชม:ใช่ 273 00:11:16,000 --> 00:11:17,000 โกหก คุณชอบเฉพาะความประหลาดใจที่อยากได้ 274 00:11:17,000 --> 00:11:19,000 (หัวเราะ) 275 00:11:19,000 --> 00:11:22,000 สิ่งที่ไม่ต้องการก็เรียกว่าปัญหา แต่มันจำเป็นสำหรับคุณ 276 00:11:22,000 --> 00:11:25,000 ดังนั้นความหลากหลายก็สำคัญ เคยเช่าหนังวีดีโอซ้ำๆ 277 00:11:25,000 --> 00:11:29,000 ใครเคยบ้าง? ออกไปข้างนอกบ้างเถอะ 278 00:11:29,000 --> 00:11:31,000 (หัวเราะ) 279 00:11:31,000 --> 00:11:33,000 เอาล่ะ คุณทำทำไม? คุณแน่ใจว่ามันดี 280 00:11:33,000 --> 00:11:35,000 เพราะเคยอ่านแล้ว เคยดูแล้ว แต่คุณหวังว่า 281 00:11:35,000 --> 00:11:37,000 มันนานพอที่คุณจะลืมแล้ว นั่นคือความหลากหลาย 282 00:11:38,000 --> 00:11:41,000 ความจำเป็นที่สาม ความสำคัญ เราต่างต้องการ 283 00:11:41,000 --> 00:11:44,000 รู้สึกสำคัญ พิเศษ โดดเด่น คุณได้โดยหาเงินมากขึ้น 284 00:11:44,000 --> 00:11:46,000 สนใจจิตวิญญาณมากขึ้น 285 00:11:46,000 --> 00:11:48,000 ไปทำรอยสัก ตุ้มหู 286 00:11:48,000 --> 00:11:51,000 ในบริเวณที่คนอื่นไม่อยากเห็น 287 00:11:52,000 --> 00:11:55,000 อะไรก็ได้ วิธีที่รวดเร็วที่สุด 288 00:11:55,000 --> 00:11:57,000 ถ้าคุณไร้การศึกษา ไร้การอบรม ไร้ศาสนาและทรัพย์สิน 289 00:11:57,000 --> 00:12:00,000 หรือหมดหนทาง ก็คือความรุนแรง ถ้าผมเอาปืนจ่อหัวคุณ 290 00:12:00,000 --> 00:12:02,000 และอาศัยในย่านนักเลง ผมสำคัญขึ้นมาทันที 291 00:12:02,000 --> 00:12:05,000 คะแนนจากศูนย์ไปเต็มสิบ ผมมั่นใจแค่ไหนว่า 292 00:12:05,000 --> 00:12:08,000 คุณจะตอบสนองผม? เต็มสิบเลย 293 00:12:09,000 --> 00:12:10,000 ใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มันคงตื่นเต้นดี 294 00:12:10,000 --> 00:12:13,000 เหมือนที่ปีนเข้าไปในถ้ำ 295 00:12:13,000 --> 00:12:15,000 แล้วเข้าไปให้สุด ทั้งหลากหลายและไม่แน่นอน 296 00:12:15,000 --> 00:12:18,000 และมันสำคัญ จริงไหม? คุณจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อมัน 297 00:12:19,000 --> 00:12:21,000 นั่นคือเหตุที่เรามีความรุนแรงมาตลอด และจะคงมีต่อไป 298 00:12:21,000 --> 00:12:23,000 เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ของคนทั้งเผ่าพันธ์ 299 00:12:24,000 --> 00:12:25,000 มีเป็นล้านวิธีที่จะทำให้ตนสำคัญ 300 00:12:25,000 --> 00:12:27,000 แต่จะสำคัญได้ คุณต้องโดดเด่นและแตกต่าง 301 00:12:27,000 --> 00:12:30,000 สิ่งที่จำเป็นคือ ความรักและความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นข้อที่สี่ 302 00:12:31,000 --> 00:12:33,000 เราล้วนต้องการมัน คนส่วนใหญ่จะหยุดอยู่แค่การรู้จัก 303 00:12:33,000 --> 00:12:35,000 เพราะความรักนั้นน่ากลัวเกินไป ไม่อยากเจ็บ 304 00:12:35,000 --> 00:12:38,000 ใครเคยเจ็บจากความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง พูดว่า "ใช่" 305 00:12:38,000 --> 00:12:39,000 (หัวเราะ) 306 00:12:39,000 --> 00:12:41,000 ถ้าคุณไม่ยกมือ คุณโกหกแน่ๆ ผมรู้ 307 00:12:41,000 --> 00:12:42,000 (หัวเราะ) 308 00:12:42,000 --> 00:12:43,000 และคุณจะต้องเจ็บปวดอีก 309 00:12:43,000 --> 00:12:45,000 ผมพูดซะให้รู้สึกดีเลยว่ามั้ย? 310 00:12:45,000 --> 00:12:46,000 (หัวเราะ) 311 00:12:46,000 --> 00:12:49,000 แต่ความจริงคือ เราต้องการมัน โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง 312 00:12:49,000 --> 00:12:52,000 อาศัยมิตรสหาย การอธิษฐาน การเดินป่า 313 00:12:53,000 --> 00:12:55,000 ถ้าไม่ได้ผลก็หาหมามาเลี้ยง ไม่เอาแมวนะ หาหมามาเลี้ยง 314 00:12:55,000 --> 00:12:57,000 เพราะถ้าคุณปล่อยมันไว้สองนาที มันทำเหมือนคุณ 315 00:12:57,000 --> 00:12:59,000 จากมันไปหกเดือน ตอนคุณโผล่มาในไม่กี่นาทีต่อมา 316 00:12:59,000 --> 00:13:00,000 (หัวเราะ) 317 00:13:00,000 --> 00:13:02,000 เอาละ สี่ข้อแรกนั้น ทุกๆคนหาทางบรรลุมันได้ 318 00:13:03,000 --> 00:13:05,000 แม้ว่าคุณอาจโกหกตัวเอง คุณต้องมีสองบุคลิก 319 00:13:06,000 --> 00:13:09,000 แต่สองข้อหลังนี่ซิ สื่ข้อแรกนั้นเรียกว่า 320 00:13:09,000 --> 00:13:11,000 ความจำเป็นทางบุคคล ผมเรียกอย่างนั้น 321 00:13:11,000 --> 00:13:13,000 สองข้อสุดท้ายคือความจำเป็นทางจิตใจ 322 00:13:14,000 --> 00:13:16,000 นั่นคือที่มาของการเติมเต็มชีวิต คุณไม่สามารถเติมเต็มได้ 323 00:13:16,000 --> 00:13:19,000 จากสี่ข้อแรก คุณอาจหาทาง สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรืออะไรก็ตาม 324 00:13:19,000 --> 00:13:20,000 เพื่อบรรลุสี่ข้อแรก แต่สำหรับสองข้อหลัง เช่นข้อห้า 325 00:13:21,000 --> 00:13:23,000 คุณต้องเติบโตขึ้น เราที่นี่ต่างรู้คำตอบนี้ 326 00:13:23,000 --> 00:13:26,000 ถ้าไม่เติบโตจะเป็นอย่างไร หากความสัมพันธ์ไม่เติบโต 327 00:13:26,000 --> 00:13:28,000 ถ้าธุรกิจไม่เติบโต ถ้าคุณไม่เติบโต 328 00:13:28,000 --> 00:13:29,000 มันไม่สำคัญว่าคุณมีเงินเท่าไหร่ 329 00:13:29,000 --> 00:13:31,000 มีเพื่อนกี่คน มีคนรักคุณกี่คน 330 00:13:31,000 --> 00:13:34,000 คุณรู้สึกเหมือนตกนรก และเหตุที่ต้องเติบโตขึ้นคือ 331 00:13:34,000 --> 00:13:36,000 เรามีสิ่งที่จะให้ผู้อื่น 332 00:13:37,000 --> 00:13:39,000 เพราะข้อที่หกคือการช่วยผู้อื่น 333 00:13:40,000 --> 00:13:41,000 เพราะเราต่างก็รู้ว่า ถึงแม้จะฟังดูเชย 334 00:13:42,000 --> 00:13:45,000 ความลับของการใช้ชีวิตคือการให้ ชีวิดไม่ใช่มีแต่เรื่องของตน 335 00:13:45,000 --> 00:13:47,000 เป็นเรื่องของเรา วัฒนธรรมนี้ก็รู้ คนที่นี่ก็รู้เช่นนั้น 336 00:13:47,000 --> 00:13:50,000 มันน่าตื่นเต้นเมื่อเห็นนิโคลัสขึ้นมาพูดถึง 337 00:13:50,000 --> 00:13:52,000 คอมพิวเตอร์ร้อยเหรียญของเขา สิ่งที่น่าตื่นเต้นแท้จริงคือ 338 00:13:52,000 --> 00:13:55,000 อัจฉริยะท่านนี้ ได้ค้นพบว่าชีวิดเขาเกิดมาเพื่ออะไร 339 00:13:56,000 --> 00:13:58,000 สัมผัสใด้ถึงความแตกต่างในตัวเขา มันวิเศษมาก 340 00:13:59,000 --> 00:14:01,000 เหตุผลของเขาสัมผัสผู้อื่นได้ ในชีวิดผมเอง 341 00:14:01,000 --> 00:14:03,000 ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้เมื่อตอนอายุ 11 ขวบ 342 00:14:03,000 --> 00:14:06,000 ในวันขอบคุณพระเจ้า ไม่มีเงิน ไม่มีอาหาร และเราจะไม่ยอมทนหิว 343 00:14:06,000 --> 00:14:09,000 แต่พ่อผมก็กำลังแย่สุดๆ แม่ผมก็กำลังจะบอกเขา 344 00:14:09,000 --> 00:14:12,000 ว่าเขาแย่แค่ไหน และแล้วมีคนมาเคาะประตู 345 00:14:12,000 --> 00:14:14,000 มาส่งอาหารให้ พ่อผมตัดสินใจได้สามเรื่อง 346 00:14:15,000 --> 00:14:17,000 ผมรู้ว่ามันคืออะไร เขามองว่า "นั่นคือสื่งของบริจาค" 347 00:14:18,000 --> 00:14:20,000 มันแปลว่าอะไร ฉันไร้ค่า ฉันต้องทำอะไร 348 00:14:21,000 --> 00:14:23,000 จากครอบครัวนี้ไป" ซึ่งเขาก็ไป มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดที่สุด 349 00:14:24,000 --> 00:14:27,000 นำมาซี่งหนทางใหม่ในการตัดสินใจสามข้อของผม 350 00:14:28,000 --> 00:14:31,000 ผมพูดว่า "อย่างน้อยเราก็มีอาหารกิน" แหม หลักการล้ำเลิศ 351 00:14:31,000 --> 00:14:32,000 (หัวเราะ) 352 00:14:32,000 --> 00:14:33,000 ข้อสอง แต่สิ่งนี้เปลี่ยนแปลงชีวิดผม 353 00:14:33,000 --> 00:14:36,000 และมันบ่มเพาะความเป็นมนุษย์ของผม "ของขวัญจากใครสักคน 354 00:14:36,000 --> 00:14:39,000 ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร" พ่อบอกเสมอว่า 355 00:14:39,000 --> 00:14:42,000 "ไม่มีใครสนใจเราหรอก" แล้วอยู่ดีๆ มีใครก็ไม่รู้ 356 00:14:42,000 --> 00:14:44,000 เอาอาหารมาให้ครอบครัวเรา โดยไม่หวังอะไรตอบแทน 357 00:14:44,000 --> 00:14:47,000 มาห่วงใยเรา มันทำให้ผมเชื่อว่า "คนแปลกหน้า 358 00:14:47,000 --> 00:14:50,000 ก็ห่วงใยเรา" และนั่นทำให้ผมตัดสินใจได้ว่า 359 00:14:51,000 --> 00:14:52,000 ถ้าคนแปลกหน้าห่วงใยครอบครัวผม ผมก็ห่วงใยเขา 360 00:14:53,000 --> 00:14:54,000 ผมจะทำอย่างไร ผมต้องทำอะไรสักอย่าง 361 00:14:54,000 --> 00:14:57,000 ทำให้เกิดความแตกต่าง ดังนั้นเมื่อผมอายุ 17 ผมออกไป 362 00:14:57,000 --> 00:14:59,000 ในวันขอบคุณพระเจ้า ปีนั้นผมมีเป้าที่จะ 363 00:14:59,000 --> 00:15:00,000 หาเงินพอที่จะเลี้ยงสองครอบครัว 364 00:15:00,000 --> 00:15:02,000 เป็นความสุขที่สุดที่ผมเคยทำในชีวิด ตื้นตันใจที่สุด 365 00:15:03,000 --> 00:15:05,000 ปีต่อมาเป็นสี่ครอบครัว ผมไม่ได้บอกใครในสิ่งที่ทำ 366 00:15:05,000 --> 00:15:07,000 ปีต่อมาเป็น แปด ผมไม่ได้ทำเพื่อคะแนน 367 00:15:08,000 --> 00:15:09,000 แต่หลังจากแปด ผมได้คิดว่าผมน่าจะหาคนช่วย 368 00:15:09,000 --> 00:15:11,000 (หัวเราะ) 369 00:15:11,000 --> 00:15:13,000 และแน่นอน ผมออกไปอีกครั้ง 370 00:15:13,000 --> 00:15:15,000 ผมชวนเพื่อนๆมา และขยายจำนวนผู้ร่วมงาน 371 00:15:15,000 --> 00:15:17,000 เมื่อได้ถึง 11 คน ผมก็จัดตั้งมูลนิธิ 372 00:15:17,000 --> 00:15:19,000 ปัจจุบันผ่านไป 18 ปีแล้ว ผมภูมิใจที่จะบอกว่า ปีที่แล้ว 373 00:15:19,000 --> 00:15:22,000 เราเลี้ยงคนสองล้านคนใน 35 ประเทศโดยผ่านมูลนิธินี้ 374 00:15:23,000 --> 00:15:24,000 ในช่วงวันหยุด ในวันขอบคุณพระเจ้า วันคริสต์มาส 375 00:15:24,000 --> 00:15:25,000 (ปรบมือ) 376 00:15:25,000 --> 00:15:26,000 ในประเทศต่างๆทั่วโลก 377 00:15:26,000 --> 00:15:27,000 มันช่างวิเศษ 378 00:15:27,000 --> 00:15:28,000 (ปรบมือ) 379 00:15:28,000 --> 00:15:29,000 ขอบคุณครับ 380 00:15:29,000 --> 00:15:30,000 (ปรบมือ) 381 00:15:30,000 --> 00:15:32,000 ผมไม่ได้พูดเพื่อโอ้อวด ผมพูดเพราะผมภูมิใจ 382 00:15:32,000 --> 00:15:35,000 ในความเป็นคน เพราะพวกเขาต่างตื่นเต้นที่จะให้ 383 00:15:35,000 --> 00:15:38,000 เมื่อพวกเขาได้รับประสบการณ์นั้น ไม่ได้ดีแต่พูด 384 00:15:39,000 --> 00:15:43,000 ท้ายสุด เวลาใกล้จะหมดแล้ว เป้าหมายที่หล่อหลอมคุณ 385 00:15:44,000 --> 00:15:45,000 นั่นคือสิ่งที่แตกต่างจากคนสู่คน เราต่างมีความต้องการ 386 00:15:46,000 --> 00:15:48,000 คุณเป็นพวกไม่เสี่ยงหรือ นั่นคือสิ่งที่ให้ค่าสูงสุดหรือ 387 00:15:48,000 --> 00:15:52,000 หรือชอบเสี่ยง ผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่พวกกลัวเสี่ยงตาย 388 00:15:52,000 --> 00:15:55,000 ถ้าเขาอยากปีนเข้าไปในถ้ำเหล่านั้น คุณขับเคลื่อนด้วยความสำคัญ 389 00:15:55,000 --> 00:15:57,000 หรือความรัก? เราต้องการทั้งหกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม 390 00:15:57,000 --> 00:15:59,000 ระบบนำร่องของคุณ เบนเข็มไปในทิศต่างๆกัน 391 00:15:59,000 --> 00:16:01,000 เมื่อคุณไปในทิศทางนั้น ก็จะมีเป้าหมายหรือชะตาของตนเอง 392 00:16:02,000 --> 00:16:05,000 ส่วนที่สองคือแผนที่ เหมือนระบบควบคุมการทำงาน 393 00:16:05,000 --> 00:16:07,000 ที่บอกให้ไปถึงได้อย่างไร สำหรับบางคนแผนที่ก็คือ 394 00:16:08,000 --> 00:16:10,000 "ฉันจะช่วยชีวิตคน แม้ว่าต้องตายแทนคนอื่น" 395 00:16:10,000 --> 00:16:11,000 เขาจึงเป็นนักดับเพลิง แต่สำหรับบางคน 396 00:16:12,000 --> 00:16:14,000 "ฉันต้องฆ่าคนเพื่อให้ได้มา" พวกเขาพยายามบรรลุ 397 00:16:14,000 --> 00:16:18,000 ความต้องการสำคัญตน ใช่ไหม? พวกเขาทำเพื่อพระเจ้า 398 00:16:18,000 --> 00:16:20,000 เพื่อครอบครัว แต่เขาได้แผนที่คนละฉบับ 399 00:16:20,000 --> 00:16:22,000 มีความเชื่อแตกต่างกันอยู่ 7 อย่างซึ่งผมไม่สามารถพูดได้ 400 00:16:22,000 --> 00:16:25,000 เดี๋ยวหมดเวลาเสียก่อน ข้อสุดท้ายคืออารมณ์ 401 00:16:25,000 --> 00:16:28,000 ส่วนหนึ่งของแผนที่เป็นเหมือนเวลา บางคนคิดว่า 402 00:16:28,000 --> 00:16:31,000 ระยะเวลายาวนานคือ 100 ปี คนอื่นอาจแค่ 3 วินาที 403 00:16:31,000 --> 00:16:32,000 และนั่นคือเวลาที่ผมมีเหลือ 404 00:16:32,000 --> 00:16:33,000 (หัวเราะ) 405 00:16:33,000 --> 00:16:35,000 และข้อสุดท้ายที่ผมพูดไปแล้ว เป็นเรื่องคุณ 406 00:16:35,000 --> 00:16:37,000 ถ้าคุณมีเป้าหมายและมีแผนที่ เช่น 407 00:16:38,000 --> 00:16:41,000 ผมไม่สามารถใช้กูเกิล เพราะว่าผมชอบแมค และแผนที่ในแมค 408 00:16:41,000 --> 00:16:43,000 ยังไม่ดีพอ -- ถ้าคุณใช้ MapQuest -- มีกี่คนที่ 409 00:16:43,000 --> 00:16:45,000 พลาดไปใช้ MapQuest กันบ้าง? 410 00:16:45,000 --> 00:16:46,000 (หัวเราะ) 411 00:16:46,000 --> 00:16:48,000 คุณใช้มันแล้วคุณไปไม่ถึงที่ ลองคิดดูซิ 412 00:16:48,000 --> 00:16:51,000 ถ้าความเชื่อของคุณรับประกันให้คุณไปไม่ถึงที่หมาย 413 00:16:51,000 --> 00:16:52,000 (หัวเราะ) 414 00:16:52,000 --> 00:16:54,000 ข้อสุดท้ายคืออารมณ์ 415 00:16:54,000 --> 00:16:58,000 สิ่งที่จะพูดเรื่องอารมณ์คือว่า เรามีถึง 6000 อารมณ์ 416 00:16:58,000 --> 00:17:00,000 ที่มีคำศัพท์ระบุไว้ในภาษาอังกฤษ 417 00:17:00,000 --> 00:17:02,000 ซึ่งนั่นเป็นเพียงตัวอย่างของคำเรียก 418 00:17:02,000 --> 00:17:06,000 ซึ่งเปลี่ยนไปตามภาษาที่ใช้ แต่ถ้าเป็นอารมณ์หลักๆ 419 00:17:06,000 --> 00:17:09,000 ถ้ามีเวลา ผมจะมีสัก 20000 คนหรือสักพันคน 420 00:17:09,000 --> 00:17:11,000 และให้พวกเขาเขียนอารมณ์ทั้งหมดที่ประสบมา 421 00:17:11,000 --> 00:17:13,000 ในแต่ละสัปดาห์ และให้เวลาเท่าที่ต้องการ 422 00:17:14,000 --> 00:17:15,000 เขียนลงในด้านหนึ่งว่าเป็น อารมณ์บวก 423 00:17:15,000 --> 00:17:16,000 อีกด้านเป็น อารมณ์ลบ 424 00:17:16,000 --> 00:17:18,000 ลองทายดูว่าได้อารมณ์กี่แบบ? น้อยกว่า 12 425 00:17:19,000 --> 00:17:22,000 และครึ่งหนึ่งทำให้รู้สึกแย่มาก ดังนั้นเขาได้สักห้าหรือหก 426 00:17:22,000 --> 00:17:25,000 อารมณ์ที่รู้สึกดี ก็คงประมาณว่า "สุข สุข 427 00:17:25,000 --> 00:17:28,000 ตื่นเต้น ฉิบหาย หงุดหงิด หงุดหงิด พ้ายแพ้ เศร้าสร้อย" 428 00:17:29,000 --> 00:17:31,000 มีกี่คนที่รู้จักคนที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 429 00:17:31,000 --> 00:17:33,000 ก็หาเรื่องฉุนเฉียวจนได้ กี่คนที่รู้จักคนแบบนี้? 430 00:17:33,000 --> 00:17:34,000 (หัวเราะ) 431 00:17:34,000 --> 00:17:38,000 หรือ ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหาทางที่จะมีความสุขหรือเร้าใจได้ 432 00:17:38,000 --> 00:17:40,000 มีกี่คนที่รู้จักคนแบบนี้บ้าง? 433 00:17:40,000 --> 00:17:43,000 ตอนเหตุการณ์ 9/11 -- ผมจะจบด้วยเรื่องนี้นะ -- ผมอยู่ที่ฮาวาย 434 00:17:44,000 --> 00:17:47,000 ผมอยู่กับคน 2,000 คนจาก 45 ประเทศ เราแปลกัน 435 00:17:47,000 --> 00:17:49,000 4 ภาษา ตลอดการฝึกอบรม 436 00:17:49,000 --> 00:17:52,000 ที่จัดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ คืนก่อนหน้านั้นเรียกว่า 437 00:17:52,000 --> 00:17:55,000 "การควบคุมอารมณ์" ผมขึ้นไปโดยไม่ได้เตรียมเรื่องที่จะพูด 438 00:17:56,000 --> 00:17:58,000 เราจุดพลุ เฮฮา เราเล่นกันอย่างเต็มที่ 439 00:17:59,000 --> 00:18:01,000 ท้ายสุดผมก็หยุดทุกสิ่ง ผมมีแผนว่าจะพูด 440 00:18:01,000 --> 00:18:03,000 แต่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่ผมคิด และทันใดนั้นผมก็บอกเขาว่า 441 00:18:03,000 --> 00:18:07,000 "คนเราเริ่มใช้ชีวิตจริงๆ เมื่อไร? เมื่อเผชิญกับความตาย" 442 00:18:07,000 --> 00:18:08,000 จากนั้นผมก็เล่าเรื่องราวที่ว่า 443 00:18:09,000 --> 00:18:11,000 ถ้าคุณกำลังออกจากเกาะนี้ในเก้าวันข้างหน้า 444 00:18:11,000 --> 00:18:14,000 แล้วคุณกำลังจะตาย คุณจะโทรหาใคร จะบอกเขาว่าอะไร 445 00:18:14,000 --> 00:18:18,000 คุณจะทำอะไร? มีหญิงคนหนึ่ง ในคืนที่เกิดเหตุการณ์ 9/11 446 00:18:19,000 --> 00:18:21,000 หญิงผู้นั้นมาที่สัมมนาและเล่าว่า 447 00:18:21,000 --> 00:18:24,000 แฟนเก่าเธอถูกลักพาตัวไป และถูกฆาตกรรม 448 00:18:25,000 --> 00:18:28,000 แฟนใหม่ของเธอได้ขอเธอแต่งงาน แต่เธอปฏิเสธไป 449 00:18:28,000 --> 00:18:30,000 เขาบอกเธอว่า "ถ้าคุณไปงานที่ฮาวาย เรื่องของเราถือว่าจบกัน" 450 00:18:30,000 --> 00:18:32,000 เธอบอกเขาไปว่า "มันจบแล้ว" เสร็จงานคืนนั้นเธอโทรหาเขา 451 00:18:32,000 --> 00:18:35,000 และฝากข้อความไว้ -- นี่เป็นเรื่องจริง -- บนตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ 452 00:18:35,000 --> 00:18:38,000 ณ ที่ทำงานเขา เธอบอกว่า "ที่รัก ฉันรักเธอ ฉันเพียงอยากให้เธอรู้ว่า 453 00:18:39,000 --> 00:18:42,000 ฉันอยากแต่งงานกับคุณ ฉันช่างโง่จัง" เมื่อตอนเธอหลับอยู่ 454 00:18:42,000 --> 00:18:45,000 เพราะเวลาของเราคือตีสาม ตอนที่เขาโทรกลับมา 455 00:18:45,000 --> 00:18:47,000 จากยอดตึกเขาบอกว่า "ที่รัก ผมพูดไม่ออกว่ามันมีความหมายแค่ไหน 456 00:18:48,000 --> 00:18:50,000 ผมไม่รู้จะบอกคุณว่าอย่างไร 457 00:18:50,000 --> 00:18:52,000 แต่คุณได้ให้ของขวัญที่วิเศษสุด เพราะว่าผมกำลังจะตาย" 458 00:18:53,000 --> 00:18:55,000 และเธอเล่นเทปนั้นให้พวกเราฟังในห้อง 459 00:18:55,000 --> 00:18:58,000 เธอไปในรายการ Larry King ซึ่งเขาได้ถามว่า "คุณคงสงสัยว่า 460 00:18:58,000 --> 00:19:00,000 เกิดเรื่องแบบนี้ถึงสองครั้งได้อย่างไร" และเขาพูดว่า 461 00:19:00,000 --> 00:19:03,000 "ผมบอกได้แต่ว่า คงเป็นสัญญาณจากพระเจ้า 462 00:19:03,000 --> 00:19:06,000 ทุกวันต่อจากนี้ไป คือการให้ และรักให้หมดใจ 463 00:19:06,000 --> 00:19:10,000 อย่าให้มีอะไรหยุดคุณได้อีก" เมื่อจบลง ชายคนหนึ่งลุกขึ้น 464 00:19:10,000 --> 00:19:12,000 และพูดว่า "ผมมาจากปากีสถาน ผมเป็นมุสลิม 465 00:19:13,000 --> 00:19:15,000 ผมอยากจะกุมมือคุณและบอกว่า 466 00:19:15,000 --> 00:19:19,000 ผมเสียใจ แต่มันเป็นกรรมตามสนอง" ผมไม่สามารถเล่าเรื่องที่เหลือ 467 00:19:19,000 --> 00:19:22,000 เพราะผมหมดเวลาแล้ว 468 00:19:22,000 --> 00:19:28,000 (หัวเราะ) 469 00:19:32,000 --> 00:19:34,000 10 วินาที 470 00:19:34,000 --> 00:19:37,000 (ปรบมือ) 471 00:19:37,000 --> 00:19:39,000 10 วินาที ด้วยความเคารพ ผมขอเพียง 10 วินาที 472 00:19:39,000 --> 00:19:41,000 ผมบอกได้แต่เพียงว่า ผมพาชายผู้นี้มาขึ้นเวที 473 00:19:41,000 --> 00:19:44,000 พร้อมกับชายอีกคนจากนิวยอร์ก ผู้เคยทำงานที่ World Trade Center 474 00:19:44,000 --> 00:19:46,000 เพราะว่าผมรู้จักประมาณ 200 คนจากนิวยอร์ก มากกว่า 50 คน 475 00:19:46,000 --> 00:19:49,000 เสียบริษัท เสียเพื่อน ขีดค่าชื่อ 476 00:19:49,000 --> 00:19:52,000 ที่อยู่ในมือถือ -- มีหญิงนักลงทุน หญิงเหล็ก เสียงดัง 477 00:19:53,000 --> 00:19:54,000 ตัดชื่อเพื่อน 30 คนทิ้ง เพราะพวกเขาตายหมด 478 00:19:55,000 --> 00:19:58,000 และผมพูดว่า "จะทำอย่างไรต่อไป? 479 00:19:59,000 --> 00:20:01,000 มันมีความหมายอย่างไร และเราจะทำอะไรต่อไป?" 480 00:20:02,000 --> 00:20:04,000 ผมชักนำกลุ่มให้ผู้คนสนใจ 481 00:20:04,000 --> 00:20:06,000 ถ้าคุณไม่ได้สูญเสียใครในวันนี้ เป้าหมายวันนี้ก็คือ 482 00:20:06,000 --> 00:20:08,000 จะช่วยผู้อื่นอย่างไร ยังมีผู้คนอีกมากมาย -- 483 00:20:08,000 --> 00:20:10,000 มีหญิงคนหนึ่งลุกขึ้นตะโกนด้วยความโกรธ 484 00:20:11,000 --> 00:20:12,000 ผมรู้ทีหลังว่าเธอไม่ได้มาจากนิวยอร์ก เธอไม่ใช่อเมริกัน 485 00:20:13,000 --> 00:20:15,000 เธอไม่รู้จักใครที่นั่น ผมถามเธอว่า "คุณโมโหตลอดเลยหรือ?" 486 00:20:16,000 --> 00:20:18,000 เธอตอบว่า "ใช่" คนผิดย่อมรู้สึกผิด คนเศร้าย่อมรู้สึกเศร้า 487 00:20:19,000 --> 00:20:22,000 และผมได้นำชายทั้งสองมาทำการเจรจากันทางอ้อม 488 00:20:22,000 --> 00:20:25,000 ชาวยิวที่ผ่านสงครามโลก ชาวนิวยอร์ก 489 00:20:25,000 --> 00:20:28,000 ผู้ซึ่งอาจตายถ้าเขาไปทำงานในวันนั้น และชายอีกคน 490 00:20:28,000 --> 00:20:29,000 ผู้ต้องการเป็นผู้ก่อการร้าย 491 00:20:30,000 --> 00:20:31,000 และผมเก็บภาพการร่วมมือกันบนแผ่นฟิล์ม 492 00:20:32,000 --> 00:20:34,000 ซึ่งผมยินดีที่จะส่งให้คุณได้ดู 493 00:20:34,000 --> 00:20:35,000 ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแทนที่จะฟังจากผม 494 00:20:36,000 --> 00:20:37,000 แต่ทั้งคู่ไม่เพียงมาร่วมกันเพื่อ 495 00:20:38,000 --> 00:20:39,000 เปลี่ยนความเชื่อต่อโลกใบนี้ 496 00:20:39,000 --> 00:20:41,000 แต่พวกเขาทำงานร่วมกันเพื่อนำ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา 497 00:20:42,000 --> 00:20:44,000 ผ่านสุเหร่าและโบสถ์ยิว นำความคิด 498 00:20:44,000 --> 00:20:46,000 ของการสร้างสันติภาพ และเขาเขียนหนังสือที่ชื่อว่า 499 00:20:46,000 --> 00:20:50,000 "สงครามศักดิ์สิทธิ์ หนทางสู่สันติของข้าฯ" เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 500 00:20:50,000 --> 00:20:55,000 สิ่งที่ผมเชิญชวนให้ท่านทำคือ ค้นหาเครือข่ายท่านดู เครือข่ายที่นี่ 501 00:20:56,000 --> 00:21:00,000 ทั้งความต้องการ ความเชื่อ อารมณ์ที่ควบคุมคุณอยู่ 502 00:21:00,000 --> 00:21:03,000 เพื่อสองเหตุผล: เพื่อเป็นผู้ให้ที่มากขึ้น และผู้รับที่มากขึ้น 503 00:21:03,000 --> 00:21:05,000 เราต่างต้องการทำ เพราะการให้ 504 00:21:05,000 --> 00:21:07,000 คือสิ่งที่เติมคุณให้เต็ม และข้อสอง 505 00:21:07,000 --> 00:21:10,000 เพื่อให้คุณได้เห็นค่า ไม่เพียงแต่เข้าใจ นั่นมันแค่ความคิด 506 00:21:10,000 --> 00:21:13,000 ในสมอง แต่ให้เห็นคุณค่าในสื่งขับเคลื่อนผู้อื่น 507 00:21:13,000 --> 00:21:15,000 มันเป็นวิธีเดียวที่โลกเราจะเปลี่ยนได้ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณ 508 00:21:15,000 --> 00:21:17,000 ขอบคุณครับ ผมหวังว่าสิ่งนี้เป็นประโยชน์ 509 00:21:17,000 --> 00:21:20,000 (ปรบมือ)