WEBVTT 00:00:00.623 --> 00:00:02.825 ผมอยากให้ทุกคนลองถามตัวเอง 00:00:02.825 --> 00:00:06.792 เมื่อพูดถึง "เคมีอินทรีย์" คุณรู้สึกอย่างไร 00:00:06.792 --> 00:00:08.732 ทำให้คุณคิดถึงอะไร 00:00:08.732 --> 00:00:12.420 มีวิชาหนึ่งที่เปิดสอนอยู่ เกือบทุกมหาวิทยาลัย 00:00:12.420 --> 00:00:14.369 เรียกว่าวิชา "เคมีอินทรีย์" 00:00:14.369 --> 00:00:18.222 พูดถึงวิชานี้ก็หนักและทรหดมากแล้ว 00:00:18.222 --> 00:00:21.336 ด้วยเนื้อหาที่มหาศาลท่วมหัวนักศึกษา 00:00:21.336 --> 00:00:25.414 คุณจะต้องทำเก่งวิชานี้ให้ได้ ถ้าคุณอยากเป็นหมอ หมอฟัน 00:00:25.414 --> 00:00:26.866 หรือสัตวแพทย์ 00:00:26.866 --> 00:00:30.786 มันทำให้นักศึกษาหลายคนมองวิชานี้เป็นแบบนี้ 00:00:32.217 --> 00:00:34.051 มันกลายเป็นอุปสรรค 00:00:34.051 --> 00:00:36.269 ทำให้พวกเขาทั้งกลัว ทั้งเกลียดมัน 00:00:36.269 --> 00:00:38.426 และพวกเขาเรียกมันว่า "วิชาคัดคนออก" 00:00:38.426 --> 00:00:41.181 ช่างเป็นวิชาที่โหดร้ายกับเยาวชนเสียจริง 00:00:41.181 --> 00:00:43.544 เพราะมันคอยกำจัดพวกเขาทิ้ง 00:00:43.544 --> 00:00:47.272 มุมมองแบบนี้ได้แพร่กระจายไปทั่ว ในสถาบันหลายแห่งเป็นเวลานาน 00:00:47.272 --> 00:00:51.284 ทำให้ทุกคนต่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินสองคำนี้ NOTE Paragraph 00:00:52.963 --> 00:00:55.429 แต่ผมกลับรักวิชานี้มาก 00:00:55.429 --> 00:00:57.907 และผมก็คิดว่าการทำใจยอมรับ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 00:00:57.907 --> 00:00:59.728 เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ 00:00:59.728 --> 00:01:03.547 มันไม่ดีทั้งต่อวิทยาศาสตร์ และต่อสังคม 00:01:03.547 --> 00:01:06.214 ผมคิดว่ามันไม่ควรจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ 00:01:06.214 --> 00:01:10.010 และผมก็ไม่ได้คิดว่าวิชานี้ควรจะง่ายขึ้น 00:01:10.010 --> 00:01:11.710 มันไม่ควรจะง่ายขึ้น 00:01:11.710 --> 00:01:15.636 แต่มุมมองที่คุณมีต่อสองคำนี้ 00:01:17.024 --> 00:01:21.257 ไม่ควรตกทอดมาจากประสบการณ์ จากเหล่านักเรียนเตรียมแพทย์ทั้งหลาย 00:01:21.257 --> 00:01:24.297 ที่กำลังวิตกกังวลกับชีวิตของพวกเขา 00:01:25.480 --> 00:01:28.245 ผมมาที่นี่ ในวันนี้ เพราะผมเชื่อว่า 00:01:28.245 --> 00:01:31.282 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ เคมีอินทรีย์นั้นมีคุณค่า 00:01:31.282 --> 00:01:34.968 และผมคิดว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 00:01:34.968 --> 00:01:37.879 ซึ่งผมอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้ 00:01:37.879 --> 00:01:39.330 ขอให้ผมลองได้ไหม NOTE Paragraph 00:01:39.334 --> 00:01:40.816 ผู้ชม: เอาสิ NOTE Paragraph 00:01:40.816 --> 00:01:43.943 เอาล่ะ งั้นเริ่มกันเลย NOTE Paragraph 00:01:43.943 --> 00:01:45.277 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:01:45.277 --> 00:01:48.320 ในมือผมตอนนี้คือ เอพิเพน ที่มีราคาสูงลิบลิ่ว 00:01:48.320 --> 00:01:51.190 ข้างในมีตัวยา "เอพิเนฟรีน" 00:01:51.190 --> 00:01:54.058 เอพิเนฟรีนทำให้หัวใจของผม กลับมาเต้นอีกครั้ง 00:01:54.058 --> 00:01:57.257 และช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต 00:01:57.257 --> 00:01:59.931 เพียงแค่ฉีดมันเข้าไปตรงนี้ 00:02:00.986 --> 00:02:05.041 มันเหมือนกับการเปิดสวิตซ์ให้ร่างกายของผม ตอบสนองแบบสู้หรือหนี 00:02:05.041 --> 00:02:09.096 อัตราการเต้นของหัวใจและความดันจะสูงขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ 00:02:09.096 --> 00:02:12.066 รูม่านตาจะขยาย ผมรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้น 00:02:12.066 --> 00:02:17.194 เอพิเนฟรีนเป็นสิ่งที่กำหนด ความเป็นความตายของใครหลาย ๆ คน 00:02:17.194 --> 00:02:20.419 มันเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เล็ก ๆ ในกำมือคุณ NOTE Paragraph 00:02:21.459 --> 00:02:24.761 นี่คือโครงสร้างทางเคมีของเอพิเนฟรีน 00:02:25.753 --> 00:02:27.934 นี่คือหน้าตาของ "เคมีอินทรีย์" 00:02:27.934 --> 00:02:30.245 มันดูเหมือน เส้นกับตัวอักษร 00:02:31.362 --> 00:02:33.189 ไม่มีความหมายสำหรับคนทั่วไป 00:02:33.189 --> 00:02:36.590 ผมอยากจะให้พวกคุณเห็นสิ่งที่ผมเห็น เมื่อผมมองภาพภาพนั้น 00:02:37.645 --> 00:02:39.484 ผมเห็นวัตถุชิ้นหนึ่ง 00:02:41.071 --> 00:02:43.415 ที่มีความลึก และมีส่วนที่หมุนได้ 00:02:43.415 --> 00:02:45.104 ขยับได้ 00:02:46.214 --> 00:02:48.952 พวกเราเรียกสิ่งนี้ว่า สารประกอบ หรือโมเลกุล 00:02:48.952 --> 00:02:54.273 มันประกอบขึ้นมาจาก 26 อะตอม เชื่อมกันด้วยพันธะเคมี 00:02:54.273 --> 00:02:59.795 การจัดเรียงตัวของอะตอมเหล่านี้ ทำให้เอพิเนฟรีนมีลักษณะเฉพาะ 00:02:59.795 --> 00:03:02.190 แต่ว่าไม่เคยมีใครมองเห็นมันจริง ๆ 00:03:02.190 --> 00:03:03.774 เพราะว่ามันเล็กมาก 00:03:03.774 --> 00:03:06.826 ดังนั้นมันจึงเป็นการตีความทางศิลปะ 00:03:06.826 --> 00:03:09.350 ผมอยากจะให้พวกคุณให้เห็น ว่ามันเล็กแค่ไหน 00:03:10.618 --> 00:03:14.792 ในหลอดนี้มีสารน้อยกว่าครึ่งมิลลิกรัม ที่ละลายอยู่ในน้ำ 00:03:14.792 --> 00:03:16.409 มีมวลเท่าเม็ดทรายหนึ่งเม็ด 00:03:16.409 --> 00:03:21.339 เอพิเนฟรีนในหลอดนี้ มีจำนวนโมเลกุลหนึ่งล้านล้านล้านโมเลกุล 00:03:21.339 --> 00:03:23.307 ซึ่งก็คือเลขศูนย์ 18 ตัว 00:03:23.307 --> 00:03:25.363 เป็นตัวเลขที่ยากที่จะคิดภาพตาม 00:03:25.363 --> 00:03:28.341 เรามีกันอยู่เจ็ดพันล้านคนบนโลก 00:03:28.341 --> 00:03:32.936 อาจจะมีดาวสี่แสนล้านดวงในกาแล็กซี 00:03:32.936 --> 00:03:35.057 นั่นยังไม่เข้าใกล้เลย 00:03:35.057 --> 00:03:36.968 ถ้าคุณต้องการทราบปริมาณที่แน่ชัด 00:03:36.968 --> 00:03:39.699 ให้คุณนึกถึงปริมาณเม็ดทรายทุกเม็ด 00:03:39.699 --> 00:03:43.579 บนชายหาดทุกหาด ทั้งที่อยู่ใต้มหาสมุทรและทะเลสาบทุกแห่ง 00:03:43.579 --> 00:03:46.345 และย่อขนาดมันลงมาในหลอดนี้ NOTE Paragraph 00:03:47.821 --> 00:03:50.751 เอพิเนฟรีนนั้นเล็กมาก พวกเราไม่มีทางที่จะมองเห็นมัน 00:03:50.751 --> 00:03:53.051 แม้แต่จะใช้กล้องจุลทรรศน์ก็ตาม 00:03:53.995 --> 00:03:55.624 แต่พวกเรารู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง 00:03:55.624 --> 00:03:59.341 เพราะมันแสดงตัวตน ให้เราเห็นผ่านเครื่องมือที่ซับซ้อน 00:03:59.341 --> 00:04:01.147 ที่มีชื่อสุดแฟนซีว่า 00:04:01.147 --> 00:04:04.232 "นิวเคลียร์แมกเนติกเรโซแนนซ์ สเปกโทรมิเตอร์" 00:04:05.398 --> 00:04:08.709 ไม่ว่าจะมองเห็นหรือไม่ พวกเรารู้จักโมเลกุลนี้เป็นอย่างดี 00:04:08.709 --> 00:04:11.046 มันเกิดจากอะตอมสี่ชนิดที่แตกต่างกัน 00:04:11.046 --> 00:04:13.273 ไฮโดรเจน คาร์บอน ออกซิเจน และไนโตรเจน 00:04:13.273 --> 00:04:15.474 นี่คือสีที่นิยมใช้บ่งบอกแต่ละอะตอม 00:04:15.474 --> 00:04:18.579 ทุกสิ่งในเอกภพ ต่างก็เกิดจากทรงกลมเล็ก ๆ นี้ 00:04:18.579 --> 00:04:20.265 ที่เราเรียกว่าอะตอม 00:04:20.265 --> 00:04:22.505 วัตถุดิบพื้นฐานพวกนี้ มีอยู่ประมาณร้อยชนิด 00:04:22.505 --> 00:04:24.764 พวกมันประกอบมาจาก อนุภาคพื้นฐานอีกสามชนิด 00:04:24.764 --> 00:04:26.594 ได้แก่โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน 00:04:26.594 --> 00:04:29.900 พวกเราจัดเรียงอะตอมเหล่านี้ออกมา เป็นตารางที่คุ้นเคยกันดี 00:04:30.855 --> 00:04:33.078 พวกเราตั้งชื่อและให้เลขประจำตัวแก่มัน 00:04:33.078 --> 00:04:35.758 ตามที่พวกเรารู้กันดี ชีวิตไม่ได้ต้องการทั้งหมดนี้ 00:04:35.758 --> 00:04:38.167 แค่ส่วนเล็ก ๆ แค่นั้น 00:04:38.167 --> 00:04:41.824 และมีอะตอมอยู่สี่ชนิด ที่โดดเด่นกว่าชนิดอื่น 00:04:41.824 --> 00:04:43.971 ที่เป็นโครงสร้างหลักของชีวิต 00:04:43.971 --> 00:04:47.471 และพวกมันคือพวกเดียวกับที่อยู่ในเอพิเนฟรีน 00:04:47.471 --> 00:04:50.673 ไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน และออกซิเจน 00:04:52.412 --> 00:04:55.427 สิ่งที่ผมจะบอกคุณต่อไปนี้เป็นหัวใจสำคัญ 00:04:56.443 --> 00:04:59.339 เมื่ออะตอมเหล่านี้เชื่อมต่อกันเป็นโมเลกุล 00:04:59.339 --> 00:05:01.122 มันจะเป็นไปตามกฎที่ตั้งไว้ 00:05:01.122 --> 00:05:03.302 ไฮโดรเจนสร้างได้หนึ่งพันธะ 00:05:03.302 --> 00:05:05.168 ออกซิเจนจะต้องเป็นสองพันธะเสมอ 00:05:05.168 --> 00:05:06.538 ไนโตรเจนสร้างสามพันธะ 00:05:06.538 --> 00:05:08.112 และคาร์บอนสร้างได้สี่พันธะ 00:05:08.957 --> 00:05:10.318 แค่นั้น 00:05:10.318 --> 00:05:12.647 H O N C -- หนึ่ง สอง สาม สี่ 00:05:13.962 --> 00:05:17.738 ถ้าคุณนับได้ถึงสี่แล้วสะกดผิดเป็น "honk" 00:05:17.738 --> 00:05:19.984 คุณจะจำได้ไปตลอดชีวิต NOTE Paragraph 00:05:19.984 --> 00:05:21.900 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:05:21.900 --> 00:05:24.543 เอาล่ะ ตอนนี้เรามีวัตถุดิบสี่ถ้วย 00:05:24.543 --> 00:05:27.631 เราสามารถนำมันมาสร้างโมเลกุลได้ 00:05:28.708 --> 00:05:30.557 มาเริ่มด้วยเอพิเนฟรีนดีกว่า 00:05:31.464 --> 00:05:35.405 พันธะที่เชื่อมระหว่างอะตอม เกิดจากอิเล็กตรอน 00:05:36.454 --> 00:05:39.311 อะตอมใช้อิเล็กตรอนเป็นแขน ในการจับกับอะตอมข้างๆ 00:05:39.311 --> 00:05:41.877 อิเล็กตรอนสองตัวต่อหนึ่งพันธะ เหมือนการจับมือ 00:05:41.877 --> 00:05:43.718 และการจับมือมันไม่ถาวร 00:05:43.718 --> 00:05:46.221 มันสามารถละจากกันเพื่อไปจับกับอะตอมอื่นต่อ 00:05:46.221 --> 00:05:48.135 นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าปฏิกิริยาเคมี 00:05:48.135 --> 00:05:50.960 เมื่ออะตอมแลกคู่กัน เพื่อสร้างโมเลกุลใหม่ 00:05:50.960 --> 00:05:54.589 แกนหลักของเอพิเนฟรีน ประกอบด้วยคาร์บอนเป็นส่วนมาก 00:05:54.589 --> 00:05:56.097 และนั่นเกิดขึ้นทั่วไป 00:05:56.097 --> 00:05:58.564 คาร์บอนเป็นวัสดุโครงสร้าง ที่สิ่งมีชีวิตโปรดปราน 00:05:58.564 --> 00:06:01.651 เพราะว่ามันจับมือกันได้ ในจำนวนที่เหมาะสม 00:06:01.651 --> 00:06:03.803 บวกกับความแข็งแรงในการจับที่พอเหมาะ 00:06:03.803 --> 00:06:08.188 และนั่นคือเหตุผลที่เรานิยามเคมีอินทรีย์ ว่าเป็นการศึกษาโมเลกุลคาร์บอน NOTE Paragraph 00:06:08.188 --> 00:06:13.082 ถ้าเราสร้างโมเลกุลที่เล็กที่สุด ที่สามารถคิดได้และเป็นไปตามกฎ 00:06:13.082 --> 00:06:16.092 พวกมันให้ความสำคัญกับกฏ และพวกมันมีชื่อที่คล้ายกัน 00:06:16.092 --> 00:06:19.927 น้ำ แอมโมเนีย และมีเทน H2O NH3 และ CH4 00:06:21.389 --> 00:06:24.074 เราใช้ชื่ออะตอม "ไฮโดรเจน" "ออกซิเจน" และ "ไนโตรเจน" 00:06:24.074 --> 00:06:26.481 มาใช้กับโมเลกุลทั้งสามชนิด 00:06:26.481 --> 00:06:28.781 ซึ่งมีสองอะตอมที่เหมือนกัน 00:06:28.781 --> 00:06:30.582 และพวกมันยังคงเป็นไปตามกฎ 00:06:30.582 --> 00:06:33.244 เนื่องจากมีหนึ่ง สอง และสามพันธะ ภายในโมเลกุลของพวกมัน 00:06:33.248 --> 00:06:35.273 นั่นคือสาเหตุที่เรียกออกซิเจนว่า O2 NOTE Paragraph 00:06:36.449 --> 00:06:38.394 ผมจะแสดงการสันดาปให้พวกคุณดู 00:06:39.323 --> 00:06:41.844 นี่คือคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 00:06:41.844 --> 00:06:46.692 วางน้ำและออกซิเจนไว้ข้างบนมันอีกที ส่วนข้าง ๆ ให้เป็นเชื้อเพลิง 00:06:46.692 --> 00:06:49.018 เชื้อเพลิงพวกนี้ประกอบด้วย ไฮโดรเจนและคาร์บอน 00:06:49.018 --> 00:06:51.738 นี่คือที่มาของชื่อไฮโดรคาร์บอน มาจากความสร้างสรรค์ล้วน ๆ NOTE Paragraph 00:06:51.742 --> 00:06:53.262 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:53.262 --> 00:06:55.415 ดังนั้นเมื่อพวกมันชนกับโมเลกุลออกซิเจน 00:06:55.415 --> 00:06:59.613 เหมือนกับที่เกิดในเครื่องยนต์ หรือเตาบาร์บีคิวของคุณ 00:06:59.613 --> 00:07:02.134 พวกมันจะปลดปล่อยพลังงานและรวมตัวกันใหม่ 00:07:02.134 --> 00:07:05.084 คาร์บอนทุก ๆ อะตอมจะลงเอยด้วย การเป็นศูนย์กลางให้กับโมเลกุล CO2 00:07:05.084 --> 00:07:06.456 คอยจับแขนออกซิเจนสองตัว 00:07:06.456 --> 00:07:08.839 และไฮโดรเจนทั้งหมดจะเป็นส่วนหนึ่งของน้ำ 00:07:08.843 --> 00:07:10.769 และมันเป็นไปตามกฎทุกอย่าง 00:07:10.769 --> 00:07:12.181 ไม่มีข้อยกเว้น 00:07:12.181 --> 00:07:14.683 แม้ว่าจะเป็นโมเลกุล ที่มีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม 00:07:14.683 --> 00:07:16.141 เช่นเดียวกับสามตัวนี้ 00:07:17.347 --> 00:07:19.572 นี่คือวิตามินที่พวกเรารู้จัก 00:07:19.572 --> 00:07:21.150 วางอยู่ข้าง ๆ ยาขนานเอกของพวกเรา NOTE Paragraph 00:07:21.150 --> 00:07:22.516 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:07:22.516 --> 00:07:24.113 ความเป็นมาของมอร์ฟีน 00:07:24.113 --> 00:07:26.823 เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์การแพทย์ 00:07:26.823 --> 00:07:29.109 มันเป็นยาตัวแแรก ที่เอาชนะความเจ็บปวดทางกายได้ 00:07:29.109 --> 00:07:31.177 ทุก ๆ โมเลกุลมีความเป็นมา 00:07:31.177 --> 00:07:32.851 และล้วนได้รับการเผยแพร่ 00:07:32.851 --> 00:07:36.265 มันถูกบันทึกโดยนักวิทยาศาสตร์ และอ่านโดยนักวิทยาศาสตร์ 00:07:36.265 --> 00:07:39.524 เราจึงมีข้อมูลที่พร้อมใช้งานมากมาย จนวาดลงบนกระดาษได้อย่างรวดเร็ว 00:07:39.524 --> 00:07:41.333 ซึ่งผมต้องสอนพวกคุณว่าควรทำยังไง NOTE Paragraph 00:07:41.333 --> 00:07:43.996 เริ่มจากวางเอพิเนฟรีนลงบนกระดาษ 00:07:43.996 --> 00:07:46.816 จากนั้นแทนที่ลูกกลม ๆ ทั้งหมดด้วยตัวอักษร 00:07:46.816 --> 00:07:49.289 และจากพันธะที่เคยวางตามแนวระนาบกระดาษ 00:07:49.289 --> 00:07:51.112 ได้เปลี่ยนเป็นเส้นธรรมดา ๆ 00:07:51.112 --> 00:07:53.235 พันธะที่เคยชี้ไปข้างหน้าและหลัง 00:07:53.235 --> 00:07:54.857 ได้กลายเป็นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ 00:07:54.857 --> 00:07:57.340 ทั้งแบบทึบและแบบประ เพื่อบอกความลึก 00:07:57.340 --> 00:07:59.581 เราไม่วาดคาร์บอนลงไป 00:07:59.581 --> 00:08:02.831 ซ่อนมันไว้ดีกว่า เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลา 00:08:02.831 --> 00:08:05.957 มุมของพันธะบ่งชี้ชัดว่าเป็นคาร์บอน 00:08:05.957 --> 00:08:10.010 เราไม่เขียนอะตอมไฮโดรเจน ที่ทำพันธะกับคาร์บอน 00:08:10.010 --> 00:08:11.801 เรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น 00:08:11.801 --> 00:08:14.663 เมื่อไรก็ตามที่คาร์บอนหนึ่งตัว มีน้อยกว่าสี่พันธะ 00:08:15.853 --> 00:08:19.479 สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือ พันธะระหว่าง OH และ NH 00:08:19.479 --> 00:08:21.560 แค่เอามันออกไปทำให้ดูสะอาดตาขึ้น 00:08:21.560 --> 00:08:23.061 และทั้งหมดก็มีแค่นี้ 00:08:23.061 --> 00:08:25.675 นี่คือวิธีการวาดโมเลกุล ให้ได้อย่างมืออาชีพ 00:08:25.675 --> 00:08:28.690 นี่คือสิ่งที่พวกคุณเห็นในวิกิพีเดีย NOTE Paragraph 00:08:30.373 --> 00:08:34.575 มันอาจจะใช้เวลาในการฝึกสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ 00:08:34.579 --> 00:08:37.726 แต่สำหรับวันนี้ นี่คือเอพิเนฟรีน 00:08:37.726 --> 00:08:40.758 หรืออาจเรียกว่าอะดรีนาลีน มันคือตัวเดียวกัน 00:08:40.758 --> 00:08:42.434 ที่ถูกสร้างขึ้นจากต่อมหมวกไต 00:08:42.434 --> 00:08:45.410 โมเลกุลนี้กำลังแหวกว่าย อยู่ในร่างกายของทุกคน 00:08:45.410 --> 00:08:47.250 มันเป็นโมเลกุลธรรมชาติ 00:08:47.250 --> 00:08:51.598 เอพิเพนแค่เพิ่มมันเข้าไปอีกล้านล้านล้าน โมเลกุลในเวลารวดเร็ว NOTE Paragraph 00:08:51.598 --> 00:08:53.172 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:08:53.172 --> 00:08:56.331 พวกเราสามารถสกัดเอพิเนฟรีน 00:08:56.331 --> 00:08:59.715 จากต่อมหมวกไตของแกะหรือวัว 00:08:59.715 --> 00:09:02.149 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ได้มันมา 00:09:02.149 --> 00:09:05.271 เราสร้างมันขึ้นมาในโรงงาน 00:09:05.271 --> 00:09:11.092 โดยการต่อโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ส่วนมากได้มาจากปิโตรเลียมเข้าด้วยกัน 00:09:11.092 --> 00:09:13.492 และนี่ได้มาจากการสังเคราะห์ 100 เปอร์เซ็นต์ 00:09:13.492 --> 00:09:17.744 คำว่า "สังเคราะห์" อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ 00:09:17.744 --> 00:09:21.049 ไม่เหมือนกับคำว่า "ธรรมชาติ" ที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย 00:09:21.049 --> 00:09:25.165 แต่โมเลกุลทั้งสองแบบนี้ แทบแยกกันไม่ออกเลย 00:09:26.263 --> 00:09:30.259 เราไม่ได้พูดถึงรถสองคันที่ออกมาจาก โรงงานประกอบ 00:09:30.259 --> 00:09:32.294 รถยนต์อาจมีรอยขีดข่วนได้บ้าง 00:09:32.294 --> 00:09:34.153 แต่คุณขีดข่วนอะตอมไม่ได้ 00:09:34.153 --> 00:09:38.629 โมเลกุลคู่นี้เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุผลในเชิงคณิตสาสตร์ 00:09:38.629 --> 00:09:42.028 ในระดับอะตอม คณิตศาสตร์ใช้พิสูจน์ได้จริง 00:09:42.028 --> 00:09:46.448 ไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา ของโมเลกุลเอพิเนฟรีน 00:09:46.448 --> 00:09:48.017 มันเป็นตามที่เห็นทุกวันนี้ 00:09:48.017 --> 00:09:49.702 และเมื่อคุณได้รับมันแล้ว 00:09:49.702 --> 00:09:53.927 ไม่ว่าคำว่า "ธรรมชาติ" หรือ "สังเคราะห์" ก็ไม่สำคัญทั้งนั้น 00:09:53.927 --> 00:09:57.606 ธรรมชาติเองก็สังเคราะห์มันขึ้นมา ในแบบเดียวกับที่เราทำ 00:09:57.606 --> 00:09:59.917 เว้นแต่ว่าธรรมชาติถนัดในเรื่องนี้ ดีกว่าพวกเรา NOTE Paragraph 00:09:59.917 --> 00:10:02.259 ก่อนที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ 00:10:02.259 --> 00:10:05.300 โมเลกุลทั้งหมดนั้นมีขนาดเล็กและเรียบง่าย 00:10:05.300 --> 00:10:06.915 คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ ไนโตรเจน 00:10:08.018 --> 00:10:09.148 แค่สิ่งเรียบง่าย 00:10:09.148 --> 00:10:11.210 การเกิดของสิ่งมีชีวิตทำให้มันเปลี่ยนไป 00:10:11.210 --> 00:10:14.460 ชีวิตก่อให้เกิดโรงงานสังเคราะห์ทางชีวภาพ ที่หล่อเลี้ยงด้วยแสงอาทิตย์ 00:10:14.460 --> 00:10:17.959 และภายในโรงงานแห่งนั้น คือโมเลกุลเล็ก ๆ ที่พุ่งชนกัน 00:10:17.963 --> 00:10:21.331 และกลายเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดนิวคลีอิก 00:10:21.331 --> 00:10:23.748 เป็นการเพื่มจำนวนของการสร้างที่งดงาม 00:10:25.613 --> 00:10:27.938 ธรรมชาติคือบรรพบุรุษของนักเคมีอินทรีย์ 00:10:28.932 --> 00:10:32.205 ผลงานของเธอช่วยเติมเต็มท้องฟ้า ด้วยแก๊สออกซิเจนที่เราใช้หายใจ 00:10:32.205 --> 00:10:33.847 ออกซิเจนที่มีพลังงานมากมายนี้ NOTE Paragraph 00:10:35.597 --> 00:10:38.802 โมเลกุลทั้งหมดนี้ จะรวมกันกับพลังงานของดวงอาทิตย์ 00:10:38.802 --> 00:10:40.710 มันกักพลังงานราวกับแบตเตอรี่ 00:10:40.710 --> 00:10:44.292 ฉะนั้นธรรมชาติทำมาจากสารเคมี 00:10:44.292 --> 00:10:47.238 บางที พวกคุณอาจช่วยผมกอบกู้คำว่า "สารเคมี" กลับมา 00:10:47.238 --> 00:10:49.705 เพราะว่ามันถูกขโมยไปจากพวกเรา 00:10:49.705 --> 00:10:52.314 มันไม่ได้เป็นพิษ และไม่ได้มีอันตราย 00:10:52.314 --> 00:10:55.087 มันไม่ได้สื่อว่าเป็นสิ่งของปลอม หรือไม่เป็นธรรมชาติ 00:10:55.087 --> 00:10:57.054 มันก็คือ 00:10:57.054 --> 00:10:58.804 "สิ่งของทั่วไป" โอเคไหมครับ NOTE Paragraph 00:10:58.804 --> 00:10:59.945 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:10:59.945 --> 00:11:03.959 มันไม่มีถ่านก้อนไหนปลอดสารเคมี 00:11:03.959 --> 00:11:05.143 มันน่าตลก NOTE Paragraph 00:11:05.143 --> 00:11:06.244 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:11:06.244 --> 00:11:08.091 และผมจะขอพูดอีกประโยค 00:11:09.212 --> 00:11:11.637 คำว่า "ธรรมชาติ" ไม่ได้แปลว่า "ปลอดภัย" 00:11:11.637 --> 00:11:14.123 เรื่องนี้คุณก็รู้ 00:11:14.123 --> 00:11:18.736 มีสารเคมีจากธรรมชาติเยอะแยะที่เป็นพิษ 00:11:18.736 --> 00:11:21.237 และอีกมากมายที่รสชาติอร่อย 00:11:21.237 --> 00:11:23.279 และอาจจะทั้งคู่ NOTE Paragraph 00:11:23.279 --> 00:11:24.784 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:11:24.784 --> 00:11:26.808 ทั้งเป็นพิษและอร่อย NOTE Paragraph 00:11:26.813 --> 00:11:29.575 ทางเดียวที่จะบอกว่าสิ่งนั้นอันตรายหรือไม่ 00:11:29.575 --> 00:11:31.517 คือต้องลอง 00:11:31.517 --> 00:11:33.663 และผมไม่ได้หมายถึงให้พวกคุณลอง 00:11:33.663 --> 00:11:36.476 เรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเป็นพิษ 00:11:36.476 --> 00:11:38.124 พวกเขาถูกฝึกมาเป็นอย่างดี 00:11:38.124 --> 00:11:40.736 คุณควรจะเชื่อใจพวกเขาอย่างที่ผมเชื่อ NOTE Paragraph 00:11:40.736 --> 00:11:42.703 โมเลกุลทางธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป 00:11:42.703 --> 00:11:46.930 รวมไปถึงพวกที่สลายตัวไปเป็นสารสีดำ ที่เรียกว่าปิโตรเลียม 00:11:46.930 --> 00:11:49.628 เรากลั่นโมเลกุลเหล่านี้ 00:11:49.628 --> 00:11:52.878 พวกมันไม่ได้มีอะไรที่ผิดธรรมชาติ พวกเราแค่ทำให้บริสุทธิ์ 00:11:54.248 --> 00:11:57.170 ตอนนี้พวกเราพึ่งพามันเพื่อพลังงาน 00:11:57.170 --> 00:12:01.349 นั่นหมายความว่า ทุก ๆ อะตอมคาร์บอนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น CO2 00:12:01.349 --> 00:12:04.267 ซึ่งคือแก๊สเรือนกระจก ที่ทำลายสภาพอากาศของเราอยู่ตอนนี้ 00:12:04.267 --> 00:12:07.972 บางทีความรู้ทางเคมี ก็ทำให้การยอมรับความจริงเรื่องนี้ง่ายขึ้น 00:12:07.972 --> 00:12:09.636 สำหรับบางคน ผมก็ไม่ทราบ 00:12:09.636 --> 00:12:12.553 แต่โมเลกุลเหล่านี้ ไม่ใช่แค่พลังงานฟอสซิล 00:12:12.553 --> 00:12:15.225 พวกมันยังเป็นวัตถุดิบที่ถูกที่สุด 00:12:15.225 --> 00:12:17.615 ในการนำมาทำอะไรบางอย่างที่เรียกว่า การสังเคราะห์ 00:12:17.615 --> 00:12:21.023 พวกเราเอามันมาใช้ราวกับเป็นชิ้นส่วนเลโก้ 00:12:21.023 --> 00:12:25.350 พวกเราเรียนรู้ว่าจะต่อมันเข้าด้วยกัน หรือแยกมันออกจากกันยังไงภายใต้การควบคุม 00:12:25.350 --> 00:12:26.920 ผมลองทำมาแล้วหลายรอบ 00:12:26.920 --> 00:12:29.477 และยังคิดว่ามัน เป็นเรื่องน่าทึ่งที่เป็นไปได้ 00:12:29.477 --> 00:12:33.229 สิ่งที่พวกเราทำเป็นเหมือนการต่อเลโก้ 00:12:33.229 --> 00:12:35.739 ซึ่งเราเทตัวต่อหลายกล่องลงในเครื่องซักผ้า 00:12:35.739 --> 00:12:37.164 แต่มันได้ผล NOTE Paragraph 00:12:37.164 --> 00:12:41.401 เราสามารถสร้างโมเลกุลเหมือนกับที่ ธรรมชาติสร้างได้เป๊ะ ๆ อย่างเอพิเนฟรีน 00:12:41.401 --> 00:12:45.407 เรายังสร้างชิ้นงานของเราเองได้ จากความกระเสือกกระสน เหมือนสองตัวนี้ 00:12:45.407 --> 00:12:49.651 หนึ่งในสองตัวนี้ช่วยหยุดอาการของ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 00:12:49.655 --> 00:12:53.492 อีกตัวหนึ่งช่วยรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่เกิดจากเซลล์ที 00:12:53.492 --> 00:12:57.748 เป็นโมเลกุลที่มีขนาดและรูปร่างเข้ากันเป๊ะ เหมือนกับการไขกุญแจ 00:12:57.748 --> 00:13:01.237 และเมื่อมันประกบพอดี มันรบกวนสมบัติทางเคมีของโรค 00:13:01.237 --> 00:13:02.634 นั่นคือการทำงานของยา 00:13:03.650 --> 00:13:05.240 ไม่ว่าจะธรรมชาติหรือสังเคราะห์ 00:13:05.240 --> 00:13:08.574 พวกมันล้วนเป็นโมเลกุลที่เกิดขึ้นเพื่อ ไปประกบเข้ากับอะไรสักอย่างพอดี NOTE Paragraph 00:13:08.574 --> 00:13:11.362 แต่ธรรมชาติถนัดเรื่องนี้มากกว่าพวกเรา 00:13:11.362 --> 00:13:13.508 สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจึงน่าประทับใจกว่า 00:13:13.508 --> 00:13:15.120 อย่างเช่นตัวนี้ 00:13:15.120 --> 00:13:17.039 นี่เรียกว่าแวนโคมัยซิน 00:13:17.039 --> 00:13:20.212 ธรรมชาติมอบคลอรีนสองอะตอม ให้กับเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ 00:13:20.212 --> 00:13:22.451 ประดับราวกับเป็นต่างหู 00:13:22.451 --> 00:13:27.296 เราค้นพบแวนโคมัยซินจากบ่อโคลนในป่า ที่บอร์เนียวในปี ค.ศ. 1953 00:13:27.296 --> 00:13:29.422 มันเกิดจากแบคทีเรีย 00:13:30.495 --> 00:13:33.811 เราไม่สามารถสังเคราะห์สิ่งนี้ได้ มันต้องใช้เงินมหาศาล 00:13:33.811 --> 00:13:38.187 มันซับซ้อนเกินความสามารถของพวกเรา แต่พวกเราสามารถเก็บเกี่ยวมันจากธรรมชาติได้ 00:13:38.187 --> 00:13:42.444 และพวกเราก็ทำ เพราะว่ามันคือ หนึ่งในยาปฏิชีวนะที่ทรงพลังที่สุด 00:13:42.444 --> 00:13:45.297 และมีรายงานโมเลกุลใหม่ ๆ ในวารสารทุก ๆ วัน 00:13:45.297 --> 00:13:48.847 พวกเราสร้างมันขึ้นมา หรือค้นพบมัน ในทุกซอกทุกมุมของดาวดวงนี้ 00:13:49.982 --> 00:13:51.753 และนั่นคือที่ที่เราได้ยามา 00:13:51.753 --> 00:13:53.982 และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมหมอถึงมีพลังวิเศษ NOTE Paragraph 00:13:53.982 --> 00:13:55.048 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:13:55.048 --> 00:13:57.518 เพื่อรักษาโรคติดเชื้อและอื่น ๆ NOTE Paragraph 00:13:57.518 --> 00:14:01.637 การเป็นหมอทุกวันนี้เหมือนกับการเป็นอัศวิน ในชุดเกราะเปล่งประกาย 00:14:01.637 --> 00:14:04.899 พวกเขาสู้ในสนามรบด้วยความกล้าและใจเย็น 00:14:04.899 --> 00:14:06.853 พร้อมด้วยอาวุธที่พรั่งพร้อม 00:14:06.853 --> 00:14:10.655 อย่าได้ลืมบทบาทของช่างตีเหล็กในรูปนี้ไป 00:14:10.655 --> 00:14:13.826 ถ้าไม่มีช่างตีเหล็ก หลาย ๆ อย่างอาจดูแตกต่างไป NOTE Paragraph 00:14:13.826 --> 00:14:16.269 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:14:16.269 --> 00:14:18.586 แต่วิทยาศาสตร์แขนงนี้ไปไกลกว่าเรื่องหยูกยา 00:14:18.586 --> 00:14:21.903 มันคือน้ำมัน ตัวทำละลาย สารให้รสชาติ 00:14:21.903 --> 00:14:24.763 สิ่งทอ และพลาสติกทั้งหมด 00:14:24.763 --> 00:14:26.607 เบาะที่พวกคุณนั่งทับอยู่ตอนนี้ 00:14:26.607 --> 00:14:29.977 ทั้งหมดล้วนผลิตขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ และเกือบทั้งหมดเป็นคาร์บอน 00:14:29.977 --> 00:14:31.655 ทำให้ทั้งหมดเป็นเคมีอินทรีย์ 00:14:31.655 --> 00:14:33.858 นี่คือความล้ำหน้าทางวิทยาศาสตร์ NOTE Paragraph 00:14:33.858 --> 00:14:36.416 ผมมีสิ่งที่ยังไม่ได้พูดถึงอีกมากในวันนี้ 00:14:36.416 --> 00:14:39.455 ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ และอะตอมอื่น ๆ 00:14:39.455 --> 00:14:42.157 ทำไมพวกมันถึงทำพันธะในแบบที่ทำกันอยู่ 00:14:42.157 --> 00:14:43.416 ความสมมาตร 00:14:43.416 --> 00:14:45.301 อิเล็กตรอนที่ไม่สร้างพันธะ 00:14:45.301 --> 00:14:46.659 อะตอมที่มีประจุ 00:14:46.659 --> 00:14:49.903 ปฏิกิริยาและกลไกของมัน และอื่น ๆ อีกมากมาย 00:14:49.903 --> 00:14:51.973 การสังเคราะห์ใช้เวลานานมากในการเรียนรู้ NOTE Paragraph 00:14:51.973 --> 00:14:54.802 แต่ผมไม่ได้มาที่นี่ เพื่อสอนเคมีอินทรีย์แก่พวกคุณ 00:14:54.802 --> 00:14:56.708 ผมแค่ต้องการแสดงให้เห็น 00:14:56.708 --> 00:14:58.611 ผมได้รับความช่วยเหลืออย่างมากในวันนี้ 00:14:58.611 --> 00:15:01.701 จากชายหนุ่มที่ชื่อเวสตัน เดอร์แลนด์ 00:15:01.701 --> 00:15:03.397 และคุณเจอเขาแล้ว 00:15:04.427 --> 00:15:06.648 เขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรี สาขาเคมี 00:15:06.648 --> 00:15:10.034 และเขาเหมือนจะเก่งในด้าน คอมพิวเตอร์กราฟิกอีกด้วย NOTE Paragraph 00:15:10.034 --> 00:15:11.771 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:15:11.771 --> 00:15:15.647 เวสตันออกแบบโมเลกุลที่เคลื่อนไหวทั้งหมด 00:15:15.647 --> 00:15:17.299 ที่คุณเห็นในวันนี้ 00:15:17.299 --> 00:15:20.447 เขาและผมอยากสาธิตโดยใช้กราฟิกแบบนี้เพื่อ 00:15:20.447 --> 00:15:23.345 ช่วยเหลือคนที่พูดเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์อันซับซ้อนนี้ 00:15:23.345 --> 00:15:29.158 เป้าหมายของพวกเราคือต้องการให้พวกคุณเห็น ว่าเคมีอินทรีย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว 00:15:29.158 --> 00:15:32.152 แกนหลักของมันเป็นเหมือนหน้าต่าง 00:15:32.152 --> 00:15:36.355 ที่ทำให้โลกธรรมชาติอันงดงาม ดูสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น NOTE Paragraph 00:15:36.355 --> 00:15:37.556 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:15:37.556 --> 00:15:40.807 (เสียงปรบมือ)