ฉันชื่อเอมี่ เวบบ์ (Amy Webb)
เมื่อสองสามปีก่อน ฉันพบว่าตัวเองเดินมาถึง
จุดจบของความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งหนึ่ง
ที่ล่มสลายลงอย่างสุดสะเทือนใจ
ฉันมานั่งคิดนะว่า ฉันผิดตรงไหน
ฉันไม่เข้าใจว่าทำมันถึงเกิดกับฉันครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉันจึงไปถามทุกคนในชีวิตฉัน
ว่าเขาคิดอย่างไร
ฉันไปถามคุณยายของฉัน
ซึ่งมึคำแนะนำให้มากมายอยู่เสมอ
ยายบอกว่า "เลิกเป็นคนช่างเลือกซะทีสิ
แกต้องลองคบคนไปเรื่อยๆ
และที่สำคัญนะ
รักแท้จะมาหาแกเอง เมื่อแกเลิกไขว่คว้า"
แต่ว่า
ฉันเป็นคนชอบคิดเรื่องข้อมูลมาก ๆ
ซึ่งเดี๋ยวคุณก็จะเห็น
ฉันเวียนว่ายอยู่ท่ามกลางตัวเลข
สูตรคณิตศาสตร์ และแผนภูมิตลอดเวลา
และครอบครัวฉันก็ใกล้ชิดกันมาก
ฉันสนิทกับพี่สาวของฉันมาก ๆ
ดังนั้น ฉันจึงคิดเสมอว่า
ฉันอยากมีครอบครัวแบบนี้เมื่อโตขึ้น
แต่แล้วฉันก็มาอกหักครั้งใหญ่
ตอนอายุ 30
ฉันคิดว่า ฉันต้อง
ดูใจใครสักคนสักหกเดือน
กว่าจะพร้อมจริงจังกับเขาคนเดียว
ก่อนที่จะลองมาอยู่ด้วยกัน
ซึ่งก็ต้องนานพอสมควร กว่าจะหมั้นกันได้
และถ้าฉันจะเริ่มมีลูกตอนอายุ 35
นั่นหมายความว่า ฉันต้องเริ่มต้น
ปฏิบัติการสละโสดนี้ตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว
ซึ่งนั่นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ถ้าแผนของฉันคือ เลิกไขว่คว้า
แล้วรอให้ความรักเข้ามาหาเอง
ฉันต้องเล่นกับตัวแปรความบังเอิญ
พูดง่ายๆ คือ ฉันลองคำนวณดูว่า
ความน่าจะเป็นที่ฉันจะเจอคนที่ใช่
มีมากน้อยแค่ไหน
ตอนนั้นฉันอยู่ที่ฟิลาเดลเฟีย
เมืองใหญ่ทีเดียว ฉันก็คิดว่า
จากคนทั้งเมืองนี้
น่าจะมีความเป็นไปได้สูงอยู่นะ
แล้วฉันก็เริ่มคิดเลขอีก
ประชากรของฟิลาเดลเฟียมี 1.5 ล้านคน
คงมีผู้ชายอยู่ครึ่งหนึ่ง
ก็เหลือ 750,000 คน
ฉันมองหาผู้ชายอายุ 30-36
ซึ่งมีอยู่ 4% ของประชากร
ก็เหลือผู้ชายที่เข้าข่ายอยู่ 30,000 คน
ฉันต้องการคนเชื้อสายยิว
เพราะฉันเองเป็นยิว เรื่องนี้จึงสำคัญสำหรับฉัน
ซึ่งคนเชื้อสายยิวมีอยู่ 2.3% ของประชากร
ฉันว่าฉันคงรู้สึกถูกใจสัก 1 ใน 10
ของผู้ชายกลุ่มนี้
และฉันไม่มีทางคบกับ
ผู้ชายที่บ้ากอล์ฟด้วย
สรุปว่าคงมีผู้ชายทั้งหมด 35 คน
ที่ฉันอาจจะลองคบด้วยได้
จากประชากรทั้งหมดในเมืองฟิลาเดลเฟีย
ระหว่างนั้น คนในครอบครัวยิวขนาดใหญ่ของฉัน
ก็แต่งงานหมดแล้ว
และกำลังจะมีลูกกันมากมาย
ฉันรู้สึกถูดกดดันอย่างหนัก
ให้สร้างชีวิตครอบครัวเสียที
ทีนี้ ฉันมีแผนให้เลือกสองแผน
เท่าที่นึกได้
แผนแรก ทำตามคำแนะนำของยาย
โดยไม่ต้องไปไขว่คว้า
รอให้บังเอิญได้เจอผู้ชายสักคน
จาก 35 คน ในเมืองใหญ่
ที่มีคน 1.5 ล้านคนอย่างฟิลาเดลเฟีย
หรือว่าจะลองหาคู่ออนไลน์
ฉันชอบแนวคิดของการหาคู่ออนไลน์นะ
เพราะมันตั้งอยู่บนอัลกอริธึม
(สูตรหรือขั้นตอนในการแก้ปัญหา)
พูดง่ายๆ ก็คือ
ฉันมีปัญหา ฉันจะใช้ข้อมูลบางอย่าง
ประมวลผลผ่านระบบ
เพื่อหาวิธีแก้ปัญหา
ดังนั้น การหาคู่ออนไลน์จึงเป็นวิธียอดนิยมอันดับสอง
ที่ช่วยให้คนมาพบกัน
แต่ปรากฏว่า สูตรหรืออัลกอริธึมในการจับคู่
มีมาหลายพันปีแล้วในแทบทุกวัฒนธรรม
ที่จริง ในวัฒนธรรมยิวสมัยก่อน
เราก็มีแม่สื่อ และแม้ว่า
พวกเขาจะไม่ได้มีสูตร หรืออัลกอริธึมที่ชัดเจน
แต่เขาต้องคิดคำนวณ ตามสูตรบางอย่างอยู่ในหัวแน่ๆ
เช่น สาวเจ้าจะชอบหนุ่มคนนี้ไหม
ครอบครัวของสองฝ่ายจะเข้ากันได้ไหม
แล้วท่านแรบไบจะว่าอย่างไร
เขาจะมีลูกกันได้ทันทีเลยไหม
พ่อสื่อแม่สื่อก็จะประเมินตามเกณฑ์พวกนี้
พาหนุ่มสาวมาเจอกัน แล้วก็จบ
สำหรับกรณีของฉัน ฉันจึงคิดว่า
ข้อมูลและสูตรคำนวณบางอย่าง
จะนำฉันไปเจอเจ้าชายทรงเสน่ห์ได้ไหม
ฉันเลยตัดสินใจสมัครเว็บหาคู่
แต่มีปัญหาเล็กๆ อยู่อย่างหนึ่ง
ระหว่างสมัครสมาชิกเว็บหาคู่หลายๆ เว็บ
ตอนนั้นฉันงานยุ่งมากๆ
ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดคือ
ฉันเกลียดการตอบแบบสอบถามทุกชนิด
ฉันไม่ชอบเลย แบบสอบถามที่เหมือน
ในนิตยสารคอสโมโพลิแทน
ฉันเลยก๊อปปี้ข้อความ จากประวัติย่อของตัวเองมาแปะ
(เสียงหัวเราะ)
ตรงช่องที่ให้เขียนบรรยายข้างบนนี้
ฉันใส่ไปว่าฉันเป็นผู้สื่อข่าวที่ได้รับรางวัล
และนักคาดการณ์อนาคต
ตรงคำถามเกี่ยวกับกิจกรรมสนุกๆ ที่ฉันชอบ และแฟนในฝัน
ฉันตอบว่า การคำนวณมูลค่าสิ่งต่างๆ เป็นเงิน
และ พูดภาษาญี่ปุ่นคล่อง
ฉันพูดถึงจาวาสคริปต์ (JavaScript) เยอะมาก
เห็นชัดๆ เลยว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด
ในการนำเสนอความเซ็กซี่มีเสน่ห์ของฉัน
แต่ความล้มเหลวที่แท้จริงคือ
มีผู้ชายให้ฉันไปเดทด้วยมากมาย
อัลกอริธึมนี้ให้ผลลัพธ์ออกมา เป็นผู้ชายมากมาย
ที่อยากพาฉันออกไปเดท
แต่กลายเป็นเดทที่เลวร้ายสุดๆ
มีผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อสตีฟ เป็นหนุ่มไอที
อัลกอริธึมของเว็บจับคู่เราเข้าด้วยกัน
เพราะเราชอบอุปกรณ์ทันสมัยเหมือนกัน
เราชอบคณิตศาสตร์ ข้อมูล และเพลงยุค 80s เหมือนกัน
ฉันเลยตกลงออกไปเดทกับเขา
สตีฟ หนุ่มไอทีคนนี้ชวนฉันไปทานข้าว
ที่ร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งในฟิลาเดลเฟีย
เป็นร้านที่แพงมากๆ
เราเข้าไปนั่งในร้าน และตั้งแต่เริ่มคุยกัน
ก็รู้สึกได้ว่าเราคุยกันไม่สนุกเลย
แต่เขาก็สั่งอาหารมากมาย
ที่จริง เขาไม่ได้ดูเมนูเลยด้วยซ้ำ
เขาสั่งอาหารเรียกน้ำย่อยหลายจาน
จานหลักอีกหลายจาน สั่งเผื่อฉันด้วย
รู้ตัวอีกที ก็มีอาหารกองเต็มโต๊ะไปหมด
แล้วยังมีไวน์อีกหลายต่อหลายขวด
พอคุยกันใกล้จบและกินข้าวใกล้เสร็จ
ฉันก็ตัดสินใจว่า
สตีฟ พ่อหนุ่มไอทีกับฉัน ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคู่กัน
แต่เราคงเป็นเพื่อนกันได้
ทีนี้ ตอนเขาลุกไปห้องน้ำ
บิลค่าอาหารก็มาพอดี
ฟังนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงสมัยใหม่
ฉันเห็นด้วยกับการหารกันจ่าย
แต่สตีฟ พ่อหนุ่มไอทีไม่กลับมาอีกเลย
(เสียงฮือฮา)
นั่นค่าเช่าบ้านทั้งเดือนของฉันเลยนะ
ไม่ต้องพูดก็คงรู้ว่า คืนนั้นฉันไม่สนุกเลย
ฉันกลับบ้าน โทรหาแม่ โทรหาพี่สาว
และทุกครั้งที่การออกเดทของฉัน
จบลงแบบแย่ๆ
ฉันเล่ารายละเอียด ให้ครอบครัวฉันฟังมากมาย
แล้วเขาก็จะบอกฉันว่า
"หยุดบ่นได้แล้ว"
(เสียงหัวเราะ)
"เธอมันช่างเลือกมากไป"
ฉันเลยบอกว่า ได้ ตั้งแต่นี้ไป
ฉันจะไปออกเดทในที่ที่ฉันรู้
ว่ามีสัญญาณไวไฟ
ฉันจะเอาแล็ปท็อปติดกระเป๋าไปด้วย
ฉันจะสร้างแบบฟอร์มอีเมล์ขึ้นมา
และจะเติมข้อมูลที่ฉันคอยเก็บ
ระหว่างออกเดทอยู่ลงไป
เพื่อพิสูจน์เชิงประจักษ์ให้ทุกคนเห็นว่า
คู่เดทเหล่านี้ห่วยจริงๆ (เสียงหัวเราะ)
แล้วฉันก็เริ่มเก็บข้อมูล เช่น
คำพูดเรื่องเพศที่งี่เง่า ฟังแล้วอี๋
คำหยาบ
จำนวนครั้งที่ผู้ชายพวกนี้ บังคับให้ฉันแปะมือไฮไฟว์ด้วย
(เสียงหัวเราะ)
แล้วฉันก็เริ่มคำนวณตัวเลข
คิดค่าสหสัมพันธ์ออกมา
ซึ่งฉันพบว่า
ไม่รู้ทำไม ชายหนุ่มที่ดื่มเหล้าสก็อต
ถึงพูดเรื่องเซ็กส์วิตถารทันทีเลย
(เสียงหัวเราะ)
แต่ที่จริง ฉันพบว่า
หนุ่มๆ พวกนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย
เพียงแต่เขาไม่เหมาะกับฉัน
สูตรหรืออัลกอริธึมที่จับคู่ให้เรา
ก็ไม่ได้แย่ด้วย
อัลกอริธืมพวกนี้ทำงาน
ตามที่ถูกออกแบบมาเป๊ะ
นั่นคือเอาข้อมูลที่ผู้ใช้สร้างขึ้น
ในกรณีของฉันก็คือประวัติย่อของฉัน
แล้วเอามาจับคู่กับข้อมูลของคนอื่น
เห็นไหมคะ ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่
ในขณะที่สูตรหรืออัลกอริธึมทำงานได้ดี
คุณกับฉันต่างหากที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี
เมื่อเจอหน้าจอว่างเปล่าบนเว็บออนไลน์
ที่เราต้องกรอกข้อมูลของเราเข้าไป
คงมีไม่กี่คนที่สามารถกรอกข้อมูล
อย่างตรงไปตรงมากับตัวเองได้อย่างแท้จริง
อีกปัญหาหนึ่งคือ เว็บไซต์เหล่านี้
ถามคำถามเช่น คุณชอบหมาหรือแมว
คุณชอบหนังสยองขวัญหรือโรแมนติก
ฉันไม่ได้หาเพื่อนคุยทางจดหมายนะ
ฉันกำลังหาสามี เข้าใจไหม
ข้อมูลพวกนี้มันค่อนข้างผิวเผิน
ฉันเลยคิดว่า เอาล่ะ ฉันมีแผนใหม่
ฉันจะใช้เว็บไซต์หาคู่ออนไลน์พวกนี้ต่อไป
แต่ฉันจะใช้มันเป็นฐานข้อมูล
และแทนที่จะรอให้อัลกอริธึมของเว็บจับคู่ให้
ฉันจะสร้างระบบที่ทำงานย้อนกลับบนระบบนี้
เอาล่ะ ฉันรู้ว่าระบบใช้ข้อมูลผิวเผิน
มาจับคู่ฉันกับคนอื่น
ฉันจึงตัดสินใจว่าจะถามคำถามของฉันเอง
ถามถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่นึกออก
เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันมองหาในคู่ชีวิต
ฉันจึงเริ่มเขียน เขียน และเขียน
ในที่สุด ฉันก็รวบรวม
ได้ทั้งหมด 72 ข้อ
ฉันต้องการคนที่ เหมือนคนยิว
นั่นคือ คนที่มีพื้นฐานทางความคิด
ตั้งอยู่บนวัฒนธรรมยิวหมือนฉัน
แต่จะไม่บังคับให้ฉันไปโบสถ์ของยิว
ทุกวันศุกร์และเสาร์
ฉันต้องการคนที่ทำงานหนัก
เพราะสำหรับฉัน งานเป็นสิ่งสำคัญมาก
แต่ก็ไม่ใช่ทำจนหนักเกินไป
สำหรับฉัน งานอดิเรกก็คือ
การทำงานโปรเจคใหม่ที่ฉันเพิ่งเริ่มต้น
ฉันอยากได้คนที่อยากมีลูกสองคน
และต้องมีทัศนคติในการเลี้ยงลูกเหมือนฉันด้วย
เขาต้องเข้าใจและยอมรับได้
กับการบังคับให้ลูกเรียนเปียโนตั้งแต่สามขวบ
หรืออาจจะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ด้วย
ถ้าเราเถียงกันจบนะ
อะไรประมาณนี้ นอกจากนี้ฉันยังต้องการ
คนที่จะเดินทางไปต่างถิ่น ที่ไกลๆ แปลกๆ
เช่น เพทรา เมืองโบราณในจอร์แดน
ฉันอยากได้คนที่จะหนักกว่าฉัน
20 ปอนด์ตลอดเวลา
ไม่ว่าฉันจะหนักเท่าไหร่
(เสียงหัวเราะ)
ทีนี้ฉันก็มีเกณฑ์ 72 ข้อนี้
ซึ่งก็เยอะจริงๆ นั่นแหละ
ทีนี้ ฉันก็นั่งดู
และจัดลำดับความสำคัญของรายการพวกนี้
แบ่งเป็นเกณฑ์สำคัญระดับหนึ่งกับสอง
และจัดอันดับทุกอย่างตั้งแต่ 100
ไปจนถึง 91
และเขียนลงไปว่า ฉันอยากได้คนที่ฉลาดมากๆ
ที่จะท้าทายและกระตุ้นความคิดฉัน
และถ่วงดุลย์ด้วยเกณฑ์
และรายการในกลุ่มที่ 2
สิ่งเหล่านี้ก็สำคัญสำหรับฉัน
แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นตัวชี้ขาด
เมื่อได้เกณฑ์พวกนี้แล้ว
ฉันก็สร้างระบบให้คะแนน
เพราะสิ่งที่ฉันจะทำ
คือการคำนวณทางคณิตศาสตร์
ว่าผู้ชายที่ฉันเจอออนไลน์
จะเหมาะกับฉันหรือเปล่า
ฉันตั้งเป้าว่า ผู้ชายในเว็บ
ต้องได้คะแนนอย่างน้อย 700 คะแนน
ฉันถึงจะอีเมล์หาเขา
หรือตอบข้อความของเขา
ถ้าคะแนนถึง 900 ฉันจะตกลงไปออกเดทกับเขา
แต่จะไม่คิดเรื่องความสัมพันธ์ใดๆ
จนกว่าใครคนนั้น จะได้คะแนนเกินเกณฑ์ 1,500 คะแนน
ปรากฏว่าระบบนี้ได้ผลดีมาก
ฉันกลับไปออนไลน์
และพบผู้ชายชื่อ Jewishdoc57
ซึ่งหน้าตาดีมากๆ พูดจาดีมาก
เขาเคยเดินขึ้นภูเขาไฟฟูจิ
เคยเดินบนกำแพงเมืองจีน
เขาชอบเดินทางไปไหนก็ได้ ที่ไม่มีการล่องเรือ
ฉันคิดในใจว่า สำเร็จแล้ว !
ฉันถอดรหัสสำเร็จ
และค้นพบเจ้าชายทรงเสน่ห์เชื้อสายยิว
ตามความฝันของครอบครัวฉันแล้ว
แต่ปัญหาอย่างเดียวคือ
เขาไม่ชอบฉันตอบ
ฉันคิดว่าอีกตัวแปรหนึ่งที่ฉันไม่ได้คำนึงถึง
คือการแข่งขัน
ผู้หญิงคนอื่นๆ ทั้งหมด
ที่อยู่บนเว็บหาคู่พวกนี้คือใคร
ฉันเจอผู้หญิงชื่อ SmileyGirl1978
เธอบอกว่าเธอเป็น "สาวน้อยรักสนุก
ผู้มีความสุข และเข้ากับคนง่าย"
เธอบอกว่าเธอเป็นครู
เธอบอกว่าเธอ "บ๊องๆ นิสัยดี และเป็นมิตร"
เธอชอบทำให้ให้คนอื่นหัวเราะ "ม๊าก มาก"
ณ จุดนี้ ฉันถึงรู้ หลังจากดูข้อมูล
สาวๆ คนแล้วคนเล่า
ว่าฉันต้องทำวิจัยตลาดสักหน่อย
ฉันก็เลยสร้างโปรไฟล์ปลอมของผู้ชาย 10 คน
เอาล่ะ ก่อนที่คุณจะเลิกฟังฉัน
(เสียงหัวเราะ)
โปรดเข้าใจว่าฉันทำไป
เพียงเพื่อเก็บข้อมูล
คนอื่นๆ ที่อยู่ในระบบเท่านั้น
ไม่ได้กะจะไปหลอกลวงใครนะ
ฉันแค่อยากได้ข้อมูลจากเขา
แต่ฉันไม่ได้อยากได้ข้อมูลของทุกคน
ฉันอยากได้เฉพาะข้อมูลของ
ผู้หญิงที่จะมาชอบผู้ชาย
แบบที่ฉันอยากแต่งงานด้วย
(เสียงหัวเราะ)
เมื่อฉันปล่อยผู้ชายเหล่านี้ออกไป
ฉันตั้งกฎไว้ว่า
ฉันจะไม่ติดต่อผู้หญิงคนไหนก่อน
ฉันคอยดูว่าผู้ชายแบบนี้
จะดึงดูดผู้หญิงแบบไหน
ฉันสนใจข้อมูลสองชุด
คือข้อมูลเชิงคุณภาพ
เช่น อารมณ์ขัน ท่าที
น้ำเสียง รูปแบบการสื่อสาร
ที่ผู้หญิงเหล่านี้มีเหมือนๆ กัน
และฉันก็ดูข้อมูลเชิงปริมาณด้วย
เช่น ความยาวของโปรไฟล์
ระยะเวลาระหว่างการส่งข้อความแต่ละครั้ง
สิ่งที่ฉันพยายามค้นหาคือ
ฉันต้องทำยังไง
ให้ฉันดูดี
สู้กับ SmilryGirl1978 ได้
ฉันอยากรู้ว่าฉันจะนำเสนอตัวเอง
ให้ดูดีที่สุดบนโลกออนไลน์ได้อย่างไร
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ฉันได้ข้อมูลเยอะมาก
ฉันวิเคราะห์ข้อมูลอีกครั้ง
และพบว่า เนื้อหาที่เขียนมีความสำคัญมาก
คนฉลาดมักจะเขียนอะไรยาวๆ
3,000 - 4,000
5,000 คำเพื่อบรรยายตัวเอง
ซึ่งอาจจะน่าสนใจมากๆ
แต่สิ่งที่ท้าทายคือ
หนุ่มสาวที่มีคนชื่นชอบเยอะๆ
เขียนบรรยายตัวเองแค่ 97 คำโดยเฉลี่ย
แต่เขียนดีมากๆ
แม้ว่าดูเผินๆ อาจไม่ได้ดูเหมือนเขียนดี
ลักษณะอีกอย่างของคนที่
เขียนบรรยายตัวเองได้ดี
คือการใช้ภาษาที่ไม่จำเพาะเจาะจง
ในกรณีของฉัน ดูสิ
ฉันบอกว่าหนังเรื่องโปรดของฉันคือ
"The English Patient"
ซึ่งไม่ค่อยได้ผลในโปรไฟล์ของฉัน
เพราะมันเป็นข้อมูลที่ผิวเผิน
อาจมีคนไม่เห็นด้วยกับฉัน
แล้วตัดสินใจเลยว่า เขาไม่อยากไปเดทกับฉัน
เพราะเขาไม่ชอบนั่งดูหนังยาว 3 ชั่วโมงแบบนั้น
แล้วก็ การใช้ภาษาเชิงบวกสำคัญมาก
นี่เป็นกลุ่มคำ
ที่ใช้บ่อยที่สุดในหมู่
ผู้หญิงที่มีคนชื่นชอบเยอะ
คำอย่าง "สนุก" และ "สาวน้อย" และ "รัก"
และสิ่งที่ฉันตระหนักคือ
ฉันไม่จำเป็นต้องเขียนโปรไฟล์ตัวเองให้ดูด้อยลง
จำได้ไหมคะ ฉันเป็นคนที่บอกว่า
ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นคล่อง และเขียนจาวาสคริปต์เป็น
และฉันก็พอใจตัวเองแบบนั้น
สิ่งที่ต้องเปลี่ยนคือ ต้องเป็นคนที่ดูเข้าถึงง่ายขึ้น
และช่วยให้คนอื่นเข้าใจว่า
วิธีที่ดีที่สุดในการเข้ามาคุยกับคุณคืออะไร
นอกจากนี้จังหวะเวลายังสำคัญมากๆ
การที่คุณมีเบอร์โทรศัพท์
หรือหมายเลขติดต่อ
สำหรับส่งข้อความถึงเขา
แล้วบังเอิญคุณตื่นอยู่ตอนตีสอง
ไม่ได้หมายความว่า มันเป็นเวลาที่เหมาะจะติดต่อกับเขา
ผู้หญิงที่เป็นที่ชื่นชอบบนเว็บเหล่านี้
ทิ้งระยะเฉลี่ย 23 ชั่วโมง
ระหว่างการติดต่อแต่ละครั้ง
ซึ่งเป็นจังหวะเวลาที่มักเป็นไป
ในกระบวนการจีบกันโดยปกติ
และท้ายที่สุด เรื่องรูป
ผู้หญิงที่มีคนชอบเยอะๆ
ทุกคนใช้รูปโชว์เนื้อหนังนิดๆ
ทุกคนดูดีมากๆ
แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
กับรูปที่ฉันอัพโหลด
เมื่อฉันมีข้อมูลทั้งหมดนี้แล้ว
ฉันก็สามารถสร้างสุดยอดโปรไฟล์
ที่ยังคงเป็นฉัน
แต่เป็นฉันในรูปแบบที่
เหมาะกับสังคมออนไลน์มากที่สุด
ปรากฏว่า ฉันทำได้ดีมากๆ เลยทีเดียว
ฉันกลายเป็นคนที่มีคนชอบมากที่สุดในโลกออนไลน์
(เสียงหัวเราะ)
(เสียงปรบมือ)
มีผู้ชายหลายต่อหลายคนที่อยากออกเดทกับฉัน
ฉันโทรหาแม่ พี่สาว และยายของฉัน
เล่าข่าวดีสุดๆ นี้ให้เขาฟัง
พวกเขาพูดว่า "เยี่ยมเลย
แล้วเมื่อไหร่เธอจะไปออกเดทล่ะ"
ฉันตอบว่า "ที่จริง ฉันจะยังไม่ออกไปกับใครทั้งนั้น"
เพราะว่า จำได้ไหมคะ ระบบคะแนนของฉัน
ผู้ชายต้องได้คะแนนขั้นต่ำ 700 คะแนน
ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครคะแนนถึงเลย
ที่บ้านฉันเลยว่า "หา นี่แกยังเลือกมากอีกเหรอ"
แต่ไม่นานหลังจากนั้น
ฉันก็พบผู้ชายคนนี้ Thevenin
เขาบอกว่าเขามาจากวัฒนธรรมแบบยิว
บอกว่าเขาเป็นนักล่าลูกแมวน้ำในมหาสมุทรอาร์กติก
ซึ่งฉันว่ามันฟังดูเท่มาก
เขาพูดเรื่องการท่องเที่ยวอย่างละเอียด
พูดถึงเรื่องวัฒนธรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง
เขาดูดีและพูดจาเหมือนที่ฉันต้องการเปี๊ยบ
และเขาก็ได้คะแนน 850 ทันที
ซึ่งมากพอสำหรับการออกเดท
สามสัปดาห์หลังจากนั้น เราก็นัดเจอกัน
ซึ่งกลายเป็นบทสนทนายาว 14 ชั่วโมง
ตั้งแต่ที่ร้านกาแฟ ไปร้านอาหาร
ไปร้านกาแฟ แล้วไปร้านอาหารอีกร้านหนึ่ง
เมื่อเขามาส่งฉันที่บ้านคืนนั้น
ฉันให้คะแนนเขาใหม่
[1,050 คะแนน!]
ฉันมานั่งนึกว่า ที่จริง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันยังช่างเลือกไม่พอต่างหาก
หนึ่งปีครึ่งหลังจากนั้น
เราเดินทางท่องเที่ยวโดยไม่ล่องเรือ
ผ่านเมืองเพทรา ประเทศจอร์แดน
เขาคุกเข่าขอฉันแต่งงาน
หนึ่งปีหลังจากนั้น เราก็แต่งงานกัน
อีกหนึ่งปีครึ่งหลังจากนั้น ลูกสาวของเรา
เพทรา ก็เกิด
(เสียงปรบมือ)
แน่นอน ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมาก
(เสียงหัวเราะ)
คำถามคือ แล้วเรื่องนี้ มีความหมายกับคุณอย่างไร
คือ ฉันว่า อัลกอริธึม หรือสูตรของความรักนั้นมีจริง
แต่ไม่ใช่สูตรที่เราเจอออนไลน์
ที่จริงมันคือสูตรที่คุณเขียนขึ้นเอง
ไม่ว่าคุณจะมองหาสามีหรือภรรยา
หรือตามหางานที่คุณรัก
หรือจะเริ่มทำธุรกิจ
สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ สร้างกรอบแนวคิดของคุณเอง
เล่นตามกฎกติกาที่คุณสร้างขึ้นเอง
และจงช่างเลือกให้มากเท่าที่คุณต้องการ
ในวันแต่งงานของฉัน
ฉันได้คุยกับยายของฉันอีกครั้ง
ยายบอกว่า "เอาล่ะ ฉันอาจจะผิด
ดูเหมือนแกจะสร้างระบบหาแฟน
ที่ดีมากๆ ขึ้นมาได้จริงๆ
ว่าแต่ ลูกชิ้นมัทโซน่ะ
มันควรจะฟูนุ่ม ไม่ใช่แข็งๆ แบบนี้นะ"
เรื่องนี้ฉันฟังคำแนะนำของยายนะคะ
(เสียงปรบมือ)