1 00:00:00,381 --> 00:00:04,604 "แม้แต่ในทางที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาเลย 2 00:00:04,604 --> 00:00:10,659 ความรักร่วมเพศก็ยังเป็นการใช้อวัยวะเพศอย่างผิดที่ผิดทาง 3 00:00:10,659 --> 00:00:15,285 เป็นวิธีเลี่ยงสัจธรรมของชีวิตที่ไม่ได้เรื่อง 4 00:00:15,285 --> 00:00:17,685 และต่ำช้าน่าสมเพช 5 00:00:17,685 --> 00:00:21,508 ดังนั้นความรักร่วมเพศจึงไม่ใช่เรื่องน่าเห็นใจ 6 00:00:21,508 --> 00:00:24,070 มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรได้รับการปกป้องดูแล 7 00:00:24,070 --> 00:00:26,837 มันก็แค่คนกลุ่มน้อยที่ได้รับความลำบากแสนสาหัส 8 00:00:26,837 --> 00:00:33,515 จะเป็นได้ก็เพียงแต่โรคร้ายที่ทำลายชีวิตคนเท่านั้น" 9 00:00:33,515 --> 00:00:38,737 นั่นเป็นข้อความจากนิตยสาร ไทม์ (Time) เมื่อปีค.ศ. 1996 ตอนผมอายุสามขวบ 10 00:00:38,737 --> 00:00:42,651 และเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิปดีประเทศสหรัฐอเมริกา ออกตัวว่าเห็นด้วย 11 00:00:42,651 --> 00:00:45,234 กับการอนุญาตให้ชาวรักร่วมเพศแต่งงานกัน 12 00:00:45,234 --> 00:00:52,683 (เสียงปรบมือ) 13 00:00:52,683 --> 00:00:58,385 และคำถามของผมคือ จากตรงนั้น เรามายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้อย่างไร 14 00:00:58,385 --> 00:01:03,125 เหตุใดความเจ็บป่วยจึงกลายเป็นอัตลักษณ์ 15 00:01:03,125 --> 00:01:06,085 ตอนที่ผมอายุราว ๆ หกขวบ 16 00:01:06,085 --> 00:01:09,018 ผมไปร้านรองเท้ากับแม่และพี่ชาย 17 00:01:09,018 --> 00:01:11,425 แล้วพอซื้อรองเท้าเสร็จ 18 00:01:11,425 --> 00:01:15,217 คนขายก็บอกผมกับพี่ว่า เอาลูกโป่งกลับบ้านกันได้คนละลูก 19 00:01:15,217 --> 00:01:20,883 พี่ชายผมอยากได้อันสีแดง ส่วนผมอยากได้อันสีชมพู 20 00:01:20,883 --> 00:01:25,798 แม่ผมบอกว่า จริง ๆ แล้วลูกเลือกลูกโป่งสีฟ้าไปดีกว่า 21 00:01:25,798 --> 00:01:28,934 แต่ผมบอกว่าผมอยากได้สีชมพูจริงๆ 22 00:01:28,934 --> 00:01:34,353 แล้วแม่ก็ย้ำกับผมว่า สีฟ้าคือสีที่ผมชอบที่สุด 23 00:01:34,353 --> 00:01:39,143 ก็จริงที่ว่าตอนนี้ ผมชอบสีฟ้าที่สุด 24 00:01:39,143 --> 00:01:42,251 แต่ผมก็ยังชอบผู้ชายอยู่ดี (เสียงหัวเราะ) 25 00:01:42,251 --> 00:01:46,623 แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของแม่ที่มีต่อผม และข้อจำกัดของมัน 26 00:01:46,623 --> 00:01:48,690 (เสียงหัวเราะ) 27 00:01:48,690 --> 00:01:55,557 (เสียงปรบมือ) 28 00:01:55,557 --> 00:01:58,098 ตอนที่ผมยังเล็ก ๆ แม่ผมพูดบ่อย ๆ ว่า 29 00:01:58,114 --> 00:02:02,650 "ความรักที่มีให้ลูกนั้น ไม่มีความรู้สึกใดในโลกเทียบเคียงได้ 30 00:02:02,650 --> 00:02:05,995 และจนกว่าจะมีลูกเอง ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเป็นยังไง" 31 00:02:05,995 --> 00:02:09,189 ตอนเด็ก ๆ ผมถือว่านั่นเป็นคำชื่นชมที่ประเสริฐที่สุดในโลก 32 00:02:09,189 --> 00:02:12,009 ที่แม่พูดถึง เกี่ยวกับการเลี้ยงดูผมกับพี่ 33 00:02:12,009 --> 00:02:14,637 แล้วตอนที่ผมเป็นวัยรุ่น ผมก็นึกในใจ 34 00:02:14,637 --> 00:02:18,001 ว่าผมเป็นเกย์ ฉะนั้นผมก็คงจะมีครอบครัวไม่ได้ 35 00:02:18,001 --> 00:02:20,378 คำเดิมที่แม่เคยพูดไว้ กลับทำให้ผมวิตกกังวล 36 00:02:20,378 --> 00:02:21,904 และหลังจากที่ผมเปิดเผยว่าเป็นเกย์ 37 00:02:21,904 --> 00:02:25,104 แล้วแม่ก็ยังพูดอย่างเดิมซ้ำ ๆ มันทำให้ผมโกรธแทบบ้า 38 00:02:25,104 --> 00:02:29,245 ผมบอกว่า "ผมเป็นเกย์ ผมไม่ได้กำลังจะเลือกเส้นทางนั้น 39 00:02:29,245 --> 00:02:32,290 และผมก็อยากให้แม่หยุดพูดถึงมันสักที" 40 00:02:35,013 --> 00:02:40,070 ประมาณ 20 ปีที่แล้ว บรรณาธิการของผม ที่นิตยสาร เดอะ นิวยอร์ค ไทม์ (The New York Times) 41 00:02:40,070 --> 00:02:42,511 ขอให้ผมเขียนบทความเรื่องวัฒนธรรมคนหูหนวก 42 00:02:42,511 --> 00:02:44,348 ผมก็อึ้งไปนิดหน่อย 43 00:02:44,348 --> 00:02:46,543 ผมมองความหูหนวกเป็นความเจ็บป่วยมาตลอด 44 00:02:46,543 --> 00:02:48,269 คนพวกนั้นน่าสงสาร เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย 45 00:02:48,269 --> 00:02:51,043 เขาไม่สามารถฟังอะไรได้ และเราจะช่วยเขายังไงดี 46 00:02:51,043 --> 00:02:53,160 แล้วผมก็เข้าไปอยู่ในโลกของคนหูหนวก 47 00:02:53,160 --> 00:02:55,551 ผมไปเที่ยวคลับหูหนวก 48 00:02:55,551 --> 00:02:59,471 ผมดูการแสดงโรงละครและร้อยกรองของคนหูหนวก 49 00:02:59,471 --> 00:03:05,682 ผมไปดูแม้กระทั่งการแข่งขันนางงามหูหนวกอเมริกา ที่แนชวิล รัฐเทนเนสซี 50 00:03:05,682 --> 00:03:09,526 ที่ผู้คนก่นด่าเกี่ยวกับภาษามือกระแดะ ๆ ของคนใต้ 51 00:03:09,526 --> 00:03:13,782 (เสียงหัวเราะ) 52 00:03:13,782 --> 00:03:17,709 ยิ่งผมถลำลึกเข้าไปในโลกของคนหูหนวกมากเท่าไหร่ 53 00:03:17,709 --> 00:03:20,715 ผมยิ่งเชื่อว่าความหูหนวกเป็นวัฒนธรรมมากขึ้นเท่านั้น 54 00:03:20,715 --> 00:03:23,077 และผู้คนในโลกหูหนวกที่พูดว่า 55 00:03:23,077 --> 00:03:26,444 "พวกเราไม่ได้ขาดโสตทัศนะ พวกเราเป็นสมาชิกในวัฒนธรรมนี้" 56 00:03:26,444 --> 00:03:29,021 พวกเขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิด 57 00:03:29,021 --> 00:03:30,526 มันไม่ได้เป็นวัฒนธรรมของผม 58 00:03:30,526 --> 00:03:33,244 แล้วผมก็ไม่ได้อยากจะรีบร้อนเข้าไปร่วมด้วย 59 00:03:33,244 --> 00:03:36,075 แต่ผมก็ซี้งใจว่ามันเป็นวัฒนธรรมหนึ่ง 60 00:03:36,075 --> 00:03:38,210 และสำหรับคนที่เป็นส่วนหนึ่งของมันแล้ว 61 00:03:38,210 --> 00:03:44,499 มันมีคุณค่าไม่ต่างจากวัฒนธรรมชาวละติน หรือวัฒนธรรมชาวรักร่วมเพศ หรือวัฒนธรรมชาวยิว 62 00:03:44,499 --> 00:03:49,499 หรือแม้กระทั่ง วัฒนธรรมชาวอเมริกัน 63 00:03:49,499 --> 00:03:52,913 มีเพื่อนของเพื่อนของผมคนหนึ่งมีลูกสาวเป็นคนแคระ 64 00:03:52,913 --> 00:03:54,392 ตอนลูกสาวของเธอเกิด 65 00:03:54,392 --> 00:03:56,708 เธอต้องเผชิญหน้ากับคำถามมากมายอย่างไม่ทันตั้งตัว 66 00:03:56,723 --> 00:03:59,510 ที่ตอนนี้ มันเริ่มสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องของผมเอง 67 00:03:59,510 --> 00:04:03,377 เธอเจอกับคำถามว่าจะเลี้ยงลูกคนนี้ยังไงดี 68 00:04:03,377 --> 00:04:06,837 เธอควรจะบอกลูกว่า "หนูก็เหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เพียงแต่เตี้ยกว่าเขาหน่อยนึงเท่านั้น" 69 00:04:06,837 --> 00:04:10,052 หรือเธอควรจะสร้างความเป็นตัวตนของคนแคระสักอย่างขึิ้น 70 00:04:10,052 --> 00:04:12,599 แล้วเข้าสู่สังคมคนตัวเล็กแห่งอเมริกา 71 00:04:12,599 --> 00:04:15,392 เรียนรู้เรื่องราวความเป็นไปของเหล่าชาวแคระ 72 00:04:15,392 --> 00:04:16,993 แล้วอยู่ ๆ ผมก็คิดได้ว่า 73 00:04:16,993 --> 00:04:19,212 เด็กหูหนวกส่วนใหญ่มาจากพ่อแม่ที่ได้ยินเสียงอย่างปกติ 74 00:04:19,212 --> 00:04:22,011 พ่อแม่ที่หูดีมักจะพยายามรักษาลูก 75 00:04:22,011 --> 00:04:26,177 แล้วลูกหูหนวกเหล่านั้นก็ค้นพบสังคมหูหนวก ได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งตอนเป็นวัยรุ่น 76 00:04:26,177 --> 00:04:28,526 ชาวรักร่วมเพศส่วนใหญ่มีพ่อแม่ที่รักกับเพศตรงข้าม 77 00:04:28,526 --> 00:04:30,974 แล้วพ่อแม่เหล่านั้นก็มักจะอยากให้ลูก ๆ ของตน 78 00:04:30,974 --> 00:04:33,244 ทำตัวดั่งเช่นที่พ่อแม่เห็นว่าคนส่วนใหญ่เขาทำกัน 79 00:04:33,244 --> 00:04:36,848 และชาวรักร่วมเพศเหล่านั้น ก็ต้องค้นหาตัวตนที่แท้จริงในภายหลัง 80 00:04:36,848 --> 00:04:38,464 ตอนนี้ก็มีเพื่อนของผมคนนี้ 81 00:04:38,464 --> 00:04:41,793 กำลังครุ่นคิดถึงคำถามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ ของลูกสาวแคระของเธอ 82 00:04:41,793 --> 00:04:43,569 ผมก็คิดว่า เอาอีกแล้ว 83 00:04:43,569 --> 00:04:46,135 ครอบครัวที่มองตัวเองว่าเป็นปกติธรรมดา 84 00:04:46,135 --> 00:04:48,505 มีลูกที่ดูแล้วไม่เป็นปกติธรรมดาเหมือนใครๆ 85 00:04:48,505 --> 00:04:53,017 และผมก็เลยฉุดคิดได้ว่า ที่จริงมันมีอัตลักษณ์อยู่สองประเภท 86 00:04:53,017 --> 00:04:54,941 มีอัตลักษณ์แบบที่เป็นแนวตั้ง 87 00:04:54,941 --> 00:04:57,923 ซึ่งส่งต่อรุ่นสู่รุ่นจากพ่อแม่สู่ลูก 88 00:04:57,923 --> 00:05:03,526 อัตลักษณ์เหล่านี้ ได้แก่ เชื้อชาติ หรืออาจจะสัญชาติ หรือภาษา หรือบางทีก็ศาสนา 89 00:05:03,526 --> 00:05:08,004 นี่คือสิ่งที่คุณมีเหมือน ๆ กัน กับพ่อแม่และลูกของคุณ 90 00:05:08,004 --> 00:05:10,277 และถึงแม้บางอัตลักษณ์นั้นจะทำให้ชีวิตลำบาก 91 00:05:10,277 --> 00:05:12,471 ก็ไม่มีใครเคยคิดจะแก้ไขมัน 92 00:05:12,471 --> 00:05:15,883 คุณอาจจะแย้งว่า ชีวิตในสหรัฐนั้นยากกว่า -- 93 00:05:15,883 --> 00:05:17,857 ไม่เว้นแม้แต่ ประธานาธิปดีคนปัจจุบันของเรา 94 00:05:17,857 --> 00:05:19,690 ที่จะเป็นคนผิวสี 95 00:05:19,690 --> 00:05:22,389 เราก็ยังไม่เคยมีใคร ที่จะพยายาสร้างความมั่นใจ 96 00:05:22,389 --> 00:05:26,277 ได้ว่าลูกรุ่นต่อไปของคนแอฟริกันอเมริกันและเอเชีย 97 00:05:26,277 --> 00:05:29,666 จะคลอดออกมาผิวขาวและผมทอง 98 00:05:29,666 --> 00:05:33,943 อีกประเภทหนึ่งของอัตลักษณ์ คือสิ่งที่คุณได้จากกลุ่มเพื่อน 99 00:05:33,943 --> 00:05:36,241 ผมขอเรียกมันว่าอัตลักษณ์แนวขวางแล้วกัน 100 00:05:36,241 --> 00:05:39,136 เพราะกลุ่มเพื่อนคือประสบการณ์แนวขวาง 101 00:05:39,136 --> 00:05:41,704 มันมีอัตลักษณ์ที่แปลกประหลาดในสายตาของพ่อแม่คุณ 102 00:05:41,704 --> 00:05:45,889 และคุณจะพบมันเมื่อได้เห็นมันในตัวเพื่อน ๆ ของคุณ 103 00:05:45,889 --> 00:05:48,974 และความเป็นตัวตนเหล่านี้ อัตลักษณ์แนวขวางเหล่านี้แหละ 104 00:05:48,974 --> 00:05:52,690 ที่ใครต่อใคร พยายามหาทางแก้ให้หายไป 105 00:05:52,690 --> 00:05:55,358 แล้วผมก็อยากจะมองให้ออกว่าวิธีไหน 106 00:05:55,358 --> 00:05:57,575 ที่ทำให้คนที่มีอัตลักษณ์เหล่านี้ 107 00:05:57,575 --> 00:06:00,303 มามีความสัมพันธ์ที่ดีกับมันได้ 108 00:06:00,303 --> 00:06:04,556 และสำหรับผม เหมือนกับว่าจะมีการยอมรับอยู่สามระดับ 109 00:06:04,556 --> 00:06:05,995 ที่ต้องเกิดขึ้น 110 00:06:05,995 --> 00:06:11,544 มันคือ การยอมรับในตัวเอง การยอมรับจากครอบครัว และการยอมรับจากสังคม 111 00:06:11,544 --> 00:06:13,491 แล้วมันก็ไม่เกิดขึ้นพร้อมกันเสมอไป 112 00:06:13,491 --> 00:06:17,627 และส่วนมาก ผู้คนที่อยู่ในสภาวะนี้จะหงุดหงิดมาก 113 00:06:17,627 --> 00:06:20,691 เพราะพวกเขารู้สึกอย่างกับว่าพ่อแม่ไม่รักเขา 114 00:06:20,691 --> 00:06:24,990 ทั้ง ๆ ที่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพ่อแม่ไม่ยอมรับเขา 115 00:06:24,990 --> 00:06:28,156 ความรักเป็นอะไรที่ในอุดมคติแล้วไม่มีข้อแม้ 116 00:06:28,156 --> 00:06:31,203 ตลอดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก 117 00:06:31,203 --> 00:06:34,469 แต่การยอมรับเป็นอะไรที่ต้องอาศัยเวลา 118 00:06:34,469 --> 00:06:36,704 ต้องอาศัยเวลาอย่างแน่นอน 119 00:06:36,704 --> 00:06:41,596 หนึ่งในบรรดาคนแคระที่ผมได้รู้จัก ชื่อคลินตัน บราวน์ 120 00:06:41,596 --> 00:06:44,998 ตอนที่เกิดนั้น เขาได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคแคระกระดูกเบี้ยว (diastrophic dwarfism) 121 00:06:44,998 --> 00:06:46,776 ซึ่งเป็นภาวะพิการมาก 122 00:06:46,776 --> 00:06:50,182 และพ่อแม่ก็ได้รับการบอกว่าเขาไม่มีทางที่จะเดินหรือพูดได้ 123 00:06:50,182 --> 00:06:52,157 เขาจะไม่สามารถมีสติปัญญาเรียนรู้ 124 00:06:52,157 --> 00:06:54,856 แล้วเขาก็คงจะจำหน้าพ่อแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ 125 00:06:54,856 --> 00:06:58,277 แล้วก็มีคำแนะนำ ให้ทิ้งเขาไว้ที่โรงพยาบาล 126 00:06:58,277 --> 00:07:00,491 เพื่อให้เขาได้จากไปอย่างสงบ 127 00:07:00,491 --> 00:07:02,455 แล้วแม่เขาก็บอกว่า เธอจะไม่ทำแบบนั้น 128 00:07:02,455 --> 00:07:04,222 แล้วเธอก็พาลูกชายของเธอกลับบ้าน 129 00:07:04,222 --> 00:07:07,856 และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เรียนสูงมากมายหรือร่ำรวยล้นฟ้า 130 00:07:07,856 --> 00:07:09,804 เธอหาหมอที่มือดีที่สุดในประเทศ 131 00:07:09,804 --> 00:07:12,003 ที่จะจัดการกับโรคแคระกระดูกเบี้ยว 132 00:07:12,003 --> 00:07:14,169 และเธอก็พาคลินตันไปรักษากับเขา 133 00:07:14,169 --> 00:07:16,250 และในช่วงระยะเวลาที่เขาเป็นเด็กนั้น 134 00:07:16,250 --> 00:07:19,323 เขาได้รับการผ่าตัดใหญ่ 30 ครั้ง 135 00:07:19,323 --> 00:07:21,510 แล้วเขาก็ใช้เวลาทั้งหมดติดอยู่ในโรงพยาบาล 136 00:07:21,510 --> 00:07:23,203 ในระหว่างที่เขาเข้ารับการรักษาอยู่ 137 00:07:23,203 --> 00:07:25,611 ผลลัพธ์ก็คือตอนนี้เขาเดินได้แล้ว 138 00:07:25,611 --> 00:07:29,961 ตอนที่เขาอยู่ที่นั่น มีติวเตอร์มาช่วยเขาเรื่องการเรียน 139 00:07:29,961 --> 00:07:32,790 แล้วเขาก็ตั้งใจเรียนมาก เพราะมันไม่มีอย่างอื่นทำ 140 00:07:32,790 --> 00:07:34,537 จนสุดท้ายเขาประสบความสำเร็จ 141 00:07:34,537 --> 00:07:38,112 ในระดับที่ไม่เคยมีใครในครอบครัวเคยทำได้มาก่อน 142 00:07:38,112 --> 00:07:41,442 เขาเป็นคนแรกในครอบครัวจริง ๆ ที่ได้เรียนมหาวิทยาลัย 143 00:07:41,442 --> 00:07:44,824 ที่เขาอยู่ในวิทยาเขตและขับรถที่ทำมาพิเศษ 144 00:07:44,824 --> 00:07:47,608 เพื่อให้พอดีกับรูปร่างพิเศษของเขา 145 00:07:47,608 --> 00:07:50,571 แล้วแม่เขาเล่าให้ผมฟังเรื่องที่ว่า วันหนึ่งเธอกลับบ้านมา 146 00:07:50,571 --> 00:07:52,336 และเขาก็ไปมหาวิทยาลัยใกล้ ๆ บ้าน 147 00:07:52,336 --> 00:07:55,423 แล้วเธอก็บอกว่า "ฉันเห็นรถคันนั้น ซึ่งคุณจำมันได้แน่ๆไม่ผิดหรอก 148 00:07:55,423 --> 00:07:59,846 ในที่จอดรถของบาร์" เธอเล่า (เสียงหัวเราะ) 149 00:07:59,846 --> 00:08:04,456 "แล้วฉันคิดกับตัวเองว่า คนอื่นสูงตั้งร้อยแปดสิบ ลูกฉันสูงแค่เก้าสิบ 150 00:08:04,456 --> 00:08:06,756 เบียร์สองแก้วของคนอื่น เท่ากับเบียร์สี่แก้วของลูก" 151 00:08:06,756 --> 00:08:09,369 เธอบอกว่า "ฉันรู้ว่าจะเข้าไปแล้วห้ามลูก มันก็ใช่ที่ 152 00:08:09,369 --> 00:08:13,557 แต่ฉันกลับบ้านแล้วฝากข้อความไปยังมือถือเขาแปดครั้ง" 153 00:08:13,557 --> 00:08:15,042 เธอเล่าต่อว่า "แล้วฉันก็คิดอีก 154 00:08:15,042 --> 00:08:17,142 ว่าถ้ามีใครมาบอกฉันตอนที่เขาคลอดนะ 155 00:08:17,142 --> 00:08:22,755 ว่าเรื่องที่น่าเป็นห่วงในอนาคตคือ เขาจะออกไปดื่มเหล้า แล้วเมาขับรถกับเพื่อนมหาวิทยาลัย --" 156 00:08:22,755 --> 00:08:31,537 (เสียงปรบมือ) 157 00:08:31,537 --> 00:08:33,576 แล้วผมก็พูดกับเธอว่า "คุณคิดว่าคุณทำอะไร 158 00:08:33,576 --> 00:08:38,036 จึงช่วยให้เขากลายเป็นคนมีสเน่ห์ ประสบความสำเร็จในชีวิต และแสนวิเศษอย่างนี้" 159 00:08:38,036 --> 00:08:42,723 แล้วเธอก็บอกว่า "ฉันทำอะไรน่ะเหรอ ฉันรักเขา ก็แค่นั้นเอง 160 00:08:42,723 --> 00:08:45,859 คลินตันมีประกายไฟอยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว 161 00:08:45,859 --> 00:08:52,272 และพ่อของเขากับฉัน ก็โชคดีพอที่ได้เป็นคนแรกที่เห็นมัน" 162 00:08:52,272 --> 00:08:55,310 ผมจะยกข้อความจากอีกนิตยสารหนึ่งในยุค 60 163 00:08:55,310 --> 00:09:01,004 อันนี้มาจากปี 1968 นิตยสาร The Atlantic Monthly เสียงของอเมริกันเสรี 164 00:09:01,004 --> 00:09:03,808 เขียนโดยนักชีวจริยธรรมที่สำคัญคนหนึ่ง 165 00:09:03,808 --> 00:09:07,616 กล่าวไว้ว่า "มันไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำให้รู้สึกผิด 166 00:09:07,616 --> 00:09:10,921 เกี่ยวกับเรื่องการอำพรางเด็กปัญญาอ่อน 167 00:09:10,921 --> 00:09:15,980 ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการเอาไปซ่อนไว้ในสถานพยาบาล 168 00:09:15,980 --> 00:09:19,889 หรือในแง่ที่แสดงถึงความรับผิดชอบมากกว่าและการถึงฆาต 169 00:09:19,889 --> 00:09:24,837 มันน่าเศร้า จริงอยู่ น่าสะพรึงกลัว แต่มันไม่เป็นความผิดแต่อย่างใด 170 00:09:24,837 --> 00:09:28,937 ความผิดที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อมีการโจมตีตัวบุคคล 171 00:09:28,937 --> 00:09:33,538 และพวกปัญญาอ่อนนั้นไม่ใช่คน" 172 00:09:33,538 --> 00:09:37,479 คราบน้ำหมึกมากมายได้อุทิศต่อความก้าวหน้าก้าวใหญ่ของเรา 173 00:09:37,479 --> 00:09:39,606 ในเรื่องการปฏิบัติต่อชาวรักร่วมเพศ 174 00:09:39,606 --> 00:09:43,642 ความจริงว่า ทัศนคติของพวกเราเปลี่ยนไปแล้ว ปรากฏอยู่บนพาดหัวข่าวทุกวัน 175 00:09:43,642 --> 00:09:48,338 แต่พวกเราลืม ว่าพวกเราเคยมองผู้คนที่แตกต่างอย่างไร 176 00:09:48,338 --> 00:09:50,476 เคยมองคนพิการแบบไหน 177 00:09:50,476 --> 00:09:53,389 เคยลดหลั่นความเป็นมนุษย์ของผู้คนเหล่านั้นเท่าไร 178 00:09:53,389 --> 00:09:55,267 และความเปลี่ยนแปลงที่ได้เกิดขึ้น 179 00:09:55,267 --> 00:09:57,093 ซึ่งแทบกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ 180 00:09:57,093 --> 00:09:59,969 คือสิ่งหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก 181 00:09:59,969 --> 00:10:03,921 หนึ่งในครอบครัวที่ผมสัมภาษณ์ ทอมและคาเรน โรบาร์ดส์ 182 00:10:03,921 --> 00:10:07,649 ชาวนิวยอร์กรุ่นใหม่ไฟแรงทั้งสอง ต้องตกตะลึก 183 00:10:07,649 --> 00:10:11,104 เมื่อลูกคนแรกของพวกเขาถูกวินิจฉัยว่ามีอาการดาวน์ 184 00:10:11,104 --> 00:10:15,190 พวกเขาคิดว่าโอกาสทางการศึกษาของลูก ไม่ใช่อย่างที่ควรจะเป็น 185 00:10:15,190 --> 00:10:19,043 เพราะฉะนั้น พวกเขาเลยตัดสินใจว่าจะสร้างศูนย์เล็ก ๆ -- 186 00:10:19,043 --> 00:10:22,707 สองห้องเรียนที่พวกเขาริเริ่ม ร่วมกับพ่อแม่คนอื่น ๆ อีกสองสามคน -- 187 00:10:22,707 --> 00:10:25,170 เพื่อให้การศึกษากับเด็ก ๆ ที่มีอาการดาวน์ 188 00:10:25,170 --> 00:10:29,070 และหลายปีต่อมา ศูนย์นั้นก็เติบโตขึ้นเป็นสถานที่ ที่เรียกว่า Cooke Center 189 00:10:29,070 --> 00:10:31,227 ที่ตอนนี้มีเด็กเป็นพัน ๆ คน 190 00:10:31,227 --> 00:10:35,004 ที่มีความพิการด้านสติปัญญา ได้รับการเรียนการสอน 191 00:10:35,004 --> 00:10:38,142 นับตั้งแต่เวลาที่เรื่องใน Atlantic Monthly ตีพิมพ์ 192 00:10:38,142 --> 00:10:42,315 อายุคาดเฉลี่ยของคนที่มีอาการดาวน์เพิ่มเป็นสามเท่าตัว 193 00:10:42,315 --> 00:10:47,074 ได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับคนที่มีอาการดาวน์ รวมไปด้วยนักแสดง นักเขียน 194 00:10:47,074 --> 00:10:53,127 และบรรดาผู้ที่สามารถ อยู่ได้บนลำแข้งของตัวเองเมื่อเป็นผู้ใหญ่ 195 00:10:53,127 --> 00:10:55,002 ครอบครัวโรบาร์ดส์เผชิญกับมันมามาก 196 00:10:55,002 --> 00:10:56,536 และผมก็พูดว่า "คุณเสียใจมั้ย 197 00:10:56,536 --> 00:10:59,139 คุณหวังไหมว่าลูกคุณนั้นไม่ได้มีอาการดาวน์ 198 00:10:59,139 --> 00:11:00,988 คุณหวังไหมว่าคุณน่ะจะไม่เคยได้ยินคำนี้เลย 199 00:11:00,988 --> 00:11:03,355 และที่น่าสนใจ พ่อของเขาบอกว่า 200 00:11:03,355 --> 00:11:05,942 "ก็ สำหรับเดวิดลูกผมแล้ว ผมเสียใจนะ 201 00:11:05,942 --> 00:11:09,322 เพราะสำหรับเดวิด มันเป็นหนทางใช้ชีวิตที่ยากลำบาก 202 00:11:09,322 --> 00:11:12,070 และผมก็อยากให้เดวิดมีชีวิตที่ง่ายดายกว่านี้ 203 00:11:12,070 --> 00:11:17,170 แต่ผมว่า ถ้าเราสูญเสียทุกคนที่มีอาการดาวน์ มันจะเป็นภัยหายนะ 204 00:11:17,170 --> 00:11:20,601 และคาเรน โรบาร์ดก็บอกผมว่า "ฉันคิดเหมือนทอมนั่นแหละ 205 00:11:20,601 --> 00:11:24,542 สำหรับเดวิดแล้ว ฉันอยากจะรักษา เพื่อให้เขาได้อยู่อย่างสุขสบาย 206 00:11:24,542 --> 00:11:29,978 แต่ในฐานะของตัวฉันเอง -- คือ ฉันจะไม่มีทางเชื่อเมื่อ 23 ปีก่อน ตอนเขาเกิด 207 00:11:29,978 --> 00:11:31,988 ว่าฉันจะมาอยู่ตรงจุดนี้ -- 208 00:11:31,988 --> 00:11:36,336 สำหรับฉันแล้ว มันทำให้ฉันเป็นคนดีขึ้นมาก และมีเมตตาขึ้นเยอะ 209 00:11:36,336 --> 00:11:39,370 และมีจุดมุ่งหมายในชีวิตมากกว่าอะไรทั้งหมด 210 00:11:39,370 --> 00:11:45,779 นั่นคือคำพูดสำหรับตัวฉันเอง เรื่องที่เกิดขึ้นจะเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" 211 00:11:45,779 --> 00:11:50,164 เราอยู่ในช่วงที่การยอมรับทางสังคม สำหรับเรื่องนี้และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย 212 00:11:50,164 --> 00:11:51,902 กำลังเปิดกว้างขึ้นและกว้างขึ้น 213 00:11:51,902 --> 00:11:53,738 แต่เราก็ยังอยู่ในช่วงเวลา 214 00:11:53,738 --> 00:11:56,629 ที่ความสามารถในการกำจัดข้อบกพร่องเหล่านั้น 215 00:11:56,629 --> 00:11:59,237 เรามาถึงจุดที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วย 216 00:11:59,237 --> 00:12:02,381 ทารกหูหนวกที่คลอดในสหรัฐตอนนี้ 217 00:12:02,396 --> 00:12:04,189 จะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระดูกรูปหอยโข่งในหูชั้นใน 218 00:12:04,189 --> 00:12:09,004 ที่ถูกใส่ไว้ในสมองและต่อกับตัวรับสัญญาณ 219 00:12:09,004 --> 00:12:14,022 และที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขา สามารถจำลองทักษะการฟังและการใช้ภาษาพูดได้ 220 00:12:14,022 --> 00:12:18,321 สารประกอบ BMN-111 ที่มีการทดลองในหนู 221 00:12:18,321 --> 00:12:23,374 มีประโยชน์ในการยับยั้งการทำงาน ของยีนโรคกระดูกอ่อนไม่เจริญ 222 00:12:23,374 --> 00:12:26,119 โรคกระดูกอ่อนไม่เจริญเป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในภาวะแคระ 223 00:12:26,119 --> 00:12:30,086 และพวกหนูที่ได้รับสารสังเคราะห์และมียีนกระดูกอ่อนไม่เจริญ 224 00:12:30,086 --> 00:12:32,004 และไม่เติบโตได้เท่าปกติ 225 00:12:32,004 --> 00:12:34,555 การทดลองในมนุษย์ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแล้ว 226 00:12:34,555 --> 00:12:36,811 มีการทดสอบตัวอย่างเลือดที่กำลังพัฒนา 227 00:12:36,811 --> 00:12:42,306 ที่จะแยกแยะกลุ่มอาการดาวน์ได้ชัดเจนขึ้น และภายในช่วงอายุครรภ์น้อยลงกว่าที่เคยเป็นมา 228 00:12:42,306 --> 00:12:47,535 มันทำให้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ที่จะลดเลี่ยงการตั้งครรภ์แบบนั้น 229 00:12:47,550 --> 00:12:48,870 หรือทำแท้งไปเลย 230 00:12:48,870 --> 00:12:53,537 และแล้วเราก็เลยมีพัฒนาการทั้งทางสังคมและทางการแพทย์ 231 00:12:53,537 --> 00:12:55,389 และผมก็เชื่อมั่นในทั้งสองอย่าง 232 00:12:55,389 --> 00:12:59,444 ผมเชื่อว่าความก้าวหน้าของสังคมนั้น น่าปลาบปลื้มมหัศจรรย์และมีความหมาย 233 00:12:59,444 --> 00:13:02,540 และผมก็คิดอย่างเดียวกันกับความก้าวหน้าทางการแพทย์ 234 00:13:02,540 --> 00:13:06,903 แต่ผมคิดว่ามันเป็นโศกนาฏกรรม เมื่อพวกเขามองไม่เห็นกันและกัน 235 00:13:06,903 --> 00:13:08,974 และเมื่อผมเห็นสองเส้นทางมาพบกัน 236 00:13:08,974 --> 00:13:11,188 ในสถานการณ์สามแบบที่ผมเพิ่งอธิบายไป 237 00:13:11,188 --> 00:13:14,838 ผมว่าบางทีมันเหมือนกับ ณ เวลาจุดนั้นในมหาอุปรากร 238 00:13:14,838 --> 00:13:17,442 ตอนที่พระเอกรู้ตัวว่ารักนางเอก 239 00:13:17,442 --> 00:13:21,889 ณ เวลาที่เธอนั้นกำลังนอนรอความตายอยู่พอดี 240 00:13:21,889 --> 00:13:24,688 (เสียงหัวเราะ) 241 00:13:24,688 --> 00:13:28,570 เราต้องคิดถึงความรู้สึกของเรา ที่มีต่อการรักษาทั้งหมดทั้งปวง 242 00:13:28,570 --> 00:13:31,436 หลายต่อหลายครั้งคำถามของการเป็นพ่อแม่ก็คือ 243 00:13:31,436 --> 00:13:33,288 อะไรที่เรามองว่ารับได้ในตัวลูกของเรา 244 00:13:33,288 --> 00:13:35,040 และอะไรที่เราต้องแก้ไข 245 00:13:35,040 --> 00:13:39,211 จิม ซินแคลร์ (Jim Sinclair) นักปฏิวัติออทิสซึมคนสำคัญกล่าวไว้ว่า 246 00:13:39,211 --> 00:13:43,865 "เวลาพ่อแม่พูดว่า 'ฉันอยากให้ลูกฉันไม่ได้เกิดมามีอาการออทิสซึม' 247 00:13:43,865 --> 00:13:48,724 สิ่งที่พวกเขาพูดจริง ๆ ก็คือ 'ฉันอยากลูกฉันไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง 248 00:13:48,724 --> 00:13:52,743 และฉันน่ะ มีลูกอีกคนที่ไม่ได้เป็นออทิสติกแทน' 249 00:13:52,743 --> 00:13:57,535 อ่านอีกรอบนะ นี่คือสิ่งที่พวกเราได้ยิน เวลาที่คุณโศกเศร้าเสียใจกับความเป็นอยู่ของเรา 250 00:13:57,535 --> 00:14:00,737 นี่คือสิ่งที่พวกเราได้ยินเวลาที่คุณสวดมนต์ขอวิธีรักษา 251 00:14:00,737 --> 00:14:02,642 ความหวังที่คุณปรารถนาที่สุดสำหรับพวกเรา 252 00:14:02,642 --> 00:14:05,021 คือว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะไม่มีตัวตนอีกต่อไป 253 00:14:05,021 --> 00:14:10,576 และคนแปลกหน้าที่คุณรักเขาได้ จะย้ายมาอยู่ใต้ใบหน้าของพวกเรา" 254 00:14:10,576 --> 00:14:13,642 นี่เป็นมุมมองที่สุดโต่ง 255 00:14:13,642 --> 00:14:17,771 แต่มันชี้ให้เห็นสัจธรรมว่า คนเรามีส่วนร่วมกับชีวิตที่ตัวเองมีอยู่ 256 00:14:17,771 --> 00:14:22,336 และพวกเขาก็ไม่อยากจะถูกรักษา เปลี่ยนแปลง หรือถูกกำจัดไป 257 00:14:22,336 --> 00:14:25,556 พวกเขาอยากจะเป็นใครก็ตามที่พวกเขาโตขึ้นมาเป็นเช่นนั้น 258 00:14:25,556 --> 00:14:29,356 หนึ่งในครอบครัวที่ผมสัมภาษณ์เพื่อโครงการนี้ 259 00:14:29,356 --> 00:14:34,610 เป็นครอบครัวของ ดีแลน คลีโบลด์ (Dylan Klebold) ที่เป็นหนึ่งในผู้ก่อการฆาตกรรมหมู่ที่โรงเรียนโคลัมไบน์ 260 00:14:34,610 --> 00:14:37,405 มันใช้เวลานานมากที่จะโน้มน้าวใจ ให้พวกเขายอมคุยกับผม 261 00:14:37,405 --> 00:14:40,169 และเมื่อพวกเขาตกลง พวกเขามีเรื่องราวมากมาย 262 00:14:40,169 --> 00:14:41,868 ที่พวกเขาไม่สามารถหยุดเล่าได้ 263 00:14:41,868 --> 00:14:44,485 สุดสัปดาห์แรกที่ผมใช้เวลาอยู่กับพวกเขา ครั้งแรกของครั้งต่อไปอีกหลายครั้ง 264 00:14:44,485 --> 00:14:47,606 ผมบันทึกบทสนทนาไปมากกว่า 20 ชั่วโมง 265 00:14:47,606 --> 00:14:49,869 และตอนคืนวันอาทิตย์ เราทุกคนต่างสิ้นเรี่ยวแรง 266 00:14:49,869 --> 00:14:52,755 เรานั่งอยู่ในห้องครัว ซู คลีโบลด์ (Sue Klebold) กำลังทำข้าวเย็น 267 00:14:52,755 --> 00:14:55,276 และผมพูดว่า "ถ้าดีแลนอยู่ที่นี่ตอนนี้ 268 00:14:55,276 --> 00:14:58,121 คุณรู้บ้างไหมว่าอยากจะถามอะไรเขา" 269 00:14:58,121 --> 00:15:00,489 และพ่อเขาก็บอกว่า "รู้สิ 270 00:15:00,489 --> 00:15:04,038 ผมอยากจะถามว่า มึงรู้ไหมว่าอะไรอยู่" 271 00:15:04,038 --> 00:15:07,676 และซูก็มองพื้น แล้วใช้เวลาคิดสักนาที 272 00:15:07,676 --> 00:15:09,855 และเธอก็เงยหน้าขึ้นแล้วบอกว่า 273 00:15:09,855 --> 00:15:13,918 "ฉันจะขอให้เขายกโทษให้ฉันที่เป็นแม่ของเขา 274 00:15:13,918 --> 00:15:18,342 และไม่เคยรู้เลยว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นในหัวเขาบ้าง" 275 00:15:18,342 --> 00:15:21,310 ตอนที่ผมไปทานอาหารเย็นกับเธอสองปีต่อมา 276 00:15:21,310 --> 00:15:23,237 หนึ่งในมื้อเย็นที่พวกเราทานร่วมกัน 277 00:15:23,237 --> 00:15:26,647 เธอบอกว่า "รู้มั้ย ตอนที่มันเกิดขึ้นตอนแรก 278 00:15:26,647 --> 00:15:30,455 ฉันเคยหวังว่าฉันน่ะไม่ได้แต่งงานและไม่เคยมีลูก 279 00:15:30,455 --> 00:15:33,947 ถ้าฉันไม่เคยไปรัฐโอไฮโอแล้วเจอกับทอม 280 00:15:33,947 --> 00:15:37,589 เด็กคนนี้คงไม่ได้เกิดและเรื่องเลวร้ายนี้คงไม่ได้เกิดขึ้น 281 00:15:37,589 --> 00:15:42,104 แต่ฉันก็กลับมารู้สึกตัวว่าฉันรักลูก ๆ ของฉันมากเหลือเกิน 282 00:15:42,104 --> 00:15:45,407 ฉันไม่อยากจะจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่มีพวกเขา 283 00:15:45,407 --> 00:15:50,336 ฉันจำได้ถึงความเจ็บปวดที่พวกเขาทำต่อผู้อื่น ซึ่งมันมิอาจให้อภัยได้ 284 00:15:50,336 --> 00:15:53,800 แต่ความเจ็บปวดที่พวกเขาทำฉัน ฉันยกโทษให้ได้" เธอพูดอย่างนั้น 285 00:15:53,800 --> 00:15:57,592 "เพราะงั้น แม้ฉันจะคิดว่าว่าโลกนี้คงจะดีกว่านี้ 286 00:15:57,592 --> 00:16:00,102 ถ้าดีแลนไม่ได้เกิดมา 287 00:16:00,102 --> 00:16:05,584 ฉันตัดสินใจแล้วว่า มันไม่ได้ดีขึ้นสำหรับฉันแน่นอน" 288 00:16:05,584 --> 00:16:12,068 ผมคิดว่ามันน่าประหลาดใจที่ครอบครัวทั้งหลาย ที่มีเด็กๆที่มีปัญหาทั้งหลายเหล่านี้ 289 00:16:12,068 --> 00:16:15,101 ปัญหาที่พวกเขาทุกคนคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น 290 00:16:15,101 --> 00:16:18,920 และที่พวกเขาต่างก็ค้นพบความหมายมากมาย ในประสบการณ์เลี้ยงดูลูกนั้น 291 00:16:18,920 --> 00:16:22,121 แล้วผมก็คิด ว่าพวกเราทุกคนที่มีลูก 292 00:16:22,121 --> 00:16:24,813 รักลูก ๆ ที่เรามี แม้พวกเขาจะมีจุดด่างพร้อย 293 00:16:24,813 --> 00:16:29,069 ถ้าอยู่ ๆ มีนางฟ้าแสนดีมาปรากฎตัวในห้องนั่งเล่นของผม 294 00:16:29,069 --> 00:16:31,279 และยื่นข้อเสนอว่าจะพาลูก ๆ ของผมไป 295 00:16:31,279 --> 00:16:37,873 แล้วมอบเด็กคนอื่นที่ดีกว่า มารยาทดีกว่า ตลกกว่า นิสัยดีกว่า เก่งกว่าให้ 296 00:16:37,873 --> 00:16:42,978 ผมจะกอดลูก ๆ ผมแนบอกไว้แน่น และสวดมนต์อ้อนวอนให้ปรากฏการณ์เลวร้ายนี้ผ่านพ้นไป 297 00:16:42,978 --> 00:16:44,970 ที่สุดของที่สุดแล้ว ผมรู้สึกว่า 298 00:16:44,970 --> 00:16:48,548 มันก็เช่นเดียวกับที่เราทดลองเสื้อนอนกันไฟในกองเพลิงนรก 299 00:16:48,548 --> 00:16:53,020 เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่ไหม้เมื่อลูก ๆ ของเราเอื้อมมือผ่านเตา 300 00:16:53,020 --> 00:16:57,088 เรื่องราวของครอบครัวที่ต้องต่อกร กับความแปลกแยกอย่างสุดโต่งนี้ 301 00:16:57,088 --> 00:16:59,769 สะท้อนให้เห็นถึงประสบการณ์ ที่เป็นจริงทุกระดับของการเลี้ยงลูก 302 00:16:59,769 --> 00:17:03,903 นั่นก็คือทุกที ที่บางครั้งคุณมองลูกตัวเองแล้วคุณคิดว่า 303 00:17:03,903 --> 00:17:06,092 นี่หนูมาจากไหนเนี่ย 304 00:17:06,092 --> 00:17:08,546 (เสียงหัวเราะ) 305 00:17:08,546 --> 00:17:13,521 กลายเป็นว่า เมื่อแต่ละความแตกต่างนี้ ถูกเอามามัดรวมกัน 306 00:17:13,521 --> 00:17:16,066 ครอบครัวมากมายเหลือเกินที่กำลังรับมือกับโรคจิตเภท 307 00:17:16,066 --> 00:17:18,703 ครอบครัวมากมายเหลือเกินที่มีลูกแปลงเพศ 308 00:17:18,703 --> 00:17:20,897 ครอบครัวมากมายเหลือเกินที่มีเด็กอัจฉริยะ 309 00:17:20,897 --> 00:17:23,181 ที่ก็ต้องพบกับอุปสรรคที่คล้ายคลึงกันในหลาย ๆ ทาง 310 00:17:23,181 --> 00:17:25,871 มันก็แค่ครอบครัวจำนวนมากในแต่ละกลุ่มนั้น 311 00:17:25,871 --> 00:17:27,303 แต่ถ้าคุณลองคิดดู 312 00:17:27,303 --> 00:17:30,869 ถึงประสบการณ์ในการต่อกรความแตกต่าง ภายในครอบครัวของคุณ 313 00:17:30,869 --> 00:17:32,899 คือสิ่งที่ผู้คนกำลังพูดถึงกัน 314 00:17:32,899 --> 00:17:36,636 แล้วคุณจะพบว่ามันเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทุกหัวระแหง 315 00:17:36,636 --> 00:17:41,271 มันน่าขันที่ความแตกต่างของเรา และการต่อรองกันในเรื่องที่เราต่างกัน 316 00:17:41,271 --> 00:17:43,699 เป็นสิ่งที่ผูกพันเราเข้าด้วยกัน 317 00:17:43,699 --> 00:17:49,013 ผมตัดสินใจมีลูกในตอนที่ผมกำลังทำโครงการนี้ 318 00:17:49,013 --> 00:17:52,129 หลายคนตกตะลึงแล้วถามว่า 319 00:17:52,129 --> 00:17:53,977 "แต่คุณตัดสินมีลูกได้ยังไง 320 00:17:53,977 --> 00:17:58,083 ทั้ง ๆ ที่กำลังศึกษาทุกเรื่องที่อาจผิดพลาดไปได้" 321 00:17:58,083 --> 00:18:01,313 แล้วผมก็บอกว่า "ผมไม่ได้กำลังศึกษาทุกเรื่องที่ผิดพลาดได้ 322 00:18:01,313 --> 00:18:04,404 แต่ผมกำลังศึกษาว่ามันจะมีความรักได้มากมายเพียงใด 323 00:18:04,404 --> 00:18:09,129 แม้ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างดูจะผิดเพี้ยนไปเสียหมด" 324 00:18:09,129 --> 00:18:14,764 บ่อยครั้งผมคิดถึง เรื่องของแม่ของเด็กพิการคนหนึ่งที่ผมได้เจอ 325 00:18:14,764 --> 00:18:18,536 เด็กพิการซ้ำซ้อน ที่เสียชีวิตจากความประมาทของคนดูแล 326 00:18:18,536 --> 00:18:21,346 และเมื่อเถ้าของเขาได้บรรจุอัฐิ แม่เขาพูดว่า 327 00:18:21,346 --> 00:18:29,380 ฉันสวดมนต์ขออโหสิกรรมที่ต้องถูกปล้นไปสองครั้ง 328 00:18:29,380 --> 00:18:35,436 ครั้งนึงพรากเด็กที่ฉันอยากได้และอีกครั้งพรากลูกชายที่ฉันรัก 329 00:18:35,436 --> 00:18:40,072 แล้วผมก็พบว่ามันเป็นไปได้สำหรับทุกคนที่จะรักเด็กสักคน 330 00:18:40,072 --> 00:18:42,604 ถ้ามีแรงใจพอที่จะทำ 331 00:18:42,604 --> 00:18:47,629 สามีของผมเป็นพ่อทางสายเลือดให้กับเด็กสองคน 332 00:18:47,629 --> 00:18:50,390 กับเพื่อน ๆ เลสเบี้ยนที่มินนิอาโปลิส (Minneapolis) 333 00:18:50,390 --> 00:18:56,214 ผมมีเพื่อนสนิทสมัยมหา'ลัย ที่ผ่านการหย่าร้างมา แล้วอยากมีลูก 334 00:18:56,214 --> 00:18:58,112 เธอกับผมก็เลยมีลูกสาวด้วยกัน 335 00:18:58,112 --> 00:19:00,323 และแม่กับลูกสาวก็อยู่ที่เท็กซัส 336 00:19:00,323 --> 00:19:03,562 และผมกับสามีก็มีลูกชายที่อยู่กับเราตลอดเวลา 337 00:19:03,562 --> 00:19:05,946 ที่มีผมเป็นพ่อทางสายเลือด 338 00:19:05,946 --> 00:19:09,866 และแม่บุญธรรมที่อุ้มท้องให้คือลอร่า 339 00:19:09,881 --> 00:19:12,929 แม่เลสเบี้ยนของโอลิเวอร์และลูซี่ที่มินนิอาโปลิส 340 00:19:12,929 --> 00:19:21,584 (ปรบมือ) 341 00:19:21,584 --> 00:19:27,048 ว่ากันสั้น ๆ ก็คือมีพ่อแม่ห้าคนของลูก ๆ สี่คนในสามรัฐ 342 00:19:27,048 --> 00:19:30,404 แล้วก็มีคนที่คิดว่าการที่มีครอบครัวอย่างที่ผมมีอยู่นั้น 343 00:19:30,404 --> 00:19:35,069 ไปทำให้ครอบครัวของเขาด้อยลง อ่อนแอลง หรือว่าราวฉานมากขึ้น 344 00:19:35,069 --> 00:19:38,697 และก็มีคนที่คิดว่าครอบครัวอย่างครอบครัวผม 345 00:19:38,697 --> 00:19:40,381 ไม่ควรจะได้รับอนุญาตให้มีอยู่ด้วยซ้ำไป 346 00:19:40,381 --> 00:19:46,036 และผมไม่ยอมรับรูปแบบความรักแบบหักลบ มันจะมีก็แต่แบบเพิ่มเติมเท่านั้น 347 00:19:46,036 --> 00:19:49,562 และผมเชื่อว่า เหมือนอย่างที่เราต้องมีความหลากหลายของสายพันธุ์ 348 00:19:49,562 --> 00:19:51,813 เพื่อให้มั่นใจว่าโลกจะหมุนต่อไป 349 00:19:51,813 --> 00:19:56,014 เราก็ต้องการความหลากหลายของความรัก และความหลากหลายของครอบครัว 350 00:19:56,014 --> 00:20:00,695 เพื่อที่จะเพิ่มความแข็งแกร่ง ของสภาวะแวดล้อมแห่งความเอื้ออารี 351 00:20:00,695 --> 00:20:03,065 วันหลังจากที่ลูกชายเราเกิด 352 00:20:03,065 --> 00:20:07,637 หมอเด็กเข้ามาในห้องที่โรงพยาบาล แล้วบอกว่าเธอมีเรื่องกังวล 353 00:20:07,637 --> 00:20:10,770 เพราะว่าลููกเรายืดขาได้ไม่สมบูรณ์ 354 00:20:10,770 --> 00:20:13,679 เธอบอกว่าเขาอาจมีความผิดปกติในสมอง 355 00:20:13,679 --> 00:20:17,040 ตอนที่เขายืดขานั้นเขายืดได้ไม่เท่ากัน 356 00:20:17,040 --> 00:20:20,903 ซึ่งอาจจะแปลว่ามีก้อนเนื้อบางอย่างอยู่ 357 00:20:20,903 --> 00:20:25,686 เขามีศีรษะที่ใหญ่มาก ซึ่งเธอคิดว่ามันอาจแปลว่ามีน้ำคั่งในสมอง 358 00:20:25,686 --> 00:20:27,316 แล้วตอนที่เธอบอกผมนั้น 359 00:20:27,316 --> 00:20:31,311 ผมรู้สึกเหมือนทั้งใจหล่นไปกองกับพื้น 360 00:20:31,311 --> 00:20:33,654 แล้วผมก็คิดว่า นี่ไง ที่ผมทำงานมาเป็นปี ๆ 361 00:20:33,654 --> 00:20:36,203 กับการทำหนังสือเรื่องว่า ผู้คนค้นพบความหมายมากมายแค่ไหน 362 00:20:36,203 --> 00:20:39,736 กับประสบการณ์เลี้ยงดูลูกที่มีความพิการ 363 00:20:39,736 --> 00:20:43,636 และผมก็ไม่อยากจะเป็นหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น 364 00:20:43,636 --> 00:20:46,331 เพราะว่าผมกำลังเผชิญหน้ากับแนวคิดเรื่องความเจ็บป่วย 365 00:20:46,331 --> 00:20:48,581 และเช่นเดียวกับพ่อแม่ทุกคนตั้งแต่โบราณ 366 00:20:48,581 --> 00:20:51,927 ผมอยากจะปกป้องลูกจากความเจ็บป่วย 367 00:20:51,927 --> 00:20:55,138 และผมก็อยากปกป้องตัวเองจากความเจ็บป่วยนั้นด้วย 368 00:20:55,138 --> 00:20:57,698 แต่ผมก็รู้ จากงานที่ผมทำ 369 00:20:57,698 --> 00:21:01,805 ว่าถ้าลูกมีลักษณะอะไรสักอย่างที่เรากำลังจะตรวจหา 370 00:21:01,805 --> 00:21:04,878 สิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นความเป็นตัวตนของเขา 371 00:21:04,878 --> 00:21:09,112 และถ้านั่นเป็นอัตลักษณ์ของลูก มันก็จะกลายเป็นของผมด้วย 372 00:21:09,112 --> 00:21:13,269 และความเจ็บป่วยนั้นก็จะกลายรูปเป็นอะไรที่ต่างไป เมื่อมันเผยออกมา 373 00:21:13,269 --> 00:21:16,300 พวกเราพาเขาไปที่เครื่อง MRI พาเขาไปทำ CAT สแกน 374 00:21:16,300 --> 00:21:20,298 เราพาเด็กอายุหนึ่งวันไปให้เขานำเลือดไปตรวจ 375 00:21:20,298 --> 00:21:21,492 เรารู้สึกว่าเราช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย 376 00:21:21,492 --> 00:21:22,970 และสุดท้ายห้าชั่วโมงต่อมา 377 00:21:22,970 --> 00:21:25,194 พวกเขาบอกว่าสมองของลูกนั้นไม่มีปัญหาใด ๆ 378 00:21:25,194 --> 00:21:28,204 และเขาก็สามารถยืดขาได้ตามปกติแล้ว 379 00:21:28,204 --> 00:21:31,136 และเมื่อผมถามหมอเด็กว่ามันเกิดอะไรขึ้น 380 00:21:31,136 --> 00:21:35,471 เธอบอกว่าสงสัยเมื่อเช้าน้องคงจะเป็น 381 00:21:35,471 --> 00:21:39,036 ตะคริว (เสียงหัวเราะ) 382 00:21:39,036 --> 00:21:46,869 และผมก็คิดถึงคำที่แม่พูดว่ามันจริง 383 00:21:46,869 --> 00:21:50,364 ผมคิด ว่าความรักที่คุณมีให้ลูกคุณนั้น 384 00:21:50,364 --> 00:21:53,694 ไม่มีความรู้สึกอื่นใดเทียบเคียงได้ 385 00:21:53,694 --> 00:21:59,858 และจนกว่าคุณจะมีลูกคุณไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกยังไง 386 00:21:59,858 --> 00:22:02,179 ผมคิดว่าเด็ก ๆ นั้น คล้องใจผมได้ 387 00:22:02,179 --> 00:22:05,705 ตั้งแต่ตอนที่ผมเชื่อมโยงความเป็นพ่อ และความสูญเสียเข้าด้วยกัน 388 00:22:05,705 --> 00:22:07,637 แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมจะสังเกตเห็นเรื่องนี้ 389 00:22:07,637 --> 00:22:13,162 ถ้าผมไม่ได้อยู่ท่ามกลางโครงการวิจัยของผมอันนี้ 390 00:22:13,162 --> 00:22:16,394 ผมอาจจะได้พบกับความรักแปลก ๆ มากมาย 391 00:22:16,394 --> 00:22:20,179 แล้วผมก็ตกหลุมรักในรูปแบบ ที่น่าหลงใหลราวกับต้องมนต์ของมันอย่างไม่ยากเย็น 392 00:22:20,179 --> 00:22:26,906 และผมเห็นความงดงามที่ส่องประกาย ให้แม้กระทั่งกับความอ่อนแอที่น่าอนาถที่สุด 393 00:22:26,906 --> 00:22:30,712 ในช่วงระหว่างสิบปีนี้ ผมได้พบเจอและเรียนรู้ 394 00:22:30,712 --> 00:22:34,204 ถึงความสุขที่เกินรับได้ จากความรับผิดชอบที่แทบจะแบกรับไม่ไหว 395 00:22:34,204 --> 00:22:37,736 และผมได้เห็นกับตาแล้วว่ามันชนะทุกสิ่งได้อย่างไร 396 00:22:37,736 --> 00:22:42,037 และแม้บางครั้ง ผมคิดว่าพ่อแม่ที่ผมสัมภาษณ์นั้นงี่เง่าสิ้นดี 397 00:22:42,037 --> 00:22:46,987 ที่ทำให้ตัวเองตกเป็นทาสของลูกอกตัญญูไปตลอดชีวิต 398 00:22:46,987 --> 00:22:49,936 และพยายามปรับปรุงอัตลักษณ์ ให้พ้นจากความอัปลักษณ์นั้น 399 00:22:49,936 --> 00:22:54,572 ผมได้เข้าใจในวันนั้นเอง ว่างานวิจัยของผมได้สร้างแพไว้ให้ผม 400 00:22:54,572 --> 00:22:57,986 และผมก็พร้อมแล้ว ที่จะร่วมลงเรือลำเดียวกันกับพวกเขา 401 00:22:57,986 --> 00:22:59,803 ขอบคุณครับ 402 00:22:59,803 --> 00:23:05,454 (เสียงปรบมือ)