1 00:00:01,274 --> 00:00:06,690 การเรียนรู้ในอนาคตจะเป็นอย่างไร? 2 00:00:06,690 --> 00:00:08,970 ผมมีแผนสำหรับอนาคตครับ 3 00:00:08,970 --> 00:00:12,050 แต่ก่อนที่ผมจะบอกคุณว่าแผนนั้นคืออะไร 4 00:00:12,050 --> 00:00:15,020 ผมต้องเล่าเรื่องให้คุณฟังเรื่องหนึ่ง 5 00:00:15,020 --> 00:00:17,866 ซึ่งเป็นที่มาของแผนนี้ 6 00:00:17,866 --> 00:00:19,653 ที่ผ่านมาผมพยายามศึกษาว่า 7 00:00:19,653 --> 00:00:23,060 วิธีการเรียนรู้ต่างๆ ที่เราใช้กันในโรงเรียน 8 00:00:23,060 --> 00:00:25,330 มันมาจากไหน? 9 00:00:25,330 --> 00:00:27,762 เราอาจจะมองย้อนไปในอดีตไกลๆ เลย 10 00:00:27,762 --> 00:00:31,575 แต่ถ้าคุณลองดูการเรียนการสอนในโรงเรียนปัจจุบันนี้ 11 00:00:31,575 --> 00:00:35,277 คุณจะเห็นได้ชัดเลยว่ามันมาจากไหน 12 00:00:35,277 --> 00:00:39,225 มันมาจากเมื่อ 300 ปีที่แล้ว 13 00:00:39,225 --> 00:00:41,442 จากจักรวรรดิสุดท้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 14 00:00:41,442 --> 00:00:44,410 บนโลกใบนี้ นั่นคือจักรวรรดิอังกฤษ 15 00:00:44,410 --> 00:00:46,755 ลองจินตนาการว่าคุณเป็นผู้ปกครอง 16 00:00:46,755 --> 00:00:49,163 ที่พยายามปกครองโลกทั้งใบ 17 00:00:49,163 --> 00:00:52,987 โดยไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีโทรศัพท์ 18 00:00:52,987 --> 00:00:57,119 ด้วยข้อมูลที่เขียนด้วยลายมือบนกระดาษ 19 00:00:57,119 --> 00:01:00,669 และเดินทางด้วยเรือ 20 00:01:00,669 --> 00:01:02,823 ชาววิคตอเรียนทำได้มาแล้วนะครับ 21 00:01:02,823 --> 00:01:05,991 วิธีของพวกวิคตอเรียนนั้นน่าทึ่งมาก 22 00:01:05,991 --> 00:01:09,303 พวกเขาสร้างคอมพิวเตอร์ระดับโลก 23 00:01:09,303 --> 00:01:12,359 โดยมีองค์ประกอบเป็นผู้คน 24 00:01:12,359 --> 00:01:14,152 และมันก็ยังอยู่กับเรามาจนวันนี้ 25 00:01:14,152 --> 00:01:20,131 โดยมีชื่อเรียกว่า ระบบการบริหารงานแบบราชการ 26 00:01:20,131 --> 00:01:23,458 เครื่องจักรในระบบนี้จะขับเคลื่อนได้ 27 00:01:23,458 --> 00:01:26,659 คุณต้องอาศัยคนจำนวนมากมายมหาศาล 28 00:01:26,659 --> 00:01:31,018 พวกเขาก็เลยสร้างเครื่องจักรอีกตัวหนึ่ง มาผลิตคนเหล่านี้ 29 00:01:31,018 --> 00:01:33,914 นั่นคือโรงเรียน 30 00:01:33,914 --> 00:01:36,691 โรงเรียนทำหน้าที่ผลิตคน 31 00:01:36,691 --> 00:01:40,540 ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องจักรกล 32 00:01:40,540 --> 00:01:43,925 ของระบบบริหารงานแบบราชการ 33 00:01:43,925 --> 00:01:48,315 พวกเขาต้องถูกผลิตออกมาเหมือนกันหมด 34 00:01:48,315 --> 00:01:50,472 พวกเขาต้องรู้สามอย่าง 35 00:01:50,472 --> 00:01:53,512 ต้องลายมือสวย เพราะเขาต้องบันทึกข้อมูลด้วยลายมือ 36 00:01:53,512 --> 00:01:55,667 ต้องอ่านหนังสือออก 37 00:01:55,667 --> 00:01:57,946 และต้องบวก ลบ 38 00:01:57,946 --> 00:02:01,609 คูณ หาร ในใจได้ 39 00:02:01,609 --> 00:02:05,136 ทุกคนต้องออกมาเหมือนกันมากๆ จนคุณเลือกใครก็ได้สักคนจากนิวซีแลนด์ 40 00:02:05,136 --> 00:02:07,471 ส่งเขาไปแคนาดา 41 00:02:07,471 --> 00:02:11,552 แล้วสามารถทำงานได้ทันที 42 00:02:11,552 --> 00:02:14,421 ชาววิคตอเรียนเป็นวิศวกรที่เยี่ยมมาก 43 00:02:14,421 --> 00:02:17,910 พวกเขาออกแบบระบบที่ทนทานมาก 44 00:02:17,910 --> 00:02:20,365 มันจึงยังอยู่กับเราจนวันนี้ 45 00:02:20,365 --> 00:02:24,341 ยังคงผลิตคนแบบเดิมๆ อย่างต่อเนื่อง 46 00:02:24,341 --> 00:02:29,157 เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องจักรที่ไม่มีตัวตนแล้ว 47 00:02:29,157 --> 00:02:32,085 ระบบจักรวรรดิล่มสลายไปแล้ว 48 00:02:32,085 --> 00:02:34,989 แล้วเรากำลังทำอะไรกับระบบโรงเรียน 49 00:02:34,989 --> 00:02:37,358 ที่ผลิตคนให้ออกมาเหมือนๆ กัน 50 00:02:37,358 --> 00:02:40,261 แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป 51 00:02:40,261 --> 00:02:44,181 ถ้าหากเราอยากเปลี่ยนแปลงมัน 52 00:02:44,181 --> 00:02:45,871 "โรงเรียนอย่างที่เราเคยรู้จักนั้น มันล้าสมัยแล้ว" 53 00:02:45,871 --> 00:02:47,763 นั่นเป็นคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างแรง 54 00:02:47,763 --> 00:02:51,557 ผมพูดว่า โรงเรียนอย่างที่เราเคยรู้จักนั้น มันล้าสมัยไปแล้ว 55 00:02:51,557 --> 00:02:53,291 ผมไม่ได้บอกว่ามันพังนะครับ 56 00:02:53,291 --> 00:02:56,288 เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็พูดว่า ระบบการศึกษาพังเสียแล้ว 57 00:02:56,288 --> 00:02:59,939 มันไม่ได้พังนะครับ มันถูกสร้างมาอย่างยอดเยี่ยม 58 00:02:59,939 --> 00:03:06,165 เพียงแต่เราไม่ต้องการมันอีกแล้ว เพราะมันเชยไปแล้ว 59 00:03:06,165 --> 00:03:08,572 งานที่เราทำกันทุกวันนี้เป็นอย่างไรครับ? 60 00:03:08,572 --> 00:03:10,706 งานเสมียน เราก็มีคอมพิวเตอร์ 61 00:03:10,706 --> 00:03:13,237 นับเป็นพันๆ เครื่องในทุกที่ทำงาน 62 00:03:13,237 --> 00:03:16,442 แล้วคุณก็มีคนที่คอยควบคุม เครื่องคอมพิวเตอร์เหล่านี้ 63 00:03:16,442 --> 00:03:18,919 ให้ทำงานเสมียนต่างๆ 64 00:03:18,919 --> 00:03:22,183 คนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องลายมือสวย 65 00:03:22,183 --> 00:03:25,215 เขาไม่จำเป็นต้องคิดเลขในใจได้ 66 00:03:25,215 --> 00:03:27,487 เขายังต้องอ่านหนังสือออก 67 00:03:27,487 --> 00:03:31,637 ที่จริง เขาต้องอ่านหนังสือออก และแยกแยะได้ด้วย 68 00:03:31,637 --> 00:03:34,744 นี่ว่ากันเฉพาะปัจจุบันนะ เรายังไม่รู้เลยนะครับ 69 00:03:34,744 --> 00:03:37,303 ว่างานในอนาคตจะหน้าตาเป็นอย่างไร 70 00:03:37,303 --> 00:03:39,947 เรารู้ว่าคนเราจะสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ 71 00:03:39,947 --> 00:03:43,145 เมื่อไหร่ก็ได้ และทำอย่างไรก็ได้ 72 00:03:43,145 --> 00:03:47,333 แล้วโรงเรียนที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะเตรียมเด็กๆ ให้พร้อม 73 00:03:47,333 --> 00:03:49,876 สำหรับโลกอนาคตอย่างไร? 74 00:03:49,876 --> 00:03:54,924 ผมเจอเข้ากับประเด็นเหล่านี้โดยบังเอิญ 75 00:03:54,924 --> 00:03:57,556 ผมเคยสอนเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 76 00:03:57,556 --> 00:04:00,020 ที่กรุงนิวเดลี เมื่อ 14 ปีก่อน 77 00:04:00,020 --> 00:04:03,777 ติดกับที่ทำงานของผม มีชุมชนแออัดอยู่แห่งหนึ่ง 78 00:04:03,777 --> 00:04:06,364 ผมเคยคิดว่า เด็กในสลัมพวกนี้จะมีโอกาส 79 00:04:06,364 --> 00:04:08,884 เรียนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ไหม? 80 00:04:08,884 --> 00:04:11,964 หรือพวกเขาไม่ควรจะได้เรียน? 81 00:04:11,964 --> 00:04:14,581 ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ปกครองมากมาย 82 00:04:14,581 --> 00:04:17,012 คนรวย ที่มีคอมพิวเตอร์น่ะครับ 83 00:04:17,012 --> 00:04:20,143 เขาเคยพูดกับผมว่า "คุณรู้ไหม ลูกชายผมน่ะ 84 00:04:20,143 --> 00:04:22,332 เขามีพรสวรรค์นะ 85 00:04:22,332 --> 00:04:25,206 เขาทำอะไรเจ๋งๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ได้เยอะแยะ 86 00:04:25,206 --> 00:04:29,182 ส่วนลูกสาวผมนะ โอ้ เธอฉลาดล้ำเหลือเกิน" 87 00:04:29,182 --> 00:04:31,290 อะไรทำนองนี้ ผมเลยสงสัยขึ้นมาทันทีว่า 88 00:04:31,290 --> 00:04:33,086 ทำไมคนรวยทุกคนถึงได้มีลูก 89 00:04:33,086 --> 00:04:35,227 ที่มีพรสวรรค์เหนือมนุษย์มนากันทั้งนั้น? 90 00:04:35,227 --> 00:04:37,142 (เสียงหัวเราะ) 91 00:04:37,142 --> 00:04:39,966 คนจนทำอะไรผิดไปเหรอ? 92 00:04:39,966 --> 00:04:42,969 ต่อมา ผมเลยเจาะกำแพงรั้ว 93 00:04:42,969 --> 00:04:45,001 ของสลัมที่อยู่ติดกับที่ทำงานของผม 94 00:04:45,001 --> 00:04:47,745 เอาคอมพิวเตอร์ใส่เข้าไปเครื่องหนึ่ง แล้วรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น 95 00:04:47,745 --> 00:04:50,729 ถ้าผมให้คอมพิวเตอร์แก่เด็กที่ไม่เคยมี 96 00:04:50,729 --> 00:04:54,065 ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าอินเทอร์เน็ตคืออะไร 97 00:04:54,065 --> 00:04:55,017 เด็กๆ วิ่งกรูกันเข้ามา 98 00:04:55,017 --> 00:04:57,187 เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่สูงจากพื้นสามฟุต เด็กๆ ถามว่า "นี่อะไร?" 99 00:04:57,187 --> 00:05:00,171 ผมตอบว่า "มันคือ เอ่อ ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน" 100 00:05:00,171 --> 00:05:02,387 (เสียงหัวเราะ) 101 00:05:02,387 --> 00:05:04,943 เด็กๆ ถามต่อว่า "แล้วลุงเอามาไว้ตรงนี้ทำไม?" 102 00:05:04,943 --> 00:05:06,158 ผมบอกว่า "ก็ไว้อย่างงั้นแหละ" 103 00:05:06,158 --> 00:05:09,167 เด็กๆ บอกว่า "พวกเราขอเล่นหน่อยได้ไหม?" ผมบอกว่า "ก็เอาสิ" 104 00:05:09,167 --> 00:05:11,544 แล้วผมก็เดินหนีไป 105 00:05:11,544 --> 00:05:13,288 แปดชั่วโมงให้หลัง 106 00:05:13,288 --> 00:05:16,243 เราก็พบว่าเด็กๆ กำลังเปิดดูเว็บไซต์ต่างๆ และสอนกันและกันว่าทำอย่างไร 107 00:05:16,243 --> 00:05:18,740 ผมบอกว่า "เป็นไปไม่ได้อ่ะ 108 00:05:18,740 --> 00:05:22,281 มันจะเป็นไปได้ยังไง พวกเขาไม่รู้อะไรเลย" 109 00:05:22,281 --> 00:05:25,145 เพื่อนร่วมงานผมบอกว่า "ไม่หรอก มันง่ายนิดเดียว 110 00:05:25,145 --> 00:05:27,968 นักเรียนของคุณสักคนหนึ่งคงเดินผ่านไป 111 00:05:27,968 --> 00:05:30,063 และบอกเด็กๆ ว่าใช้เมาส์อย่างไร" 112 00:05:30,063 --> 00:05:31,586 ผมว่า "เออ นั่นก็เป็นไปได้ " 113 00:05:31,586 --> 00:05:34,645 ผมเลยทำการทดลองซ้ำ ผมออกจากเมืองเดลีไปทางใต้ 300 ไมล์ 114 00:05:34,645 --> 00:05:36,636 ในหมู่บ้านห่างไกล 115 00:05:36,636 --> 00:05:40,428 ซึ่งโอกาสที่วิศวกรนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะผ่านมา 116 00:05:40,428 --> 00:05:44,844 มีน้อยมาก (เสียงหัวเราะ) 117 00:05:44,844 --> 00:05:47,507 ผมทำงานทดลองซ้ำที่นั่น 118 00:05:47,507 --> 00:05:49,794 ผมไม่มีที่พัก ผมเลยติดตั้งคอมพิวเตอร์ 119 00:05:49,794 --> 00:05:51,994 กลับบ้าน แล้วอีกสองสามเดือนก็กลับมาดู 120 00:05:51,994 --> 00:05:53,689 เจอเด็กๆ กำลังเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ 121 00:05:53,689 --> 00:05:54,640 พอพวกเขาเห็นผม ก็พูดว่า 122 00:05:54,640 --> 00:05:57,122 "เราอยากได้โปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้น กับเมาส์ที่ดีกว่านี้" 123 00:05:57,122 --> 00:06:01,416 (เสียงหัวเราะ) 124 00:06:01,416 --> 00:06:04,825 ผมพูดว่า "พวกหนูรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?" 125 00:06:04,825 --> 00:06:07,280 เด็กๆ ตอบมาน่าสนใจมากๆ 126 00:06:07,280 --> 00:06:08,945 พวกเขาพูดด้วยเสียงหงุดหงิดว่า 127 00:06:08,945 --> 00:06:11,498 "ลุงเอาเครื่องที่มีแต่ภาษาอังกฤษมาให้เรา 128 00:06:11,498 --> 00:06:17,583 เราเลยต้องสอนภาษาอังกฤษให้ตัวเองก่อน ถึงจะใช้มันได้ " (เสียงหัวเราะ) 129 00:06:17,583 --> 00:06:19,560 นั่นเป็นครั้งแรกที่ผม ในฐานะคนเป็นครู 130 00:06:19,560 --> 00:06:24,651 ได้ยินคนพูดคำว่า "สอนตัวเอง" เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆ 131 00:06:24,651 --> 00:06:28,253 นี่คือภาพบางส่วนจากการทดลองของผมสมัยนั้น 132 00:06:28,253 --> 00:06:30,900 นั่นคือวันแรก ที่ผมติดตั้ง "คอมพิวเตอร์ในช่องกำแพง" 133 00:06:30,900 --> 00:06:33,138 ทางขวานั่นคือเด็กแปดขวบ 134 00:06:33,138 --> 00:06:38,858 ทางซ้ายนั่นคือนักเรียนของเขา เด็กผู้หญิงอายุหกขวบ 135 00:06:38,858 --> 00:06:42,455 เขากำลังสอนเธอเปิดดูเว็บไซต์ต่างๆ 136 00:06:42,455 --> 00:06:45,741 แล้วผมก็ไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศ 137 00:06:45,741 --> 00:06:48,024 ทำงานทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่า 138 00:06:48,024 --> 00:06:51,469 และได้ผลเหมือนเดิมเป๊ะ 139 00:06:51,469 --> 00:06:55,396 (คอมพิวเตอร์ในช่องกำแพง - ปี 1999) 140 00:06:55,396 --> 00:06:59,661 เด็กแปดขวบคนหนึ่งกำลังบอกพี่สาวว่าต้องทำอะไร 141 00:07:04,460 --> 00:07:10,017 และในที่สุดเด็กผู้หญิงก็อธิบาย เป็นภาษามาราติว่ามันคืออะไร 142 00:07:10,017 --> 00:07:14,266 และบอกว่า "มันมีโปรเซสเซอร์อยู่ข้างใน" 143 00:07:14,266 --> 00:07:16,759 แล้วผมก็เลยเริ่มตีพิมพ์ผลการทดลอง 144 00:07:16,759 --> 00:07:19,314 ผมส่งงานไปตีพิมพ์ทุกที่ ผมจดและวัดทุกอย่าง 145 00:07:19,314 --> 00:07:21,516 และสรุปว่า ภายในเก้าเดือน เด็กกลุ่มหนึ่ง 146 00:07:21,516 --> 00:07:24,214 ที่ถูกปล่อยให้อยู่ลำพังกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าในภาษาใด 147 00:07:24,214 --> 00:07:28,729 จะใช้คอมพิวเตอร์ได้ดีเทียบเท่า เลขานุการคนหนึ่งในประเทศตะวันตก 148 00:07:28,729 --> 00:07:33,489 ผมเห็นกับตามาแล้วหลายค่อหลายครั้ง 149 00:07:33,489 --> 00:07:36,221 แต่ผมก็สงสัยต่อว่า เด็กๆ จะทำอะไรได้อีก 150 00:07:36,221 --> 00:07:38,461 ถ้าพวกเขาทำได้ขนาดนี้แล้ว? 151 00:07:38,461 --> 00:07:40,989 ผมเริ่มทดลองกับวิชาอื่นๆ 152 00:07:40,989 --> 00:07:43,957 ตัวอย่างเช่น การออกเสียง 153 00:07:43,957 --> 00:07:46,405 มีเด็กๆ ในชุมชนแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอินเดีย 154 00:07:46,405 --> 00:07:49,173 ซึ่งมีสำเนียงภาษาอังกฤษที่แย่มาก 155 00:07:49,173 --> 00:07:52,693 พวกเขาต้องฝึกสำเนียงให้ดี เพราะมันจะช่วยให้เขาได้งานดีขึ้น 156 00:07:52,693 --> 00:07:56,771 ผมลงโปรแกรมแปลงเสียงพูดเป็นตัวหนังสือในคอมพิวเตอร์ 157 00:07:56,771 --> 00:08:00,045 แล้วบอกเด็กๆ ว่า "พูดเข้าไป จนกว่าเครื่องจะพิมพ์คำที่เธอพูด" 158 00:08:00,045 --> 00:08:04,677 (เสียงหัวเราะ) 159 00:08:04,677 --> 00:08:09,861 เด็กๆ ก็ทำตาม ลองดูวิดีโอนี้สักนิดหนึ่งนะครับ 160 00:08:09,861 --> 00:08:15,373 คอมพิวเตอร์: ยินดีที่ได้รู้จัก เด็ก: ยินดีที่ได้รู้จัก 161 00:08:15,373 --> 00:08:17,644 ซูกาตา มิตรา: เหตุผลที่ผมหยุดภาพที่ใบหน้า 162 00:08:17,644 --> 00:08:21,461 ของสาวน้อยคนนี้ เพราะผมว่าพวกคุณหลายคนอาจรู้จักเธอ 163 00:08:21,461 --> 00:08:24,957 ตอนนี้เธอเข้าไปทำงานในคอล เซนเตอร์ที่เมืองไฮเดอราบัด 164 00:08:24,957 --> 00:08:29,679 และอาจเคยทรมานใจคุณเรื่องใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต 165 00:08:29,679 --> 00:08:34,452 ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษที่ชัดเจน 166 00:08:34,452 --> 00:08:38,829 ทีนี้คนก็ตั้งคำถามว่า แล้วโครงการนี้มันจะไปได้ไกลแค่ไหน? 167 00:08:38,829 --> 00:08:40,399 มันจะไปจบตรงไหน? 168 00:08:40,399 --> 00:08:43,762 ผมตัดสินใจว่าจะทำลายหลักการที่ผมเสนอไว้ 169 00:08:43,762 --> 00:08:46,266 โดยสร้างข้อเสนอที่ไร้เหตุผลขึ้นมา 170 00:08:46,266 --> 00:08:50,154 ผมสร้างสมมุติฐานที่น่าขำขึ้นมาข้อหนึ่ง 171 00:08:50,154 --> 00:08:51,958 ทมิฬ เป็นภาษาอินเดียทางใต้ ผมตั้งคำถามว่า 172 00:08:51,958 --> 00:08:54,603 เด็กที่พูดภาษาทมิฬในหมู่บ้านทางใต้ของอินเดีย 173 00:08:54,603 --> 00:08:58,108 จะเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีชีวภาพของการทำสำเนาดีเอ็นเอ ในภาษาอังกฤษ 174 00:08:58,108 --> 00:09:00,355 จากคอมพิวเตอร์ข้างถนนได้ไหม? 175 00:09:00,355 --> 00:09:02,540 ผมทดสอบความรู้เด็กๆ พวกแกได้ศูนย์คะแนน 176 00:09:02,540 --> 00:09:05,594 ผมตั้งคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้สองสามเดือน 177 00:09:05,594 --> 00:09:07,898 แล้วกลับไปทดสอบใหม่ เด็กๆ ก็ยังได้ศูนย์คะแนน 178 00:09:07,898 --> 00:09:12,254 ผมกลับไปที่แล็บและบอกว่า เราจำเป็นต้องมีครู 179 00:09:12,254 --> 00:09:16,317 ผมเลือกหมู่บ้านหนึ่ง ชื่อว่าคัลลิคุปปัม อยู่ทางใต้ของอินเดีย 180 00:09:16,317 --> 00:09:18,994 ผมติดตั้งคอมพิวเตอร์ในช่องกำแพง 181 00:09:18,994 --> 00:09:22,681 ดาวน์โหลดทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับการทำสำเนาดีเอ็นเอ มาจากอินเทอร์เน็ต 182 00:09:22,681 --> 00:09:25,986 ซึ่งส่วนใหญ่ผมเองยังไม่เข้าใจเลย 183 00:09:25,986 --> 00:09:28,963 เด็กๆ วิ่งกรูกันมา ถามว่า "นี่อะไรอ่ะ?" 184 00:09:28,963 --> 00:09:33,971 ผมบอกว่า "เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก สำคัญมาก แต่เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยนะ" 185 00:09:33,971 --> 00:09:37,325 เด็กๆ บอกว่า "แล้วเราจะเข้าใจศัพท์ภาษาอังกฤษยากๆ 186 00:09:37,325 --> 00:09:39,403 แผนภูมิ และเรื่องทางเคมีพวกนี้ได้ยังไง?" 187 00:09:39,403 --> 00:09:42,227 ถึงจุดนี้ ผมได้สร้างเทคนิควิธีการสอนแบบใหม่ขึ้นมาแล้ว 188 00:09:42,227 --> 00:09:45,111 ผมเลยบอกไปว่า "ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน" 189 00:09:45,111 --> 00:09:48,306 (เสียงหัวเราะ) 190 00:09:48,306 --> 00:09:51,256 "เอาละ ลุงไปละนะ" 191 00:09:51,256 --> 00:09:55,624 (เสียงหัวเราะ) 192 00:09:55,624 --> 00:09:59,213 ผมปล่อยเด็กๆ ไปสองสามเดือน 193 00:09:59,213 --> 00:10:01,848 ผมทดสอบความรู้เด็กๆ พวกแกได้ศูนย์คะแนน 194 00:10:01,848 --> 00:10:02,772 ผมกลับมาใหม่สองเดือนให้หลัง 195 00:10:02,772 --> 00:10:06,432 เด็กๆ มากันกลุ่มใหญ่และพูดว่า "พวกเรายังไม่เข้าใจอะไรเลย" 196 00:10:06,432 --> 00:10:08,507 ผมบอก "อืม ลุงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนี่?" 197 00:10:08,507 --> 00:10:12,592 แล้วก็พูดว่า "เอาล่ะ ว่าแต่ มันใช้เวลานานแค่ไหนล่ะ 198 00:10:12,592 --> 00:10:15,353 หนูถึงสรุปว่าหนูไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย?" 199 00:10:15,353 --> 00:10:17,301 เด็กๆ ตอบว่า "พวกเรายังไม่ยอมแพ้หรอกนะ 200 00:10:17,301 --> 00:10:19,277 เรามานั่งดูมันทุกวันเลย" 201 00:10:19,277 --> 00:10:21,742 ผมบอก "อะไรนะ พวกหนูไม่เข้าใจอะไรที่อยู่บนจอนี่เลย 202 00:10:21,742 --> 00:10:24,446 แต่ก็มานั่งจ้องมันอยู่ตั้งสองเดือนเลยเหรอ? เพื่ออะไรล่ะ? 203 00:10:24,446 --> 00:10:26,959 เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่คุณเห็นอยู่ตรงนี้ 204 00:10:26,959 --> 00:10:29,691 ยกมือขึ้น และพูดกับผมด้วยภาษาทมิฬ และอังกฤษกระท่อนกระแท่น 205 00:10:29,691 --> 00:10:31,888 เธอบอกว่า "เอ่อ เรารู้แค่ว่า 206 00:10:31,888 --> 00:10:35,039 ความผิดพลาดในการทำสำเนา โมเลกุลของดีเอ็นเอทำให้เกิดโรค 207 00:10:35,039 --> 00:10:37,560 นอกจากนั้นเรายังไม่เข้าใจอะไรเลยค่ะ" 208 00:10:37,560 --> 00:10:43,272 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 209 00:10:43,272 --> 00:10:47,392 แล้วผมก็เลยทดสอบพวกเขา 210 00:10:47,392 --> 00:10:50,664 และได้ผลที่เป็นไปไม่ได้ทางการศึกษา จากศูนย์เพิ่มเป็น 30% 211 00:10:50,664 --> 00:10:52,968 ภายใน 2 เดือน ในความร้อนของอากาศใกล้เส้นศูนย์สูตร 212 00:10:52,968 --> 00:10:56,408 กับคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่ง ใต้ต้นไม้ ในภาษาที่เขาไม่รู้ 213 00:10:56,408 --> 00:10:59,480 ในเรื่องที่ล้ำยุคกว่าความรู้ที่พวกเขามีนับสิบปี 214 00:10:59,480 --> 00:11:04,857 น่าตลกสิ้นดี แต่ผมก็ต้องยึดตามเกณฑ์ของพวกวิคตอเรียน 215 00:11:04,857 --> 00:11:08,257 30% ก็ยังถือว่าตก 216 00:11:08,257 --> 00:11:11,193 ผมจะทำให้เขาผ่านเกณฑ์ได้ยังไง? ต้องทำให้เขาได้เพิ่มอีก 20 คะแนน 217 00:11:11,193 --> 00:11:16,030 ผมหาครูไม่ได้ แต่ผมเจอเพื่อนรุ่นพี่ของเด็กๆ 218 00:11:16,030 --> 00:11:18,416 สาวน้อยอายุ 22 ปีซึ่งเป็นนักบัญชี 219 00:11:18,416 --> 00:11:20,864 และเล่นกับเด็กๆ พวกนี้ตลอด 220 00:11:20,864 --> 00:11:22,985 ผมเลยถามสาวน้อยคนนี้ว่า "คุณช่วยเด็กๆ หน่อยได้ไหม?" 221 00:11:22,985 --> 00:11:25,256 เธอตอบว่า "ไม่ได้แน่เลยค่ะ 222 00:11:25,256 --> 00:11:28,333 หนูไม่ได้เรียนวิทยาศาสตร์มา หนูไม่รู้เลยว่า 223 00:11:28,333 --> 00:11:32,862 เด็กๆ ทำอะไรกันใต้ต้นไม้นั่นทั้งวี่ทั้งวัน หนูช่วยไม่ได้หรอก" 224 00:11:32,862 --> 00:11:37,393 ผมบอกเธอว่า "นี่ จะบอกอะไรให้ หนูแค่ใช้วิธีของคุณยายเท่านั้นเอง" 225 00:11:37,393 --> 00:11:38,723 เธอถามว่า "ทำยังไงเหรอ?" 226 00:11:38,723 --> 00:11:40,110 ผมตอบว่า "ก็ยืนข้างหลังเด็กๆ 227 00:11:40,110 --> 00:11:41,716 เมื่อไหร่เด็กๆ ทำอะไรก็ตาม หนูก็แค่พูดว่า 228 00:11:41,732 --> 00:11:44,513 "โอ้ ว้าว เธอทำอย่างนั้นได้ยังไงน่ะ? 229 00:11:44,529 --> 00:11:47,625 แล้วหน้าต่อไปมีอะไรน่ะ? ตอนอายุเท่าพวกเธอ ฉันทำแบบนี้ไม่ได้เลยนะเนี่ย 230 00:11:47,625 --> 00:11:50,547 หนูนึกออกนะว่าคุณยายทำยังไงน่ะ" 231 00:11:50,547 --> 00:11:52,721 แล้วเธอก็ทำอย่างนั้นอยู่สองเดือน 232 00:11:52,721 --> 00:11:55,635 คะแนนของเด็กๆ กระโดดไปเป็น 50% 233 00:11:55,635 --> 00:11:57,289 เด็กๆ ในคัลลิคุปปัม ตีเสมอเด็กๆ 234 00:11:57,289 --> 00:11:59,167 ในโรงเรียนเปรียบเทียบที่นิวเดลีแล้ว 235 00:11:59,167 --> 00:12:03,303 โรงเรียนเอกชนแพงๆ โดยครูที่จบมาทางเทคโนโลยีชีวภาพ 236 00:12:03,303 --> 00:12:08,140 เมื่อผมเห็นกราฟนั่น ผมรู้เลยว่า เรามีทางสร้างความเสมอภาคแล้ว 237 00:12:08,140 --> 00:12:10,236 นี่คือคัลลิคุปปัม 238 00:12:10,236 --> 00:12:18,431 (เสียงเด็กพูด) เซลล์ประสาท... สื่อสาร 239 00:12:18,431 --> 00:12:22,122 ผมวางมุมกล้องผิด ก็ถ่ายแบบมือสมัครเล่นน่ะครับ 240 00:12:22,122 --> 00:12:24,618 แต่สิ่งที่เธอพูด คุณคงฟังออก 241 00:12:24,618 --> 00:12:27,025 เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซลล์ประสาท เธอทำมือแบบนี้ 242 00:12:27,025 --> 00:12:30,581 และพูดว่าเซลล์ประสาทสื่อสารกัน 243 00:12:30,581 --> 00:12:33,925 เธออายุแค่ 12 ขวบ 244 00:12:33,925 --> 00:12:37,135 เอาล่ะ แล้วงานในอนาคตจะหน้าตาเป็นอย่างไร? 245 00:12:37,135 --> 00:12:39,426 อืม เรารู้ว่าวันนี้มันเป็นอย่างไร 246 00:12:39,426 --> 00:12:41,764 แล้วการเรียนรู้ล่ะ จะเป็นอย่างไร? เรารู้ว่าวันนี้มันเป็นอย่างไร 247 00:12:41,764 --> 00:12:44,817 เด็กๆ นั้น มือหนึ่งก็สาละวนกับโทรศัพท์มือถือ 248 00:12:44,817 --> 00:12:48,590 แล้วก็อิดออดไม่อยากไปโรงเรียน เพื่อหยิบหนังสือมาอ่านด้วยมืออีกข้างหนึ่ง 249 00:12:48,590 --> 00:12:52,549 แล้วพรุ่งนี้ล่ะ มันจะเป็นอย่างไร? 250 00:12:52,549 --> 00:12:57,449 เราอาจจะไม่ต้องไปโรงเรียนเลยก็ได้ หรือเปล่า? 251 00:12:57,449 --> 00:13:00,989 เป็นไปได้ไหมว่า เมื่อคุณอยากรู้อะไรสักอย่าง 252 00:13:00,989 --> 00:13:04,309 คุณก็หาได้ภายในสองนาที? 253 00:13:04,309 --> 00:13:08,414 เป็นไปได้ไหมว่า... แหม คำถามนี้ทำร้ายจิตใจมาก 254 00:13:08,414 --> 00:13:11,206 เป็นคำถามที่นิโคลัส นีโกรปอนติถามผม ว่า 255 00:13:11,206 --> 00:13:14,245 เป็นไปได้ไหมว่า เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ 256 00:13:14,245 --> 00:13:17,605 อนาคตที่การ " รู้ " เป็นเรื่องล้าสมัย? 257 00:13:17,605 --> 00:13:20,138 นั่นคงแย่มาก เราเป็นมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ 258 00:13:20,138 --> 00:13:24,055 การ " รู้ " เป็นสิ่งที่จำแนกเราจากพวกมนุษย์ลิง 259 00:13:24,055 --> 00:13:25,832 แต่ลองมองมุมนี้นะครับ 260 00:13:25,832 --> 00:13:28,378 ธรรมชาติใช้เวลา 100 ล้านปี 261 00:13:28,378 --> 00:13:30,514 กว่าจะทำให้มนุษย์ลิงยืนขึ้นสองขา 262 00:13:30,514 --> 00:13:32,698 และกลายเป็นมนุษย์โฮโมเซเปียนส์ 263 00:13:32,698 --> 00:13:36,394 แต่พวกเราใช้เวลาแค่ 10,000 ปี ทำให้การ " รู้ " เป็นเรื่องล้าสมัย 264 00:13:36,394 --> 00:13:38,576 นั่นเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งนะ 265 00:13:38,576 --> 00:13:42,603 แต่เราต้องบูรณาการมันเข้ากับอนาคตของเรา 266 00:13:42,603 --> 00:13:45,562 ดูเหมือนการให้กำลังใจจะเป็นหัวใจสำคัญ 267 00:13:45,562 --> 00:13:46,772 ถ้าคุณดูที่เมืองคุปปัม 268 00:13:46,772 --> 00:13:49,586 ถ้าคุณลองดูการทดลองทั้งหมดที่ผมเคยทำ 269 00:13:49,586 --> 00:13:56,721 มันก็แค่การพูดว่า "ว้าว" เพื่อสดุดีการเรียนรู้ 270 00:13:56,721 --> 00:13:59,115 มีหลักฐานทางประสาทวิทยาศาสตร์ว่า 271 00:13:59,115 --> 00:14:02,317 ใจกลางของสมองคนเรา ส่วนที่เหมือนของสัตว์เลี้อยคลาน 272 00:14:02,317 --> 00:14:06,053 เมื่อถูกคุกความ มันจะไปหยุดการทำงานของส่วนอื่นๆ หมด 273 00:14:06,053 --> 00:14:09,731 มันปิดสวิทช์สมองส่วนหน้า ส่วนที่ใช้ในการเรียนรู้ 274 00:14:09,731 --> 00:14:12,475 มันหยุดการทำงานของส่วนนั้นหมด 275 00:14:12,475 --> 00:14:16,623 การลงโทษและการสอบก็คือภาวะคุกคาม 276 00:14:16,623 --> 00:14:20,248 เราปิดสวิทช์สมองของเด็กๆ 277 00:14:20,248 --> 00:14:22,944 แล้วก็สั่งให้เขา "ทำงาน" 278 00:14:22,944 --> 00:14:26,425 ทำไมเขาถึงสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมา? 279 00:14:26,425 --> 00:14:28,071 เพราะเมื่อก่อนมันจำเป็น 280 00:14:28,071 --> 00:14:30,656 ในยุคจักรวรรดินิยม 281 00:14:30,656 --> 00:14:34,926 คุณต้องการคนที่เอาตัวรอดได้ในภาวะถูกคุกคาม 282 00:14:34,926 --> 00:14:37,193 เมื่อคุณยืนอยู่ในสนามเพลาะคนเดียว 283 00:14:37,193 --> 00:14:41,224 ถ้าคุณรอดมาได้ คุณโอเค คุณผ่าน 284 00:14:41,224 --> 00:14:44,197 ถ้าคุณไม่รอด คุณก็ตก 285 00:14:44,197 --> 00:14:46,853 แต่ยุคจักรวรรดินิยมนั้นผ่านไปแล้ว 286 00:14:46,853 --> 00:14:50,491 เกิดอะไรขึ้นกับความคิดสร้างสรรค์ในยุคของเรา? 287 00:14:50,491 --> 00:14:53,506 เราต้องปรับเปลี่ยนสมดุล 288 00:14:53,506 --> 00:14:56,915 จากการคุกคามกลับไปสู่ความพึงพอใจ 289 00:14:56,915 --> 00:15:00,867 ผมกลับมาที่อังกฤษเพื่อตามหาคุณยายชาวอังกฤษ 290 00:15:00,867 --> 00:15:03,884 ผมเขียนประกาศในกระดาษว่า 291 00:15:03,884 --> 00:15:07,304 ถ้าคุณเป็นคุณยายชาวอังกฤษ มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และกล้องเว็บแคม 292 00:15:07,304 --> 00:15:10,531 คุณจะสละเวลาให้ผมสัปดาห์ละหนึ่งชั่วโมงได้ไหม? 293 00:15:10,531 --> 00:15:12,643 ผมหาคุณยายได้ 200 คนภายในสองสัปดาห์แรก 294 00:15:12,643 --> 00:15:17,551 ตอนนี้ผมรู้จักคุณยายชาวอังกฤษมากกว่าใครในจักรวาลแล้ว (เสียงหัวเราะ) 295 00:15:17,551 --> 00:15:21,366 เราเรียกคุณยายเหล่านี้ว่า คุณยายบนก้อนเมฆ 296 00:15:21,366 --> 00:15:23,096 คุณยายบนก้อนเมฆนั่งอยู่ในอินเทอร์เน็ต 297 00:15:23,096 --> 00:15:27,470 เมื่อเด็กๆ มีปัญหา เราก็ส่งสัญญาณไปหาคุณยาย 298 00:15:27,470 --> 00:15:31,039 คุณยายจะมาจัดการ ผ่านทางสไกป์ 299 00:15:31,039 --> 00:15:34,658 ผมเคยเห็นเขาทำแบบนี้ในหมู่บ้านชื่อดิกเกิลส์ 300 00:15:34,658 --> 00:15:36,703 ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ 301 00:15:36,703 --> 00:15:40,007 ลึกเข้าไปในหมู่บ้านในรัฐทมิฬนาดู อินเดีย 302 00:15:40,007 --> 00:15:42,247 ห่างออกไป 6,000 ไมล์ 303 00:15:42,247 --> 00:15:45,823 เธอทำได้ด้วยท่าทางเก่าแก่ที่คุ้นเคย 304 00:15:45,823 --> 00:15:47,538 "ชู่..." 305 00:15:47,538 --> 00:15:50,263 โอเค 306 00:15:50,263 --> 00:15:51,799 ลองดูนี่ 307 00:15:51,799 --> 00:15:56,055 คุณยาย: เธอจับฉันไม่ได้หรอก ไหนพูดซิ 308 00:15:56,055 --> 00:15:59,823 เธอจับฉันไม่ได้หรอก 309 00:15:59,823 --> 00:16:02,791 เด็กๆ: เธอจับฉันไม่ได้หรอก 310 00:16:02,791 --> 00:16:08,373 คุณยาย: ฉันคือมนุษย์ขนมปังขิง เด็กๆ: ฉันคือมนุษย์ขนมปังขิง 311 00:16:08,373 --> 00:16:12,963 คุณยาย: ถูกต้อง! ดีมาก 312 00:16:12,963 --> 00:16:15,421 ซูกาตา: เกิดอะไรขึ้นครับ? 313 00:16:15,421 --> 00:16:17,265 ผมว่าสิ่งที่เราต้องมาดูกันคือ 314 00:16:17,265 --> 00:16:19,646 เราต้องมองว่าการเรียนรู้ 315 00:16:19,646 --> 00:16:24,234 เป็นผลผลิตของการจัดการเรียนรู้ด้วยตัวเอง 316 00:16:24,234 --> 00:16:27,079 ถ้าคุณยอมปล่อยให้กระบวนการศึกษาจัดระบบตัวมันเอง 317 00:16:27,079 --> 00:16:29,570 การเรียนรู้ก็จะเกิดขึ้น 318 00:16:29,570 --> 00:16:31,963 มันไม่ใช่การ "ทำ" ให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น 319 00:16:31,963 --> 00:16:34,179 แต่เป็นการ "ปล่อย" ให้เกิดการเรียนรู้ขึ้น 320 00:16:34,179 --> 00:16:37,452 ครูทำหน้าที่ผลักดันให้กระบวนการนี้เริ่มต้น 321 00:16:37,452 --> 00:16:40,171 แล้วถอยไปยืนอยู่เบื้องหลังด้วยความทึ่ง 322 00:16:40,171 --> 00:16:42,539 เมื่อมองเห็นการเรียนรู้เกิดขึ้น 323 00:16:42,539 --> 00:16:45,492 ผมคิดว่านั่นแหละคือแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น 324 00:16:45,492 --> 00:16:48,244 แต่เราจะรู้แน่ได้อย่างไร? 325 00:16:48,244 --> 00:16:49,919 ผมตั้งใจจะสร้าง 326 00:16:49,919 --> 00:16:53,220 สภาพแวดล้อมเพื่อการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-Organized Learning Environments - SOLE) 327 00:16:53,220 --> 00:16:56,905 ซึ่งก็คืออินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ การร่วมมือกัน 328 00:16:56,905 --> 00:16:59,298 และการให้กำลังใจประกอบกัน 329 00:16:59,298 --> 00:17:01,004 ผมทดลองสูตรนี้ในหลายต่อหลายโรงเรียน 330 00:17:01,004 --> 00:17:03,539 ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยคุณครูหลายคน 331 00:17:03,539 --> 00:17:07,165 ยืนดูแล้วบอกว่า "แล้วการเรียนรู้จะเกิดขึ้นเองเหรอ?" 332 00:17:07,165 --> 00:17:10,282 ผมบอกว่า "ใช่ มันจะเกิดขึ้นเอง" "รู้ได้ยังไงล่ะ?" 333 00:17:10,282 --> 00:17:13,775 ผมตอบว่า "คุณคงไม่เชื่อที่เด็กๆ บอกผม 334 00:17:13,775 --> 00:17:16,703 และคงไม่เชื่อด้วยว่าเขามาจากไหน" 335 00:17:16,703 --> 00:17:19,447 ลองดูนี่ นี่คือห้องเรียนแบบ SOLE 336 00:17:19,447 --> 00:17:25,556 (เสียงเด็กคุยกัน) 337 00:17:25,556 --> 00:17:31,845 อันนี้ที่อังกฤษ 338 00:17:31,845 --> 00:17:35,611 เขารักษากฎระเบียบในห้องเรียน 339 00:17:35,611 --> 00:17:44,126 เพราะ จำได้ใช่ไหมครับ ว่าไม่มีครูอยู่ด้วย 340 00:17:46,096 --> 00:17:49,999 เด็กผู้หญิง: จำนวนรวมของอิเล็กตรอนไม่เท่ากับจำนวนโปรตอน ซูกาตา: นี่ที่ออสเตรเลีย 341 00:17:49,999 --> 00:17:56,734 เด็กผู้หญิง: ทำให้ไอออนมีประจุไฟฟ้าบวกหรือลบ 342 00:17:56,734 --> 00:18:00,318 ระดับประจุของไอออนตัวหนึ่ง เท่ากับจำนวนโปรตอนในไอออน 343 00:18:00,318 --> 00:18:03,611 ลบด้วยจำนวนอิเล็กตรอน 344 00:18:03,611 --> 00:18:06,660 ซูกาตา: ความรู้ที่เกินอายุของเธอเป็นสิบปี 345 00:18:06,660 --> 00:18:10,263 ดังนั้น สำหรับ SOLE ผมว่าเราต้องการคำถามสำคัญที่น่าสนใจ 346 00:18:10,263 --> 00:18:12,469 คุณคงเคยได้ยินคำถามแบบนี้ คุณรู้ว่ามันหมายถึงอะไร 347 00:18:12,469 --> 00:18:15,870 สมัยก่อนนี้ หนุ่มสาวยุคหิน 348 00:18:15,870 --> 00:18:17,974 เคยนั่งมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วถามว่า 349 00:18:17,974 --> 00:18:20,453 "แสงวิบวับพวกนั้นคืออะไร?" 350 00:18:20,453 --> 00:18:25,247 แล้วเขาก็สร้างหลักสูตรขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เราลืมคำถามน่าพิศวงพวกนี้ไปหมด 351 00:18:25,247 --> 00:18:29,377 แล้วย่อมันลงจนเหลือแค่ด้านของสามเหลี่ยม 352 00:18:29,377 --> 00:18:33,085 แต่มันไม่น่าสนใจพอ 353 00:18:33,085 --> 00:18:36,046 ถ้าคุณจะสอนเด็กเก้าขวบ คุณต้องบอกว่า 354 00:18:36,046 --> 00:18:39,199 "ถ้ามีอุกาบาตกำลังพุ่งมาทางโลก 355 00:18:39,199 --> 00:18:42,597 หนูจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะชนโลกหรือเปล่า?" 356 00:18:42,597 --> 00:18:45,157 ถ้าเขาถามว่า "อะไรนะครับ? ทำยังไงล่ะครับ?" 357 00:18:45,157 --> 00:18:48,142 คุณก็บอกไปว่า "มีคำวิเศษคำหนึ่ง คำว่าด้านของสามเหลี่ยม" 358 00:18:48,142 --> 00:18:51,013 แล้วปล่อยเขาอยู่คนเดียว เขาจะหาคำตอบได้เอง 359 00:18:51,013 --> 00:18:55,471 นี่เป็นภาพบางส่วนจากโครงการ SOLE 360 00:18:55,471 --> 00:19:01,060 ผมลองตั้งคำถามยากๆ เช่น 361 00:19:01,060 --> 00:19:05,348 "โลกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? แล้วมันจะสิ้นสุดอย่างไร?" 362 00:19:05,348 --> 00:19:07,293 ถามเด็กอายุเก้าขวบ 363 00:19:07,293 --> 00:19:10,269 อันนี้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับอากาศที่เราหายใจเข้าไป 364 00:19:10,269 --> 00:19:15,227 เด็กๆ เขียนออกมาเองโดยครูไม่ต้องช่วยเลย 365 00:19:15,227 --> 00:19:17,611 ครูเพียงแค่ตั้งคำถาม 366 00:19:17,611 --> 00:19:21,275 แล้วถอยไปข้างหลัง และชื่นชมคำตอบของเด็กๆ 367 00:19:21,275 --> 00:19:25,011 ดังนั้น พรที่ผมจะขอคืออะไร? 368 00:19:25,011 --> 00:19:27,227 พรที่ผมอยากขอคือ 369 00:19:27,227 --> 00:19:31,541 อยากให้เราออกแบบอนาคตของการเรียนรู้ 370 00:19:31,541 --> 00:19:33,507 เราไม่อยากเป็นแค่ชิ้นส่วนอะไหล่ 371 00:19:33,507 --> 00:19:35,899 ของเครื่องคอมพิวเตอร์มนุษย์ ใช่ไหมครับ? 372 00:19:35,899 --> 00:19:39,555 เราจึงต้องออกแบบอนาคตการเรียนรู้ 373 00:19:39,555 --> 00:19:41,191 และเราจะต้อง... เดี๋ยวนะครับ 374 00:19:41,191 --> 00:19:43,891 ผมต้องพูดให้ถูกต้องครบถ้วน 375 00:19:43,891 --> 00:19:46,535 เพราะ คุณรู้ใช่ไหม มันสำคัญมาก 376 00:19:46,535 --> 00:19:48,851 พรที่ผมอยากขอ คือ การสร้างอนาคตของการเรียนรู้ 377 00:19:48,851 --> 00:19:51,085 โดยสนับสนุนเด็กๆ ทั่วโลก 378 00:19:51,085 --> 00:19:54,131 ให้นำความรู้สึกพิศวงและสามารถของเขา ออกมาทำงานด้วยกัน 379 00:19:54,131 --> 00:19:56,363 โปรดช่วยผมสร้างโรงเรียนแห่งนี้ 380 00:19:56,363 --> 00:19:59,699 ผมจะเรียกมันว่า โรงเรียนบนก้อนเมฆ (School in the Cloud) 381 00:19:59,699 --> 00:20:04,772 เป็นโรงเรียนที่เด็กๆ จะได้ผจญภัยทางความคิด 382 00:20:04,772 --> 00:20:08,629 โดยแรงผลักดันจากคำถามสำคัญที่ครูหยอดมาให้ 383 00:20:08,629 --> 00:20:10,900 สิ่งที่ผมจะทำ คือ 384 00:20:10,900 --> 00:20:15,260 สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ผมสามารถศึกษากระบวนการนี้ได้ 385 00:20:15,260 --> 00:20:18,060 เป็นที่ที่ไม่ต้องมีคนมาอยู่ประจำ 386 00:20:18,060 --> 00:20:19,827 แค่มีคุณยายคนหนึ่ง 387 00:20:19,827 --> 00:20:22,268 คอยจัดการเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย 388 00:20:22,268 --> 00:20:23,701 อย่างอื่นที่เหลือหาได้จากอินเทอร์เน็ต 389 00:20:23,701 --> 00:20:25,616 แสงไฟเปิดปิดตามโปรแกรมในอินเทอร์เน็ต 390 00:20:25,616 --> 00:20:27,644 เป็นต้น ทุกอย่างทำผ่านอินเทอร์เน็ตหมด 391 00:20:27,644 --> 00:20:30,869 แต่ผมอยากขอความช่วยเหลือจากคุณเรื่องหนึ่ง 392 00:20:30,869 --> 00:20:33,628 คุณสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเองได้ 393 00:20:33,628 --> 00:20:38,644 ที่บ้าน ที่โรงเรียน นอกโรงเรียน ในคลับ 394 00:20:38,644 --> 00:20:40,772 ทำง่ายมาก เรามีเอกสารที่เยี่ยมมาก 395 00:20:40,772 --> 00:20:42,660 ที่ TED จัดทำขึ้น ซึ่งบอกคุณหมดเลยว่าจะทำอย่างไร 396 00:20:42,660 --> 00:20:46,036 ผมขอร้องให้คุณลองทำดู 397 00:20:46,036 --> 00:20:48,401 ทั่วทวีปทั้งห้า 398 00:20:48,401 --> 00:20:50,612 แล้วส่งข้อมูลมาให้ผม 399 00:20:50,612 --> 00:20:54,116 ผมจะเอาข้อมูลมารวมกัน และใส่เข้าไปในโรงเรียนบนก้อนเมฆ 400 00:20:54,116 --> 00:20:57,380 และสร้างอนาคตของการเรียนรู้ 401 00:20:57,380 --> 00:20:59,172 นั่นคือพรที่ผมขอ 402 00:20:59,172 --> 00:21:00,595 และท้ายสุดนี้ 403 00:21:00,595 --> 00:21:03,188 ผมจะพาคุณขึ้นไปบนยอดเขาหิมาลัย 404 00:21:03,188 --> 00:21:06,491 ที่ความสูง 12,000 ฟุต อากาศเบาบาง 405 00:21:06,491 --> 00:21:09,476 ผมเคยติดตั้งคอมพิวเตอร์ในช่องกำแพงสองเครื่อง 406 00:21:09,476 --> 00:21:10,931 และเด็กๆ ก็มาจับกลุ่มกันที่นั่น 407 00:21:10,931 --> 00:21:13,828 มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่คอยเดินตามผมไปทั่ว 408 00:21:13,828 --> 00:21:18,544 ผมบอกเธอว่า "หนูรู้ไหม ลุงอยากหาคอมพิวเตอร์ ให้ทุกคน ให้เด็กทุกคนเลย 409 00:21:18,544 --> 00:21:20,945 แต่ลุงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี?" 410 00:21:20,945 --> 00:21:24,976 และขณะที่ผมกำลังพยายามถ่ายรูปเธอเงียบๆ 411 00:21:24,976 --> 00:21:29,032 ทันใดนั้น เธอก็ยกมือขึ้นมาแบบนี้ และบอกผมว่า 412 00:21:29,032 --> 00:21:30,921 "เลิกพูด แล้วลงมือทำสิ" 413 00:21:30,921 --> 00:21:42,785 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 414 00:21:42,785 --> 00:21:44,646 ผมว่านั่นเป็นคำแนะนำที่ดีนะ 415 00:21:44,646 --> 00:21:46,714 ผมจะทำตามคำแนะนำของเธอ ผมจะหยุดพูดละ 416 00:21:46,714 --> 00:21:50,704 ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ 417 00:21:50,704 --> 00:21:54,455 (เสียงปรบมือ) 418 00:21:54,455 --> 00:22:02,779 ขอบคุณครับ ขอบคุณ (เสียงปรบมือ) 419 00:22:02,779 --> 00:22:09,194 ขอบคุณมากครับ ว้าว (เสียงปรบมือ)