1 00:00:01,784 --> 00:00:05,872 ครับ สมมติว่าคุณได้รับข้อความหนึ่ง จากเพื่อน เขาพิมพ์มาว่า... 2 00:00:06,872 --> 00:00:10,808 "รู้ไหมว่าฉันไปเจออะไรมา โมโหมากเลยตอนนี้" 3 00:00:11,260 --> 00:00:14,720 ในฐานะเพื่อน คุณก็ถามไปว่า เรื่องมันเป็นยังไง 4 00:00:14,744 --> 00:00:17,283 เขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณฟัง 5 00:00:17,307 --> 00:00:19,747 อาจจะเป็นที่ยิม ที่ทำงาน หรือไปเดทมาเมื่อคืน 6 00:00:19,771 --> 00:00:23,096 แล้วคุณก็ฟัง พยายามทำความเข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงโมโห 7 00:00:23,548 --> 00:00:26,851 บางทีคุณอาจจะแอบตัดสินเพื่อนอยู่ในใจเบาๆ ว่าที่เพื่อนโกรธน่ะ มันควรไหม 8 00:00:26,875 --> 00:00:28,985 (เสียงหัวเราะ) 9 00:00:29,009 --> 00:00:31,085 แล้วคุณก็อาจจะแนะนำอะไรบางอย่างให้กับเขาไป 10 00:00:31,109 --> 00:00:34,649 ตอนนั้นเองครับที่คุณกำลังทำ ในสิ่งที่ผมได้ทำอยู่ทุกวัน 11 00:00:34,673 --> 00:00:36,553 เพราะว่าผมเป็นผู้ศึกษาความโกรธ 12 00:00:36,577 --> 00:00:40,907 และในฐานะผู้ที่ศึกษาเรื่องนี้ ผมทุ่มเทเวลาศึกษาค้นคว้าอย่างมืออาชีพ... 13 00:00:40,931 --> 00:00:43,709 จริงๆก็มาจากเรื่องของตัวเองด้วยนี่แหละ 14 00:00:43,733 --> 00:00:45,542 ทำความเข้าใจว่าทำไมคนเราถึงหัวร้อน 15 00:00:46,042 --> 00:00:48,788 ผมได้ไปทำความเข้าใจ ความคิดที่เกิดขึ้น เวลาที่พวกเขาโมโห 16 00:00:48,812 --> 00:00:50,937 สิ่งที่พวกเขามักทำเวลาโมโห 17 00:00:50,937 --> 00:00:53,389 ไม่ว่าจะเข้าไปสู้เลย หรือทำลายข้าวของ 18 00:00:53,389 --> 00:00:55,920 หรือเกรี้ยวกราดใส่คนอื่นบนอินเตอร์เน็ต 19 00:00:55,920 --> 00:00:57,164 (เสียงหัวเราะ) 20 00:00:57,188 --> 00:00:58,554 คุณคงพอจะนึกออกว่า 21 00:00:58,578 --> 00:01:00,385 พอคนเขารู้ว่าผมศึกษาเรื่องนี้ 22 00:01:00,385 --> 00:01:02,229 เขาก็อยากจะเล่าความเดือดดาลในใจให้ผมฟัง 23 00:01:02,229 --> 00:01:04,042 เล่าเรื่องที่ทำให้พวกเขาหัวร้อน 24 00:01:04,042 --> 00:01:06,323 ไม่ใช่เพราะต้องการคนมาเยียวยารักษา 25 00:01:06,323 --> 00:01:07,948 แม้จะมีคนที่ต้องการบ้าง 26 00:01:07,948 --> 00:01:10,118 แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน 27 00:01:10,118 --> 00:01:12,921 บางอย่างเราก็เคยรู้สึกเหมือนกัน บางอย่างเราพอจะเข้าใจได้ 28 00:01:12,921 --> 00:01:15,702 เราต่างก็เคยโมโหกันมาทั้งนั้น ตั้งแต่เกิดมาได้ไม่กี่เดือน 29 00:01:15,702 --> 00:01:19,514 ตอนที่เราไม่ได้อะไรดั่งใจ เราก็ร้องกระจองอแง 30 00:01:19,538 --> 00:01:22,903 อย่างเช่น "พ่อ หมายความว่ายังไง ไม่สนใจเสียงร้องของหนู" 31 00:01:22,927 --> 00:01:24,085 "หนูจะเอาอันนั้น" 32 00:01:24,109 --> 00:01:25,549 (เสียงหัวเราะ) 33 00:01:26,141 --> 00:01:30,522 เราต่างก็เคยฉุนเฉียวเมื่อสมัยวัยรุ่น อันนี้แม่ผมช่วยยืนยันได้ 34 00:01:30,546 --> 00:01:31,696 ขอโทษแม่ด้วยครับ 35 00:01:32,188 --> 00:01:33,993 เราเจอกับอารมณ์นี้อยู่ตลอด 36 00:01:34,017 --> 00:01:37,942 จริงๆแล้ว ความเกรี้ยวกราดอยู่กับเรามาเสมอ ในจังหวะที่เรากำลังแย่สุดๆในชีวิต 37 00:01:38,321 --> 00:01:41,171 มันเป็นอารมณ์ที่เราจะต้องเจอ เป็นธรรมชาติ เมื่อเกิดความทุกข์ 38 00:01:41,195 --> 00:01:44,282 แต่มันก็ยังอยู่กับเรา แม้ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิต 39 00:01:44,282 --> 00:01:47,448 ในโอกาสพิเศษๆ เช่น งานแต่งงาน หรือไปเที่ยวพักผ่อน 40 00:01:47,472 --> 00:01:50,268 ก็มักจะมีจังหวะอารมณ์เสียได้เหมือนกัน 41 00:01:50,292 --> 00:01:51,812 อากาศไม่เป็นใจ การเดินทางล่าช้า 42 00:01:51,836 --> 00:01:53,840 นั่นก็ทำให้วันดีๆเสียไปได้ 43 00:01:53,864 --> 00:01:57,140 แต่ถ้าทุกอย่างกลับมาราบรื่น เราก็จะลืมอารมณ์ขุ่นมัวนั้นไป 44 00:01:57,990 --> 00:02:00,710 หลายครั้งที่ผมได้คุยกับหลายๆคน เรื่องความโกรธของพวกเขา 45 00:02:00,710 --> 00:02:02,881 ในประโยคสนทนาต่างๆนั้นเอง ทำให้ผมได้รู้ 46 00:02:02,881 --> 00:02:05,107 ผมว่าทุกคนในห้องตอนนี้ก็เป็นเหมือนกัน 47 00:02:05,107 --> 00:02:06,740 คือมองอารมณ์ร้อนเป็นปัญหา 48 00:02:07,264 --> 00:02:09,552 คุณมองว่ามันกระทบต่อชีวิตของคุณยังไง 49 00:02:09,552 --> 00:02:12,926 มันทำลายความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้าง บางครั้งมองว่ามันน่ากลัว 50 00:02:12,950 --> 00:02:16,156 ในขณะที่ผมได้รับรู้มุมมองเหล่านี้ ผมเห็นมันต่างออกไป 51 00:02:16,180 --> 00:02:18,301 วันนี้ ผมจึงอยากบอกคุณ บางอย่างที่สำคัญมาก 52 00:02:18,301 --> 00:02:20,137 เกี่ยวกับความโกรธ คือสิ่งนี้ครับ 53 00:02:20,137 --> 00:02:23,799 ความโกรธเป็นพลัง และให้ประโยชน์แก่ชีวิตของคุณ 54 00:02:23,823 --> 00:02:25,522 มันเป็นเรื่องดีที่คุณรู้สึกโกรธ 55 00:02:25,546 --> 00:02:26,879 คุณจำเป็นต้องรู้สึกโกรธ 56 00:02:27,792 --> 00:02:30,371 แต่ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เราต้องย้อนไปคุยกันก่อนว่า 57 00:02:30,395 --> 00:02:32,707 อะไรที่เป็นสาเหตุให้เรารู้สึกโกรธ 58 00:02:32,731 --> 00:02:35,457 มีการศึกษาอยู่ในงานของผู้วิจัยความโกรธ 59 00:02:35,457 --> 00:02:39,351 ชื่อ ดร.เจอร์รี่ เดฟเฟนแบคเฮอร์ เขียนเรื่องนี้ไว้เมื่อปีค.ศ.1996 60 00:02:39,351 --> 00:02:42,260 ในหัวข้อที่ว่า เราจะจัดการความโกรธ ที่ดูเป็นปัญหานี้ยังไง 61 00:02:42,284 --> 00:02:44,507 เอาล่ะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนส่วนใหญ่ 62 00:02:44,531 --> 00:02:46,473 มักจะรู้สึกแบบนี้เหมือนๆกัน 63 00:02:46,497 --> 00:02:48,155 ฉันจะฉุนเฉียวเวลาโดนยั่วโมโห 64 00:02:48,506 --> 00:02:50,244 คุณคงพอจะจับน้ำเสียงของเขาได้ 65 00:02:50,244 --> 00:02:51,482 เขาจะพูดประมาณว่า 66 00:02:51,482 --> 00:02:53,998 "ขัดใจฉันจริงๆเวลาเจอคนขับรถช้าแบบนี้" 67 00:02:54,022 --> 00:02:58,021 หรือว่า "ฉันหงุดหงิด เพราะ เธอวางนมทิ้งไว้นอกตู้เย็นอีกแล้ว" 68 00:02:58,021 --> 00:02:59,132 หรืออันที่ผมชอบคือ 69 00:02:59,132 --> 00:03:02,652 "ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องโมโหนะ ขอแค่ให้คนเลิกมากวนใจฉัน" 70 00:03:02,652 --> 00:03:04,092 (เสียงหัวเราะ) 71 00:03:04,527 --> 00:03:08,476 ทีนี้ครับ เพื่อที่จะทำความเข้าใจ สิ่งที่ทำให้เราขุ่นเคืองใจพวกนี้ 72 00:03:08,476 --> 00:03:12,992 ผมได้สอบถามคนมากมาย ทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน แม้แต่คนในครอบครัว 73 00:03:12,992 --> 00:03:15,113 "เรื่องอะไรที่มักจะทำให้คุณหงุดหงิดเสมอ" 74 00:03:15,113 --> 00:03:16,514 "อะไรที่ทำให้คุณหัวเสีย" 75 00:03:16,538 --> 00:03:19,419 แต่ก่อนอื่นเลยครับ ผมขอบอกข้อดีข้อหนึ่งของ 76 00:03:19,419 --> 00:03:20,722 การเป็นนักวิจัยความโกรธ 77 00:03:20,722 --> 00:03:24,143 นั่นคือผมได้ใช้เวลามากกว่าสิบปี จดบันทึกความเข้าใจ 78 00:03:24,143 --> 00:03:27,483 เรื่องต่างๆที่มักทำให้เพื่อนของผมขุ่นเคือง 79 00:03:27,507 --> 00:03:28,887 เผื่อผมอาจจะต้องหยิบมาดู 80 00:03:28,911 --> 00:03:32,895 (เสียงหัวเราะ) 81 00:03:32,919 --> 00:03:35,078 แต่คำตอบที่ได้รับมาน่าสนใจมากครับ 82 00:03:35,102 --> 00:03:37,537 สาเหตุของความโกรธที่พวกเขามักจะบอกคือ 83 00:03:37,561 --> 00:03:39,537 "เวลาทีมที่เชียร์แพ้" 84 00:03:39,561 --> 00:03:41,958 "คนเคี้ยวอาหารเสียงดังเกินไป" 85 00:03:41,982 --> 00:03:44,410 แปลกแต่เป็นกันเยอะจริงๆนะครับ 86 00:03:44,434 --> 00:03:47,514 "คนที่เดินช้าเกินไป" อันนี้เหตุผลของผมเอง 87 00:03:47,974 --> 00:03:49,949 และแน่นอนครับ "ขับรถเข้าวงเวียน" 88 00:03:49,973 --> 00:03:51,149 ครับ วงเวียน 89 00:03:51,173 --> 00:03:53,164 (เสียงหัวเราะ) 90 00:03:53,188 --> 00:03:56,299 ผมบอกตามตรงเลยว่า ไม่มีเรื่องไหน ชวนหัวร้อนได้เท่าขับรถในวงเวียน 91 00:03:56,323 --> 00:03:58,712 (เสียงหัวเราะ) 92 00:03:59,219 --> 00:04:01,360 บางครั้งคำตอบของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย 93 00:04:01,360 --> 00:04:04,832 บางครั้งพูดถึงการเหยียดเชื้อชาติ เหยียดเพศ การกลั่นแกล้ง 94 00:04:04,856 --> 00:04:09,177 การทำลายสิ่งแวดล้อม ปัญหาระดับโลก เรื่องใหญ่ๆที่เราทุกคนเผชิญอยู่ 95 00:04:09,839 --> 00:04:11,053 แต่ในบางครั้ง 96 00:04:11,077 --> 00:04:14,347 คำตอบของพวกเขาก็เฉพาะเจาะจงลงไป บางทีเป็นเรื่องแล้วแต่คนเลย 97 00:04:14,815 --> 00:04:16,950 "ตอนสีที่ยังไม่แห้งมาโดนเสื้อคุณ" 98 00:04:16,974 --> 00:04:20,322 "ตอนที่คุณเผลอยืนพิงอ่างล้างมือ ในห้องน้ำสาธารณะ" 99 00:04:20,346 --> 00:04:21,870 (เสียงหัวเราะ) 100 00:04:21,894 --> 00:04:23,505 ขยะแขยงสุดๆ ว่าไหมครับ 101 00:04:23,529 --> 00:04:25,037 (เสียงหัวเราะ) 102 00:04:25,061 --> 00:04:28,488 หรือ "แฟลชไดรฟ์ จะเสียบก็มีแค่หัวท้าย" 103 00:04:28,512 --> 00:04:30,802 "ทำไมต้องหมุนไปหมุนมา ตั้งสามรอบกว่าจะเสียบได้" 104 00:04:30,802 --> 00:04:34,799 (เสียงหัวเราะ) 105 00:04:35,233 --> 00:04:38,938 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เรื่องทั่วไปหรือแล้วแต่บุคคล 106 00:04:38,962 --> 00:04:40,593 เราพอจะเห็นภาพจากตัวอย่างเหล่านี้ 107 00:04:40,617 --> 00:04:43,248 และเราพอจะเข้าใจสถานการณ์คล้ายๆกันนี้ได้ 108 00:04:43,272 --> 00:04:46,113 เราเกิดความรู้สึกโกรธ ในสถานการณ์ที่เราไม่พอใจ 109 00:04:46,137 --> 00:04:48,803 สถานการณ์ที่เรารู้สึกไม่ยุติธรรม เป้าหมายของเราถูกขัดขวาง 110 00:04:48,827 --> 00:04:51,941 ตอนที่เราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง รู้สึกตัวเองไม่มีอำนาจ 111 00:04:51,965 --> 00:04:53,765 นี่คือสูตรสำรับของความโกรธเกรี้ยว 112 00:04:54,100 --> 00:04:55,488 แต่คุณก็จะเห็นเหมือนกันว่า 113 00:04:55,512 --> 00:04:59,361 ความโกรธไม่ใช่แค่สิ่งที่เรารู้สึก ในสถานการณ์เหล่านี้เท่านั้น 114 00:04:59,385 --> 00:05:01,014 มันไม่ใช่อารมณ์ที่เกิดขึ้นเดี่ยวๆ 115 00:05:01,038 --> 00:05:04,474 เรารู้สึกโกรธในเวลาที่กลัว หรือเศร้าได้เช่นกัน 116 00:05:04,498 --> 00:05:07,029 หรือแม้แต่ในอารมณ์อื่นๆ 117 00:05:07,053 --> 00:05:08,506 สิ่งสำคัญคือตรงนี้ครับ 118 00:05:08,530 --> 00:05:11,728 เรื่องที่ชวนหัวร้อนนั้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้เราโมโห 119 00:05:11,752 --> 00:05:13,062 มันไม่ใช่สาเหตุโดยตรง 120 00:05:13,086 --> 00:05:14,949 แล้วเราก็รู้ดีเพราะ ถ้าสิ่งนั้นทำให้โมโห 121 00:05:14,973 --> 00:05:18,053 เราทุกคนคงโมโหเรื่องเดียวกัน เหมือนกันหมดทุกคน แต่ไม่ใช่ 122 00:05:18,077 --> 00:05:21,355 สิ่งที่ทำให้ผมโมโหนั้นต่างกับ สิ่งที่ทำให้คุณโมโห 123 00:05:21,379 --> 00:05:23,481 คราวนี้เลยกลายเป็นว่า มีอีกสิ่งเพิ่มเข้ามา 124 00:05:23,481 --> 00:05:24,958 สิ่งนั้นมันคืออะไรล่ะ 125 00:05:24,958 --> 00:05:30,307 เรารู้ว่าเรากำลังทำหรือกำลังรู้สึกอะไรอยู่ ณ ตอนที่มีสิ่งมากวนใจ 126 00:05:30,331 --> 00:05:34,061 เราเรียกมันว่า ระยะก่อนเกิดความโกรธ คุณกำลังหิวอยู่ไหม เหนื่อยอยู่ไหม 127 00:05:34,085 --> 00:05:37,545 กำลังกังวลเรื่องอื่นอยู่ในใจไหม กำลังจะไปสายแล้วหรือเปล่า 128 00:05:37,569 --> 00:05:39,418 เวลาที่คุณเกิดความรู้สึกพวกนี้ 129 00:05:39,442 --> 00:05:41,870 สิ่งที่กวนใจจะยิ่งน่าหงุดหงิดมากกว่าเดิม 130 00:05:42,752 --> 00:05:45,125 สิ่งที่มีผลต่ออารมณ์โกรธที่สุด ไม่ใช่เรื่องกวนใจ 131 00:05:45,149 --> 00:05:47,720 ไม่ใช่อารมณ์ในระยะก่อนเกิดความโกรธด้วย มันคือสิ่งนี้ 132 00:05:47,744 --> 00:05:49,617 เราตีความสิ่งที่มากวนใจนั้นยังไง 133 00:05:49,641 --> 00:05:52,370 ให้ความหมายสิ่งเหล่านั้นกับชีวิตเรายังไง 134 00:05:52,394 --> 00:05:53,799 เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา 135 00:05:53,823 --> 00:05:56,903 ความคิดแรกคือ มันดีหรือไม่ดี ใช่ไหมครับ 136 00:05:56,927 --> 00:06:00,601 มันยุติธรรมหรือเปล่า เราตำหนิมันได้ใช่ไหม โทษมันได้ใช่ไหม 137 00:06:00,990 --> 00:06:04,808 นี่คือการประเมินขั้นแรก เกิดขึ้นเมื่อคุณประเมินสถานการณ์นั้นๆเอง 138 00:06:04,832 --> 00:06:07,245 เราตัดสินมัน นิยามมัน จากบริบทในชีวิตเรา 139 00:06:07,269 --> 00:06:09,625 หลังจากเราประเมินแล้ว เราก็มาคิดต่อว่ามันแย่แค่ไหน 140 00:06:09,649 --> 00:06:11,378 นี่คือการประเมินขั้นที่สอง 141 00:06:11,919 --> 00:06:14,464 เราจะบอกว่า "นี่มันแย่ที่สุด เท่าที่เคยเจอมาเลย" 142 00:06:14,468 --> 00:06:16,258 หรือ "ฉันพอจะจัดการเรื่องนี้ได้" 143 00:06:16,815 --> 00:06:20,392 ทีนี้ครับเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น ผมอยากให้คุณนึกภาพว่ากำลังขับรถไปไหนสักที่ 144 00:06:21,052 --> 00:06:23,362 และก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้ ผมควรบอกก่อนว่า 145 00:06:23,386 --> 00:06:25,282 ถ้าผมเป็นคนอัจฉริยะอย่างร้ายกาจ 146 00:06:25,306 --> 00:06:28,878 สิ่งที่ผมอยากจะทำก็คือสร้างสถานการณ์ ที่จะทำให้พวกคุณโกรธ 147 00:06:28,902 --> 00:06:31,340 สถานการณ์ที่ชวนหัวร้อนมากๆ อย่างเช่นการขับรถ 148 00:06:31,364 --> 00:06:32,359 (เสียงหัวเราะ) 149 00:06:32,383 --> 00:06:33,505 เรื่องจริงนะครับ 150 00:06:33,505 --> 00:06:35,732 คุณกำลัง สมมติ ว่ากำลังอยู่ระหว่างทาง 151 00:06:35,756 --> 00:06:40,333 แล้วทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การจราจร คนขับรถคันอื่น ถนนกำลังก่อสร้าง 152 00:06:40,357 --> 00:06:42,505 เหมือนว่ามันกำลังจะขัดขวางคุณจากเป้าหมาย 153 00:06:42,529 --> 00:06:45,720 มีทั้งกฎจราจรที่ป้ายกำกับไว้ และที่ไม่ได้มีป้ายบอก 154 00:06:45,744 --> 00:06:48,998 และกฎเหล่านั้นถูกละเลยไป มันเกิดขึ้นตรงหน้าคุณ 155 00:06:49,022 --> 00:06:50,537 เกิดขึ้นประจำ แล้วผ่านไป 156 00:06:50,561 --> 00:06:52,307 แล้วใครกันที่ละเมิดกฎจราจรพวกนั้น 157 00:06:52,331 --> 00:06:54,926 คนอื่นที่เป็นใครก็ไม่รู้ คนที่คุณคงไม่ได้พบกันอีก 158 00:06:54,950 --> 00:06:58,085 ทำให้ง่ายมากที่พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อ แก่ความเกรี้ยวกราดของคุณ 159 00:06:58,109 --> 00:06:59,887 (เสียงหัวเราะ) 160 00:06:59,911 --> 00:07:03,607 คุณกำลังขับรถไปที่ไหนสักที่ เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆแล้ว 161 00:07:03,631 --> 00:07:07,355 และคนข้างหน้าคุณ ขับรถด้วยความเร็วต่ำกว่ากำหนดเป็นอย่างดี 162 00:07:08,118 --> 00:07:09,341 และมันรบกวนจิตใจ 163 00:07:09,365 --> 00:07:12,316 เพราะคุณไม่มีทางรู้เลยว่า ทำไมเขาถึงขับรถช้าขนาดนั้น 164 00:07:12,340 --> 00:07:13,658 นี่คือการประเมินขั้นแรก 165 00:07:13,682 --> 00:07:16,942 คุณมองอยู่เรื่อยๆ และเริ่มคิดว่าไม่ไหวแล้ว ขับช้าจนคุณอยากตำหนิ 166 00:07:16,966 --> 00:07:19,567 แต่คุณอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรก็ได้ 167 00:07:19,591 --> 00:07:21,884 เพราะคุณก็ไม่ได้รีบร้อน ไม่เป็นไร 168 00:07:21,908 --> 00:07:24,360 นี่คือการประเมินขั้นที่สองครับ คุณเลยไม่ได้โกรธอะไร 169 00:07:25,218 --> 00:07:29,074 แต่ ถ้าลองนึกว่า คุณกำลังอยู่ระหว่างทาง กำลังจะไปสัมภาษณ์งาน 170 00:07:29,720 --> 00:07:32,204 สิ่งที่คนขับรถคันข้างหน้าคุณทำ ก็ยังเหมือนเดิม ใช่ไหม 171 00:07:32,228 --> 00:07:35,793 ฉะนั้น การประเมินขั้นแรกก็ยังเหมือนเดิม ไม่ไหว ขับช้าจนน่าตำหนิ 172 00:07:36,315 --> 00:07:39,156 แต่ การจัดการสถานการณ์นี้ของคุณ เปลี่ยนไปแน่นอน 173 00:07:39,180 --> 00:07:40,569 เพราะทันใดนั้นเอง 174 00:07:40,593 --> 00:07:42,760 คุณกำลังจะไปสัมภาษณ์งานสาย 175 00:07:42,784 --> 00:07:43,899 ทันใดนั้นเอง 176 00:07:43,899 --> 00:07:45,869 คุณกำลังจะเสียงานในฝันของคุณไป 177 00:07:45,893 --> 00:07:48,846 งานที่อาจจะให้เงินคุณเป็นกอบเป็นกำ 178 00:07:48,870 --> 00:07:49,871 (เสียงหัวเราะ) 179 00:07:49,895 --> 00:07:52,228 ใครอีกคนกำลังจะได้งานในฝันนั้นแทนคุณไป 180 00:07:52,252 --> 00:07:53,902 คุณอาจจะต้องถังแตก 181 00:07:53,926 --> 00:07:55,355 คุณอาจจะต้องขัดสนเรื่องการเงิน 182 00:07:55,680 --> 00:07:58,633 หรือจะต้องจอดรถ วนกลับ กลับไปอยู่กับพ่อแม่อีก 183 00:07:58,657 --> 00:08:00,815 (เสียงหัวเราะ) 184 00:08:00,839 --> 00:08:02,003 ทำไมล่ะครับ 185 00:08:02,027 --> 00:08:03,901 "ก็เพราะคนขับรถคันข้างหน้าเนี่ยสิ" 186 00:08:03,925 --> 00:08:05,918 "นี่ไม่ใช่คน นี่มันปีศาจ" 187 00:08:05,942 --> 00:08:06,942 (เสียงหัวเราะ) 188 00:08:06,966 --> 00:08:10,480 และปีศาจกำลังอยู่ที่นี่ มาทำลายชีวิตของคุณ 189 00:08:10,504 --> 00:08:11,894 (เสียงหัวเราะ) 190 00:08:11,918 --> 00:08:13,767 กระบวนการคิดเช่นนี้ครับ 191 00:08:13,791 --> 00:08:18,497 เรียกว่า การมองให้เป็นเรื่องร้ายแรงไว้ก่อน เป็นช่วงที่เราจะมองสิ่งต่างๆให้แย่ที่สุด 192 00:08:18,521 --> 00:08:21,126 และมันเป็นแนวคิดหลักๆที่ทำให้เรารู้ว่า 193 00:08:21,126 --> 00:08:22,941 เกี่ยวข้องกับภาวะอารมณ์โกรธเรื้อรัง 194 00:08:22,965 --> 00:08:24,981 แต่ก็ยังมีแนวคิดอื่นอีกที่เกี่ยวข้อง 195 00:08:24,981 --> 00:08:26,625 การอ้างสาเหตุแห่งความโกรธแบบผิดๆ 196 00:08:26,649 --> 00:08:29,426 คนที่กำลังโกรธนั้นมักจะไปโทษ สิ่งที่ไม่เกี่ยวกัน 197 00:08:29,430 --> 00:08:31,332 ไม่ใช่แค่คนที่ไม่เกี่ยวเท่านั้น 198 00:08:31,356 --> 00:08:33,244 ยังรวมถึงสิ่งของที่ขยับเองไม่ได้ด้วย 199 00:08:33,268 --> 00:08:35,101 และถ้าคุณคิดว่านี่มันออกจะตลกเกินไป 200 00:08:35,101 --> 00:08:37,964 ลองคิดถึงครั้งสุดท้ายที่คุณ ทำกุญแจรถหาย คุณพูดว่า 201 00:08:37,964 --> 00:08:39,579 "กุญแจรถไปไหนเนี่ย" 202 00:08:39,579 --> 00:08:41,633 คุณรู้นี่ว่ากุญแจรถมันวิ่งหายไปเองได้ 203 00:08:41,657 --> 00:08:44,567 (เสียงหัวเราะ) 204 00:08:44,591 --> 00:08:47,456 พวกเขามักจะพูดอะไรแบบเหมารวม ใช้คำพูด เช่น "เป็นแบบนี้ตลอด" 205 00:08:47,480 --> 00:08:50,146 "ไม่เคยเลย" "ทุกทีเลย" "ฉันเจออะไรแบบนี้ตลอด" 206 00:08:50,170 --> 00:08:51,551 "ไม่เคยได้ดั่งใจเลย" 207 00:08:51,575 --> 00:08:54,265 หรือ "ฉันเจอไฟแดงทุกแยกเลยวันนี้" 208 00:08:54,879 --> 00:08:58,149 เรียกร้องต้องการ พวกเขาเอาความต้องการของ ตัวเป็นที่ตั้งมากกว่าคนอื่น 209 00:08:58,173 --> 00:09:00,474 "ฉันไม่สนใจว่าทำไมคนนี้ถึงขับรถช้า" 210 00:09:00,498 --> 00:09:04,401 "เขาต้องขับให้เร็วขึ้น ไม่ก็หลบไป ฉันจะไปสัมภาษณ์งาน" 211 00:09:04,425 --> 00:09:06,716 และสุดท้าย โมโหและด่วนตัดสินตีตราไปเลย 212 00:09:07,275 --> 00:09:10,147 พวกเขามักจะเรียกคนอื่นว่า พวกโง่ พวกงั่ง ปีศาจ 213 00:09:10,171 --> 00:09:12,603 หรือคำอื่นอีกมาก ผมไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคำพวกนี้ 214 00:09:12,603 --> 00:09:13,710 บน TED Talk 215 00:09:13,710 --> 00:09:15,191 (เสียงหัวเราะ) 216 00:09:15,879 --> 00:09:17,149 และเป็นเวลานานมาแล้ว 217 00:09:17,173 --> 00:09:20,629 ที่นักจิตวิทยาได้พูดถึงกระบวนการคิด ที่บิดเบี้ยวเหล่านี้ 218 00:09:20,653 --> 00:09:22,207 หรือความเชื่อที่ไม่สมเหตุสมผล 219 00:09:22,231 --> 00:09:24,690 ใช่ครับ บางครั้งพวกเขาไม่มีเหตุผลเลย 220 00:09:25,462 --> 00:09:27,184 ส่วนใหญ่เวลาโกรธก็จะเป็นอย่างนั้น 221 00:09:27,208 --> 00:09:29,890 แต่บางครั้ง ความคิดพวกนี้สมเหตุสมผลมากๆ 222 00:09:30,649 --> 00:09:32,379 ยังมีความไม่ยุติธรรมอยู่บนโลกใบนี้ 223 00:09:32,403 --> 00:09:34,115 ยังมีคนเห็นแก่ตัว จิตใจโหดเหี้ยม 224 00:09:34,139 --> 00:09:37,997 มันไม่ได้เป็นแค่เรื่องที่เข้าใจได้ ที่จะรู้สึกโกรธเมื่อคุณถูกปฏิบัติอย่างแย่ๆ 225 00:09:38,021 --> 00:09:41,240 คุณมีสิทธิ์ที่จะโกรธเมื่อถูกปฏิบัติแย่ๆ 226 00:09:41,846 --> 00:09:45,847 ถ้าถามถึงสิ่งที่ผมอยากจะให้คุณจดจำ จากการที่ผมมาพูดในวันนี้ 227 00:09:45,871 --> 00:09:49,617 ผมอยากให้ความโกรธยังเป็นอารมณ์หนึ่ง ที่คงอยู่ในตัวคุณ 228 00:09:49,641 --> 00:09:54,299 เพราะมันช่วยให้บรรพบุรษของคุณ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ 229 00:09:54,323 --> 00:09:56,390 มีวิวัฒนาการและอยู่รอดมาได้ 230 00:09:56,857 --> 00:09:59,936 เหมือนกับความกลัว ที่คอยเตือนคุณเมื่อมีอันตราย 231 00:09:59,936 --> 00:10:02,182 ความโกรธในตัวคุณ คอยเตือนคุณว่านี่ไม่ยุติธรรม 232 00:10:02,182 --> 00:10:04,688 นี่เป็นวิธีหนึ่งที่สมองพยายามสื่อสารกับคุณ 233 00:10:04,688 --> 00:10:06,395 ว่าคุณทนมามากเกินพอแล้ว 234 00:10:07,022 --> 00:10:10,416 มันช่วยอะไรอีก ทำให้คุณรู้สึกมีพลัง เพื่อสู้กับอยุติธรรม 235 00:10:10,440 --> 00:10:13,646 ลองคิดกันสักนิดนะครับ ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้สึกโกรธ 236 00:10:13,670 --> 00:10:15,408 อัตราการเต้นของหัวใจคุณเพิ่มขึ้น 237 00:10:15,432 --> 00:10:17,793 คุณหายใจถี่ขึ้น เหงื่อคุณเริ่มออก 238 00:10:18,297 --> 00:10:20,161 มันคือระบบประสาทซิมพาเทติกของคุณ 239 00:10:20,185 --> 00:10:23,363 เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นกลไกการตอบสนอง ที่จะสู้หรือจะหนีของคุณ 240 00:10:23,387 --> 00:10:26,974 เข้ามาเสริมพลังให้คุณโต้ตอบกลับไป 241 00:10:27,758 --> 00:10:29,584 และนี่คือสิ่งที่คุณพอจะสังเกตได้ 242 00:10:29,608 --> 00:10:34,099 ขณะเดียวกัน ระบบย่อยอาหารของคุณ ทำงานช้าลงเพื่อรักษาพลังงานของคุณไว้ 243 00:10:34,123 --> 00:10:35,997 นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโกรธแล้วปากแห้ง 244 00:10:36,021 --> 00:10:40,065 หลอดเลือดของคุณขยาย เพื่อส่งเลือด ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแขนขา 245 00:10:40,089 --> 00:10:41,542 เพราะอย่างนั้นคุณเลยหน้าแดง 246 00:10:41,566 --> 00:10:45,105 กลไกต่างๆของสรีระที่ซับซ้อนทั้งหมดนี้ 247 00:10:45,129 --> 00:10:46,367 ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน 248 00:10:46,391 --> 00:10:49,149 เพราะมันช่วยให้บรรพบุรุษของคุณ 249 00:10:49,173 --> 00:10:52,506 จัดการกับความโหดร้ายและไม่ปราณีของธรรมชาติ 250 00:10:52,976 --> 00:10:56,207 ปัญหาก็คือ สิ่งที่บรรพบุรุษของคุณเคยทำ 251 00:10:56,231 --> 00:10:57,504 เพื่อจัดการความโกรธ 252 00:10:57,528 --> 00:10:58,856 คือการใช้กำลังต่อสู้ 253 00:10:58,880 --> 00:11:01,037 ไม่ใช่สิ่งที่มีเหตุผลหรือเหมาะสมอีกต่อไป 254 00:11:01,061 --> 00:11:04,840 คุณไม่สามารถ และไม่ควร ที่จะจับไม้ขึ้นมาฟาดในทุกๆครั้งที่คุณโมโห 255 00:11:04,864 --> 00:11:07,704 (เสียงหัวเราะ) 256 00:11:07,728 --> 00:11:09,466 แต่ยังมีเรื่องดีๆครับ 257 00:11:09,490 --> 00:11:10,834 มีสิ่งที่คุณสามารถทำได้ 258 00:11:10,834 --> 00:11:13,395 ในขณะที่บรรพบุรุษของคุณที่ไม่ใช่มนุษย์ ทำไม่ได้ 259 00:11:13,419 --> 00:11:16,777 ความสามารถนั้นก็คือ การรู้จักควบคุมอารมณ์ 260 00:11:17,174 --> 00:11:19,028 แม้ว่าใจคุณจะอยากเข้าไปบวกมาก 261 00:11:19,028 --> 00:11:21,658 คุณยั้งใจตัวเองได้ และคุณสามารถเปลี่ยนความโกรธนั้น 262 00:11:21,658 --> 00:11:23,765 ให้เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ได้ 263 00:11:24,119 --> 00:11:25,918 บ่อยครั้งเมื่อเราพูดถึงความโกรธ 264 00:11:25,942 --> 00:11:28,609 เราคุยกันว่าจะเอาความโกรธออกไปยังไง 265 00:11:28,633 --> 00:11:31,164 เราบอกคนอื่นให้ใจเย็นๆ สบายๆ 266 00:11:31,188 --> 00:11:33,466 แม้แต่บอกให้พวกเขาปล่อยและลืมมันไป 267 00:11:33,490 --> 00:11:38,339 เพราะเรามองว่าความโกรธมันแย่ เป็นเรื่องผิดที่รู้สึกโกรธแบบนั้น 268 00:11:38,712 --> 00:11:41,533 แต่ผมชอบที่จะคิดว่าความโกรธนี้ เป็นแรงผลักดัน 269 00:11:41,557 --> 00:11:44,684 เหมือนกับที่ความกระหาย ผลักดันให้คุณไปหาน้ำมาดื่ม 270 00:11:44,708 --> 00:11:47,660 เหมือนกับที่ความหิว ผลักดันให้คุณไปหาอะไรมาทาน 271 00:11:47,684 --> 00:11:51,183 ความโกรธสามารถผลักดันคุณ ให้ตอบโต้กับความไม่ยุติธรรมได้ 272 00:11:51,609 --> 00:11:55,545 เพราะเราไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องหาเหตุผลว่าทำไมถึงควรโกรธ 273 00:11:56,085 --> 00:11:57,697 เมื่อเราย้อนกลับไปมองในภายหลัง 274 00:11:57,721 --> 00:12:01,691 ครับ บางอย่างอาจจะไร้สาระ ไม่เห็นว่าควรจะต้องมาโกรธเลย 275 00:12:01,715 --> 00:12:04,922 แต่การเหยียดเชื้อชาติ เหยียดเพศ การข่มขู่รังแก การทำลายสิ่งแวดล้อม 276 00:12:04,946 --> 00:12:07,248 สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง ร้ายแรงจริง 277 00:12:07,272 --> 00:12:10,498 และทางเดียวที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านี้ คือรู้สึกโกรธกับเรื่องพวกนี้ 278 00:12:10,522 --> 00:12:13,585 แล้วเปลี่ยนความโกรธให้เป็นพลังที่จะสู้กลับ 279 00:12:14,053 --> 00:12:18,283 คุณไม่จำเป็นต้องสู้ด้วยความก้าวร้าว การประกาศเป็นศัตรู หรือใช้ความรุนแรง 280 00:12:18,307 --> 00:12:21,434 มีหนทางอีกมากมาย ที่คุณจะแสดงความไม่พอใจของตัวเองได้ 281 00:12:21,458 --> 00:12:24,379 คุณสามารถออกไปประท้วง คุณอาจจะเขียนข้อความบอกเล่าผ่านสื่อ 282 00:12:24,403 --> 00:12:26,946 คุณสามารถบริจาคเงิน หรือไปลงแรงอาสาในเรื่องนั้นๆ 283 00:12:26,970 --> 00:12:29,739 คุณสามารถบอกเล่าผ่านศิลปะ หรือเขียนวรรณกรรม 284 00:12:29,763 --> 00:12:31,724 คุณสามารถแต่งกลอนหรือเพลงได้ 285 00:12:31,748 --> 00:12:34,141 คุณสามารถสร้างชุมชนที่เอาใจใส่คนรอบข้างได้ 286 00:12:34,141 --> 00:12:36,484 และอย่ายอมให้ความป่าเถื่อนเกิดขึ้นในสังคม 287 00:12:37,331 --> 00:12:40,212 จากนี้ไป เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังโกรธ 288 00:12:40,236 --> 00:12:42,236 แทนที่จะพยายามกดทับมันไว้ 289 00:12:42,260 --> 00:12:44,905 ผมหวังว่าคุณจะฟังในสิ่งที่ความโกรธกำลังบอก 290 00:12:44,929 --> 00:12:48,460 และผมหวังว่าคุณจะเปลี่ยนความโกรธนั้น ให้เป็นพลังงานบวกและสร้างสรรค์ 291 00:12:48,785 --> 00:12:49,936 ขอบคุณครับ 292 00:12:49,960 --> 00:12:53,460 (เสียงปรบมือ)