1 00:00:00,000 --> 00:00:02,920 เมืองไทยเป็นเมืองร้อน สมัยโบราณไทยไม่มีน้ำแข็ง 2 00:00:02,920 --> 00:00:06,520 แล้วทำไม ขนมไทยหลายๆ ชนิดถึงเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ใส่น้ำแข็งกันล่ะ? 3 00:00:06,520 --> 00:00:08,460 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 4 00:00:08,460 --> 00:00:11,940 บอกเลยนะคะว่า คลิปวันนี้ วิวตั้งตามใจตัวเองสุดๆ เลยค่ะ 5 00:00:11,940 --> 00:00:16,740 เพราะว่าวันนี้วิวอยากจะมาชวนทุกคนคุยเรื่องราวเกี่ยวกับขนมไทยนะคะ 6 00:00:16,740 --> 00:00:20,880 โดยเฉพาะขนมต่างๆ ที่มันมีการใส่เกล็ดน้ำแข็ง ใส่อะไรลงไปเนี่ยนะ 7 00:00:20,880 --> 00:00:23,520 แน่นอนว่า อือหือ บิงซูก็บิงซูเถอะค่ะ 8 00:00:23,520 --> 00:00:24,880 เจอขนมไทยเข้าไป 9 00:00:24,880 --> 00:00:27,700 เวลาร้อนๆ เนี่ยนะ ฟินอย่าบอกใครเลยทีเดียวนะคะ 10 00:00:27,700 --> 00:00:31,580 เรียกได้ว่า เนื้อหาวันนี้นะคะ เราจะมาคุยเรื่องขนมไทยกันค่ะว่า 11 00:00:31,580 --> 00:00:35,580 เออ พูดถึงสมัยโบราณเนี่ย เราก็รู้กันดีนะว่า เมืองไทยเป็นเมืองร้อน 12 00:00:35,580 --> 00:00:37,160 น่าจะไม่มีน้ำแข็งแน่ๆ นะคะ 13 00:00:37,160 --> 00:00:41,360 แล้วทำไมขนมไทยหลายๆ ชนิดเนี่ย ถึงมีการใส่น้ำแข็งลงไป? 14 00:00:41,360 --> 00:00:43,420 ถึงเป็นเกล็ดน้ำแข็งอะไรต่างๆ นะคะ? 15 00:00:43,420 --> 00:00:44,860 มันเริ่มขึ้นสมัยไหน? 16 00:00:44,860 --> 00:00:47,960 มีน้ำแข็งเข้ามาที่ประเทศไทยครั้งแรกในสมัยไหนค่ะ? 17 00:00:47,960 --> 00:00:50,360 และที่สำคัญนะคะ วันนี้วิวไม่ได้มาคนเดียวค่ะ 18 00:00:50,360 --> 00:00:54,440 แต่มากับแขกรับเชิญอีกหนึ่งท่านนะที่หลายๆ คนน่าจะคิดถึงแน่ๆ เลย 19 00:00:54,440 --> 00:00:56,320 แขกรับเชิญคนนั้นนะคะ ก็คือ 20 00:00:56,320 --> 00:00:59,640 สวัสดีค่ะ พ้อยท์เองค่ะ เสียใจด้วยนะคะสำหรับใครที่คาดหวังว่า 21 00:00:59,640 --> 00:01:01,240 มองมาแล้วจะเห็นภูเขาค่ะ 22 00:01:01,240 --> 00:01:03,760 วันนี้นะคะ พ้อยท์นะคะ มาคนเดียวค่ะ อ็อฟไม่ได้มาด้วย 23 00:01:03,760 --> 00:01:05,520 ค่าตัวแพง ขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ 24 00:01:05,520 --> 00:01:07,360 เราประหยัดงบแขกรับเชิญนะคะ 25 00:01:07,360 --> 00:01:09,940 เอาล่ะ ตอนนี้เราเวิ่นนอกเรื่องกันมาพอสมควรแล้วค่ะ 26 00:01:09,940 --> 00:01:13,200 พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ? 27 00:01:13,200 --> 00:01:15,040 ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ 28 00:01:18,200 --> 00:01:19,880 เอาจริงๆ นะ พูดถึงขนมไทย 29 00:01:19,880 --> 00:01:21,200 ขนมไทยคือ อะไร? 30 00:01:21,200 --> 00:01:24,940 อ่ะ คิดว่า ขนมไทยในความคิดของตัวเองเนี่ย นึกถึงขนมประเภทไหน? 31 00:01:24,940 --> 00:01:26,980 พูดถึงขนมไทยก็... 32 00:01:26,980 --> 00:01:30,160 อ่ะ นึกถึงง่ายๆ ล่ะกัน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง? 33 00:01:30,160 --> 00:01:35,200 ใช่ไหม? แต่ว่า ขนมพวกนี้เราก็คุ้นเคยกันดีนะคะ จากคลิปก่อนๆ ที่เราเคยทำ 34 00:01:35,200 --> 00:01:38,980 หรือว่าจากบทเรียนต่างๆ ว่า ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ลูกชุบเนี่ยนะ 35 00:01:38,980 --> 00:01:42,560 มันเป็นขนมที่ได้รับอิทธิพลมากจากโปรตุเกส ใช่ไหมคะ? 36 00:01:42,560 --> 00:01:44,860 ก่อนที่จะมีการพัฒนาสูตรนู่นนี่นั่น 37 00:01:44,860 --> 00:01:48,720 จนเข้ากับลิ้นคนไทย แล้วก็กลายเป็นขนมไทยในที่สุด ใช่ไหมคะ? 38 00:01:48,720 --> 00:01:51,160 อันนี้ค่อนข้างชัดว่า เออ มันเป็นขนมไทยแหละ 39 00:01:51,160 --> 00:01:52,740 มันผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว 40 00:01:52,740 --> 00:01:54,900 มีการวิวัฒนาการอะไรต่างๆ 41 00:01:54,900 --> 00:01:56,380 แต่ขนมอีกประเภทนึงเนี่ย 42 00:01:56,380 --> 00:01:59,660 เป็นขนมที่ฟังดูเผินๆ ปัจจุบันนี้เราก็รู้สึกว่า 43 00:01:59,660 --> 00:02:01,300 เฮ้ย มันเป็นขนมไทยนี่แหละ 44 00:02:01,300 --> 00:02:03,440 แต่พอไปดูรายละเอียดจริงๆ เราจะรู้สึกว่า 45 00:02:03,440 --> 00:02:05,300 เอ๊ะ มันเป็นขนมไทยจริงเหรอนะคะ? 46 00:02:05,300 --> 00:02:08,700 ขนมพวกนี้คือ ขนมที่แบบมีการเอามากินแบบเย็น 47 00:02:08,700 --> 00:02:11,820 บางทีก็มีการแช่ให้น้ำกะทิเนี่ย กลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง 48 00:02:11,820 --> 00:02:14,580 หรือว่ามีการไสน้ำแข็งใส่ลงไปนะคะ 49 00:02:14,580 --> 00:02:17,040 เอ๊ ขนมพวกนี้มันเป็นขนมไทยจริงหรือเปล่า? 50 00:02:17,040 --> 00:02:20,240 ยกตัวอย่างง่ายๆ สาคูแคนตาลูป คิดว่า เป็นขนมไทยไหม? 51 00:02:20,240 --> 00:02:21,480 เอ๊า ก็เป็นสิ 52 00:02:21,480 --> 00:02:24,300 เวลาที่ไปกินข้าวตามร้านอาหารไทยเนี่ย 53 00:02:24,300 --> 00:02:28,200 เปิดไปหน้าของหวานทีไร ก็เจอสาคูแตนตาลูปประจำเลยนะ 54 00:02:28,200 --> 00:02:32,320 หลายคนฟังปุ๊บไม่ปฏิเสธเลยค่ะว่า สาคูแคนตาลูปเนี่ยเป็นขนมไทย 55 00:02:32,320 --> 00:02:34,500 แต่ลองมาดูสาคูแคนตาลูปกันดีๆ สิคะ 56 00:02:34,500 --> 00:02:37,540 เราไปพูดถึงแค่ คำว่า แคนตาลูป ก่อนก็พอ 57 00:02:37,540 --> 00:02:39,140 แคนตาลูปเนี่ยเป็นแตงจากที่ไหน? 58 00:02:39,140 --> 00:02:42,840 แคนตาลูปเนี่ยนะคะ เป็นแตงที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดียค่ะ 59 00:02:42,840 --> 00:02:46,420 แล้วก็มีการนำไปปลูกที่เมืองแถวๆ โรมนะคะ 60 00:02:46,420 --> 00:02:48,180 ชื่อเมือง คันตาลูโป 61 00:02:48,180 --> 00:02:51,440 อ่ะ พอไปอยู่ที่เมืองคันตาลูโป ก็เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา 62 00:02:51,440 --> 00:02:55,380 คนก็เลยไปเรียกกันว่า อ่อ แตงจากเมืองคันตาลูโปๆ 63 00:02:55,380 --> 00:02:57,580 พอแพร่กระจายเข้าไปถึงอังกฤษ 64 00:02:57,580 --> 00:03:00,920 ไปอยู่ในภาษาอังกฤษ ก็ดันเรียกเพี้ยนกันอีกค่ะว่า แคนตาลูป 65 00:03:00,920 --> 00:03:04,560 ดังนั้นนะคะ แคนตาลูปนี่ แค่ชื่อก็ไม่มีความเป็นไทยแล้วค่ะ 66 00:03:04,560 --> 00:03:06,480 แล้วมาอยู่ในขนมไทยได้ยังไง? ถูกไหม? 67 00:03:06,480 --> 00:03:07,360 เออ จริงด้วย 68 00:03:07,360 --> 00:03:09,600 มานั่งคิดดีๆ นะ บางที่ที่ไปสั่งกินเนี่ย 69 00:03:09,600 --> 00:03:11,520 ก็เป็นสาคูแคนตาลูปแบบร้อน 70 00:03:11,520 --> 00:03:13,920 บางที่มันก็เป็นสาคูแคนตาลูปแบบเย็น 71 00:03:13,920 --> 00:03:15,540 คือไอ้แบบร้อนนี่เข้าใจได้นะ 72 00:03:15,540 --> 00:03:18,760 แต่ว่า แบบเย็นเนี่ย ที่มันแบบเป็นเกล็ดน้ำแข็งเลยอ่ะ 73 00:03:18,760 --> 00:03:20,980 แล้วประเทศอากาศร้อนๆ แบบไทยเรา 74 00:03:20,980 --> 00:03:23,980 จะไปมีขนมที่มันเป็นเกล็ดน้ำแข็งอย่างนั้นได้ยังไงอ่ะ? 75 00:03:23,980 --> 00:03:27,320 หรืออย่างอีกอย่างนึงนะ ที่เป็นของโปรดของเราสองคนเลยใช่ไหม? 76 00:03:27,320 --> 00:03:29,380 นั่นก็คือ ปังนมเย็นนะคะ 77 00:03:29,380 --> 00:03:30,300 ใช่ เราสองคนก็ 78 00:03:30,300 --> 00:03:32,740 ก็เราสองคนก็ชอบอะไรเหมือนกันน่ะนะ 79 00:03:32,740 --> 00:03:34,380 กลับมาพูดถึงปังนมเย็นกันดีกว่า 80 00:03:34,380 --> 00:03:37,260 ปังนมเย็นนะคะ เป็นขนมไทยหรือเปล่า? 81 00:03:37,260 --> 00:03:39,820 หลายคนฟังปุ๊บก็ เอ้า ขนมไทยสิ ปังนมเย็น 82 00:03:39,820 --> 00:03:41,300 ฮู้ หน้าตาดูไท้ไทย 83 00:03:41,300 --> 00:03:44,360 แต่ในปังนมเย็นเนี่ย เกล็ดน้ำแข็งมาเต็มขนาดนี้ 84 00:03:44,360 --> 00:03:47,260 เอ๊ คนไทยสมัยโบราณเรากินน้ำแข็งด้วยเหรอ? 85 00:03:47,260 --> 00:03:49,220 กินตั้งแต่เมื่อไหร่? อะไร? ยังไง? นะคะ 86 00:03:49,220 --> 00:03:50,860 จะบอกว่า บังเอิญมากๆ เลยค่ะ 87 00:03:50,860 --> 00:03:52,920 ตอนที่วิวกำลังคิดจะทำคลิปนี้อยู่เนี่ย 88 00:03:52,920 --> 00:03:56,480 ก็มีคนส่งคำถามเข้ามานะคะ ใน #วิวเอ๋ยบอกข้าเถิด 89 00:03:56,480 --> 00:03:58,760 ที่เราเนี่ยมีไว้ตอบคำถามกันค่ะ 90 00:03:58,760 --> 00:04:02,260 ซึ่งคุณคนนี้ ขอโทษจริงๆ วิวอ่านชื่อไม่ออกนะคะ 91 00:04:02,260 --> 00:04:04,420 เค้าส่งคำถามเข้ามาได้น่าสนใจมาก 92 00:04:04,420 --> 00:04:08,560 สรุปใจความง่ายๆ คือถามว่า ชาวไทยเราเนี่ย รู้จักน้ำแข็งเมื่อไหร่? 93 00:04:08,560 --> 00:04:10,980 น้ำแข็งเข้ามาที่ประเทศไทยเมื่อไหร่นะคะ? 94 00:04:10,980 --> 00:04:15,260 ดังนั้นไหนๆ ก็ไหนๆ วิวขออนุญาตรวมคำถามของเค้ากับคำถามของวิวเนี่ย 95 00:04:15,260 --> 00:04:17,640 เข้าเป็นคลิปวิดีโอนี้ คลิปวิดีโอเดียวกันเลยค่ะ 96 00:04:17,640 --> 00:04:19,880 วันนี้เราจะมาตอบคำถามกันนะคะว่า 97 00:04:19,880 --> 00:04:23,800 สรุปแล้วเนี่ย คนไทยเราเนี่ย เริ่มบริโภคน้ำแข็งกันเมื่อไหร่? 98 00:04:23,800 --> 00:04:27,660 แล้วขนมที่เป็นเกร็ดน้ำแข็งต่างๆ มีการใส่น้ำแข็งลงไป 99 00:04:27,660 --> 00:04:30,100 อย่างสาคูแคนตาลูป หรือว่าปังนมเย็นเนี่ย 100 00:04:30,100 --> 00:04:31,740 นับเป็นขนมไทยไหมนะคะ? 101 00:04:31,740 --> 00:04:34,280 ก่อนอื่นนะ ก่อนที่เราจะไปถึงจุดที่ว่า 102 00:04:34,280 --> 00:04:36,880 ปังนมเย็นกับสาคูแคนตาลูปเป็นขนมไทยไหมเนี่ย? 103 00:04:36,880 --> 00:04:38,980 เรามาเริ่มที่คำถามแรกกันก่อนดีกว่าค่ะ 104 00:04:38,980 --> 00:04:41,840 น้ำแข็งเข้ามาที่ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อไหร่? 105 00:04:41,840 --> 00:04:44,500 อ่ะ มาละ เจ๊แกสาระมาเต็มละค่ะ 106 00:04:44,500 --> 00:04:46,260 มา จัดมาเลยๆ เล่ามา 107 00:04:46,260 --> 00:04:48,740 อ่ะ ถ้าเราพูดถึงอะไรที่เป็นเกล็ดน้ำแข็งเนี่ยนะคะ 108 00:04:48,740 --> 00:04:52,380 ก็ต้องบอกว่า จริงๆ ความรู้เรื่องเกล็ดน้ำแข็ง หรืออะไรต่างๆ ของคนไทยเนี่ย 109 00:04:52,380 --> 00:04:54,100 น่าจะมีมาก่อนหน้านี้แล้วแหละ 110 00:04:54,100 --> 00:04:57,220 เพราะว่าประเทศไทยเรา ถึงจะไม่มีหิมะ ถึงจะไม่มีน้ำแข็ง 111 00:04:57,220 --> 00:04:59,260 แต่เราก็มีลูกเห็บใช่ไหมคะ? 112 00:04:59,260 --> 00:05:02,160 ซึ่งมันก็คือ น้ำแข็งนี่แหละที่ตกลงมาจากฟากฟ้า 113 00:05:02,160 --> 00:05:05,060 เท่านั้นยังไม่พอ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนี่ย 114 00:05:05,060 --> 00:05:08,560 ก็มีการเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสใช่ไหม? 115 00:05:08,560 --> 00:05:13,740 ในบันทึกของราชทูตสมัยนั้นก็มีการบันทึกถึงการที่ไปเจอหิมงหิมะอะไรด้วย 116 00:05:13,740 --> 00:05:17,140 ดังนั้นเราข้ามไปเรื่องความรู้เรื่องเกี่ยวกับเกล็ดน้ำแข็งนะคะ 117 00:05:17,140 --> 00:05:19,900 แต่ถามว่า คนไทยเนี่ย เริ่มบริโภคน้ำแข็งเมื่อไหร่? 118 00:05:19,900 --> 00:05:22,680 มีการนำเข้าน้ำแข็งมาที่ไทยครั้งแรกเมื่อไหร่นะคะ? 119 00:05:22,680 --> 00:05:25,560 ก็ต้องบอกว่า เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะ 120 00:05:25,560 --> 00:05:28,940 เพราะว่าในช่วงเวลานั้นอ่ะ เป็นช่วงเวลาที่คนไทยเนี่ยนะคะ 121 00:05:28,940 --> 00:05:31,540 มีการเดินทางค้าขายกับต่างชาติค่ะ 122 00:05:31,540 --> 00:05:33,500 โดยเฉพาะชาติตะวันตกนะคะ 123 00:05:33,500 --> 00:05:36,520 ก็มีการเดินทางค้าขายกันอย่างแบบว่า แพร่หลายค่ะ 124 00:05:36,520 --> 00:05:39,820 ก็มีการนำสินค้าส่งออก นำเข้าสินค้าอะไรต่างๆ 125 00:05:39,820 --> 00:05:41,020 แลกเปลี่ยนกันไปมา 126 00:05:41,020 --> 00:05:44,240 แน่นอนว่า น้ำแข็งก็เป็นหนึ่งในสินค้านั้นค่ะ 127 00:05:44,240 --> 00:05:45,860 โดยเราสันนิษฐานกันนะคะว่า 128 00:05:45,860 --> 00:05:52,220 น้ำแข็งเนี่ย น่าจะเข้ามาที่ประเทศไทยครั้งแรก ช่วงระหว่างปี 2405-2411 ค่ะ 129 00:05:52,220 --> 00:05:54,180 ถามว่า ทำไมต้องเป็นตัวเลขนี้? 130 00:05:54,180 --> 00:05:59,740 เพราะว่าตัวเลขนี้ 2405 คือปีประสูติของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพค่ะ 131 00:05:59,740 --> 00:06:04,800 ส่วน 2411 เนี่ยนะคะ คือปีที่สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตค่ะ 132 00:06:04,800 --> 00:06:08,740 เพราะว่า เราเนี่ยสันนิษฐานจากบันทึกในสมัยทรงพระเยาว์นะคะ 133 00:06:08,740 --> 00:06:10,960 ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพค่ะว่า 134 00:06:10,960 --> 00:06:12,740 เออ น้ำแข็งเข้ามาช่วงเวลานั้น 135 00:06:12,740 --> 00:06:15,120 ดังนั้นก็ตีความได้ว่า ประมาณนี้แหละค่ะ 136 00:06:15,120 --> 00:06:17,840 ซึ่งตอนนั้นเนี่ย ถามว่า เข้ามาได้ยังไงนะคะ? 137 00:06:17,840 --> 00:06:21,660 ก็มากับเรือกลไฟค่ะ ชื่อว่า เรือเจ้าพระยา นะคะ 138 00:06:21,660 --> 00:06:27,180 ซึ่งเจ้าของเนี่ย ก็คือ พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ค่ะ หรือว่า ยิ้ม พิศลยบุตร นะคะ 139 00:06:27,180 --> 00:06:30,320 เอ้า แล้วเอาเข้ามายังไง? สมัยนั้นมีตู้เย็นแล้วเหรอ? 140 00:06:30,320 --> 00:06:32,280 ขนน้ำแข็งเข้ามาที่ประเทศไทยเนี่ย 141 00:06:32,280 --> 00:06:34,280 แน่นอนนะคะ สมัยนั้นยังไม่มีตู้เย็นค่ะ 142 00:06:34,280 --> 00:06:37,900 ดังนั้น เค้าก็ต้องมีวิธีการรักษาความเย็นในแบบของเค้าค่ะ 143 00:06:37,900 --> 00:06:40,280 คือตอนนั้นเนี่ย ตอนที่เอาใส่เรือมาเนี่ยนะคะ 144 00:06:40,280 --> 00:06:43,700 เค้าเอาใส่มาในหีบไม้ค่ะ แล้วก็เป็นไม้ฉำฉาอ่ะนะ 145 00:06:43,700 --> 00:06:47,880 นอกจากนี้ก็จะมีการโรยขี้เลื่อยไว้ค่ะ เพื่อกักเก็บความเย็นนะคะ 146 00:06:47,880 --> 00:06:50,400 ส่วนถ้าใครถามว่า แล้วเอาเข้ามาจากไหน? 147 00:06:50,400 --> 00:06:53,140 ต้องบอกว่า เอาเข้ามาจากสิงคโปร์ค่ะ 148 00:06:53,140 --> 00:06:56,160 โดยจริงๆ แล้วเค้าตีความออกเป็น 2 ทฤษฎีด้วยกันนะคะ 149 00:06:56,160 --> 00:06:59,760 ทฤษฎีแรกบอกว่า น่าจะเอามาจากที่ผลิตในสิงคโปร์เลยเนี่ยแหละ 150 00:06:59,760 --> 00:07:03,320 เพราะว่ามีการประดิษฐ์เครื่องทำน้ำแข็งที่ประเทศออสเตรเลียนะคะ 151 00:07:03,320 --> 00:07:07,600 แต่ว่า เอาจริงๆ เทคโนโลยีสมัยนั้นน่ะ มันไม่ได้แพร่กระจายเร็วเท่าทุกวันนี้ 152 00:07:07,600 --> 00:07:11,760 ไม่ใช่ว่าแบบ โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ออกวันนี้ พรุ่งนี้ขายกันทั่วโลกนะคะ 153 00:07:11,760 --> 00:07:13,360 มันต้องค่อยๆ แบบผลิต 154 00:07:13,360 --> 00:07:14,820 มีไม่กี่เครื่อง อะไรอย่างนี้ 155 00:07:14,820 --> 00:07:17,260 ดังนั้นก็เลยมีอีกทฤษฎีนึงค่ะว่า 156 00:07:17,260 --> 00:07:21,100 สิงคโปร์เนี่ย อาจจะยังไม่ได้ผลิตน้ำแข็งเองได้ขนาดส่งขายน่ะนะ 157 00:07:21,100 --> 00:07:23,740 อาจจะเป็นว่า น้ำแข็งที่มาที่ประเทศไทยเนี่ย 158 00:07:23,740 --> 00:07:26,100 นำเข้ามาจากประเทศอื่นอีกต่อนึงนะคะ 159 00:07:26,100 --> 00:07:29,280 เป็นประเทศที่มีน้ำแข็ง เป็นเมืองหนาวอะไรอยู่แล้ว 160 00:07:29,280 --> 00:07:30,520 เป็นน้ำแข็งธรรมชาติอ่ะนะ 161 00:07:30,520 --> 00:07:31,820 ตัดแบ่งมาขายค่ะ 162 00:07:31,820 --> 00:07:36,700 แล้วก็ส่งมาที่สิงคโปร์ ก่อนที่สิงคโปร์เนี่ยจะส่งมาขายที่กรุงเทพต่ออีกต่อนึงค่ะ 163 00:07:36,700 --> 00:07:39,140 อย่างไรก็ตามนะคะ นึกสภาพสมัยก่อนค่ะ 164 00:07:39,140 --> 00:07:41,580 เรือเจ้าพระยาเนี่ย เรือกลไฟเนี่ยนะคะ 165 00:07:41,580 --> 00:07:44,620 วิ่งรอบนึงจากกรุงเทพ-สิงคโปร์ สิงคโปร์-กรุงเทพเนี่ย 166 00:07:44,620 --> 00:07:46,320 ใช้เวลา 15 วันค่ะ 167 00:07:46,320 --> 00:07:50,080 ดังนั้นนะคะ น้ำแข็งในสมัยนั้นก็จะเข้ามาทุก 15 วัน 168 00:07:50,080 --> 00:07:51,180 ไม่ได้มีทุกวันน่ะนะ 169 00:07:51,180 --> 00:07:53,180 ทีนี้พอปริมาณมันมีน้อยเนี่ย 170 00:07:53,180 --> 00:07:55,520 รอบนึงขนมา ก็คงขนมาไม่ได้เยอะหรอกค่ะ 171 00:07:55,520 --> 00:07:57,120 ต้องมีสินค้าอื่นด้วยใช่ไหม? 172 00:07:57,120 --> 00:08:01,360 ก็เลยทำให้น้ำแข็งเนี่ยนะคะ กลายเป็นของหายาก แล้วก็มีราคาสูงค่ะ 173 00:08:01,360 --> 00:08:04,380 คนที่จะได้กินน้ำแข็งนะ ก็เลยต้องเป็น ชนชั้นสูงค่ะ 174 00:08:04,380 --> 00:08:06,760 เช่น เจ้านาย แล้วก็ขุนนางในสมัยนั้นนะคะ 175 00:08:06,760 --> 00:08:09,420 โห แล้วคนไทยสมัยก่อนไม่แตกตื่นแย่เหรอ? 176 00:08:09,420 --> 00:08:12,580 คือ เคยได้ยินสำนวนไทยป้ะ? บอกว่า ปั้นน้ำเป็นตัวอย่างนี้? 177 00:08:12,580 --> 00:08:13,880 น้ำแข็งนี่มาเป็นก้อนเลย 178 00:08:13,880 --> 00:08:15,920 นึกสภาพคนไม่เคยเห็นน้ำแข็งมาก่อน 179 00:08:15,920 --> 00:08:18,300 จะต้องคิดว่า ปั่นน้ำเป็นตัวแน่ๆ เลย 180 00:08:18,300 --> 00:08:19,820 แน่นอน ตื่นเต้นนะคะ 181 00:08:19,820 --> 00:08:23,300 อย่างเช่นที่ เสฐียรโกเศศ หรือว่า พระยาอนุมานราชธน เนี่ยนะคะ 182 00:08:23,300 --> 00:08:26,040 เคยบันทึกไว้ในหนังสือฟื้นความหลังเล่มหนึ่งค่ะ 183 00:08:26,040 --> 00:08:27,480 ก็เล่าเนื้อหาประมาณว่า 184 00:08:27,480 --> 00:08:30,440 เออ สมัยท่านเด็กๆ เนี่ยนะ มีการนำน้ำแข็งเข้ามาเนี่ย 185 00:08:30,440 --> 00:08:32,000 คนตื่นเต้นกันมากนะคะ 186 00:08:32,000 --> 00:08:33,860 แล้วบางคนก็ไม่เชื่อว่า มีน้ำแข็ง 187 00:08:33,860 --> 00:08:37,880 ถึงขนาดที่ว่า ต้องมีการเอาน้ำแข็งเนี่ยไปตั้งที่ศาลาสหทัยนะคะ 188 00:08:37,880 --> 00:08:41,020 แล้วก็ให้คนเนี่ย เข้าไปดูว่า เฮ้ย แก น้ำแข็งมันมีจริงๆ 189 00:08:41,020 --> 00:08:42,700 เนี่ย น้ำมันเป็นตัวได้จริงๆ นะ 190 00:08:42,700 --> 00:08:43,460 มันเย็นด้วย 191 00:08:43,460 --> 00:08:45,200 อูหู้ แปลกจังเลย นะคะ 192 00:08:45,200 --> 00:08:48,720 บางคนถึงขนาดที่ต้องขอแบ่งน้ำแข็งนะคะ เอากลับไปที่บ้านเลย 193 00:08:48,720 --> 00:08:50,920 เอาไปอวดคนที่บ้านว่า แก น้ำแข็งมีจริง 194 00:08:50,920 --> 00:08:54,640 ที่สำคัญนะคะ ความไม่รู้เนี่ยก็มาพร้อมกับความเชื่อแปลกๆ ค่ะ 195 00:08:54,640 --> 00:08:57,400 ไม่ว่าจะเป็นบอกว่า เฮ้ยแก อย่าไปกินนะ น้ำแข็งอ่ะ 196 00:08:57,400 --> 00:08:58,520 กินแล้วมันปวดฟัน 197 00:08:58,520 --> 00:09:01,100 อ่ะ อันนี้อาจจะเป็นว่า เสียวฟันหรือเปล่านะคะ? 198 00:09:01,100 --> 00:09:04,240 หรือว่าบอกว่า เฮ้ยแก อย่าไปกินน้ำแข็งนะ มันใส่ยาอะไรก็ไม่รู้ 199 00:09:04,240 --> 00:09:07,700 ทำให้น้ำเนี่ยขึ้นมาเป็นตัว มันจะต้องเป็นเวทมนตร์แน่ๆ เลย 200 00:09:07,700 --> 00:09:10,340 หรืออันนี้นะคะ ที่บอกว่า แก น้ำแข็งมันเป็นของแสลง 201 00:09:10,340 --> 00:09:13,060 ถึงมันจะเย็นนะ แต่กินลงไปแล้วมันจะร้อนใน 202 00:09:13,060 --> 00:09:16,100 อันนี้ส่วนตัววิวเนี่ยเคยได้ยินเหมือนกันนะ สมัยเด็กๆ ค่ะ 203 00:09:16,100 --> 00:09:19,120 อย่างนี้แปลว่า คนก็จะไม่กินน้ำแข็งกันใช่ไหม? 204 00:09:19,120 --> 00:09:20,460 เพราะว่าไม่คุ้นเคย 205 00:09:20,460 --> 00:09:22,400 ใครบอก? ใครบอกว่า ไม่กินนะคะ 206 00:09:22,400 --> 00:09:22,900 กินค่ะ 207 00:09:22,900 --> 00:09:25,440 แต่ว่า คนที่กินเนี่ย จะเป็นชนชั้นสูงนะคะ 208 00:09:25,440 --> 00:09:27,940 ที่มีตังค์ สามารถซื้อน้ำแข็งมาได้ค่ะ 209 00:09:27,940 --> 00:09:30,020 สมัยแรกๆ เลยเนี่ย ชนชั้นสูงนะคะ 210 00:09:30,020 --> 00:09:33,940 ก็มีการเอาน้ำแข็งเนี่ยมาเป็นวัตถุดิบในการทำไอศกรีมนะคะ 211 00:09:33,940 --> 00:09:37,920 นอกจากนี้ แน่นอนว่า คนไทยเราเนี่ยเป็นคนที่จับเล็กผสมน้อยเก่งอยู่แล้ว 212 00:09:37,920 --> 00:09:39,940 ดังนั้นพอน้ำแข็งเข้ามาเนี่ยนะคะ 213 00:09:39,940 --> 00:09:43,000 ก็เลยมีการผลิตขึ้นมาเป็นขนม เป็นอาหารอะไร 214 00:09:43,000 --> 00:09:46,940 เรียกได้ว่า พัฒนาต่อยอดจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้เลยทีเดียวค่ะ 215 00:09:46,940 --> 00:09:50,340 ยกตัวอย่างง่ายๆ อ่ะ อย่างไอ้สาคูแคนตาลูปที่เราคุยกันมาเนี่ย 216 00:09:50,340 --> 00:09:53,880 ก็อาจจะเกิดจากการที่ อ่ะ คนไทยเรามีขนมที่เป็นน้ำกะทิ 217 00:09:53,880 --> 00:09:55,520 เราก็กินกับแตงอยู่แล้วใช่ไหม? 218 00:09:55,520 --> 00:09:57,000 เป็นแตงไทยอะไรอย่างนี้ 219 00:09:57,000 --> 00:09:59,520 พอมันมีแคนตาลูปเข้ามา เค้าก็อาจจะแบบเปลี่ยน 220 00:09:59,520 --> 00:10:01,900 เช่น เฮ้ย แตงไทยไม่ค่อยหอม แคนตาลูปหอมกว่า 221 00:10:01,900 --> 00:10:03,780 เอาแคนตาลูปใส่โบ้มลงไป บึ้ม 222 00:10:03,780 --> 00:10:07,080 อูว ได้สาคูมาจากภาคใต้ เอาสาคูใส่โบ้มลงไป บึ้ม 223 00:10:07,080 --> 00:10:09,340 แล้วก็แบบ หูว มีน้ำแข็งด้วย 224 00:10:09,340 --> 00:10:11,620 อุ๊ย เอาน้ำแข็งมาทำให้กะทิมันเย็นดีกว่า 225 00:10:11,620 --> 00:10:14,140 กินร้อนๆ มันจะแบบ ไม่เข้ากับอากาศบ้านเรา 226 00:10:14,140 --> 00:10:17,980 ก็เลยกลายเป็นสาคูแคนตาลูปแบบทุกวันนี้ ก็เป็นได้เช่นกันค่ะ 227 00:10:17,980 --> 00:10:20,115 นี่แหละนะคะ เค้าเรียกว่า การต่อยอดค่ะ 228 00:10:20,120 --> 00:10:22,240 คือคนที่ทำอาหารเนี่ย เค้าไม่ได้มาคิดหรอกว่า 229 00:10:22,240 --> 00:10:26,620 ฉันกำลังทำขนมไทยอยู่ ขนมนี้จะต้องเป็นวัตถุดิบจากไทยเท่านั้น 230 00:10:26,620 --> 00:10:28,120 ไม่ค่ะ คนสมัยนั้นเค้าคิดอะไร? 231 00:10:28,120 --> 00:10:30,400 เค้าคิดแค่ว่า อันนี้อร่อยๆๆ 232 00:10:30,400 --> 00:10:33,200 เอ้า เอามารวมกัน บึ้ม ออกมาเป็นอาหารชนิดใหม่ค่ะ 233 00:10:33,200 --> 00:10:36,240 หรืออีกอย่างที่น่าสนใจกว่านั้นนะ คือที่มาของปังนมเย็นค่ะ 234 00:10:36,240 --> 00:10:40,320 ต้องบอกว่า ปังนมเย็นเนี่ยมีวิวัฒนาการของตัวเองที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ 235 00:10:40,320 --> 00:10:41,700 ไหน น่าสนใจยังไง? 236 00:10:41,700 --> 00:10:43,840 โม้มาขนาดนี้ ไหนเล่าให้คนดูฟังซิ 237 00:10:43,840 --> 00:10:46,640 คือสมัยก่อนเนี่ย ปังนมเย็นไม่ได้ชื่อว่า ปังนมเย็นค่ะ 238 00:10:46,640 --> 00:10:48,460 แต่สันนิษฐานนะ อันนี้วิวสันนิษฐานว่า 239 00:10:48,460 --> 00:10:52,020 ปังนมเย็นเนี่ย น่าจะวิวัฒนาการมาจากน้ำแข็งไสค่ะ 240 00:10:52,020 --> 00:10:55,460 และมันไม่ใช่ว่าแบบ น้ำแข็งไสแล้ว บึ้ม ข้ามมาเป็นปังนมเย็นเลยนะคะ 241 00:10:55,460 --> 00:10:58,160 แต่ว่า มันมีขนมอีกชนิดนึงคั่นกลางค่ะ 242 00:10:58,160 --> 00:11:00,400 ขนมชนิดนั้นเรียกว่า จ้ำบ๊ะ 243 00:11:00,400 --> 00:11:02,820 เอ้า ใครเคยได้ยินชื่อขนมจ้ำบ๊ะบ้างคะ? 244 00:11:02,820 --> 00:11:05,600 สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ยินชื่อขนมจ้ำบ๊ะนะคะ 245 00:11:05,600 --> 00:11:08,280 เรามาฟังประวัติสั้นๆ ของขนมชนิดนี้ดีกว่า 246 00:11:08,280 --> 00:11:11,580 เริ่มต้นเนี่ย จ้ำบ๊ะ แปลง่ายๆ ก็แปลว่า น้ำแข็งไสนี่แหละค่ะ 247 00:11:11,580 --> 00:11:13,880 ก็คือการที่เอาน้ำแข็งเนี่ย มาไสนะคะ 248 00:11:13,880 --> 00:11:15,340 กิริยาการไสคืออย่างนี้นะ 249 00:11:15,340 --> 00:11:17,740 ดังนั้นไม่ใช่ใสที่แปลว่าแบบ ใสสะอาด นะคะ 250 00:11:17,740 --> 00:11:19,320 น้ำแข็งไส สะกดแบบนี้นะ 251 00:11:19,320 --> 00:11:20,900 ก็คือการเอาน้ำแข็งเนี่ย มาไสนะคะ 252 00:11:20,900 --> 00:11:22,680 แล้วก็เทลงมาเป็นถ้วยใช่ไหม? 253 00:11:22,680 --> 00:11:25,300 เสร็จแล้วก็ราดน้ำหวานนะคะ ราดๆๆ 254 00:11:25,300 --> 00:11:28,060 แล้วก็มีการเอาเครื่องต่างๆ มาใส่ค่ะ 255 00:11:28,060 --> 00:11:30,160 ซึ่งจากการที่วิวไปอ่านงานวิจัยมาเนี่ยนะ 256 00:11:30,160 --> 00:11:34,000 เค้าสันนิษฐานกันว่า ไอ้ขนมประเภทนี้ มันเริ่มที่จังหวัดเพชรบุรีค่ะ 257 00:11:34,000 --> 00:11:36,940 โดยเริ่มจากการที่เค้าเนี่ย เอาข้าวเช้าที่กินเหลือนะคะ 258 00:11:36,940 --> 00:11:37,940 ก็คือ ปาท่องโก๋ 259 00:11:37,940 --> 00:11:41,460 ซึ่งจริงๆ ใครเคยดูคลิปวิวน่าจะรู้ว่า มันเรียกว่า อิ่วจาก้วย นะคะ 260 00:11:41,460 --> 00:11:44,435 คือเอาปาท่องโก๋เนี่ยที่กินเหลือตอนเช้า ไปทอดเพิ่มอีกรอบ 261 00:11:44,440 --> 00:11:46,300 แล้วก็เอามาใส่กับน้ำแข็งไส 262 00:11:46,300 --> 00:11:48,920 เสร็จแล้วก็เอาเครื่องใส่ เอาน้ำหวานราดนะคะ 263 00:11:48,920 --> 00:11:53,200 ก็เลยกลายมาเป็นขนมไอ้น้ำแข็งไส ต้นตำหรับแบบเพชรบุรีเนี่ยแหละค่ะ 264 00:11:53,200 --> 00:11:55,660 โดยเครื่องที่เค้าใส่นะ ก็ใส่ได้หลากหลายเลย 265 00:11:55,660 --> 00:11:59,860 จะเป็นมันเชื่อม พุทราเชื่อม เฉาก๊วย ทับทิมกรอบ ลูกชิด 266 00:11:59,860 --> 00:12:01,200 อะไร ใส่ได้หมดเลยค่ะ 267 00:12:01,200 --> 00:12:03,860 ซึ่งในยุคแรกเนี่ยนะคะ เค้าก็ยังไม่เรียกจ้ำบ๊ะหรอกค่ะ 268 00:12:03,860 --> 00:12:05,360 เค้าเรียกน้ำแข็งไสนี่แหละ 269 00:12:05,360 --> 00:12:08,660 จนกระทั่งช่วงที่เค้าเนี่ยเริ่มราดนมข้นหวานลงไปเนี่ยนะคะ 270 00:12:08,660 --> 00:12:11,400 เค้าถึงเริ่มเรียกขนมชนิดนี้ว่า จ้ำบ๊ะ ค่ะ 271 00:12:11,400 --> 00:12:13,680 พอราดนมข้นหวานลงไป เริ่มรู้สึกแล้วใช่ไหมว่า 272 00:12:13,680 --> 00:12:16,260 เนี่ย เหมือนปังนมเย็นที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้นะคะ 273 00:12:16,260 --> 00:12:20,840 ดังนั้นก็เลยสันนิษฐานได้ว่า ปังนมเย็นเนี่ย น่าจะวิวัฒนาการมาจากจ้ำบ๊ะ 274 00:12:20,840 --> 00:12:24,600 ซึ่งจ้ำบ๊ะเนี่ย ก็น่าจะวิวัฒนาการมาจากน้ำแข็งไสนั่นเองค่ะ 275 00:12:24,600 --> 00:12:27,520 เดี๋ยวๆๆ จ้ำบ๊ะเนี่ย เคยได้ยินนะคำนี้ 276 00:12:27,520 --> 00:12:28,860 มันไม่ใช่ของหวานไม่ใช่เหรอ? 277 00:12:28,860 --> 00:12:30,560 มันคือชื่ออย่างอื่นไม่ใช่เหรอ? 278 00:12:30,560 --> 00:12:31,480 อ่ะ ใช่ๆๆ 279 00:12:31,480 --> 00:12:34,360 สำหรับใครที่เคยได้ยินชื่อ จ้ำบ๊ะ มาจากที่อื่นนะคะ 280 00:12:34,360 --> 00:12:38,140 อันนี้แถมให้นิดนึงนะ จ้ำบ๊ะคือเป็น ระบำแบบนึงของไทย 281 00:12:38,140 --> 00:12:41,500 พูดง่ายๆ ก็ระบำโป๊อ่ะค่ะ แบบโชว์เมียงูอะไรอย่างนี้อ่ะนะ 282 00:12:41,500 --> 00:12:42,920 เพราะว่าคำว่า จ้ำ เนี่ยนะคะ 283 00:12:42,920 --> 00:12:45,500 เค้าสันนิษฐานว่า มาจากคำว่า จัม ภาษาจีนแต้จิ๋วค่ะ 284 00:12:45,500 --> 00:12:48,500 คือแบบว่า ใส่แรงอ่ะ ไม่ยั้งอ่ะ ปึ้กๆๆๆ อะไรอย่างนี้ 285 00:12:48,500 --> 00:12:50,700 แทงไม่ยั้งอ่ะ หรือว่า ไม่ยั้งอ่ะ ประมาณนี้ 286 00:12:50,700 --> 00:12:52,800 อธิบายไม่ถูกเหมือนกันเป็นภาษาไทยอ่ะนะ 287 00:12:52,800 --> 00:12:54,740 ส่วนคำว่า บ๊ะ เนี่ยแปลว่า เนื้อ ค่ะ 288 00:12:54,740 --> 00:12:57,020 เหมือนแบบหมูบ๊ะช่ออ่ะ ประมาณนั้นเลยนะ 289 00:12:57,020 --> 00:12:59,300 ทีนี้ พอมันเอามาผสมกัน กลายเป็นจ้ำบ๊ะ 290 00:12:59,300 --> 00:13:01,460 ก็เลยเหมือนแบบ ส่ายเนื้อแบบไม่ยั้งนะคะ 291 00:13:01,460 --> 00:13:04,860 ก็เลยเป็นการเต้นแบบโชว์เนื้อหนังมังสา อะไรประมาณนี้ค่ะ 292 00:13:04,860 --> 00:13:08,080 ซึ่งถามว่า จ้ำบ๊ะขนมกับไอ้จ้ำบ๊ะโชว์เนี่ย เป็นอย่างเดียวกันหรือเปล่า? 293 00:13:08,080 --> 00:13:10,520 ก็ต้องบอกว่า มันเป็นที่มาของชื่อค่ะ 294 00:13:10,520 --> 00:13:14,080 คือ เค้าบอกว่า ลักษณะการที่เอาน้ำแข็งเนี่ยมาไสๆๆ 295 00:13:14,080 --> 00:13:15,500 แล้วก็เทใส่ถ้วยเนี่ยนะ 296 00:13:15,500 --> 00:13:17,420 ทรงมันเหมือนกับหน้าอกผู้หญิงค่ะ 297 00:13:17,420 --> 00:13:20,400 ส่วนการที่ราดน้ำเชื่อมนะ แล้วก็ใส่ของตกแต่งลงไปเนี่ย 298 00:13:20,400 --> 00:13:24,280 มันเหมือนกับชุดของนักเต้นจ้ำบ๊ะนะคะ ที่สีสันสดใสค่ะ 299 00:13:24,280 --> 00:13:28,520 และสุดท้ายนะคะ กิริยาของการราดนมข้นส่ายๆ ลงไปเนี่ย 300 00:13:28,520 --> 00:13:31,000 มันก็กิริยาการส่ายนมนั่นเองนะ 301 00:13:31,000 --> 00:13:35,040 ดังนั้นมันก็เลยมีคนปิ๊งว่า อุ๊ย ฉันเรียกขนมชนิดนี้ว่า จ้ำบ๊ะ ดีกว่านะคะ 302 00:13:35,040 --> 00:13:38,340 สุดท้ายชื่อ จ้ำบ๊ะ เนี่ย มันก็เลยแพร่กระจายไปทั่วประเทศค่ะ 303 00:13:38,340 --> 00:13:41,040 ใช้เรียกแทนชื่อของน้ำแข็งไสนั่นเองน่ะนะ 304 00:13:41,040 --> 00:13:43,020 ก่อนที่ชื่อนี้จะหายไป 305 00:13:43,020 --> 00:13:47,140 แล้วก็วิวัฒนาการอิท่าไหนไม่รู้กลายมาเป็นปังนมเย็นแบบทุกวันนี้นี่แหละค่ะ 306 00:13:47,140 --> 00:13:48,340 สรุปง่ายๆ นะคะ 307 00:13:48,340 --> 00:13:52,540 เห็นไหมว่า ของกินเนี่ย มันเป็นวัฒนธรรมที่แบบพัฒนาได้ตลอดเวลาค่ะ 308 00:13:52,540 --> 00:13:55,360 ขนาดน้ำแข็งที่แต่ก่อนไทยเราเนี่ย ไม่มีเลยนะคะ 309 00:13:55,360 --> 00:13:58,460 ยังกลายมาเป็นหนึ่งในวัตถุดิบของขนมไทยได้เลยค่ะ 310 00:13:58,460 --> 00:14:00,900 แถมมันก็พัฒนามาเรื่อยๆ ไม่หยุดเลยนะคะ 311 00:14:00,900 --> 00:14:04,500 ตั้งแต่สมัยที่คนเนี่ยขอแบ่งน้ำแข็งไปอมเล่นเฉยๆ 312 00:14:04,500 --> 00:14:07,560 พัฒนาเอามาทำเป็นไอศกรีมเลียนแบบต่างชาติ 313 00:14:07,560 --> 00:14:10,180 เอามาทำน้ำแข็งไส เอามาทำจ้ำบ๊ะ 314 00:14:10,180 --> 00:14:11,660 พัฒนาเป็นปังนมเย็น 315 00:14:11,660 --> 00:14:13,640 เอามาทำให้กะทิเป็นเกล็ดน้ำแข็ง 316 00:14:13,640 --> 00:14:15,620 กลายมาเป็นสาคูแคนตาลูปเย็น 317 00:14:15,620 --> 00:14:18,360 ดังนั้นจากคำถามตอนต้นนู่นนะคะว่า 318 00:14:18,360 --> 00:14:21,960 ไอ้พวกขนมที่มันใส่น้ำแข็งเนี่ย มันนับเป็นขนมไทยไหม? 319 00:14:21,960 --> 00:14:24,100 หรือว่าสาคูแคนตาลูปเป็นขนมไทยไหม? 320 00:14:24,100 --> 00:14:25,900 ปังนมเย็นเป็นขนมไทยไหมนะคะ? 321 00:14:25,900 --> 00:14:27,840 ถ้าถามวิวเนี่ยนะคะ ก็ตอบเลยว่า เป็นค่ะ 322 00:14:27,840 --> 00:14:31,260 เพราะว่าคนไทยเราเนี่ย ก็คุ้นกับการเอาอะไรรอบๆ ตัวเนี่ยนะคะ 323 00:14:31,260 --> 00:14:34,600 มาประยุกต์ให้เข้ากับสิ่งที่ตัวเองต้องการเสมอค่ะ 324 00:14:34,600 --> 00:14:35,900 อย่างขนม อย่างอาหารเนี่ย 325 00:14:35,900 --> 00:14:38,840 เจออะไรก็เอามาประยุกต์ให้เข้ากับลิ้นของตัวเองนั่นแหละค่ะ 326 00:14:38,840 --> 00:14:41,760 ซึ่งเอาจริงๆ นะคะ เหมือนกับทุกคลิปวิดีโอที่วิวทำมาเนี่ยแหละ 327 00:14:41,760 --> 00:14:43,740 ส่วนตัวไม่อยากให้ไปโฟกัสนะคะว่า 328 00:14:43,740 --> 00:14:47,360 อะไรเป็นของไทย หรือไม่เป็นของไทย หรือว่าเป็นของชาติไหนกันแน่? 329 00:14:47,360 --> 00:14:50,780 เวลาเราศึกษาเรื่องพวกนี้ จริงๆ เราควรจะศึกษามากกว่าค่ะว่า 330 00:14:50,780 --> 00:14:53,980 เส้นทางการเดินทางของมันเนี่ย เดินทางมายังไงนะคะ? 331 00:14:53,980 --> 00:14:56,120 จนกลายมาเป็นสิ่งที่เราเห็นทุกวันนี้ 332 00:14:56,120 --> 00:14:59,300 มันวิวัฒนาการมาจากอะไร? มันพัฒนามาจากอะไรค่ะ? 333 00:14:59,300 --> 00:15:03,000 น่าจะเป็นการศึกษาที่น่าจะสนุกมากกว่า การพยายามจะตอบนะคะว่า 334 00:15:03,000 --> 00:15:05,460 สิ่งนี้เป็นของชาตินั้น สิ่งนั้นเป็นของชาตินี้ 335 00:15:05,460 --> 00:15:09,620 ชาตินี้จะต้องอนุรักษ์ไว้ ชาตินี้จะต้องหวงแหนไว้ ไม่ให้ชาตินี้มายุ่ง 336 00:15:09,620 --> 00:15:12,360 คือถามว่า อะไรเก่าๆ เนี่ยอนุรักษ์ไว้ดีไหมนะคะ? 337 00:15:12,360 --> 00:15:14,640 คือก็ดีค่ะ อนุรักษ์ไว้เป็นภูมิปัญญา 338 00:15:14,640 --> 00:15:17,500 อนุรักษ์ไว้ให้รู้ว่า เออ ของเก่าๆ มันเป็นอย่างนี้ 339 00:15:17,500 --> 00:15:19,780 แต่ถามว่า อนุรักษ์แล้วฟรีซค้างไว้อยู่ตรงนั้นเลย 340 00:15:19,780 --> 00:15:20,680 ไม่ขยับดีไหม? 341 00:15:20,680 --> 00:15:23,580 ส่วนตัวสำหรับวิวเนี่ยรู้สึกว่า มันไม่น่าจะเวิร์กค่ะ 342 00:15:23,580 --> 00:15:26,420 เพราะว่า ถ้าเราไม่ได้มีการวิวัฒนาการเนี่ยนะคะ 343 00:15:26,420 --> 00:15:29,140 ขนมไทยของเราก็คงไม่อร่อยเท่าทุกวันนี้แหละค่ะ 344 00:15:29,140 --> 00:15:31,620 อาจจะแบบยังอมอ้อยควั่นกันอยู่ตั้งแต่สมัยนั้น 345 00:15:31,620 --> 00:15:33,480 ตัดอ้อยมาแล้วก็กินได้เลยนะคะ 346 00:15:33,480 --> 00:15:35,600 คงไม่มีตั้งแต่ทองหยิบ ทองหยอด 347 00:15:35,600 --> 00:15:37,840 ไม่มีสาคูแคนตาลูป ไม่มีปังนมเย็น 348 00:15:37,840 --> 00:15:40,640 แล้วก็ไม่มีขนมไทยอร่อยๆ อีกหลายชนิดเลยค่ะ 349 00:15:40,640 --> 00:15:42,700 อูหูว สรุปซะสวยเชียว 350 00:15:42,700 --> 00:15:46,180 เดี๋ยวๆ พูดมาขนาดนี้ จะสรุปแค่นี้จริงๆ เหรอ? 351 00:15:46,180 --> 00:15:47,920 ใครบอกว่า จะมาบอกแค่นี้คะ? 352 00:15:47,920 --> 00:15:49,900 จริงๆ นะคะที่จะมาบอกก็คือ 353 00:15:49,900 --> 00:15:53,020 ตอนนี้มันมีขนมหวานชนิดใหม่พัฒนาขึ้นมาแล้วค่ะ 354 00:15:53,020 --> 00:15:55,480 สำหรับใครที่ไม่อยากไปนั่งปั่นน้ำแข็ง 355 00:15:55,480 --> 00:15:57,740 กว่าจะได้กินปังนมเย็นถ้วยนึง 356 00:15:57,740 --> 00:16:01,040 หรือกว่าจะได้ไปหาสาคูแคนตาลูปเย็นๆ กินแก้วนึงนะคะ 357 00:16:01,040 --> 00:16:06,140 คือ ตอนนี้นะคะ วอลล์ค่ะ เค้าพัฒนาไอศกรีมนะคะ จากถ้วยมาสู่แท่งค่ะ 358 00:16:06,140 --> 00:16:08,060 มีสองรสชาติใหม่เลย นั่นก็คือ 359 00:16:08,060 --> 00:16:10,100 เอเชียนดีไลท์ สาคูแคนตาลูปนะคะ 360 00:16:10,100 --> 00:16:13,040 แล้วก็เอเชียนดีไลท์ ปังนมเย็นค่ะ 361 00:16:13,040 --> 00:16:14,760 ใช่ค่ะ เราจะขายกันตรงๆ แบบนี้แหละ 362 00:16:14,760 --> 00:16:17,020 ทำไม เจอของอร่อยขายไม่ได้เหรอ? 363 00:16:17,020 --> 00:16:20,000 อ่ะ มีอะไรบอกมาให้หมด บอกมา คายออกมา 364 00:16:20,000 --> 00:16:21,040 รอฟังแล้วเนี่ย 365 00:16:21,040 --> 00:16:24,320 บอกเลยนะคะว่า ถึงรูปร่างเนี่ย มันจะเปลี่ยนไปมาเป็นแท่งแบบนี้ 366 00:16:24,320 --> 00:16:25,180 จากถ้วยนะคะ 367 00:16:25,180 --> 00:16:27,140 แต่รสชาติข้างในยังเหมือนเดิมค่ะ 368 00:16:27,140 --> 00:16:29,660 มาแกะให้ดูกันทีละรสเลยดีกว่านะ 369 00:16:29,660 --> 00:16:32,360 เริ่มจากนี่ก่อนเลยนะคะ ปังนมเย็น ของโปรดของวิว 370 00:16:32,360 --> 00:16:33,160 แกะแล้วนะ 371 00:16:34,260 --> 00:16:37,980 จะบอกว่า แกะออกมานะ หอมนมเย็นขึ้นมาก่อนเลยทุกคน 372 00:16:37,980 --> 00:16:39,220 หอมมากอ่ะ 373 00:16:39,220 --> 00:16:41,380 คือที่บอกว่าเป็นไอศกรีมปังนมเย็นนะคะ 374 00:16:41,380 --> 00:16:43,100 มันเป็นปังนมเย็นจริงๆ ค่ะทุกคน 375 00:16:43,100 --> 00:16:45,720 คืออย่างแรกเลยนะ หยิบขึ้นมาอย่างที่บอกเมื่อกี้เลย 376 00:16:45,720 --> 00:16:49,860 แกะซองปุ๊บ กลิ่นนมเย็นหอมเข้มข้นเตะจมูกขึ้นมาก่อนเลยค่ะ 377 00:16:49,860 --> 00:16:50,900 คือแบบหอมมาก 378 00:16:50,900 --> 00:16:53,920 สำหรับคนที่เป็นแฟนคลับนมเย็นนี่ชอบแน่นอนนะคะ 379 00:16:53,920 --> 00:16:55,280 แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้วค่ะ 380 00:16:55,280 --> 00:16:58,700 และที่สำคัญ บอกว่าเป็นปังนมเย็น ต้องไม่ใช่มีแต่นมเย็นใช่ไหม? 381 00:16:58,700 --> 00:17:01,800 เพราะว่าเค้านะคะ จะมีขนมปังเนี่ยอยู่ข้างในจริงๆ เลยค่ะ 382 00:17:01,800 --> 00:17:05,900 และบอกเลยนะคะว่า จากที่ลองกินไปแล้วเนี่ย เครื่องเค้าแน่นมากจริงๆ ค่ะ 383 00:17:05,900 --> 00:17:07,920 กัดเข้าไปเนี่ย เจอเครื่องทุกคำเลยนะคะ 384 00:17:07,920 --> 00:17:08,980 ไม่เชื่อดูนี่ 385 00:17:10,840 --> 00:17:13,600 อือหือ ซูมอินกันเข้าไปดูเลยค่ะว่า 386 00:17:13,600 --> 00:17:16,160 มันมีเนื้อขนมปังอยู่ข้างในจริงๆ นะทุกคน 387 00:17:16,160 --> 00:17:18,680 ส่วนใครที่ชอบรสกะทิเนี่ยนะ 388 00:17:18,680 --> 00:17:21,280 ก็รสนี้เลยค่ะ สาคูแคนตาลูปนะคะ 389 00:17:21,280 --> 00:17:23,040 เดี๋ยวแกะให้ดูด้านในดีกว่า 390 00:17:23,580 --> 00:17:27,080 นี่ ผ่าม อูหูว สีสวยงามนะคะ 391 00:17:27,080 --> 00:17:28,740 เห็นส้มๆ นี่ไม่ใช่ชาไทยนะคะ 392 00:17:28,740 --> 00:17:31,920 สีแคนตาลูปค่ะทุกคน แล้วแบบหอมกลิ่นแคนตาลูปมากๆ อ่ะ 393 00:17:31,920 --> 00:17:34,520 หอมจริงนะคะ ไปลองซื้อมาดมกันได้ 394 00:17:34,520 --> 00:17:36,780 หมายถึงดมแล้วกินด้วยนะ ไม่ใช่ดมเฉยๆ 395 00:17:36,780 --> 00:17:38,240 นี่ ใครชอบแคนตาลูปนะคะ 396 00:17:38,240 --> 00:17:40,560 อันนี้ก็คือแบบที่บอกเลยว่า หอมแคนตาลูป 397 00:17:40,560 --> 00:17:41,420 แล้วก็.. 398 00:17:42,500 --> 00:17:44,520 แล้วก็รสชาติแคนตาลูป หอมมาก อร่อยมาก 399 00:17:44,520 --> 00:17:47,760 ที่สำคัญนะคะ เนื้อสาคูเนี่ย เหนียวนุ่ม เต็มคำนะคะ 400 00:17:47,780 --> 00:17:50,700 คือกัดไปทุกคำเนี่ย มีสาคูแทรกอยู่จุ๊ดๆๆๆ 401 00:17:50,700 --> 00:17:52,740 เป็น texture ที่แบบกลมกล่อม 402 00:17:52,740 --> 00:17:55,980 นอกจากนี้นะคะ ไปอ่านมาแล้ว เค้าบอกว่า ทำจากกะทิแท้ด้วย 403 00:17:55,980 --> 00:17:57,820 อือหืม perfect สุดๆ เลยค่ะ 404 00:17:57,820 --> 00:18:01,740 เอาเป็นว่า ใครชอบรสไหนนะคะ ก็ไปหาซื้อกินกันได้ ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป 405 00:18:01,740 --> 00:18:05,580 หรือว่าตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป ก็มีขายเช่นกันนะคะ 406 00:18:05,580 --> 00:18:07,640 ส่วนใครไม่สะดวก ไม่อยากออกไปไหน 407 00:18:07,640 --> 00:18:10,020 ก็สามารถสั่งออนไลน์มาได้เช่นกัน 408 00:18:10,020 --> 00:18:11,560 สะดวกสบายสุดๆ เลยนะคะ 409 00:18:11,560 --> 00:18:13,060 ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ 410 00:18:13,060 --> 00:18:15,600 เอาเป็นว่า วันนี้วิวขอตัวไปจัดการกับไอศกรีมก่อน 411 00:18:15,600 --> 00:18:18,540 แต่ว่า ใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว 412 00:18:18,540 --> 00:18:20,720 แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ 413 00:18:20,720 --> 00:18:22,320 แล้วพบกันใหม่โอกาสนะคะทุกคน 414 00:18:22,320 --> 00:18:24,960 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ 415 00:18:25,440 --> 00:18:26,420 กินได้ทั้งแท่งอ่ะ 416 00:18:26,800 --> 00:18:28,840 คือนี่ยังกินไม่หยุดเลยอ่ะ มาแบบหลายวันแล้วอ่ะ 417 00:18:28,840 --> 00:18:31,040 คือแบบ คือกินแบบ อือหือ กินทุกวัน 418 00:18:31,040 --> 00:18:32,180 ทุกคน มันอร่อยนะคะ 419 00:18:32,180 --> 00:18:34,020 คือแบบนมเย็น ชอบอยู่แล้วไง 420 00:18:34,020 --> 00:18:35,280 แล้วแบบอันนี้มันเป็นขนมปัง 421 00:18:35,280 --> 00:18:36,260 ทางนั้นเป็นไงบ้างอ่ะ? 422 00:18:36,260 --> 00:18:38,920 อือหือ สาคูแคนตาลูปก็อร่อยนะบอกเลย 423 00:18:38,920 --> 00:18:41,240 ไม่ใช่มีแค่ปังนมเย็นที่อร่อย อืม 424 00:18:41,240 --> 00:18:42,740 -อร่อยเนอะ -อือ 425 00:18:42,740 --> 00:18:44,640 เอาเป็นว่า พอเหอะ ปิดคลิปไหม? 426 00:18:44,640 --> 00:18:46,420 งั้นขอปิดคลิปแทนวิวเลยนะคะ 427 00:18:46,420 --> 00:18:48,460 วันนี้ก็ลาไปก่อนละกันค่ะทุกคน 428 00:18:48,460 --> 00:18:50,640 บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ