0:00:00.923,0:00:02.470 ในวิดีโอนี้ ผมอยากพูดถึง 0:00:02.470,0:00:06.605 ความหมายของจำนวนเฉพาะหน่อย 0:00:06.605,0:00:09.605 และสิ่งที่คุณหวังว่าจะได้เห็นในวิดีโอนี้ 0:00:09.605,0:00:11.606 นั้นเป็นหลักการที่ตรงไปตรงมา 0:00:11.606,0:00:13.940 แต่เมื่อคุณเรียนคณิตศาสตร์ไปเรื่อยๆ 0:00:13.940,0:00:16.536 คุณจะเห็นว่ามันมีหลักการที่ซับซ้อน 0:00:16.536,0:00:19.869 ซึ่งสร้างขึ้นจากเรื่องจำนวนเฉพาะ 0:00:19.869,0:00:22.106 เช่นเรื่องของรหัสวิทยา 0:00:22.106,0:00:24.271 และการเข้ารหัสที่คอมพิวเตอร์ของคุณ 0:00:24.271,0:00:27.023 ใช้อยู่ตอนนี้ ก็ใช้จำนวนเฉพาะด้วย. 0:00:27.023,0:00:28.107 ถ้าไม่รู้จักการถอดรหัส 0:00:28.107,0:00:30.439 ก็ไม่เป็นไร 0:00:30.439,0:00:32.710 คุณแ่ต้องรู้ว่าจำนวนเฉพาะเป็น 0:00:32.710,0:00:35.538 สิ่งสำคัญ. ผมจะบอกนิยามให้. 0:00:35.538,0:00:37.870 นิยามอาจฟังดูสับสน 0:00:37.870,0:00:42.537 แต่เมื่อคุณเห็นตัวอย่าง มันจะตรงไปตรงมา 0:00:42.537,0:00:49.203 จำนวนหนึ่งเป็นจำนวนเฉพาะ ถ้า[br]มันเป็นจำนวนธรรมชาติ 0:00:49.203,0:00:56.870 ตัวอย่างเช่น 1, 2 หรือ 3 (จำนวนนับ[br]เริ่มที่ 1) 0:00:56.870,0:00:58.605 จะเรียกว่า "จำนวนเต็มบวก" ก็ได้ 0:00:58.605,0:01:30.580 มันคือจำนวนธรรมชาติที่มีเลขแค่สองตัว[br]ที่หารมันลงตัว คือ ตัวมันเองกับ 1. 0:01:30.595,0:01:34.060 มีเลขสองตัวที่หารมันลงตัว. 0:01:39.135,0:01:41.864 ถ้าคุณไม่เข้าใจ ลองดูตัวอย่างกัน. 0:01:41.864,0:01:44.727 ลองดูว่าจำนวนที่ให้มาเป็นจำนวน[br]เฉพาะหรือไม่. 0:01:44.727,0:01:47.459 ลองเริ่มด้วยจำนวนธรรมชาติที่น้อยที่สุด. 0:01:47.459,0:01:52.268 จำนวน 1. คุณบอกว่า "1 หารด้วย 1 ลงตัว" 0:01:52.268,0:01:56.864 "1 หารตัวเองลงตัว" เฮ้! 1 เป็นจำนวนเฉพาะ! 0:01:56.864,0:01:59.661 แต่นึกดู ในนิยาม มันต้องหารด้วย 0:01:59.661,0:02:06.661 จำนวนธรรมชาติสองตัวได้ลง. 1 มีแค่ 1[br]ที่หารลงตัว, 1 ตัวเดียว. 0:02:06.661,0:02:15.698 1 ถึงแม้จะขัดสามัญสำนึกก แต่มัน[br]ไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 0:02:15.698,0:02:19.615 ลองไปที่ 2. 0:02:19.615,0:02:28.102 2 หารด้วย 1 และ 2 ลงตัว ไม่มี[br]จำนวนอื่น 0:02:28.102,0:02:29.781 มันจึงตรงไปตามเงื่อนไข. 0:02:29.781,0:02:32.460 มีจำนวนธรรมชาติแค่สองตัวที่หารมันลงตัว. 0:02:32.460,0:02:40.866 คือตัวเองกับ 1. เลข 2 จึงเป็นจำนวนเฉพาะ. 0:02:40.866,0:02:52.126 ผมจะวงจำนวนที่เป็นจำนวนเฉพาะไว้. 0:02:52.126,0:02:53.614 จำนวน 2 น่าสนใจ เพราะ 0:02:53.614,0:02:56.282 มันเป็นจำนวนคู่เท่านั้นที่เป็นจำนวนเฉพาะ. 0:02:56.282,0:02:58.580 ถ้าคุณคิดดู จำนวนคู่ตัวอื่น 0:02:58.580,0:03:03.282 จะหารด้วย 2 ลงตัวเช่นกัน[br]มันจึงไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 0:03:03.282,0:03:05.541 เราจะคิดอีกในวิดีโอต่อๆ ไป. 0:03:05.541,0:03:10.866 ลอง 3 บ้าง. 3 หารด้วย 1 และ 3 ลงตัวแน่นอน. 0:03:10.866,0:03:12.866 มันหารด้วยเลขอื่นระหว่างนั้นไม่ได้. 0:03:12.866,0:03:19.580 มันหารด้วย 2 ไม่ลงตัว. 3 จึง[br]เป็นจำนวนเฉพาะด้วย. 0:03:19.580,0:03:24.449 ลอง 4 บ้าง. 0:03:24.449,0:03:28.282 4 หารด้วย 1 และ 4 ลงตัว แต่ 0:03:28.282,0:03:35.394 มันหารด้วย 2 ลงตัวด้วย. มันจึงหารด้วย 0:03:35.394,0:03:38.861 เลขสามตัวลงตัว คือ 1, 2 และ 4. 0:03:38.861,0:03:42.861 มันจึงไม่ตรงตามเงื่อนไขของจำนวนเฉพาะ. 0:03:42.861,0:03:47.061 ลอง 5. 0:03:47.061,0:03:49.394 5 หารด้วย 1 ลงตัวแน่นอน. 0:03:49.394,0:03:56.273 มันหารด้วย 2,3 หรือ 4 ไม่ลงตัว. 0:03:56.273,0:03:59.274 คุณหาร 5 ด้วย 4 ได้ แต่จะเหลือเศษ. 0:03:59.274,0:04:02.060 มันหารด้วย 5 ลงตัวแน่นอน. 0:04:02.060,0:04:08.527 เหมือนเดิมมีจำนวนธรรมชาติแค่สองตัว[br]ที่หาร 5 ลงตัว คือ 1 กับ 5 0:04:08.527,0:04:13.061 5 ก็เป็นจำนวนเฉพาะเช่นกัน. ทำต่อไป. 0:04:13.061,0:04:15.527 ลองดูว่าเราจะเจอรูปแบบไหม 0:04:15.527,0:04:17.527 แล้วผมอาจจะลองเลขที่ยากหน่อย 0:04:17.527,0:04:24.394 ที่คนมักทำผิด. ลองเลข 6. 0:04:24.394,0:04:33.274 มันหารด้วย 1, 2, 3 และ 6 ลงตัว. 0:04:33.274,0:04:36.357 มันมี "ตัวประกอบ" จำนวนธรรมช่าติ 4 ตัว. 0:04:36.357,0:04:38.196 จะเรียกอย่างนั้นก็ได้ 0:04:38.196,0:04:41.524 มันไม่ได้มีเลขที่หารมันลงตัว 2 ตัวพอดี. 0:04:41.524,0:04:44.795 มันมี 4 ตัว จึงไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 0:04:44.795,0:04:47.662 ลองไปที่ 7. 0:04:47.662,0:04:54.440 7 หารด้วย 1 ลงตัว แต่ไม่ใช่ 2, 3, 4, 5[br]หรือ 6. 0:04:54.440,0:04:56.272 มันหารด้วย 7 ลงตัวด้วย 0:04:56.272,0:05:00.795 7 จึงเป็นจำนวนเฉพาะ ผมว่าคุณคงเข้าใจ[br]หลักการทั่วไป. 0:05:00.795,0:05:05.997 มีจำนวนธรรมชาติกี่ตัว อย่าง 1, 2, 3, 4, 5 0:05:05.997,0:05:08.196 จำนวนที่คุณรู้จักตอนสองขวบ 0:05:08.196,0:05:10.524 ไม่รวมศูนย์ ไม่รวมจำนวนลบ 0:05:10.524,0:05:12.795 ไม่รวมเศษส่วน จำนวนอตรรกยะ 0:05:12.795,0:05:14.357 ทศนิยม อะไรพวกนั้น 0:05:14.357,0:05:17.397 แค่จำนวนบวกที่ใช้นับธรรมดา 0:05:17.397,0:05:19.610 ถ้าคุณมีแค่สองตัว 0:05:19.610,0:05:21.773 ถ้ามีแค่ตัวเองกับ 1 เท่านั้นที่หารลงตัว 0:05:21.773,0:05:23.395 คุณจะได้จำนวนเฉพาะ. 0:05:23.395,0:05:24.606 และวิธีที่ผมคิด 0:05:24.606,0:05:26.528 ถ้าผมไม่คิดกรณีของ 1 0:05:26.528,0:05:30.462 จำนวนเฉพาะก็เหมือนกับของพื้นฐาน[br]ที่ใช้สร้างจำนวนต่างๆ. 0:05:30.462,0:05:32.129 คุณไม่สามารถแยกมันได้อีก. 0:05:32.129,0:05:33.595 มันเหมือนกับอะตอม. 0:05:33.595,0:05:34.994 ถ้าคุณคิดว่าอะตอมคืออะไร 0:05:34.994,0:05:37.631 หรืออย่างน้อยก็คนที่คิดถึงอะตอมตอนแรก -- 0:05:37.631,0:05:38.688 เขาคิดถึงว่ามันคือสิ่ง 0:05:38.703,0:05:39.757 ที่ไม่สามารถแบ่งได้. 0:05:39.757,0:05:41.681 เรารู้แล้วว่าเราแบ่งอะตอมได้ 0:05:41.681,0:05:43.690 ถ้าคุณสร้างระเบิดนิวเคลียร์. 0:05:43.690,0:05:49.655 แต่แนวคิดนี้เหมือนกับจำนวนเฉพาะ.[br]ในทางทฤษฎี ไม่สิ จำนวนเฉพาะไม่ใช่ทฤษฎี. 0:05:49.655,0:05:52.003 คุณแบ่งมันเป็น 0:05:52.003,0:05:56.602 ผลคูณของจำนวนที่น้อยกว่าไม่ได้อยู่แล้ว. 0:05:56.602,0:06:00.763 เลขอย่างเช่น 6 คุณบอกว่า เฮ้[br]6 คือ 2 คูณ 3 0:06:00.763,0:06:02.100 คุณแยกได้ สังเกตว่า แยกมัน 0:06:02.100,0:06:05.467 เป็นผลคูณของจำนวนเฉพาะได้. 0:06:05.467,0:06:07.801 เราแบ่งมันเป็นส่วนๆ. 0:06:07.801,0:06:09.934 7 คุณแบ่งไม่ได้อีก. 0:06:09.934,0:06:13.836 คุณก็บอกว่า 7 เท่ากับ 1 คูณ 7. 0:06:13.836,0:06:15.838 แต่ในกรณีนี้ คุณไม่ได้แบ่งอะไร. 0:06:15.838,0:06:18.004 คุณได้ 7 เหมือนเดิม. 0:06:18.004,0:06:19.533 6 คุณแบ่งได้จริงๆ. 0:06:19.533,0:06:23.011 4 คุณแบ่งได้เป็น 2 คูณ 2. 0:06:23.011,0:06:25.800 พักเรื่องนั้นไว้ แล้วลองคิดถึง 0:06:25.800,0:06:27.425 จำนวนที่มากขึ้น ลองคิด 0:06:27.425,0:06:29.579 ว่าจำนวนที่มากขึ้นเป็นจำนวนเฉพาะไหม. 0:06:29.579,0:06:34.286 ลอง 16 ดู. 0:06:34.286,0:06:40.676 แน่นอน จำนวนธรรมชาติใดๆ หารด้วย 1[br]กับตัวเองลงตัว. 0:06:40.676,0:06:42.000 16 หารด้วย 1 กับ 16 ลงตัว. 0:06:42.000,0:06:43.512 คุณจะเริ่มด้วย 2. 0:06:43.512,0:06:45.387 ถ้าคุณเจอเลขอื่นที่หารลงตัว 0:06:45.387,0:06:47.194 คุณก็รู้ว่ามันไม่ใช่จำนวนเฉพาะ. 0:06:47.194,0:06:50.318 และ 16 คุณมี 2 คูณ 8 0:06:50.318,0:06:52.694 คุณมี 4 คูณ 4 0:06:52.694,0:06:54.718 มันมีตัวประกอบเต็มไปหมด 0:06:54.718,0:06:56.787 นอกเหนือจาก 1 กับ 16. 0:06:56.787,0:07:02.278 16 ไม่ใช่จำนวนเฉพาะ แล้ว 17 ล่ะ? 0:07:02.278,0:07:05.611 1 กับ 17 หาร 17 ลงตัวแน่นอน 0:07:05.611,0:07:10.052 2 ไปหาร 17 ไม่ลง, 3 ไม่ลง, [br]4, 5, 6, 7, 8, .. 0:07:10.052,0:07:14.051 ไม่มีจำนวนอื่นแล้ว ไม่มีอีกระหว่าง[br]1 กับ 17 0:07:14.051,0:07:20.253 ที่หาร 17 ลงตัว, 17 จึงเป็นจำนวนเฉพาะ. 0:07:20.253,0:07:23.052 และผมจะยกตัวอย่างยากๆ บ้าง. 0:07:23.052,0:07:25.527 อันนี้หลอกคนมามาก. 0:07:25.527,0:07:33.611 51? 51 เป็นจำนวนเฉพาะไหม? 0:07:33.611,0:07:36.120 และถ้าคุณสนใจ คุณลองหยุดวิดีโอนี้ 0:07:36.120,0:07:37.918 แล้วลองหาคำตอบเองก่อน 0:07:37.918,0:07:40.321 ถ้า 51 เป็นจำนวนเฉพาะ 0:07:40.321,0:07:44.653 ถ้าคุณหาจำนวนอื่นนอกจาก 1 กับ 51 0:07:44.653,0:07:47.611 ที่หาร 51 ลงตัวได้ แบบว่า -- 0:07:47.611,0:07:49.252 ว้าว มันเป็นเลขที่แปลกมาก 0:07:49.252,0:07:51.585 คุณอาจคิดว่ามันเป็นจำนวนเฉพาะ 0:07:51.585,0:07:53.387 แต่ผมจะบอกคำตอบให้. 0:07:53.387,0:07:59.119 มันไม่ใช่จำนวนเฉพาะ เพราะมันหารด้วย[br]3 กับ 17 ลงตัว 0:07:59.119,0:08:02.998 3 คูณ 17 ได้ 51. 0:08:02.998,0:08:04.119 หวังว่าคุณคงเข้าใจแล้ว 0:08:04.119,0:08:05.653 ว่าจำนวนเฉพาะคืออะไร. 0:08:05.653,0:08:08.786 หวังว่าเราจะได้ฝึกในวิดีโอ 0:08:08.786,0:08:13.000 ต่อๆ ไปและในแบบฝึกหัดกันนะ.