WEBVTT 00:00:06.630 --> 00:00:11.734 ระบบนิเวศน์อันหลากหลายอุดมสมบูรณ์ของโลกเรา อาจดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน 00:00:11.734 --> 00:00:15.037 แต่อันที่จริงแล้วมันเปราะบาง ต่อการล่มสลาย 00:00:15.037 --> 00:00:17.034 ป่าอาจกลายเป็นทะเลทราย 00:00:17.034 --> 00:00:19.666 และแนวปะการังอาจกลายเป็นแนวหินไร้ชีวิต 00:00:19.666 --> 00:00:23.972 แม้จะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางธรรมชาติ เช่น ภูเขาไฟ หรือดาวเคราะห์ชนโลก 00:00:23.972 --> 00:00:28.466 อะไรทำให้ระบบนิเวศน์หนึ่งแข็งแรง และอีกที่หนึ่งอ่อนแอท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง 00:00:28.466 --> 00:00:32.217 คำตอบในภาพรวมคือ ความหลากหลายทางชีวภาพ 00:00:32.217 --> 00:00:35.692 ความหลากหลายทางชีวภาพ เกิดขึ้นจากความพิเศษสามสิ่งที่เชื่อมโยงกัน 00:00:35.692 --> 00:00:37.720 ความหลากหลายของระบบนิเวศน์ 00:00:37.720 --> 00:00:39.585 ความหลากหลายของสายพันธุ์ 00:00:39.585 --> 00:00:41.696 และความหลากหลายทางพันธุกรรม 00:00:41.696 --> 00:00:44.589 ยิ่งสามสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกันมากเท่าใด 00:00:44.589 --> 00:00:48.321 ความสัมพันธ์ก็ยิ่งแนบแน่น และยืดหยุ่นมากขึ้นเท่านั้น 00:00:48.321 --> 00:00:50.305 ตัวอย่าง เช่น ป่าฝนแอมะซอน 00:00:50.305 --> 00:00:53.292 หนึ่งในพื้นที่ ที่มีหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก 00:00:53.292 --> 00:00:55.289 เพราะระบบนิเวศน์ที่ซับซ้อนของมัน 00:00:55.289 --> 00:00:57.086 สายพันธุ์ที่ผสมปนเปกันมากมาย 00:00:57.086 --> 00:00:59.849 และความหลากหลายทางพันธุกรรม ภายในสายพันธุ์พวกนั้น 00:00:59.849 --> 00:01:01.678 นี่คือเถาต้นเลียน่า (liana) อันคดเคี้ยว 00:01:01.678 --> 00:01:04.918 ที่เลื้อยขึ้นมาจากพื้นป่ามาเป็นร่มเงา 00:01:04.918 --> 00:01:07.047 สอดประสานกับยอดไม้ 00:01:07.047 --> 00:01:11.657 และลำต้นที่เป็นเนื้อไม้หนา ที่ประคองบรรดาต้นไม้ที่สูงราวกับหอคอย 00:01:11.657 --> 00:01:13.299 ด้วยความช่วยเหลือของเถาวัลย์นี้ 00:01:13.299 --> 00:01:16.963 ต้นไม้ให้เมล็ด ผลไม้ และใบไม้แก่สัตว์กินพืช 00:01:16.963 --> 00:01:19.821 เช่น สมเสร็จ และ หนูเข็ม 00:01:19.821 --> 00:01:23.778 ที่กระจายเมล็ดของมันไปทั่วป่า เพื่อให้มันสามารถเติบโตได้ 00:01:23.778 --> 00:01:26.207 ส่วนที่เหลือถูกกินโดยแมลงนับล้านๆ 00:01:26.207 --> 00:01:30.223 ที่ย่อยสลายและรีไซเคิลสารอาหาร เพื่อสร้างดินอันอุดมสมบูรณ์ 00:01:30.223 --> 00:01:34.910 ป่าร้อนชื้นเป็นระบบขนาดมโหฬาร ที่เต็มไปด้วยระบบเล็กๆ มากมายเช่นนี้ 00:01:34.910 --> 00:01:38.188 แต่ละระบบอัดแน่นไปด้วยสายพันธุ์ ที่เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน 00:01:38.188 --> 00:01:40.471 ทุกความเชื่อมโยงให้ความมั่นคง กับความเชื่อมโยงถัดไป 00:01:40.471 --> 00:01:43.329 ทำให้การโยงใยของความหลากหลายทางชีวภาพ มั่นคงแข็งแรง 00:01:43.329 --> 00:01:45.092 การโยงใยนี้ถูกเสริมความแข็งแรงขึ้นอีก 00:01:45.092 --> 00:01:48.976 ด้วยความหลากหลายทางพันธุกรรม ในแต่ละสายพันธุ์ 00:01:48.976 --> 00:01:51.484 ซึ่งทำให้มันสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลง 00:01:51.484 --> 00:01:54.441 สายพันธุ์ที่ขาดความหลากหลายทางพันธุกรรม เนื่องจากการแยก 00:01:54.441 --> 00:01:56.182 หรือมีประชากรน้อย 00:01:56.182 --> 00:01:58.491 จะเปราะบางมากกว่าต่อการเปลี่ยนแปลง 00:01:58.491 --> 00:02:03.042 ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โรค และที่อยู่อาศัยที่ถูกแยกย่อย 00:02:03.042 --> 00:02:06.713 เมื่อใดก็ตามที่สายพันธุ์สูญหายไป เพราะแหล่งรวมพันธุกรรมของมันอ่อนแอ 00:02:06.713 --> 00:02:10.945 ปมนี้ก็จะถูกคลาย และส่วนของการโยงใยก็จะแยกสลาย 00:02:10.945 --> 00:02:14.511 แล้วถ้าเราเอาสิ่งมีชีวิตหนึ่งสายพันธุ์ออกจากป่าล่ะ 00:02:14.511 --> 00:02:16.945 ระบบจะแตกสลายหรือเปล่า 00:02:16.945 --> 00:02:18.388 อาจจะไม่ 00:02:18.388 --> 00:02:19.610 ปริมาณของสายพันธุ์ 00:02:19.610 --> 00:02:21.062 ความหลากหลายทางพันธุกรรมของมัน 00:02:21.062 --> 00:02:23.249 และความซับซ้อนของระบบนิเวศน์ 00:02:23.249 --> 00:02:26.135 ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ อันอุดมในป่านี้ 00:02:26.135 --> 00:02:30.802 ช่องว่างของหนึ่งสายพันธุ์ที่หายไปในการโยงใย ไม่ทำให้มันแตกสลาย 00:02:30.802 --> 00:02:34.457 ป่าสามารถเยีวยาตัวเอง และฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงได้ 00:02:34.457 --> 00:02:36.509 แต่มันไม่ใช่แบบนี้ทุกกรณี 00:02:36.509 --> 00:02:40.271 ในสภาพแวดล้อมบางอย่าง การเอาส่วนสำคัญออกไปเพียงส่วนเดียว 00:02:40.271 --> 00:02:42.747 ก็สามารถกร่อนทำลายทั้งระบบได้ 00:02:42.747 --> 00:02:44.963 ตัวอย่างเช่น แนวปะการัง 00:02:44.963 --> 00:02:48.215 สิ่งมีชีวิตมากมายในแนวปะการัง ต้องพึ่งพาปะการัง 00:02:48.215 --> 00:02:51.801 มันให้ที่พักอาศัยขนาดจิ๋ว ที่กำบังและที่ผสมพันธุ์ 00:02:51.801 --> 00:02:56.397 สำหรับปลานับพันสายพันธ์ุ สัตว์พวกกุ้งหอยต่างๆ 00:02:56.397 --> 00:03:01.186 ปะการังยังมีความสัมพันธ์ที่พึ่งพากัน กับราและแบคทีเรีย 00:03:01.186 --> 00:03:02.987 ตัวปะการังเองคือหูกทอผ้า 00:03:02.987 --> 00:03:07.261 ที่การโยงใยของความหลากหลายทางชีวภาพ ได้ถูกถักทอขึ้น 00:03:07.261 --> 00:03:09.624 นั่นทำให้ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตหลัก 00:03:09.624 --> 00:03:12.974 ที่ความอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตมากมาย ต้องพึ่งพามัน 00:03:12.974 --> 00:03:15.670 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าการจับปลาแบบทำลายล้าง 00:03:15.670 --> 00:03:18.237 มลภาวะ และภาวะทะเลเป็นกรด 00:03:18.237 --> 00:03:21.775 ทำให้ปะการังอ่อนแอ หรือฆ่ามันตายทั้งหมด 00:03:21.775 --> 00:03:23.695 อย่างที่คุณคิดไว้เลย 00:03:23.695 --> 00:03:28.478 การสูญเสียสายพันธุ์หลัก ทำให้สิ่งที่ต้องพึ่งพามันตายไปด้วย 00:03:28.478 --> 00:03:31.241 เป็นการคุกคามผืนปะการังทั้งหมด 00:03:31.241 --> 00:03:34.232 ระบบนิเวศน์ สายพันธุ์ และความหลากหลายทางพันธุกรรม 00:03:34.232 --> 00:03:37.991 ร่วมกันถักทอเป็นที่การโยงใยซับซ้อน ของความหลากหลายทางชีวภาพ 00:03:37.991 --> 00:03:41.593 ที่สำคัญต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตบนโลก 00:03:41.593 --> 00:03:44.711 มนุษย์เราก็ถูกถักทอเข้าใน ความหลากหลายทางชีวภาพนี้ด้วย 00:03:44.711 --> 00:03:46.983 เมื่อเส้นใยเพียงบางเส้นหายไป 00:03:46.983 --> 00:03:49.394 ความอยู่ดีมีสุขของเราก็ถูกคุกคาม 00:03:49.394 --> 00:03:52.796 ตัดเส้นใยออกไปมากเข้า เราก็เสี่ยงที่จะทำทุกอย่างแตกสลาย 00:03:52.796 --> 00:03:55.365 อนาคตจะเป็นอย่างไรไม่อาจคาดเดาได้ 00:03:55.365 --> 00:03:58.301 แต่ความหลากหลายทางชีวภาพ สามารถให้หลักประกันแก่เรา 00:03:58.301 --> 00:04:02.597 เป็นตาข่ายนิรภัยของโลก ที่จะปกป้องความอยู่รอดของพวกเรา