WEBVTT 00:00:00.570 --> 00:00:03.708 ผมทำงานกับนักวิทยาศาสตร์,นักปรัชญา 00:00:03.708 --> 00:00:06.486 และนักคอมพิวเตอร์ 00:00:06.486 --> 00:00:08.574 และเรามานั่งคิดกัน 00:00:08.602 --> 00:00:12.030 เกี่ยวกับอนาคตสติปัญญาของจักรกล และเรื่องอื่นๆ 00:00:12.030 --> 00:00:14.638 บางคนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ 00:00:14.638 --> 00:00:17.016 เป็นเรื่องมาจาก นิยายวิทยาศาสตร์ 00:00:17.016 --> 00:00:19.856 ซึ่งห่างไกลจากเราและบ้า 00:00:19.856 --> 00:00:21.326 แต่ผมอยากจะบอกว่า 00:00:21.326 --> 00:00:23.091 เราลองมาดูถึงเงื่อนไขการใช้ชีวิต 00:00:23.091 --> 00:00:24.856 ของมนุษย์สมัยใหม่ 00:00:24.856 --> 00:00:28.112 (เสียงหัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ โดยปกติมันควรจะเป็น NOTE Paragraph 00:00:28.614 --> 00:00:31.309 และถ้าเราลองคิดดูดีๆ 00:00:31.309 --> 00:00:33.684 ก็จะรู้ว่าเราเพิ่งมาอยู่อาศัยตั้งรกรากบนโลก 00:00:33.684 --> 00:00:36.174 มนุษยชาติของเรา 00:00:36.174 --> 00:00:41.430 ลองคิดดูว่าถ้าโลกเพิ่งเกิดเมื่อปีที่แล้ว 00:00:41.430 --> 00:00:44.978 มนุษย์ก็จะเพิ่งเกิดเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว 00:00:44.978 --> 00:00:48.146 ยุคอุตสาหกรรมเพิ่งเกิดเมื่อ 2 วินาทีที่แล้ว 00:00:49.276 --> 00:00:52.027 หรืออีกวิธีนึงคือดู GDP ของโลก 00:00:52.027 --> 00:00:54.778 ตลอด 10000 ปี ที่ผ่านมา 00:00:54.778 --> 00:00:57.530 ซึ่งผมมีปัญหากับการพล็อตกราฟนี้ 00:00:57.530 --> 00:00:59.304 ดูนี่สิครับ (เสียงหัวเราะ) 00:01:00.667 --> 00:01:02.818 รูปร่างประหลาดมาก สำหรับสภาวะที่ปกติ 00:01:02.818 --> 00:01:04.516 ผมมั่นใจว่าเราคงไม่อยากนั่งทับมันหรอก 00:01:04.516 --> 00:01:07.067 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:07.067 --> 00:01:11.841 ลองถามตัวเราเอง ว่าอะไรทำให้เกิดสิ่งผิดปกตินี้ 00:01:11.841 --> 00:01:14.393 บางคนบอกว่า เพราะเทคโนโลยี 00:01:14.393 --> 00:01:19.061 ถูกสำหรับตอนนี้ เทคโนโลยีได้พัฒนามาตลอด 00:01:19.061 --> 00:01:23.713 และตอนนี้ เทคโนโลยีได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว 00:01:23.713 --> 00:01:25.278 นั่นเป็นสาเหตุที่ใกล้เคียง 00:01:25.278 --> 00:01:27.843 นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เรามีผลงานมากมายในปัจจุบัน 00:01:28.473 --> 00:01:31.275 แต่ผมอยากให้เรากลับไปคิดถึงสาเหตุ 00:01:31.275 --> 00:01:34.077 ที่ใหญ่กว่านั้น NOTE Paragraph 00:01:34.077 --> 00:01:36.034 กรุณาดูสุภาพบุรุษที่สุดแสนจะแตกต่างกันสองท่านนี้ 00:01:37.011 --> 00:01:38.480 ท่านแรกคือ Kanzi 00:01:38.480 --> 00:01:41.259 เขาสามารถแยกแยะสัญลักษณ์ได้ถึง 200 แบบ 00:01:41.259 --> 00:01:42.988 ช่างน่าทึ่ง 00:01:42.988 --> 00:01:45.038 ท่านที่สอง Ed Witten ผู้ทำให้เกิดการปฎิวัติ superstring 00:01:45.038 --> 00:01:46.817 ครั้งที่ 2 00:01:46.817 --> 00:01:49.141 ถ้าเราดูกลไกที่ถูกซ่อนไว้ นี่คือสิ่งที่เราจะเจอ 00:01:49.141 --> 00:01:50.711 โดยพื้นฐานแล้วมันคือสิ่งเดียวกัน 00:01:50.711 --> 00:01:52.524 หนึ่งในนั้นใหญ่กว่าเล็กน้อย 00:01:52.524 --> 00:01:55.282 มันอาจจะมีทริกบางอย่างในด้านการเชื่อมโยงของมัน 00:01:55.282 --> 00:01:56.282 อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่มองไม่เห็นเหล่านี้ 00:01:56.282 --> 00:01:59.094 ไม่น่าจะซับซ้อนมากนัก 00:01:59.094 --> 00:02:03.379 เพราะว่ามันเพิ่งผ่านมาเพียง 250,000 รุ่น 00:02:03.379 --> 00:02:05.111 หลังจากบรรพบุรุษที่เรามีร่วมกัน 00:02:05.111 --> 00:02:07.000 เรารู้ว่าจักรกลที่ซับซ้อนนั้น 00:02:07.000 --> 00:02:10.000 ใช้เวลานานในการพัฒนา 00:02:10.000 --> 00:02:11.000 นั่นคือ การเปลี่่ยนแปลง 00:02:11.000 --> 00:02:12.499 ที่เทียบแล้วถือว่าเล็กน้อยจำนวนหนึ่ง 00:02:12.499 --> 00:02:15.566 ทำให้เราห่างจาก Kanzi และเข้าใกล้ Witten 00:02:15.566 --> 00:02:20.109 จากกิ่งไม้หักๆ ไปสู่ขีปนาวุธข้ามทวีป NOTE Paragraph 00:02:20.839 --> 00:02:24.774 ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่า ทุกอย่างที่เราสร้างขึ้น 00:02:24.774 --> 00:02:26.152 และทุกๆ อย่างที่เราสนใจ 00:02:26.152 --> 00:02:29.650 ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงแค่เพียงเล็กน้อย 00:02:29.650 --> 00:02:32.650 ที่เกิดขึ้นในความคิดของของมนุษย์ 00:02:32.650 --> 00:02:36.312 ผลที่ตามมาก็คือ ความเปลี่ยนแปลงใดๆ หลังจากนี้ 00:02:36.312 --> 00:02:39.789 ที่สามารถเปลี่ยนพื้นฐานของความคิดไปได้ 00:02:39.789 --> 00:02:42.991 ก็อาจจะมีผลลัพธ์ที่ใหญ่หลวงตามมา NOTE Paragraph 00:02:44.321 --> 00:02:47.226 เพื่อนร่วมงานผมบางคนคิดว่า เรากำลังเข้าใกล้ 00:02:47.226 --> 00:02:51.134 อะไรบางอย่างที่ทำให้เกิด ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของวิธีคิด 00:02:51.134 --> 00:02:54.347 ซึ่งก็คือ เครื่องจักรทรงภูมิปัญญา (Machine Superintelligence) 00:02:54.347 --> 00:02:59.086 ปัญญาประดิษฐ์เคยเป็นแค่เรื่องของการป้อนคำสั่ง 00:02:59.086 --> 00:03:00.751 คุณมีนักเขียนโปรแกรมเป็นมนุษย์ 00:03:00.751 --> 00:03:03.886 ที่จะคอยใส่ความรู้เข้าไปอย่างระมัดระวัง 00:03:03.886 --> 00:03:05.972 คุณสร้างระบบผู้เชี่ยวชาญขึ้นมา 00:03:05.972 --> 00:03:08.296 ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะมีประโยชน์สำหรับบางเรื่อง 00:03:08.296 --> 00:03:10.977 แต่มันก็ยังเปราะบาง คุณไม่สามารถขยายมันออกไปอีกได้ 00:03:10.977 --> 00:03:14.410 สิ่งที่คุณได้ออกมาก็เป็นแค่สิ่งที่คุณใส่เข้าไป 00:03:14.410 --> 00:03:15.407 ตั้งแต่ตอนนั้น 00:03:15.407 --> 00:03:18.874 ความเปลี่ยนแปลงก็ได้เกิดขึ้น ในสายงานปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) NOTE Paragraph 00:03:18.874 --> 00:03:21.644 ทุกวันนี้ เรากำลังสนใจเรื่องการเรียนรู้ของเครื่องจักร 00:03:22.394 --> 00:03:27.781 แทนที่จะค่อยๆ ป้อนข้อมูลหรือความรู้ต่างๆ 00:03:28.511 --> 00:03:34.065 เราสร้างขั้นตอนวิธีในการเรียน โดยมาก ด้วยข้อมูลที่ได้จากการรับรู้ 00:03:34.065 --> 00:03:39.063 เหมือนกับสิ่งที่ทารกของมนุษย์ทำ 00:03:39.063 --> 00:03:43.270 ผลก็คือ ระบบเอไอที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงสาขาเดียว 00:03:43.270 --> 00:03:47.901 ระบบเดียวกันสามารถเรียนรู้ ที่จะแปลระหว่างคู่ภาษาใดๆ ก็ได้ 00:03:47.901 --> 00:03:53.338 หรือเรียนที่จะเล่นเกมคอมพิวเตอร์ใดๆ ด้วย เครื่อง Atari 00:03:53.338 --> 00:03:55.117 แน่นอนว่า ในตอนนี้ 00:03:55.117 --> 00:03:59.116 เอไอยังห่างไกลจากความสามารถอันทรงพลัง 00:03:59.116 --> 00:04:02.335 ในการเรียนรู้หรือวางแผนข้ามสาขาของมนุษย์ 00:04:02.335 --> 00:04:04.461 เนื้อเยื่อสมองส่วนนอกยังมีลูกเล่นบางอย่าง 00:04:04.461 --> 00:04:06.816 ที่เรายังไม่รู้ว่า เครื่องจักรจะทำตามอย่างไร NOTE Paragraph 00:04:07.886 --> 00:04:09.785 คำถามก็คือ 00:04:09.785 --> 00:04:13.285 เรายังห่างไกลจากการเลียนแบบลูกเล่นพวกนั้นแค่ไหน 00:04:14.245 --> 00:04:15.328 ไม่กี่ปีที่แล้ว 00:04:15.328 --> 00:04:18.216 เราได้ทำการสำรวจผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ชั้นนำของโลกจำนวนหนึ่ง 00:04:18.216 --> 00:04:21.440 เพื่อที่จะดูว่าพวกเขาคิดอย่างไร และหนึ่งในคำถามของเราก็คือ 00:04:21.440 --> 00:04:24.793 ปีไหนที่คุณคิดว่าเรามีโอกาส 50% 00:04:24.793 --> 00:04:28.275 ที่จะสร้างเครื่องจักรที่มีสติปัญญาระดับมนุษย์ 00:04:28.785 --> 00:04:32.968 เรานิยาม "ระดับมนุษย์" ว่าความสามารถที่จะทำ 00:04:32.968 --> 00:04:35.839 งานเกือบทุกอย่างได้ดีเทียบเท่ากับมนุษย์ผู้ใหญ่เป็นอย่างน้อย 00:04:35.839 --> 00:04:39.844 นั่นคือระดับมนุษย์จริงๆ ไม่ใช่แค่จำกัดอยู่ภายในสาขาเดียว 00:04:39.844 --> 00:04:43.494 คำตอบกลางๆ อยู่ในช่วง 2040-2050 00:04:43.494 --> 00:04:46.300 ขึ้นอยู่กับว่าเราถามผู้เชี่ยวชาญกลุ่มไหน 00:04:46.300 --> 00:04:50.339 แต่มันก็อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น หรือก่อนหน้านั้น 00:04:50.339 --> 00:04:52.279 ความจริงก็คือ ไม่มีใครรู้หรอก NOTE Paragraph 00:04:53.259 --> 00:04:57.671 แต่สิ่งที่เรารู้แน่ๆ ก็คือข้อจำกัดในการประมวลข้อมูล 00:04:57.671 --> 00:05:02.542 ของเครื่องจักรนั้น อยู่นอกเหนือข้อจำกัดของเนื้อเยื่อชีวภาพ 00:05:03.241 --> 00:05:05.619 มันกลับมาที่ฟิสิกส์ 00:05:05.619 --> 00:05:10.337 เซลล์ประสาทนั้นอาจจะส่งสัญญาณ ด้วยความถี่ 200 เฮิร์ตซ์ หรือ 200 ครั้งต่อวินาที 00:05:10.337 --> 00:05:13.931 แต่ในปัจจุบัน แม้กระทั่งทรานซิสเตอร์ ยังทำงานด้วยความถี่ระดับพันล้านเฮิร์ตซ์ 00:05:13.931 --> 00:05:19.228 สัญญาณเดินทางอย่างเชื่องช้าในแอกซอน 100 เมตรต่อวินาทีเป็นอย่างมาก 00:05:19.228 --> 00:05:22.339 แต่ในคอมพิวเตอร์ สัญญาณเดินทางเท่าความเร็วแสง 00:05:23.079 --> 00:05:24.948 นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดด้านขนาด 00:05:24.948 --> 00:05:27.975 เหมือนกับที่สมองมนุษย์ต้องบรรจุในกะโหลกได้ 00:05:27.975 --> 00:05:32.736 แต่คอมพิวเตอร์อาจมีขนาดใหญ่เท่าโกดัง หรือกว่าน้้น 00:05:32.736 --> 00:05:38.335 แสดงว่าศักยภาพของ superintelligence ยังคงหลบซ่อนอยู่ 00:05:38.335 --> 00:05:44.047 คล้ายๆ กับพลังของอะตอม ที่ไม่มีใครรู้ในอดีต 00:05:44.047 --> 00:05:48.452 รอคอยให้ถูกค้นพบ ในปี 1945 00:05:48.452 --> 00:05:49.700 ในศตวรรษนี้ นักวิทยศาสตร์อาจเรียนรู้ที่จะ 00:05:49.700 --> 00:05:53.818 ปลุกพลังของปัญญาประดิษฐ์ 00:05:53.818 --> 00:05:57.826 ซึ่งผมก็คิดว่า เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านนี้ NOTE Paragraph 00:05:58.406 --> 00:06:02.363 สำหรับคนทั่วไป เมื่อคิดว่าอะไรฉลาดหรือโง่ 00:06:02.363 --> 00:06:05.386 ผมว่าเขามีภาพคร่าวๆ ในใจอย่างนี้ครับ 00:06:05.386 --> 00:06:07.984 ปลายด้านนึงเรามีภาพคนซื่อบื้อบ้านนอกๆ 00:06:07.984 --> 00:06:10.467 ส่วนด้านนู้น ของอีกฝั่งนึง 00:06:10.467 --> 00:06:15.223 เราก็มี Ed Witten หรือ Albert Einstein หรืออัจฉริยะสุดโปรดคนไหนก็ตาม 00:06:15.223 --> 00:06:19.057 แต่ผมคิดว่า หากมองในมุมของปัญญาประดิษฐ์ 00:06:19.057 --> 00:06:22.738 ภาพจริงๆ อาจจะใกล้เคียงกับแบบนี้มากกว่าครับ 00:06:23.258 --> 00:06:26.636 เอไอเริ่มจากจุดนี้ มีความฉลาดเป็นศูนย์ 00:06:26.636 --> 00:06:29.647 หลังจากการทำงานหนักหลายๆ ปี 00:06:29.647 --> 00:06:33.491 สุดท้าย เราอาจจะเลื่อนขั้นไปสู่ความฉลาดระดับหนู 00:06:33.491 --> 00:06:35.921 บางอย่างที่สามารถหาทางเดิน รอบๆสิ่งแวดล้อมที่ยุ่งเหยิง 00:06:35.921 --> 00:06:37.908 ได้ดีพอๆกับหนู 00:06:37.908 --> 00:06:42.221 หลังจากนั้น ก็ต้องทำงานหนักอีกหลายปี และการลงทุนจำนวนมาก 00:06:42.221 --> 00:06:46.860 สุดท้าย เราอาจจะไปถึงความฉลาดระดับชิมแปนซี 00:06:46.860 --> 00:06:50.070 จากนั้นก็ทำงานต่ออีกนาน 00:06:50.070 --> 00:06:52.983 เราอาจจะเลื่อนระดับไปสู่คนซื่อบื้อบ้านนอก 00:06:52.983 --> 00:06:56.255 แล้วอีกแป๊ปเดียวหลังจากนั้น เราก็จะนำหน้า Ed Witten ไปแล้ว 00:06:56.255 --> 00:06:59.225 รถไฟไม่ได้หยุดวิ่งที่สถานีหมู่บ้านมนุษย์ 00:06:59.225 --> 00:07:02.247 แต่มันน่าจะวิ่งหวือผ่านไปเลยมากกว่า NOTE Paragraph 00:07:02.247 --> 00:07:04.231 ซึ่งนี่ มีนัยยะที่ลึกซึ้ง 00:07:04.231 --> 00:07:08.093 โดยเฉพาะเมื่อมันเกี่ยวกับคำถามเรื่องพลัง 00:07:08.093 --> 00:07:09.992 ตัวอย่างเช่น ชิมแปนซีนั้นแข็งแรง 00:07:09.992 --> 00:07:15.214 เทียบกันแล้ว อาจจะแกร่งเป็นสองเท่า ของมนุษย์ผู้ชายที่แข็งแรง 00:07:15.214 --> 00:07:19.828 แต่ถึงอย่างนั้น ชะตาของ Kanzi และพวกพ้องกลับขึ้นอยู่กับ 00:07:19.828 --> 00:07:23.968 สิ่งที่มนุษย์อย่างพวกเราทำมากกว่า สิ่งที่ชิมแปนซีด้วยกันเองทำ 00:07:25.228 --> 00:07:27.542 เมื่อ superintelligence ได้เกิดขึ้น 00:07:27.542 --> 00:07:31.381 ชะตาของมนุษยชาติอาจขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกมันทำ 00:07:32.451 --> 00:07:33.508 ลองคิดดูนะครับ 00:07:33.508 --> 00:07:38.552 ความฉลาดของเครื่องจักร จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ ชิ้นสุดท้ายที่เราได้สร้างขึ้นมา 00:07:38.552 --> 00:07:41.525 เครื่องจักรจะประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ได้ดีกว่าเรา 00:07:41.525 --> 00:07:44.065 และพวกมันจะทำอย่างนั้น ด้วยสเกลเวลาแบบดิจิตอล (digital time scale) 00:07:44.065 --> 00:07:48.966 ก็เหมือนกับการย่นเวลาให้อนาคตมาถึงเร็วขึ้น 00:07:48.966 --> 00:07:52.524 ลองคิดถึงทุกเทคโนโลยีบ้าๆ เท่าที่คุณจะจินตนาการได้ 00:07:52.524 --> 00:07:55.322 บางทีมนุษย์อาจจะพัฒนาพวกมันได้ถ้ามีเวลามากพอ 00:07:55.322 --> 00:07:58.580 ยาชะลอความแก่ การย้ายไปอยู่ในอวกาศ 00:07:58.580 --> 00:08:02.311 หุ่นนาโนบอทที่จำลองตัวเองได้ หรือการอัพโหลดจิตใจขึ้นไปสู่คอมพิวเตอร์ 00:08:02.311 --> 00:08:04.470 ทุกอย่างที่ดูเหมือนจะหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ 00:08:04.470 --> 00:08:07.207 แต่ก็ยังเป็นไปตามกฎฟิสิกส์ 00:08:07.207 --> 00:08:11.419 ทุกอย่างที่พูดมานี้ superintelligence อาจสามารถพัฒนาขึ้นมาได้ค่อนข้างรวดเร็ว NOTE Paragraph 00:08:12.449 --> 00:08:16.007 การที่เรามี superintelligence ที่เก่งด้านเทคโนโลยีขนาดนี้ 00:08:16.007 --> 00:08:18.186 คงเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากๆ 00:08:18.186 --> 00:08:22.732 และอย่างน้อยในบางกรณี มันคงจะได้ในสิ่งที่มันต้องการ 00:08:22.732 --> 00:08:28.393 เราก็จะมีอนาคตที่ขึ้นอยู่กับความต้องการของเอไอ 00:08:29.855 --> 00:08:33.604 คำถามก็คือ ความต้องการพวกนั้นคืออะไร? 00:08:34.244 --> 00:08:36.013 ตรงนี้เป็นส่วนที่ยุ่งยาก 00:08:36.013 --> 00:08:37.448 เพื่อที่จะคืบหน้าไปได้ 00:08:37.448 --> 00:08:40.724 ก่อนอื่น เราจะต้องหลีกเลี่ยงการคิดว่าพวกนั้นจะเหมือนเรา 00:08:41.934 --> 00:08:45.235 ซึ่งมันก็ย้อนแย้ง เพราะบทความในหนังสือพิมพ์ 00:08:45.235 --> 00:08:49.090 เกี่ยวกับอนาคตของเอไอ เป็นแบบนี้ 00:08:50.280 --> 00:08:54.414 ดังนั้นผมเลยคิดว่าเราน่าจะต้อง คิดในเชิงนามธรรมมากขึ้น 00:08:54.414 --> 00:08:57.204 ไม่ใช่เหมือนฉากในหนังฮอลลีวู้ด NOTE Paragraph 00:08:57.204 --> 00:09:00.821 เราต้องคิดถึงความฉลาดในฐานะ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพ 00:09:00.821 --> 00:09:06.470 กระบวนการที่คุมให้อนาคตเป็นไปตามรูปแบบเฉพาะหนึ่งๆ 00:09:06.470 --> 00:09:09.981 Superintelligence ก็คือกระบวนการ เพิ่มประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งมากๆ 00:09:09.981 --> 00:09:14.098 เก่งในการใช้วิธีต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่ง 00:09:14.098 --> 00:09:16.007 สภาวะที่เป็นไปตามเป้าหมาย 00:09:16.447 --> 00:09:19.119 หมายความว่า มันไม่จำเป็นที่จะมีความเชื่อมโยง 00:09:19.119 --> 00:09:21.853 ระหว่างมีความฉลาดมากตามความหมายนี้ 00:09:21.853 --> 00:09:26.515 กับการมีเป้าหมายที่มนุษย์อย่างเราๆ มองว่าคุ้มค่าหรือมีความหมาย NOTE Paragraph 00:09:27.321 --> 00:09:31.115 สมมติว่าเราตั้งเป้าหมายให้เอไอทำให้มนุษย์ยิ้ม 00:09:31.115 --> 00:09:34.097 ถ้าเอไอยังอ่อนแอ มันอาจทำการกระทำที่มีประโยชน์ 00:09:34.097 --> 00:09:36.614 และทำให้ผู้ใช้ยิ้ม 00:09:36.614 --> 00:09:39.031 แต่ถ้าเอไอกลายเป็น superintelligence 00:09:39.031 --> 00:09:42.554 มันจะรู้ว่ามีวิธีที่มีประสิทธิภาพดีกว่า ในการบรรลุเป้าหมาย 00:09:42.554 --> 00:09:44.476 คือขึ้นครองโลก 00:09:44.476 --> 00:09:47.638 แล้วติดขั้วไฟฟ้าไปที่กล้ามเนื้อบริเวณหน้าของคน 00:09:47.638 --> 00:09:50.579 เพื่อทำให้เกิดรอยยิ้มกว้างไม่เปลี่ยนแปลง 00:09:50.579 --> 00:09:51.614 ตัวอย่างต่อมานะครับ สมมติว่า 00:09:51.614 --> 00:09:54.997 เป้าหมายที่เราให้เอไอคือแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ยากมาก 00:09:54.997 --> 00:09:56.934 เมื่อเอไอเป็น superintelligence 00:09:56.934 --> 00:10:01.105 มันอาจตระหนักว่าวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการแก้โจทย์ 00:10:01.105 --> 00:10:04.035 คือการเปลี่ยนดาวเคราะห์ให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์ยักษ์ 00:10:04.035 --> 00:10:06.281 เพื่อที่จะเพิ่มสมรรถนะในการคิด 00:10:06.281 --> 00:10:09.045 เห็นได้ว่าสิ่งนี้ให้เหตุผลที่เป็นเครื่องมือให้เอไอ 00:10:09.045 --> 00:10:11.561 ทำสิ่งที่เราอาจไม่เห็นชอบด้วย 00:10:11.561 --> 00:10:13.496 มนุษย์ สำหรับแบบจำลองนี้ คือภัยคุกคาม 00:10:13.496 --> 00:10:16.417 เพราะมนุษย์อาจทำให้มันไม่สามารถแก้โจทย์นั้นได้ NOTE Paragraph 00:10:17.207 --> 00:10:20.701 แน่นอนว่า เหตุการณ์อาจจะไม่เกิดตามนี้เป๊ะๆ 00:10:20.701 --> 00:10:22.454 นี่เป็นแค่ตัวอย่างในการ์ตูน 00:10:22.454 --> 00:10:24.393 แต่ประเด็นหลักนี้สำคัญมาก 00:10:24.393 --> 00:10:27.266 ถ้าคุณสร้างกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพที่ทรงพลัง 00:10:27.266 --> 00:10:29.500 เพื่อจะให้มันทำงานได้ดีที่สุดเพื่อเป้าหมาย x 00:10:29.500 --> 00:10:31.776 คุณควรทำให้มั่นใจด้วยว่าคำนิยามของ x นั้น 00:10:31.776 --> 00:10:34.245 ครอบคลุมทุกๆ อย่างที่คุณสนใจ 00:10:34.835 --> 00:10:39.219 นี่เป็นบทเรียนในตำนานหลายเรื่อง 00:10:39.219 --> 00:10:44.517 ราชาไมดาส ผู้ขอให้ทุกอย่างที่เขาแตะจะเปลี่ยนเป็นทอง 00:10:44.517 --> 00:10:47.378 เขาแตะลูกสาวของเขา เธอกลายเป็นทอง 00:10:47.378 --> 00:10:49.931 เขาแตะอาหาร มันก็กลายเป็นทอง 00:10:49.931 --> 00:10:52.520 ซึ่งนี่อาจจะเกี่ยวข้องอย่างมาก 00:10:52.520 --> 00:10:54.590 ไม่ใช่แค่ในฐานะการอุปมาถึงความโลภ 00:10:54.590 --> 00:10:56.485 แต่ในฐานะของสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น 00:10:56.485 --> 00:10:59.322 หากคุณสร้างกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพที่ทรงพลัง 00:10:59.322 --> 00:11:04.111 และให้เป้าหมายที่ไม่ชัดเจนหรืออาจถูกตีความผิดกับมัน NOTE Paragraph 00:11:04.111 --> 00:11:09.300 คุณอาจจะคิดว่า "ถ้ามันเริ่มติดขั้วไฟฟ้ากับหน้าคนจริง 00:11:09.300 --> 00:11:11.565 เราก็ปิดเครื่องมันซะสิ" 00:11:12.555 --> 00:11:17.895 หนึ่ง มันอาจจะไม่ง่ายที่จะทำอย่างนั้น ถ้าเราต้องพึ่งพาระบบนี้อีกมาก 00:11:17.895 --> 00:11:20.627 เช่น... ไหนล่ะปุ่มปิดสวิตช์อินเตอร์เนต 00:11:20.627 --> 00:11:25.747 สอง ทำไมชิมแปนซีถึงไม่ปิดสวิตช์มนุษยชาติ 00:11:25.747 --> 00:11:27.298 หรือมนุษย์นีแอนเดอร์ทัล 00:11:27.298 --> 00:11:29.964 พวกมันมีเหตุผลแน่นอน 00:11:29.964 --> 00:11:32.759 พวกเรามีปุ่มปิดสวิตช์ ตัวอย่างเช่น ตรงนี้ 00:11:32.759 --> 00:11:34.313 (สำลัก) 00:11:34.313 --> 00:11:37.238 เหตุผลนั้นก็คือพวกเราเป็นศัตรูที่มีความฉลาด 00:11:37.238 --> 00:11:39.966 เราเห็นถึงภัยคุกคามและวางแผนจัดการมัน 00:11:39.966 --> 00:11:42.470 เช่นเดียวกับ superintelligence ตัวนั้น 00:11:42.470 --> 00:11:45.724 และมันคงทำได้ดีกว่าเรา 00:11:45.724 --> 00:11:52.911 ประเด็นก็คือเราไม่ควรจะมั่นใจ..ว่าเราสามารถควบคุมมันได้ NOTE Paragraph 00:11:52.911 --> 00:11:56.358 เราอาจจะทำให้งานมันง่ายขึ้น 00:11:56.358 --> 00:11:57.948 โดยการใส่เอไอตัวนั้นในกล่อง 00:11:57.948 --> 00:11:59.744 เช่นสภาพแวดล้อมทางซอฟต์แวร์แบบปิด 00:11:59.744 --> 00:12:02.766 ระบบจำลองเสมือนจริง ที่มันหนีออกมาไม่ได้ 00:12:02.766 --> 00:12:06.912 แต่เราจะมั่นใจได้แค่ไหนว่าเอไอจะหาช่องโหว่(Bug) ไม่เจอ 00:12:06.912 --> 00:12:10.081 ในเมื่อคนที่เป็นแฮกเกอร์ทั่วๆ ไปยังหาบั๊กเจอได้ตลอด 00:12:10.081 --> 00:12:13.117 สรุปคือ มั่นใจไม่ได้มากนั่นเอง 00:12:14.237 --> 00:12:18.785 เราอาจถอดสายอีเทอร์เน็ตเพื่อให้เกิดช่องว่างขึ้น 00:12:18.785 --> 00:12:21.453 แต่ก็เหมือนเดิม แฮกเกอร์ก็ยังฝ่่ามาได้เป็นประจำ 00:12:21.453 --> 00:12:24.834 โดยใช้วิศวกรรมสังคม 00:12:24.834 --> 00:12:26.093 ในขณะที่ผมกำลังพูดอยู่นี้ 00:12:26.093 --> 00:12:28.482 ผมเชื่อว่า มีลูกจ้างคนนึงอยู่ซักแห่ง 00:12:28.482 --> 00:12:31.828 กำลังถูกล่อให้บอกข้อมูลของเธอ 00:12:31.828 --> 00:12:34.574 กับคนที่บอกว่าตัวเองมาจากแผนกไอที NOTE Paragraph 00:12:34.574 --> 00:12:36.701 เหตุการณ์ที่แปลกกว่านี้ก็ยังเป็นไปได้ 00:12:36.701 --> 00:12:38.016 เช่นถ้าคุณเป็นเอไอ 00:12:38.016 --> 00:12:41.548 คุณอาจจะหมุนขั้วไฟฟ้าในวงจรภายใน 00:12:41.548 --> 00:12:45.010 เพื่อสร้างคลื่นวิทยุ คุณจะได้สื่อสารได้ 00:12:45.010 --> 00:12:47.434 หรือคุณอาจจะแกล้งทำเป็นพัง 00:12:47.434 --> 00:12:50.931 พอโปรแกรมเมอร์มาเช็กว่ามีอะไรผิดปกติ 00:12:50.931 --> 00:12:52.867 เขาก็จะดูโค้ดโปรแกรม 00:12:52.867 --> 00:12:55.314 ตู้ม! การควบคุมก็สามารถเริ่มขึ้นได้ 00:12:55.314 --> 00:12:58.744 หรือมันอาจจะสร้างพิมพ์เขียวของเทคโนโลยีดีๆ 00:12:58.744 --> 00:13:00.142 แล้วพอเราสร้างตามนั้น 00:13:00.142 --> 00:13:04.539 มันก็มีผลข้างเคียงลับๆ ที่เอไอวางแผนไว้ 00:13:04.539 --> 00:13:08.002 ประเด็นก็คือ เราไม่ควรมั่นใจในความสามารถของเรา 00:13:08.002 --> 00:13:11.810 ว่าจะขังยักษ์จีนี่ superintelligence ไว้ในตะเกียงตลอดไปได้ 00:13:11.810 --> 00:13:14.064 ไม่ช้าก็เร็ว มันก็จะออกมาอยู่ดี NOTE Paragraph 00:13:15.034 --> 00:13:18.137 ผมเชื่อว่า ทางออกก็คือ 00:13:18.137 --> 00:13:23.161 การหาวิธีสร้างเอไอ ที่ถึงแม้ว่ามันจะหนีออกมาได้ 00:13:23.161 --> 00:13:26.438 มันก็ยังไม่เป็นภัย เพราะโดยเนื้อแท้แล้วมันอยู่ฝั่งเดียวกับเรา 00:13:26.438 --> 00:13:28.337 เพราะเราและมันมีความเชื่อหรือค่านิยมเหมือนกัน 00:13:28.337 --> 00:13:31.547 ผมไม่เห็นทางออกอื่นของปัญหานี้อีกแล้ว NOTE Paragraph 00:13:32.557 --> 00:13:36.391 ที่จริง ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเราสามารถแก้ปัญหานี้ได้ 00:13:36.391 --> 00:13:40.294 เราคงไม่ต้องนั่งลิสต์ทุกอย่างที่เราแคร์ 00:13:40.294 --> 00:13:43.937 หรือแย่ไปกว่านั้น เขียนพวกมันในภาษาคอมพิวเตอร์ 00:13:43.937 --> 00:13:45.391 เช่น C++ หรือ Python 00:13:45.391 --> 00:13:48.158 นั่นคงเป็นงานที่น่าสิ้นหวังเอามากๆ 00:13:48.158 --> 00:13:52.455 แต่เราจะสร้างเอไอที่ใช้ความฉลาดของมัน 00:13:52.455 --> 00:13:55.226 ไปเรียนรู้สิ่งที่เราเห็นคุณค่า 00:13:55.226 --> 00:14:00.506 ระบบแรงจูงใจของมันจะถูกสร้าง เพื่อให้มันอยากจะ 00:14:00.506 --> 00:14:05.738 เรียนรู้ค่านิยมของเรา หรือทำสิ่งที่มันคาดว่าเราจะเห็นด้วย 00:14:05.738 --> 00:14:09.152 ดังนั้น เราจะให้อำนาจความฉลาดของมันให้มากที่สุด 00:14:09.152 --> 00:14:11.897 ไปในการแก้ปัญหาเรื่องค่านิยมที่ไม่ตรงกัน NOTE Paragraph 00:14:12.727 --> 00:14:14.239 สิ่งนี้สามารถเป็นไปได้ 00:14:14.239 --> 00:14:17.835 และผลของมันอาจมีประโยชน์มากต่อมนุษยชาติ 00:14:17.835 --> 00:14:21.792 แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติ 00:14:21.792 --> 00:14:24.790 เงื่อนไขตั้งต้นของความก้าวหน้าในด้านนี้ 00:14:24.790 --> 00:14:27.653 ต้องถูกวางแผนจัดการในทางที่ถูกต้อง 00:14:27.653 --> 00:14:31.183 หากเราต้องการให้ผลที่ออกมาควบคุมได้ 00:14:31.183 --> 00:14:33.801 ค่านิยมที่เอไอมีจะต้องเทียบเท่ากับของเรา 00:14:33.801 --> 00:14:35.561 ไม่ใช่แค่ในบริบทเดิมๆ 00:14:35.561 --> 00:14:37.999 ที่เราสามารถตรวจสอบพฤติกรรมของมันได้ 00:14:37.999 --> 00:14:41.233 แต่ยังรวมถึงบริบทใหม่ๆ ที่เอไออาจจะเจอ 00:14:41.233 --> 00:14:42.790 ในอนาคตอันไม่สิ้นสุด NOTE Paragraph 00:14:42.790 --> 00:14:47.527 นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเฉพาะอื่นๆ ที่จำเป็นต้องแก้ 00:14:47.527 --> 00:14:49.616 รายละเอียดของทฤษฏีการตัดสินใจของมัน 00:14:49.616 --> 00:14:52.480 วิธีการรับมือกับความไม่แน่นอน และอื่นๆ 00:14:53.330 --> 00:14:56.432 ปัญหาเฉพาะทางเหล่านี้อาจจะทำให้งานนี้ดู 00:14:56.432 --> 00:14:57.545 ค่อนข้างยาก 00:14:57.545 --> 00:15:00.925 ไม่ยากถึงขนาดการสร้างเอไอทรงภูมิปัญญา 00:15:00.925 --> 00:15:03.793 แต่ก็ยากในระดับหนึ่ง 00:15:03.793 --> 00:15:05.488 นี่คือสิ่งที่น่าเป็นกังวล 00:15:05.488 --> 00:15:10.172 การสร้างเอไอทรงภูมิปัญญาเป็นความท้าทายที่ยากมากๆ 00:15:10.172 --> 00:15:12.720 การสร้างเอไอที่ทั้งทรงภูมิปัญญาและไม่เป็นภัย 00:15:12.720 --> 00:15:15.136 นั่นเป็นความท้าทายที่ยากยิ่งกว่า 00:15:16.216 --> 00:15:19.703 ความเสี่ยงคือ กรณีที่มีคนแก้ปัญหาแรกได้สำเร็จ 00:15:19.703 --> 00:15:22.704 โดยที่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาที่สอง 00:15:22.704 --> 00:15:24.605 ซึ่งจะเป็นตัวรับประกันความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบได้ NOTE Paragraph 00:15:25.375 --> 00:15:28.706 ผมจึงคิดว่า เราควรจะหาทางออก 00:15:28.706 --> 00:15:31.528 ของปัญหาด้านการควบคุมล่วงหน้าไว้ 00:15:31.528 --> 00:15:34.188 เพื่อที่เราจะได้เตรียมพร้อมใช้ในกรณีที่จำเป็น 00:15:34.768 --> 00:15:38.275 ซึ่งมันก็เป็นไปได้ ที่เราจะไม่สามารถ แก้ปัญหาทั้งหมดได้ล่วงหน้า 00:15:38.275 --> 00:15:41.299 เพราะบางองค์ประกอบอาจจะแก้ได้ 00:15:41.299 --> 00:15:45.296 หลังจากที่เรารู้รายละเอียดของงานที่มันจะถูกใช้เท่านั้น 00:15:45.296 --> 00:15:48.676 แต่ยิ่งเราสามารถแก้ปัญหาล่วงหน้าได้มากเท่าไหร่ 00:15:48.676 --> 00:15:52.766 โอกาสที่การเปลี่ยนแปลงไปสู่ ยุคปัญญาประดิษฐ์จะเป็นไปด้วยดี 00:15:52.766 --> 00:15:54.306 ก็มากเท่านั้น NOTE Paragraph 00:15:54.306 --> 00:15:58.950 สำหรับผมแล้ว นี่เป็นสิ่งที่คู่ควรกับการลงแรงทำ 00:15:58.950 --> 00:16:02.282 ผมจินตนาการได้เลยว่า ถ้าผลออกมาโอเค 00:16:02.282 --> 00:16:06.940 ผู้คนในอีกหนึ่งล้านปีข้างหน้ามองย้อนมาในศตวรรษนี้ 00:16:06.940 --> 00:16:10.942 เขาจะพูดกันว่าสิ่งหนึ่งที่เราทำ ซึ่งสำคัญจริงๆ 00:16:10.942 --> 00:16:12.509 คือการทำให้สิ่งนี้ถูกต้อง NOTE Paragraph 00:16:12.509 --> 00:16:14.194 ขอบคุณ 00:16:14.204 --> 00:16:15.054 (เสียงปรบมือ)