1 00:00:00,000 --> 00:00:03,000 ในปี ค.ศ. 1995 2 00:00:03,000 --> 00:00:05,000 ฉันยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอยู่ 3 00:00:05,000 --> 00:00:08,000 เพื่อนกับฉันมักขับรถเที่ยว 4 00:00:08,000 --> 00:00:10,000 จากโพรวิเดนส์ โรด ไอแลนด์ 5 00:00:10,000 --> 00:00:12,000 ถึงพอร์ทแลนด์ โอเรกอน 6 00:00:12,000 --> 00:00:15,000 แล้วอย่างที่รู้ พวกเราเด็กแล้วก็ยังไม่มีงานทำ 7 00:00:15,000 --> 00:00:17,000 ดังนั้นเราจึงเลือกเดินทางตามชนบท 8 00:00:17,000 --> 00:00:19,000 ผ่านสวนสาธารณะของรัฐ 9 00:00:19,000 --> 00:00:22,000 และป่าสงวนต่างๆ 10 00:00:22,000 --> 00:00:25,000 หลักๆเราเลือกเส้นทางที่ยาวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 11 00:00:26,000 --> 00:00:29,000 ในสถานที่นึงใจกลางรัฐเซาท์ดาโกต้า 12 00:00:29,000 --> 00:00:32,000 ฉันหันไปหาเพื่อนของฉัน 13 00:00:32,000 --> 00:00:34,000 แล้วถามว่า 14 00:00:34,000 --> 00:00:36,000 มันกวนใจฉัน 15 00:00:36,000 --> 00:00:39,000 ตลอดทาง 2,000 ไมล์ 16 00:00:40,000 --> 00:00:44,000 ตัวหนังสือจีนที่ฉันเห็นอยู่ข้างทางเนี่ยมันคืออะไรกันแน่? 17 00:00:47,000 --> 00:00:51,000 เพื่อนฉันทำหน้ามึนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด 18 00:00:51,000 --> 00:00:53,000 เหมือนกับที่ท่านสุภาพบุรุษด้านหน้านี้เป็นอยู่ 19 00:00:53,000 --> 00:00:56,000 คุณเป็นตัวอย่างอาการของเพื่อนฉันได้อย่างดี 20 00:00:56,000 --> 00:00:59,000 (หัวเราะ) 21 00:00:59,000 --> 00:01:01,000 แล้วฉันก็แบบว่า ก็นั่นไง 22 00:01:01,000 --> 00:01:03,000 ป้ายที่เราเห็นตามทาง 23 00:01:03,000 --> 00:01:06,000 ที่มีตัวหนังสือภาษาจีนอยู่ไง 24 00:01:07,000 --> 00:01:10,000 เธอจ้องฉันอยู่ครู่หนึ่ง 25 00:01:10,000 --> 00:01:13,000 และในที่สุดเธอก็เข้าใจ 26 00:01:13,000 --> 00:01:15,000 และนึกออกว่าสิ่งที่ฉันพูดถึงคืออะไร 27 00:01:15,000 --> 00:01:18,000 สิ่งที่ฉันพูดก็คือ สิ่งนี้ 28 00:01:18,000 --> 00:01:24,000 (หัวเราะ) 29 00:01:24,000 --> 00:01:28,000 ใช่แล้วค่ะ ตัวหนังสือจีนอันโด่งดังที่หมายถึงพื้นที่ปิกนิคนั่นเอง 30 00:01:28,000 --> 00:01:30,000 (หัวเราะ) 31 00:01:30,000 --> 00:01:34,000 ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาของฉันได้ใช้ไปกับ 32 00:01:34,000 --> 00:01:36,000 การครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ 33 00:01:36,000 --> 00:01:39,000 อย่างในสถานการณ์นี้ 34 00:01:39,000 --> 00:01:41,000 ว่าทำไมบางครั้งพวกเราเข้าใจผิด 35 00:01:41,000 --> 00:01:43,000 กับสัญลักษณ์รอบตัวเรา 36 00:01:43,000 --> 00:01:46,000 และทำไมเราถึงได้ทำตัวเช่นนั้น 37 00:01:46,000 --> 00:01:50,000 แล้วสิ่งเหล่านี้มันบอกอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ 38 00:01:50,000 --> 00:01:52,000 อีกนัยนึง อย่างที่คริสพูด 39 00:01:52,000 --> 00:01:54,000 ว่าฉันได้ใช้เวลาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา 40 00:01:54,000 --> 00:01:57,000 คิดเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาด 41 00:01:57,000 --> 00:02:00,000 คุณอาจคิดว่ามันเป็นการเลือกสายอาชีพที่แปลกอยู่ 42 00:02:00,000 --> 00:02:03,000 แต่มันมีข้อได้เปรียบอยู่อย่างนึง 43 00:02:03,000 --> 00:02:05,000 คือ การไม่มีคู่แข่ง 44 00:02:05,000 --> 00:02:07,000 (หัวเราะ) 45 00:02:07,000 --> 00:02:10,000 ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราทำทุกวิถีทาง 46 00:02:10,000 --> 00:02:13,000 ที่จะเลี่ยงการทำพลาด 47 00:02:13,000 --> 00:02:15,000 หรืออย่างน้อยก็พยายามคิดหาทางหลีกเลี่ยง 48 00:02:15,000 --> 00:02:17,000 ว่าเราผิด 49 00:02:17,000 --> 00:02:19,000 ซึ่งนำเราเข้าไปสู่นามธรรม 50 00:02:19,000 --> 00:02:21,000 พวกเราต่างรู้กันดีว่าทุกคนในที่นี้ก็เคยทำผิดกันทั้งนั้น 51 00:02:22,000 --> 00:02:25,000 เผ่าพันธุ์มนุษย์เรา โดยส่วนใหญ่ก็ผิดพลาดกันอยู่แล้ว 52 00:02:26,000 --> 00:02:29,000 แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ 53 00:02:29,000 --> 00:02:31,000 สำหรับสิ่งที่ฉันเชื่อ 54 00:02:31,000 --> 00:02:34,000 ณ ปัจจุบัน 55 00:02:34,000 --> 00:02:38,000 ทันใดนั้น การรู้ซึ้งถึงนามธรรมเกี่ยวกับความผิดพลาด 56 00:02:38,000 --> 00:02:41,000 ทำให้ฉันเปิดกว้าง 57 00:02:41,000 --> 00:02:44,000 และคิดไม่ออกว่าจริงๆแล้วฉันเคยทำอะไรผิดบ้าง 58 00:02:45,000 --> 00:02:48,000 จริงๆแล้ว ณ ปัจจุบัน คือที่ที่เราอยู่ 59 00:02:48,000 --> 00:02:51,000 เราไปสัมมนา ในขณะนี้ 60 00:02:51,000 --> 00:02:53,000 เราไปเที่ยววันหยุดกับครอบครัว ณ ช่วงเวลานี้ 61 00:02:53,000 --> 00:02:57,000 เราไปเข้าคูหาเลือกตั้งก็ทำในช่วงเวลานี้ 62 00:02:57,000 --> 00:03:00,000 ผลสรุปก็คือเราผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆในชีวิต 63 00:03:00,000 --> 00:03:02,000 กักขังตัวเองอยู่ในฟองสบู่เล็กๆ 64 00:03:02,000 --> 00:03:05,000 ที่เกี่ยวกับการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง 65 00:03:06,000 --> 00:03:08,000 ฉันคิดว่านี่คือปัญหา 66 00:03:08,000 --> 00:03:11,000 ฉันคิดว่ามันเป็นปัญหากับเราทุกๆคน 67 00:03:11,000 --> 00:03:14,000 ทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน 68 00:03:14,000 --> 00:03:17,000 และฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาจากการสั่งสมอบรมมาเป็นเวลานาน 69 00:03:17,000 --> 00:03:19,000 ดังนั้นสิ่งที่ฉันอยากทำในวันนี้ 70 00:03:19,000 --> 00:03:22,000 สิ่งแรกก็คือพูดถึงเหตุผลที่พวกเรายึดติดกับ 71 00:03:22,000 --> 00:03:24,000 ความรู้สึกถึงความถูกต้อง 72 00:03:24,000 --> 00:03:27,000 ถัดมาก็คือ ทำไมมันถึงเป็นปัญหา 73 00:03:27,000 --> 00:03:29,000 และสุดท้ายฉันอยากจะบอกคุณ 74 00:03:29,000 --> 00:03:31,000 ว่ามันมีความเป็นไปได้ 75 00:03:31,000 --> 00:03:33,000 ที่จะก้าวออกจากความรู้สึกนั้น 76 00:03:33,000 --> 00:03:35,000 และถ้าคุณทำได้ 77 00:03:35,000 --> 00:03:37,000 มันคือก้าวสำคัญ 78 00:03:37,000 --> 00:03:40,000 ที่คุณสามารถทำได้ทั้งทางจริยธรรม วิชาการและความสร้างสรรค์ 79 00:03:42,000 --> 00:03:44,000 มาเริ่มจากทำไมเราถึงยึดติด 80 00:03:44,000 --> 00:03:46,000 กับความรู้สึกถูกต้อง 81 00:03:46,000 --> 00:03:49,000 เหตุผลนึงเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของการทำผิดพลาด 82 00:03:49,000 --> 00:03:51,000 ดังนั้นขอฉันถามพวกคุณบางอย่างหน่อย 83 00:03:51,000 --> 00:03:55,000 ขอถามพวกคุณแล้วกัน เพราะคุณนั่งตรงนี้ 84 00:03:55,000 --> 00:03:58,000 คุณรู้สึกอย่างไร ทางด้านอารมณ์ 85 00:03:58,000 --> 00:04:01,000 คุณรู้สึกอย่างไรเวลาทำผิด 86 00:04:01,000 --> 00:04:04,000 หวาดกลัว คว่ำหัวแม่โป้งลง 87 00:04:04,000 --> 00:04:06,000 อาย โอเค ดีคะ 88 00:04:06,000 --> 00:04:08,000 มีทั้งหวาดกลัว ทั้งคว่ำหัวโป้งลง แล้วก็อาย 89 00:04:08,000 --> 00:04:11,000 ขอบคุณค่ะ เป็นคำตอบที่ดีมาก 90 00:04:11,000 --> 00:04:14,000 แต่พวกเขาไม่ได้ตอบคำถามฉัน 91 00:04:14,000 --> 00:04:16,000 พวกคุณตอบคำถามที่ว่า 92 00:04:16,000 --> 00:04:19,000 คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณทำผิดพลาด 93 00:04:19,000 --> 00:04:23,000 (หัวเราะ) 94 00:04:23,000 --> 00:04:26,000 การที่เรารู้ตัวว่าเราผิดพลาดเราจะรู้สึกอย่างที่พวกคุณบอกและในอีกหลายๆแบบ จริงไหมคะ? 95 00:04:26,000 --> 00:04:29,000 ฉันหมายถึงมันอาจจะทำให้ผิดหวัง ทำให้สิ้นหวัง 96 00:04:29,000 --> 00:04:31,000 หรืออาจจะรู้สึกตลก 97 00:04:31,000 --> 00:04:34,000 อย่างตัวหนังสือจีนโง่ๆที่ฉันเข้าใจผิดก็เป็นได้ 98 00:04:34,000 --> 00:04:37,000 แต่แค่ทำผิด 99 00:04:37,000 --> 00:04:39,000 ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไร 100 00:04:39,000 --> 00:04:42,000 ฉันจะเปรียบเทียบให้คุณฟัง 101 00:04:42,000 --> 00:04:44,000 พวกคุณรู้จักการ์ตูนของลูนนี่ ทูนส์ใช่ไหม 102 00:04:44,000 --> 00:04:46,000 ที่มีเจ้าตัวคโยตี้ที่น่าสงสาร 103 00:04:46,000 --> 00:04:48,000 ไล่ตามแต่ไม่เคยจับเจ้าตัวโรดรันเนอร์ได้ 104 00:04:48,000 --> 00:04:51,000 ในเกือบทุกตอนของการ์ตูนเรื่องนี้ 105 00:04:51,000 --> 00:04:53,000 จะมีช่วงนึงที่คโยตี้ไล่โรดรันเนอร์ 106 00:04:53,000 --> 00:04:55,000 แล้วโรดรันเนอร์วิ่งออกนอกหุบเขา 107 00:04:55,000 --> 00:04:58,000 ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะเขาเป็นนก เขาบินได้ 108 00:04:58,000 --> 00:05:02,000 แต่คโยตี้ที่วิ่งออกนอกหุบเขาตามหลังเนี่ยสิ 109 00:05:02,000 --> 00:05:04,000 สิ่งนี้แหละที่ตลก 110 00:05:04,000 --> 00:05:06,000 อย่างน้อยก็ตอนคุณอายุ 6 ขวบ 111 00:05:06,000 --> 00:05:08,000 แล้วนี่คโยตี้รู้สึกโอเคด้วยหรือเปล่า 112 00:05:08,000 --> 00:05:10,000 ที่เขาวิ่งไปเรื่อยๆ 113 00:05:10,000 --> 00:05:12,000 จนกระทั่งในตอนที่เขามองลง 114 00:05:12,000 --> 00:05:15,000 และได้รู้ตัวว่าเขาอยู่กลางอากาศ 115 00:05:15,000 --> 00:05:18,000 แล้วก็หล่นลงไป 116 00:05:19,000 --> 00:05:21,000 ในตอนที่เราทำผิดบางอย่าง 117 00:05:21,000 --> 00:05:24,000 ไม่ใช่ตอนที่เรารู้สึกตัว แต่เป็นช่วงเวลาก่อนหน้านั้น 118 00:05:24,000 --> 00:05:27,000 เราก็เหมือนกับเจ้าคโยตี้ 119 00:05:27,000 --> 00:05:30,000 ที่วิ่งเลยหุบเขา ก่อนที่ตัวเองจะมองข้างล่าง 120 00:05:31,000 --> 00:05:34,000 คุณรู้ว่าเราผิดแล้ว 121 00:05:34,000 --> 00:05:36,000 เราเจอปัญหาแล้ว 122 00:05:36,000 --> 00:05:39,000 แต่เรายังรู้สึกเหมือนเราอยู่บนพื้นมั่นคง 123 00:05:40,000 --> 00:05:43,000 ดังนั้นฉันขอแก้ไขในสิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ 124 00:05:43,000 --> 00:05:46,000 ว่ามันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ 125 00:05:46,000 --> 00:05:49,000 เหมือนกับที่เรารู้สึกว่ามันถูกต้อง 126 00:05:49,000 --> 00:05:52,000 (หัวเราะ) 127 00:05:52,000 --> 00:05:55,000 นี่คือเหตุผลนึง ที่เป็นองค์ประกอบนึงของเหตุผล 128 00:05:55,000 --> 00:05:57,000 ที่ว่าทำไมเรายึดติดกับความรู้สึกถูกต้องไว้ในตัวเรา 129 00:05:57,000 --> 00:05:59,000 ฉันเรียกสิ่งนี้ว่าข้อผิดพลาดที่เรามองไม่เห็น 130 00:05:59,000 --> 00:06:01,000 โดยส่วนใหญ่แล้ว 131 00:06:01,000 --> 00:06:04,000 เราไม่มีข้อคิดภายในหัวเรา 132 00:06:04,000 --> 00:06:06,000 เกี่ยวกับการทำผิดพลาดเลย 133 00:06:06,000 --> 00:06:09,000 จนกระทั่งมันสายไปแล้ว 134 00:06:09,000 --> 00:06:12,000 แต่มีอีกเหตุผลนึงที่ทำให้พวกเรายึดติดกับความรู้สึกนี้เหมือนกัน 135 00:06:12,000 --> 00:06:14,000 และนั่นก็คือการปลูกฝังวัฒนธรรม 136 00:06:15,000 --> 00:06:18,000 ลองนึกย้อนไปเมื่อตอนสมัยประถม 137 00:06:18,000 --> 00:06:20,000 คุณกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน 138 00:06:20,000 --> 00:06:23,000 แล้วคุณครูของคุณก็ยื่นกระดาษทดสอบให้ 139 00:06:23,000 --> 00:06:25,000 แล้วของใครบางคนจะเป็นหน้าตาแบบนี้ 140 00:06:25,000 --> 00:06:27,000 แต่นั่นไม่ใช่ฉัน บอกไว้ก่อน 141 00:06:27,000 --> 00:06:29,000 (หัวเราะ) 142 00:06:29,000 --> 00:06:32,000 คุณอยู่ในชั้นเรียน 143 00:06:32,000 --> 00:06:34,000 และคุณรู้แน่นอนว่าคุณต้องคิดอะไร 144 00:06:34,000 --> 00:06:37,000 เกี่ยวกับเด็กที่เป็นเจ้าของกระดาษใบนี้ 145 00:06:37,000 --> 00:06:40,000 ว่าเป็นเด็กโง่ เด็กเจ้าปัญหา 146 00:06:40,000 --> 00:06:43,000 ที่ไม่เคยทำการบ้านส่งเลย 147 00:06:43,000 --> 00:06:46,000 เมื่อคุณอายุได้ 9 ขวบ 148 00:06:46,000 --> 00:06:48,000 อย่างแรก คุณได้เรียนรู้ว่า 149 00:06:48,000 --> 00:06:50,000 คนที่ทำอะไรผิดๆ 150 00:06:50,000 --> 00:06:53,000 คือคนที่ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบ ปัญญาทึบ 151 00:06:53,000 --> 00:06:55,000 อย่างที่สอง 152 00:06:55,000 --> 00:06:57,000 ก็คือหนทางที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น 153 00:06:57,000 --> 00:07:00,000 จะต้องไม่ทำอะไรผิดพลาด 154 00:07:01,000 --> 00:07:05,000 พวกเราเรียนรู้บทเรียนแย่ๆเหล่านี้ได้อย่างดี 155 00:07:06,000 --> 00:07:08,000 และในหลายคน 156 00:07:08,000 --> 00:07:12,000 และฉันสันนิษฐานว่าหลายคนในที่นี้ 157 00:07:12,000 --> 00:07:14,000 จัดการกับเรื่องนี้โดย 158 00:07:14,000 --> 00:07:16,000 กลายเป็นเด็กนักเรียนเกรดเอ 159 00:07:16,000 --> 00:07:19,000 เป็นพวกเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งเป้าไว้สูง 160 00:07:19,000 --> 00:07:21,000 ใช่ไหมคะ? 161 00:07:21,000 --> 00:07:25,000 คุณซีเอฟโอ นักฟิสิกส์ดวงดาว แล้วก็นักมาราธอนทั้งหลาย 162 00:07:25,000 --> 00:07:32,000 (หัวเราะ) 163 00:07:32,000 --> 00:07:36,000 คุณกลายเป็น ซีเอฟโอ นักฟิสิกส์ดวงดาว นักมาราธอน 164 00:07:36,000 --> 00:07:38,000 นั่นก็ โอเค 165 00:07:38,000 --> 00:07:41,000 กระทั่งเมื่อตอนที่เราตื่นตระหนก 166 00:07:41,000 --> 00:07:43,000 กับเรื่องที่เราทำผิดพลาด 167 00:07:43,000 --> 00:07:46,000 จากเรื่องนี้ 168 00:07:46,000 --> 00:07:48,000 การทำอะไรผิด 169 00:07:48,000 --> 00:07:51,000 หมายถึงมีอะไรบางอย่างในตัวเราผิดปกติ 170 00:07:51,000 --> 00:07:53,000 ดังนั้นเรายืนกรานว่าเราถูก 171 00:07:53,000 --> 00:07:55,000 เพราะว่ามันทำให้เรารู้สึกว่าเราฉลาดและดูมีความรับผิดชอบ 172 00:07:55,000 --> 00:07:58,000 รู้สึกถูกต้องและปลอดภัย 173 00:07:59,000 --> 00:08:01,000 ขอให้ฉันเล่าเรื่องนึง 174 00:08:01,000 --> 00:08:03,000 เมื่อสองสามปีที่แล้ว 175 00:08:03,000 --> 00:08:06,000 ผู้หญิงหลายคนมาที่ เบธ อิสราเอล เดคอนส์ เมดิเคิร์ล เซ็นเตอร์ ที่สำหรับศัลยกรรม 176 00:08:06,000 --> 00:08:08,000 เบธ อิสราเอล อยู่ที่บอสตัน 177 00:08:08,000 --> 00:08:10,000 เป็นที่ศึกษาแพทย์ของฮาร์เวิร์ด 178 00:08:10,000 --> 00:08:12,000 หนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศ 179 00:08:12,000 --> 00:08:15,000 ผู้หญิงเหล่านี้ไปเข้ารับการผ่าตัด 180 00:08:15,000 --> 00:08:17,000 เธอก็โดนวางยาสลบ ส่วนศัลยแพทย์ก็ทำงานของเขาไป 181 00:08:17,000 --> 00:08:20,000 เย็บแผล แล้วก็ส่งเธอเข้าห้องพักฟื้น 182 00:08:20,000 --> 00:08:23,000 ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปได้ด้วยดี 183 00:08:23,000 --> 00:08:26,000 จนกระทั่งตอนที่เธอตื่นขึ้นแล้วมองที่ตัวเอง 184 00:08:26,000 --> 00:08:30,000 แล้วเธอก็พูดว่า "ทำไมผ้าพันแผลอยู่ผิดข้างล่ะ?" 185 00:08:30,000 --> 00:08:33,000 สาเหตุที่มันผ้าพันแผลอยู่ผิดฝั่ง 186 00:08:33,000 --> 00:08:35,000 เพราะว่าศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดสำคัญ 187 00:08:35,000 --> 00:08:38,000 ที่ขาด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวา 188 00:08:39,000 --> 00:08:42,000 เมื่อรองประธานฝ่ายประกันคุณภาพด้านการดูแลสุขภาพของเบธ อิสราเอล 189 00:08:42,000 --> 00:08:45,000 ได้กล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 190 00:08:45,000 --> 00:08:48,000 เขาได้พูดบางอย่างที่น่าสนใจ 191 00:08:48,000 --> 00:08:51,000 เขาพูดว่า ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม 192 00:08:51,000 --> 00:08:53,000 ศัลยแพทย์รู้สึกว่า 193 00:08:53,000 --> 00:08:55,000 เขาได้ผ่าตัดให้คนไข้ถูกฝั่งแล้ว 194 00:08:55,000 --> 00:08:58,000 (หัวเราะ) 195 00:09:00,000 --> 00:09:02,000 จุดประสงค์ของเรื่องนี้คือ 196 00:09:02,000 --> 00:09:05,000 เชื่อมั่นกับความรู้สึกมากเกินไป 197 00:09:05,000 --> 00:09:08,000 ว่าตัวเองอยู่ฝั่งที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง 198 00:09:08,000 --> 00:09:11,000 อาจจะเป็นเรื่องอันตรายได้ 199 00:09:11,000 --> 00:09:14,000 ความรู้สึก สัมผัสเกี่ยวกับเรื่องความถูกต้องภายใน 200 00:09:14,000 --> 00:09:16,000 ที่เราได้ประสบบ่อยๆนั้น 201 00:09:16,000 --> 00:09:18,000 ไม่สามารถเชื่อ ยึดเอาเป็นแนวทางได้ 202 00:09:18,000 --> 00:09:21,000 สำหรับใช้ในโลกภายนอกได้ 203 00:09:21,000 --> 00:09:23,000 แล้วเมื่อเราทำแบบนั้น 204 00:09:23,000 --> 00:09:27,000 เราหมดสนุกกับความเป็นไปได้ที่เราจะทำผิด 205 00:09:27,000 --> 00:09:29,000 เมื่อนั้นเราก็จะจบลงด้วย 206 00:09:29,000 --> 00:09:33,000 การเทน้ำมันลงในอ่าวเม็กซิโกกว่าสองร้อยล้านแกลลอน 207 00:09:33,000 --> 00:09:36,000 หรือถล่มเศรษฐกิจโลก 208 00:09:37,000 --> 00:09:40,000 นี่คือปัญหาใหญ่ในเชิงปฏิบัติ 209 00:09:40,000 --> 00:09:43,000 แต่มันก็เป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมด้วยเช่นกัน 210 00:09:43,000 --> 00:09:47,000 ลองใช้เวลาคิดสักครู่ ว่าการรู้สึกถูกมันมีความหมายอย่างไร 211 00:09:47,000 --> 00:09:49,000 มันหมายถึงสิ่งที่คุณเชื่อ 212 00:09:49,000 --> 00:09:52,000 มันสะท้อนความเป็นจริงอย่างลงตัว 213 00:09:52,000 --> 00:09:54,000 และเมื่อคุณรู้สึกเช่นนั้น 214 00:09:54,000 --> 00:09:56,000 คุณมีปัญหาที่ต้องแก้ 215 00:09:56,000 --> 00:09:58,000 ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจะอธิบายอย่างไร 216 00:09:58,000 --> 00:10:01,000 กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ 217 00:10:01,000 --> 00:10:04,000 มันกลายเป็นว่าเราอธิบายให้คนอื่นฟังในแบบเดียวกัน 218 00:10:04,000 --> 00:10:07,000 โดยการบอกเล่าสมมติฐานอาภัพเหล่านั้น 219 00:10:08,000 --> 00:10:11,000 อย่างแรกที่เราจะทำเมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกับเรา 220 00:10:11,000 --> 00:10:14,000 คือเราคิดไปเองว่าพวกเขาโง่เขลา 221 00:10:14,000 --> 00:10:16,000 พวกเขาไม่ได้รับข้อมูลแบบเดียวกับเรา 222 00:10:16,000 --> 00:10:19,000 แล้วเมื่อเราใจดีแบ่งปันข้อมูลกับพวกเขาแล้ว 223 00:10:19,000 --> 00:10:22,000 พวกเขาก็จะเห็นทางสว่างแ้ล้วเข้าพวกกับเรา 224 00:10:22,000 --> 00:10:25,000 แล้วเมื่อมันไม่ได้ผล 225 00:10:25,000 --> 00:10:27,000 เมื่อพวกเขาเหล่านั้นรู้ข้อมูลเหมือนกับที่เรารู้ 226 00:10:27,000 --> 00:10:29,000 แต่ยังไม่เห็นด้วยกับเรา 227 00:10:29,000 --> 00:10:31,000 เราก็ไปยังสมมติฐานที่สอง 228 00:10:31,000 --> 00:10:33,000 นั่นก็คือพวกนี้มันงี่เง่า 229 00:10:33,000 --> 00:10:35,000 (หัวเราะ) 230 00:10:35,000 --> 00:10:37,000 พวกเขามีองค์ประกอบครบทุกอย่างแล้ว 231 00:10:37,000 --> 00:10:40,000 แต่กลับโง่เกินกว่าที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ 232 00:10:40,000 --> 00:10:42,000 และเมื่อมันยังไม่ได้ผลอีก 233 00:10:42,000 --> 00:10:45,000 เมื่อคนเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับคุณ 234 00:10:45,000 --> 00:10:47,000 ทั้งที่รับข้อมูลทุกอย่างเหมือนกัน 235 00:10:47,000 --> 00:10:50,000 แล้วยังเป็นคนฉลาดด้วย 236 00:10:50,000 --> 00:10:53,000 เมื่อนั้นเราก็เข้าสู่สมมติฐานที่สาม 237 00:10:53,000 --> 00:10:56,000 คือพวกเขารู้ความจริง 238 00:10:56,000 --> 00:10:58,000 แต่พวกเขาจงใจบิดเบือนมัน 239 00:10:58,000 --> 00:11:01,000 เพื่อจุดประสงค์ร้ายบางอย่าง 240 00:11:02,000 --> 00:11:04,000 นี่เลยกลายเป็นภัยพิบัติ 241 00:11:04,000 --> 00:11:07,000 นี่เป็นสิ่งที่ตามมากับความรู้สึกถูกต้องของเรา 242 00:11:07,000 --> 00:11:09,000 ที่พยายามผลักเราออกจากความผิดพลาด 243 00:11:09,000 --> 00:11:11,000 ในเวลาที่เราต้องการมัน 244 00:11:11,000 --> 00:11:14,000 และทำให้เราปฏิบัติต่อกันอย่างน่ากลัว 245 00:11:15,000 --> 00:11:17,000 แต่สำหรับฉันแล้ว สิ่งที่น่ามึนงงที่สุด 246 00:11:17,000 --> 00:11:20,000 และน่าสลดใจมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ 247 00:11:20,000 --> 00:11:24,000 เราได้มองข้ามความเป็นมนุษย์ไป 248 00:11:24,000 --> 00:11:26,000 เหมือนกับเราอยากจินตนาการ 249 00:11:26,000 --> 00:11:29,000 ว่าความคิดเราโปร่งใสเหมือนกับหน้าต่างโปร่งแสง 250 00:11:29,000 --> 00:11:31,000 เมื่อมองไปที่มัน 251 00:11:31,000 --> 00:11:34,000 โลกทั้งโลกก็คลี่คลายเปิดเผย 252 00:11:34,000 --> 00:11:36,000 และพวกเราก็อยากให้คนอื่นๆมองไปหน้าต่างเดียวกับเรา 253 00:11:36,000 --> 00:11:38,000 และเห็นในอย่างเดียวกับเรา 254 00:11:38,000 --> 00:11:40,000 ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย 255 00:11:40,000 --> 00:11:43,000 และถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ โลกคงน่าเบื่อมาก 256 00:11:43,000 --> 00:11:46,000 ความอัศจรรย์เกี่ยวกับความคิดคุณ 257 00:11:46,000 --> 00:11:49,000 ไม่ได้อยู่ที่การที่คุณมองโลกอย่างที่มันเป็น 258 00:11:50,000 --> 00:11:53,000 แต่เป็นการมองโลกในแบบที่มันไม่ควรเป็นต่างหาก 259 00:11:54,000 --> 00:11:56,000 เราสามารถจดจำอดีตได้ 260 00:11:56,000 --> 00:11:59,000 เราสามารถคิดถึงอนาคตได้ 261 00:11:59,000 --> 00:12:01,000 และเราสามารถจินตนาการได้ว่ามันเป็นอย่างไร 262 00:12:01,000 --> 00:12:04,000 ที่เป็นคนๆนึงในอีกที่ๆนึง 263 00:12:04,000 --> 00:12:06,000 พวกเราทุกคนก็ทำสิ่งนี้แต่ต่างกันในรายละเอียด 264 00:12:06,000 --> 00:12:08,000 ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราสามารถมองออกไปในคืนเดียวกันแล้ว 265 00:12:08,000 --> 00:12:10,000 เห็นสิ่งนี้ 266 00:12:10,000 --> 00:12:12,000 แล้วก็สิ่งนี้ 267 00:12:12,000 --> 00:12:15,000 สิ่งนี้ด้วย 268 00:12:15,000 --> 00:12:18,000 ใช่ค่ะ แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราทำอะไรผิดด้วย 269 00:12:19,000 --> 00:12:21,000 พันสองร้อยปีที่แล้วก่อนที่เดสอาร์เทสพูดเรื่องดัง 270 00:12:21,000 --> 00:12:23,000 เกี่ยวกับ "ฉันคิด...ฉันจึงมีอยู่" 271 00:12:23,000 --> 00:12:25,000 บุคคลนี้ เซนส์ ออกัสติน นั่งลง 272 00:12:25,000 --> 00:12:28,000 เขียนว่า "ฟอร์ลอร์ แอร์โก ซัม" 273 00:12:28,000 --> 00:12:32,000 "เพราะฉันทำผิด ฉันจึงมีอยู่" 274 00:12:32,000 --> 00:12:34,000 ออกัสตีนเข้าใจ 275 00:12:34,000 --> 00:12:36,000 เกี่ยวกับสมรรถภาพความผิดพลาดของเรา 276 00:12:36,000 --> 00:12:38,000 ไม่ใช่ข้อบกพร่องที่น่าอาย 277 00:12:38,000 --> 00:12:40,000 ในระบบร่างกายมนุษย์เลย 278 00:12:40,000 --> 00:12:43,000 หรือเป็นสิ่งที่เราสามารถขจัดหรือเอาชนะ 279 00:12:43,000 --> 00:12:46,000 มันเป็นพื้นฐานทั้งหมดที่เรามี 280 00:12:46,000 --> 00:12:48,000 เพราะเราไม่เหมือนพระเจ้า 281 00:12:48,000 --> 00:12:51,000 เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างนอกนั่น 282 00:12:51,000 --> 00:12:54,000 และเราก็ไม่เหมือนกับสัตว์ต่างๆ 283 00:12:54,000 --> 00:12:58,000 พวกเราหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาเหล่านี้ 284 00:12:58,000 --> 00:13:00,000 สำหรับฉัน ความหมกมุ่นนี้ 285 00:13:00,000 --> 00:13:02,000 เป็นแหล่งข้อมูลและรากฐาน 286 00:13:02,000 --> 00:13:05,000 ของผลผลิตและความคิดสร้างสรรค์ของเรา 287 00:13:05,000 --> 00:13:08,000 เมื่อปีที่แล้ว ในเหตุผลหลายๆอย่างต่างกัน 288 00:13:08,000 --> 00:13:10,000 ฉันนั่งฟังวิทยุรายการวิทยุ 289 00:13:10,000 --> 00:13:12,000 ชื่อ ดีส อเมริกัน ไลฟ์ หลายตอน 290 00:13:12,000 --> 00:13:15,000 ฉันฟังไปเรื่อยๆ 291 00:13:15,000 --> 00:13:18,000 และถึงจุดนึงฉันก็รู้สึกว่า 292 00:13:18,000 --> 00:13:21,000 ฉันชอบเรื่องเกี่ยวกับความผิดพลาดเหล่านี้ 293 00:13:22,000 --> 00:13:24,000 ความคิดแรกในหัวฉันคือ 294 00:13:24,000 --> 00:13:26,000 ฉันหลงทางแล้ว 295 00:13:26,000 --> 00:13:28,000 ฉันกลายเป็นหญิงบ้าผู้คลั่งความผิดพลาดไปแล้ว 296 00:13:28,000 --> 00:13:30,000 ฉันคิดไปได้ต่างๆนานา 297 00:13:30,000 --> 00:13:32,000 ซึ่งมันจริง 298 00:13:32,000 --> 00:13:34,000 แต่สองสามเดือนหลังจากนั้น 299 00:13:34,000 --> 00:13:36,000 ฉันได้มีโอกาสสัมภาษณ์ อิรา กลาส ที่เป็นพิธีกรของรายการนี้ 300 00:13:36,000 --> 00:13:38,000 และฉันก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง 301 00:13:38,000 --> 00:13:41,000 แล้วเขาก็พูดว่า ไม่ ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องจริง 302 00:13:41,000 --> 00:13:43,000 มันคือ 303 00:13:43,000 --> 00:13:45,000 เราเป็นผู้ดำเนินรายการ เราขำ 304 00:13:45,000 --> 00:13:47,000 ในทุกๆตอนของรายการ 305 00:13:47,000 --> 00:13:50,000 ที่มีรูปแบบเหมือนๆกัน 306 00:13:50,000 --> 00:13:52,000 รูปแบบนั้นก็คือ 307 00:13:52,000 --> 00:13:55,000 "ฉันคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่เลย 308 00:13:55,000 --> 00:13:58,000 แต่แล้วกลับกลายเป็นอีกอย่างนึงซะนี่" 309 00:13:58,000 --> 00:14:01,000 แล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องการ อิรา กราสกล่าว 310 00:14:01,000 --> 00:14:03,000 เราต้องการช่วงเวลาเหล่านี้ 311 00:14:03,000 --> 00:14:05,000 ช่วงเวลาประหลาดใจ พลิกผลันและความผิดพลาดต่างๆ 312 00:14:05,000 --> 00:14:07,000 ที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ดี 313 00:14:07,000 --> 00:14:09,000 และสำหรับคนที่เหลือ หรือผู้ชม 314 00:14:09,000 --> 00:14:12,000 ที่เป็นผู้ฟังหรือผู้อ่าน 315 00:14:12,000 --> 00:14:14,000 พวกเราเสพสิ่งเหล่านี้เข้าไป 316 00:14:14,000 --> 00:14:17,000 พวกเราชอบพล๊อตที่มีจุดหักมุม 317 00:14:17,000 --> 00:14:20,000 จุดเปลี่ยนและเรื่องประหลาดใจในตอนจบ 318 00:14:20,000 --> 00:14:23,000 เมื่อมาถึงเรื่องของพวกเรา 319 00:14:23,000 --> 00:14:26,000 เรารักที่จะผิดพลาด 320 00:14:26,000 --> 00:14:28,000 แต่อย่างที่คุณรู้ เรื่องของพวกเราเป็นแบบนี้ 321 00:14:28,000 --> 00:14:31,000 เพราะพวกเรามีชีวิตแบบนี้ 322 00:14:31,000 --> 00:14:34,000 พวกเราคิดว่าสิ่งนึงจะต้องเกิดขึ้น 323 00:14:34,000 --> 00:14:37,000 แต่กลับมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแทน 324 00:14:37,000 --> 00:14:39,000 จอร์ช บุช คิดว่าเขาจะบุกยึกอิรัก 325 00:14:39,000 --> 00:14:41,000 ค้นหาคลังอาวุธทำลายล้าง 326 00:14:41,000 --> 00:14:44,000 ปลดปล่อยคนและนำประชาธิปไตยสู่ตะวันออกกลาง 327 00:14:45,000 --> 00:14:47,000 แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นแทน 328 00:14:48,000 --> 00:14:50,000 โฮสนี่ มูบารัค 329 00:14:50,000 --> 00:14:52,000 คิดว่าเขาจะเป็นผู้นำเผด็จการของอียิปต์ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ 330 00:14:52,000 --> 00:14:54,000 จนกระทั่งเขาแก่และป่วยเกินกว่าที่จะทำ 331 00:14:54,000 --> 00:14:57,000 เขาจะยกทุกอย่างให้อยู่ในอำนาจของลูกชาย 332 00:14:57,000 --> 00:15:00,000 แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น 333 00:15:01,000 --> 00:15:03,000 และบางทีคุณคิดว่า 334 00:15:03,000 --> 00:15:05,000 คุณจะโตขึ้น แต่งงานกับหวานใจตอนสมัยวัยรุ่น 335 00:15:05,000 --> 00:15:08,000 กลับบ้านเกิด แล้วก็เลี้ยงลูกด้วยกัน 336 00:15:09,000 --> 00:15:12,000 แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น 337 00:15:12,000 --> 00:15:14,000 และฉันจะบอกคุณว่า 338 00:15:14,000 --> 00:15:16,000 ฉันคิดว่าฉันเขียนหนังสือเนิร์ดสุดๆ 339 00:15:16,000 --> 00:15:18,000 ในเรื่องที่ทุกคนเกลียด 340 00:15:18,000 --> 00:15:21,000 สำหรับคนอ่านที่ไม่เคยทำอะไรเป็นรูปเป็นร่าง 341 00:15:21,000 --> 00:15:23,000 แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น 342 00:15:23,000 --> 00:15:25,000 (หัวเราะ) 343 00:15:25,000 --> 00:15:27,000 ฉันหมายถึง นี่คือชีวิต 344 00:15:27,000 --> 00:15:29,000 ทั้งดี ทั้งแย่ 345 00:15:29,000 --> 00:15:32,000 เรารวมมันเป็นเรื่องอย่างลงตัว 346 00:15:32,000 --> 00:15:34,000 เกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา 347 00:15:34,000 --> 00:15:37,000 และเมื่อโลกเปลี่ยนไปและทำให้เราประหลาดใจ 348 00:15:40,000 --> 00:15:43,000 ไม่ได้ว่าร้ายนะคะ แต่ตลอดสัมมนานี้ 349 00:15:43,000 --> 00:15:45,000 คืออนุสาวรีย์อันน่าทึ่ง 350 00:15:45,000 --> 00:15:47,000 ที่เป็นผลผลิตของความผิดพลาดของเรา 351 00:15:47,000 --> 00:15:49,000 เราใช้เวลาทั้งสัปดาห์ 352 00:15:49,000 --> 00:15:51,000 พูดเกี่ยวกับเรื่องนวัตกรรม ความก้าวหน้า 353 00:15:51,000 --> 00:15:53,000 และความเจริญต่างๆ 354 00:15:53,000 --> 00:15:56,000 แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมเราต้องการนวัตกรรม 355 00:15:56,000 --> 00:15:58,000 ความก้าวหน้าและความเจริญเหล่านั้น 356 00:15:58,000 --> 00:16:00,000 เพราะกว่าครึ่งของเรื่องพวกนี้ 357 00:16:00,000 --> 00:16:03,000 ทั้งเรื่องน่าเชื่อถือต่างๆ เรื่องความเปลี่ยนแปลงของโลก 358 00:16:03,000 --> 00:16:05,000 TED 1998 359 00:16:05,000 --> 00:16:07,000 เออ 360 00:16:07,000 --> 00:16:11,000 (หัวเราะ) 361 00:16:11,000 --> 00:16:13,000 มันไม่ได้ผลใช่ไหมเนี่ย 362 00:16:13,000 --> 00:16:15,000 (หัวเราะ) 363 00:16:15,000 --> 00:16:18,000 ตั๋วเครื่องบินฉันอยู่ไหนเนี่ยคริส 364 00:16:18,000 --> 00:16:22,000 (หัวเราะ) 365 00:16:22,000 --> 00:16:27,000 (ปรบมือ) 366 00:16:27,000 --> 00:16:30,000 นี่ไง เอาอีกแล้ว 367 00:16:30,000 --> 00:16:32,000 มันมาอีกแล้ว 368 00:16:32,000 --> 00:16:34,000 เราได้ความคิดใหม่ๆ 369 00:16:34,000 --> 00:16:37,000 เราเล่าเรื่องราวอีกเรื่อง 370 00:16:37,000 --> 00:16:40,000 เราสัมมนาอีกอัน 371 00:16:40,000 --> 00:16:42,000 แต่เนื้อเรื่องคือเรื่องนี้ 372 00:16:42,000 --> 00:16:44,000 เหมือนกับที่พวกคุณฟังมาเป็นร้อยๆพันๆครั้ง 373 00:16:44,000 --> 00:16:46,000 คือถูกค้นพบอีกครั้งจากความสงสัย 374 00:16:46,000 --> 00:16:48,000 และสำหรับฉันแล้ว 375 00:16:48,000 --> 00:16:51,000 ถ้าคุณอยากค้นพบสิ่งเหล่านี้ 376 00:16:51,000 --> 00:16:53,000 คุณจะต้องคิดนอกกรอบ 377 00:16:53,000 --> 00:16:59,000 ออกมาจากที่คับแคบแย่ๆแห่งความถูกต้องนั่น 378 00:16:59,000 --> 00:17:02,000 มองดูรอบๆกันและกัน 379 00:17:02,000 --> 00:17:05,000 มองไปยังที่โล่งกว้าง 380 00:17:05,000 --> 00:17:08,000 ที่ที่สับสนและลึกลับ 381 00:17:08,000 --> 00:17:11,000 ของจักรวาล 382 00:17:11,000 --> 00:17:14,000 แล้วสามารถพูดได้ว่า 383 00:17:14,000 --> 00:17:18,000 ว้าว ฉันไม่รู้เลย 384 00:17:18,000 --> 00:17:20,000 บางทีฉันคงผิด 385 00:17:20,000 --> 00:17:22,000 ขอบคุณค่ะ 386 00:17:22,000 --> 00:17:25,000 (ปรบมือ) 387 00:17:25,000 --> 00:17:27,000 ขอบคุณทุกคนนะคะ 388 00:17:27,000 --> 00:17:30,000 (ปรบมือ)