1 00:00:00,860 --> 00:00:03,540 สมมุติว่าคุณเป็นวิศวกรด้านจราจร และสิ่งที่ 2 00:00:03,540 --> 00:00:06,810 คุณพยายามหาคือว่า มีรถผ่านจุดจุดหนึ่ง 3 00:00:06,810 --> 00:00:08,320 บนถนน ที่เวลาหนึ่งๆ กี่คัน? 4 00:00:08,320 --> 00:00:10,210 แล้วคุณอยาหาว่าความน่าจะเป็นที่ 5 00:00:10,210 --> 00:00:14,010 รถผ่าน 100 คัน หรือ 5 คันผ่านไปในหนึ่งชั่วโมงนั้นเป็นเท่าไหร่ 6 00:00:14,010 --> 00:00:15,810 จุดเริ่มต้นที่ดี คือกำหนดตัวแปรสุ่ม 7 00:00:15,810 --> 00:00:20,530 ซึ่งแทนสิ่งที่คุณสนใจ 8 00:00:20,530 --> 00:00:27,350 สมมุติว่าจำนวนรถที่ผ่านในช่วง 9 00:00:27,350 --> 00:00:30,407 เวลาหนึ่ง, สมมุติว่า, ในหนึ่งชั่วโมง 10 00:00:31,710 --> 00:00:34,510 เป้าหมายคุณคือหาการกระจายตัวของความน่าจะเป็น 11 00:00:34,510 --> 00:00:37,050 ของตัวแปรสุ่มนี้ แล้วเมื่อคุณรู้การกระจายตัว 12 00:00:37,050 --> 00:00:39,450 ของความน่าจะเป็น คุณก็สามารถหาได้ว่า 13 00:00:39,450 --> 00:00:41,790 ความน่าจะเป็นที่รถ 100 คันจะผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง หรือความน่าจะเป็น 14 00:00:41,790 --> 00:00:45,890 ที่ไม่มีรถผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง แล้วก็คุณหยุดไม่ได้แล้ว 15 00:00:45,890 --> 00:00:48,290 และผมขอบอกไว้ก่อน, เพื่อให้วิดีโอนี้ 16 00:00:48,290 --> 00:00:50,540 ไปต่อได้, เราต้องตั้งสมมุติฐานสองข้อ เพราะเรากำลัง 17 00:00:50,540 --> 00:00:52,235 ศึกษาการกระจายตัวแบบปัวซอง (Poisson distribution) 18 00:00:52,235 --> 00:00:54,110 และเพื่อศึกษามัน เราต้องสมมุติ 19 00:00:54,110 --> 00:00:54,630 สองอย่าง: 20 00:00:54,630 --> 00:00:58,770 ชั่วโมงใดๆ ณ จุดนี้ตรงถนน ไม่ต่างจาก 21 00:00:58,770 --> 00:00:59,650 ชั่วโมงอื่นๆ 22 00:00:59,650 --> 00:01:01,340 และเรารู้ว่ามันไม่จริง 23 00:01:01,340 --> 00:01:03,750 ในชั่วโมงเร่งด่วน ในสถานการณ์จริง คุณอาจ 24 00:01:03,750 --> 00:01:06,640 มีรถมากกว่าชั่วโมงเร่งด่วนอื่น 25 00:01:06,640 --> 00:01:08,640 และคุณก็รู้, ถ้าคุณอยากให้มันเป็นจริงกว่านี้ บางทีเรา 26 00:01:08,640 --> 00:01:12,370 อาจต้องคิดเป็นเรายวัน เพราะในหนึ่งวัน ที่เวลาใดๆ -- 27 00:01:12,370 --> 00:01:12,750 ที่จริงมันไม่ใช่ 28 00:01:12,750 --> 00:01:14,120 ผมไม่ควรใช้วัน 29 00:01:14,120 --> 00:01:17,750 เราต้องสมมุติว่าทุกชั่วโมงนั้นเหมือนกันหมด 30 00:01:17,750 --> 00:01:19,650 เหมือนกับชั่วโมงอื่น และที่จริงแล้ว, แม้แต่ในชั่วโมงนั้น 31 00:01:19,650 --> 00:01:22,990 มันไม่มีความแตกต่างระหว่างวินาทีหนึ่งกับวินาทีอื่น 32 00:01:22,990 --> 00:01:25,820 แง่ของความน่าจะเป็นที่มีรถมา 33 00:01:25,820 --> 00:01:27,950 มันเป็นข้อสมมุติให้ง่าย ซึ่ง 34 00:01:27,950 --> 00:01:29,950 อาจไม่เป็นจริงสำหรับการจราจร แต่ผมว่าเรา 35 00:01:29,950 --> 00:01:32,270 สามารถสมมุติได้ 36 00:01:32,270 --> 00:01:34,160 แล้วข้อสมมุติอีกอย่างที่เราต้องทำคือว่า 37 00:01:34,160 --> 00:01:36,690 ถ้ามีรถผ่านไปในชั่วโมงหนึ่งแล้ว มันไม่ได้หมายความว่า 38 00:01:36,690 --> 00:01:37,820 จะมีรถผ่านน้อบลงในชั่วโมงต่อไป 39 00:01:37,820 --> 00:01:40,630 คือ ไม่มีทางที่จำนวนรถที่ผ่านไปในช่วงเวลาหนึ่ง 40 00:01:40,630 --> 00:01:44,860 จะมีผล หรือเกี่ยวข้อง มีอิทธิพลต่อจำนวนรถ 41 00:01:44,860 --> 00:01:45,380 ที่ผ่านในชั่วโมงต่อไป 42 00:01:45,380 --> 00:01:47,370 มันเป็นอิสระจากกันหมด 43 00:01:47,370 --> 00:01:50,670 เมื่อกำหนดอย่างนั้น, อย่างน้อยเราสามารถ 44 00:01:50,670 --> 00:01:53,480 ลองใช้ทักษะจำลองการกระจายตัวขึ้นมาได้ 45 00:01:53,480 --> 00:01:55,770 อย่างแรกที่คุณทำ และผมแนะนำให้คุณ 46 00:01:55,770 --> 00:01:59,090 สำหรับการกระจายตัวใดๆ คือว่า เราสามารถคาดการณ์ค่าเฉลี่ยได้ 47 00:01:59,090 --> 00:02:03,040 ลองนั่งคิดดู แล้ววัดว่าตัวแปรนี้ กระจายตัว 48 00:02:03,040 --> 00:02:05,170 ไปหลายชั่วดมง แล้วเฉลี่ยมันเข้า, นั่นก็คือ 49 00:02:05,170 --> 00:02:08,890 ค่าประมาณของค่าเฉลี่ยจริง 50 00:02:08,890 --> 00:02:09,880 ตามประชากรของเรา 51 00:02:09,880 --> 00:02:12,270 หรือเนื่องจากมันคือตัวแปรสุ่ม, มันจะประมาณค่าคาดหวัง 52 00:02:12,270 --> 00:02:13,010 ของตัวแปรสุ่มนี้ 53 00:02:13,010 --> 00:02:16,660 สมมุติว่าคุณทำอย่างนั้น แล้วค่าประมาณที่ดี 54 00:02:16,660 --> 00:02:22,270 ที่สุดของค่าคาดหวังสำหรับตัวแปรนี้ -- ผมจะใช้ 55 00:02:22,270 --> 00:02:24,850 ตัวอักษรแลมดานะ 56 00:02:24,850 --> 00:02:27,380 คุณก็รู้, นี่อาจเป็น 9 คันต่อชั่วโมง 57 00:02:27,380 --> 00:02:30,190 คุณนั่งนับไป -- มันเป็น 9.3 ต่อชั่วโมง 58 00:02:30,190 --> 00:02:32,670 คุณนั่งตรงนี้เป็น 100 ชั่วโมง แล้วคุณก็นับ 59 00:02:32,670 --> 00:02:34,590 จำนวนรถในแต่ละชั่วโมง แล้วคุณเฉลี่ยพวกมันเข้า 60 00:02:34,590 --> 00:02:37,250 คุณบอกว่า, โดยเฉลี่ยแล้ว, มันมีรถผ่าน 9.3 คันต่อชั่วโมง และคุณ 61 00:02:37,250 --> 00:02:38,680 รู้สึกว่ามันเป็นค่าที่ดี 62 00:02:38,680 --> 00:02:40,080 นั่นคือสิ่งที่คุณมีตรงนี้ 63 00:02:40,080 --> 00:02:42,000 แล้วลงดูว่าเราทำอะไรได้อีก 64 00:02:42,000 --> 00:02:45,560 เรารู้จักการกระจายตัวแบบทวินาม 65 00:02:45,560 --> 00:02:50,650 กระจายตัวแบบทวินามบอกเราว่า ค่าคาดหวังของ 66 00:02:50,650 --> 00:02:55,220 ตัวแปรสุ่ม เท่ากับจำนวนครั้งของสิ่งที่สร้าง 67 00:02:55,220 --> 00:02:57,460 ตัวแปรสุ่มนั้นขึ้นมา, จริงไหม? 68 00:02:57,460 --> 00:02:59,490 ก่อนหน้านี้, ในวิดีโอที่แล้ว, เรานับจำนวนหัว 69 00:02:59,490 --> 00:03:00,500 ในการโยนเหรียญ 70 00:03:00,500 --> 00:03:03,070 นีก็คือจำนวนครั้งที่โยนเหรียญ, คูณ 71 00:03:03,070 --> 00:03:07,290 ความน่าจะเป็นที่จะสำเร็จในการโยนแต่ละครั้ง 72 00:03:07,290 --> 00:03:09,000 นี่คือสิ่งที่เราทำในการกระจายตัวแบบทวินาม 73 00:03:09,000 --> 00:03:11,670 บางทีเราอาจใช้แบบจำลองคล้ายกัน 74 00:03:11,670 --> 00:03:12,780 ในเรื่องจราจรนี้ก็ได้ 75 00:03:12,780 --> 00:03:15,400 นี่คือจำนวนรถที่ผ่านในชั่วโมงหนึ่ง 76 00:03:15,400 --> 00:03:22,800 บางทีเราอาจบอกว่ารถ แลมดาคัน ต่อชั่วโมง 77 00:03:22,800 --> 00:03:24,330 เท่ากับ -- ไม่รู้สิ 78 00:03:26,850 --> 00:03:29,880 สมมุติว่าการทดลองแต่ละครั้ง หรือการโยนเหรียญแต่ลครั้ง เหมือนกับ 79 00:03:29,880 --> 00:03:31,780 การที่เราคันหนึ่งจะผ่านมาในแต่ละนาทีหรือไม่ 80 00:03:31,780 --> 00:03:37,980 มันมี 60 นาทีต่อชั่วดมง, มันจึงมี 81 00:03:37,980 --> 00:03:40,870 การทดลอง 60 ครั้ง 82 00:03:40,870 --> 00:03:43,190 แล้ว, ความน่าจะเป็นที่เราได้ผลสำเร็จใน 83 00:03:43,190 --> 00:03:46,990 แต่ละครั้งที่ทดลอง, ถ้าเราจำลองว่ามันเป็นการกระจายตัว 84 00:03:46,990 --> 00:03:54,450 แบบทวินาม เราจะได้ แลมดา ส่วน 60 คันต่อนาที 85 00:03:54,450 --> 00:03:55,660 นี่ก็คือความน่าจะเป็น 86 00:03:55,660 --> 00:03:58,640 นี่ก็คือ n, แล้วนี่คือความน่าจะเป็น, ถ้าเราบอกว่า 87 00:03:58,640 --> 00:04:00,270 นี่คือการกระจายตัวแบบทวินาม 88 00:04:00,270 --> 00:04:04,030 นี่อาจไม่ใช่การประมาณที่แย่เท่าไหร่ 89 00:04:04,030 --> 00:04:06,130 ถ้าคุณบอกว่า, โอ้, นี่คือการกระจายตัวแบบ 90 00:04:06,130 --> 00:04:10,380 ทวินาม, งั้นความน่าจะเป็นที่ตัวแปรสุ่ม 91 00:04:10,380 --> 00:04:12,940 ของเราเท่ากับค่าที่กำหนด, k 92 00:04:12,940 --> 00:04:16,170 คุณก็รู้, ความน่าจะเป็นที่มีรถ 3 คัน, มีรถ 3 คันผ่าน 93 00:04:16,170 --> 00:04:19,750 ในหนึ่งชั่วโมงพอดี, เราจะได้ เท่ากับ n 94 00:04:19,750 --> 00:04:21,890 n คือ 60 95 00:04:21,890 --> 00:04:26,010 เลือก k, คุณก็รู้, เรามีรถ 3 คัน 96 00:04:26,010 --> 00:04:27,190 คูณความน่าจะเป็นที่มันสำเร็จ 97 00:04:27,190 --> 00:04:29,570 ความน่าจะเป็นที่มีรถผ่านในนาทีใดๆ 98 00:04:29,570 --> 00:04:34,770 มันก็คือแลมดา ส่วน 60 ยกกำลังจำนวนความสำเร็จ 99 00:04:34,770 --> 00:04:35,980 ที่เราต้องการ 100 00:04:35,980 --> 00:04:41,660 งั้นยกกำลัง k, คูณความน่าจะเป็นที่ไม่สำเร็จ 101 00:04:41,660 --> 00:04:46,560 หรือไม่มีรถผ่าน, กำลัง n ลบ k 102 00:04:46,560 --> 00:04:50,230 แล้วถ้าเรามีความสำเร็จ k ครั้ง เราจะได้ความผิดพลาด 60 ลบ k ครั้ง 103 00:04:50,230 --> 00:04:52,950 มันมีอยู่ 60 ลบ k นาทีที่ไม่มีรถผ่าน 104 00:04:52,950 --> 00:04:55,270 นี่เป็นการประมาณที่ไม่เลว ถ้าคุณ 105 00:04:55,270 --> 00:04:57,250 มี 60 ช่วง แล้วคุณบอกว่านี่คือการกระจายตัว 106 00:04:57,250 --> 00:04:58,560 แบบทวินาม 107 00:04:58,560 --> 00:05:00,310 แล้วคุณก็ได้คำตอบที่ฟังดูเข้าท่า 108 00:05:00,310 --> 00:05:02,600 แต่มันมีปัญหาใหญ่ตรงนี้ 109 00:05:02,600 --> 00:05:06,580 ในแบบจำลองนี้, เราจำลองให้มันเป็นการกระจายตัวแบบทวินาม, 110 00:05:06,580 --> 00:05:09,980 เกิดอะไรขึ้นถ้ามีรถผ่านมากกว่า 1 คันในหนึ่งชั่วโมง? 111 00:05:09,980 --> 00:05:11,630 หรือมีรถผ่านมากกว่า 1 คันใน 1 นาที? 112 00:05:11,630 --> 00:05:14,270 วิธีที่เราทำตอนนี้ เรานับว่ามันสำเร็จถ้ามี 113 00:05:14,270 --> 00:05:15,320 รถหนึ่งคันผ่านไปในหนึ่งนาที 114 00:05:15,320 --> 00:05:18,790 แล้วถ้าคุณนับอย่างนั้น คุณนับว่ามันสำเร็จ 1 ครั้งแม้ว่า 115 00:05:18,790 --> 00:05:21,190 จะมีรถผ่านไป 5 คันในนาทีนั้น 116 00:05:21,190 --> 00:05:23,390 คุณก็บอกว่า, โอ้, โอเค, ซาล, ฉันรู้วิธีแก้แล้ว 117 00:05:23,390 --> 00:05:26,040 ฉันต้องทำให้มันละเอียดกว่านี้ 118 00:05:26,040 --> 00:05:28,870 แทนที่จะแบ่งมันเป็นนาที ทำไมฉัน 119 00:05:28,870 --> 00:05:31,050 ไม่แบ่งเป็นวินาทีล่ะ? 120 00:05:31,050 --> 00:05:36,210 ความน่าจะเป็นที่ฉันมีความสำเร็จ k ครั้ง -- แทนที่จะเป็น 60 121 00:05:36,210 --> 00:05:39,820 ช่วง ฉันจะทำ 3600 ช่วง 122 00:05:39,820 --> 00:05:43,170 แล้วความน่าจะเป็นที่มี k วินาทีของความสำเร็จ, วินาที 123 00:05:43,170 --> 00:05:48,610 ที่มีรถผ่านหนึ่งคันในเวลานั้น จาก 3,600 วินาที 124 00:05:48,610 --> 00:05:52,190 นั่นก็คือ 3,600 เลือก k, คูณความน่าจะเป็นที่รถ 125 00:05:52,190 --> 00:05:55,210 ผ่านไปในแต่ละวินาที 126 00:05:55,210 --> 00:05:57,930 นั่นคือค่าคาดหวังของรถที่ผ่านไปในหนึ่งชั่วโมง หารด้วย 127 00:05:57,930 --> 00:06:00,430 จำนวนวินาทีในหนึ่งชั่วโมง 128 00:06:00,430 --> 00:06:01,403 เราจะได้ความสำเร็จ k ครั้ง 129 00:06:03,990 --> 00:06:06,270 แล้วพวกนี้คือการพลาด, ความน่าจะเป็นของความล้มเหลว 130 00:06:06,270 --> 00:06:12,050 คุณจะมีความล้มเหลวอยู่ 3600 ลบ k ครั้ง 131 00:06:12,050 --> 00:06:13,910 แล้วนี่เป็นการประมาณที่ดีขึ้นไปอีก 132 00:06:13,910 --> 00:06:16,770 ที่จริงมันไม่แย่นัก, แต่ถึงอย่างนั้น, คุณอาจมี 133 00:06:16,770 --> 00:06:19,100 กรณีที่รถ 2 คันมาถัดกันใน 134 00:06:19,100 --> 00:06:19,980 ช่วงเวลาครึ่งนาที 135 00:06:19,980 --> 00:06:21,910 แล้วคุณก็บอว่า, โอ้, โอเค ซาล, ฉันเห็นรูปแบบแล้ว 136 00:06:21,910 --> 00:06:23,650 เราต้องทำให้ละเอียดกว่านี้อีก 137 00:06:23,650 --> 00:06:26,170 เราต้องทำให้เลขนี้มากขึ้น มากขึ้น 138 00:06:26,170 --> 00:06:27,400 และมากขึ้น 139 00:06:27,400 --> 00:06:28,950 และสัญชาตญาณคุณถูกต้องแล้ว 140 00:06:28,950 --> 00:06:31,340 แล้วถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณจะได้ 141 00:06:31,340 --> 00:06:33,860 การกระจายตัวแบบปัวซอง 142 00:06:33,860 --> 00:06:35,620 และนี่มันน่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่ 143 00:06:35,620 --> 00:06:38,600 มักให้สูตรสำหรับการกระจายตัวแบบปัวซอง แล้ว 144 00:06:38,600 --> 00:06:40,420 คุณก็แค่แทนตัวเลข แล้วก็ใช้มัน 145 00:06:40,420 --> 00:06:43,250 แต่มันดีกว่าที่รู้ว่า มันก็แค่การกระจายตัว 146 00:06:43,250 --> 00:06:45,790 แบบทวินาม และการกระจายตัวแบบทวินามนั้น มาจาก 147 00:06:45,790 --> 00:06:48,590 สามัญสำนึกเรื่องการโยนเหรียญ 148 00:06:48,590 --> 00:06:50,500 นั่นคือที่มาของทุกอย่าง 149 00:06:50,500 --> 00:06:53,710 แต่ก่อนที่เราพิสูจน์ว่าถ้าเราหาลิมิต 150 00:06:53,710 --> 00:06:55,670 -- ขอผมเปลี่ยนสีหน่อย 151 00:06:55,670 --> 00:06:58,470 ก่อนที่เราจะพิสูจน์ว่า เมื่อเราให้ลิมิตของ 152 00:06:58,470 --> 00:07:01,270 จำนวนนี่ตรงนี้, จำนวนช่วงเข้าหาอนันต์แล้ว 153 00:07:01,270 --> 00:07:04,070 นี่กลายเป็นการกระจายตัวแบบปัวซอง 154 00:07:04,070 --> 00:07:07,290 ผมขอตรวจให้แน่ใจก่อนว่า เรามีเครื่องมือ 155 00:07:07,290 --> 00:07:09,150 ทางคณิตศาสตร์ติดตัวพอ 156 00:07:09,150 --> 00:07:12,760 อย่างแรกที่สิ่งที่คุณอาจคุ้นเคย 157 00:07:12,760 --> 00:07:15,860 พอสมควรแล้วตนนี้, แต่ผมอยากแน่ใจว่า 158 00:07:15,860 --> 00:07:25,680 ลิมิต เมื่อ x เข้าหาอนันต์ ของ 1 บวก a/x กำลัง x 159 00:07:25,680 --> 00:07:31,020 เท่ากับ e กำลัง ax -- ไม่ใช่ ขอโทษที 160 00:07:31,020 --> 00:07:38,020 เท่ากับ e กำลัง a, และตอนนี้เพื่อพิสูจน์ให้ดู, 161 00:07:38,020 --> 00:07:39,260 ลองทำการแทนที่นิดหน่อยตรงนี้ 162 00:07:39,260 --> 00:07:43,640 สมมุติว่า n เท่ากับ -- สมมติว่า 1 ส่วน n 163 00:07:43,640 --> 00:07:47,880 เท่ากับ a ส่วน x 164 00:07:47,880 --> 00:07:52,890 แล้ว x คืออะไร มันคือ na 165 00:07:52,890 --> 00:07:55,290 x คูณ 1 เท่ากับ n คูณ a 166 00:07:55,290 --> 00:08:00,050 แล้วลิมิตเมื่อ x เข้าหาอนันต์, 167 00:08:00,050 --> 00:08:02,045 a เข้าหาอะไร? 168 00:08:02,045 --> 00:08:02,885 a คือ -- ขอโทษที 169 00:08:02,885 --> 00:08:04,920 เมื่อ x เข้าหาอนันต์ n เข้าหาอะไร? 170 00:08:04,920 --> 00:08:07,350 n คือ x หารด้วย a 171 00:08:07,350 --> 00:08:08,710 n ก็จะเข้าหาอนันต์ด้วย 172 00:08:08,710 --> 00:08:10,810 งั้นเจ้านี่ก็เหมือนกับการ 173 00:08:10,810 --> 00:08:16,460 แทนลิมิตเมื่อ n เข้าหาอนันต์ของ 1 174 00:08:16,460 --> 00:08:21,390 บวก -- a/x, ผมแทนให้มันเป็น 1/n 175 00:08:21,390 --> 00:08:26,720 แล้ว x คือ, จากการแทนที่, n คูณ a 176 00:08:26,720 --> 00:08:30,500 นี่ก็เหมือนกับลิมิตเมื่อ n เข้าใกล้ 177 00:08:30,500 --> 00:08:36,090 อนันต์ของ 1 บวก 1/n กำลัง n, ทั้งหมด 178 00:08:36,090 --> 00:08:39,390 ยกกำลัง a 179 00:08:39,390 --> 00:08:41,760 และเนื่องจากมันไม่มี n ข้างอนกนี้ เราก็เอาลิมิต 180 00:08:41,760 --> 00:08:43,450 ของนี้ออกมาแล้วจับมันยกกำลัง a 181 00:08:43,450 --> 00:08:47,690 นั่นก็จะเท่ากับลิมิตเมื่อ n เข้าใกล้ 182 00:08:47,690 --> 00:08:52,600 อนันต์ของ 1 บวก 1/n ยกกำลัง n, ทั้งหมดนั้น 183 00:08:52,600 --> 00:08:53,780 ยกกำลัง a 184 00:08:53,780 --> 00:08:58,040 แล้วนี่คือนิยาม, หรือวิธีที่ได้ e 185 00:08:58,040 --> 00:09:00,820 หากคุณดูวิดีโอเรื่องดอกเบี้ยทบต้นอะไรพวกนั้น 186 00:09:00,820 --> 00:09:01,880 นี่คือวิธีที่เราได้ e 187 00:09:01,880 --> 00:09:03,460 แล้วถ้าคุณลองใช้เครื่องคิดเลข แล้วลอง 188 00:09:03,460 --> 00:09:07,260 n มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ, คุณจะได้ e 189 00:09:07,260 --> 00:09:12,010 ตัวข้างในเท่ากับ e, เราจับมันยกกำลัง a, 190 00:09:12,010 --> 00:09:14,060 มันจึงเท่ากับ e กำลัง a 191 00:09:14,060 --> 00:09:16,240 หวังว่าคุณคงพอใจแล้วว่าลิมิตนี้ 192 00:09:16,240 --> 00:09:17,860 เท่ากับ e กำลัง a 193 00:09:17,860 --> 00:09:19,860 แล้วเครื่องมืออีกอย่างที่ผมอยากได้ติดไว้, 194 00:09:19,860 --> 00:09:22,340 และผมอาจพิสูจน์ในวิดีโอหน้า 195 00:09:22,340 --> 00:09:32,950 เครื่องมืออีกอย่างคือว่า x แฟคทอเรียล ส่วน 196 00:09:32,950 --> 00:09:42,860 x ลบ k แฟคทอเรียล เท่ากับ x คูณ x ลบ 1 คูณ x 197 00:09:42,860 --> 00:09:50,030 ลบ 2, ไปจนถึง x ลบ k ลบ 1 198 00:09:50,030 --> 00:09:51,880 เราได้ทำมาหลายครั้งแล้ว และนี่คือ 199 00:09:51,880 --> 00:09:53,060 รูปที่เป็นนามธรรมที่สุดที่เราเคยทำมา 200 00:09:53,060 --> 00:09:55,580 ผมจะแสดงให้ดู, แค่ให้คุณรู้, พวกมันมี 201 00:09:55,580 --> 00:09:57,330 อยู่ k เทอมพอดี 202 00:09:57,330 --> 00:10:01,700 1, 2, 3 -- แล้วเทอมแรก, เทอมที่สอง, เทอมที่สาม, 203 00:10:01,700 --> 00:10:04,310 ไปจนถึง นี่คือ k เทอม 204 00:10:04,310 --> 00:10:07,210 นี่เป็นสิ่งสำคัญเวลาหาการกระจายตัว 205 00:10:07,210 --> 00:10:09,160 แบบปัวซอง 206 00:10:09,160 --> 00:10:13,870 แต่เพื่อทำให้มันเป็นจำนวนจริง, ถ้าผมมี 7 แฟคทอเรียล 207 00:10:13,870 --> 00:10:20,110 ส่วน 7 ลบ 2 แฟคทอเรียล, นั่นเท่ากับ 7 คูณ 6 208 00:10:20,110 --> 00:10:24,070 คูณ 5 คูณ 4 คูณ 3 คูณ 2 คูณ 1 209 00:10:24,070 --> 00:10:27,360 ส่วน 2 คูณ -- ขอโทษที 210 00:10:27,360 --> 00:10:28,940 7 ลบ 2, นี่คือ 5 211 00:10:28,940 --> 00:10:33,500 มันคือส่วน 5 คูณ 4 คูณ 3 คูณ 2 คูณ 1 212 00:10:33,500 --> 00:10:37,190 พวกนี้ตัดกันแล้วคุณเหลือ 7 คูณ 6 213 00:10:37,190 --> 00:10:40,990 และนั่นก็คือ 7 แล้วเทอมสุดท้ายคือ 7 ลบ 214 00:10:40,990 --> 00:10:43,045 2 บวก 1, ซึ่งเป็น 6 215 00:10:47,560 --> 00:10:51,290 ในตัวอย่างนี้, k เป็น 2 แล้วคุณมีแค่ 2 เทอม 216 00:10:51,290 --> 00:10:53,230 เมื่อเรารู้สองอย่างนี้แล้ว เราก็สามารถ 217 00:10:53,230 --> 00:10:55,710 หาการกระจายตัวแบบปัวซองได้ แล้ว 218 00:10:55,710 --> 00:10:58,415 ผมจะทำมันในวิดีโอหน้า 219 00:10:58,415 --> 00:10:59,980 แล้วพบกันครับ