WEBVTT 00:00:00.198 --> 00:00:03.563 เสียงเป็นส่วนสำคัญนะคะ ในความคิดของฉัน สำหรับประสบการณ์ในการใช้ดินสอ 00:00:03.588 --> 00:00:07.064 และมันก็มีเสียงการขีดเขียนนี่จริง ๆ NOTE Paragraph 00:00:07.088 --> 00:00:09.290 (เสียงขีดเขียน) NOTE Paragraph 00:00:10.286 --> 00:00:12.806 [ของธรรมดากับแนวคิดที่ยิ่งใหญ่] NOTE Paragraph 00:00:13.985 --> 00:00:16.313 [คาโรลีน เวฟเวอร์ พูดถึงดินสอ] NOTE Paragraph 00:00:16.556 --> 00:00:18.926 ดินสอเป็นของธรรมดา ๆ 00:00:18.950 --> 00:00:21.435 มันทำมาจากไม้ที่มีชั้นเคลือบภายนอก 00:00:21.459 --> 00:00:22.975 และยางลบ และส่วนแกน 00:00:22.999 --> 00:00:25.395 ซึ่งทำมาจากกราไฟต์ ดินเหนียว และน้ำ 00:00:25.419 --> 00:00:27.951 ทว่า ด้วยแรงงานคนหลายร้อย ในช่วงหลายศตวรรษทีเดียว 00:00:27.975 --> 00:00:29.651 ที่ถูกใช้ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งการออกแบบนี้ 00:00:29.675 --> 00:00:32.956 และมันก็มีประวัติศาสตร์ความร่วมมือ อันยาวนาน 00:00:32.980 --> 00:00:35.638 ซึ่งสำหรับฉันแล้ว ทำให้มันเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน NOTE Paragraph 00:00:36.075 --> 00:00:38.349 เรื่องราวของดินสอเริ่มขึ้นจากกราไฟต์ 00:00:38.373 --> 00:00:41.290 คนเริ่มพบว่าสสารใหม่นี้ 00:00:41.314 --> 00:00:42.925 มีประโยชน์ในการใช้งานจริง ๆ 00:00:42.949 --> 00:00:45.107 พวกเขาตัดมันเป็นชิ้นเล็ก ๆ 00:00:45.131 --> 00:00:47.599 และพันมันด้วยลวด หนังแกะ หรือกระดาษ 00:00:47.623 --> 00:00:49.617 และขายตามท้องถนนในกรุงลอนดอน 00:00:49.641 --> 00:00:51.797 เพื่อที่จะเอาไว้ใช้เขียนหรือวาด 00:00:51.821 --> 00:00:54.313 หรือ บ่อยครั้งทีเดียว ที่ชาวนาและคนเลี้ยงแกะ 00:00:54.337 --> 00:00:55.996 ใช้มันเพื่อทำเครื่องหมายบนสัตว์ของพวกเขา 00:00:56.020 --> 00:00:57.263 ในฝรั่งเศส 00:00:57.287 --> 00:01:01.441 นิโคลัส แจ๊ค คอนเต้ พบวิธีการบดกราไฟต์ 00:01:01.465 --> 00:01:04.584 และผสมมันเข้ากับดินเหนียวป่น และน้ำเพื่อให้มันกลายเป็นก้อนแป้งเปียก 00:01:04.608 --> 00:01:07.777 จากนั้น ก็กดมันผ่านสู่เบ้าพิมพ์ และเผาในเตาเผา 00:01:07.801 --> 00:01:10.751 และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ แกนกราไฟต์ที่แข็งมาก ๆ 00:01:10.775 --> 00:01:13.894 ที่จะไม่แตกหักง่าย เรียบ และใช้งานได้ 00:01:13.918 --> 00:01:17.014 มันดีกว่าอะไรก็ตามที่มีอยู่ในเวลานั้น 00:01:17.038 --> 00:01:20.848 และจนถึงวันนี้ วิธีการดังกล่าว ก็ยังคงถูกใช้ในการผลิตดินสอ NOTE Paragraph 00:01:21.461 --> 00:01:24.588 ขณะเดียวกัน ในทวีปอเมริก ในคอนคอร์ด รัฐแมสซาชูเซ็ท 00:01:24.612 --> 00:01:27.660 เฮนรี เดวิด โทรัว ได้ประดิษฐ์ระดับการให้คะแนน 00:01:27.684 --> 00:01:29.770 สำหรับความแข็งของดินสอขึ้นมา 00:01:29.794 --> 00:01:31.717 มันถูกจัดตามคะแนนตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ 00:01:31.741 --> 00:01:35.392 เลขสองหมายถึงความแข็งที่เหมาะสม สำหรับการใช้งานทั่วไป 00:01:35.416 --> 00:01:37.966 ยิ่งดินสอนุ่มเท่าไร มันก็ยิ่งมีกราไฟต์มากเท่านั้น 00:01:37.990 --> 00:01:40.355 และก็จะให้เส้นที่ เข้มกว่าและเรียบเนียนกว่า 00:01:41.495 --> 00:01:43.782 ยิ่งดินสอแข็งเท่าไร มันก็ยิ่งมีดินเหนียวมากเท่านั้น 00:01:43.806 --> 00:01:45.816 และให้เส้นที่มีสีจางกว่าและคมกว่า NOTE Paragraph 00:01:46.607 --> 00:01:49.774 แต่เดิม เมื่อดินสอยังถูกทำขึ้นด้วยมือ พวกมันถูกทำออกมาให้เป็นแท่งกลม 00:01:49.798 --> 00:01:51.472 มันไม่มีวิธีการผลิตได้โดยง่าย 00:01:51.496 --> 00:01:54.758 และชาวอเมริกันนี่เอง ที่เป็นผู้ใช้เครื่องจักรในการผลิตมัน 00:01:54.782 --> 00:01:56.728 หลายคนยกความดีความชอบให้ โจเซฟ ไดซอน 00:01:56.752 --> 00:02:00.440 ว่าเป็นหนึ่งในคนแรก ๆ ที่เริ่มพัฒนาเครื่องจักรเฉพาะ 00:02:00.464 --> 00:02:04.371 เพื่อที่จะใช้ตัดไม้เป็นแผ่น เจาะช่องในไม้นั้น 00:02:04.395 --> 00:02:05.604 และใส่กาวลงไป 00:02:05.628 --> 00:02:08.439 พวกเขาพบว่า มันง่ายกว่าและสิ้นเปลืองน้อยกว่า 00:02:08.463 --> 00:02:10.091 ถ้าทำดินสอออกมาเป็นทรงหกเหลี่ยม 00:02:10.115 --> 00:02:11.973 และนั่นก็กลายเป็นมาตรฐาน NOTE Paragraph 00:02:12.558 --> 00:02:14.121 ตั้งแต่เริ่มมีดินสอ 00:02:14.145 --> 00:02:16.210 ผู้คนก็ชอบที่มันสามารถลบได้ 00:02:17.942 --> 00:02:19.510 แต่เดิม เศษขนมปัง 00:02:19.534 --> 00:02:21.617 ถูกใช้เพื่อขัดถูส่วนที่เป็นรอยดินสอออกไป 00:02:21.641 --> 00:02:23.210 ก่อนที่ยางและหินภูเขาไฟจะถูกนำมาใช้ 00:02:23.675 --> 00:02:26.967 ยางลบที่ถูกติดเข้าไปเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1858 00:02:26.991 --> 00:02:30.948 เมื่อคนขายเครื่องเขียนชาวอเมริกัน ไฮเมน ลิปแมน จดสิทธิบัตรดินสอแท่งแรก 00:02:30.972 --> 00:02:32.354 ที่มียางลบติดอยู่ 00:02:32.378 --> 00:02:34.250 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนบทบาทของดินสอ 00:02:34.965 --> 00:02:38.359 ดินสอสีเหลืองแท่งแรกของโลก คือ KOH-I-NOOR 1500 00:02:38.383 --> 00:02:39.888 KOH-I-NOOR ได้ทำสิ่งที่แหวกแนวนี้ 00:02:39.912 --> 00:02:42.825 ซึ่งก็คือการทาสีดินสอด้วยสีเหลือง 14 ชั้น 00:02:42.849 --> 00:02:44.782 และจุ่มปลายมันลงไปใน ทอง 14 กะรัต NOTE Paragraph 00:02:45.442 --> 00:02:47.016 ดินสอมีไว้สำหรับทุกคน 00:02:47.040 --> 00:02:49.447 และดินสอทุกแท่งก็มีเรื่องราว 00:02:50.046 --> 00:02:54.425 แบล๊ควิง 602 มีชื่อเสียง เพราะมันถูกใช้โดยนักเขียนมากมาย 00:02:54.449 --> 00:02:57.409 โดยเฉพาะ จอห์น สเตนเบค และวลาดีมีร์ โนโบคอฟ 00:02:57.433 --> 00:03:00.037 และจากนั้น เราก็มีบริษัทดินสอไดซอน 00:03:00.061 --> 00:03:02.998 พวกเขาเป็นผู้ผลิต ไดซอน ไทคอนดีโรกา 00:03:03.022 --> 00:03:04.173 มันเป็นภาพลักษณ์ของดินสอ 00:03:04.197 --> 00:03:06.724 มันคือสิ่งที่คนนึกถึงเมื่อพูดกันถึงดินสอ 00:03:06.748 --> 00:03:09.171 และเป็นสิ่งที่คนคิดถึงเมื่อพูดถึงโรงเรียน 00:03:09.195 --> 00:03:11.409 และสำหรับฉัน ดินสอเป็นสิ่งที่ 00:03:11.433 --> 00:03:13.910 คนทั่วไปไม่เคยคิดทบทวนกันอย่างจริงจัง 00:03:13.934 --> 00:03:16.079 ว่ามันถูกผลิตขึ้นอย่างไร หรือว่าทำไมมันถูกถูกผลิตด้วยวิธีการนั้น 00:03:16.103 --> 00:03:18.047 เพราะว่ามันเป็นมาเช่นนั้นมาตลอดอยู่แล้ว NOTE Paragraph 00:03:19.050 --> 00:03:21.284 ในความคิดของฉัน เราไม่สามารถทำอะไร 00:03:21.308 --> 00:03:23.172 ได้มากกว่านี้อีกแล้วเพื่อพัฒนาดินสอ 00:03:24.267 --> 00:03:25.417 มันสมบูรณ์แบบที่สุดค่ะ