WEBVTT 00:00:00.723 --> 00:00:02.899 ขอให้ช่วยยกมือหน่อยนะครับ 00:00:02.899 --> 00:00:07.091 ในที่นี้มีคนกี่คนที่อายุเกิน 48 ปี 00:00:07.091 --> 00:00:09.972 ดูเหมือนจริงๆจะมีไม่กี่คน NOTE Paragraph 00:00:09.972 --> 00:00:12.147 ก็ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ 00:00:12.147 --> 00:00:16.017 เพราะว่าถ้าคุณดูเฉพาะสไลด์แผ่นนี้ เกี่ยวกับอายุเฉลี่ยของคนในสหรัฐอเมริกา 00:00:16.017 --> 00:00:19.115 ตอนนี้ คุณอยู่ในส่วนเกินของช่วงอายุเฉลี่ย 00:00:19.115 --> 00:00:21.902 ของคนที่เกิดในปี 1900 NOTE Paragraph 00:00:21.902 --> 00:00:25.436 แต่เมื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น ในช่วงเวลาของศตวรรษนั้น 00:00:25.436 --> 00:00:27.098 ถ้าคุณดูตามเส้นโค้งนั้น 00:00:27.098 --> 00:00:29.712 คุณจะเห็นว่ามันเริ่มที่ตรงข้างล่างนั้น 00:00:29.712 --> 00:00:32.181 มีการลดลงไปตรงนั้น จากโรคไข้หวัดใหญ่ ปี 1918 00:00:32.181 --> 00:00:34.603 และเราอยู่ที่ปี 2010 00:00:34.603 --> 00:00:37.659 อายุคาดเฉลี่ยของเด็กที่เกิดในวันนี้ คือ 79 00:00:37.659 --> 00:00:39.555 และเรายังไม่หยุดอยู่แค่นั้น 00:00:39.555 --> 00:00:40.890 เอาล่ะ นั่นเป็นข่าวดี 00:00:40.890 --> 00:00:42.731 แต่ก็ยังคงมีงานที่จะต้องทำอีกมาก NOTE Paragraph 00:00:42.731 --> 00:00:44.365 ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณถามว่า 00:00:44.365 --> 00:00:47.091 มีสักกี่โรคที่เรารู้ 00:00:47.091 --> 00:00:49.150 ถึงเรื่องโมเลกุลมูลฐานของมัน 00:00:49.150 --> 00:00:52.708 ผลออกมาว่า เรารู้ราวๆ 4000 ชนิด ซึ่งน่าทึ่งอย่างมาก 00:00:52.708 --> 00:00:54.944 เพราะว่าการค้นพบโมเลกุลพวกนี้ส่วนใหญ่แล้ว 00:00:54.944 --> 00:00:57.609 เพิ่งจะเกิดขึ้น ไม่นานนี้เอง 00:00:57.609 --> 00:01:00.905 มันน่าตื่นเต้นที่เห็นว่าเราได้เรียนรู้แค่ไหน 00:01:00.905 --> 00:01:03.012 แต่ว่า ในจำนวน 4000 โรคนั้น 00:01:03.012 --> 00:01:05.360 มีกี่โรคที่ทำการรักษาได้ในปัจจุบัน 00:01:05.360 --> 00:01:07.248 เพียงแค่ราว 250 โรคเท่านั้น 00:01:07.248 --> 00:01:10.006 ดังนั้น เรามีสิ่งท้าทายที่ใหญ่หลวงมาก หรือช่องว่างที่ใหญ่มาก NOTE Paragraph 00:01:10.006 --> 00:01:12.586 คุณอาจจะคิดว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะยากหนักหนาอะไร 00:01:12.586 --> 00:01:14.112 เราน่าจะมีความสามารถ 00:01:14.112 --> 00:01:17.138 ที่จะเอาข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญ ที่เรากำลังเรียนรู้ 00:01:17.138 --> 00:01:20.283 เกี่ยวกับ สิ่งที่ชีววิทยาพื้นฐานสอนเรา 00:01:20.283 --> 00:01:22.185 เกี่ยวกับสาเหตุของโรค 00:01:22.185 --> 00:01:25.211 แล้วก็สร้างสะพานเชื่อมช่องที่เปิดกว้างนี้ 00:01:25.211 --> 00:01:27.591 ระหว่างสิ่งที่เราได้เรียนรู้แล้ว เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 00:01:27.591 --> 00:01:29.086 และการนำมันไปประยุกต์ใช้ 00:01:29.086 --> 00:01:32.343 สะพานเชื่อม ที่อาจเหมือนเป็นอย่างนี้ 00:01:32.343 --> 00:01:35.955 ซึ่งคุณจะต้องเอามารวมกันเข้า เป็นทางที่เงางามสดใส 00:01:35.955 --> 00:01:38.923 เพื่อไปจากด้านหนึ่ง สู่อีกด้านหนึ่ง NOTE Paragraph 00:01:38.923 --> 00:01:41.523 เอาละ มันจะไม่ดีหรอกหรือ ถ้ามันง่ายอย่างนั้น 00:01:41.523 --> 00:01:43.668 แต่โชคไม่ดี ไม่ได้เป็นเช่นนั้น 00:01:43.668 --> 00:01:46.259 ในความเป็นจริง ความพยายามที่จะนำไป ความรู้ขั้นพื้นฐาน 00:01:46.259 --> 00:01:48.923 ไปสู่การใช้งานนั้น จะเป็นเหมือนสิ่งนี้มากกว่า 00:01:48.923 --> 00:01:50.838 มันไม่มีสะพานที่เป็นมันวาววับ 00:01:50.838 --> 00:01:52.490 มันคล้ายกับว่าคุณวางเดิมพัน 00:01:52.490 --> 00:01:54.451 คุณอาจจะมี นักว่ายนํ้า และเรือพาย 00:01:54.451 --> 00:01:55.975 และเรือใบ และเรือลาก 00:01:55.975 --> 00:01:57.703 แล้วคุณก็ปล่อยไปตามทางของมัน 00:01:57.703 --> 00:02:00.367 และเมื่อฝนตกลงมา และฟ้าแลบฟ้าผ่า 00:02:00.367 --> 00:02:01.881 และ โอ้ คุณพระช่วย มีปลาฉลามอยู่ในนํ้าด้วย 00:02:01.881 --> 00:02:03.902 และ นักว่ายนํ้าก็จะประสบปัญหา 00:02:03.902 --> 00:02:05.486 และ โอ้ นักว่ายนํ้าจมนํ้าตายไปแล้ว 00:02:05.486 --> 00:02:08.698 และเรือใบก็ล่มไป 00:02:08.698 --> 00:02:10.399 และเรือลากนั้น ก็ชนเข้ากับหินโสโครก 00:02:10.399 --> 00:02:13.039 และ หากว่า ถ้าคุณโชคดี บางคนก็ข้ามไปได้ NOTE Paragraph 00:02:13.039 --> 00:02:15.028 เรื่องนี้จริงๆแล้ว จะเหมือนกับอะไร 00:02:15.028 --> 00:02:17.082 การเยียวยารักษา ที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่ 00:02:17.082 --> 00:02:20.083 ยาคืออะไร ยาทำมาจาก 00:02:20.083 --> 00:02:22.408 โมเลกุลเล็กๆของ ไฮโดรเจน คาร์บอน 00:02:22.408 --> 00:02:24.659 ออกซิเจน ไนโตรเจน และอะตอมอื่นๆอีกไม่กี่ตัว 00:02:24.659 --> 00:02:26.882 ทุกอย่างนี้เอามารวมกันเป็นรูปเป็นร่างขึ้น 00:02:26.882 --> 00:02:29.259 และในรูปร่างเหล่านั้นเอง ที่จริงแล้ว กำหนดว่า 00:02:29.259 --> 00:02:32.572 ยาชนิดนั้นจะทำงานตรงเป้าประสงค์ 00:02:32.572 --> 00:02:34.795 มันจะตรงลงไป ที่ๆมันควรจะไปหรือไม่ 00:02:34.795 --> 00:02:37.951 เราจึงมาดูรูปภาพนี้กัน รูปร่างต่างๆเต้นไปรอบๆให้คุณ 00:02:37.951 --> 00:02:40.338 เอาละ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ ถ้าคุณกำลังพยายามจะพัฒนา 00:02:40.338 --> 00:02:41.795 การรักษาแบบใหม่สำหรับโรคออทิซึม 00:02:41.795 --> 00:02:44.014 หรือโรคอัลไซเมอร์ หรือโรคมะเร็ง 00:02:44.014 --> 00:02:45.806 ก็คือ หารูปร่างที่ถูกต้องในส่วนผสมนั้น 00:02:45.806 --> 00:02:48.723 ที่ในที่สุด จะให้ประโยชน์ และจะปลอดภัย 00:02:48.723 --> 00:02:51.890 และเมื่อเราดูว่าอะไรเกิดขึ้น ในขั้นตอนการผลิต 00:02:51.890 --> 00:02:53.391 คุณเริ่มต้น อาจจะด้วยจำนวนมากหลายพัน 00:02:53.391 --> 00:02:55.033 หลายหมื่น สารประกอบ 00:02:55.033 --> 00:02:57.182 แล้วคุณก็กำจัดออกไป ผ่านตามขั้นตอนต่างๆ 00:02:57.182 --> 00:02:58.565 ที่ทำให้เห็นว่าสารประกอบเหล่านี้ไม่ได้ผล 00:02:58.565 --> 00:03:01.905 ในที่สุด คุณอาจสามารถได้ตัวยาสี่หรือห้าตัว มาทำการวิจัยต่อทางคลินิค 00:03:01.905 --> 00:03:04.947 และถ้าทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างดี หลังจากคุณได้เริ่มทำมา14 ปี 00:03:04.947 --> 00:03:06.958 คุณจะได้รับการรับรองยาตัวหนึ่ง 00:03:06.958 --> 00:03:08.988 และมันจะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปถึงพันล้านดอลลาร์ 00:03:08.988 --> 00:03:11.132 สำหรับผลสำเร็จครั้งเดียวนั้น NOTE Paragraph 00:03:11.132 --> 00:03:14.436 ดังนั้นเราต้องระบบการผลิตนี้ ในแบบที่วิศวกรพึงกระทำ 00:03:14.436 --> 00:03:15.644 และบอกว่า "เราจะทำให้ดีกว่าได้อย่าไร" 00:03:15.644 --> 00:03:18.321 และนั่นเป็นสาระสำคัญ ของสิ่งที่ผมต้องการจะพูดในเช้าวันนี้ 00:03:18.321 --> 00:03:20.134 เราจะทำให้เรื่องนี้ไปได้เร็วขึ้นได้อย่างไร 00:03:20.134 --> 00:03:23.199 เราจะทำให้มันสำเร็จมากกว่านี้ได้อย่างไร NOTE Paragraph 00:03:23.199 --> 00:03:24.540 เอาละ ผมขอยกตัวอย่างสักสองสามตัวอย่าง 00:03:24.540 --> 00:03:26.796 ซึ่งทำงานได้จริง 00:03:26.796 --> 00:03:29.747 ตัวอย่างหนึ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา 00:03:29.747 --> 00:03:33.457 ก็คือ การยอมรับความสำเร็จ ของยารักษาโรคซิสติค ไฟโบรซิส 00:03:33.457 --> 00:03:35.111 แต่มันใช้เวลายาวนานมากกว่าจะถึงจุดนั้น 00:03:35.111 --> 00:03:39.713 โมเลกุลของซิสติก ไฟโบรซิส ที่เป็นเหตุให้เกิดโรค ได้ถูกคันพบในปี 1989 00:03:39.713 --> 00:03:42.041 โดยกลุ่มทำงานของผม กับอีกกลุ่มหนึ่งในกรุงโตรอนโต 00:03:42.041 --> 00:03:44.176 โดยค้นพบว่า การกลายพันธ์เกิดในยีนตัวหนึ่ง 00:03:44.176 --> 00:03:45.804 ในโครโทโซม 7 00:03:45.804 --> 00:03:47.842 ภาพที่คุณเห็นตรงนั้นใช่ไม๊ 00:03:47.842 --> 00:03:49.945 นี่ภาพนี้ เป็นเด็กคนเดียวกัน 00:03:49.945 --> 00:03:53.289 คือ แดนนี่ เบสเซ็ทท์ เมื่อ 23 ปีต่อจากนั้น 00:03:53.289 --> 00:03:54.568 เพราะมันเป็นปีนั้น 00:03:54.568 --> 00:03:57.006 และเป็นปีที่แดนนีแต่งงานด้วย 00:03:57.006 --> 00:04:00.063 เมื่อเราได้รับ เป็นครั้งแรก การยอมรับจากกองควบคุมอาหารและยา 00:04:00.063 --> 00:04:03.800 ว่าเป็นยาที่เล็งเป้าไปที่ความบกพร่อง ที่เกิดจากโรคคริสติก ไฟโบรซิส 00:04:03.800 --> 00:04:05.738 โดยอยู่บนพื้นฐานของ ความเข้าใจเรื่องโมเลกุลนี้ทั้งหมด 00:04:05.738 --> 00:04:07.162 นั่นเป็นข่าวดี 00:04:07.162 --> 00:04:10.791 แต่ข่าวร้ายก็คือ ยาตัวนี้จริงๆแล้ว ไม่ได้รักษาคริสโต ไฟโบรซิสทุกราย 00:04:10.791 --> 00:04:13.000 และมันใช้ไม่ได้กับแดนนี่ และเราก็ยังคงต้องคอย 00:04:13.000 --> 00:04:15.335 คนรุ่นต่อไปให้มาช่วยเขา NOTE Paragraph 00:04:15.335 --> 00:04:18.530 แต่มันใช้เวลา 23 ปี จึงมาได้ไกลแค่นี้ มันนานเกินไป 00:04:18.530 --> 00:04:20.223 เราจะไปให้เร็วกว่านี้ได้อย่างไร NOTE Paragraph 00:04:20.223 --> 00:04:22.921 เอาละ วิธีการหนึ่งที่จะไปให้เร็วขึ้น ก็คือ ใช้ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยี 00:04:22.921 --> 00:04:25.585 และเทคโนโลยีที่สำคัญมาก ที่เราต้องพึ่งพามัน 00:04:25.585 --> 00:04:27.881 ในทุกๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ จีโนมของมนุษย์ 00:04:27.881 --> 00:04:30.469 นั่นก็คือ ความสามารถที่จะดูที่โครโมโซม 00:04:30.469 --> 00:04:33.139 เพื่อเปิดมัน เพื่อดึงเอาดีเอ็นเอ ออกมา 00:04:33.139 --> 00:04:36.089 ให้สามารถอ่านรหัสของ ดีเอ็นเอ นั้นได้ 00:04:36.089 --> 00:04:38.170 ได้แก่ รหัส เอ, ซี, จี และ ที 00:04:38.170 --> 00:04:41.441 ที่เป็นคู่มือบอกลักษณะเซลล์ของเรา และของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด 00:04:41.441 --> 00:04:42.955 และค่าใช้จ่ายในการทำงานนี้ 00:04:42.955 --> 00:04:45.610 ซึ่งเคยเป็นแพงหลักหลายร้อยล้านดอลลาร์ 00:04:45.610 --> 00:04:47.523 ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา 00:04:47.523 --> 00:04:49.922 ได้ตกลงมาเร็วกว่ากฎของมอร์ (Moore's Law) ตํ่าลงจนถึงจุด 00:04:49.922 --> 00:04:53.929 ที่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน ในการจะเรียงลำดับจีโนมของคุณ หรือของผม 00:04:53.929 --> 00:04:57.728 และเรามุ่งไปสู่ราคา 1,000 ดอลลาร์ในเร็ววันนี้ 00:04:57.728 --> 00:04:59.054 น่าตื่นเต้นนะครับ 00:04:59.054 --> 00:05:02.864 เรื่องนี้จะออกมาอย่างไร ในแง่ของการนำไปใช้กับเรื่องของโรคภัย NOTE Paragraph 00:05:02.864 --> 00:05:05.144 ผมต้องการบอกคุณเกี่ยวกับ โรคความบกพร่องอีกโรคหนึ่ง 00:05:05.144 --> 00:05:07.456 โรคนี้เป็นความบกพร่องที่พบค่อนข้างยาก 00:05:07.456 --> 00:05:10.224 เรียกว่า โรคชราในเด็ก (Hutchinson-Gilford progeria) 00:05:10.224 --> 00:05:13.529 เป็นรูปแบบที่รุนแรงที่สุด ของการแก่ก่อนวัย 00:05:13.529 --> 00:05:17.312 เด็กแค่เพียงหนึ่งในสี่ล้านคนเป็นโรคนี้ 00:05:17.312 --> 00:05:20.672 พูดแบบธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ 00:05:20.672 --> 00:05:23.373 เพราะมีการกลายพันธุ์ของยีนเฉพาะตัวหนึ่ง 00:05:23.373 --> 00:05:26.040 โปรตีนตัวหนึ่งจึงถูกสร้างขึ้น ซึ่งเป็นพิษกับเซลล์ตัวนั้น 00:05:26.040 --> 00:05:28.337 และมันเป็นสาเหตุให้คนๆนั้นแก่ลง 00:05:28.337 --> 00:05:30.921 ไปราวเจ็ดเท่าของอายุปกติ NOTE Paragraph 00:05:30.921 --> 00:05:34.064 ผมขอให้ดูวีดีโอ ที่แสดงให้เห็นว่ามันทำอะไรกับเซลล์นั้น 00:05:34.064 --> 00:05:37.199 ในเซลล์ปกติ ถ้าคุณใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดู 00:05:37.199 --> 00:05:40.088 จะมีนิวเคลียสอยู่ตรงกลางของเซลล์ 00:05:40.088 --> 00:05:43.967 ซึ่งดูดี กลม และเรียบ อยู่ในขอบเขตของมัน 00:05:43.967 --> 00:05:45.722 ดูเหมือนกับแบบนี้ 00:05:45.722 --> 00:05:47.586 แต่เซลล์ของโรคชรา จะกลับกัน 00:05:47.586 --> 00:05:50.688 เพราะว่าโปรตีนที่เป็นพิษนี้ ซึ่งเรียกว่า โพรจีริน (progerin) 00:05:50.688 --> 00:05:52.972 ทำให้เซลล์มีก้อนตะปุ่มตะปํ่า 00:05:52.972 --> 00:05:55.987 ดังนั้นสิ่งที่เราอยากจะทำหลังการค้นพบนี้ 00:05:55.987 --> 00:05:57.839 ย้อนหลังไปเมื่อปี 2003 00:05:57.839 --> 00:06:01.057 คือ การหาวิธีการที่จะพยายามแก้ไขสิ่งนั้น 00:06:01.057 --> 00:06:04.145 ก็อีกนั่นแหละ เมื่อเรารู้เกี่ยวกับวีถีของโมเลกุล (molecular pathways) 00:06:04.145 --> 00:06:06.144 ก็เป็นไปได้ที่จะหยิบเอา 00:06:06.144 --> 00:06:08.761 สารประกอบตัวหนึ่งในหลายๆตัวนั้น ที่อาจจะใช้ประโยชน์ได้ 00:06:08.761 --> 00:06:10.222 และเอามาทดลอง 00:06:10.222 --> 00:06:12.797 ในการทดลองเพาะเลี้ยงเซลล์ 00:06:12.797 --> 00:06:14.839 ที่แสดงในรูปการ์ตูนที่เห็นนี้ 00:06:14.839 --> 00:06:17.533 ถ้าคุณเอาสารประกอบตัวนั้นมา 00:06:17.533 --> 00:06:20.789 แล้วเติมมันลงไปในเซลล์ที่มีโรคโพรจีเรีย 00:06:20.789 --> 00:06:23.010 และเฝ้าดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น 00:06:23.010 --> 00:06:25.972 ภายในแค่ 72 ชั่วโมง 00:06:25.972 --> 00:06:28.240 ด้วยจุดประสงค์ทั้งหมดที่เราสามารถกำหนดวัดได้ 00:06:28.240 --> 00:06:30.082 เซลล์เกือบจะเหมือนเซลล์ปกติ NOTE Paragraph 00:06:30.082 --> 00:06:34.423 เอาล่ะ น่าตื่นเต้นนะครับ แต่มันจะได้ผลจริงในคนจริงๆหรือไม่ 00:06:34.423 --> 00:06:37.808 ในแค่เพียงสี่ปี 00:06:37.808 --> 00:06:41.309 จากเมื่อยีนตัวนั้นได้ถูกค้นพบ จนถึงเมื่อเริ่มการทดลองทางคลินิค 00:06:41.309 --> 00:06:43.506 เพื่อการทดสอบสารประกอบตัวนั้น 00:06:43.506 --> 00:06:45.469 และเด็กๆที่คุณเห็นตรงนี้ 00:06:45.469 --> 00:06:48.031 ทุกคนสมัครมาเป็นส่วนหนึ่งของการทดลอง 00:06:48.031 --> 00:06:49.492 ทั้งหมดมี 28 คน 00:06:49.492 --> 00:06:52.587 และคุณก็จะเห็นได้เมื่อมีภาพออกมา 00:06:52.587 --> 00:06:55.969 ว่าความจริงแล้ว พวกเขาเป็นคนหนุ่มสาวที่น่าทึ่ง 00:06:55.969 --> 00:06:57.388 ทุกคนทุกข์ทรมานจากโรคนี้ 00:06:57.388 --> 00:06:59.637 ทุกคนดูเหมือนๆกันไปหมด 00:06:59.637 --> 00:07:01.311 และแทนที่จะบอกเล่าให้คุณฟังมากกว่านี้ 00:07:01.311 --> 00:07:05.297 ผมจะเชิญหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้นขึ้นมา แซม เบรินส์ จาก บอสตัน 00:07:05.297 --> 00:07:07.730 มาที่นี่เมื่อเช้านี้ เพื่อขึ้นมาบนเวที 00:07:07.730 --> 00:07:09.950 และเล่าประสบการณ์ของเขา 00:07:09.950 --> 00:07:11.860 ในฐานะเป็นเด็กที่ป่วยเป็นโรคชรา 00:07:11.860 --> 00:07:15.918 แซมอายุ 15 ปี พ่อแม่ของเขา คุณสกอตต์ เบิร์น และ เลสลี่ กอร์ดอน 00:07:15.918 --> 00:07:18.039 ทั้งคู่เป็นแพทย์ อยู่ที่นี่กับเราด้วยเช้านี้ 00:07:18.039 --> 00:07:20.577 แซม เชิญครับ NOTE Paragraph 00:07:20.577 --> 00:07:27.897 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:07:27.897 --> 00:07:30.075 เอาละ แซม ช่วยเล่าให้ฟัง 00:07:30.075 --> 00:07:33.450 ว่าเป็นอย่างไร ที่ต้องเป็นโรค ที่มีอาการ ที่เรียกว่า โพรจีเรีย NOTE Paragraph 00:07:33.450 --> 00:07:37.258 แซม เบิร์น: โพรจีเรียจำกัดผมในเรื่องบางอย่าง 00:07:37.258 --> 00:07:41.222 ผมไม่สามารถเล่นกีฬา หรือทำกิจกรรมทางกายภาพ 00:07:41.222 --> 00:07:44.426 แต่ผมสามารถให้ความสนใจในบางสิ่ง 00:07:44.426 --> 00:07:47.405 ที่โพรจีเรีย ไม่ได้จำกัดผม 00:07:47.405 --> 00:07:49.962 แต่ก็เมื่อมีบางสิ่งบางอย่าง ที่ผมต้องการทำจริงๆ 00:07:49.962 --> 00:07:52.979 ที่โพรจีเรียมากีดกั้นผม อย่างเช่น เล่นดนตรีกับโยธวาทิต 00:07:52.979 --> 00:07:56.405 หรือ เป็นกรรมการผู้ตัดสิน เราก็จะหาทางทำจนได้นั่นแหละ 00:07:56.405 --> 00:07:59.922 และนั่นก็แสดงว่า โพรจีเรียไม่ได้ควบคุมสั่งการชีวิตของผม NOTE Paragraph 00:07:59.922 --> 00:08:01.632 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:08:01.632 --> 00:08:03.668 ฟรานซิส คอลลินส์: คุณอยากจะพูดอะไรกับนักวิจัย 00:08:03.668 --> 00:08:06.765 ที่นี่ ในห้องบรรยายนี้ และคนอื่นๆที่กำลังฟังอยู่ครับ 00:08:06.765 --> 00:08:09.362 คุณอยากจะบอกอะไรเขาบ้าง ทั้งที่เกี่ยวกับงานวิจัย และโรคโพรจีเรีย 00:08:09.362 --> 00:08:11.248 และอาจจะเป็นการเจ็บป่วยอื่นๆด้วยก็ได้ NOTE Paragraph 00:08:11.248 --> 00:08:14.394 แซม: การวิจัยเกี่ยวกับโรคโพรจีเรีย ไปได้ไกลมากแล้ว 00:08:14.394 --> 00:08:16.636 ในเวลาน้อยกว่า 15 ปี 00:08:16.636 --> 00:08:21.005 และนั่นแสดงให้เห็นว่า นักวิจัยสามารถ 00:08:21.005 --> 00:08:24.423 มาได้ไกลถึงเพียงนี้ และมันมีความหมายอย่างมากจริงๆ 00:08:24.423 --> 00:08:27.674 ต่อตัวผมเอง และเด็กคนอื่นๆที่เป็นโรคโพจีเรีย 00:08:27.674 --> 00:08:30.498 และยังแสดงให้เห็นว่าแรงกระตุ้นมีอยู่จริง 00:08:30.498 --> 00:08:33.099 ใครๆก็สามารถรักษาโรคไหนๆก็ได้ 00:08:33.099 --> 00:08:37.046 และหวังว่าโรคโพจีเรียจะสามารถรักษาได้ ในอนาคตอันใกล้นี้ 00:08:37.046 --> 00:08:40.803 ดังนั้นเราจึงสามารถกำจัดโรคทั้ง 4,000 โรค 00:08:40.803 --> 00:08:43.810 ที่ฟรานซิสได้พูดถึง NOTE Paragraph 00:08:43.810 --> 00:08:46.939 ฟรานซิส: วันนี้ แซมจึงลาโรงเรียนมา 00:08:46.939 --> 00:08:52.074 เพื่อมาที่นี่ และเขา (เสียงปรบมือ) 00:08:52.074 --> 00:08:56.890 เขาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่ง ที่คะแนน เอบวก ทุกวิชา 00:08:56.890 --> 00:08:58.223 ในโรงเรียนของเขาในบอสตัน 00:08:58.223 --> 00:09:00.424 กรุณาขอบคุณและต้อนรับแซมร่วมกับผมด้วยครับ 00:09:00.424 --> 00:09:04.077 แซม: ขอบคุณมากครับ ฟรานซิส: ดีมาก ดีมากครับเพื่อนรัก 00:09:04.077 --> 00:09:15.895 (เสียงปรบมือ) NOTE Paragraph 00:09:16.886 --> 00:09:18.602 ผมต้องการจะพูดถึงอีกสองเรื่อง 00:09:18.602 --> 00:09:21.734 เกี่ยวกับ เรื่องๆนั้น แล้วก็จะพยายามสรุป 00:09:21.734 --> 00:09:24.230 ว่าเราจะมีเรื่องราวของความสำเร็จได้อย่างไร 00:09:24.230 --> 00:09:27.743 สำหรับโรคต่างๆเหล่านี้ เหมือนกับที่แซมบอก 00:09:27.743 --> 00:09:30.262 โรค 4,000 โรคกำลังคอยคำตอบ 00:09:30.262 --> 00:09:32.134 คุณอาจจะสังเกตได้ว่าตัวยา 00:09:32.134 --> 00:09:34.903 ที่ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการวิจัยทางคลินิค สำหรับโรคโพจีเรียนั้น 00:09:34.903 --> 00:09:36.667 ไม่ได้เป็นยาที่ทำขึ้นมาเพื่อโรคนี้ 00:09:36.667 --> 00:09:39.529 มันเป็นโรคที่เกิดได้น้อยมากเสียจน มันยากที่บริษัทยา 00:09:39.529 --> 00:09:43.259 จะถือเป็นเหตุ ให้ใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อผลิตยาออกมา 00:09:43.259 --> 00:09:45.419 ยานี้เป็นยาที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับโรคมะเร็ง 00:09:45.419 --> 00:09:47.584 กลับกลายเป็นว่า มันไม่ได้รักษามะเร็งได้อย่างดีมาก 00:09:47.584 --> 00:09:49.907 แต่มันมีคุณสมบัติที่ถูกต้อง มีรูปร่างที่ถูกต้อง 00:09:49.907 --> 00:09:52.799 ที่จะใช้กับโรคเพอจีเรียได้ และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น 00:09:52.799 --> 00:09:56.027 มันจะไม่ยิ่งใหญ่หรือ ถ้าเราจะทำให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น 00:09:56.027 --> 00:09:59.823 ตามจริงแล้ว เราจะสนับสนุนทุกบริษัท ที่อยู่ข้างนอกตรงนั้นได้ไหม 00:09:59.823 --> 00:10:01.661 ที่มียาในช่องแช่แข็ง 00:10:01.661 --> 00:10:03.863 ที่ทราบกันดีว่าปลอดภัยสำหรับมนุษย์ 00:10:03.863 --> 00:10:06.155 แต่จริงๆแล้ว ไม่เคยประสบความสำเร็จในแง่ของ 00:10:06.155 --> 00:10:09.011 ประสิทธิภาพในการรักษาโรค ที่พวกเขาพยายามจะรักษา 00:10:09.011 --> 00:10:11.395 ปัจจุบันนี้ เรากำลังเรียนรู้ เกี่ยวกับวีถึของโมเลกุลใหม่ๆเหล่านี้ 00:10:11.395 --> 00:10:14.474 โมเลกุลบางตัวอาจนำมาใช้ในสภาวะใหม่ หรือ ในจุดประสงค์ใหม่ 00:10:14.474 --> 00:10:16.873 หรือจะใช้ทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เพื่อการนำมาประยุกต์ใช้ใหม่ 00:10:16.873 --> 00:10:19.842 โดยหลักการก็คือ สอนกลวิธีใหม่ให้ยาตัวเก่าซะ 00:10:19.842 --> 00:10:22.529 นั่นแหละจะเป็นการกระทำที่มีค่า และยอดเยี่ยม 00:10:22.529 --> 00:10:25.575 เราได้อภิปรายกันมามาก ระหว่างสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) และบริษัทยา 00:10:25.575 --> 00:10:27.699 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งดูจะมีหวังอย่างมาก NOTE Paragraph 00:10:27.699 --> 00:10:30.313 น่าจะคาดหวังได้ว่า จะมีสิ่งเกิดขึ้นตามมามากมายทีเดียว 00:10:30.313 --> 00:10:33.352 มีเรื่องที่สำเร็จหลายเรื่องทีเดียว ที่เราระบุได้ 00:10:33.352 --> 00:10:35.705 เกี่ยวกับว่า เรื่องนี้ได้นำไปสู่ ความก้าวหน้าที่สำคัญได้อย่างไร 00:10:35.705 --> 00:10:37.912 ยาตัวแรกสำหรับเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ 00:10:37.912 --> 00:10:39.641 เป็นยาที่ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อรักษาเอดส์ 00:10:39.641 --> 00:10:42.159 แต่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อโรคมะเร็ง คือยา เอซีที (AZT) 00:10:42.159 --> 00:10:44.160 มันใช้งานได้ไม่ดีนักกับโรคมะเร็ง แต่กลับกลายเป็น 00:10:44.160 --> 00:10:46.276 ยาต้านเรทโทรไวรัสตัวแรกที่ประสบความสำเร็จ 00:10:46.276 --> 00:10:48.848 และคุณสามารถเห็นได้จากตารางว่า มีตัวอื่นๆด้วยเช่นกัน NOTE Paragraph 00:10:48.848 --> 00:10:52.492 ดังนั้นเราจะทำอย่างไร จึงจะทำให้สิ่งนั้น เป็นความพยายามที่เกิดขึ้นได้จริงโดยทั่วไป 00:10:52.492 --> 00:10:54.716 เราต้องหาหุ้นส่วน 00:10:54.716 --> 00:10:57.576 ระหว่างกลุ่มนักวิชาการ รัฐบาล และภาคเอกชน 00:10:57.576 --> 00:11:00.029 และองค์การต่างๆของผู้ป่วย เพื่อที่จะทำสิ่งนั้น 00:11:00.029 --> 00:11:01.679 ที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ เราได้เริ่มศูนย์กลางระดับชาติใหม่ขึ้น 00:11:01.679 --> 00:11:04.879 เพื่อเร่งเรื่องการวิจัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์ให้รุดหน้าไปยิ่งขึ้น 00:11:04.879 --> 00:11:08.494 มันเพิ่งจะเริ่มเมื่อธันวาคมที่แล้วนี้ และนี่คือจุดประสงค์หนึ่งของโครงการ NOTE Paragraph 00:11:08.494 --> 00:11:09.935 ผมขอบอกคุณอีกเรื่องหนึ่งที่เราทำได้ 00:11:09.935 --> 00:11:12.854 จะไม่ดีหรือ ถ้าเราสามารถทดสอบยา 00:11:12.854 --> 00:11:15.225 เพื่อจะดูซิว่า มันมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย 00:11:15.225 --> 00:11:17.326 โดยไม่ต้องให้คนป่วยต้องเสี่่ยง 00:11:17.326 --> 00:11:19.879 เพราะว่า ครั้งแรกคุณจะไม่แน่ใจเลย 00:11:19.879 --> 00:11:22.030 ตัวอย่างเช่น เราจะรู้ได้อย่างไร ว่ายานั้นปลอดภัย 00:11:22.030 --> 00:11:25.275 ก่อนที่เราจะใช้ยานั้นกับคน เราทดลองยานั้นกับสัตว์ 00:11:25.275 --> 00:11:27.917 และมันก็ไม่ได้เชื่อมั่นได้ทั้งหมด และมันก็มีค่าใช้จ่ายสูง 00:11:27.917 --> 00:11:29.607 และก็ใช้เวลามาก 00:11:29.607 --> 00:11:32.470 สมมุติว่า เราจะลองทำเรื่องนี้ กับเซลล์ของมนุษย์แทน 00:11:32.470 --> 00:11:34.702 คุณอาจจะทราบ ถ้าคุณให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง 00:11:34.702 --> 00:11:36.002 กับงานเขียนทางวิทยาศาสตร์ 00:11:36.002 --> 00:11:37.658 ว่าตอนนี้คุณสามารถเอาเซลล์ของผิวหนังมา 00:11:37.658 --> 00:11:40.539 และกระตุ้นมันให้กลายเป็นเซลล์ของตับ 00:11:40.539 --> 00:11:43.614 หรือเซลล์ของหัวใจ หรือเซลล์ของไต หรือเซลล์สมอง สำหรับพวกเราคนไหนก็ได้ 00:11:43.614 --> 00:11:46.766 ดังนั้นจะเป็นอะไรไปเล่า ถ้าหากคุณจะเอาเซลล์พวกนั้นมาใช้ทดสอบ 00:11:46.766 --> 00:11:49.711 เพื่อดูว่ายาตัวๆหนึ่งจะใช้ได้ผลหรือไม่ และมันจะปลอดภัยหรือไม่ NOTE Paragraph 00:11:49.711 --> 00:11:53.942 ที่คุณเห็นอยู่นี่ เป็นภาพของปอดใช้เทคนิค lung-on-a-chip 00:11:53.942 --> 00:11:57.463 เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยสถาบันวิสส์ (Wyss Institute) ในบอสตัน 00:11:57.463 --> 00:12:00.638 ถ้าคุณเปิดวีดีโอนี้ ที่พวกเขาได้ทำ 00:12:00.638 --> 00:12:02.774 ก็คือ เอาเซลล์จากบุคคลคนหนึ่งมา 00:12:02.774 --> 00:12:05.883 เปลี่ยนเซลล์เหล่านั้นให้เป็น เซลล์ที่อยู่ในปอด 00:12:05.883 --> 00:12:07.688 และกำหนดว่าอะไรจะเกิดขึ้น 00:12:07.688 --> 00:12:10.765 เช่น คุณเติมสารประกอบในตัวยานี้ 00:12:10.765 --> 00:12:13.230 เพื่อดูว่ามันจะเป็นพิษหรือปลอดภัย 00:12:13.230 --> 00:12:15.501 คุณจะเห็นได้ว่า ชิปเล็กๆนี้หายใจก็ได้ 00:12:15.501 --> 00:12:18.118 มันมีช่องอากาศ มันมีระบบหลอดเลือด 00:12:18.118 --> 00:12:19.821 และมันก็มีเซลล์อยู่ระหว่างกลาง 00:12:19.821 --> 00:12:22.259 ที่ทำให้คุณเห็นว่าอะไรเกิดขึ้น เมื่อคุณเติมสารประกอบลงไป 00:12:22.259 --> 00:12:24.031 เซลล์พวกนั้นสบายดีหรือไม่ 00:12:24.031 --> 00:12:27.062 คุณสามารถทำเทคโนโลยีชิปแบบนี้ได้ 00:12:27.062 --> 00:12:29.271 กับไต หรือกับหัวใจ หรือกับกล้ามเนื้อ 00:12:29.271 --> 00:12:31.735 ในทุกๆที่ๆคุณต้องการ เพื่อจะดูว่ายาตัวนั้น 00:12:31.735 --> 00:12:34.016 จะทำให้เกิดปัญหา กับตับหรือไม่ NOTE Paragraph 00:12:34.016 --> 00:12:37.064 และท้ายที่สุด เพราะว่าคุณทำสิ่งนี้ได้เป็นรายบุคคล 00:12:37.064 --> 00:12:39.278 เราอาจจะเห็นพัฒนาไปถึงจุดที่ว่า 00:12:39.278 --> 00:12:42.719 ความสามารถในการพัฒนาและทดสอบยา 00:12:42.719 --> 00:12:45.905 จะเป็นการทดสอบชิ้นส่วนเล็กๆของคุณบนชิป สิ่งที่เรากำลังพยายามพูดตรงนี้ก็คือ 00:12:45.905 --> 00:12:49.406 การทำให้มีกระบวนการพัฒนายาขึ้นมาเพื่อแต่ละบุคคล 00:12:49.406 --> 00:12:51.654 และของการทดสอบเรื่องความปลอดภัยของยาต่อแต่ละบุคคล NOTE Paragraph 00:12:51.654 --> 00:12:53.306 ดังนั้น ขอให้ผมสรุป 00:12:53.306 --> 00:12:55.566 เราอยู่ในช่วงเวลาที่น่าทึ่ง 00:12:55.566 --> 00:12:57.669 สำหรับผม ที่อยู่ที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ มาเกือบ 20 ปี 00:12:57.669 --> 00:13:00.270 ไม่เคยมีเวลาใด ที่มีความตื่นเต้นมากกว่านี้ 00:13:00.270 --> 00:13:02.855 ในเรื่องของศักยภาพที่วางอยู่ตรงหน้าของเรา 00:13:02.855 --> 00:13:04.647 เราได้ทำให้การค้นพบเรื่องทั้งหมดนี้ 00:13:04.647 --> 00:13:07.012 หลั่งไหลออกมาจากห้องทดลองทั่วโลก 00:13:07.012 --> 00:13:10.374 เราต้องทำอะไรเพื่อใช้ประโยชน์นี้ให้เต็มที่ อันดับแรก เราต้องการกำลังเงิน 00:13:10.374 --> 00:13:13.929 นี่เป็นการวิจัยที่มีความเสี่ยงสูง บางครั้งก็ค่าใช้จ่ายก็สูง 00:13:13.929 --> 00:13:15.900 ผลที่ตามมาใหญ่โตมโหฬาร ทั้งในแง่ของสุขภาพ 00:13:15.900 --> 00:13:18.780 และในแง่ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เราจะต้องให้การสนับสนุน 00:13:18.780 --> 00:13:21.081 ประการที่สอง เราจำต้องมีการร่วมมือกันแบบใหม่ 00:13:21.081 --> 00:13:23.302 ระหว่างกลุ่มนักวิชาการ และรัฐบาล และภาคเอกชน 00:13:23.302 --> 00:13:26.649 และองค์กรต่างๆของผู้ป่วย เหมือนกับที่ผมได้บรรยายมาแล้วตรงนี้ 00:13:26.649 --> 00:13:30.229 ในแง่ของวิธีการที่เราจะเดินไปได้ หลังจากได้ปรับจุดประสงค์ของสารประกอบตัวใหม่แล้ว 00:13:30.229 --> 00:13:33.465 และประการที่สาม ซึ่งอาจจะสำคัญที่สุดก็ได้ เราต้องการผู้มีพรสวรรค์ 00:13:33.465 --> 00:13:35.606 เราต้องการผู้ที่ดีที่สุด และฉลาดที่สุด 00:13:35.606 --> 00:13:38.463 จากสาขาวิชาต่างๆมากมาย เพื่อมาร่วมกันในงานที่ยากลำบากนี้ 00:13:38.463 --> 00:13:40.909 ทุกๆวัย และทุกๆกลุ่มที่แตกต่างกัน 00:13:40.909 --> 00:13:42.996 เพื่อนๆทั้งหลายครับ เพราะว่า 00:13:42.996 --> 00:13:46.621 นี่เป็นชีววิทยาในศตวรรษที่ 21 ที่คุณรอคอย 00:13:46.621 --> 00:13:49.083 และเรามีโอกาสที่จะได้มันมา 00:13:49.083 --> 00:13:51.573 และเปลี่ยนมันมาเป็นสิ่งที่ 00:13:51.573 --> 00:13:53.903 จะชนะโรคภัยต่างๆ นั่นคือเป้าหมายของผม 00:13:53.903 --> 00:13:55.787 ผมหวังว่า นั่นก็คือเป้าหมายของคุณ 00:13:55.787 --> 00:13:58.467 ผมคิดว่า มันจะเป็นเป้าหมายของนักกวี และคนโง่ 00:13:58.467 --> 00:14:00.476 และนักเล่นกระดานโต้คลื่น และนักการธนาคาร 00:14:00.476 --> 00:14:02.754 และคนอื่นๆทั้งหมด ที่ร่วมกันในช่วงนี้ 00:14:02.754 --> 00:14:04.504 ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ เรากำลังพยายามทำอยู่ตรงนี้ 00:14:04.504 --> 00:14:05.669 และทำไมมันจึงเป็นเรื่องสำคัญ 00:14:05.669 --> 00:14:08.439 ขณะนี้มันเป็นเรื่องสำคัญ มันเป็นเรื่องสำคัญในเร็ววันนี้ 00:14:08.439 --> 00:14:11.557 ถ้าคุณไม่เชื่อผม ก็แค่ถามแซมดู NOTE Paragraph 00:14:11.557 --> 00:14:13.000 ขอบคุณทุกท่านอย่างมากครับ NOTE Paragraph 00:14:13.000 --> 00:14:17.831 (เสียงปรบมือ)