WEBVTT 00:00:00.320 --> 00:00:01.880 เรามาพิจารณานิดหน่อยเกี่ยวกับ 00:00:01.880 --> 00:00:04.130 การแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:00:04.130 --> 00:00:05.360 และตรงนี้ เรามี 00:00:05.360 --> 00:00:07.540 รูปของ เจมส์ คลาร์ก แมกซ์เวลล์ 00:00:07.540 --> 00:00:09.140 และผมชอบรูปนี้มาก เพราะรูปนี้มี 00:00:09.140 --> 00:00:12.430 ภรรยาของเขา แคเทอรีน แมกซ์เวลล์ และนี่น่าจะเป็นสุนัขของพวกเขา 00:00:12.430 --> 00:00:15.800 และเจมส์ แมกซ์เวลล์ ถือเป็นเทพเจ้าของฟิสิกส์คนหนึ่ง 00:00:15.800 --> 00:00:17.550 สมการแมกซ์เวลล์อันโด่งดัง 00:00:17.550 --> 00:00:19.550 และเขายังได้คิดค้นพื้นฐาน 00:00:19.550 --> 00:00:22.030 เกี่ยวกับภาพสี และเขาได้ช่วยคิด 00:00:22.030 --> 00:00:23.720 "โอเค การแจกแจงของ 00:00:23.720 --> 00:00:26.520 ความเร็วของอนุภาคอากาศเป็นอย่างไร" 00:00:26.520 --> 00:00:29.020 ของอนุภาคแก๊สอุดมคติล่ะ? 00:00:29.020 --> 00:00:32.420 ส่วนสุภาพบุรุษตรงนี้ คือ ลุดวิก โบลต์ซมานน์ 00:00:32.420 --> 00:00:34.960 และถือได้ว่าเขาเป็น 00:00:34.960 --> 00:00:37.880 บิดาคนหนึ่งแห่งกลศาสตร์สถิติ 00:00:37.880 --> 00:00:41.360 และเมื่อรวมเข้าด้วยกัน การแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:00:41.360 --> 00:00:42.480 พวกเขาไม่ได้ร่วมมือกันหรอกนะ แต่ 00:00:42.480 --> 00:00:44.530 เขาทำงานแยกกันและบังเอิญได้ผลเหมือนกัน 00:00:44.530 --> 00:00:46.490 เขาสามารถบรรยายว่า "โอเค 00:00:46.490 --> 00:00:50.737 การแจกแจงความเร็วของอนุภาคอากาศเป็นอย่างไร" 00:00:50.737 --> 00:00:52.290 เราลองย้อนกลับมาคิดนิดนึง หรือ 00:00:52.290 --> 00:00:54.100 มาทำการทดลองเชิงความคิดนิดหน่อย 00:00:54.100 --> 00:00:56.900 สมมุติว่าผมมีภาชนะตรงนี้ 00:00:57.420 --> 00:00:59.240 สมมุติว่าผมมีภาชนะตรงนี้ 00:00:59.240 --> 00:01:00.880 และมันมีอากาศ 00:01:01.290 --> 00:01:03.720 อากาศมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นไนโตรเจน 00:01:03.720 --> 00:01:05.349 สมมุติว่ามันมีแค่ไนโตรเจนละกัน 00:01:05.349 --> 00:01:06.778 เพื่อทำให้พิจารณาได้ง่าย 00:01:06.778 --> 00:01:10.844 ขอผมวาดโมเลกุลไนโตรเจนตรงนี้ 00:01:10.844 --> 00:01:13.558 และสมมุติว่าเรามีเทอร์มอมิเตอร์ 00:01:13.558 --> 00:01:15.590 ผมใส่เทอร์มอมิเตอร์ไว้ในนั้น 00:01:15.590 --> 00:01:19.936 และเทอร์มอมิเตอร์ 00:01:20.320 --> 00:01:23.810 อ่านอุณหภูมิได้ 300 เคลวิน 00:01:24.190 --> 00:01:27.320 อุณหภูมิ 300 เคลวิน หมายความว่าอย่างไร 00:01:27.660 --> 00:01:29.510 อืม ในชีวิตประจำวันของเรา เรามี 00:01:29.510 --> 00:01:31.730 ระบบที่ใช้รับรู้อุณหภูมิ 00:01:31.730 --> 00:01:33.200 เฮ้ย ผมไม่อยากจับของที่ร้อน 00:01:33.200 --> 00:01:34.630 เพราะมันจะลวกมือผม 00:01:34.630 --> 00:01:38.650 หรือของที่เย็น มันจะทำให้ผมหนาว 00:01:38.650 --> 00:01:40.080 และนี่เป็นวิธีที่สมอง 00:01:40.080 --> 00:01:42.300 ประมวลผลสิ่งที่เรียกว่าอุณหภูมิ 00:01:42.300 --> 00:01:45.760 แต่จริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นในระดับโมเลกุล 00:01:45.760 --> 00:01:47.630 โอเค อุณหภูมิ เราสามารถคิดแบบหนึ่งได้ 00:01:47.630 --> 00:01:49.420 เกี่ยวกับอุณหภูมิ นี่เป็นวิธีคิด 00:01:49.420 --> 00:01:51.530 เกี่ยวกับอุณหภูมิที่แม่นยำมาก 00:01:51.530 --> 00:01:52.750 ก็คืออุณห - 00:01:52.750 --> 00:01:54.140 ผมสะกดผิด 00:01:55.270 --> 00:01:59.480 อุณหภูมิแปรผันตรงกับพลังงานจลน์เฉลี่ย 00:01:59.480 --> 00:02:02.919 ของโมเลกุลในระบบนั้น 00:02:02.919 --> 00:02:03.900 ขอผมเขียนอย่างนี้ 00:02:03.900 --> 00:02:08.636 อุณหภูมิแปรผันตรงกับพลังงานจลน์เฉลี่ย 00:02:08.636 --> 00:02:09.850 พลังงาน 00:02:10.430 --> 00:02:13.110 จลน์ 00:02:13.110 --> 00:02:15.740 เฉลี่ย 00:02:15.740 --> 00:02:16.720 ในระบบ 00:02:18.010 --> 00:02:19.600 ผมจะเขียนแค่ว่าพลังงานจลน์เฉลี่ย 00:02:19.600 --> 00:02:21.952 เรามาทำให้เห็นภาพชัดขึ้น 00:02:21.952 --> 00:02:25.810 สมมุติว่าผมมีภาชนะสองใบ 00:02:25.810 --> 00:02:27.297 นี่เป็นใบที่หนึ่ง 00:02:27.297 --> 00:02:28.364 อุ๊ปส์ 00:02:28.364 --> 00:02:31.480 และนี่คือใบที่สองตรงนี้ 00:02:31.480 --> 00:02:33.240 สมมุติว่ามันมี 00:02:33.240 --> 00:02:36.060 จำนวนโมเลกุลของแก๊สไนโตรเจนเท่ากัน 00:02:36.060 --> 00:02:37.440 และผมจะวาด 10 โมเลกุล 00:02:37.440 --> 00:02:38.830 ซึ่งมันก็ไม่เหมือนจริงเท่าไหร่ 00:02:38.830 --> 00:02:40.350 คุณควรจะมีโมเลกุลมากกว่านี้มากๆ 00:02:40.350 --> 00:02:45.350 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 00:02:45.648 --> 00:02:50.640 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 00:02:51.030 --> 00:02:52.760 และสมมุติเราทรายว่า 00:02:52.760 --> 00:02:55.210 อุณหภูมิตรงนี้คือ 300 เคลวิน 00:02:56.440 --> 00:02:58.940 อุณหภูมิของระบบนี้คือ 300 เคลวิน 00:02:58.940 --> 00:03:01.500 แต่อุณหภูมิของระบบนี้คือ 200 เคลวิน 00:03:02.040 --> 00:03:05.900 หากผมต้องการแสดงให้เห็นภาพว่า โมเลกุลเหล่านี้กำลังทำอะไรอยู่ 00:03:05.900 --> 00:03:07.450 มันกำลังเคลื่อนไปมา มันชนกัน 00:03:07.450 --> 00:03:10.200 มันไม่ได้เคลื่อนที่ไปด้วยกัน 00:03:10.540 --> 00:03:12.810 พลังงานจลน์เฉลี่ยของโมเลกุล 00:03:12.810 --> 00:03:15.010 ในระบบนี้ จะสูงกว่า 00:03:15.010 --> 00:03:16.440 และคุณอาจมี 00:03:16.440 --> 00:03:18.965 โมเลกุลนี้เคลื่อนไปทางนั้น 00:03:18.965 --> 00:03:20.830 นั่นคือความเร็ว 00:03:20.830 --> 00:03:22.610 โมเลกุลนี้มีความเร็วนี้ 00:03:22.610 --> 00:03:23.770 ส่วนโมเลกุลนี้ไปทางนั้น 00:03:23.770 --> 00:03:25.800 โมเลกุลนี้อาจไม่ไปไหนเลย 00:03:25.800 --> 00:03:28.100 โมเลกุลนี้อาจเคลื่อนไปทางนั้นเร็วมาก 00:03:28.100 --> 00:03:30.340 โมเลกุลนี้อาจจะไปเร็วมากๆ ทางนี้ 00:03:30.340 --> 00:03:32.040 โมเลกุลนี้เป็นแบบนี้ 00:03:32.270 --> 00:03:33.416 โมเลกุลนี้เป็นแบบนี้ 00:03:33.712 --> 00:03:35.130 โมเลกุลนี้เป็นแบบนี้ 00:03:35.132 --> 00:03:37.200 ถ้าคุณต้องการจะเปรียบเทียบมันกับระบบนี้ 00:03:37.200 --> 00:03:40.750 ระบบนี้ คุณจะมีโมเลกุล 00:03:40.750 --> 00:03:41.800 นี้เคลื่อนที่เร็วมาก 00:03:41.800 --> 00:03:43.060 โมเลกุลนี้อาจเร็วกว่า 00:03:43.060 --> 00:03:44.800 โมเลกุลอื่นทั้งหมดในนี้ 00:03:44.800 --> 00:03:46.840 แต่โดยเฉลี่ยแล้ว โมเลกุลตรงนี้ 00:03:46.840 --> 00:03:48.730 จะมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า 00:03:48.730 --> 00:03:50.780 ดังนั้นโมเลกุลนี้อาจเป็นแบบนี้ 00:03:50.780 --> 00:03:52.750 มาดูว่าผมจะวาดได้มั้ย 00:03:52.750 --> 00:03:56.520 โดยเฉลี่ย พวกมันจะมีพลังงานจลน์เฉลี่ยต่ำกว่า 00:03:56.520 --> 00:03:58.110 มันไม่ได้หมายความว่าโมเลกุลเหล่านี้ทั้งหมด 00:03:58.110 --> 00:04:00.110 จะเคลื่อนช้ากว่าโมเลกุลตรงนี้ทั้งหมด 00:04:00.110 --> 00:04:02.160 หรือมีพลังงานจลน์ต่ำกว่าพวกนี้ทั้งหมด 00:04:02.160 --> 00:04:06.901 แต่โดยเฉลี่ย มันจะมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า 00:04:06.901 --> 00:04:08.930 และจริงๆ แล้วเราสามารถวาดการแจกแจง 00:04:08.930 --> 00:04:10.600 การแจกแจงนี้ 00:04:10.600 --> 00:04:13.382 เรียกว่าการแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:04:13.382 --> 00:04:15.110 ถ้าเรา 00:04:15.110 --> 00:04:18.350 ขอผมวาดระนาบพิกัดเล็กๆ ตรงนี้ 00:04:18.850 --> 00:04:23.850 ขอผมวาดระนาบพิกัด 00:04:24.260 --> 00:04:28.160 ถ้าแกนนี้เป็นอัตราเร็ว 00:04:28.670 --> 00:04:30.140 ถ้าผมกำหนดให้เป็นอัตราเร็ว 00:04:30.140 --> 00:04:33.532 และแกนนี้ เป็นจำนวนโมเลกุล 00:04:33.532 --> 00:04:38.340 จำนวนโมเลกุล 00:04:38.690 --> 00:04:39.931 ตรงนี้ 00:04:39.931 --> 00:04:43.310 สำหรับระบบนี้ ระบบที่มีอุณหภูมิ 300 เคลวิน 00:04:43.310 --> 00:04:46.092 การแจกแจงอาจเป็นแบบนี้ 00:04:46.092 --> 00:04:47.831 มันอาจเป็น 00:04:47.831 --> 00:04:48.910 การแจกแจง 00:04:48.910 --> 00:04:50.340 ขอผมใช้ปากกาอีกสี 00:04:50.690 --> 00:04:53.120 การแจกแจง 00:04:53.120 --> 00:04:54.840 นี่จะเป็นโมเลกุลทั้งหมด 00:04:54.840 --> 00:04:59.330 การแจกแจงอาจเป็นแบบนี้ 00:04:59.700 --> 00:05:00.890 อาจเป็นแบบนี้ 00:05:00.890 --> 00:05:02.920 และนี่ก็คือการแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:05:02.920 --> 00:05:05.172 สำหรับระบบนี้ 00:05:05.172 --> 00:05:07.928 สำหรับระบบ ให้นี่เป็นระบบ A 00:05:07.928 --> 00:05:10.428 ระบบ A ตรงนี้ 00:05:10.428 --> 00:05:14.710 และระบบนี้ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 00:05:14.710 --> 00:05:17.238 ซึ่งหมายความว่ามันมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า 00:05:17.238 --> 00:05:19.676 การแจกแจงสำหรับอนุภาคของระบบนี้ 00:05:19.676 --> 00:05:22.615 ความน่าจะเป็นสูงสุด... 00:05:22.615 --> 00:05:24.710 คุณกำลังจะมีจำนวนโมเลกุลที่มากที่สุด 00:05:24.710 --> 00:05:25.900 ที่อัตราเร็วต่ำกว่า 00:05:25.900 --> 00:05:27.330 สมมุติให้เป็นอัตราเร็วนี้ 00:05:27.330 --> 00:05:28.603 ที่ตรงนี้ละกัน 00:05:28.603 --> 00:05:33.600 การแจกแจงของมันอาจเป็นแบบนี้ 00:05:35.000 --> 00:05:37.010 มันอาจดูคล้ายแบบนี้ 00:05:37.740 --> 00:05:38.980 โอเค แล้วทำไมอันนี้ 00:05:38.980 --> 00:05:40.310 มันน่าจะสมเหตุสมผลสำหรับคุณว่า 00:05:40.310 --> 00:05:42.020 โอเค อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุล 00:05:42.020 --> 00:05:45.500 สูงสุด ซึ่งก็คือความเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลมากที่สุด 00:05:45.500 --> 00:05:48.460 ผมทราบว่ามันจะต่ำกว่า ความเร็ว 00:05:48.460 --> 00:05:51.310 ที่มีจำนวนโมเลกุลมากที่สุดในระบบ A 00:05:51.310 --> 00:05:54.280 เนื่องจากโดยเฉลี่ย 00:05:54.280 --> 00:05:56.050 สิ่งในระบบนี้จะมีพลังงานจลน์ต่ำกว่า 00:05:56.050 --> 00:05:58.235 พวกมันจะมีอัตราเร็วต่ำกว่า 00:05:58.235 --> 00:06:00.184 แต่ทำไมพีคนี้ถึงสูงกว่าล่ะ 00:06:00.184 --> 00:06:01.550 โอเค คุณน่าจะจำไดว่า เรากำลังพูดถึง 00:06:01.550 --> 00:06:03.080 ระบบที่จำนวนโมเลกุลเท่ากัน 00:06:03.080 --> 00:06:05.350 ดังนั้นถ้าเรามีจำนวนโมเลกุลเท่ากัน 00:06:05.350 --> 00:06:07.910 มันหมายความว่าพื้นที่ใต้เส้นโค้งทั้งสองจะต้องเท่ากัน 00:06:07.910 --> 00:06:10.900 ดังนั้นถ้ากราฟนี้แคบกว่า มันก็เลยจะสูงกว่า 00:06:10.900 --> 00:06:12.760 และถ้าผมสามารถ 00:06:12.760 --> 00:06:15.380 เพิ่มอุณหภูมิของระบบนี้ให้สูงขึ้นอีก 00:06:15.380 --> 00:06:17.780 สมมุติว่าผมสร้างระบบที่สาม 00:06:17.780 --> 00:06:20.020 หรือผมให้ความร้อนระบบนี้จนถึง 400 เคลวิน 00:06:20.020 --> 00:06:24.120 การแจกแจงของระบบนั้น 00:06:24.120 --> 00:06:27.470 น่าจะเป็นแบบนี้ 00:06:27.470 --> 00:06:29.940 ถ้าผมให้ความร้อนต่อระบบ 00:06:30.270 --> 00:06:32.800 ถ้าผมให้ความร้อนต่อระบบ 00:06:32.800 --> 00:06:35.620 และนี่คือทั้งหมดเกี่ยวกับการแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:06:35.620 --> 00:06:39.800 ผมจะไม่พูดถึงสมการซับซ้อนของมัน 00:06:39.800 --> 00:06:42.128 แต่จะพูดถึงแค่แนวคิดของมัน 00:06:42.128 --> 00:06:43.530 เป็นแนวคิดที่ประณีต 00:06:43.530 --> 00:06:46.010 และจริงๆ แล้วหากคุณคิดถึงเกี่ยวกับ 00:06:46.010 --> 00:06:49.690 อัตราเร็วของอนุภาคเหล่านี้ แม้กระทั่งอากาศรอบตัวคุณ 00:06:49.690 --> 00:06:52.060 คุณคงคิดว่า "มันก็ดูอยู่นิ่งนี่นา" 00:06:52.060 --> 00:06:54.700 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อากาศรอบตัวคุณ ซึ่งประกอบด้วยไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ 00:06:54.700 --> 00:06:59.000 อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลสูงสุด 00:06:59.000 --> 00:07:00.410 หากคุณสุ่มเลือกโมเลกุล 00:07:00.410 --> 00:07:02.618 ไนโตรเจนรอบตัวคุณมาหนึ่งโมเลกุล 00:07:02.618 --> 00:07:04.340 อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลสูงสุด 00:07:04.340 --> 00:07:05.160 ผมจะเขียนมันลงไป 00:07:05.160 --> 00:07:07.039 เพราะมันอาจทำให้ตะลึง 00:07:07.039 --> 00:07:10.780 อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลสูงสุด ที่อุณหภูมิห้อง 00:07:10.784 --> 00:07:15.780 อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลสูงสุด 00:07:16.197 --> 00:07:20.154 ของแก๊สไนโตรเจนที่อุณหภูมิห้อง 00:07:20.154 --> 00:07:23.960 อุณหภูมิห้อง 00:07:25.230 --> 00:07:27.400 หากเราให้มันมีการแจกแจงแมกซ์เวลล์-โบลต์ซมานน์ 00:07:27.400 --> 00:07:30.960 การแจกแจงของไนโตรเจนที่อุณหภูมิห้อง 00:07:30.960 --> 00:07:32.620 เราสมมุติให้ 00:07:32.620 --> 00:07:35.450 อุณหภูมิห้องคือ 300 เคลวิน 00:07:35.450 --> 00:07:37.870 อัตราเร็วที่มีจำนวนโมเลกุลสูงสุดตรงนี้ 00:07:37.870 --> 00:07:40.030 คือจุดที่เรามีจำนวนโมเลกุลมากที่สุด 00:07:40.030 --> 00:07:41.400 จุดที่มีจำนวนโมเลกุลมากที่สุด 00:07:41.400 --> 00:07:43.070 ที่มีอัตราเร็วนี้ 00:07:43.630 --> 00:07:45.990 จริงๆ แล้วลองเดาดูว่าจะเป็นยังไง 00:07:45.990 --> 00:07:47.635 เพราะมันอาจจะเหลือเชื่อ 00:07:47.635 --> 00:07:49.930 จริงๆ แล้วมันมีค่าประมาณ 00:07:49.930 --> 00:07:53.690 400 และที่ 300 เคลวิน 00:07:53.690 --> 00:07:57.846 จะมีค่าประมาณ 422 เมตรต่อวินาที 00:07:57.846 --> 00:08:00.510 422 เมตรต่อวินาที 00:08:00.510 --> 00:08:04.220 ลองคิดว่ามีวัตถุเคลื่อนด้วยความเร็ว 422 เมตรต่อวินาที 00:08:04.220 --> 00:08:06.700 และถ้าแปลงเป็นไมล์ต่อชั่วโมง 00:08:06.700 --> 00:08:09.860 ก็คือ 944 00:08:09.860 --> 00:08:12.730 ไมล์ต่อชั่วโมง 00:08:12.730 --> 00:08:14.927 ดังนั้น ตอนนี้ 00:08:14.927 --> 00:08:16.850 รอบตัวคุณจะมี 00:08:16.850 --> 00:08:20.340 จำนวนโมเลกุลมากที่สุด 00:08:20.340 --> 00:08:22.300 ของแก๊สไนโตรเจนรอบตัวคุณ 00:08:22.300 --> 00:08:24.900 ที่เคลื่อนด้วยอัตราเร็วนี้ 00:08:24.900 --> 00:08:26.280 และมันกำลังชนกระแทกคุณ 00:08:26.280 --> 00:08:27.860 นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดความดันอากาศ 00:08:27.860 --> 00:08:29.480 และไม่ได้มีแค่อัตราเร็วนี้เพียงค่าเดียว 00:08:29.480 --> 00:08:31.190 มันยังมีแก๊สที่เคลื่อนได้เร็วกว่านี้ 00:08:31.190 --> 00:08:34.570 เร็วกว่า 422 เมตรต่อวินาที 00:08:34.570 --> 00:08:35.210 เร็วไปอีก 00:08:35.210 --> 00:08:37.730 มันมีอนุภาครอบตัวคุณเคลื่อนที่เร็วกว่า 00:08:37.730 --> 00:08:39.210 พันไมล์ต่อชั่วโมง 00:08:39.210 --> 00:08:41.980 และมันกำลังชนกระแทกคุณในขณะทีเรากำลังคุยกันอยู่ 00:08:41.980 --> 00:08:43.650 และคุณอาจสงสัยว่า "อ้าว แล้วทำไมเราไม่เจ็บล่ะ" 00:08:43.650 --> 00:08:47.040 โอเค นี่ทำให้คุณมีความรู้สึกว่ามวลของ 00:08:47.040 --> 00:08:48.870 แก๊สไนโตรเจนเล็กขนาดไหน 00:08:48.870 --> 00:08:51.640 ที่ทำให้มันชนคุณหนึ่งพันไมล์ต่อชั่วโมง 00:08:51.640 --> 00:08:52.640 แล้วคุณไม่รู้สึกเลย 00:08:52.640 --> 00:08:55.554 มันแค่รู้สึกเหมือนความดันอากาศปกติ 00:08:55.554 --> 00:08:57.030 นอกจากนี้หากคุณดูที่ตัวเลข 00:08:57.030 --> 00:08:59.300 422 เมตรต่อวินาที 00:08:59.300 --> 00:09:01.510 นั่นเร็วกว่าความเร็วเสียงอีก 00:09:01.510 --> 00:09:04.770 ความเร็วเสียงมีค่าประมาณ 340 เมตรต่อวินาที 00:09:04.770 --> 00:09:06.000 มันเป็นไปได้อย่างไร 00:09:06.000 --> 00:09:06.860 ลองคิดดู 00:09:06.860 --> 00:09:09.220 เสียงถูกส่งผ่านอากาศ 00:09:09.220 --> 00:09:10.970 ผ่านการชนกับอนุภาค 00:09:10.970 --> 00:09:13.420 ดังนั้นอนุภาคจะต้องเคลื่อนที่ 00:09:13.420 --> 00:09:15.300 หรืออย่างน้อยบางส่วนจะต้องเคลื่อนที่ 00:09:15.300 --> 00:09:16.780 เร็วกว่าความเร็วเสียง 00:09:16.780 --> 00:09:18.960 ดังนั้น ไม่ใช่ทั้งหมด 00:09:18.960 --> 00:09:19.910 ที่เคลื่อนที่เร็วขนาดนี้ และพวกมัน 00:09:19.910 --> 00:09:20.810 เคลื่อนในทิศทางที่ต่างกัน 00:09:20.810 --> 00:09:23.298 บางส่วนอาจไม่เคลื่อนเลย 00:09:23.298 --> 00:09:26.520 แต่บางส่วนจะเคลื่อนเร็วอย่างยิ่ง 00:09:26.520 --> 00:09:28.800 ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเหลือเชื่ออยู่นะ