WEBVTT 00:00:00.000 --> 00:00:03.000 หลายคนในที่นี้อาจเคยได้ยินเรื่องของนักขายสองคน 00:00:03.000 --> 00:00:06.000 ซึ่งเดินทางไปแอฟริกาในช่วง ค.ศ.1900 00:00:06.000 --> 00:00:08.000 ทั้งสองคนถูกส่งตัวไปสำรวจว่ามีโอกาส 00:00:08.000 --> 00:00:10.000 สำหรับขายรองเท้าหรือไม่ 00:00:10.000 --> 00:00:13.000 ทั้งสองส่งโทรเลขกลับไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ 00:00:13.000 --> 00:00:17.000 คนแรกแจ้งว่า "ดูรูปการณ์แล้วหมดหวัง ไม่ต้องทำอะไรต่อแล้ว 00:00:17.000 --> 00:00:18.000 คนในประเทศนี้ไม่สวมรองเท้ากัน" 00:00:18.000 --> 00:00:21.000 ส่วนอีกคนรายงานว่า "นี่เป็นโอกาสทอง 00:00:21.000 --> 00:00:23.000 เพราะคนในประเทศนี้ยังไม่มีรองเท้าใส่เลย" 00:00:23.000 --> 00:00:24.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:00:24.000 --> 00:00:27.000 เวลานี้ สถานการณ์ในโลกของดนตรีคลาสสิกก็คล้ายๆ กัน 00:00:28.000 --> 00:00:29.000 เพราะมีบางคนที่คิดว่า 00:00:29.000 --> 00:00:32.000 ดนตรีคลาสสิกกำลังจะตาย 00:00:33.000 --> 00:00:36.000 แต่ก็มีพวกเราบางคนที่คิดว่า คุณยังไม่ได้เห็นอะไรเกี่ยวกับดนตรีคลาสสิกเลย 00:00:36.000 --> 00:00:40.000 และแทนที่ผมจะสาธยายสถิติตัวเลขและแนวโน้มต่างๆ 00:00:40.000 --> 00:00:42.000 และเล่าเรื่องวงออเคสตราที่กำลังต้องยุบวงและปิดตัว 00:00:42.000 --> 00:00:45.000 รวมถึงเหล่าบริษัทดนตรีที่กำลังจะเลิกกิจการ 00:00:45.000 --> 00:00:49.000 ผมคิดว่าคืนนี้เราควรมาทดลองอะไรกันสักหน่อย -- ทดลองดู 00:00:49.000 --> 00:00:53.000 จริงๆ ก็ไม่เชิงว่าทดลองหรอก เพราะผมรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง NOTE Paragraph 00:00:54.000 --> 00:00:56.000 แต่มันก็ให้อารมณ์คล้ายๆ กับการทดลองนั่นละ เอาละ ก่อนที่เรา -- 00:00:56.000 --> 00:01:00.000 (หัวเราะ) 00:01:00.000 --> 00:01:02.000 -- ก่อนจะเริ่ม ผมต้องทำสองอย่าง 00:01:02.000 --> 00:01:06.000 อย่างแรกคือ ผมอยากให้คุณเห็นภาพเด็กอายุ 7 ขวบ 00:01:07.000 --> 00:01:08.000 ว่าเขาเล่นเปียโนลักษณะไหน 00:01:08.000 --> 00:01:10.000 เด็กคนนี้อาจอยู่ที่บ้านคุณก็ได้ 00:01:11.000 --> 00:01:12.000 มันจะออกมาทำนองนี้ 00:01:12.000 --> 00:01:32.000 (เปียโน) 00:01:32.000 --> 00:01:34.000 ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนจำเด็กคนนี้ได้ 00:01:34.000 --> 00:01:39.000 ทีนี้ถ้าเขาฝึกต่ออีกปีและเรียนเปียโนต่อ ตอนนี้เขาจะอายุ 8 ขวบ 00:01:39.000 --> 00:01:40.000 มันก็จะออกมาทำนองนี้ 00:01:40.000 --> 00:01:47.000 (เปียโน) 00:01:47.000 --> 00:01:50.000 แล้วถ้าฝึกต่ออีกปีและเรียนสูงขึ้นอีก ตอนนี้เขาอายุ 9 ขวบ 00:01:50.000 --> 00:01:56.000 (เปียโน) 00:01:56.000 --> 00:01:59.000 แล้วก็ฝึกต่ออีกปีและเรียนสูงขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาก็อายุ 10 ขวบ 00:01:59.000 --> 00:02:06.000 (เปียโน) 00:02:06.000 --> 00:02:07.000 ถึงตอนนั้นพวกเด็กๆ ก็มักเลิกเล่นไปเอง 00:02:07.000 --> 00:02:09.000 (หัวเราะ) 00:02:09.000 --> 00:02:11.000 (ปรบมือ) 00:02:11.000 --> 00:02:13.000 ทีนี้ ถ้าคุณรออีกหน่อย ถ้ารออีกหนึ่งปี 00:02:14.000 --> 00:02:15.000 คุณจะได้ยินเสียงแบบนี้ 00:02:15.000 --> 00:02:24.000 (เปียโน) NOTE Paragraph 00:02:24.000 --> 00:02:27.000 สิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด 00:02:27.000 --> 00:02:30.000 คือคุณอาจคิดว่า จู่ๆ เขาจะมีไฟกับมัน ใส่ใจจริงจัง 00:02:30.000 --> 00:02:33.000 กระตือรือร้น มีครูคนใหม่ ถึงวัยเจริญพันธุ์ หรืออะไรเทือกนี้ 00:02:33.000 --> 00:02:37.000 สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ คือ ความกระแทกกระทั้นจะลดลง 00:02:38.000 --> 00:02:39.000 นึกภาพออกมั้ย ตอนที่เขาเริ่มเล่นครั้งแรก 00:02:39.000 --> 00:02:41.000 ที่กระแทกลงไปทุกจังหวะโน้ต 00:02:42.000 --> 00:02:44.000 (เปียโน) 00:02:44.000 --> 00:02:46.000 ครั้งที่สองก็ยังกระแทกกระทั้นโน้ตเว้นโน้ต 00:02:47.000 --> 00:02:49.000 (เปียโน) 00:02:49.000 --> 00:02:50.000 คุณเห็นได้ถ้ามองที่หัวของผม 00:02:51.000 --> 00:02:52.000 (หัวเราะ) 00:02:52.000 --> 00:02:54.000 เด็ก 9 ขวบ ...9 ขวบ 00:02:54.000 --> 00:02:55.000 จะกระแทกลงไปทุกๆ 4 ตัวโน้ต 00:02:55.000 --> 00:02:57.000 (เปียโน) 00:02:58.000 --> 00:02:59.000 ส่วนเด็ก 10 ขวบจะกระแทกทุกๆ 8 ตัวโน้ต 00:02:59.000 --> 00:03:02.000 (เปียโน) 00:03:02.000 --> 00:03:04.000 เด็ก 11 ขวบจะกระแทกครั้งเดียวตลอดทั้งช่วง 00:03:04.000 --> 00:03:07.000 (เปียโน) NOTE Paragraph 00:03:08.000 --> 00:03:10.000 ผมไม่รู้ว่าท่าทางของผมออกมาแบบนี้ได้ยังไง 00:03:10.000 --> 00:03:12.000 (หัวเราะ) 00:03:13.000 --> 00:03:15.000 ผมไม่ได้บอกให้ตัวเองโยกไหล่ ส่ายตัวไปมา 00:03:15.000 --> 00:03:17.000 เปล่าเลย ดนตรีขับดันให้ผมมีท่าทางแบบนี้เอง 00:03:17.000 --> 00:03:19.000 ผมถึงเรียกว่าเป็นการเล่นแบบบั้นท้ายข้างเดียว 00:03:19.000 --> 00:03:21.000 (เปียโน) 00:03:21.000 --> 00:03:22.000 หรือจะเป็นบั้นท้ายอีกข้างก็ได้ 00:03:22.000 --> 00:03:26.000 (เปียโน) 00:03:26.000 --> 00:03:29.000 คุณรู้มั้ย ครั้งนึงมีชายคนนึงได้ชมการบรรยายของผม 00:03:29.000 --> 00:03:30.000 ตอนที่ผมกำลังสอนนักเปียโนรุ่นเยาว์คนนึง 00:03:31.000 --> 00:03:33.000 ชายคนนั้นเป็นประธานบริษัทที่โอไฮโอ 00:03:33.000 --> 00:03:35.000 ส่วนผมก็ง่วนอยู่กับนักเปียโนวัยกระเตาะคนนี้ 00:03:36.000 --> 00:03:38.000 ผมพูดว่า "ปัญหาของเธอคือ เธอเป็นนักเปียโนสองบั้นท้าย 00:03:38.000 --> 00:03:40.000 เธอควรเป็นนักเปียโนบั้นท้ายเดียวรู้มั้ย" 00:03:40.000 --> 00:03:42.000 และผมจับตัวเขาให้อยู่ในท่าทางแบบนั้นขณะที่เขาเล่น 00:03:42.000 --> 00:03:44.000 แล้วเสียงดนตรีที่ออกมาก็พลิ้วไหวมีชีวิตขึ้นมาทันที มันโลดแล่นออกมาเอง 00:03:45.000 --> 00:03:47.000 ผู้ชมถึงกับครางฮือตอนที่ได้ยินความแตกต่าง 00:03:47.000 --> 00:03:49.000 ต่อมาผมได้รับจดหมายจากผู้ชายคนนี้ 00:03:49.000 --> 00:03:50.000 เขาเขียนว่า "ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก 00:03:50.000 --> 00:03:52.000 ผมกลับไปเปลี่ยนแนวทางบริษัทของผมใหม่หมด 00:03:53.000 --> 00:03:54.000 ให้กลายเป็นบริษัทบั้นท้ายเดียว" 00:03:54.000 --> 00:03:57.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:03:58.000 --> 00:04:00.000 ตอนนี้ อีกเรื่องที่ผมอยากทำคือ บอกบางสิ่งเกี่ยวกับตัวคุณให้คุณฟัง 00:04:00.000 --> 00:04:03.000 เชื่อว่าคงมีราวๆ 1,600 คน 00:04:03.000 --> 00:04:06.000 คำนวณคร่าวๆ ว่าอาจมีพวกคุณ 45 คน 00:04:06.000 --> 00:04:08.000 ที่หลงใหลดนตรีคลาสสิกเป็นชีวิตจิตใจ 00:04:09.000 --> 00:04:14.000 คุณเทิดทูนดนตรีคลาสสิก เวลาฟังวิทยุก็เปิดแต่คลื่นดนตรีคลาสสิก 00:04:14.000 --> 00:04:17.000 ในรถก็ยังมีซีดีดนตรีคลาสสิก แถมยังไปดูคอนเสิร์ตวงซิมโฟนี 00:04:17.000 --> 00:04:18.000 ลูกๆ ก็เล่นเครื่องดนตรีคลาสสิก 00:04:18.000 --> 00:04:20.000 คุณนึกภาพไม่ออกว่าชีวิตจะขาดดนตรีคลาสสิกได้อย่างไร 00:04:21.000 --> 00:04:23.000 นั่นคือกลุ่มแรก เป็นกลุ่มค่อนข้างเล็ก 00:04:23.000 --> 00:04:25.000 แล้วก็มีอีกกลุ่มหนึ่ง ...เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น 00:04:25.000 --> 00:04:27.000 คนกลุ่มนี้ไม่รังเกียจดนตรีคลาสสิก 00:04:27.000 --> 00:04:28.000 (หัวเราะ) 00:04:28.000 --> 00:04:30.000 นึกภาพว่า คุณกลับมาถึงบ้านหลังจากตรากตรำมาทั้งวัน 00:04:30.000 --> 00:04:32.000 แล้วก็ไปรินไวน์มาแก้วนึง และนั่งยกขาพาด 00:04:33.000 --> 00:04:35.000 เสียงไวโอลินของวิวัลดีคลออยู่ใกล้ๆ ไม่ทำร้ายใครนี่นา 00:04:35.000 --> 00:04:36.000 (หัวเราะ) 00:04:36.000 --> 00:04:37.000 คนพวกนี้อยู่กลุ่มที่สอง 00:04:37.000 --> 00:04:38.000 ทีนี้มาถึงกลุ่มที่สาม 00:04:38.000 --> 00:04:40.000 เป็นพวกที่ไม่เคยฟังดนตรีคลาสสิกมาก่อน 00:04:40.000 --> 00:04:42.000 มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตคุณเลย 00:04:43.000 --> 00:04:45.000 คุณอาจได้ยินมันผ่านๆ เหมือนควันบุหรี่ของคนข้างตัวที่สนามบิน 00:04:45.000 --> 00:04:47.000 (หัวเราะ) 00:04:47.000 --> 00:04:48.000 -- หรืออาจเหมือนฉากสวนสนามของละครเรื่องไอดา 00:04:48.000 --> 00:04:51.000 ตอนเข้าชมการแสดงสด แต่ถ้าไม่นับเหตุบังเอิญเหล่านี้ คุณจะไม่เคยได้ยินมัน 00:04:52.000 --> 00:04:53.000 นี่อาจเป็นคนกลุ่มใหญ่สุด NOTE Paragraph 00:04:53.000 --> 00:04:55.000 แต่ก็ยังมีกลุ่มที่เล็กมากๆ อีกกลุ่ม 00:04:55.000 --> 00:04:58.000 คนกลุ่มนี้คิดว่าตัวเองแยกจังหวะโน้ตไม่เป็น 00:04:58.000 --> 00:05:00.000 มีคนเยอะมากที่คิดว่าตัวเองเป็นแบบนี้ 00:05:01.000 --> 00:05:03.000 จริงๆ ผมได้ยินคำพูด "สามีฉันแยกจังหวะโน้ตไม่เป็น" บ่อยมาก 00:05:03.000 --> 00:05:04.000 (หัวเราะ) 00:05:04.000 --> 00:05:07.000 จริงๆ แล้วเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะแยกไม่เป็น ไม่มีใครที่แยกจังหวะโน้ตไม่เป็น 00:05:07.000 --> 00:05:10.000 ถ้าคุณแยกจังหวะโน้ตไม่ได้ คุณก็ต้องเปลี่ยนเกียร์รถไม่ได้ด้วย 00:05:10.000 --> 00:05:12.000 รถเกียร์กระปุกน่ะ 00:05:12.000 --> 00:05:14.000 คุณจะแยกความแตกต่างไม่ได้ 00:05:14.000 --> 00:05:16.000 ระหว่างชาวเท็กซัสและชาวโรม 00:05:16.000 --> 00:05:20.000 สำหรับโทรศัพท์ ถ้าคุณแม่ของคุณโทรมาหา 00:05:21.000 --> 00:05:23.000 โดยใช้โทรศัพท์คุณภาพแย่มาก โทรมาพูดว่า "ฮัลโหล" 00:05:23.000 --> 00:05:26.000 ไม่ใช่แค่คุณจะจำได้ว่าใครกำลังพูด แต่ยังรู้ว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน 00:05:27.000 --> 00:05:30.000 คุณมีหูที่มีคุณสมบัติเยี่ยมยอด ทุกคนมีหูที่มีคุณสมบัติสุดยอด 00:05:30.000 --> 00:05:32.000 ไม่มีใครที่แยกจังหวะโน้ตไม่ได้ NOTE Paragraph 00:05:32.000 --> 00:05:36.000 แต่ผมอยากบอกว่า ผมจะไม่ยอมทนกับเรื่องนี้ 00:05:36.000 --> 00:05:39.000 กับการมีหุบเหวมโหฬารที่กั้นระหว่างคนที่เข้าใจ 00:05:40.000 --> 00:05:42.000 หลงรัก และดื่มด่ำเคลิบเคลิ้มกับดนตรีคลาสสิก 00:05:42.000 --> 00:05:45.000 กับคนที่ไม่ข้องแวะใดๆ กับมันเลย 00:05:45.000 --> 00:05:47.000 คนที่แยกจังหวะโน้ตไม่ออกนั้น ไม่มีอยู่อีกต่อไป 00:05:47.000 --> 00:05:51.000 แต่แม้ในหมู่สามกลุ่มที่เหลือ ก็ถือว่ายังมีช่องว่างที่กว้างเกินไปอยู่ดี 00:05:51.000 --> 00:05:55.000 เพราะฉะนั้น ผมจะไม่รามือจนกว่าทุกคนในห้องนี้ 00:05:55.000 --> 00:06:00.000 ทั้งที่อยู่ด้านล่างและในเอสเพ็น รวมถึงทุกคนที่กำลังชม 00:06:01.000 --> 00:06:04.000 จะหันมารักและเข้าใจดนตรีคลาสสิก 00:06:04.000 --> 00:06:06.000 นี่คือเรื่องที่พวกเรากำลังจะทำกัน NOTE Paragraph 00:06:07.000 --> 00:06:12.000 คุณอาจสังเกตว่า ผมไม่มีความลังเลสงสัยเลย 00:06:12.000 --> 00:06:15.000 ว่าผลลัพธ์ต้องออกมาตามนั้น สีหน้าของผมบอกอย่างนั้นใช่มั้ย 00:06:15.000 --> 00:06:19.000 คุณสมบัติหนึ่งของผู้นำคือ เขาจะไม่ลังเลสงสัย 00:06:19.000 --> 00:06:22.000 แม้เสี้ยววินาที ในความสามารถของผู้คนที่เขากำลังนำอยู่ 00:06:23.000 --> 00:06:25.000 ในการบรรลุสิ่งใดก็ตามที่ผู้นำวาดภาพฝันไว้ 00:06:25.000 --> 00:06:28.000 ลองนึกภาพว่าถ้าหาก มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ประกาศว่า "ผมมีความฝัน 00:06:28.000 --> 00:06:30.000 แต่ผมไม่มั่นใจหรอกว่า ประชาชนจะทำได้หรือเปล่า" 00:06:30.000 --> 00:06:33.000 (หัวเราะ) NOTE Paragraph 00:06:34.000 --> 00:06:36.000 เอาละ ผมกำลังจะเล่นเพลงเพลงนึงของโชแปง 00:06:36.000 --> 00:06:41.000 บทโหมโรงที่งดงามไพเราะ ประพันธ์โดยโชแปง พวกคุณบางคนคงรู้จัก 00:06:42.000 --> 00:07:10.000 (ดนตรี) 00:07:10.000 --> 00:07:12.000 คุณรู้มั๊ยครับว่า เมื่อครู่ผมคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนในห้องนี้ 00:07:13.000 --> 00:07:15.000 ตอนที่ผมเริ่ม พวกคุณคงคิดว่า "ไพเราะเหลือเกิน" 00:07:15.000 --> 00:07:28.000 (ดนตรี) 00:07:29.000 --> 00:07:30.000 "แต่คิดว่าเราอย่าไปที่เดียวกัน... 00:07:30.000 --> 00:07:32.000 ในช่วงพักร้อนปีหน้าเลยนะ" 00:07:32.000 --> 00:07:35.000 (หัวเราะ) 00:07:35.000 --> 00:07:38.000 ตลกใช่มั้ย มันตลกมากที่ความคิดทำนองนี้ 00:07:38.000 --> 00:07:41.000 วนเวียนอยู่ในหัวคุณ 00:07:41.000 --> 00:07:42.000 และก็แน่นอน -- 00:07:42.000 --> 00:07:45.000 (ปรบมือ) 00:07:45.000 --> 00:07:47.000 -- แน่นอนว่า ถ้าเพลงนั้นยาวมาก และคุณก็เหนื่อยมาทั้งวัน 00:07:48.000 --> 00:07:49.000 คุณก็อาจผลอยหลับไป 00:07:49.000 --> 00:07:51.000 แล้วเพื่อนก็จะเอาศอกถองตัวคุณ 00:07:51.000 --> 00:07:55.000 และบอกว่า "ตื่นๆ! นี่มันวัฒนธรรมนะ!" ซึ่งทำให้คุณรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก NOTE Paragraph 00:07:55.000 --> 00:07:58.000 แต่คุณเคยฉุกคิดมั้ยว่า เหตุผลที่คุณรู้สึกง่วง 00:07:59.000 --> 00:08:01.000 ตอนฟังเพลงคลาสสิกนั้น ไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่เป็นของพวกเราเอง 00:08:01.000 --> 00:08:03.000 ขณะที่ผมเล่น มีใครคิดบ้างมั้ยว่า 00:08:03.000 --> 00:08:05.000 "ทำไมหมอนี้ถึงกระแทกกระทั้นหลายจังหวะเหลือเกิน" 00:08:05.000 --> 00:08:08.000 ถ้าผมเล่นเพลงนี้ด้วยหัว คุณจะต้องคิดอย่างนั้นแน่ๆ 00:08:09.000 --> 00:08:14.000 (ดนตรี) 00:08:14.000 --> 00:08:18.000 และตลอดชีวิตที่เหลือ ทุกครั้งที่คุณได้ยินดนตรีคลาสสิก 00:08:18.000 --> 00:08:22.000 คุณจะคิดอย่างนั้นเสมอ เมื่อไหร่ที่คุณได้ยินจังหวะกระแทกกระทั้น NOTE Paragraph 00:08:22.000 --> 00:08:24.000 มาดูว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ตอนนี้ 00:08:24.000 --> 00:08:29.000 นี่คือโน้ต B ส่วนโน้ตถัดไปก็คือ C 00:08:29.000 --> 00:08:32.000 และหน้าที่ของโน้ต C ก็คือ ทำให้โน้ต B เศร้า ..ใช่มั้ยครับ 00:08:32.000 --> 00:08:35.000 (หัวเราะ) 00:08:35.000 --> 00:08:37.000 นักแต่งเพลงจะรู้ดี ว่าถ้าอยากให้ดนตรีออกมาเศร้าสร้อย 00:08:37.000 --> 00:08:38.000 ก็ให้เล่นโน้ต 2 ตัวนี้ 00:08:38.000 --> 00:08:43.000 (ดนตรี) 00:08:43.000 --> 00:08:45.000 แต่หลักๆ มันมีแค่โน้ต B ตัวเดียว กับความเศร้า 4 แบบ 00:08:45.000 --> 00:08:47.000 (หัวเราะ) 00:08:48.000 --> 00:08:53.000 ทีนี้ มันไปถึงโน้ต A ..สู่โน้ต G ..แล้วก็โน้ต F 00:08:53.000 --> 00:08:57.000 ตอนนี้ก็เป็นโน้ต B, A, G, F และถ้าเป็นโน้ต B, A, G, F แล้ว 00:08:58.000 --> 00:09:04.000 โน้ตตัวไหนจะตามมา? โอ นั่นอาจเป็นเรื่องบังเอิญ 00:09:04.000 --> 00:09:10.000 ลองอีกรอบ กับคณะประสานเสียง TED 00:09:10.000 --> 00:09:13.000 (หัวเราะ) 00:09:13.000 --> 00:09:17.000 และคุณก็รู้แล้วว่าไม่มีใครที่แยกจังหวะโน้ตไม่เป็น ..ถูกต้องมั้ย 00:09:17.000 --> 00:09:19.000 รู้มั้ยว่า ทุกหมู่บ้านในบังกลาเทศ 00:09:19.000 --> 00:09:24.000 ทุกหมู่บ้านในเมืองจีน ...ทุกคนรู้หมด 00:09:25.000 --> 00:09:28.000 ดา ดา ดา ดา -- ดา ..ทุกคนรู้ว่ามันต้องลงด้วยโน้ต E NOTE Paragraph 00:09:28.000 --> 00:09:31.000 แต่โชแปงยังไม่อยากไปถึงโน้ต E 00:09:32.000 --> 00:09:34.000 เพราะจะเกิดอะไรขึ้น? เพลงมันจะจบน่ะสิ เหมือนกับแฮมเล็ต 00:09:34.000 --> 00:09:36.000 คุณจำแฮมเล็ตได้มั้ย องก์แรก ฉากที่สาม 00:09:37.000 --> 00:09:38.000 แฮมเล็ตได้รู้ว่า ลุงของเขาเป็นคนฆ่าพ่อ 00:09:38.000 --> 00:09:40.000 คุณจำได้ว่าเขาเอาแต่ตามล่าหาตัวลุง 00:09:40.000 --> 00:09:41.000 และเกือบจะฆ่าลุงด้วย แต่แล้วก็ถอย 00:09:41.000 --> 00:09:44.000 และก็ตามล่าลุงอีก และก็เกือบได้ฆ่าอีก 00:09:44.000 --> 00:09:46.000 พวกนักวิจารณ์ ซึ่งทั้งหมดนั่งอยู่แถวหลัง 00:09:46.000 --> 00:09:49.000 ออกความเห็นว่า "แฮมเล็ตเป็นคนที่ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง" 00:09:49.000 --> 00:09:50.000 (หัวเราะ) 00:09:50.000 --> 00:09:52.000 หรือไม่ก็บอกว่า "แฮมเล็ตมีปมโอดิปุส" 00:09:53.000 --> 00:09:56.000 ไม่ใช่เลย แต่เพราะถ้าทำอย่างนั้นละครจะจบต่างหาก ไอ้พวกโง่ 00:09:56.000 --> 00:09:58.000 นั่นคือเหตุผลที่เชคสเปียร์ใส่รายละเอียดพวกนั้นลงไปในแฮมเล็ต 00:09:59.000 --> 00:10:01.000 มีเรื่องสาวน้อยโอฟิเลียที่กลายเป็นบ้า เป็นเรื่องที่ซ้อนอยู่อีกชั้นนึง 00:10:01.000 --> 00:10:02.000 มีเรื่องกะโหลกของโยริค และพวกสัปเหร่อ 00:10:03.000 --> 00:10:06.000 ทั้งหมดนี้เพื่อถ่วงเวลาไว้ -- จนถึงองก์ที่ 5 เขาถึงฆ่าลุงได้ NOTE Paragraph 00:10:06.000 --> 00:10:11.000 เพลงของโชแปงก็ไม่ต่างกัน เขาเกือบถึงโน้ต E แล้ว 00:10:11.000 --> 00:10:13.000 แต่เขาบอกว่า "เดี๋ยวก่อน กลับไปเริ่มใหม่ดีกว่า" 00:10:13.000 --> 00:10:16.000 แล้วเขาก็กลับไปเริ่มใหม่ 00:10:17.000 --> 00:10:20.000 ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นแล้ว...นั่นคือการเร้าอารมณ์ 00:10:20.000 --> 00:10:21.000 คุณไม่ต้องไปกังวลอะไรกับมัน 00:10:22.000 --> 00:10:24.000 ตอนนี้ลงมาถึงโน้ต F# และในที่สุดก็ถึงโน้ต E 00:10:24.000 --> 00:10:27.000 แต่มันผิดคอร์ด เพราะคอร์ดที่เขาต้องการ 00:10:28.000 --> 00:10:31.000 คือคอร์ดนี้ แต่เขาก็ยังให้ออกมาแบบนั้น 00:10:31.000 --> 00:10:35.000 ซึ่งเราเรียกว่า การไต่ระดับโน้ตลงแบบลวง เพราะว่ามันหลอกเรา 00:10:36.000 --> 00:10:38.000 ผมบอกนักเรียนเสมอว่า "ถ้าคุณได้ยินการไต่ระดับโน้ตลงมา.. 00:10:38.000 --> 00:10:40.000 อย่าลืมยักคิ้วนะ ทุกคนจะได้รู้" 00:10:40.000 --> 00:10:43.000 (หัวเราะ) 00:10:43.000 --> 00:10:46.000 (ปรบมือ) 00:10:47.000 --> 00:10:49.000 ตอนนี้เขามาถึงโน้ต E แล้ว แต่มันผิดคอร์ด 00:10:49.000 --> 00:10:52.000 เขาเล่นโน้ต E อีกรอบ มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี 00:10:52.000 --> 00:10:55.000 แต่ก็ยังเล่นโน้ต E มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี 00:10:55.000 --> 00:10:57.000 แต่ก็ยังเล่นโน้ต E ต่ออีก มันก็ยังไม่ใช่อีก 00:10:58.000 --> 00:11:01.000 และในที่สุด.... 00:11:01.000 --> 00:11:05.000 มีผู้ชายที่นั่งแถวหน้าส่งเสียง "เฮ่อออ" 00:11:06.000 --> 00:11:08.000 เป็นอาการเดียวกับที่เขาทำตอนกลับถึงบ้าน 00:11:08.000 --> 00:11:11.000 หลังเหนื่อยมาทั้งวัน ดับเครื่องรถยนต์ และพูดว่า 00:11:12.000 --> 00:11:15.000 "อาา ถึงบ้านเสียที" เพราะเราทุกคนรู้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน NOTE Paragraph 00:11:15.000 --> 00:11:18.000 ดนตรีช่วงนี้จึงเป็นการเดินทางกลับบ้าน 00:11:18.000 --> 00:11:20.000 ซึ่งผมกำลังจะเล่นเพลงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ 00:11:20.000 --> 00:11:23.000 คุณจะได้ติดตามโน้ต B, C, B, C, B, C, B -- 00:11:23.000 --> 00:11:25.000 ไต่ไปถึง A ...ลงไปถึง G และถึง F 00:11:25.000 --> 00:11:27.000 เกือบจะถึงโน้ต E แล้ว แต่นั่นจะทำให้เพลงจบลง 00:11:28.000 --> 00:11:30.000 เขาจึงย้อนกลับไปที่โน้ต B อีก เขาตื่นเต้นมาก ไปที่โน้ต F# แล้วไปที่ E 00:11:30.000 --> 00:11:32.000 ซึ่งเป็นคอร์ดที่ผิด มันผิดคอร์ด ไม่ใช่คอร์ดนี้ 00:11:33.000 --> 00:11:35.000 จนสุดท้ายก็มาถึงโน้ต E ..กลับถึงบ้านเสียที 00:11:35.000 --> 00:11:38.000 และที่คุณกำลังจะได้ชม คือการเล่นแบบบั้นท้ายเดียว 00:11:38.000 --> 00:11:41.000 (หัวเราะ) 00:11:41.000 --> 00:11:43.000 เพราะสำหรับผม การจะดื่มด่ำช่วงโน้ต B ถึง E 00:11:44.000 --> 00:11:49.000 ผมต้องหยุดคิดเรื่องโน้ตทุกๆ ตัวที่ปรากฏระหว่างทาง 00:11:49.000 --> 00:11:54.000 และเริ่มนึกถึงการเดินทางแสนยาวไกลจากโน้ต B ถึง E NOTE Paragraph 00:11:55.000 --> 00:11:59.000 เราเพิ่งพูดถึงแอฟริกา และคุณก็ไม่อาจไปเยือนประเทศนี้ 00:11:59.000 --> 00:12:02.000 โดยไม่คิดถึงแมนเดลาที่ต้องถูกจองจำอยู่ถึง 27 ปีได้ 00:12:03.000 --> 00:12:05.000 เขาคิดเรื่องอะไรอยู่ในตอนนั้น อาหารเที่ยง? 00:12:05.000 --> 00:12:08.000 เปล่าเลย เขาคิดเรื่องวิสัยทัศน์สำหรับแอฟริกา 00:12:09.000 --> 00:12:10.000 และสำหรับเพื่อนมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวเขา 00:12:10.000 --> 00:12:13.000 นี่คือเรื่องของวิสัยทัศน์ เรื่องของการเดินทางยาวไกล 00:12:13.000 --> 00:12:15.000 ดุจนกโผบินอยู่เหนือพื้นดิน 00:12:15.000 --> 00:12:19.000 และไม่สนใจแนวรั้วเบื้องล่าง โอเคนะครับ? 00:12:19.000 --> 00:12:22.000 ตอนนี้คุณกำลังจะติดตามการเดินทางจากโน้ต B ถึง E 00:12:22.000 --> 00:12:26.000 แต่ผมอยากขออะไรสักอย่าง ก่อนจะเล่นเพลงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ 00:12:26.000 --> 00:12:31.000 อยากให้คุณนึกภาพคนที่คุณรักดั่งดวงใจ ผู้ซึ่งจากคุณไปแล้ว 00:12:31.000 --> 00:12:34.000 คุณยาย คนรัก 00:12:35.000 --> 00:12:38.000 คนที่ในชีวิตของคุณนั้น คุณรักเขาหมดใจ 00:12:38.000 --> 00:12:41.000 แต่คนๆ นั้นไม่ได้อยู่กับคุณอีกแล้ว 00:12:42.000 --> 00:12:45.000 นำคนๆ นั้นมาแนบใจคุณตอนนี้ และขณะเดียวกัน 00:12:45.000 --> 00:12:49.000 ก็ติดตามการเดินทางจากโน้ต B ถึง E 00:12:49.000 --> 00:12:57.000 และคุณจะได้ยินทุกสิ่งที่โชแปงอยากจะบอก 00:12:57.000 --> 00:14:48.000 (ดนตรี) 00:14:48.000 --> 00:14:55.000 (ปรบมือ) NOTE Paragraph 00:14:55.000 --> 00:15:00.000 ตอนนี้คุณอาจกำลังสงสัย 00:15:00.000 --> 00:15:06.000 คุณอาจสงสัยว่าผมปรบมือทำไม 00:15:06.000 --> 00:15:08.000 คือว่า ผมทำแบบนี้ที่โรงเรียนหนึ่งในบอสตัน 00:15:08.000 --> 00:15:12.000 กับเด็กชั้นมัธยมหนึ่งประมาณ 70 คน อายุราว 12 ขวบ 00:15:12.000 --> 00:15:14.000 ผมทำเหมือนที่ทำต่อหน้าพวกคุณเปี๊ยบ และก็บอกพวกเด็กๆ 00:15:14.000 --> 00:15:15.000 อธิบายให้พวกเขาฟัง เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง 00:15:15.000 --> 00:15:17.000 และพอถึงช่วงสุดท้าย พวกเขามีอารมณ์ร่วมมาก พวกเขาปรบมือ 00:15:18.000 --> 00:15:19.000 ผมปรบมือ พวกเด็กๆ ก็ปรบมือ 00:15:19.000 --> 00:15:21.000 สุดท้ายผมก็พูดขึ้นว่า "ผมปรบมือทำไมรู้มั้ย" 00:15:21.000 --> 00:15:22.000 มีเด็กคนนึงตอบว่า "เพราะพวกเรากำลังฟังอยู่ไง" 00:15:22.000 --> 00:15:27.000 (หัวเราะ) 00:15:28.000 --> 00:15:30.000 คิดดูสิครับ มีอยู่ 1,600 คน ซึ่งมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย 00:15:30.000 --> 00:15:32.000 แต่ละคนก็มีชีวิตในแบบที่แตกต่างกันไปสารพัด 00:15:33.000 --> 00:15:39.000 ต่างกำลังฟัง เข้าใจ และจิตใจสั่นไหว ไปกับดนตรีของโชแปง 00:15:39.000 --> 00:15:40.000 น่าทึ่งใช่ไหมครับ 00:15:40.000 --> 00:15:43.000 ทีนี้ถามว่า ผมมั่นใจหรือเปล่าว่าทุกคนจะเป็นอย่างนั้น 00:15:43.000 --> 00:15:45.000 เข้าใจและตื้นตันใจไปกับเสียงดนตรีนั้น แน่นอนว่าผมไม่มั่นใจหรอก 00:15:46.000 --> 00:15:47.000 แต่ผมจะบอกคุณว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม NOTE Paragraph 00:15:47.000 --> 00:15:50.000 ผมอยู่ในไอร์แลนด์ช่วงที่บ้านเมืองปั่นป่วนเมื่อ 10 ปีก่อน 00:15:50.000 --> 00:15:53.000 และกำลังทำงานร่วมกับเด็กๆ ชาวคาทอลิกและโปรเตสแตนท์ 00:15:53.000 --> 00:15:57.000 งานด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้ง และผมก็ทำแบบนี้กับพวกเขา 00:15:58.000 --> 00:16:00.000 ถือว่าเสี่ยงเอาการ เพราะเป็นเด็กเร่ร่อนตามท้องถนน 00:16:00.000 --> 00:16:03.000 มีเด็กคนนึงเข้ามาหาผมตอนเช้าวันรุ่งขึ้น และบอกว่า 00:16:04.000 --> 00:16:07.000 "รู้มั้ยครับ ผมไม่เคยฟังเพลงคลาสสิกมาก่อนเลยในชีวิต 00:16:07.000 --> 00:16:08.000 แต่ตอนที่คุณเล่นดนตรีช้อปปิ้ง" 00:16:08.000 --> 00:16:11.000 (หัวเราะ) 00:16:11.000 --> 00:16:15.000 เขาบอกว่า "พี่ชายผมโดนยิงเมื่อปีก่อน และผมก็ไม่เคยร้องไห้ให้กับเขา 00:16:16.000 --> 00:16:17.000 แต่เมื่อคืนตอนที่คุณเล่นเพลงนั้น 00:16:17.000 --> 00:16:20.000 เขาคือคนที่ผมนึกถึง 00:16:20.000 --> 00:16:22.000 และน้ำตาผมก็ไหลอาบแก้ม 00:16:22.000 --> 00:16:25.000 และคุณรู้มั้ยว่า มันรู้สึกดีมากๆ ที่ได้ร้องไห้ให้กับพี่ชายของผม" 00:16:25.000 --> 00:16:27.000 ผมเลยตั้งปณิธานตั้งแต่เดี๋ยวนั้น 00:16:27.000 --> 00:16:34.000 ว่าดนตรีคลาสสิกจะต้องมีไว้เพื่อทุกคน ..ทุกๆ คน NOTE Paragraph 00:16:35.000 --> 00:16:37.000 ทีนี้คุณจะใช้ชีวิตยังไง -- เพราะคุณก็รู้ 00:16:37.000 --> 00:16:41.000 อาชีพของผม อาชีพทางด้านดนตรีไม่ได้มองแบบนี้ 00:16:41.000 --> 00:16:44.000 พวกเขาบอกว่า มีประชากรราว 3% ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิก 00:16:44.000 --> 00:16:48.000 ถ้าเราเพิ่มจำนวนเป็น 4% ได้ ปัญหาของเราก็จบ 00:16:49.000 --> 00:16:52.000 ผมบอกว่า "คุณจะทำตัวยังไง จะพูดจาแบบไหน จะเป็นคนแบบไหน 00:16:52.000 --> 00:16:55.000 ถ้าคุณคิดว่ามีประชากร 3% ที่ชอบดนตรีคลาสสิก 00:16:56.000 --> 00:16:58.000 และถ้าเราจะเพิ่มเป็น 4% คุณจะทำตัวยังไง 00:16:58.000 --> 00:17:00.000 จะพูดจาแบบไหน จะเป็นคนแบบไหน 00:17:00.000 --> 00:17:02.000 ถ้าคุณคิดว่าคนทุกคนหลงรักดนตรีคลาสสิก -- 00:17:02.000 --> 00:17:04.000 เพียงแต่พวกเขายังไม่รู้จักมัน" 00:17:04.000 --> 00:17:05.000 (หัวเราะ) 00:17:05.000 --> 00:17:07.000 เห็นมั้ยครับว่า มันเป็นคนละโลกกันเลย NOTE Paragraph 00:17:08.000 --> 00:17:11.000 ผมมีประสบการณ์น่าทึ่งอยู่เรื่องนึง ตอนอายุ 45 ปี 00:17:11.000 --> 00:17:16.000 เวลานั้นผมทำหน้าที่นำวงมา 20 ปีแล้ว และจู่ๆ ผมก็ตระหนักถึงบางสิ่ง 00:17:17.000 --> 00:17:20.000 ว่าผู้นำวงไม่ได้เป็นคนที่ทำให้เสียงดนตรีเกิดขึ้น 00:17:20.000 --> 00:17:22.000 มีรูปของผมอยู่ตรงหน้าปกซีดี 00:17:22.000 --> 00:17:25.000 (หัวเราะ) 00:17:25.000 --> 00:17:27.000 -- แต่ผู้นำวงไม่ได้เป็นคนทำให้เกิดเสียงขึ้นมา 00:17:28.000 --> 00:17:32.000 พลังของเขามาจากการที่เขาสามารถทำให้คนอื่นๆ มีพลัง 00:17:32.000 --> 00:17:36.000 และนั่นคือประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผม มันเปลี่ยนชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง 00:17:37.000 --> 00:17:38.000 คนในวงออเคสตราเข้ามาถามว่า 00:17:38.000 --> 00:17:40.000 "เบน เกิดอะไรขึ้น" นั่นละคือสิ่งที่เกิดขึ้น 00:17:40.000 --> 00:17:45.000 ผมตระหนักว่า หน้าที่ของผมคือการปลุกความเป็นไปได้ในตัวคนอื่นๆ 00:17:45.000 --> 00:17:48.000 แน่นอนครับ ผมอยากรู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่หรือเปล่า 00:17:48.000 --> 00:17:51.000 คุณจะมีวิธีรู้ได้ยังไงรู้มั้ย คุณก็มองตาพวกเขา 00:17:51.000 --> 00:17:55.000 ถ้าดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย คุณก็รู้ได้ว่าตัวเองกำลังทำอยู่ 00:17:56.000 --> 00:17:57.000 คุณปลุกชีวิตคนทั้งกลุ่มได้ด้วยดวงตาของผู้ชายคนนี้ 00:17:57.000 --> 00:17:59.000 (หัวเราะ) 00:17:59.000 --> 00:18:01.000 เพราะฉะนั้น ถ้าดวงตาเป็นประกาย แสดงว่าคุณกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่ 00:18:01.000 --> 00:18:04.000 ถ้าดวงตาไม่เป็นประกาย คุณต้องถามคำถามนึง 00:18:04.000 --> 00:18:05.000 คำถามนั้นคือ 00:18:05.000 --> 00:18:11.000 ฉันกำลังเป็นคนแบบไหน ถึงทำให้ดวงตาพวกเขาไม่เป็นประกาย? 00:18:12.000 --> 00:18:13.000 คุณทำแบบนี้กับลูกๆ ของคุณก็ได้ 00:18:13.000 --> 00:18:18.000 ฉันกำลังเป็นคนแบบไหน ถึงทำให้ดวงตาพวกเขาไม่เป็นประกาย? 00:18:19.000 --> 00:18:21.000 นั่นจะเป็นโลกที่ต่างไปอย่างสิ้่นเชิง NOTE Paragraph 00:18:21.000 --> 00:18:26.000 ตอนนี้เรากำลังจะจบสัปดาห์อันแสนวิเศษ หนึ่งสัปดาห์บนภูเขา 00:18:27.000 --> 00:18:28.000 และกำลังจะหวนคืนสู่โลกปกติ 00:18:28.000 --> 00:18:32.000 ผมอยากบอกว่า เราสมควรถามคำถามนี้ นั่นคือ 00:18:32.000 --> 00:18:37.000 "เรากำลังเป็นคนแบบไหนในเวลาที่กลับไปใช้ชีวิตในโลก?" 00:18:37.000 --> 00:18:39.000 คุณรู้มั้ยว่า ผมมีนิยามของความสำเร็จอยู่อันนึง 00:18:40.000 --> 00:18:42.000 สำหรับผมมันเรียบง่ายมาก มันไม่ใช่ความร่ำรวย ชื่อเสียง อำนาจ 00:18:42.000 --> 00:18:45.000 แต่นิยามนั้นคือ มีดวงตาที่เป็นประกายมากแค่ไหนรอบตัวผม NOTE Paragraph 00:18:46.000 --> 00:18:49.000 ทีนี้ผมอยากฝากความคิดสุดท้าย ซึ่งก็คือ 00:18:49.000 --> 00:18:52.000 สิ่งที่เราพูดนั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้จริงๆ 00:18:52.000 --> 00:18:54.000 ถ้อยคำที่ออกมาจากปากของเรา 00:18:54.000 --> 00:18:58.000 ผมเรียนรู้เรื่องนี้จากหญิงที่รอดชีวิตจากค่ายนาซีเอาชวิตซ์ 00:18:58.000 --> 00:18:59.000 เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตไม่กี่ราย 00:18:59.000 --> 00:19:03.000 ตอนที่ถูกส่งตัวไปที่นั่น เธออายุ 15 ปี 00:19:04.000 --> 00:19:11.000 เธอมีน้องชายอายุ 8 ขวบ ทั้งคู่พลัดหลงจากพ่อแม่ 00:19:11.000 --> 00:19:16.000 เธอเล่าให้ผมฟังว่า 00:19:16.000 --> 00:19:19.000 "เราอยู่ในขบวนรถไฟที่กำลังไปค่ายเอาชวิทซ์ สายตาฉันมองลงต่ำ 00:19:19.000 --> 00:19:21.000 เห็นว่ารองเท้าของน้องชายหายไป 00:19:22.000 --> 00:19:25.000 ฉันเลยพูดว่า "ทำไมแกถึงซื่อบื้ออย่างนี้ ดูแลข้าวของแค่นี้ทำไม่ได้หรือไง 00:19:25.000 --> 00:19:26.000 ..ให้ตายเถอะว่ะ" 00:19:26.000 --> 00:19:30.000 -- พูดแบบที่พี่สาวจะพูดกับน้องชาย 00:19:30.000 --> 00:19:33.000 โชคไม่ดีที่นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่เธอได้พูดกับน้อง 00:19:33.000 --> 00:19:37.000 เพราะเธอไม่มีโอกาสได้พบน้องชายอีก เขาไม่รอดชีวิต 00:19:37.000 --> 00:19:39.000 หลังจากรอดจากค่ายเอาชวิทซ์ได้ เธอให้ปฏิญาณกับตัวเอง 00:19:40.000 --> 00:19:44.000 เธอเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง เธอบอกว่า "ฉันออกมาจากค่ายเอาชวิทซ์ กลับคืนสู่ชีวิต 00:19:44.000 --> 00:19:49.000 และฉันให้ปฏิญาณกับตัวเอง คำปฏิญาณนั้นคือ ฉันจะไม่พูดอะไร.. 00:19:50.000 --> 00:19:53.000 ..ที่ไม่อาจคงอยู่ในฐานะคำพูดสุดท้ายที่ฉันจะพูดออกไป" 00:19:53.000 --> 00:19:57.000 ที่นี้พวกเราทำอย่างนั้นได้มั้ย ไม่ได้หรอก ไม่งั้นเราจะทำให้ตัวเองต้องเป็นคนผิด 00:19:58.000 --> 00:20:05.000 และทำให้คนอื่นเป็นฝ่ายผิด แต่มันเป็นความเป็นไปได้ที่เราจะใช้ชีวิตแบบนั้น ขอบคุณครับ 00:20:05.000 --> 00:20:10.000 (ปรบมือ) 00:20:11.000 --> 00:20:22.000 ตาเป็นประกาย ตาเป็นประกาย 00:20:22.000 --> 00:20:25.000 ขอบคุณครับ ขอบคุณ 00:20:26.000 --> 00:20:31.000 (ดนตรี)