WEBVTT 00:00:00.860 --> 00:00:03.540 สมมุติว่าคุณเป็นวิศวกรด้านจราจร และสิ่งที่ 00:00:03.540 --> 00:00:06.810 คุณพยายามหาคือว่า มีรถผ่านจุดจุดหนึ่ง 00:00:06.810 --> 00:00:08.320 บนถนน ที่เวลาหนึ่งๆ กี่คัน? 00:00:08.320 --> 00:00:10.210 แล้วคุณอยาหาว่าความน่าจะเป็นที่ 00:00:10.210 --> 00:00:14.010 รถผ่าน 100 คัน หรือ 5 คันผ่านไปในหนึ่งชั่วโมงนั้นเป็นเท่าไหร่ 00:00:14.010 --> 00:00:15.810 จุดเริ่มต้นที่ดี คือกำหนดตัวแปรสุ่ม 00:00:15.810 --> 00:00:20.530 ซึ่งแทนสิ่งที่คุณสนใจ 00:00:20.530 --> 00:00:27.350 สมมุติว่าจำนวนรถที่ผ่านในช่วง 00:00:27.350 --> 00:00:30.407 เวลาหนึ่ง, สมมุติว่า, ในหนึ่งชั่วโมง 00:00:31.710 --> 00:00:34.510 เป้าหมายคุณคือหาการกระจายตัวของความน่าจะเป็น 00:00:34.510 --> 00:00:37.050 ของตัวแปรสุ่มนี้ แล้วเมื่อคุณรู้การกระจายตัว 00:00:37.050 --> 00:00:39.450 ของความน่าจะเป็น คุณก็สามารถหาได้ว่า 00:00:39.450 --> 00:00:41.790 ความน่าจะเป็นที่รถ 100 คันจะผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง หรือความน่าจะเป็น 00:00:41.790 --> 00:00:45.890 ที่ไม่มีรถผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง แล้วก็คุณหยุดไม่ได้แล้ว 00:00:45.890 --> 00:00:48.290 และผมขอบอกไว้ก่อน, เพื่อให้วิดีโอนี้ 00:00:48.290 --> 00:00:50.540 ไปต่อได้, เราต้องตั้งสมมุติฐานสองข้อ เพราะเรากำลัง 00:00:50.540 --> 00:00:52.235 ศึกษาการกระจายตัวแบบปัวซอง (Poisson distribution) 00:00:52.235 --> 00:00:54.110 และเพื่อศึกษามัน เราต้องสมมุติ 00:00:54.110 --> 00:00:54.630 สองอย่าง: 00:00:54.630 --> 00:00:58.770 ชั่วโมงใดๆ ณ จุดนี้ตรงถนน ไม่ต่างจาก 00:00:58.770 --> 00:00:59.650 ชั่วโมงอื่นๆ 00:00:59.650 --> 00:01:01.340 และเรารู้ว่ามันไม่จริง 00:01:01.340 --> 00:01:03.750 ในชั่วโมงเร่งด่วน ในสถานการณ์จริง คุณอาจ 00:01:03.750 --> 00:01:06.640 มีรถมากกว่าชั่วโมงเร่งด่วนอื่น 00:01:06.640 --> 00:01:08.640 และคุณก็รู้, ถ้าคุณอยากให้มันเป็นจริงกว่านี้ บางทีเรา 00:01:08.640 --> 00:01:12.370 อาจต้องคิดเป็นเรายวัน เพราะในหนึ่งวัน ที่เวลาใดๆ -- 00:01:12.370 --> 00:01:12.750 ที่จริงมันไม่ใช่ 00:01:12.750 --> 00:01:14.120 ผมไม่ควรใช้วัน 00:01:14.120 --> 00:01:17.750 เราต้องสมมุติว่าทุกชั่วโมงนั้นเหมือนกันหมด 00:01:17.750 --> 00:01:19.650 เหมือนกับชั่วโมงอื่น และที่จริงแล้ว, แม้แต่ในชั่วโมงนั้น 00:01:19.650 --> 00:01:22.990 มันไม่มีความแตกต่างระหว่างวินาทีหนึ่งกับวินาทีอื่น 00:01:22.990 --> 00:01:25.820 แง่ของความน่าจะเป็นที่มีรถมา 00:01:25.820 --> 00:01:27.950 มันเป็นข้อสมมุติให้ง่าย ซึ่ง 00:01:27.950 --> 00:01:29.950 อาจไม่เป็นจริงสำหรับการจราจร แต่ผมว่าเรา 00:01:29.950 --> 00:01:32.270 สามารถสมมุติได้ 00:01:32.270 --> 00:01:34.160 แล้วข้อสมมุติอีกอย่างที่เราต้องทำคือว่า 00:01:34.160 --> 00:01:36.690 ถ้ามีรถผ่านไปในชั่วโมงหนึ่งแล้ว มันไม่ได้หมายความว่า 00:01:36.690 --> 00:01:37.820 จะมีรถผ่านน้อบลงในชั่วโมงต่อไป 00:01:37.820 --> 00:01:40.630 คือ ไม่มีทางที่จำนวนรถที่ผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่ง 00:01:40.630 --> 00:01:44.860 จะมีผล หรือเกี่ยวข้อง มีอิทธิพลต่อจำนวนรถ 00:01:44.860 --> 00:01:45.380 ที่ผ่านในชั่วโมงต่อไป 00:01:45.380 --> 00:01:47.370 มันเป็นอิสระจากกันหมด 00:01:47.370 --> 00:01:50.670 เมื่อกำหนดอย่างนั้น, อย่างน้อยเราสามารถ 00:01:50.670 --> 00:01:53.480 ลองใช้ทักษะจำลองการกระจายตัวขึ้นมาได้ 00:01:53.480 --> 00:01:55.770 อย่างแรกที่คุณทำ และผมแนะนำให้คุณ 00:01:55.770 --> 00:01:59.090 สำหรับการกระจายตัวใดๆ คือว่า เราสามารถคาดการณ์ค่าเฉลี่ยได้ 00:01:59.090 --> 00:02:03.040 ลองนั่งคิดดู แล้ววัดว่าตัวแปรนี้ กระจายตัว 00:02:03.040 --> 00:02:05.170 ไปหลายชั่วดมง แล้วเฉลี่ยมันเข้า, นั่นก็คือ 00:02:05.170 --> 00:02:08.890 ค่าประมาณของค่าเฉลี่ยจริง 00:02:08.890 --> 00:02:09.880 ตามประชากรของเรา 00:02:09.880 --> 00:02:12.270 หรือเนื่องจากมันคือตัวแปรสุ่ม, มันจะประมาณค่าคาดหวัง 00:02:12.270 --> 00:02:13.010 ของตัวแปรสุ่มนี้ 00:02:13.010 --> 00:02:16.660 สมมุติว่าคุณทำอย่างนั้น แล้วค่าประมาณที่ดี 00:02:16.660 --> 00:02:22.270 ที่สุดของค่าคาดหวังสำหรับตัวแปรนี้ -- ผมจะใช้ 00:02:22.270 --> 00:02:24.850 ตัวอักษรแลมดานะ 00:02:24.850 --> 00:02:27.380 คุณก็รู้, นี่อาจเป็น 9 คันต่อชั่วโมง 00:02:27.380 --> 00:02:30.190 คุณนั่งนับไป -- มันเป็น 9.3 ต่อชั่วโมง 00:02:30.190 --> 00:02:32.670 คุณนั่งตรงนี้เป็น 100 ชั่วโมง แล้วคุณก็นับ 00:02:32.670 --> 00:02:34.590 จำนวนรถในแต่ละชั่วโมง แล้วคุณเฉลี่ยพวกมันเข้า 00:02:34.590 --> 00:02:37.250 คุณบอกว่า, โดยเฉลี่ยแล้ว, มันมีรถผ่าน 9.3 คันต่อชั่วโมง และคุณ 00:02:37.250 --> 00:02:38.680 รู้สึกว่ามันเป็นค่าที่ดี 00:02:38.680 --> 00:02:40.080 นั่นคือสิ่งที่คุณมีตรงนี้ 00:02:40.080 --> 00:02:42.000 แล้วลงดูว่าเราทำอะไรได้อีก 00:02:42.000 --> 00:02:45.560 เรารู้จักการกระจายตัวแบบทวินาม 00:02:45.560 --> 00:02:50.650 กระจายตัวแบบทวินามบอกเราว่า ค่าคาดหวังของ 00:02:50.650 --> 00:02:55.220 ตัวแปรสุ่ม เท่ากับจำนวนครั้งของสิ่งที่สร้าง 00:02:55.220 --> 00:02:57.460 ตัวแปรสุ่มนั้นขึ้นมา, จริงไหม? 00:02:57.460 --> 00:02:59.490 ก่อนหน้านี้, ในวิดีโอที่แล้ว, เรานับจำนวนหัว 00:02:59.490 --> 00:03:00.500 ในการโยนเหรียญ 00:03:00.500 --> 00:03:03.070 นีก็คือจำนวนครั้งที่โยนเหรียญ, คูณ 00:03:03.070 --> 00:03:07.290 ความน่าจะเป็นที่จะสำเร็จในการโยนแต่ละครั้ง 00:03:07.290 --> 00:03:09.000 นี่คือสิ่งที่เราทำในการกระจายตัวแบบทวินาม 00:03:09.000 --> 00:03:11.670 บางทีเราอาจใช้แบบจำลองคล้ายกัน 00:03:11.670 --> 00:03:12.780 ในเรื่องจราจรนี้ก็ได้ 00:03:12.780 --> 00:03:15.400 นี่คือจำนวนรถที่ผ่านในชั่วโมงหนึ่ง 00:03:15.400 --> 00:03:22.800 บางทีเราอาจบอกว่ารถ แลมดาคัน ต่อชั่วโมง 00:03:22.800 --> 00:03:24.330 เท่ากับ -- ไม่รู้สิ 00:03:26.850 --> 00:03:29.880 สมมุติว่าการทดลองแต่ละครั้ง หรือการโยนเหรียญแต่ลครั้ง เหมือนกับ 00:03:29.880 --> 00:03:31.780 การที่เราคันหนึ่งจะผ่านมาในแต่ละนาทีหรือไม่ 00:03:31.780 --> 00:03:37.980 มันมี 60 นาทีต่อชั่วดมง, มันจึงมี 00:03:37.980 --> 00:03:40.870 การทดลอง 60 ครั้ง 00:03:40.870 --> 00:03:43.190 แล้ว, ความน่าจะเป็นที่เราได้ผลสำเร็จใน 00:03:43.190 --> 00:03:46.990 แต่ละครั้งที่ทดลอง, ถ้าเราจำลองว่ามันเป็นการกระจายตัว 00:03:46.990 --> 00:03:54.450 แบบทวินาม เราจะได้ แลมดา ส่วน 60 คันต่อนาที 00:03:54.450 --> 00:03:55.660 นี่ก็คือความน่าจะเป็น 00:03:55.660 --> 00:03:58.640 นี่ก็คือ n, แล้วนี่คือความน่าจะเป็น, ถ้าเราบอกว่า 00:03:58.640 --> 00:04:00.270 นี่คือการกระจายตัวแบบทวินาม 00:04:00.270 --> 00:04:04.030 นี่อาจไม่ใช่การประมาณที่แย่เท่าไหร่ 00:04:04.030 --> 00:04:06.130 ถ้าคุณบอกว่า, โอ้, นี่คือการกระจายตัวแบบ 00:04:06.130 --> 00:04:10.380 ทวินาม, งั้นความน่าจะเป็นที่ตัวแปรสุ่ม 00:04:10.380 --> 00:04:12.940 ของเราเท่ากับค่าที่กำหนด, k 00:04:12.940 --> 00:04:16.170 คุณก็รู้, ความน่าจะเป็นที่มีรถ 3 คัน, มีรถ 3 คันผ่าน 00:04:16.170 --> 00:04:19.750 ในหนึ่งชั่วโมงพอดี, เราจะได้ เท่ากับ n 00:04:19.750 --> 00:04:21.890 n คือ 60 00:04:21.890 --> 00:04:26.010 เลือก k, คุณก็รู้, เรามีรถ 3 คัน 00:04:26.010 --> 00:04:27.190 คูณความน่าจะเป็นที่มันสำเร็จ 00:04:27.190 --> 00:04:29.570 ความน่าจะเป็นที่มีรถผ่านในนาทีใดๆ 00:04:29.570 --> 00:04:34.770 มันก็คือแลมดา ส่วน 60 ยกกำลังจำนวนความสำเร็จ 00:04:34.770 --> 00:04:35.980 ที่เราต้องการ 00:04:35.980 --> 00:04:41.660 งั้นยกกำลัง k, คูณความน่าจะเป็นที่ไม่สำเร็จ 00:04:41.660 --> 00:04:46.560 หรือไม่มีรถผ่าน, กำลัง n ลบ k 00:04:46.560 --> 00:04:50.230 แล้วถ้าเรามีความสำเร็จ k ครั้ง เราจะได้ความผิดพลาด 60 ลบ k ครั้ง 00:04:50.230 --> 00:04:52.950 มันมีอยู่ 60 ลบ k นาทีที่ไม่มีรถผ่าน 00:04:52.950 --> 00:04:55.270 นี่เป็นการประมาณที่ไม่เลว ถ้าคุณ 00:04:55.270 --> 00:04:57.250 มี 60 ช่วง แล้วคุณบอกว่านี่คือการกระจายตัว 00:04:57.250 --> 00:04:58.560 แบบทวินาม 00:04:58.560 --> 00:05:00.310 แล้วคุณก็ได้คำตอบที่ฟังดูเข้าท่า 00:05:00.310 --> 00:05:02.600 แต่มันมีปัญหาใหญ่ตรงนี้ 00:05:02.600 --> 00:05:06.580 ในแบบจำลองนี้, เราจำลองให้มันเป็นการกระจายตัวแบบทวินาม, 00:05:06.580 --> 00:05:09.980 เกิดอะไรขึ้นถ้ามีรถผ่านมากกว่า 1 คันในหนึ่งชั่วโมง? 00:05:09.980 --> 00:05:11.630 หรือมีรถผ่านมากกว่า 1 คันใน 1 นาที? 00:05:11.630 --> 00:05:14.270 วิธีที่เราทำตอนนี้ เรานับว่ามันสำเร็จถ้ามี 00:05:14.270 --> 00:05:15.320 รถหนึ่งคันผ่านไปในหนึ่งนาที 00:05:15.320 --> 00:05:18.790 แล้วถ้าคุณนับอย่างนั้น คุณนับว่ามันสำเร็จ 1 ครั้งแม้ว่า 00:05:18.790 --> 00:05:21.190 จะมีรถผ่านไป 5 คันในนาทีนั้น 00:05:21.190 --> 00:05:23.390 คุณก็บอกว่า, โอ้, โอเค, ซาล, ฉันรู้วิธีแก้แล้ว 00:05:23.390 --> 00:05:26.040 ฉันต้องทำให้มันละเอียดกว่านี้ 00:05:26.040 --> 00:05:28.870 แทนที่จะแบ่งมันเป็นนาที ทำไมฉัน 00:05:28.870 --> 00:05:31.050 ไม่แบ่งเป็นวินาทีล่ะ? 00:05:31.050 --> 00:05:36.210 ความน่าจะเป็นที่ฉันมีความสำเร็จ k ครั้ง -- แทนที่จะเป็น 60 00:05:36.210 --> 00:05:39.820 ช่วง ฉันจะทำ 3600 ช่วง 00:05:39.820 --> 00:05:43.170 แล้วความน่าจะเป็นที่มี k วินาทีของความสำเร็จ, วินาที 00:05:43.170 --> 00:05:48.610 ที่มีรถผ่านหนึ่งคันในเวลานั้น จาก 3,600 วินาที 00:05:48.610 --> 00:05:52.190 นั่นก็คือ 3,600 เลือก k, คูณความน่าจะเป็นที่รถ 00:05:52.190 --> 00:05:55.210 ผ่านไปในแต่ละวินาที 00:05:55.210 --> 00:05:57.930 นั่นคือค่าคาดหวังของรถที่ผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง หารด้วย 00:05:57.930 --> 00:06:00.430 จำนวนวินาทีในหนึ่งชั่วโมง 00:06:00.430 --> 00:06:01.403 เราจะได้ความสำเร็จ k ครั้ง 00:06:03.990 --> 00:06:06.270 แล้วพวกนี้คือการพลาด, ความน่าจะเป็นของความล้มเหลว 00:06:06.270 --> 00:06:12.050 คุณจะมีความล้มเหลวอยู่ 3600 ลบ k ครั้ง 00:06:12.050 --> 00:06:13.910 แล้วนี่เป็นการประมาณที่ดีขึ้นไปอีก 00:06:13.910 --> 00:06:16.770 ที่จริงมันไม่แย่นัก, แต่ถึงอย่างนั้น, คุณอาจมี 00:06:16.770 --> 00:06:19.100 กรณีที่รถ 2 คันมาถัดกันใน 00:06:19.100 --> 00:06:19.980 ช่วงเวลาครึ่งนาที 00:06:19.980 --> 00:06:21.910 แล้วคุณก็บอว่า, โอ้, โอเค ซาล, ฉันเห็นรูปแบบแล้ว 00:06:21.910 --> 00:06:23.650 เราต้องทำให้ละเอียดกว่านี้อีก 00:06:23.650 --> 00:06:26.170 เราต้องทำให้เลขนี้มากขึ้น มากขึ้น 00:06:26.170 --> 00:06:27.400 และมากขึ้น 00:06:27.400 --> 00:06:28.950 และสัญชาตญาณคุณถูกต้องแล้ว 00:06:28.950 --> 00:06:31.340 แล้วถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณจะได้ 00:06:31.340 --> 00:06:33.860 การกระจายตัวแบบปัวซอง 00:06:33.860 --> 00:06:35.620 และนี่มันน่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่ 00:06:35.620 --> 00:06:38.600 มักให้สูตรสำหรับการกระจายตัวแบบปัวซอง แล้ว 00:06:38.600 --> 00:06:40.420 คุณก็แค่แทนตัวเลข แล้วก็ใช้มัน 00:06:40.420 --> 00:06:43.250 แต่มันดีกว่าที่รู้ว่า มันก็แค่การกระจายตัว 00:06:43.250 --> 00:06:45.790 แบบทวินาม และการกระจายตัวแบบทวินามนั้น มาจาก 00:06:45.790 --> 00:06:48.590 สามัญสำนึกเรื่องการโยนเหรียญ 00:06:48.590 --> 00:06:50.500 นั่นคือที่มาของทุกอย่าง 00:06:50.500 --> 00:06:53.710 แต่ก่อนที่เราพิสูจน์ว่าถ้าเราหาลิมิต 00:06:53.710 --> 00:06:55.670 -- ขอผมเปลี่ยนสีหน่อย 00:06:55.670 --> 00:06:58.470 ก่อนที่เราจะพิสูจน์ว่า เมื่อเราให้ลิมิตของ 00:06:58.470 --> 00:07:01.270 จำนวนนี่ตรงนี้, จำนวนช่วงเข้าหาอนันต์แล้ว 00:07:01.270 --> 00:07:04.070 นี่กลายเป็นการกระจายตัวแบบปัวซอง 00:07:04.070 --> 00:07:07.290 ผมขอตรวจให้แน่ใจก่อนว่า เรามีเครื่องมือ 00:07:07.290 --> 00:07:09.150 ทางคณิตศาสตร์ติดตัวพอ 00:07:09.150 --> 00:07:12.760 อย่างแรกที่สิ่งที่คุณอาจคุ้นเคย 00:07:12.760 --> 00:07:15.860 พอสมควรแล้วตนนี้, แต่ผมอยากแน่ใจว่า 00:07:15.860 --> 00:07:25.680 ลิมิต เมื่อ x เข้าหาอนันต์ ของ 1 บวก a/x กำลัง x 00:07:25.680 --> 00:07:31.020 เท่ากับ e กำลัง ax -- ไม่ใช่ ขอโทษที 00:07:31.020 --> 00:07:38.020 เท่ากับ e กำลัง a, และตอนนี้เพื่อพิสูจน์ให้ดู, 00:07:38.020 --> 00:07:39.260 ลองทำการแทนที่นิดหน่อยตรงนี้ 00:07:39.260 --> 00:07:43.640 สมมุติว่า n เท่ากับ -- สมมติว่า 1 ส่วน n 00:07:43.640 --> 00:07:47.880 เท่ากับ a ส่วน x 00:07:47.880 --> 00:07:52.890 แล้ว x คืออะไร มันคือ na 00:07:52.890 --> 00:07:55.290 x คูณ 1 เท่ากับ n คูณ a 00:07:55.290 --> 00:08:00.050 แล้วลิมิตเมื่อ x เข้าหาอนันต์, 00:08:00.050 --> 00:08:02.045 a เข้าหาอะไร? 00:08:02.045 --> 00:08:02.885 a คือ -- ขอโทษที 00:08:02.885 --> 00:08:04.920 เมื่อ x เข้าหาอนันต์ n เข้าหาอะไร? 00:08:04.920 --> 00:08:07.350 n คือ x หารด้วย a 00:08:07.350 --> 00:08:08.710 n ก็จะเข้าหาอนันต์ด้วย 00:08:08.710 --> 00:08:10.810 งั้นเจ้านี่ก็เหมือนกับการ 00:08:10.810 --> 00:08:16.460 แทนลิมิตเมื่อ n เข้าหาอนันต์ของ 1 00:08:16.460 --> 00:08:21.390 บวก -- a/x, ผมแทนให้มันเป็น 1/n 00:08:21.390 --> 00:08:26.720 แล้ว x คือ, จากการแทนที่, n คูณ a 00:08:26.720 --> 00:08:30.500 นี่ก็เหมือนกับลิมิตเมื่อ n เข้าใกล้ 00:08:30.500 --> 00:08:36.090 อนันต์ของ 1 บวก 1/n กำลัง n, ทั้งหมด 00:08:36.090 --> 00:08:39.390 ยกกำลัง a 00:08:39.390 --> 00:08:41.760 และเนื่องจากมันไม่มี n ข้างอนกนี้ เราก็เอาลิมิต 00:08:41.760 --> 00:08:43.450 ของนี้ออกมาแล้วจับมันยกกำลัง a 00:08:43.450 --> 00:08:47.690 นั่นก็จะเท่ากับลิมิตเมื่อ n เข้าใกล้ 00:08:47.690 --> 00:08:52.600 อนันต์ของ 1 บวก 1/n ยกกำลัง n, ทั้งหมดนั้น 00:08:52.600 --> 00:08:53.780 ยกกำลัง a 00:08:53.780 --> 00:08:58.040 แล้วนี่คือนิยาม, หรือวิธีที่ได้ e 00:08:58.040 --> 00:09:00.820 หากคุณดูวิดีโอเรื่องดอกเบี้ยทบต้นอะไรพวกนั้น 00:09:00.820 --> 00:09:01.880 นี่คือวิธีที่เราได้ e 00:09:01.880 --> 00:09:03.460 แล้วถ้าคุณลองใช้เครื่องคิดเลข แล้วลอง 00:09:03.460 --> 00:09:07.260 n มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ, คุณจะได้ e 00:09:07.260 --> 00:09:12.010 ตัวข้างในเท่ากับ e, เราจับมันยกกำลัง a, 00:09:12.010 --> 00:09:14.060 มันจึงเท่ากับ e กำลัง a 00:09:14.060 --> 00:09:16.240 หวังว่าคุณคงพอใจแล้วว่าลิมิตนี้ 00:09:16.240 --> 00:09:17.860 เท่ากับ e กำลัง a 00:09:17.860 --> 00:09:19.860 แล้วเครื่องมืออีกอย่างที่ผมอยากได้ติดไว้, 00:09:19.860 --> 00:09:22.340 และผมอาจพิสูจน์ในวิดีโอหน้า 00:09:22.340 --> 00:09:32.950 เครื่องมืออีกอย่างคือว่า x แฟคทอเรียล ส่วน 00:09:32.950 --> 00:09:42.860 x ลบ k แฟคทอเรียล เท่ากับ x คูณ x ลบ 1 คูณ x 00:09:42.860 --> 00:09:50.030 ลบ 2, ไปจนถึง x ลบ k ลบ 1 00:09:50.030 --> 00:09:51.880 เราได้ทำมาหลายครั้งแล้ว และนี่คือ 00:09:51.880 --> 00:09:53.060 รูปที่เป็นนามธรรมที่สุดที่เราเคยทำมา 00:09:53.060 --> 00:09:55.580 ผมจะแสดงให้ดู, แค่ให้คุณรู้, พวกมันมี 00:09:55.580 --> 00:09:57.330 อยู่ k เทอมพอดี 00:09:57.330 --> 00:10:01.700 1, 2, 3 -- แล้วเทอมแรก, เทอมที่สอง, เทอมที่สาม, 00:10:01.700 --> 00:10:04.310 ไปจนถึง นี่คือ k เทอม 00:10:04.310 --> 00:10:07.210 นี่เป็นสิ่งสำคัญเวลาหาการกระจายตัว 00:10:07.210 --> 00:10:09.160 แบบปัวซอง 00:10:09.160 --> 00:10:13.870 แต่เพื่อทำให้มันเป็นจำนวนจริง, ถ้าผมมี 7 แฟคทอเรียล 00:10:13.870 --> 00:10:20.110 ส่วน 7 ลบ 2 แฟคทอเรียล, นั่นเท่ากับ 7 คูณ 6 00:10:20.110 --> 00:10:24.070 คูณ 5 คูณ 4 คูณ 3 คูณ 2 คูณ 1 00:10:24.070 --> 00:10:27.360 ส่วน 2 คูณ -- ขอโทษที 00:10:27.360 --> 00:10:28.940 7 ลบ 2, นี่คือ 5 00:10:28.940 --> 00:10:33.500 มันคือส่วน 5 คูณ 4 คูณ 3 คูณ 2 คูณ 1 00:10:33.500 --> 00:10:37.190 พวกนี้ตัดกันแล้วคุณเหลือ 7 คูณ 6 00:10:37.190 --> 00:10:40.990 และนั่นก็คือ 7 แล้วเทอมสุดท้ายคือ 7 ลบ 00:10:40.990 --> 00:10:43.045 2 บวก 1, ซึ่งเป็น 6 00:10:47.560 --> 00:10:51.290 ในตัวอย่างนี้, k เป็น 2 แล้วคุณมีแค่ 2 เทอม 00:10:51.290 --> 00:10:53.230 เมื่อเรารู้สองอย่างนี้แล้ว เราก็สามารถ 00:10:53.230 --> 00:10:55.710 หาการกระจายตัวแบบปัวซองได้ แล้ว 00:10:55.710 --> 00:10:58.415 ผมจะทำมันในวิดีโอหน้า 00:10:58.415 --> 00:10:59.980 แล้วพบกันครับ