WEBVTT 00:00:01.300 --> 00:00:06.800 มาเรียนเรื่องเมทริกซ์กัน อะไรคือ ผมหมายถึงอะไรตอนผมพูดว่า เมทริซิส (matrices) 00:00:06.800 --> 00:00:10.400 เมทริซิส ก็คือพหุพจน์ของเมทริกซ์ (matrix) 00:00:10.400 --> 00:00:15.700 ซึ่งเป็นคำที่คุณคงคุ้น ๆ เพราะฮอลลีวูดมากกว่าคณิตศาสตร์ 00:00:15.700 --> 00:00:20.900 แล้ว เมทริกซ์คืออะไร ที่จริง มันง่ายมาก 00:00:20.900 --> 00:00:24.500 มันก็คือตารางตัวเลข นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเมทริกซ์ 00:00:24.500 --> 00:00:27.800 งั้น ผมจะวาดเมทริกซ์ให้คุณดู 00:00:27.800 --> 00:00:30.300 ผมไม่ชอบสีฟ้ายาสีฟันเลย ขอผมเปลี่ยนสีหน่อยนะ 00:00:30.300 --> 00:00:37.600 นี่คือตัวอย่างของเมทริกซ์ หากผมบอกว่า ไม่รู้สิ ผมจะเลือกเลขสุ่ม ๆ มา 00:00:37.600 --> 00:00:46.000 ห้า หนึ่ง สอง สาม ศูนย์ ลบห้า นี่คือเมทริกซ์ 00:00:46.000 --> 00:00:51.500 และทั้งหมดนี้คือตารางของตัวเลข และบ่อยครั้งหากคุณหากหาตัวแปรแทนเมทริกซ์ คุณจะ 00:00:51.500 --> 00:00:54.600 ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ เช่น คุณสามารถใช้ 'A' พิมพ์ใหญ่ 00:00:54.600 --> 00:01:00.100 บางครั้งในหนังสือบางเล่ม เขาจะทำตัวหนาด้วย ดังนั้นมันอาจเป็น ตัว 'A' หนา แทนเมทริกซ์ 00:01:00.100 --> 00:01:04.500 และ แค่วิธีการเขียน เราเรียกมันว่าเมทริกซ์ หรือ เราเรียก 00:01:04.500 --> 00:01:10.100 เมทริกซ์นี้ว่า แค่วิธีการที่ตกลงกัน ว่า 2 คูณ 3 เมทริกซ์ 00:01:10.100 --> 00:01:16.500 และบางครั้ง เขาก็เขียนว่า '2 คูณ 3' ข้างล่างตัวอักษณหนา เพื่อแทนเมทริกซ์ 00:01:16.500 --> 00:01:18.400 แล้วสองคืออะไร แล้วสามล่ะ 00:01:18.400 --> 00:01:23.200 สอง คือ จำนวนแถว (rows) เรามีแถวที่หนึ่ง แถวที่สอง นี่คือหนึ่งแถว นี่อีกแถว 00:01:23.200 --> 00:01:26.300 และเราก็มีสามคอลัมน์ (columns) หนึ่ง สอง สาม 00:01:26.300 --> 00:01:28.500 ดังนั้น เขาจึงเรียกมันว่า สอง คูณ สาม เมทริกซ์ 00:01:28.500 --> 00:01:34.200 เมื่อคุณบอกว่า รู้ไหม หากผมบอกว่า B ผมจะทำให้มันหนาหน่อย 00:01:34.200 --> 00:01:42.677 หาก B เป็น ห้า คูณ สอง เมทริกซ์ นั่นหมายความว่า B นั้น ขอ 00:01:42.677 --> 00:01:46.892 ผมพิมพ์ตัวเลขหน่อย ศูนย์ ลบห้า สิบ 00:01:49.300 --> 00:01:52.600 ดังนั้น มันมีห้าแถว และสองคอลัมน์ 00:01:52.600 --> 00:01:56.000 เรามีอีกคอลัมน์หนึ่งตรงนี้ ดังนั้น เอาล่ะ ลบสิบ สาม 00:01:56.000 --> 00:02:04.100 ผมแค่ใส่เลขสุ่ม ๆ ลงไปในนี้ เจ็ด สอง พาย 00:02:04.100 --> 00:02:07.000 นี่คือ ห้า คูณ สอง เมทริกซ์ 00:02:07.000 --> 00:02:11.700 คุณคิดว่าคงคงเข้าใจวิธีการเขียนแล้วว่า เมทริกซ์ ซึ่งก็คือ 00:02:11.700 --> 00:02:15.000 ตารางตัวเลข ว่าเป็้นอย่างไร คุณสามารถแสดงมัน ตอนที่คุณแสดงเป็นตัวแปร 00:02:15.000 --> 00:02:19.100 คุณก็ใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ๋ตัวหนา และบางครั้งคุณก็เขียน สองคูณสาม ตรงนี้ด้วย 00:02:19.100 --> 00:02:22.700 และคุณสามารถอ้างอิงเทอมในเมทริกซ์ได้ด้วย 00:02:22.700 --> 00:02:26.300 ในตัวอย่างนี้ ตัวอย่างอันบน ที่เรามีเมทริกซ์ A 00:02:26.300 --> 00:02:32.600 หากมีคนอยากอ้างอิงถึง สมมุติว่า อันนี้ พจน์นี้ของเมทริกซ์ 00:02:32.600 --> 00:02:37.400 และมันคืออะไร มันอยู่ในแถวสอง มันอยู่ในแถวที่สอง 00:02:37.400 --> 00:02:39.100 และคอลัมน์ที่สอง จริงไหม 00:02:39.100 --> 00:02:42.500 นี่คือคอลัมน์ที่หนึ่ง นี่คือคอลัมน์ที่สอง แถวที่หนึ่ง แถวที่สอง 00:02:42.500 --> 00:02:45.100 ดังนั้นมันอยู่ในแถวที่สอง คอลัมน์ที่สอง 00:02:45.100 --> 00:02:51.900 ดังนั้น ผู้คนมักจะเขียนว่า A จากนั้นก็เขียน 00:02:51.900 --> 00:02:58.500 สอง ลูกน้ำ สอง เท่ากับศูนย์ 00:02:58.500 --> 00:03:02.100 หรือ เขาอาจเขียน บางครั้งเขียนเป็นตัวพิมพ์เล็ก a 00:03:02.100 --> 00:03:07.100 สอง ลูกน้ำ สอง เท่ากับ ศูนย์ 00:03:07.100 --> 00:03:11.700 แล้ว A คืออะไร มันก็เหมือนเดิม 00:03:11.700 --> 00:03:14.200 ผมแค่ทำให้คุณรู้จักวิธีการเขียน 00:03:14.200 --> 00:03:16.100 เพราะทั้งหมดนี้เป็นแค่วิธีการเขียนเท่านั้น 00:03:16.100 --> 00:03:21.800 แล้ว a หนึ่ง ลูกน้ำ สาม คืออะไร 00:03:21.800 --> 00:03:24.600 มันหมายความว่า เราอยู่ที่แถวที่หนึ่ง กับคอลัมน์ที่สาม 00:03:24.600 --> 00:03:27.600 แถวแรก หนึ่ง สอง สาม มันคื่อค่าที่อยู่ตรงนี้ 00:03:27.600 --> 00:03:29.200 ซึ่งเท่ากับ สอง 00:03:29.200 --> 00:03:32.100 และนั่นคือสัญลักษณ์ทั้งหมดของเมทริกซ์ 00:03:32.100 --> 00:03:34.100 มันคือตารางของตัวเลข และสามารถแสดงออกมาได้อย่างนี้ 00:03:34.100 --> 00:03:37.000 และเราก็บอกถึงพจน์ต่าง ๆ ได้อย่่างนี้ 00:03:37.000 --> 00:03:38.300 จากนั้น คุณอาจถามว่า 00:03:38.300 --> 00:03:41.600 "แซล เอาล่ะ มันก็คือ ตารางตัวเลข ที่ 00:03:41.600 --> 00:03:44.200 มีชื่อและสัญลักษณ์เลิศหรู แต่มันเอาไปใช้ทำอะไรได้" 00:03:44.212 --> 00:03:46.100 นั่นคือประเด็นที่น่าสนใจ 00:03:46.100 --> 00:03:51.600 เมทริกซ์เป็นแค่วิธีแสดงข้อมูล มันก็แค่วิธีเขียนข้อมูลลงไป 00:03:51.600 --> 00:03:53.600 มีแค่นั่นแหละ มันก็ตารางตัวเลขอันหนึ่ง 00:03:53.600 --> 00:03:57.800 แต่ มันสามารถใช้แสดงปรากฏการณ์ต่าง ๆ มากมาย 00:03:57.800 --> 00:04:01.500 หากคุณเคยเรียนของพวกนี้ในพีชคณิต 1 หรือพีชคณิต 2 00:04:01.500 --> 00:04:03.600 คุณอาจเคยใช้มันแสดงสมการเชิงเส้น 00:04:03.600 --> 00:04:07.854 แต่เราจะเรียนมันทีหลัง และผมจะทำวิดีโออีก 00:04:07.869 --> 00:04:10.600 เพื่อเอาเมทริกซ์ไปใช้ในหลายเรื่องเลยล่ะ 00:04:10.600 --> 00:04:14.500 แต่ มันสามารถแสดง และมีประโยชน์มาก หากคุณ 00:04:14.500 --> 00:04:19.100 กำลังทำงาน computer graphics เมทริกซ์... พจน์ในนั้นใช้แทนพิกเซลบนหน้าจอ 00:04:19.100 --> 00:04:21.400 มันสามารถแทนจุดในระบบพิกัด 00:04:21.400 --> 00:04:23.000 มันสามารถแทน... ใครจะรู้! 00:04:23.000 --> 00:04:24.900 มันสามารถแทนอะไรได้เต็มไปหมด 00:04:24.900 --> 00:04:27.600 แต่สิ่งสำคัญที่ควรระลึกไว้คือว่า เมทริกซ์นั้น 00:04:27.600 --> 00:04:30.500 มันไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ 00:04:30.500 --> 00:04:34.700 มันไม่เหมือนกับหลักทางคณิตศาสตร์มากมายที่เราเคยเจอมา 00:04:34.700 --> 00:04:37.700 มันเป็นแค่วิธีหนึ่งในการแสดงหลักทางคณิตศาสตร์ 00:04:37.700 --> 00:04:40.400 หรือ วิธีหนึ่งในการแสดงข้อมูล แต่คุณประมาณว่าต้อง 00:04:40.400 --> 00:04:43.000 นิยามว่ามันกำลังแสดงอะไร 00:04:43.000 --> 00:04:44.700 แต่ เก็บเรื่องที่ว่า 00:04:44.700 --> 00:04:48.300 มันแสดงข้อมูลอะไรไว้ก่อน 00:04:48.300 --> 00:04:52.200 และ โอ้ ภรรรยาผมอยู่นี่ เธอมาหาของน่ะ 00:04:52.200 --> 00:04:54.500 เอาล่ะ กลับมาดูที่ผมกำลังทำอยู่ 00:04:54.500 --> 00:04:57.100 งั้น งั้น กลับมาดูว่าเมทริกซ์ 00:04:57.100 --> 00:04:59.400 นั้นแสดงอะไรกันได้ มาลองดูวิธีตามธรรมเนียมดู 00:04:59.400 --> 00:05:02.200 เพราะ ผมว่า อืม อย่างน้อยในตอนแรก มันดูจะเป็น 00:05:02.200 --> 00:05:04.015 ส่วนที่ยากที่สุด เราบวกเมทริกซ์อย่างไร 00:05:04.015 --> 00:05:06.408 เราจะคูณเมทริกซ์อย่างไร เราจะหาอินเวอร์สของเมทริกซ์อย่างไร 00:05:06.408 --> 00:05:09.069 เราจะหา determinant ของเมทริกซ์อย่างไร 00:05:09.069 --> 00:05:11.400 ผมรู้ว่าคำเหล่านี้อาจฟังไม่คุ้นหู อย่างน้อย 00:05:11.400 --> 00:05:13.700 คุณอาจงงกับมันมาแล้วในวิชาพีชคณิต 00:05:13.700 --> 00:05:15.900 ดังนั้นผมจะสอนสิ่งเหล่านั้นให้คุณก่อน 00:05:15.900 --> 00:05:18.400 ซึ่งมันเป็นแค่วิธีการที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาเท่านั้น 00:05:18.400 --> 00:05:22.700 จากนั้น ต่อไป ผมจะทำวิดีโออธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลัง 00:05:22.700 --> 00:05:26.700 และสิ่งที่เรากำลังแสดงอยู่ ดังนั้น มาเริ่มกันเลย 00:05:26.700 --> 00:05:29.700 งั้นสมมุติว่าผมอยากบวกเมทริกซ์สองอันนี้เข้าด้วยกัน 00:05:29.700 --> 00:05:33.600 สมมุติว่า อันแรก ขอผมเปลี่ยนสีหน่อย สมมุติว่า 00:05:33.600 --> 00:05:37.700 เราทำอันเล็กหน่อย เพื่อไม่ให้เปลืองที่ 00:05:37.700 --> 00:05:42.500 คุณมี เมทริกซ์ สาม ลบหนึ่ง ไม่รู้สิ 00:05:42.500 --> 00:05:49.100 สอง ศูนย์ เรียกมันว่า A แล้วกัน A ตัวพิมพ์ใหญ่ 00:05:49.100 --> 00:05:54.400 และเรียกอีกอันว่า B และผมจะมั่วตัวเลขขึ้นมา 00:05:54.400 --> 00:06:06.300 เมทริกซ์ B เท่ากับ ลบเจ็ด สอง สาม ห้า 00:06:06.300 --> 00:06:14.000 ดังนั้น คำถามของผมคือว่า A 00:06:14.000 --> 00:06:16.300 ผมจะทำมันเป็นตัวหนาเหมือนในหนังสือ บวก 00:06:16.300 --> 00:06:21.700 B เป็นเท่าไหร่ นั่นคือ ผมกำลังบวกเมทริกซ์เข้าด้วยกัน และอีกครั้ง 00:06:21.700 --> 00:06:25.700 นี่เป็นแค่ข้อตกลงของมนุษย์ ใครสักคนนิยามวิธีการบวกเมทริกซ์อย่างนี้ 00:06:25.700 --> 00:06:27.500 เขาอาจนิยามแบบอื่น แต่เขาบอกว่า 00:06:27.500 --> 00:06:29.846 เราจะให้เมทริกซ์บวกกัน ในแบบที่ผม 00:06:29.846 --> 00:06:32.500 กำลังจะทำให้คุณดู เพราะมันมีประโยชน์สำหรับปรากฏการณ์ต่าง ๆ มากมาย 00:06:32.500 --> 00:06:35.000 เมื่อคุณบวกเมทริกซ์สองตัวเข้าด้วยกัน คุณก็แค่บวก 00:06:35.000 --> 00:06:40.000 พจน์ตัวต่อตัว แล้วมันหมายความว่าไง 00:06:40.000 --> 00:06:43.000 คุณก็แค่บวกพจน์ที่อยู่ในแถวหนึ่ง คอลัมน์หนึ่ง เข้ากับ 00:06:43.000 --> 00:06:46.100 พจน์ในอยู่ในแถวหนึ่ง คอลัมน์หนึ่ง โอเค 00:06:46.100 --> 00:06:50.500 มันเท่ากับสาม บวก ลบเจ็ด นั่นคือ สาม บวก ลบเจ็ด 00:06:50.500 --> 00:06:55.000 นั่นคือพจน์ หนึ่ง-หนึ่ง จากนั้นพจน์ในแถวหนึ่ง คอลัมน์สอง 00:06:55.000 --> 00:06:58.608 จะเป็ฯ ลบหนึ่ง บวก สอง 00:06:58.608 --> 00:07:01.700 ใส่วงเล็บลงไปให้คุณรู้ว่า 00:07:01.700 --> 00:07:05.400 มันเป็นคนละพจน์กัน และคุณคงเดาได้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป 00:07:05.400 --> 00:07:20.700 พจน์นี้จะเท่ากับ สองบวกสาม พจน์นี้ เป็นพจน์สุดท้าย เท่ากับ ศูนย์ บวก ห้า 00:07:20.700 --> 00:07:26.700 แล้วมันเท่ากับอะไร สาม บวก ลบเจ็ด เท่ากับ ลบสี่ 00:07:26.700 --> 00:07:32.000 ลบหนึ่ง บวก สอง เท่ากับ หนึ่ง สอง บวก สาม เท่ากับ ห้า 00:07:32.000 --> 00:07:39.800 และศูนย์ บวก ห้า เท่ากับ ห้า ดังนั้นเราก็ได้ผลบวกมา นั่นเป็นวิธีที่มนุษย์นิยามการบวกเมทริกซ์สองตัว 00:07:39.800 --> 00:07:43.200 และด้วยนิยามนี้ คุณคงนึกออกว่ามันก็เหมือนกับ 00:07:43.200 --> 00:07:49.100 B บวก A ถูกไหม และจำไว้ว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องคิดถึง 00:07:49.100 --> 00:07:53.000 เพราะเราไม่ได้บวกเลขอีกต่อไป คุณรู้ว่า หนึ่งบวกสอง เท่ากับ 00:07:53.000 --> 00:07:56.700 สองบวกหนึ่ง หรือ สำหรับเลขธรรมดาสองตัวใด ๆ มันไม่สำคัญว่า 00:07:56.700 --> 00:07:59.900 คุณจะบวกมันก่อนหลัง แต่สำหรับเมทริกซ์ มันไม่ได้เห็นง่าย ๆ อย่างนั้น แต่เมื่อคุณนิยามมันเช่นนี้ 00:07:59.900 --> 00:08:03.700 ไม่มีสำหคัญว่าเราคิด A บวก B หรือ B บวก A จริงไหม 00:08:03.700 --> 00:08:06.600 หากเราคิด B บวก A นี่ก็แค่ ลบเจ็ด บวก สาม 00:08:06.600 --> 00:08:10.100 นี่ก็แค่ สอง บวก ลบหนึ่ง แต่สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นค่าเดียวกัน 00:08:10.100 --> 00:08:11.900 นั่นคือการบวกเมทริกซ์ 00:08:11.900 --> 00:08:15.300 และคุณคงนึกออกว่า การลบเมทริกซ์ ก็คล้าย ๆ กัน 00:08:15.300 --> 00:08:21.592 เราก็ ที่จริง ให้ผมทำให้คุณดูดีกว่า A ลบ B ได้เท่าไหร่ 00:08:27.038 --> 00:08:32.300 คุณสามารถมองว่า นี่คือ B ใหญ๋ มันคือเมทริกซ์ 00:08:32.300 --> 00:08:34.800 นั่นคือนั่นเหตุผลที่ผมทำให้มันหนาพิเศษ แต่ มันก็เหมือนกับ 00:08:34.800 --> 00:08:42.800 A บวก ลบหนึ่ง คูณ B แล้ว B คืออะไร B คือ 00:08:42.800 --> 00:08:47.800 ลบเจ็ด สอง สาม ห้า และเมื่อคุณคูณมันด้วย 00:08:47.800 --> 00:08:50.400 สเกลาร์ เมื่อเอาตัวเลขคูณกับเมทริกซ์ 00:08:50.400 --> 00:08:52.700 คุณก็แค่คูณเลขนั้นกับทุกเทอมในเมทริกซ์ 00:08:52.700 --> 00:08:58.400 ดังนั้น มันจะเท่ากับ A เมทริกซ์ A บวกเมทริกซ์ เราแค่คูณ 00:08:58.400 --> 00:09:02.400 ลบหนึ่ง เข้ากับทุกเทอมตรงนี้ ได้ เจ็ด 00:09:02.400 --> 00:09:08.400 ลบสอง ลบสาม ห้า จากนั้นเราก็ 00:09:08.400 --> 00:09:11.700 ทำอย่างที่เราทำตรงโน้น เรารู้ว่า A คืออะไร ดังนั้น มันก็ 00:09:11.700 --> 00:09:15.800 จะได้ ลองดู A อยู่ตรงนี้ ดังนั้น สาม บวก 00:09:15.800 --> 00:09:21.200 เจ็ด เท่ากับ สิบ ลบหนึ่ง บวก ลบสอง เท่ากับ ลบสาม 00:09:21.200 --> 00:09:28.900 สอง บวก ลบสาม ได้ ลบหนึ่ง และศูนย์ บวก ห้า เท่ากับ ห้า 00:09:28.900 --> 00:09:31.600 และที่จริงคุณไม่ได้ทำผ่านทางนี้ก็ได้ 00:09:31.600 --> 00:09:33.800 คุณสามารถ ลบเทอมเหล่านี้จากเทอมเหล่านี้ 00:09:33.800 --> 00:09:35.200 และ คุณก็ได้ค่าเหมือนกัน 00:09:35.200 --> 00:09:38.500 ผมทำเช่นนี้เพราะผมอยากให้คุณเห็นว่า การคูณ 00:09:38.500 --> 00:09:41.300 สเกลาร์ หรือ ค่าหนึ่งค่า หรือตัวเลขปกติ เข้ากับเมทริกซ์ 00:09:41.300 --> 00:09:46.600 นั้นก็แค่คูณเลขดังกล่าวกับทุกเทอมในเมทริกซ์ 00:09:46.600 --> 00:09:50.900 แล้วยังไง จากนิยามการบวกเช่นนี้ เรารู้อะไรได้อีก 00:09:50.900 --> 00:09:54.200 เรารู้ว่า เมทริกซ์ทั้งสองต้องมีขนาดเท่ากัน 00:09:54.200 --> 00:09:58.700 ตามนิยามที่เราใช้บวก ยกตัวอย่างเช่น 00:09:58.700 --> 00:10:01.100 คุณสามารถบวกเมทริกซ์สองตัวนี้ ผมสามารบวก ไม่รู้สิ 00:10:01.100 --> 00:10:08.500 หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า กับเมทริกซ์นี้ 00:10:08.500 --> 00:10:14.500 ไม่รู้สิ ลบสิบ ลบร้อย ลบหนึ่งหัน 00:10:14.500 --> 00:10:20.100 ผมแค่มั่วเลขมาก หนึ่ง ศูนย์ ศูนย์ หนึ่ง ศูนย์ หนึ่ง 00:10:20.100 --> 00:10:21.800 คุณสามารถบวกเมทริกซ์สองตัวนี้ด้วยกันได้ ถูกไหม 00:10:21.800 --> 00:10:24.900 เพราะมันมีจำนวนแถว และจำนวนคอลัมน์เท่ากัน 00:10:24.900 --> 00:10:30.400 ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องบวกมัน เทอมแรก ก็จะเป็น หนึ่ง บวก ลบสิบ 00:10:30.400 --> 00:10:34.400 ได้เท่ากับ ลบเก้า สอง บวก ลบหนึ่งร้อย ได้ลบเก้าสิบแปด 00:10:34.400 --> 00:10:39.500 ผมคิดว่าคุณคงเข้าใจ คุณมีเก้าเทอม แล้วคุณมีสามแถว สามคอลัมน์ 00:10:39.500 --> 00:10:44.800 แต่คุณไม่สามารถบวกเมทริกซ์สองอันนี้เข้าด้วยกัน คุณสามารถบวก... 00:10:44.800 --> 00:10:48.600 ขอผมใช้อีกสีหนึ่ง แค่ให้เห็นว่าต่างกัน 00:10:48.600 --> 00:10:52.500 คุณไม่สามรถบวก สีฟ้านี้ คุณไม่สามารถบวกเมทริกซ์นี้ 00:10:52.500 --> 00:11:03.400 ลบสาม สอง เข้ากับเมทริกซ์ ไม่รุ้สิ เก้า เจ็ด 00:11:03.400 --> 00:11:05.100 ทำไมถึงไม่ได้ 00:11:05.100 --> 00:11:07.700 เพราะมันไม่มีพจน์คู่กันให้บวกเข้าไป 00:11:07.700 --> 00:11:11.600 มันมีหนึ่งแถว สองคอลัมน์ อันนี้คือ หนึ่งคูณสอง 00:11:11.600 --> 00:11:15.800 แต่อันนี้เป็นสอง คูณหนึ่ง ดังนั้นพวกมันจึงมีมิติไม่เท่ากัน 00:11:15.800 --> 00:11:18.700 เราจึงไม่สามารถบวกหรือลบเมทริกซ์เหล่านี้ได้ 00:11:18.700 --> 00:11:22.300 และเพื่อหมายเหตุเอาไว้ เมื่อเมทริกซ์มี... เมื่อ 00:11:22.300 --> 00:11:26.800 มิติอันหนึ่งเท่ากับ หนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ตรงนี้คุณมีหนึ่งแถว 00:11:26.800 --> 00:11:30.200 หลายคอลัมน์ นี่คือสิ่งทีเรียกว่า เวกเตอร์แถว (row vector) 00:11:30.200 --> 00:11:32.500 เวกเตอร์คือ เมทริกซ์ที่มีมิติเดียว นั่นคือ 00:11:32.500 --> 00:11:35.700 มิติอันหนึ่งเท่ากับหนึ่ง และนี่คือ เวกเตอร์แถว 00:11:35.700 --> 00:11:38.800 และมันก็มี เวกเตอร์คอลัมน์ (column vector) และนี่เป็นแค่ชื่อ 00:11:38.800 --> 00:11:41.400 ที่คุณควรรู้เพิ่มเติม อืม หากคุณเรียนพีชคณิตเชิงเส้น และแคลคูลัส 00:11:41.400 --> 00:11:44.200 อาจารย์คุณอาจใช้คำเหล่านี้ และมันดีที่จะ 00:11:44.200 --> 00:11:49.015 ทำความคุ้นเคยไว้ เอาล่ะ ผมใช้เวลาไปสิบเอ็ดนาทีแล้ว ผมจะมาต่อในวิดีฮหน้า แล้วเจอกันครับ