1 00:00:00,707 --> 00:00:03,505 ฉันอยากเริ่มต้นด้วยการแจกทางลัด 2 00:00:03,505 --> 00:00:06,129 เปลี่ยนชีวิตให้คุณฟรีๆ 3 00:00:06,129 --> 00:00:08,750 สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือ 4 00:00:08,750 --> 00:00:12,937 เปลี่ยนมาดของคุณเป็นเวลาสองนาที 5 00:00:12,937 --> 00:00:16,361 แต่ก่อนที่จะเฉลย ตอนนี้ฉันอยากให้คุณ 6 00:00:16,361 --> 00:00:19,954 สำรวจร่างกายตัวเอง รวมถึงว่าคุณทำอะไรกับร่างกายของคุณอยู่ 7 00:00:19,954 --> 00:00:22,369 มีใครบ้างคะที่กำลังทำให้ตัวเองดูตัวเล็กลง? 8 00:00:22,369 --> 00:00:25,090 คุณอาจกำลังนั่งหลังโกง นั่งไขว่ห้าง 9 00:00:25,090 --> 00:00:26,014 นั่งไขว้ขา 10 00:00:26,014 --> 00:00:29,753 บางครั้ง เรากอดอกแบบนี้ 11 00:00:29,753 --> 00:00:33,424 บางทีเรากางแขนออก (เสียงหัวเราะ) 12 00:00:33,424 --> 00:00:35,696 ฉันเห็นนะคะ (เสียงหัวเราะ) 13 00:00:35,696 --> 00:00:38,211 ทีนี้ ฉันอยากให้คุณเพ่งความสนใจ ต่อสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ตอนนี้ 14 00:00:38,211 --> 00:00:40,425 เราจะกลับมาพูดเรื่องนี้ในอีกสองสามนาที 15 00:00:40,425 --> 00:00:43,817 และฉันหวังว่าถ้าคุณเรียนรู้ ที่จะเปลี่ยนแปลงมันสักเล็กน้อย 16 00:00:43,817 --> 00:00:47,453 มันอาจเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เลย 17 00:00:47,453 --> 00:00:51,977 คนเราหลงใหลเรื่องภาษากาย 18 00:00:51,977 --> 00:00:53,936 และเราสนใจเป็นพิเศษ 19 00:00:53,936 --> 00:00:55,900 กับภาษากายของคนอื่นๆ 20 00:00:55,900 --> 00:01:00,121 รู้ไหมคะ เราสนใจใน เอิ่ม 21 00:01:00,121 --> 00:01:04,519 การมีปฏิสัมพันธ์แบบกระอักกระอ่วน หรือการยิ้ม 22 00:01:04,519 --> 00:01:08,751 การเหลือบมองแบบดูหมิ่น หรือการขยิบตาแบบกระอักกระอ่วน 23 00:01:08,751 --> 00:01:11,989 แม้แต่การจับมือ 24 00:01:11,989 --> 00:01:14,667 ผู้บรรยาย: พวกเขาเข้ามาถึง กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ และดูสิครับ 25 00:01:14,667 --> 00:01:17,343 เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้โชคดีได้จับมือกับท่านประธานาธิบดี 26 00:01:17,343 --> 00:01:19,831 แห่งสหรัฐอเมริกา โอ้ มาแล้วครับ 27 00:01:19,831 --> 00:01:24,758 นายกรัฐมนตรีแห่ง -- ไม่เหรอ (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 28 00:01:24,758 --> 00:01:26,846 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 29 00:01:26,846 --> 00:01:31,140 เอมี่: ดังนั้นการจับมือ หรือการไม่จับมือ 30 00:01:31,140 --> 00:01:33,664 กลายเป็นหัวข้อสนทนาได้นานหลายสัปดาห์ 31 00:01:33,664 --> 00:01:35,804 แม้แต่สำนักข่าวบีบีซี และนิวยอร์กไทมส์ 32 00:01:35,804 --> 00:01:39,755 ดังนั้น ชัดเจนว่าเมื่อเราคิดถึงพฤติกรรมของอวัจนภาษา 33 00:01:39,755 --> 00:01:43,143 หรือภาษากาย แต่นักสังคมศาสตร์เรียกมันว่าอวัจนภาษา 34 00:01:43,143 --> 00:01:46,023 มันเป็นภาษาอย่างหนึ่ง เราจึงคิดว่ามันเป็นการสื่อสาร 35 00:01:46,023 --> 00:01:48,450 เมื่อเราคิดว่ามันเป็นการสื่อสาร เราคิดถึงการมีปฏิสัมพันธ์ 36 00:01:48,450 --> 00:01:51,289 ดังนั้น ภาษากายของคุณกำลังสื่อสารอะไรกับฉัน 37 00:01:51,289 --> 00:01:53,555 และภาษากายของฉันกำลังสื่อสารอะไรกับคุณ 38 00:01:53,555 --> 00:01:57,773 และมันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เราชื่อว่า นี่เป็นมุมมองที่ถูกต้อง 39 00:01:57,773 --> 00:02:00,308 ดังนั้น นักสังคมศาสตร์จึงทุ่มเทเวลา 40 00:02:00,308 --> 00:02:03,700 ศึกษาผลกระทบจากภาษากายของเรา 41 00:02:03,700 --> 00:02:06,209 และภาษากายของผู้คนอื่นๆ กับการตัดสินคน 42 00:02:06,209 --> 00:02:09,648 เรามักตัดสินและอนุมานลักษณะของคนจากภาษากาย 43 00:02:09,648 --> 00:02:13,638 และการตัดสินเหล่านั้นสามารถทำนาย ผลกระทบใหญ่หลวงต่อชีวิตได้เลยทีเดียว 44 00:02:13,638 --> 00:02:17,431 เช่นใครที่เราจะจ้างหรือเลื่อนขั้น หรือใครที่เราจะขอออกเดทด้วย 45 00:02:17,431 --> 00:02:22,116 ตัวอย่างเช่น นาลินี แอมบาดี (Nalini Ambady) นักวิจัยที่ Tufts University 46 00:02:22,116 --> 00:02:26,588 แสดงให้เห็นว่า เมื่อคนดูคลิปวิดีโอ ความยาว 30 วินาที ที่ไม่มีเสียงพูด 47 00:02:26,588 --> 00:02:29,612 ของการปฏิสัมพันธ์จริงระหว่างแพทย์กับคนไข้ 48 00:02:29,612 --> 00:02:32,445 การตัดสินของพวกเขาว่าแพทย์นั้นดูใจดีแค่ไหน 49 00:02:32,445 --> 00:02:35,082 ใช้เป็นตัวทำนายได้ว่าแพทย์คนนั้นจะถูกฟ้องหรือไม่ 50 00:02:35,082 --> 00:02:37,276 แพทย์คนนั้นจะไร้ความสามารถหรือเปล่า ไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ 51 00:02:37,276 --> 00:02:39,421 แต่มันขึ้นกับว่าเราชอบแพทย์คนนั้นหรือเปล่า 52 00:02:39,421 --> 00:02:42,117 และเขามีปฏิสัมพันธ์กับเราอย่างไร 53 00:02:42,117 --> 00:02:45,052 ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้น อเล็กซ์ โทโดรอฟ (Alex Todorov) จาก Princeton ได้แสดงให้เห็นว่า 54 00:02:45,052 --> 00:02:48,729 การตัดสินจากใบหน้า ของผู้เข้าสมัครชิงตำแหน่งการเมือง 55 00:02:48,729 --> 00:02:53,316 ภายในหนึ่งวินาที ก็สามารถทำนายผล การเลือกตั้งวุฒิสภา 56 00:02:53,316 --> 00:02:56,547 และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐได้แม่นถึง 70% 57 00:02:56,547 --> 00:02:58,769 และแม้แต่ในโลกดิจิตอล 58 00:02:58,769 --> 00:03:02,914 การใช้อีโมติคอนอย่างเหมาะสมในการเจรจาออนไลน์ 59 00:03:02,914 --> 00:03:05,746 สามารถทำกำไรให้คุณจากการเจรจานั้นได้มากกว่า 60 00:03:05,746 --> 00:03:08,969 แต่ถ้าคุณใช้อย่างไม่เหมาะสม ก็เป็นความคิดที่แย่ ใช่ไหมคะ 61 00:03:08,969 --> 00:03:11,866 ดังนั้น เมื่อเราคิดถึงอวัจนภาษา เราคิดถึงการที่เราตัดสินคนอื่น 62 00:03:11,866 --> 00:03:14,968 คนอื่นๆ ตัดสินเราอย่างไร และอะไรคือผลที่เกิดตามมา 63 00:03:14,968 --> 00:03:16,848 แต่เรามักจะลืมผู้รับสารอีกหนึ่งคน 64 00:03:16,848 --> 00:03:20,523 ที่ได้รับผลกระทบจากอวัจนภาษาของเรา นั่นก็คือตัวเราเอง 65 00:03:20,523 --> 00:03:23,736 เราได้รับอิทธิพลจากอวัจนภาษาของเรา ความคิดของเรา 66 00:03:23,736 --> 00:03:26,099 ความรู้สึกของเรา และปฏิกิริยาทางร่างกายของเรา 67 00:03:26,099 --> 00:03:29,162 แล้วอวัจนภาษาที่ฉันกำลังพูดถึงคืออะไรล่ะคะ? 68 00:03:29,162 --> 00:03:32,105 ฉันเป็นนักจิตวิทยาสังคม ฉันศึกษาเรื่องอคติ 69 00:03:32,105 --> 00:03:34,832 และฉันสอนที่โรงเรียนธุรกิจชื่อดังแห่งหนึ่ง 70 00:03:34,832 --> 00:03:39,316 ดังนั้นฉันจึงอดไม่ได้ ที่จะสนใจเรื่องพลวัตของอำนาจ 71 00:03:39,316 --> 00:03:43,128 ฉันสนใจการแสดงออกถึงอำนาจและการครอบงำ 72 00:03:43,128 --> 00:03:45,131 ผ่านทางอวัจนภาษาเป็นพิเศษ 73 00:03:45,131 --> 00:03:47,789 แล้วอวัจนภาษาที่สื่อถึงพลังอำนาจคืออะไร 74 00:03:47,789 --> 00:03:49,953 นี่ค่ะ คืออวัจนภาษาที่ว่า 75 00:03:49,953 --> 00:03:52,831 ในอาณาจักรสัตว์ มันคือการขยายตัว 76 00:03:52,831 --> 00:03:55,841 คุณทำตัวเองให้ดูใหญ่ คุณยืดตัวออก 77 00:03:55,841 --> 00:03:58,782 คุณทำตัวพอง พูดง่ายๆ คือเปิดตัวเองออก 78 00:03:58,782 --> 00:04:01,772 มันคือการเปิดตัวออก มันเป็นอย่างนี้ 79 00:04:01,772 --> 00:04:05,532 ในอาณาจักรสัตว์ทุกชนิด ไม่เฉพาะสัตว์ตระกูลลิง 80 00:04:05,532 --> 00:04:08,952 มนุษย์ก็ทำเช่นเดียวกัน (เสียงหัวเราะ) 81 00:04:08,952 --> 00:04:12,663 คนเราทำท่าทางนี้ ทั้งตอนที่อยู่ในฐานะที่มีอำนาจ 82 00:04:12,663 --> 00:04:15,664 และตอนที่รู้สึกมีอำนาจเพียงชั่วขณะหนึ่ง 83 00:04:15,664 --> 00:04:18,569 สิ่งนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะมันแสดงให้เราเห็นว่า 84 00:04:18,569 --> 00:04:22,758 วิธีแสดงออกถึงพลังอำนาจนี้ มันเป็นสากลและเก่าแก่แค่ไหน 85 00:04:22,758 --> 00:04:25,357 การแสดงออกนี้ ซึ่งเรียกกันว่า ความทะนงตน 86 00:04:25,357 --> 00:04:28,405 เจสสิกา เทรซี (Jessica Tracy) ได้ทำการศึกษา และแสดงให้เห็นว่า 87 00:04:28,405 --> 00:04:30,517 คนที่เกิดมามีสายตามองเห็น 88 00:04:30,517 --> 00:04:33,458 และคนที่ตาบอดตั้งแต่เกิดล้วนทำสิ่งนี้ 89 00:04:33,458 --> 00:04:35,772 เมื่อพวกเขาชนะการแข่งขันอะไรสักอย่าง 90 00:04:35,772 --> 00:04:37,750 เมื่อเขาวิ่งข้ามเส้นชัย และเขาเป็นที่หนึ่ง 91 00:04:37,750 --> 00:04:39,861 มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเคยเห็นคนอื่น ทำสิ่งนั้นมาก่อนหรือไม่ 92 00:04:39,861 --> 00:04:40,947 พวกเขาจะทำแบบนี้เสมอ 93 00:04:40,947 --> 00:04:44,390 ชูแชนขึ้นเป็นรูปตัว V เชิดคางขึ้น 94 00:04:44,390 --> 00:04:46,934 แล้วเราทำอย่างไรเมื่อเรารู้สึกไร้อำนาจ 95 00:04:46,934 --> 00:04:50,984 เราทำในสิ่งตรงกันข้าม เราปิดตัวเอง ห่อตัว 96 00:04:50,984 --> 00:04:54,448 เราทำตัวให้เล็กลง เราไม่อยากกระทบกระทั่งกับคนที่อยู่ข้างๆ 97 00:04:54,448 --> 00:04:57,489 เช่นเดียวกัน ทั้งสัตว์และมนุษย์ทำในสิ่งเดียวกัน 98 00:04:57,489 --> 00:05:00,569 และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณเอาคนที่มีอำนาจ 99 00:05:00,569 --> 00:05:02,880 และไร้อำนาจมาอยู่ด้วยกัน สิ่งที่พวกเรามักทำ 100 00:05:02,880 --> 00:05:07,248 เมื่อมีความเหลื่อมล้ำของอำนาจ คือ เราจะเป็นคู่เสริมทางอวัจนภาษาของกันและกัน 101 00:05:07,248 --> 00:05:09,679 ดังนั้น ถ้าบางคนมีอำนาจกว่าเรามากๆ 102 00:05:09,679 --> 00:05:11,904 เรามีแนวโน้มจะทำตัวเล็กลง เราจะไม่เลียนแบบเขา 103 00:05:11,904 --> 00:05:13,937 เราทำในสิ่งตรงกันข้าม 104 00:05:13,937 --> 00:05:17,136 ฉันเฝ้าสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ในห้องเรียน 105 00:05:17,136 --> 00:05:23,922 และฉันเห็นอะไรรู้ไหมคะ? ฉันสังเกตว่านักเรียนบริหารธุรกิจ 106 00:05:23,922 --> 00:05:26,926 ใช้อวัจนภาษาแสดงออกถึงอำนาจอย่างเต็มที่ 107 00:05:26,926 --> 00:05:29,394 คุณจะเห็นคนที่ทำตัวเหมือนเป็นจ่าฝูง 108 00:05:29,394 --> 00:05:32,384 ปราดเข้ามาในห้อง เข้ามากลางห้อง 109 00:05:32,384 --> 00:05:36,316 ก่อนที่การเรียนจะเริ่มขึ้น พวกเขาต้องการจะจับจองพื้นที่ 110 00:05:36,316 --> 00:05:38,205 เมื่อพวกเขานั่งลง เขาจะแผ่ขยายตัวเอง 111 00:05:38,205 --> 00:05:40,337 พวกเขายกมือขึ้นแบบนี้ 112 00:05:40,337 --> 00:05:42,972 คุณจะพบคนอื่นๆ ที่ตัวแทบจะหดหายไปเลย 113 00:05:42,972 --> 00:05:45,296 เมื่อพวกเขาเข้ามา ทันที่ที่พวกเขาเข้ามา 114 00:05:45,296 --> 00:05:47,834 คุณจะเห็นได้จากหน้าตาท่าทางของพวกเขา 115 00:05:47,834 --> 00:05:49,820 และพวกเขานั่งในเก้าอี้ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุด 116 00:05:49,820 --> 00:05:52,969 และพวกเขาทำอย่างนี้เวลายกมือ 117 00:05:52,969 --> 00:05:54,646 ฉันสังเกตเห็นสองสิ่งจากเรื่องนี้ 118 00:05:54,646 --> 00:05:56,383 หนึ่ง คุณจะไม่ประหลาดใจเลย 119 00:05:56,383 --> 00:05:58,727 ว่ามันดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับเพศ 120 00:05:58,727 --> 00:06:04,192 ผู้หญิงมีแนวโน้มสูงกว่าผู้ชาย ที่จะทำท่าแบบนี้ 121 00:06:04,192 --> 00:06:06,778 ผู้หญิงรู้สึกถึงความด้อยอำนาจกว่าผู้ชายอยู่เสมอ 122 00:06:06,778 --> 00:06:10,733 ดังนั้นมันจึงไม่น่าประหลาดใจ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตก็คือ 123 00:06:10,733 --> 00:06:13,578 มันเหมือนจะเกี่ยวข้องรวมไปถึง 124 00:06:13,578 --> 00:06:17,259 การที่นักเรียนจะมีส่วนร่วมในห้องเรียนมากแค่ไหน และมีส่วนร่วมดีแค่ไหนด้วย 125 00:06:17,259 --> 00:06:19,841 ซึ่งมันสำคัญมากในห้องเรียนของวิชาบริหารธุรกิจ 126 00:06:19,841 --> 00:06:22,522 เพราะการมีส่วนร่วมคิดเป็นครึ่งหนึ่งของเกรด 127 00:06:22,522 --> 00:06:26,995 ดังนั้น โรงเรียนบริหารธุรกิจค่อนข้างมีปัญหา เรื่องช่องว่างของเกรดที่เกิดจากเพศ 128 00:06:26,995 --> 00:06:30,267 คุณได้นักเรียนที่มีคุณสมบัติดีพอๆ กัน ทั้งหญิงและชายเข้ามาเรียน 129 00:06:30,267 --> 00:06:32,263 แต่คุณกลับได้เกรดที่แตกต่างกัน 130 00:06:32,263 --> 00:06:35,523 เพราะความแตกต่างในการมีส่วนร่วมในห้องเรียน 131 00:06:35,523 --> 00:06:38,546 ฉันจึงเริ่มสงสัยว่า 132 00:06:38,546 --> 00:06:41,070 เอาล่ะ คุณมีคนเหล่านี้ ซึ่งเข้ามาแบบนี้ 133 00:06:41,070 --> 00:06:44,741 เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเราให้คนเหล่านี้แสร้งทำท่าทางมีอำนาจ 134 00:06:44,741 --> 00:06:46,713 มันจะชักจูงให้พวกเขามีส่วนร่วมมากขึ้น 135 00:06:46,713 --> 00:06:51,378 ดังนั้น ผู้ร่วมงานคนสำคัญของฉัน ดานา คาร์นีย์ (Dana Carney) ที่เบิร์คลีย์ (Berkeley) 136 00:06:51,378 --> 00:06:54,933 และตัวฉัน อยากจะรู้ว่า คุณจะแสร้งทำ จนกระทั่งคุณทำได้จริงๆ หรือไม่ 137 00:06:54,933 --> 00:06:57,963 คือ คุณสามารถทำท่าแบบนี้สักครู่หนึ่ง 138 00:06:57,963 --> 00:07:01,786 เพื่อให้ได้ประสบการณ์ทางพฤติกรรม ที่ทำให้คุณรู้สึกมีอำนาจได้ไหม 139 00:07:01,786 --> 00:07:05,338 เรารู้ว่าอวัจนภาษาของเราควบคุม ความคิดและความรู้สึก 140 00:07:05,338 --> 00:07:07,031 ที่คนอื่นมีต่อเรา มีหลักฐานสนับสนุนมากมาย 141 00:07:07,031 --> 00:07:10,143 แต่คำถามของเราจริงๆ ก็คือ อวัจนภาษาของเรา 142 00:07:10,143 --> 00:07:13,253 สามารถควบคุมวิธีที่เราคิด และรู้สึกต่อตัวเราเองได้หรือไม่ 143 00:07:13,253 --> 00:07:15,943 มีหลักฐานบางชิ้นที่สนับสนุนว่ามันเป็นจริง 144 00:07:15,943 --> 00:07:20,579 ยกตัวอย่างเช่น เรายิ้มเมื่อมีความสุข 145 00:07:20,579 --> 00:07:22,757 ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเราถูกบังคับให้ยิ้ม 146 00:07:22,757 --> 00:07:27,172 โดยคาบปากกาไว้แบบนี้ มันทำให้เรารู้สึกมีความสุขไปด้วย 147 00:07:27,172 --> 00:07:30,253 ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ทั้งสองทาง และเมื่อเป็นเรื่องของอำนาจ 148 00:07:30,253 --> 00:07:35,468 มันก็เป็นไปได้ทั้งสองทางเช่นกัน เมื่อคุณรู้สึกมีอำนาจ 149 00:07:35,468 --> 00:07:38,854 คุณมีแนวโน้มจะทำแบบนี้ และก็เป็นไปได้เช่นกัน 150 00:07:38,854 --> 00:07:44,460 ที่เมื่อคุณแสร้งทำเป็นมีอำนาจ คุณจะมีแนวโน้ม 151 00:07:44,460 --> 00:07:46,888 ที่จะรู้สึกมีอำนาจขึ้นมาจริงๆ 152 00:07:46,888 --> 00:07:49,948 คำถามข้อที่สอง ก็คือ 153 00:07:49,948 --> 00:07:52,531 เรารู้ว่าจิตใจของเราส่งผลกระทบต่อร่างกาย 154 00:07:52,531 --> 00:07:56,948 และก็จริงอีกเช่นกันว่า ร่างกายของเราสามารถ ส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ด้วย 155 00:07:56,948 --> 00:07:59,675 และเมื่อฉันพูดถึงจิตใจ ในบริบทเรื่องอำนาจ 156 00:07:59,675 --> 00:08:01,047 ฉันหมายถึงอะไร 157 00:08:01,047 --> 00:08:03,213 ฉันหมายถึงความคิดและความรู้สึก 158 00:08:03,213 --> 00:08:06,668 และปฏิกิริยาทางสรีระวิทยา ที่รวมกันเป็นความคิดและความรู้สึกของเรา 159 00:08:06,668 --> 00:08:09,876 ในกรณีของฉัน มันคือฮอร์โมน ฉันศึกษาฮอร์โมน 160 00:08:09,876 --> 00:08:12,979 จิตใจของผู้ที่มีอำนาจและผู้ที่ไร้อำนาจ 161 00:08:12,979 --> 00:08:14,210 นั้นเป็นเช่นไร? 162 00:08:14,210 --> 00:08:18,506 ไม่น่าแปลกใจเลย คนที่มีอำนาจมักจะ 163 00:08:18,506 --> 00:08:22,730 มีความหนักแน่น มั่นใจ มองโลกในแง่ดี 164 00:08:22,730 --> 00:08:25,729 พวกเขารู้สึกจริงๆ ว่าพวกเขาจะชนะ แม้แต่ในเกมเสี่ยงโชค 165 00:08:25,729 --> 00:08:29,908 สามารถคิดในเชิงนามธรรมได้ดีกว่า 166 00:08:29,908 --> 00:08:32,514 รับความเสี่ยงได้สูงกว่า 167 00:08:32,514 --> 00:08:35,367 ผู้ที่มีอำนาจกับผู้ไร้อำนาจ มีความแตกต่างกันสูงมาก 168 00:08:35,367 --> 00:08:38,659 ในทางสรีระวิทยาก็มีความแตกต่างกันมาก ในฮอร์โมนหลักสองตัว 169 00:08:38,659 --> 00:08:42,724 คือ เทสโทสเตอโรน (testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการแสดงอำนาจ 170 00:08:42,724 --> 00:08:46,387 และคอร์ติซอล (cortisol) ซึ่งคือฮอร์โมนความเครียด 171 00:08:46,387 --> 00:08:49,724 สิ่งที่เราพบก็คือ 172 00:08:49,724 --> 00:08:53,563 ในสัตว์ตระกูลลิง จ่าฝูงตัวผู้ที่มีอำนาจมาก 173 00:08:53,563 --> 00:08:56,761 มีเทสโทสเตอโรนสูง และคอร์ติซอลต่ำ 174 00:08:56,761 --> 00:09:00,287 และผู้นำที่มีอำนาจและมีประสิทธิภาพ 175 00:09:00,287 --> 00:09:02,542 ก็มีเทสโทสเตอโรนสูง และคอร์ติซอลต่ำเช่นกัน 176 00:09:02,542 --> 00:09:04,845 นั่นหมายถึงอะไร เมื่อคุณคิดถึงอำนาจ 177 00:09:04,845 --> 00:09:07,270 คนมักคิดถึงแต่เทสโทสเตอโรน 178 00:09:07,270 --> 00:09:09,058 เพราะมันเกี่ยวกับการแสดงอำนาจ 179 00:09:09,058 --> 00:09:12,528 แต่จริงๆ แล้ว อำนาจนั้นหมายรวมถึง การตอบสนองของคุณต่อความเครียดด้วย 180 00:09:12,528 --> 00:09:15,657 คุณต้องการผู้นำที่มีอำนาจ ที่มีอำนาจเหนือคนอื่นๆ 181 00:09:15,657 --> 00:09:18,399 มีเทสโทสเตอโรนสูง แต่อ่อนไหวต่อความเครียดหรือเปล่า 182 00:09:18,399 --> 00:09:20,734 คงไม่ คุณต้องการบุคคล 183 00:09:20,734 --> 00:09:23,018 ที่มีอำนาจ มั่นคง เด่นกว่าคนอื่น 184 00:09:23,018 --> 00:09:26,706 และไม่อ่อนไหวต่อความเครียด บุคคลซึ่งทำตัวผ่อนคลาย 185 00:09:26,706 --> 00:09:32,938 เรารู้ว่าในโครงสร้างสังคมของสัตว์ตระกูลลิง 186 00:09:32,938 --> 00:09:36,629 ถ้าจ่าฝูงต้องการครอบครอง ถ้าใครสักคนหนึ่งต้องสวมบทบาท 187 00:09:36,629 --> 00:09:39,186 ของจ่าฝูงอย่างทันทีทันใด 188 00:09:39,186 --> 00:09:42,297 ภายสองไม่กี่วัน ระดับเทสโทสเตอโรนของคนนั้นจะสูงขึ้น 189 00:09:42,297 --> 00:09:45,802 อย่างมีนัยสำคัญ และระดับคอร์ติซอล ก็จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน 190 00:09:45,802 --> 00:09:48,843 เรามีหลักฐานว่าร่างกายสามารถ 191 00:09:48,843 --> 00:09:51,209 เปลี่ยนแปลงจิตใจ อย่างน้อยก็ในระดับผิวเผิน 192 00:09:51,209 --> 00:09:55,338 และการเปลี่ยนบทบาทก็สามารถ เปลี่ยนแปลงจิตใจได้ด้วย 193 00:09:55,338 --> 00:09:58,120 แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคุณเปลี่ยนบทบาท 194 00:09:58,120 --> 00:10:00,704 จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณทำอะไรเล็กน้อยมากๆ 195 00:10:00,704 --> 00:10:03,117 เช่นการปรับเปลี่ยนเล็กๆ การแทรกแซงเล็กๆ แบบนี้ 196 00:10:03,117 --> 00:10:05,768 โดยพูดกับตัวเองว่า "ในสองนาที ฉันจะยืนท่านี้ 197 00:10:05,768 --> 00:10:08,551 และนั่นจะทำให้ฉันรู้สึกมีอำนาจมากขึ้น" 198 00:10:08,551 --> 00:10:13,026 นี่คือสิ่งที่เราทำ เรานำคนกลุ่มหนึ่ง 199 00:10:13,026 --> 00:10:17,239 มายังห้องทดลองและทำการทดลองเล็กๆ 200 00:10:17,239 --> 00:10:21,668 คนกลุ่มนี้ จะต้องทำท่าแห่งอำนาจ 201 00:10:21,668 --> 00:10:23,917 หรือท่าไร้อำนาจเป็นเวลาสองนาที 202 00:10:23,917 --> 00:10:26,879 ฉันจะให้ดูภาพท่าเหล่านี้ 5 แบบ แม้ว่าพวกเขาจะใช้แค่สองแบบเท่านั้น 203 00:10:26,879 --> 00:10:29,359 นี่คือท่าหนึ่ง 204 00:10:29,359 --> 00:10:31,453 อีกสองท่า 205 00:10:31,453 --> 00:10:34,271 ท่านี้ถูกตั้งชื่อว่า "วันเดอร์วูแมน" 206 00:10:34,271 --> 00:10:36,646 โดยสื่อต่างๆ 207 00:10:36,646 --> 00:10:37,968 นี่คืออีกสองท่า 208 00:10:37,968 --> 00:10:40,322 ดังนั้นคุณสามารถยืนหรือนั่งก็ได้ 209 00:10:40,322 --> 00:10:42,307 และนี่คือ ท่าไร้อำนาจ 210 00:10:42,307 --> 00:10:46,370 คุณห่อตัว ทำตัวเองให้เล็กลง 211 00:10:46,370 --> 00:10:48,109 ท่านี้เป็นท่าที่ไร้อำนาจจริงๆ 212 00:10:48,109 --> 00:10:49,466 เมื่อคุณแตะคอตัวเอง 213 00:10:49,466 --> 00:10:52,092 จริงๆ แล้วคุณกำลังปกป้องตัวเอง 214 00:10:52,092 --> 00:10:54,677 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเข้ามา 215 00:10:54,677 --> 00:10:56,437 เราแบ่งเขาออกเป็นสองกลุ่ม 216 00:10:56,437 --> 00:10:59,610 เราบอกเขาว่า "คุณต้องทำท่าแบบนี้ หรือไม่ก็แบบนี้" 217 00:10:59,610 --> 00:11:01,403 พวกเขาไม่ได้ดูรูปของท่าทางเหล่านั้น เพราะเราไม่อยากชี้นำ 218 00:11:01,403 --> 00:11:04,783 ให้เขาคิดถึงเรื่องอำนาจ เราต้องการให้พวกเขารู้สึกถึงอำนาจด้วยตัวเอง 219 00:11:04,783 --> 00:11:06,842 ดังนั้น พวกเขาทำท่าเหล่านี้เป็นเวลา 2 นาที 220 00:11:06,842 --> 00:11:10,051 จากนั้นเราก็ถามพวกเขาว่า "คุณรู้สึกมีอำนาจแค่ไหน" โดยใช้คำถามหลายข้อ 221 00:11:10,051 --> 00:11:12,818 แล้วเราก็ให้โอกาสเขาเสี่ยงพนัน 222 00:11:12,818 --> 00:11:15,583 และจากนั้นเราเก็บตัวอย่างน้ำลาย 223 00:11:15,583 --> 00:11:17,148 แค่นั้นเอง นั่นคือการทดลองทั้งหมด 224 00:11:17,148 --> 00:11:20,854 และนี่คือสิ่งที่เราค้นพบ การยอมรับความเสี่ยง ซึ่งในที่นี้คือการพนัน 225 00:11:20,854 --> 00:11:23,752 เราพบว่า เมื่อคุณทำท่ามีอำนาจสูง 226 00:11:23,752 --> 00:11:27,250 86 เปอร์เซ็นต์ของพวกคุณจะกล้าพนัน 227 00:11:27,250 --> 00:11:29,195 เมื่อคุณอยู่ในท่าไร้อำนาจ 228 00:11:29,195 --> 00:11:33,370 มีแค่ 60 เปอร์เซ็นต์ที่กล้าเสี่ยง นั่นมันแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทีเดียว 229 00:11:33,370 --> 00:11:35,850 นี่คือสิ่งที่เราพบในเรื่องเทสโทสเตอโรน 230 00:11:35,850 --> 00:11:39,355 เทียบกับระดับเทสโทสเตอโรนก่อนเริ่มทดลอง กลุ่มมีอำนาจ 231 00:11:39,355 --> 00:11:41,717 มีเทสโทสเตอโรนเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ 232 00:11:41,717 --> 00:11:46,338 กลุ่มคนไร้อำนาจ มีเทสโทสเตอโรนลดลง ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ 233 00:11:46,338 --> 00:11:49,155 เพียงแค่สองนาที คุณก็ได้การเปลี่นแปลงเหล่านี้ 234 00:11:49,155 --> 00:11:51,907 และนี่คือผลที่ได้ในเรื่องคอร์ติซอล ในกลุ่มคนมีอำนาจ 235 00:11:51,907 --> 00:11:54,954 มีคอร์ติซอลลดลงประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ 236 00:11:54,954 --> 00:11:59,086 และในกลุ่มคนไร้อำนาจ มีคอร์ติซอลเพิ่มขึ้น ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ 237 00:11:59,086 --> 00:12:01,818 ดังนั้น เพียงแค่สองนาทีก็นำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเหล่านี้ 238 00:12:01,818 --> 00:12:04,835 ที่ปรับเปลี่ยนสมองคุณให้เป็นได้ทั้ง 239 00:12:04,835 --> 00:12:07,763 หนักแน่น มั่นใจ และสบาย 240 00:12:07,763 --> 00:12:11,771 หรือ อ่อนไหวต่อความเครียด 241 00:12:11,771 --> 00:12:15,627 รู้สึกปิดกั้นตัวเอง พวกเราต่างเคยรู้สึกแบบนั้นใช่ไหมคะ 242 00:12:15,627 --> 00:12:18,514 ดังนั้น มันเหมือนว่าอวัจนภาษาของเราสามารถควบคุม 243 00:12:18,514 --> 00:12:20,835 วิธีที่เราคิดและรู้สึกเกี่ยวกับตัวเราเอง 244 00:12:20,835 --> 00:12:23,291 ไม่เพียงแค่คนอื่น แต่รวมถึงตัวเราเองด้วย 245 00:12:23,291 --> 00:12:25,718 และร่างกายของเราก็เปลี่ยนแปลงจิตใจเราได้ 246 00:12:25,718 --> 00:12:28,124 แต่แน่นอน คำถามถัดไปก็คือ 247 00:12:28,124 --> 00:12:29,638 การทำท่าแห่งอำนาจเพียงสองสามนาที 248 00:12:29,638 --> 00:12:31,929 สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้จริงๆ จังๆ หรือเปล่า 249 00:12:31,929 --> 00:12:34,575 นี่มันแค่การทดลองในห้องทดลอง มันเป็นงานเล็กๆ 250 00:12:34,575 --> 00:12:37,171 ใช้เวลาเพียงสองนาที คุณจะเอามันไปใช้จริงๆ ได้ที่ไหนบ้าง 251 00:12:37,171 --> 00:12:39,946 ก็ในสถานการณ์ที่สำคัญกับเราน่ะสิ 252 00:12:39,946 --> 00:12:44,123 และเราคิดว่าจริงๆ แล้ว มันสำคัญมาก ฉันหมายถึง 253 00:12:44,123 --> 00:12:46,711 คุณควรจะนำมันไปใช้ในสถานการณ์ ที่คุณจะต้องถูกประเมิน 254 00:12:46,711 --> 00:12:50,164 เช่น ในสถานการณ์ที่ถูกคุกคามทางสังคม ที่คุณกำลังถูกประเมิน 255 00:12:50,164 --> 00:12:53,848 ไม่ว่าจะโดยเพื่อนๆ เช่น สำหรับวัยรุ่น ก็คือสถานการณ์ในห้องทานอาหารกลางวัน 256 00:12:53,848 --> 00:12:56,053 สำหรับบางคน อาจเป็นการพูด 257 00:12:56,053 --> 00:12:59,077 ในที่ประชุมคณะกรรมการของโรงเรียน หรือการนำเสนอผลงาน 258 00:12:59,077 --> 00:13:01,934 หรือการบรรยายแบบนี้ 259 00:13:01,934 --> 00:13:04,732 หรือการสัมภาษณ์งาน 260 00:13:04,732 --> 00:13:07,224 เราคิดว่า สถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงได้ 261 00:13:07,224 --> 00:13:08,461 เพราะคนส่วนใหญ่เคยผ่านมาแล้ว 262 00:13:08,461 --> 00:13:09,843 นั่นคือการสัมภาษณ์งาน 263 00:13:09,843 --> 00:13:13,796 ดังนั้นเราจึงตีพิมพ์การค้นพบนี้ และสื่อต่างๆ 264 00:13:13,796 --> 00:13:16,390 ก็พากันตื่นเต้น และพวกเขาบอกว่า นี่คือสิ่งที่คุณต้องทำ 265 00:13:16,390 --> 00:13:19,590 เมื่อคุณไปสัมภาษณ์งาน ใช่ไหมคะ (เสียงหัวเราะ) 266 00:13:19,590 --> 00:13:21,981 ตอนนั้นเรากลัวมาก และกล่าวว่า 267 00:13:21,981 --> 00:13:24,166 โอ้ พระเจ้า ไม่นะไม่ เราไม่ได้หมายความอย่างนั้นเลย 268 00:13:24,166 --> 00:13:26,941 ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด 269 00:13:26,941 --> 00:13:29,532 นี่ไม่ใช่การที่คุณพูดกับคนอื่นๆ 270 00:13:29,532 --> 00:13:31,391 มันคือการที่คุณพูดกับตัวคุณเอง คุณจะทำอะไร 271 00:13:31,391 --> 00:13:34,200 ก่อนเข้าไปสัมภาษณ์งาน? คุณทำแบบนี้ 272 00:13:34,200 --> 00:13:36,466 ใช่ไหมคะ? คุณนั่งลง คุณกำลังเล่นไอโฟน 273 00:13:36,466 --> 00:13:38,752 หรือแอนดรอยด์ พยายามไม่ให้ใครคลาดสายตา 274 00:13:38,752 --> 00:13:40,946 คุณกำลังดูกระดาษโน้ตของคุณ 275 00:13:40,946 --> 00:13:42,776 คุณนั่งหลังโกง ทำตัวเองให้ดูเล็ก 276 00:13:42,776 --> 00:13:45,068 ในขณะที่สิ่งที่คุณควรทำจริงๆ แล้ว อาจเป็นแบบนี้ 277 00:13:45,068 --> 00:13:48,484 คุณอาจทำแบบนี้ในห้องน้ำ ใช่ไหมคะ ทำแบบนั้น ลองหาเวลาสักสองนาที 278 00:13:48,484 --> 00:13:49,904 นั่นคือสิ่งที่เราอยากทดสอบ 279 00:13:49,904 --> 00:13:52,088 เราพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในห้องทดลอง 280 00:13:52,088 --> 00:13:55,465 ให้พวกเขาทำท่าแห่งอำนาจ หรือ ไร้อำนาจ 281 00:13:55,465 --> 00:13:58,097 พวกเขาต้องผ่านการสัมภาษณ์งานอันเคร่งเครียด 282 00:13:58,097 --> 00:14:01,713 ใช้เวลานานห้านาที พวกเขาถูกบันทึกวิดีโอ 283 00:14:01,713 --> 00:14:04,224 และถูกประเมินด้วย โดยผู้ประเมิน 284 00:14:04,224 --> 00:14:08,199 ก็ถูกฝึกมาไม่ให้โต้ตอบด้วยอวัจนภาษา 285 00:14:08,199 --> 00:14:09,806 ดังนั้นพวกเขาจึงดูเหมือนแบบนี้ 286 00:14:09,806 --> 00:14:12,090 ลองจินตนาการว่านี่คือคนที่กำลังสัมภาษณ์คุณอยู่ 287 00:14:12,090 --> 00:14:16,713 เป็นเวลานานห้านาที โดยไร้การตอบสนอง นี่มันแย่ยิ่งกว่าโดนต้อนเสียอีก 288 00:14:16,713 --> 00:14:20,026 คนทั่วไปไม่ชอบภาวะแบบนี้ นี่คือสิ่งที่ แมรีแอน ลาฟรานซ์ (Marianne LaFrance) 289 00:14:20,026 --> 00:14:22,117 เรียกว่า "สถานการณ์น่าเบื่อแต่หนีไม่ได้" (social quicksand) 290 00:14:22,117 --> 00:14:23,926 ซึ่งทำให้คอร์ติซอลของคุณพุ่งปรี๊ด 291 00:14:23,926 --> 00:14:25,628 เราให้พวกเขาเข้าไปสัมภาษณ์งานแบบนี้ 292 00:14:25,628 --> 00:14:28,457 เพราะเราต้องการดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น 293 00:14:28,457 --> 00:14:31,564 เราให้ผู้ประเมินสี่คนดูวิดีโอเทปนี้ 294 00:14:31,564 --> 00:14:34,736 พวกเขาไม่รู้สมมติฐานของเรา พวกเขาไม่รู้สภาวะก่อนการสัมภาษณ์ 295 00:14:34,736 --> 00:14:37,521 พวกเขาไม่รู้ว่าใครทำท่าอะไรก่อนการสัมภาษณ์ 296 00:14:37,521 --> 00:14:42,611 พวกเขาเพียงแค่ได้ดูเทปการสัมภาษณ์ 297 00:14:42,611 --> 00:14:44,683 และพูดว่า "โอ้ เราต้องการจ้างคนพวกนี้" 298 00:14:44,683 --> 00:14:48,105 หมายถึงคนที่ทำท่ามีอำนาจทั้งหมด หรือพูดว่า "เราไม่อยากจ้างคนพวกนี้ 299 00:14:48,105 --> 00:14:50,890 เรายังประเมินคนกลุ่มนี้สูงกว่าในทุกๆ ด้านด้วย" 300 00:14:50,890 --> 00:14:55,626 แต่อะไรเป็นตัวขับดันล่ะ? มันไม่เกี่ยวกับเนื้อหาสาระของสิ่งที่เขาพูดเลย 301 00:14:55,626 --> 00:14:58,502 แต่อยู่ที่ภาพลักษณ์ที่พวกเขานำเสนอในระหว่างการพูด 302 00:14:58,502 --> 00:15:00,551 เพราะเราให้คะแนนพวกเขาในตัวแปร 303 00:15:00,551 --> 00:15:03,642 ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสามารถ เช่น การพูดของเขามีโครงสร้างดีแค่ไหน? 304 00:15:03,642 --> 00:15:06,418 มันฟังดูดีแค่ไหน? คุณสมบัติของพวกเขาเป็นอย่างไร? 305 00:15:06,418 --> 00:15:09,474 ตัวแปรพวกนี้ไม่มีผลต่อการจ้างงานเลย แต่สิ่งที่ได้รับผลกระทบคือ 306 00:15:09,474 --> 00:15:12,753 สิ่งเหล่านี้ คนสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา 307 00:15:12,753 --> 00:15:14,626 พวกเขาเผยตัวตนออกมา 308 00:15:14,626 --> 00:15:16,849 พวกเขาแสดงความคิด ในแบบของตนเอง 309 00:15:16,849 --> 00:15:19,385 โดยไม่มีอะไรมาปิดบัง 310 00:15:19,385 --> 00:15:24,316 และนี่คือสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อน หรือเป็นตัวนำพาให้เกิดผลดังกล่าว 311 00:15:24,316 --> 00:15:27,684 เมื่อฉันบอกคนอื่นๆ เรื่องนี้ 312 00:15:27,684 --> 00:15:30,563 ว่าร่างกายของเราสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของเรา และจิตใจของเราก็เปลี่ยนพฤติกรรมเราได้ 313 00:15:30,563 --> 00:15:33,539 และพฤติกรรมของเราก็สามารถ เปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ พวกเขาบอกฉันว่า 314 00:15:33,539 --> 00:15:35,406 "ฉันว่ามันไม่ .... มันดูเสแสร้ง" 315 00:15:35,406 --> 00:15:39,185 ฉันตอบว่า คุณต้องเสแสร้งจนกว่าคุณจะทำมันได้จริง คนมักคิดว่า ฉันทำไม่ได้ มันไม่ใช่ตัวฉัน 316 00:15:39,185 --> 00:15:42,360 ฉันไม่อยากไปถึงจุดนั้น แล้วยังรู้สึกเหมือนพวกหลอกลวง 317 00:15:42,360 --> 00:15:43,879 ฉันไม่อยากรู้สึกเหมือนเป็นพวกต้มตุ๋น 318 00:15:43,879 --> 00:15:48,291 ฉันไปอยากไปถึงจุดนั้น แล้วต้องรู้สึกว่าฉันไม่ควรค่าพอ 319 00:15:48,291 --> 00:15:50,478 นั่นมันช่างสอดคล้องกับกรณีของฉันเหลือเกิน 320 00:15:50,478 --> 00:15:52,536 ฉันอยากจะเล่าเรื่องสั้นๆ ให้พวกคุณฟัง 321 00:15:52,536 --> 00:15:55,946 เกี่ยวกับการเป็นพวกหลอกลวง และความรู้สึกไม่ควรค่าพอจะอยู่ตรงจุดนั้น 322 00:15:55,946 --> 00:15:58,887 เมื่อฉันอายุได้ 19 ปี ฉันประสบอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ที่ร้ายแรงมากๆ 323 00:15:58,887 --> 00:16:02,292 ฉันถูกเหวี่ยงออกจากรถ กลิ้งหลายตลบ 324 00:16:02,292 --> 00:16:05,803 ฉันถูกเหวี่ยงออกจากรถ และฉันฟื้นขึ้นมา ในห้องกายภาพของผู้บาดเจ็บทางสมอง 325 00:16:05,803 --> 00:16:09,395 และฉันต้องออกจากมหาวิทยาลัย 326 00:16:09,395 --> 00:16:15,107 เมื่อฉันรู้ตัวว่า I.Q. ของฉันลดลง กว่า 2 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 327 00:16:15,107 --> 00:16:17,695 มันเจ็บปวดมาก 328 00:16:17,695 --> 00:16:20,566 ฉันรู้ว่า I.Q. ฉันเคยเป็นเท่าไร ฉันเคยถูกจัดอยู่ในกลุ่มเด็กฉลาด 329 00:16:20,566 --> 00:16:22,578 ฉันถูกเรียกว่าเป็นเด็กมีพรสวรรค์ 330 00:16:22,578 --> 00:16:25,778 เมื่อฉันถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย ฉันพยายามกลับไปเรียน 331 00:16:25,778 --> 00:16:27,502 พวกเขาบอกว่า "เธอจะเรียนไม่จบนะ 332 00:16:27,502 --> 00:16:30,379 มีอย่างอื่นมากมายที่เธอจะทำได้ 333 00:16:30,379 --> 00:16:32,277 แต่การเรียนมันยากเกินไปสำหรับเธอ" 334 00:16:32,277 --> 00:16:36,161 ฉันลำบากมากกับเรื่องนี้ ต้องบอกตามตรง 335 00:16:36,161 --> 00:16:38,935 การถูกลบอัตลักษณ์ของตนเอง แก่นแท้ของตัวตน 336 00:16:38,935 --> 00:16:40,794 และสำหรับฉัน มันคือการเป็นคนฉลาด 337 00:16:40,794 --> 00:16:45,203 เมื่อมันโดนพรากไปจากคุณ ไม่มีอะไรจะทำให้คุณรู้สึกไร้อำนาจไปยิ่งกว่านั้นอีกแล้ว 338 00:16:45,203 --> 00:16:47,805 ฉันรู้สึกไร้อำนาจโดยสิ้นเชิง ฉันขยันเรียน และขยันเรียน และขยันเรียน 339 00:16:47,805 --> 00:16:50,939 และฉันก็โชคดี และขยันเรียน และก็โชคดี และขยันเรียน 340 00:16:50,939 --> 00:16:53,391 จนสุดท้าย ฉันก็เรียนจบ 341 00:16:53,391 --> 00:16:55,198 ฉันต้องใช้เวลานานกว่าเพื่อนๆ ถึงสี่ปี 342 00:16:55,198 --> 00:16:59,756 ฉันโน้มน้าวใครคนหนึ่ง ซูซาน ฟิสก์ (Susan Fiske) อาจารย์ที่ปรึกษาผู้เป็นดั่งเทพธิดาของฉัน 343 00:16:59,756 --> 00:17:02,700 ให้รับฉันเข้าเรียนต่อ สุดท้ายฉันจึงได้เข้าเรียนที่พรินซ์ตัน (Princeton) 344 00:17:02,700 --> 00:17:05,551 ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันไม่คู่ควรกับที่นั่น 345 00:17:05,551 --> 00:17:06,845 ฉันเป็นพวกหลอกลวง 346 00:17:06,845 --> 00:17:08,426 และคืนก่อนการกล่าวบรรยายในปีแรกของฉัน 347 00:17:08,426 --> 00:17:11,064 และการบรรยายของนักศึกษาชั้นปีหนึ่ง ที่ปรินซ์ตั้น เป็นการบรรยาย 20 นาที 348 00:17:11,064 --> 00:17:13,099 มีผู้ฟัง 20 คน แค่นั้นเอง 349 00:17:13,099 --> 00:17:15,986 แต่ฉันกลัวมาก ว่าคนจะรู้ความจริงในวันรุ่งขึ้น 350 00:17:15,986 --> 00:17:18,799 จนฉันต้องโทรไปหาอาจารย์ และบอกเธอว่า "หนูขอลาออกค่ะ" 351 00:17:18,799 --> 00:17:20,655 เธอตอบว่า "เธอลาออกไม่ได้ 352 00:17:20,655 --> 00:17:23,213 เพราะฉันวางเดิมพันเรื่องเธอเอาไว้ และเธอต้องอยู่ต่อ 353 00:17:23,213 --> 00:17:25,404 เธอจะต้องอยู่ต่อ และนี่คือสิ่งที่เธอต้องทำ 354 00:17:25,404 --> 00:17:26,761 เธอจะต้องแสร้งทำมัน 355 00:17:26,761 --> 00:17:30,541 เธอจะต้องพูดในทุกๆ งานที่เธอถูกขอให้พูด 356 00:17:30,541 --> 00:17:32,280 เธอจะต้องพูด และพูด และพูด 357 00:17:32,280 --> 00:17:35,249 แม้ว่าเธอจะกลัวจนตัวแข็งทื่อ 358 00:17:35,249 --> 00:17:37,827 และเกิดประสบการณ์ออกจากร่าง จนกระทั่ง 359 00:17:37,827 --> 00:17:40,992 เธอถึงจุดหนึ่ง ที่เธอจะบอกตัวเองว่า 'พระเจ้าช่วย ฉันกำลังทำมัน 360 00:17:40,992 --> 00:17:43,958 ฉันกลายเป็นคนที่ทำได้จริงๆ ฉันกำลังทำมันอยู่จริงๆ'" 361 00:17:43,958 --> 00:17:46,368 นั่นคือสิ่งที่ฉันทำ ห้าปีในการเรียนบัณฑิตศึกษา 362 00:17:46,368 --> 00:17:48,109 แล้วฉันก็ไปอยู่ที่นอร์ธเวสเทิร์น (Northwestern) สองสามปี 363 00:17:48,109 --> 00:17:50,696 แล้วย้ายไปฮาร์วาร์ด (Harvard) และที่ฮาวาร์ด 364 00:17:50,696 --> 00:17:54,196 ฉันก็เลิกคิดถึงมันไปเลย แต่ก่อนหน้านั้นนานทีเดียวที่ฉันคอยแต่คิดว่า 365 00:17:54,196 --> 00:17:56,500 "ฉันไม่คู่ควรกับที่นี่ ไม่คู่ควรกับที่นี่" 366 00:17:56,500 --> 00:17:58,978 ตอนปลายปีแรกของฉันที่ฮาร์วาร์ด 367 00:17:58,978 --> 00:18:03,544 นักเรียนคนหนึ่งผู้ไม่เคยพูดในชั้นเรียนเลยทั้งเทอม 368 00:18:03,544 --> 00:18:06,751 คนที่ฉันเคยเตือนว่า "นี่ เธอต้องมีส่วนร่วมในชั้นเรียนนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่ผ่าน" 369 00:18:06,751 --> 00:18:09,253 เด็กคนนั้นมาที่ห้องทำงานฉัน ฉันไม่รู้จักเธอเลย 370 00:18:09,253 --> 00:18:13,235 และเธอเข้ามาในแบบหมดสภาพ พ่ายแพ้ยับเยิน เธอกล่าวว่า 371 00:18:13,235 --> 00:18:19,280 "หนูไม่คู่ควรกับที่นี่" 372 00:18:19,280 --> 00:18:23,408 นั่นคือช่วงเวลาสำคัญสำหรับฉัน เพราะสองสิ่งได้เกิดขึ้น 373 00:18:23,408 --> 00:18:24,902 สิ่งแรกคือฉันได้ตระหนัก 374 00:18:24,902 --> 00:18:28,136 ว่า พระเจ้า ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว 375 00:18:28,136 --> 00:18:30,818 ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่เธอรู้สึก และฉันเข้าใจดี 376 00:18:30,818 --> 00:18:33,455 และสิ่งที่สอง คือ เธอคู่ควรจะอยู่ที่นี่! 377 00:18:33,455 --> 00:18:35,259 เธอสามารถเสแสร้งได้ จนเธอกลายเป็นแบบนั้นจริงๆ 378 00:18:35,259 --> 00:18:38,999 ดังนั้นฉันจึงพูดว่า "เธอคู่ควร! เธอสมควรจะได้อยู่ที่นี่ 379 00:18:38,999 --> 00:18:40,434 และพรุ่งนี้ เธอจะต้องเสแสร้งทำมัน 380 00:18:40,434 --> 00:18:43,498 เธอจะต้องทำตัวให้มีอำนาจ 381 00:18:43,498 --> 00:18:46,521 และเธอจะต้อง --" (เสียงปรบมือ) 382 00:18:46,521 --> 00:18:48,560 (เสียงปรบมือ) 383 00:18:48,560 --> 00:18:52,993 "และเธอจะต้องเข้าเรียน 384 00:18:52,993 --> 00:18:55,417 และเธอจะต้องแสดงความเห็น ที่เยี่ยมยอดที่สุดกว่าใครๆ" 385 00:18:55,417 --> 00:18:58,422 คุณรู้อะไรไหม? แล้วเธอก็แสดงความเห็นที่เยี่ยมยอดจริงๆ 386 00:18:58,422 --> 00:18:59,285 และคนอื่นๆ ต่างหันมามองเธอ แล้วทำท่าเหมือนกับว่า 387 00:18:59,285 --> 00:19:02,729 พระเจ้า ฉันไม่เคยสังเกตเลยว่าเธอนั่งอยู่ตรงนั้น (เสียงหัวเราะ) 388 00:19:02,729 --> 00:19:05,600 เธอกลับมาหาฉัน เมื่อเวลาผ่านไปเดือนหนึ่ง และฉันตระหนักว่า 389 00:19:05,600 --> 00:19:07,884 เธอไม่ได้แค่แสร้งทำจนเธอทำมันได้จริงๆ 390 00:19:07,884 --> 00:19:10,608 แต่เธอแสร้งทำ จนมันกลายเป็นตัวเธอไปเลย 391 00:19:10,608 --> 00:19:12,431 เธอเปลี่ยนไป 392 00:19:12,431 --> 00:19:16,515 และดังนั้นฉันจึงอยากบอกคุณว่า อย่าแค่แสร้งทำจนคุณทำมันได้ 393 00:19:16,515 --> 00:19:19,312 ให้แสร้งทำจนมันกลายเป็นตัวคุณ 394 00:19:19,312 --> 00:19:22,953 ทำมันให้มากพอจนมันกลายเป็นตัวคุณ 395 00:19:22,953 --> 00:19:25,608 สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะฝากไว้ก่อนจบการบรรยาย 396 00:19:25,608 --> 00:19:30,080 คือการปรับเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ได้ 397 00:19:30,080 --> 00:19:32,577 ดังนั้น นี่คือสองนาที 398 00:19:32,577 --> 00:19:34,313 สองนาที สองนาที สองนาที 399 00:19:34,313 --> 00:19:37,559 ก่อนที่คุณจะต้องเข้าไปในสถานการณ์ ที่จะต้องถูกประเมินอย่างเคร่งเครียด 400 00:19:37,559 --> 00:19:40,265 ใช้เวลาสักสองนาที พยายามทำสิ่งเหล่านี้ ในลิฟท์ 401 00:19:40,265 --> 00:19:43,504 ในห้องน้ำ ที่โต๊ะของคุณในห้องมิดชิด 402 00:19:43,504 --> 00:19:45,944 นั่นคือสิ่งที่คุณควรทำ ปรับสมองของคุณ 403 00:19:45,944 --> 00:19:47,766 เพื่อให้รับมือได้ดีที่สุดในสถานการณ์นั้น 404 00:19:47,766 --> 00:19:50,731 เพิ่มเทสโทสเตอโรนของคุณให้สูงขึ้น และลดคอร์ติซอลให้ต่ำลง 405 00:19:50,731 --> 00:19:54,697 อย่าออกมาจากสถานการณ์นั้นพร้อมด้วยความรู้สึกที่ว่า โธ่ ฉันยังไม่ได้แสดงตัวตนจริงๆ ของฉันเลย 406 00:19:54,697 --> 00:19:57,049 จงออกจากสถานการณ์นั้นด้วยความรู้สึกว่า โอ้ ฉันรู้สึกว่า 407 00:19:57,049 --> 00:19:58,885 ฉันได้พูดในแบบของฉัน และแสดงออกในแบบของฉัน 408 00:19:58,885 --> 00:20:01,427 ฉันอยากขอร้องให้คุณ 409 00:20:01,427 --> 00:20:05,208 ลองทำท่ามีอำนาจ 410 00:20:05,208 --> 00:20:07,094 และฉันอยากขอให้คุณ 411 00:20:07,094 --> 00:20:10,322 นำความรู้นี้ไปแบ่งปัน เพราะมันง่ายมาก 412 00:20:10,322 --> 00:20:12,199 ฉันไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องนี้เลยนะ (เสียงหัวเราะ) 413 00:20:12,199 --> 00:20:14,086 เอาไปบอกคนอื่นๆ แบ่งปันกัน 414 00:20:14,086 --> 00:20:15,947 เพราะคนที่จะใช้มันได้มากที่สุด คือคนที่ 415 00:20:15,947 --> 00:20:20,105 ไม่มีทรัพยากรอื่น และไม่มีเทคโนโลยี 416 00:20:20,105 --> 00:20:23,231 และไม่มีสถานะทางสังคม และไม่มีอำนาจ จงให้ความรู้นี้แก่พวกเขา 417 00:20:23,231 --> 00:20:24,514 เพราะเขาสามารถทำในที่ลับตา 418 00:20:24,514 --> 00:20:27,343 พวกเขาแค่ต้องการร่างกายของเขา ความเป็นส่วนตัว และเวลาสองนาที 419 00:20:27,343 --> 00:20:30,493 และมันจะสามารถเปลี่ยนชีวิตพวกเขาได้จริงๆ 420 00:20:30,493 --> 00:20:34,679 ขอบคุณค่ะ (เสียงปรบมือ) 421 00:20:34,679 --> 00:20:41,569 (เสียงปรบมือ)