สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
กลับมาอีกครั้งนะคะ ในทุกวันพุธที่วิวจะนำเอา
เสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ฉบับหอพระสมุดเล่มนี้มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
ซึ่งตอนที่แล้วนะคะ เป็นตอนที่น่าเศร้ามากๆ
เพราะว่า บิดาของตัวเอกของเราทั้งสามนะคะ ล้วนตายแบบพร้อมเพรียงกัน
ก็เรียกได้ว่า พ่อตายโดยพร้อมเพรียงนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ชีวิตก็ต้องมูฟออนต่อ
เรามาดูกันดีกว่าว่า ในสัปดาห์นี้ ตัวเอกของเราเนี่ย
จะใช้ชีวิตกันต่อไปยังไง?
จะกลับมายุ่งเกี่ยวกันอีกไหม?
หลังจากที่กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทางค่ะ
ดังนั้นถ้าสมมติว่า ใครอยากติดตามซีรีส์นี้นะคะ
วิวทำเป็น playlist ไว้ให้แล้ว สามารถกดไปดูได้ตรงนี้ค่ะ
และใครที่รู้สึกว่า มันเยิ่นเย้อเกินไป ยาวเกินไปนะคะ
อยากฟังแค่ 10 นาทีจบเท่านั้น ก็ตรงนี้เช่นกันค่ะ
วิวเคยเล่าไว้แล้วนะ 10 นาทีจบเท่านั้น
สำหรับตอนนี้พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็ได้สาระกันหรือยังคะ?
ถ้าพร้อมกันแล้ว ก็ไปฟังกันเลยค่ะ
หลังจากที่พ่อของตัวเอกทั้งสามของเราเนี่ย ตายโดยพร้อมเพรียงนะคะ
แต่ละคนก็กระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทางค่ะ
ขุนช้างและนางพิมเนี่ย ก็ยังอยู่ในเมืองสุพรรณนะคะ
ในขณะที่พลายแก้วเนี่ยนะคะ ตามแม่ไปอยู่ที่กาญจนบุรีค่ะ
ถามว่าไปอยู่ตรงไหนของกาญจนบุรี?
ก็บอกเลยว่า ไปอยู่แถวๆ เขาชนไก่นะคะ
ไปมีบ้านอยู่ตรงนั้นค่ะ
ปรากฎว่า เวลาเนี่ยนะคะ ก็ผ่านเนิ่นนานไปค่ะ
จนกระทั่งพลายแก้วของเราเนี่ย อายุได้ 15 ปีนะคะ
ก็รู้สึกว่า ก็ถึงฉันจะโตขึ้นมาจนอายุ 15 แล้ว
แต่ฉันก็ยังคิดถึงพ่ออยู่ชั่วทุกขณะจิตนะคะ
รู้สึกว่า อยากเป็นเหมือนพ่อ พ่อเป็นไอดอลของฉัน
อยากโตขึ้นเป็นทหารเหมือนพ่อค่ะ
ดังนั้นนะคะ พลายแก้วก็เลยบอกนางทองประศรี ผู้เป็นแม่นะว่า
แม่ ผมคิดถึงพ่อ ผมอยากโตขึ้นมาเป็นทหารเหมือนพ่อ
แม่ช่วยพาผมไปเรียนได้ไหม?
อยากบวชเป็นเณร จะได้ไปเรียน
เพราะว่าแต่ก่อนเนี่ย เวลาจะเรียนหนังสือนะคะ
ไม่ใช่ว่า จะไปเรียนที่ไหนก็ได้น่ะนะ
เค้าต้องไปบวชเรียนกันใช่ไหมคะ?
ไปบวชเรียนในวัด
พลายแก้วพอไปปรึกษาแม่อย่างนี้ แม่ก็ดีใจนะคะ
แม่บอกว่า โอ๋ ดีมากที่ลูกโตขึ้นมาเป็นคนรักเรียนนะ
แม่เนี่ย รู้จักสมภารอยู่องค์นึง สนิทสนมกับพ่อเราดี
นั่นก็คือ สมภารที่วัดส้มใหญ่
เดี๋ยวเอาไปฝากไว้ที่นั่นดีกว่า
ว่าแล้วนะคะ นางทองประศรีนะคะ ก็จัดการจัดของยิ่งใหญ่ค่ะ
ไปขนของมา หาสบง หาจีวรอะไรต่างๆ นะคะ
แล้วก็พาพลายแก้วเนี่ยนะคะ ไปที่ัวัดส้มใหญ่ค่ะ
ไปฝากสมภารไว้
บอกว่า ท่านสมภาร ขอฝากลูกฉันด้วยนะ
ฝากเลี้ยงดู ฝากให้มันได้เรียนหนังสือหน่อยนะคะ
ซึ่งสมภารวัดส้มใหญ่ค่ะ ก็รับเลี้ยงดูขึ้นมานะคะ
แล้วก็ค่อยๆ สอนนู่นสอนนี่มาให้พลายแก้วมาเรื่อยๆ ค่ะ
ปรากฎว่า เวลาไม่ถึงปีนะคะ
พลายแก้วเรียนความรู้ที่สมภารมีจนหมดทุกตำราเลยค่ะ
รวมไปถึงตำราลับนะคะ ของสมภารที่แบบไม่ได้สอนใครเลย
เนื่องจากพลายแก้วนี่เป็นเด็กน่ารัก แล้วก็รักเรียนมากค่ะ
ดังนั้นท่านสมภารนะคะ ก็เลยสอนให้พลายแก้ว
เรียกได้ว่า หมดเปลือกเลยค่ะ
สอนไปสอนมาพลายแก้วก็รู้สึกว่า
เออ ความรู้หมดแล้ว ทำยังไงดี? นะคะ
สมภารก็มีการแนะนำพลายแก้วค่ะ บอกว่า
เออจริงๆ แล้ว ตาเนี่ยสอนเจ้าจนหมดความรู้ทุกอย่างที่มีแล้ว
ถ้าเจ้าอยากเรียนเก่งกว่านี้นะ
แนะนำให้เจ้าไปเรียนที่อื่นดีกว่า
น่าจะมีอาจารย์คนอื่นที่สอนเจ้าได้ดี นะคะ
สุดท้ายค่ะ พลายแก้วก็เลยกลับมาที่บ้านนะคะ มาปรึกษาแม่ค่ะ
แม่ก็บอกว่า เออ เอาอย่างนี้แล้วกัน
จริงๆ ที่เมืองสุพรรณนะ
ก็มีสมภารอยู่ทั้งหมด 2 องค์ด้วยกันนะที่สนิทสนมกับพ่อเราดี
น่าจะสอนเราได้ดีกว่า
เอาอย่างนี้ เดี๋ยวแม่จะพาไปฝาก
ว่าแล้วนะคะ นางทองประศรีก็ชวนพลายแก้วขึ้นช้างค่ะ
ตัวเองก็ขึ้นช้างไปด้วยนะคะ
แล้วก็เดินทางไปที่เมืองสุพรรณบุรีค่ะ
ไปถึงก็ไปที่วัดป่าเลไลยก์นะคะ
ไปถึงนะคะ ก็บอกว่า
ที่เมืองสุพรรณบุรีเนี่ย มีสมภารที่ค่อนข้างเก่งอยู่ทั้งหมด 2 องค์ด้วยกันค่ะ
องค์แรกนะคะ ชื่อว่า สมภารมี ค่ะ
อยู่ที่วัดป่าเลไลยก์นะคะ
ส่วนอีกองค์นึงชื่อว่า สมภารคง อยู่ที่วัดแคค่ะ
ดังนั้นพอไปถึงเนี่ยนะคะ นางทองประศรีก็พาเณรแก้วไปที่วัดป่าเลไลยก์ก่อนเลยค่ะ
ไปถึงก็เข้าไปหาสมภารมีนะคะ แล้วก็แนะนำตัว
แล้วก็ไปแนะนำตัวว่า สวัสดีท่านสมภาร อิฉัน ไม่ได้มาหาตั้งหลายปี
เป็นยังไงบ้างเจ้าคะ? สบายดีหรือเปล่า? นะคะ
ซึ่งสมภารก็มีความประมาณว่า
อือ สีกา เป็นไงมาไง ไม่เจอกันหลายปี?
น่าเสียดายว่า คิดถึงขุนไกร
โถ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี เป็นยังไงบ้าง? สบายดีไหม?
แล้วเณรนี่ใครเนี่ย? ลูกเต้าเหล่าใคร?
พามาทำไม? นะคะ
นางทองประศรีก็เลยบอกว่า ลูกอิฉันเองเจ้าค่ะ
ก็ลูกขุนไกรนั่นแหละ
อิฉันหนีไปอยู่กาญจนบุรีตั้งหลายปี
จะเอามาฝากท่านสมภารนี่แหละ ช่วยดูแลหน่อยได้ไหม? นะคะ
ก็มีการคุยกันไปคุยกันมา
ถ้าเป็นนักสิทธิมนุษยชนเด็กตอนนี้นะคะ
อ่านไปจะรู้สึกว่า นางทองประศรีนี่เป็นแม่ที่ไม่น่ารักเลยนะ
เพราะว่านางทองประศรีเนี่ยนะคะ เอาเณรแก้วไปฝากสมภารค่ะ
แล้วก็บอกว่า ฝากสอนหนังสือมันหน่อย
ถ้ามันรักเรียนก็สอนมันเยอะๆ แต่ถ้ามันไม่รักดีนะ เฆี่ยนมันเลยท่าน
เฆี่ยนมันให้ตายคามือไปเลยก็ได้ มันจะได้ตั้งใจเรียนนะคะ
ซึ่งสมภารก็มีความบอกประมาณว่า
โอย ถ้ามันไม่รักดีก็ไม่ต้องไปสอนมัน
จะไปเฆี่ยนมันทำไม?
แต่ว่า ถ้ารักดีนะ จะตั้งใจสอนอย่างดีเลย
อย่างไรก็ตามนะคะ เอาจริงๆ ถ้าเราไปอ่านเนี่ย เราจะรู้สึกว่า
นางทองประศรีไม่ได้ตั้งใจให้ใครมาเฆี่ยนลูกตัวเองหรอก
ก็แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ
พูดเหมือนกับว่า จะได้ทำให้สมภารเนี่ย รับไปเรียนหนังสือ
เพราะว่าจริงๆ นางทองประศรีเนี่ย ค่อนข้างจะหวงลูกมากๆ เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้ว ผลลัพธ์ก็คือ
เณรแก้วเนี่ยนะคะ ก็ไปอยู่กับสมภารมีที่วัดป่าเลไลยก์ค่ะ
แล้วก็ไปฝึกฝนอะไรต่างๆ นะคะ อยู่เกือบปีค่ะ
บอกเลยว่า เณรแก้วเนี่ย ด้วยความเก่งกาจนะคะ
แล้วก็ด้วยความที่เอาใจสมภารอะไรต่างๆ นะ
ท่านสมภารมีก็เลยสอนความรู้เนี่ย หมดเปลือกเลยนะคะ
เรียกได้ว่า ทำเป็นทุกอย่าง
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พระเนี่ย จะเรียนความรู้พวกนี้ไปทำไมนะ?
เพราะว่าความรู้ที่สมภารมีสอนนะคะ
นอกจากจะสอนวิธีเทศน์ วิธีอ่านปาลี วิธีอ่านภาษาไทยแล้ว
ก็ยังมีวิธีการปล้นสะดม วิธีทำการสีผึ้ง คาถามหาละลวย อะไรต่างๆ
แล้วก็มีการสอนอีก ประมาณว่า
เณรนี่ ฟังตานะ คาถามหาละลวยเนี่ย
เอาไป ผู้หญิงรัก ผู้หญิงหลงแน่นอน
เจ้าเนี่ย เอาไปก็ไปใช้กับสาวแก่แม่หม้ายทั้งหลาย
อย่าเอาไปใช้กับเมียคนอื่น เข้าใจไหม?
เดี๋ยวจะซวยนะ
อะไรประมาณนี้ค่ะ
ตัดภาพไปที่ครอบครัวอื่นดีกว่า
ระหว่างที่เณรแก้วของเราเรียนวิชานะคะ
ในช่วงเวลาใกล้ๆ กันค่ะ ตัดภาพที่ไปขุนช้างนะคะ
ขุนช้างโตขึ้นมาเป็นหนุ่มแล้วค่ะ
อายุก็ 15-16 พอๆ กับเณรแก้วนะคะ
เพราะว่า 2 คนนี้อายุเท่ากันใช่ไหม?
ปรากฎว่า ตอนนั้นเนี่ยนะคะ
ขุนช้างโตขึ้นมา บอกเลยว่า หน้าตาหน้าเกลียดมาก
คือผมเนี่ย ก็ไม่ขึ้นตั้งแต่เด็ก หัวล้านเลี่ยนนะคะ
แต่สิ่งนึงที่ขึ้นเยอะมากก็คือ ขน ค่ะ
ขุนช้างเป็นคนขนเยอะมากนะคะ
เคราเคอนี่ บอกเลยว่าเฟิ้ม
ขนหน้าองหน้าอกมีหมด
ซึ่งคนไทยสมัยก่อน นี่ก็มองแบบนี้ว่า เป็นอะไรที่ดูไม่ดีอ่ะนะ
เพราะว่าเนี่ยจะไม่ค่อยมีขนไง ประมาณนั้นนะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ขุนช้างโตขึ้นมานะคะ
ก็ไปแอบหลงรักสาวคนนึง ชื่อว่า นางแก่นแก้ว นะ
แล้วก็ให้แม่เนี่ยไปสู่ขอมาได้
ฝั่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะว่าขุนช้างรวยนะคะ
ดังนั้นทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันค่ะ
ขุนช้างเนี่ยนะคะ ก็อยู่กับนางแก่นแก้วมาประมาณ 1 ปีค่ะ
ปรากฎว่า นางแก่นแก้วอยู่ดีๆ ก็ป่วยนะคะ
แล้วก็ตายซะอย่างนั้น
ทำให้ขุนช้างเนี่ย เสียใจมากนะคะ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขุนช้างเริ่มมีคนที่เล็งๆ ใหม่แล้ว หลังจากที่เมียตายไป
ขุนช้างเนี่ย เล็งเพื่อนสมัยเด็กตัวเองค่ะ
นั่นก็คือ นางพิม นั่นเอง
เพราะว่าตอนนี้นางพิมโตขึ้นมานะคะ
เป็นสาวที่เรียกได้ว่า สวย แล้วสวยระดับจังหวัดเลยทีเดียว
สวยจนเลื่องลือนะคะ
แต่ว่า เหตุการณ์ทั้งหมดยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ
เรื่องเนี่ย มันจะมาเกิดตอนสงกรานต์นะคะ
ในวันสงกรานต์ปีนั้นค่ะ
นางพิมเนี่ย เป็นสาวที่โตขึ้นมาแล้วอย่างที่บอกเลยว่า สวยมาก
แล้วก็สวยถึงขั้นเลื่องลือนะคะ
นอกจากนั้น อีกอย่างนึงก็คือ นางพิม เนี่ยค่อนข้างจะใจบุญค่ะ
เป็นคนชอบทำบุญสุนทาน อะไรต่างๆ
เอาจริงๆ สมัยก่อนมันก็ไม่ค่อยมีอีเว้นท์อะไรให้ทำนอกบ้านหรอก
มันคงไม่มีจัดคอนเสิร์ต เที่ยวคาเฟ่ อะไรอย่างนี้
ผู้หญิงทำอะไรไม่ได้ ถ้าเบื่ออยู่บ้านก็ต้องไปทำบุญนะคะ
ดังนั้นนางพิมเนี่ย ก็มักจะไปทำบุญที่วัดค่ะ
ในวันสงกรานต์เนี่ยนะคะ นางพิมก็ไปทำบุญที่วัดตามปกติค่ะ
ก็มีข้าวปลาอาหารอะไรต่างๆ ไปใส่บาตรอ่ะนะ
เมื่อไปถึงค่ะ ปรากฎว่า ไปเจอคนนึง
นั่นก็คือ เณรแก้ว นั่นเองนะคะ
ตอนแรกนางพิมเนี่ย จะไปใส่บาตรให้เณรแก้วค่ะ
ก็รู้สึกว่า เอ๊ เณรคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จักกันมาก่อน
ดังนั้นตอนที่ใส่บาตรนะคะ นางพิมก็เลยเหมือนกับว่า
อ่ะ ลำเอียงอ่ะ
ตักอะไรก็ตักเข้าไป ตักๆๆ เยอะๆ นะคะ
โบ๊ะลงไป โบ๊ะๆ โบ๊ะลงไปในบาตรของเณรแก้วค่ะ
กับข้าวคาวหวานอะไร โบ๊ะลงไปในบาตรเต็มเลยนะคะ
เรียกได้ว่า พูน
เณรแก้วก้มหน้าก้มตาสำรวมอยู่ค่ะ
รับบาตรอยู่
มองไปแบบ ฮูวว!!
ทำไมข้าว กับข้าวมันเยอะอย่างนี้แล้วเนี่ย?
นี่ อะไรเนี่ย? เอาบัวลอยเทราดข้าวเปล่า ผสมกับปลาทู
อ้าวเฮ้ย แล้วฉันจะกินยังไงเนี่ย?
เณรแก้วก็เลยเงยหน้าขึ้นมานะคะ
แล้วบอกว่า แหม สีกา นี่กะจะแกล้งเณรเหรอ?
ตักอะไรมาให้เยอะขนาดนี้?
แล้วตักมาเนี่ย กับข้าวคาวหวานปรกันมั่วซั่ว
ของที่ชอบก็ไม่รู้จักใส่มา
อูหู้ แล้วเณรจะฉันยังไง ฮึ สีกา? นะคะ
ซึ่งนางพิมก็มีความแบบแซวกลับ ประมาณว่า
เอ้า เป็นเณรเลือกได้ด้วยเหรอ?
นี่อุตส่าห์ตักให้เยอะๆ แทนที่จะขอบคุณนะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ทั้งคู่ก็เริ่มมีความจำกันได้เล็กๆ
เณรแก้วก็มีความแบบ
โอ๊ะ นี่มันจะต้องเป็นนางพิมตอนเด็กๆ ที่ฉันเคยเล่นด้วยแน่เลย
โตขึ้นมาแล้วสวยใช่เล่นนะเนี่ย
แหม่ๆๆ
แต่อย่างไรก็ตามนะคะ เรื่องราวก็ผ่านเลยไปค่ะ
ผ่านไปสักระยะนึงนะคะ
ตอนนั้นก็มีอีเว้นท์ใหญ่เกิดขึ้นในเมืองสุพรรณนะคะ
ก็คือ อีเว้นท์เทศน์มหาชาติที่วัดป่าเลไลยก์ นั่นเอง
ซึ่งในอีเว้นท์การเทศน์มหาชาติเนี่ยนะคะ
ปกติเค้าจะแบ่งเป็น 13 กัณฑ์ ใช่ไหม?
อันนี้ความรู้นิดนึง จากเทศน์มหาชาติเนอะ
ก็คือเรื่องราวของพระเวสสันดรนะคะ
ทีนี้ในแต่ละกัณฑ์เนี่ย มันก็ควรมีเจ้าของกัณฑ์เทศน์ค่ะ
ที่จะเป็นคนหลักที่จะทำบุญในกัณฑ์เทศน์นี้
ดูแลเรื่องการหาอาหาร หาขนมอะไรต่างๆ มาประกอบกัณฑ์นะคะ
พอเค้าจะจัดงานใหญ่แบบนี้ขึ้น ก็ต้องมีการหาเจ้าของกัณฑ์เกิดขึ้นค่ะ
กัณฑ์อื่นเนี่ยก็มีพวกคนในเมืองสุพรรณต่างๆ รับไปหมดแล้วนะคะ
เหลืออยู่ทั้งหมด สองกัณฑ์ด้วยกันค่ะที่เป็นกัณฑ์ใหญ่มากๆ
แล้วก็เป็นกัณฑ์สำคัญอ่ะนะ ที่ต้องการคนที่มีกำลังทรัพย์นิดนึง
ก็คือ กัณฑ์กุมารกับกัณฑ์มัทรี นั่นเองค่ะ
ก็เป็นตอนที่พระเวสสันดรโดนขอลูก
กับตอนที่พระนางมัทรีกลับมาแล้วไม่เจอลูกนะคะ
ดังนั้นเป็นจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
ฝั่งวัดเนี่ยก็พยายามจะหาคนนะคะว่า ใครจะมาเป็นเจ้าของกัณฑ์นี้
อ่ะ ในที่สุดนะคะ ก็ได้คนนึงรับกัณฑ์มัทรีไปค่ะ
นั่นก็คือ หญิงสาวสวยของเราที่ค่อนข้างจะใจบุญ
นั่นก็คือ นางพิม นะคะ
นางพิมรับกัณฑ์มัทรีไปเรียบร้อยค่ะ
สุดท้ายกัณฑ์กุมารที่เป็นกัณฑ์ใหญ่เนี่ย ก็มีการไปเทียบเชิญขุนช้างนะคะ
ซึ่งก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะไฮโซในเมืองใช่ป้ะ?
พอขุนช้างนะคะ รับรู้ว่า นางพิมเอากัณฑ์มัทรีไปแล้ว
ขุนช้างก็มีความแบบ ได้ เดี๋ยวกัณฑ์กุมารฉันจัดให้
ตังค์นิดหน่อยนี่มันแค่ขี้เล็บของพี่ช้าง
เดี๋ยวพี่ช้างจัดให้นะครับทุกคน
ว่าแล้วค่ะ ทั้งหมดก็มีการเตรียมตงเตรียมตัว เตรียมหาของอะไรต่างๆ นะคะ
และแล้ววัน D-day ก็มาถึงนะคะ
วันที่มีการจัดเทศน์มหาชาติขึ้นค่ะ
บอกเลยว่า ขุนช้างนี่ตื่นสายนะ
แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็มีการแต่งเนื้อแต่งตัวแบบหล่อเต็มที่เพื่อไปวัดนะคะ
รวมถึงการพยายามเอามุหน่าย หรือว่าเครื่องจัดแต่งผมเนี่ย
พยายามจะโบกผมตัวเองนะคะ
ซึ่งมีอยู่แค่นี้
โบกข้ามล้านมา เพื่อให้แบบว่า เออ หัวฉัน อย่าล้านให้ทุกคนเห็นเลย
อะไรประมาณนี้
ขุนช้างนี่ก็มีความน้อยเนื้อต่ำใจตลอดเวลา
เรียกได้ว่า โดน bully มาตั้งแต่เด็กอ่ะ
เป็นปมด้อยนะคะ
ขุนช้างก็จะมีความแบบ โอ๊ย ส่องกระจกแล้ว หัวฉันนี่มันน่าเกลียดจริงๆ เลย
โอ๊ย ไอ้หัวล้าน
อือหือ อายเค้านะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ขุนช้างก็มีความแต่งตัวหล่อนะคะ
แบบว่า จะแต่งไปกะว่า ใส่เพชรไปเยอะๆ ใส่แหวนทับทิมไป
นางพิมเห็นจะได้รักจะได้หลง
จะได้รู้สึกว่าแพ้
โอ๊ะ นี่มันคนรวย ป๋ามากๆ นะคะ
ขุนช้างก็แต่งตัวไปแบบนั้นค่ะ
ไปที่วัดนะคะ แล้วก็จัดการ อ่ะ ฟังทงฟังเทศน์อะไรเสร็จเรียบร้อยค่ะ
ตัดภาพมาที่นางพิม
นางพิมซึ่งเป็นกัณฑ์มัทรี ต่อจากกัณฑ์กุมารนะคะ
ก็แต่งองค์ทรงเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
เรียกได้ว่า แต่งสวยมากๆ สวยจนแม่แบบ
อือหือ ลูกจ้า ลูกจะแต่งสวยไปไหน?
แม่ไม่แต่งสู้นะคะ คุณลูก
ประมาณนั้นเลย
แล้วก็แห่กันค่ะ มาที่วัดนะคะ
ปรากฎว่า มีอีกหนึ่งคนที่เราต้องพูดถึงนะคะ
นั่นก็คือ เณรแก้ว นั่นเองค่ะ
เณรแก้วนะคะก็ จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดจะต้องไปทำอะไรเกี่ยวข้องกับอีเว้นท์นี้เลย
แต่ว่า สมภารมีค่ะ ที่ต้องขึ้นเทศน์กัณฑ์มัทรีของนางพิมเนี่ย
เกิดป่วยนะคะ แล้วก็ป่วยมาหลายวันแล้ว
ขึ้นเทศน์ไม่ไหวค่ะ
ดังนั้นก็เลยต้องมี understudy นะคะ หรือว่าเณรแก้ว ขึ้นมาช่วยแทนค่ะ
สมภารก็บอกว่า เอ๊ยๆ แก้วๆ มานี่มา เณรแก้ว
ขึ้นเทศน์แทนอาตมาหน่อย อาตมาไม่ไหวแล้ว
อาตมาป่วยมาหลายวันแล้วนะคะ
สุดท้ายค่ะ เณรแก้วก็เลยจำเป็นจะต้องขึ้นเทศน์แทนนะคะ
ซึ่งพอขึ้นไปถึงเนี่ย ยังไม่ได้เทศน์เลยนะ
ก็มีความมองลงไปแล้วก็แบบ โอ๊ะ สีกาพิมนี่หน่า
ส่งสายตาให้นิดหน่อย ปิ๊งๆ นะคะ
นางพิมก็มีความแบบ อุ๊ย เณรนี่หน้าตาหล่อ มองฉันทำไม?
เขินๆๆ
ก็อายๆ กันนิดนึงนะคะ
ดังนั้นเณรแก้วค่ะ ยังไม่ทันได้ส่งได้สวดอะไรเลยนะ
ก็เลยเสกคาถามหาละลวยนะคะ ใส่นางพิมซะอย่างนั้น
นางพิมก็เลยหันมาสบตาด้วย
ทั้งคู่ก็ส่งสายตากันไปมาค่ะ
สุดท้ายเณรแก้วก็เลยเริ่มเทศน์นะคะ
แล้วบอกเลยว่าเณรแก้วเนี่ย เสียงค่อนข้างดี
ดังนั้นนะคะ สาวรักสาวหลงค่ะ
ทุกคนก็แบบตั้งใจฟังเณรแก้ว เหมือนแบบว่า มาฟังคอนเสิร์ตอ่ะ
สมัยก่อนการฟังเทศน์นี่ก็มีความเป็นแบบคล้ายๆ ฟังคอนเสิร์ตนิดนึงเนอะ
ดังนั้นคนก็ตั้งใจฟังนะคะ
ปรากฎว่า นางพิมค่ะ ฟังไปฟังมาเกิดศรัทราอย่างแรงกล้านะคะ
รู้สึกว่า ฉันอยากถวายอะไรสักอย่างเพิ่ม
สิ่งที่ฉันเตรียมมา มันไม่พอถวาย
ดังนั้นนะคะ นางพิมก็เลย เปลื้องสไบของตัวเองค่ะ
เดี๋ยว ใครที่คิดว่า นางพิมเปลื้องสไบของตัวเองแล้วแปลว่า โป๊ นมห้อย
นี่ไม่ใช่นะคะ
คือสมัยก่อนเค้าห่มสไบกันหลายชั้นค่ะ
เค้าจะมีแบบชั้นในห่มสไบบางๆ ชั้นนอกห่มสไบหนา
แล้วก็อาจจะมีแบบคากรอง ก็คือไอ้ที่มันเป็นแบบสไบทองๆ อ่ะ
ที่ทำจากทองนะคะ ห่มด้านนอกเข้าไปอีกทีนึง เป็นด้ายทองอ่ะนะ
นางพิมเนี่ย เปลื้องสไบชั้นนอกสุดที่มีค่า
จีบๆๆ แล้วก็เอาไปถวายเณรแก้วค่ะ
ประมาณว่า ศรัทราจังเลยจ้า
ปึ๊บ วางลงไปนะคะ
ปรากฎว่า ขุนช้างอยู่แถวนั้นค่ะ
ขุนช้างมองมา แล้วก็แบบ อุต๊ะ ดูผู้หญิงสิ เค้าศรัทราจนถวายแล้ว
ฉันเป็นผู้ชาย ฉันจะยอมแพ้เหรอ?
ขุนช้างนะคะ แม้ว่าตัวเองจะไม่ใช่เจ้าของกัณฑ์อะไรเลยนะ
ก็ทำตัวเกินหน้าที่ค่ะ
ก็เลยวิ่งออกไปนะคะ
แล้วก็เอาผ้าของตัวเองเนี่ย ไปจับๆๆ
แล้วก็ถวายข้างนางพิมค่ะ
เรียกได้ว่า วางให้ชนผ้านางพิมอ่ะ ปึ๊บ
แล้วก็อธิษฐานดังๆ ออกมาว่า ด้วยอานิสงส์ในการถวายผ้าของข้าในวันนี้
คิดอะไร ขอให้สมหวังดังปรารถนา
สมหวังเย็นนี้เลย ก็น่าจะดีนะ ปิ๊งๆ
หันไปส่งสายตาให้นางพิม 2 ทีค่ะ
แล้วก็ยังไม่จบนะคะ แล้วก็บอกว่า ขอให้ผ้าของข้ากับผ้าทับทิมเนี่ย
ได้ครองคู่กันตลอดไป
คือผ้าที่นางพิมถวายอ่ะ มันเป็นสีทับทิม
ก็คือเหมือนกับว่า อธิษฐานว่า ขอให้ได้เป็นคู่กับนางพิมนั่นแหละ
ทำให้นางพิมนะคะ โกรธค่ะ
ลุกขึ้นมา แล้วก็ถุยน้ำลายใส่ขุนช้าง 1 ที พิ๊
แล้วก็สะบัดก้นหนี
เท่านั้นยังไม่พอนะคะ
นางพิมก็รู้สึกว่า ฉันไม่อยากให้ผ้าของฉัน ไปอยู่คู่กับผ้าของแก
อ่ะ ข้าทาสบริวาร ไปเก็บผ้าฉันมาสิ
ประมาณว่า เลื่อนผ้าฉันออกมาหน่อยนะคะ
ทีนี้ ไอ้ข้าทาสบริวาร 2 คนก็รู้ใจนายค่ะ
เดินเข้าไปเนี่ย ไม่เดินเปล่านะคะ เรียกได้ว่า
ขุนช้างหมอบกราบอยู่อย่างนี้ใช่ไหม?
ประมาณว่า พ่อเจ้าประคุณ ขอให้เราได้กัน
ไอ้ข้าทาสสองคนเดินข้ามหัวขุนช้างเลยค่ะ
แบบ พรึบ เดินเหยียบไปเลย ประมาณอย่างนั้นนะคะ
เรียกได้ว่า ทำขุนช้างอายกลางศาลาเลย
แล้วก็แบบชักผ้าออกมา ประมาณนั้นเลยนะคะ
แล้วนางพิมก็สะบัดก้นกลับบ้านไปเลยค่ะ
ไม่ฟังเทศน์จนจบ
ปรากฎว่า พอนางพิมกลับไปนะคะ เณรแก้วของเรานี่ไม่เป็นอันเทศน์เลย
ก็แทนที่จะเทศน์ให้มันครบๆ
ปกติเทศน์เค้าก็ต้องอ่านๆๆ ไปตามคาถา ตามเนื้อหาใช่ไหม?
เณรแก้วค่ะ จับเล็กผสมน้อย เอาต้นเอาปลายมา...
เรียกได้ว่า เหมือนเล่ากัณฑ์มัทรีให้จบภายใน 10 นาทีอ่ะ ว่าอย่างนั้นเถอะ
พูดเร็วกว่าช่อง Point of View อีกนะคะ
เทศน์ๆๆ กระโดดๆ สรุปๆๆ
แทนที่ตอนแรกจะบอกว่า โอ๊ย นางมัทรีคร่ำครวญสุดใจ สุดเขต สุดแม่แล้ว
แม่ร้องไห้แล้ว
โอ๊ย แม่เสียใจ แล้วแม่ก็ตามลูกไม่ได้ ร้องไห้สลบ
คือเล่าประมาณ 3 ประโยคจบ ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
แล้วก็ปิดกัณฑ์เทศน์อย่างรวดเร็วนะคะ เรียกได้ว่า อีเว้นท์กร่อยอ่ะ
ประมาณนั้นเลยนะคะ
ปรากฎว่า หลังจากนั้นที่กลับไปค่ะ
ทุกคนก็กลับไปนอนฝันนะคะ
ฝั่งเณรแก้วก็แบบ โอ๊ะ สีการพิม โตแล้วช่างสวยบาดใจจริงๆ
อยากได้เป็นเมีย ทำยังไงดีน้า?
ฝั่งขุนช้างนะคะ ก็มีความแบบ โอ๊ะ ตายแล้วนางพิม โตขึ้นมาสวยอะไรขนาดนี้?
เมียฉันก็ตายมานานแล้ว อยากได้เป็นเมียจังเลย
ทำยังไงดีนะ?
ฝั่งนางพิมนะคะ คืนนั้นก็นอน แล้วก็ฝันไปค่ะ
ฝันว่า ตัวเองเนี่ยได้ดอกบัวทองมานะคะ
อือหือ ประมาณว่า ตัวเองลอยอยู่ในน้ำ
มีนางสายทอง ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของตัวเองเนี่ย
ได้ดอกบัวมาดอกนึง แล้วก็เอามาให้
แล้วก็รับมาจากนางสายทอง
รู้สึกรักดอกบัวดอกนี้มาก
ตื่นมานะคะก็แบบ โอ๊ย ดอกบัวฉันหายไปไหน?
ฉันอยากได้ดอกบัวทองอันนั้น
ก็เลยเอาความฝันไปเล่าให้นางสายทอง ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงฟังค่ะ
นางสายทองก็ทำนายฝันให้ ประมาณว่า
โถ ฝันแบบนี้แปลว่า กำลังจะมีผัว
ส่วนพี่เนี่ย จริงๆ ก็ไม่น่าจะเกี่ยวน้า
แต่คิดว่า น่าจะแปลว่า เราน่าจะได้รับใช้กันต่อไปยาวๆ ว่าอย่างนั้นเถอะ
นางพิมก็มีความแบบ แหมพี่ ฉันจะไปมีผัวจากไหน?
ตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววเลย
จะทายตรงจริงๆ เหรอ? นะคะ
ซึ่งเดี๋ยวเราไปดูกันที่สัปดาห์หน้าดีกว่า
ความฝันครั้งนี้จะแม่นขนาดไหน?
แล้วนางสายทองเนี่ย ทำนายแม่นแค่ไหน?
หรือว่าทำนายไม่หมดนะคะ?
วันนี้วิวคิดว่า คลิปวิดีโอยาวพอสมควรแล้วค่ะ
สำหรับตอนนี้ ถ้าใครชื่อชอบคลิปนี้นะคะ
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
พบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ
บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ
แหม เรื่องขุนช้างขุนแผนนี่ก็ยังเป็นเรื่องที่แซ่บอย่างต่อเนื่องนะคะ
ไม่ว่าเราจะฟังมากี่รอบ อ่านมากี่รอบ
แต่เมื่อมองลงไปในรายละเอียดเนี่ย
มันก็ยังแซ่บอยู่ทุกตัวหนังสือจริงๆ นะจ๊ะ
เดี๋ยวเรารอฟังกันที่สัปดาห์หน้ากันดีกว่าว่า
เรื่องราวมันจะแซ่บขึ้นไปขนาดไหน?
แล้วมันจะมีอะไรมาให้เราสนุกกันอีกนะคะ?
สำหรับวันนี้ลาไปก่อนละกันค่ะทุกคน
บ๊าย บาย สวัสดีค่ะ