1 00:00:00,623 --> 00:00:02,825 ผมอยากให้ทุกคนลองถามตัวเอง 2 00:00:02,825 --> 00:00:06,792 เมื่อพูดถึง "เคมีอินทรีย์" คุณรู้สึกอย่างไร 3 00:00:06,792 --> 00:00:08,732 ทำให้คุณคิดถึงอะไร 4 00:00:08,732 --> 00:00:12,420 มีวิชาหนึ่งที่เปิดสอนอยู่ เกือบทุกมหาวิทยาลัย 5 00:00:12,420 --> 00:00:14,369 เรียกว่าวิชา "เคมีอินทรีย์" 6 00:00:14,369 --> 00:00:18,222 พูดถึงวิชานี้ก็หนักและทรหดมากแล้ว 7 00:00:18,222 --> 00:00:21,336 ด้วยเนื้อหาที่มหาศาลท่วมหัวนักศึกษา 8 00:00:21,336 --> 00:00:25,414 คุณจะต้องทำเก่งวิชานี้ให้ได้ ถ้าคุณอยากเป็นหมอ หมอฟัน 9 00:00:25,414 --> 00:00:26,866 หรือสัตวแพทย์ 10 00:00:26,866 --> 00:00:30,786 มันทำให้นักศึกษาหลายคนมองวิชานี้เป็นแบบนี้ 11 00:00:32,217 --> 00:00:34,051 มันกลายเป็นอุปสรรค 12 00:00:34,051 --> 00:00:36,269 ทำให้พวกเขาทั้งกลัว ทั้งเกลียดมัน 13 00:00:36,269 --> 00:00:38,426 และพวกเขาเรียกมันว่า "วิชาคัดคนออก" 14 00:00:38,426 --> 00:00:41,181 ช่างเป็นวิชาที่โหดร้ายกับเยาวชนเสียจริง 15 00:00:41,181 --> 00:00:43,544 เพราะมันคอยกำจัดพวกเขาทิ้ง 16 00:00:43,544 --> 00:00:47,272 มุมมองแบบนี้ได้แพร่กระจายไปทั่ว ในสถาบันหลายแห่งเป็นเวลานาน 17 00:00:47,272 --> 00:00:51,284 ทำให้ทุกคนต่างเป็นกังวล เมื่อได้ยินสองคำนี้ 18 00:00:52,963 --> 00:00:55,429 แต่ผมกลับรักวิชานี้มาก 19 00:00:55,429 --> 00:00:57,907 และผมก็คิดว่าการทำใจยอมรับ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 20 00:00:57,907 --> 00:00:59,728 เป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ 21 00:00:59,728 --> 00:01:03,547 มันไม่ดีทั้งต่อวิทยาศาสตร์ และต่อสังคม 22 00:01:03,547 --> 00:01:06,214 ผมคิดว่ามันไม่ควรจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ 23 00:01:06,214 --> 00:01:10,010 และผมก็ไม่ได้คิดว่าวิชานี้ควรจะง่ายขึ้น 24 00:01:10,010 --> 00:01:11,710 มันไม่ควรจะง่ายขึ้น 25 00:01:11,710 --> 00:01:15,636 แต่มุมมองที่คุณมีต่อสองคำนี้ 26 00:01:17,024 --> 00:01:21,257 ไม่ควรตกทอดมาจากประสบการณ์ จากเหล่านักเรียนเตรียมแพทย์ทั้งหลาย 27 00:01:21,257 --> 00:01:24,297 ที่กำลังวิตกกังวลกับชีวิตของพวกเขา 28 00:01:25,480 --> 00:01:28,245 ผมมาที่นี่ ในวันนี้ เพราะผมเชื่อว่า 29 00:01:28,245 --> 00:01:31,282 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ เคมีอินทรีย์นั้นมีคุณค่า 30 00:01:31,282 --> 00:01:34,968 และผมคิดว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ 31 00:01:34,968 --> 00:01:37,879 ซึ่งผมอยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้ 32 00:01:37,879 --> 00:01:39,330 ขอให้ผมลองได้ไหม 33 00:01:39,334 --> 00:01:40,816 ผู้ชม: เอาสิ 34 00:01:40,816 --> 00:01:43,943 เอาล่ะ งั้นเริ่มกันเลย 35 00:01:43,943 --> 00:01:45,277 (เสียงหัวเราะ) 36 00:01:45,277 --> 00:01:48,320 ในมือผมตอนนี้คือ เอพิเพน ที่มีราคาสูงลิบลิ่ว 37 00:01:48,320 --> 00:01:51,190 ข้างในมีตัวยา "เอพิเนฟรีน" 38 00:01:51,190 --> 00:01:54,058 เอพิเนฟรีนทำให้หัวใจของผม กลับมาเต้นอีกครั้ง 39 00:01:54,058 --> 00:01:57,257 และช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ ซึ่งอันตรายถึงชีวิต 40 00:01:57,257 --> 00:01:59,931 เพียงแค่ฉีดมันเข้าไปตรงนี้ 41 00:02:00,986 --> 00:02:05,041 มันเหมือนกับการเปิดสวิตซ์ให้ร่างกายของผม ตอบสนองแบบสู้หรือหนี 42 00:02:05,041 --> 00:02:09,096 อัตราการเต้นของหัวใจและความดันจะสูงขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ 43 00:02:09,096 --> 00:02:12,066 รูม่านตาจะขยาย ผมรู้สึกมีกำลังวังชาขึ้น 44 00:02:12,066 --> 00:02:17,194 เอพิเนฟรีนเป็นสิ่งที่กำหนด ความเป็นความตายของใครหลาย ๆ คน 45 00:02:17,194 --> 00:02:20,419 มันเป็นเหมือนปาฏิหาริย์เล็ก ๆ ในกำมือคุณ 46 00:02:21,459 --> 00:02:24,761 นี่คือโครงสร้างทางเคมีของเอพิเนฟรีน 47 00:02:25,753 --> 00:02:27,934 นี่คือหน้าตาของ "เคมีอินทรีย์" 48 00:02:27,934 --> 00:02:30,245 มันดูเหมือน เส้นกับตัวอักษร 49 00:02:31,362 --> 00:02:33,189 ไม่มีความหมายสำหรับคนทั่วไป 50 00:02:33,189 --> 00:02:36,590 ผมอยากจะให้พวกคุณเห็นสิ่งที่ผมเห็น เมื่อผมมองภาพภาพนั้น 51 00:02:37,645 --> 00:02:39,484 ผมเห็นวัตถุชิ้นหนึ่ง 52 00:02:41,071 --> 00:02:43,415 ที่มีความลึก และมีส่วนที่หมุนได้ 53 00:02:43,415 --> 00:02:45,104 ขยับได้ 54 00:02:46,214 --> 00:02:48,952 พวกเราเรียกสิ่งนี้ว่า สารประกอบ หรือโมเลกุล 55 00:02:48,952 --> 00:02:54,273 มันประกอบขึ้นมาจาก 26 อะตอม เชื่อมกันด้วยพันธะเคมี 56 00:02:54,273 --> 00:02:59,795 การจัดเรียงตัวของอะตอมเหล่านี้ ทำให้เอพิเนฟรีนมีลักษณะเฉพาะ 57 00:02:59,795 --> 00:03:02,190 แต่ว่าไม่เคยมีใครมองเห็นมันจริง ๆ 58 00:03:02,190 --> 00:03:03,774 เพราะว่ามันเล็กมาก 59 00:03:03,774 --> 00:03:06,826 ดังนั้นมันจึงเป็นการตีความทางศิลปะ 60 00:03:06,826 --> 00:03:09,350 ผมอยากจะให้พวกคุณให้เห็น ว่ามันเล็กแค่ไหน 61 00:03:10,618 --> 00:03:14,792 ในหลอดนี้มีสารน้อยกว่าครึ่งมิลลิกรัม ที่ละลายอยู่ในน้ำ 62 00:03:14,792 --> 00:03:16,409 มีมวลเท่าเม็ดทรายหนึ่งเม็ด 63 00:03:16,409 --> 00:03:21,339 เอพิเนฟรีนในหลอดนี้ มีจำนวนโมเลกุลหนึ่งล้านล้านล้านโมเลกุล 64 00:03:21,339 --> 00:03:23,307 ซึ่งก็คือเลขศูนย์ 18 ตัว 65 00:03:23,307 --> 00:03:25,363 เป็นตัวเลขที่ยากที่จะคิดภาพตาม 66 00:03:25,363 --> 00:03:28,341 เรามีกันอยู่เจ็ดพันล้านคนบนโลก 67 00:03:28,341 --> 00:03:32,936 อาจจะมีดาวสี่แสนล้านดวงในกาแล็กซี 68 00:03:32,936 --> 00:03:35,057 นั่นยังไม่เข้าใกล้เลย 69 00:03:35,057 --> 00:03:36,968 ถ้าคุณต้องการทราบปริมาณที่แน่ชัด 70 00:03:36,968 --> 00:03:39,699 ให้คุณนึกถึงปริมาณเม็ดทรายทุกเม็ด 71 00:03:39,699 --> 00:03:43,579 บนชายหาดทุกหาด ทั้งที่อยู่ใต้มหาสมุทรและทะเลสาบทุกแห่ง 72 00:03:43,579 --> 00:03:46,345 และย่อขนาดมันลงมาในหลอดนี้ 73 00:03:47,821 --> 00:03:50,751 เอพิเนฟรีนนั้นเล็กมาก พวกเราไม่มีทางที่จะมองเห็นมัน 74 00:03:50,751 --> 00:03:53,051 แม้แต่จะใช้กล้องจุลทรรศน์ก็ตาม 75 00:03:53,995 --> 00:03:55,624 แต่พวกเรารู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง 76 00:03:55,624 --> 00:03:59,341 เพราะมันแสดงตัวตน ให้เราเห็นผ่านเครื่องมือที่ซับซ้อน 77 00:03:59,341 --> 00:04:01,147 ที่มีชื่อสุดแฟนซีว่า 78 00:04:01,147 --> 00:04:04,232 "นิวเคลียร์แมกเนติกเรโซแนนซ์ สเปกโทรมิเตอร์" 79 00:04:05,398 --> 00:04:08,709 ไม่ว่าจะมองเห็นหรือไม่ พวกเรารู้จักโมเลกุลนี้เป็นอย่างดี 80 00:04:08,709 --> 00:04:11,046 มันเกิดจากอะตอมสี่ชนิดที่แตกต่างกัน 81 00:04:11,046 --> 00:04:13,273 ไฮโดรเจน คาร์บอน ออกซิเจน และไนโตรเจน 82 00:04:13,273 --> 00:04:15,474 นี่คือสีที่นิยมใช้บ่งบอกแต่ละอะตอม 83 00:04:15,474 --> 00:04:18,579 ทุกสิ่งในเอกภพ ต่างก็เกิดจากทรงกลมเล็ก ๆ นี้ 84 00:04:18,579 --> 00:04:20,265 ที่เราเรียกว่าอะตอม 85 00:04:20,265 --> 00:04:22,505 วัตถุดิบพื้นฐานพวกนี้ มีอยู่ประมาณร้อยชนิด 86 00:04:22,505 --> 00:04:24,764 พวกมันประกอบมาจาก อนุภาคพื้นฐานอีกสามชนิด 87 00:04:24,764 --> 00:04:26,594 ได้แก่โปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน 88 00:04:26,594 --> 00:04:29,900 พวกเราจัดเรียงอะตอมเหล่านี้ออกมา เป็นตารางที่คุ้นเคยกันดี 89 00:04:30,855 --> 00:04:33,078 พวกเราตั้งชื่อและให้เลขประจำตัวแก่มัน 90 00:04:33,078 --> 00:04:35,758 ตามที่พวกเรารู้กันดี ชีวิตไม่ได้ต้องการทั้งหมดนี้ 91 00:04:35,758 --> 00:04:38,167 แค่ส่วนเล็ก ๆ แค่นั้น 92 00:04:38,167 --> 00:04:41,824 และมีอะตอมอยู่สี่ชนิด ที่โดดเด่นกว่าชนิดอื่น 93 00:04:41,824 --> 00:04:43,971 ที่เป็นโครงสร้างหลักของชีวิต 94 00:04:43,971 --> 00:04:47,471 และพวกมันคือพวกเดียวกับที่อยู่ในเอพิเนฟรีน 95 00:04:47,471 --> 00:04:50,673 ไฮโดรเจน คาร์บอน ไนโตรเจน และออกซิเจน 96 00:04:52,412 --> 00:04:55,427 สิ่งที่ผมจะบอกคุณต่อไปนี้เป็นหัวใจสำคัญ 97 00:04:56,443 --> 00:04:59,339 เมื่ออะตอมเหล่านี้เชื่อมต่อกันเป็นโมเลกุล 98 00:04:59,339 --> 00:05:01,122 มันจะเป็นไปตามกฎที่ตั้งไว้ 99 00:05:01,122 --> 00:05:03,302 ไฮโดรเจนสร้างได้หนึ่งพันธะ 100 00:05:03,302 --> 00:05:05,168 ออกซิเจนจะต้องเป็นสองพันธะเสมอ 101 00:05:05,168 --> 00:05:06,538 ไนโตรเจนสร้างสามพันธะ 102 00:05:06,538 --> 00:05:08,112 และคาร์บอนสร้างได้สี่พันธะ 103 00:05:08,957 --> 00:05:10,318 แค่นั้น 104 00:05:10,318 --> 00:05:12,647 H O N C -- หนึ่ง สอง สาม สี่ 105 00:05:13,962 --> 00:05:17,738 ถ้าคุณนับได้ถึงสี่แล้วสะกดผิดเป็น "honk" 106 00:05:17,738 --> 00:05:19,984 คุณจะจำได้ไปตลอดชีวิต 107 00:05:19,984 --> 00:05:21,900 (เสียงหัวเราะ) 108 00:05:21,900 --> 00:05:24,543 เอาล่ะ ตอนนี้เรามีวัตถุดิบสี่ถ้วย 109 00:05:24,543 --> 00:05:27,631 เราสามารถนำมันมาสร้างโมเลกุลได้ 110 00:05:28,708 --> 00:05:30,557 มาเริ่มด้วยเอพิเนฟรีนดีกว่า 111 00:05:31,464 --> 00:05:35,405 พันธะที่เชื่อมระหว่างอะตอม เกิดจากอิเล็กตรอน 112 00:05:36,454 --> 00:05:39,311 อะตอมใช้อิเล็กตรอนเป็นแขน ในการจับกับอะตอมข้างๆ 113 00:05:39,311 --> 00:05:41,877 อิเล็กตรอนสองตัวต่อหนึ่งพันธะ เหมือนการจับมือ 114 00:05:41,877 --> 00:05:43,718 และการจับมือมันไม่ถาวร 115 00:05:43,718 --> 00:05:46,221 มันสามารถละจากกันเพื่อไปจับกับอะตอมอื่นต่อ 116 00:05:46,221 --> 00:05:48,135 นั่นคือสิ่งที่เราเรียกว่าปฏิกิริยาเคมี 117 00:05:48,135 --> 00:05:50,960 เมื่ออะตอมแลกคู่กัน เพื่อสร้างโมเลกุลใหม่ 118 00:05:50,960 --> 00:05:54,589 แกนหลักของเอพิเนฟรีน ประกอบด้วยคาร์บอนเป็นส่วนมาก 119 00:05:54,589 --> 00:05:56,097 และนั่นเกิดขึ้นทั่วไป 120 00:05:56,097 --> 00:05:58,564 คาร์บอนเป็นวัสดุโครงสร้าง ที่สิ่งมีชีวิตโปรดปราน 121 00:05:58,564 --> 00:06:01,651 เพราะว่ามันจับมือกันได้ ในจำนวนที่เหมาะสม 122 00:06:01,651 --> 00:06:03,803 บวกกับความแข็งแรงในการจับที่พอเหมาะ 123 00:06:03,803 --> 00:06:08,188 และนั่นคือเหตุผลที่เรานิยามเคมีอินทรีย์ ว่าเป็นการศึกษาโมเลกุลคาร์บอน 124 00:06:08,188 --> 00:06:13,082 ถ้าเราสร้างโมเลกุลที่เล็กที่สุด ที่สามารถคิดได้และเป็นไปตามกฎ 125 00:06:13,082 --> 00:06:16,092 พวกมันให้ความสำคัญกับกฏ และพวกมันมีชื่อที่คล้ายกัน 126 00:06:16,092 --> 00:06:19,927 น้ำ แอมโมเนีย และมีเทน H2O NH3 และ CH4 127 00:06:21,389 --> 00:06:24,074 เราใช้ชื่ออะตอม "ไฮโดรเจน" "ออกซิเจน" และ "ไนโตรเจน" 128 00:06:24,074 --> 00:06:26,481 มาใช้กับโมเลกุลทั้งสามชนิด 129 00:06:26,481 --> 00:06:28,781 ซึ่งมีสองอะตอมที่เหมือนกัน 130 00:06:28,781 --> 00:06:30,582 และพวกมันยังคงเป็นไปตามกฎ 131 00:06:30,582 --> 00:06:33,244 เนื่องจากมีหนึ่ง สอง และสามพันธะ ภายในโมเลกุลของพวกมัน 132 00:06:33,248 --> 00:06:35,273 นั่นคือสาเหตุที่เรียกออกซิเจนว่า O2 133 00:06:36,449 --> 00:06:38,394 ผมจะแสดงการสันดาปให้พวกคุณดู 134 00:06:39,323 --> 00:06:41,844 นี่คือคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 135 00:06:41,844 --> 00:06:46,692 วางน้ำและออกซิเจนไว้ข้างบนมันอีกที ส่วนข้าง ๆ ให้เป็นเชื้อเพลิง 136 00:06:46,692 --> 00:06:49,018 เชื้อเพลิงพวกนี้ประกอบด้วย ไฮโดรเจนและคาร์บอน 137 00:06:49,018 --> 00:06:51,738 นี่คือที่มาของชื่อไฮโดรคาร์บอน มาจากความสร้างสรรค์ล้วน ๆ 138 00:06:51,742 --> 00:06:53,262 (เสียงหัวเราะ) 139 00:06:53,262 --> 00:06:55,415 ดังนั้นเมื่อพวกมันชนกับโมเลกุลออกซิเจน 140 00:06:55,415 --> 00:06:59,613 เหมือนกับที่เกิดในเครื่องยนต์ หรือเตาบาร์บีคิวของคุณ 141 00:06:59,613 --> 00:07:02,134 พวกมันจะปลดปล่อยพลังงานและรวมตัวกันใหม่ 142 00:07:02,134 --> 00:07:05,084 คาร์บอนทุก ๆ อะตอมจะลงเอยด้วย การเป็นศูนย์กลางให้กับโมเลกุล CO2 143 00:07:05,084 --> 00:07:06,456 คอยจับแขนออกซิเจนสองตัว 144 00:07:06,456 --> 00:07:08,839 และไฮโดรเจนทั้งหมดจะเป็นส่วนหนึ่งของน้ำ 145 00:07:08,843 --> 00:07:10,769 และมันเป็นไปตามกฎทุกอย่าง 146 00:07:10,769 --> 00:07:12,181 ไม่มีข้อยกเว้น 147 00:07:12,181 --> 00:07:14,683 แม้ว่าจะเป็นโมเลกุล ที่มีขนาดใหญ่แค่ไหนก็ตาม 148 00:07:14,683 --> 00:07:16,141 เช่นเดียวกับสามตัวนี้ 149 00:07:17,347 --> 00:07:19,572 นี่คือวิตามินที่พวกเรารู้จัก 150 00:07:19,572 --> 00:07:21,150 วางอยู่ข้าง ๆ ยาขนานเอกของพวกเรา 151 00:07:21,150 --> 00:07:22,516 (เสียงหัวเราะ) 152 00:07:22,516 --> 00:07:24,113 ความเป็นมาของมอร์ฟีน 153 00:07:24,113 --> 00:07:26,823 เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่สำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์การแพทย์ 154 00:07:26,823 --> 00:07:29,109 มันเป็นยาตัวแแรก ที่เอาชนะความเจ็บปวดทางกายได้ 155 00:07:29,109 --> 00:07:31,177 ทุก ๆ โมเลกุลมีความเป็นมา 156 00:07:31,177 --> 00:07:32,851 และล้วนได้รับการเผยแพร่ 157 00:07:32,851 --> 00:07:36,265 มันถูกบันทึกโดยนักวิทยาศาสตร์ และอ่านโดยนักวิทยาศาสตร์ 158 00:07:36,265 --> 00:07:39,524 เราจึงมีข้อมูลที่พร้อมใช้งานมากมาย จนวาดลงบนกระดาษได้อย่างรวดเร็ว 159 00:07:39,524 --> 00:07:41,333 ซึ่งผมต้องสอนพวกคุณว่าควรทำยังไง 160 00:07:41,333 --> 00:07:43,996 เริ่มจากวางเอพิเนฟรีนลงบนกระดาษ 161 00:07:43,996 --> 00:07:46,816 จากนั้นแทนที่ลูกกลม ๆ ทั้งหมดด้วยตัวอักษร 162 00:07:46,816 --> 00:07:49,289 และจากพันธะที่เคยวางตามแนวระนาบกระดาษ 163 00:07:49,289 --> 00:07:51,112 ได้เปลี่ยนเป็นเส้นธรรมดา ๆ 164 00:07:51,112 --> 00:07:53,235 พันธะที่เคยชี้ไปข้างหน้าและหลัง 165 00:07:53,235 --> 00:07:54,857 ได้กลายเป็นสามเหลี่ยมเล็ก ๆ 166 00:07:54,857 --> 00:07:57,340 ทั้งแบบทึบและแบบประ เพื่อบอกความลึก 167 00:07:57,340 --> 00:07:59,581 เราไม่วาดคาร์บอนลงไป 168 00:07:59,581 --> 00:08:02,831 ซ่อนมันไว้ดีกว่า เพื่อที่จะได้ประหยัดเวลา 169 00:08:02,831 --> 00:08:05,957 มุมของพันธะบ่งชี้ชัดว่าเป็นคาร์บอน 170 00:08:05,957 --> 00:08:10,010 เราไม่เขียนอะตอมไฮโดรเจน ที่ทำพันธะกับคาร์บอน 171 00:08:10,010 --> 00:08:11,801 เรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น 172 00:08:11,801 --> 00:08:14,663 เมื่อไรก็ตามที่คาร์บอนหนึ่งตัว มีน้อยกว่าสี่พันธะ 173 00:08:15,853 --> 00:08:19,479 สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือ พันธะระหว่าง OH และ NH 174 00:08:19,479 --> 00:08:21,560 แค่เอามันออกไปทำให้ดูสะอาดตาขึ้น 175 00:08:21,560 --> 00:08:23,061 และทั้งหมดก็มีแค่นี้ 176 00:08:23,061 --> 00:08:25,675 นี่คือวิธีการวาดโมเลกุล ให้ได้อย่างมืออาชีพ 177 00:08:25,675 --> 00:08:28,690 นี่คือสิ่งที่พวกคุณเห็นในวิกิพีเดีย 178 00:08:30,373 --> 00:08:34,575 มันอาจจะใช้เวลาในการฝึกสักหน่อย แต่ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ 179 00:08:34,579 --> 00:08:37,726 แต่สำหรับวันนี้ นี่คือเอพิเนฟรีน 180 00:08:37,726 --> 00:08:40,758 หรืออาจเรียกว่าอะดรีนาลีน มันคือตัวเดียวกัน 181 00:08:40,758 --> 00:08:42,434 ที่ถูกสร้างขึ้นจากต่อมหมวกไต 182 00:08:42,434 --> 00:08:45,410 โมเลกุลนี้กำลังแหวกว่าย อยู่ในร่างกายของทุกคน 183 00:08:45,410 --> 00:08:47,250 มันเป็นโมเลกุลธรรมชาติ 184 00:08:47,250 --> 00:08:51,598 เอพิเพนแค่เพิ่มมันเข้าไปอีกล้านล้านล้าน โมเลกุลในเวลารวดเร็ว 185 00:08:51,598 --> 00:08:53,172 (เสียงหัวเราะ) 186 00:08:53,172 --> 00:08:56,331 พวกเราสามารถสกัดเอพิเนฟรีน 187 00:08:56,331 --> 00:08:59,715 จากต่อมหมวกไตของแกะหรือวัว 188 00:08:59,715 --> 00:09:02,149 แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ได้มันมา 189 00:09:02,149 --> 00:09:05,271 เราสร้างมันขึ้นมาในโรงงาน 190 00:09:05,271 --> 00:09:11,092 โดยการต่อโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ส่วนมากได้มาจากปิโตรเลียมเข้าด้วยกัน 191 00:09:11,092 --> 00:09:13,492 และนี่ได้มาจากการสังเคราะห์ 100 เปอร์เซ็นต์ 192 00:09:13,492 --> 00:09:17,744 คำว่า "สังเคราะห์" อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ 193 00:09:17,744 --> 00:09:21,049 ไม่เหมือนกับคำว่า "ธรรมชาติ" ที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัย 194 00:09:21,049 --> 00:09:25,165 แต่โมเลกุลทั้งสองแบบนี้ แทบแยกกันไม่ออกเลย 195 00:09:26,263 --> 00:09:30,259 เราไม่ได้พูดถึงรถสองคันที่ออกมาจาก โรงงานประกอบ 196 00:09:30,259 --> 00:09:32,294 รถยนต์อาจมีรอยขีดข่วนได้บ้าง 197 00:09:32,294 --> 00:09:34,153 แต่คุณขีดข่วนอะตอมไม่ได้ 198 00:09:34,153 --> 00:09:38,629 โมเลกุลคู่นี้เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุผลในเชิงคณิตสาสตร์ 199 00:09:38,629 --> 00:09:42,028 ในระดับอะตอม คณิตศาสตร์ใช้พิสูจน์ได้จริง 200 00:09:42,028 --> 00:09:46,448 ไม่มีใครทราบประวัติความเป็นมา ของโมเลกุลเอพิเนฟรีน 201 00:09:46,448 --> 00:09:48,017 มันเป็นตามที่เห็นทุกวันนี้ 202 00:09:48,017 --> 00:09:49,702 และเมื่อคุณได้รับมันแล้ว 203 00:09:49,702 --> 00:09:53,927 ไม่ว่าคำว่า "ธรรมชาติ" หรือ "สังเคราะห์" ก็ไม่สำคัญทั้งนั้น 204 00:09:53,927 --> 00:09:57,606 ธรรมชาติเองก็สังเคราะห์มันขึ้นมา ในแบบเดียวกับที่เราทำ 205 00:09:57,606 --> 00:09:59,917 เว้นแต่ว่าธรรมชาติถนัดในเรื่องนี้ ดีกว่าพวกเรา 206 00:09:59,917 --> 00:10:02,259 ก่อนที่จะมีสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ 207 00:10:02,259 --> 00:10:05,300 โมเลกุลทั้งหมดนั้นมีขนาดเล็กและเรียบง่าย 208 00:10:05,300 --> 00:10:06,915 คาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ ไนโตรเจน 209 00:10:08,018 --> 00:10:09,148 แค่สิ่งเรียบง่าย 210 00:10:09,148 --> 00:10:11,210 การเกิดของสิ่งมีชีวิตทำให้มันเปลี่ยนไป 211 00:10:11,210 --> 00:10:14,460 ชีวิตก่อให้เกิดโรงงานสังเคราะห์ทางชีวภาพ ที่หล่อเลี้ยงด้วยแสงอาทิตย์ 212 00:10:14,460 --> 00:10:17,959 และภายในโรงงานแห่งนั้น คือโมเลกุลเล็ก ๆ ที่พุ่งชนกัน 213 00:10:17,963 --> 00:10:21,331 และกลายเป็นโมเลกุลที่ใหญ่ขึ้น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดนิวคลีอิก 214 00:10:21,331 --> 00:10:23,748 เป็นการเพื่มจำนวนของการสร้างที่งดงาม 215 00:10:25,613 --> 00:10:27,938 ธรรมชาติคือบรรพบุรุษของนักเคมีอินทรีย์ 216 00:10:28,932 --> 00:10:32,205 ผลงานของเธอช่วยเติมเต็มท้องฟ้า ด้วยแก๊สออกซิเจนที่เราใช้หายใจ 217 00:10:32,205 --> 00:10:33,847 ออกซิเจนที่มีพลังงานมากมายนี้ 218 00:10:35,597 --> 00:10:38,802 โมเลกุลทั้งหมดนี้ จะรวมกันกับพลังงานของดวงอาทิตย์ 219 00:10:38,802 --> 00:10:40,710 มันกักพลังงานราวกับแบตเตอรี่ 220 00:10:40,710 --> 00:10:44,292 ฉะนั้นธรรมชาติทำมาจากสารเคมี 221 00:10:44,292 --> 00:10:47,238 บางที พวกคุณอาจช่วยผมกอบกู้คำว่า "สารเคมี" กลับมา 222 00:10:47,238 --> 00:10:49,705 เพราะว่ามันถูกขโมยไปจากพวกเรา 223 00:10:49,705 --> 00:10:52,314 มันไม่ได้เป็นพิษ และไม่ได้มีอันตราย 224 00:10:52,314 --> 00:10:55,087 มันไม่ได้สื่อว่าเป็นสิ่งของปลอม หรือไม่เป็นธรรมชาติ 225 00:10:55,087 --> 00:10:57,054 มันก็คือ 226 00:10:57,054 --> 00:10:58,804 "สิ่งของทั่วไป" โอเคไหมครับ 227 00:10:58,804 --> 00:10:59,945 (เสียงหัวเราะ) 228 00:10:59,945 --> 00:11:03,959 มันไม่มีถ่านก้อนไหนปลอดสารเคมี 229 00:11:03,959 --> 00:11:05,143 มันน่าตลก 230 00:11:05,143 --> 00:11:06,244 (เสียงหัวเราะ) 231 00:11:06,244 --> 00:11:08,091 และผมจะขอพูดอีกประโยค 232 00:11:09,212 --> 00:11:11,637 คำว่า "ธรรมชาติ" ไม่ได้แปลว่า "ปลอดภัย" 233 00:11:11,637 --> 00:11:14,123 เรื่องนี้คุณก็รู้ 234 00:11:14,123 --> 00:11:18,736 มีสารเคมีจากธรรมชาติเยอะแยะที่เป็นพิษ 235 00:11:18,736 --> 00:11:21,237 และอีกมากมายที่รสชาติอร่อย 236 00:11:21,237 --> 00:11:23,279 และอาจจะทั้งคู่ 237 00:11:23,279 --> 00:11:24,784 (เสียงหัวเราะ) 238 00:11:24,784 --> 00:11:26,808 ทั้งเป็นพิษและอร่อย 239 00:11:26,813 --> 00:11:29,575 ทางเดียวที่จะบอกว่าสิ่งนั้นอันตรายหรือไม่ 240 00:11:29,575 --> 00:11:31,517 คือต้องลอง 241 00:11:31,517 --> 00:11:33,663 และผมไม่ได้หมายถึงให้พวกคุณลอง 242 00:11:33,663 --> 00:11:36,476 เรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเป็นพิษ 243 00:11:36,476 --> 00:11:38,124 พวกเขาถูกฝึกมาเป็นอย่างดี 244 00:11:38,124 --> 00:11:40,736 คุณควรจะเชื่อใจพวกเขาอย่างที่ผมเชื่อ 245 00:11:40,736 --> 00:11:42,703 โมเลกุลทางธรรมชาติมีอยู่ทั่วไป 246 00:11:42,703 --> 00:11:46,930 รวมไปถึงพวกที่สลายตัวไปเป็นสารสีดำ ที่เรียกว่าปิโตรเลียม 247 00:11:46,930 --> 00:11:49,628 เรากลั่นโมเลกุลเหล่านี้ 248 00:11:49,628 --> 00:11:52,878 พวกมันไม่ได้มีอะไรที่ผิดธรรมชาติ พวกเราแค่ทำให้บริสุทธิ์ 249 00:11:54,248 --> 00:11:57,170 ตอนนี้พวกเราพึ่งพามันเพื่อพลังงาน 250 00:11:57,170 --> 00:12:01,349 นั่นหมายความว่า ทุก ๆ อะตอมคาร์บอนจะถูกเปลี่ยนไปเป็น CO2 251 00:12:01,349 --> 00:12:04,267 ซึ่งคือแก๊สเรือนกระจก ที่ทำลายสภาพอากาศของเราอยู่ตอนนี้ 252 00:12:04,267 --> 00:12:07,972 บางทีความรู้ทางเคมี ก็ทำให้การยอมรับความจริงเรื่องนี้ง่ายขึ้น 253 00:12:07,972 --> 00:12:09,636 สำหรับบางคน ผมก็ไม่ทราบ 254 00:12:09,636 --> 00:12:12,553 แต่โมเลกุลเหล่านี้ ไม่ใช่แค่พลังงานฟอสซิล 255 00:12:12,553 --> 00:12:15,225 พวกมันยังเป็นวัตถุดิบที่ถูกที่สุด 256 00:12:15,225 --> 00:12:17,615 ในการนำมาทำอะไรบางอย่างที่เรียกว่า การสังเคราะห์ 257 00:12:17,615 --> 00:12:21,023 พวกเราเอามันมาใช้ราวกับเป็นชิ้นส่วนเลโก้ 258 00:12:21,023 --> 00:12:25,350 พวกเราเรียนรู้ว่าจะต่อมันเข้าด้วยกัน หรือแยกมันออกจากกันยังไงภายใต้การควบคุม 259 00:12:25,350 --> 00:12:26,920 ผมลองทำมาแล้วหลายรอบ 260 00:12:26,920 --> 00:12:29,477 และยังคิดว่ามัน เป็นเรื่องน่าทึ่งที่เป็นไปได้ 261 00:12:29,477 --> 00:12:33,229 สิ่งที่พวกเราทำเป็นเหมือนการต่อเลโก้ 262 00:12:33,229 --> 00:12:35,739 ซึ่งเราเทตัวต่อหลายกล่องลงในเครื่องซักผ้า 263 00:12:35,739 --> 00:12:37,164 แต่มันได้ผล 264 00:12:37,164 --> 00:12:41,401 เราสามารถสร้างโมเลกุลเหมือนกับที่ ธรรมชาติสร้างได้เป๊ะ ๆ อย่างเอพิเนฟรีน 265 00:12:41,401 --> 00:12:45,407 เรายังสร้างชิ้นงานของเราเองได้ จากความกระเสือกกระสน เหมือนสองตัวนี้ 266 00:12:45,407 --> 00:12:49,651 หนึ่งในสองตัวนี้ช่วยหยุดอาการของ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง 267 00:12:49,655 --> 00:12:53,492 อีกตัวหนึ่งช่วยรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่เกิดจากเซลล์ที 268 00:12:53,492 --> 00:12:57,748 เป็นโมเลกุลที่มีขนาดและรูปร่างเข้ากันเป๊ะ เหมือนกับการไขกุญแจ 269 00:12:57,748 --> 00:13:01,237 และเมื่อมันประกบพอดี มันรบกวนสมบัติทางเคมีของโรค 270 00:13:01,237 --> 00:13:02,634 นั่นคือการทำงานของยา 271 00:13:03,650 --> 00:13:05,240 ไม่ว่าจะธรรมชาติหรือสังเคราะห์ 272 00:13:05,240 --> 00:13:08,574 พวกมันล้วนเป็นโมเลกุลที่เกิดขึ้นเพื่อ ไปประกบเข้ากับอะไรสักอย่างพอดี 273 00:13:08,574 --> 00:13:11,362 แต่ธรรมชาติถนัดเรื่องนี้มากกว่าพวกเรา 274 00:13:11,362 --> 00:13:13,508 สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจึงน่าประทับใจกว่า 275 00:13:13,508 --> 00:13:15,120 อย่างเช่นตัวนี้ 276 00:13:15,120 --> 00:13:17,039 นี่เรียกว่าแวนโคมัยซิน 277 00:13:17,039 --> 00:13:20,212 ธรรมชาติมอบคลอรีนสองอะตอม ให้กับเจ้ายักษ์ใหญ่ตัวนี้ 278 00:13:20,212 --> 00:13:22,451 ประดับราวกับเป็นต่างหู 279 00:13:22,451 --> 00:13:27,296 เราค้นพบแวนโคมัยซินจากบ่อโคลนในป่า ที่บอร์เนียวในปี ค.ศ. 1953 280 00:13:27,296 --> 00:13:29,422 มันเกิดจากแบคทีเรีย 281 00:13:30,495 --> 00:13:33,811 เราไม่สามารถสังเคราะห์สิ่งนี้ได้ มันต้องใช้เงินมหาศาล 282 00:13:33,811 --> 00:13:38,187 มันซับซ้อนเกินความสามารถของพวกเรา แต่พวกเราสามารถเก็บเกี่ยวมันจากธรรมชาติได้ 283 00:13:38,187 --> 00:13:42,444 และพวกเราก็ทำ เพราะว่ามันคือ หนึ่งในยาปฏิชีวนะที่ทรงพลังที่สุด 284 00:13:42,444 --> 00:13:45,297 และมีรายงานโมเลกุลใหม่ ๆ ในวารสารทุก ๆ วัน 285 00:13:45,297 --> 00:13:48,847 พวกเราสร้างมันขึ้นมา หรือค้นพบมัน ในทุกซอกทุกมุมของดาวดวงนี้ 286 00:13:49,982 --> 00:13:51,753 และนั่นคือที่ที่เราได้ยามา 287 00:13:51,753 --> 00:13:53,982 และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมหมอถึงมีพลังวิเศษ 288 00:13:53,982 --> 00:13:55,048 (เสียงหัวเราะ) 289 00:13:55,048 --> 00:13:57,518 เพื่อรักษาโรคติดเชื้อและอื่น ๆ 290 00:13:57,518 --> 00:14:01,637 การเป็นหมอทุกวันนี้เหมือนกับการเป็นอัศวิน ในชุดเกราะเปล่งประกาย 291 00:14:01,637 --> 00:14:04,899 พวกเขาสู้ในสนามรบด้วยความกล้าและใจเย็น 292 00:14:04,899 --> 00:14:06,853 พร้อมด้วยอาวุธที่พรั่งพร้อม 293 00:14:06,853 --> 00:14:10,655 อย่าได้ลืมบทบาทของช่างตีเหล็กในรูปนี้ไป 294 00:14:10,655 --> 00:14:13,826 ถ้าไม่มีช่างตีเหล็ก หลาย ๆ อย่างอาจดูแตกต่างไป 295 00:14:13,826 --> 00:14:16,269 (เสียงหัวเราะ) 296 00:14:16,269 --> 00:14:18,586 แต่วิทยาศาสตร์แขนงนี้ไปไกลกว่าเรื่องหยูกยา 297 00:14:18,586 --> 00:14:21,903 มันคือน้ำมัน ตัวทำละลาย สารให้รสชาติ 298 00:14:21,903 --> 00:14:24,763 สิ่งทอ และพลาสติกทั้งหมด 299 00:14:24,763 --> 00:14:26,607 เบาะที่พวกคุณนั่งทับอยู่ตอนนี้ 300 00:14:26,607 --> 00:14:29,977 ทั้งหมดล้วนผลิตขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์ และเกือบทั้งหมดเป็นคาร์บอน 301 00:14:29,977 --> 00:14:31,655 ทำให้ทั้งหมดเป็นเคมีอินทรีย์ 302 00:14:31,655 --> 00:14:33,858 นี่คือความล้ำหน้าทางวิทยาศาสตร์ 303 00:14:33,858 --> 00:14:36,416 ผมมีสิ่งที่ยังไม่ได้พูดถึงอีกมากในวันนี้ 304 00:14:36,416 --> 00:14:39,455 ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ และอะตอมอื่น ๆ 305 00:14:39,455 --> 00:14:42,157 ทำไมพวกมันถึงทำพันธะในแบบที่ทำกันอยู่ 306 00:14:42,157 --> 00:14:43,416 ความสมมาตร 307 00:14:43,416 --> 00:14:45,301 อิเล็กตรอนที่ไม่สร้างพันธะ 308 00:14:45,301 --> 00:14:46,659 อะตอมที่มีประจุ 309 00:14:46,659 --> 00:14:49,903 ปฏิกิริยาและกลไกของมัน และอื่น ๆ อีกมากมาย 310 00:14:49,903 --> 00:14:51,973 การสังเคราะห์ใช้เวลานานมากในการเรียนรู้ 311 00:14:51,973 --> 00:14:54,802 แต่ผมไม่ได้มาที่นี่ เพื่อสอนเคมีอินทรีย์แก่พวกคุณ 312 00:14:54,802 --> 00:14:56,708 ผมแค่ต้องการแสดงให้เห็น 313 00:14:56,708 --> 00:14:58,611 ผมได้รับความช่วยเหลืออย่างมากในวันนี้ 314 00:14:58,611 --> 00:15:01,701 จากชายหนุ่มที่ชื่อเวสตัน เดอร์แลนด์ 315 00:15:01,701 --> 00:15:03,397 และคุณเจอเขาแล้ว 316 00:15:04,427 --> 00:15:06,648 เขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรี สาขาเคมี 317 00:15:06,648 --> 00:15:10,034 และเขาเหมือนจะเก่งในด้าน คอมพิวเตอร์กราฟิกอีกด้วย 318 00:15:10,034 --> 00:15:11,771 (เสียงหัวเราะ) 319 00:15:11,771 --> 00:15:15,647 เวสตันออกแบบโมเลกุลที่เคลื่อนไหวทั้งหมด 320 00:15:15,647 --> 00:15:17,299 ที่คุณเห็นในวันนี้ 321 00:15:17,299 --> 00:15:20,447 เขาและผมอยากสาธิตโดยใช้กราฟิกแบบนี้เพื่อ 322 00:15:20,447 --> 00:15:23,345 ช่วยเหลือคนที่พูดเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์อันซับซ้อนนี้ 323 00:15:23,345 --> 00:15:29,158 เป้าหมายของพวกเราคือต้องการให้พวกคุณเห็น ว่าเคมีอินทรีย์ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว 324 00:15:29,158 --> 00:15:32,152 แกนหลักของมันเป็นเหมือนหน้าต่าง 325 00:15:32,152 --> 00:15:36,355 ที่ทำให้โลกธรรมชาติอันงดงาม ดูสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น 326 00:15:36,355 --> 00:15:37,556 ขอบคุณครับ 327 00:15:37,556 --> 00:15:40,807 (เสียงปรบมือ)