[Script Info] Title: [Events] Format: Layer, Start, End, Style, Name, MarginL, MarginR, MarginV, Effect, Text Dialogue: 0,0:00:06.65,0:00:09.23,Default,,0000,0000,0000,,คุณกำลังเล่าเรื่องสนุก ๆ \Nให้เพื่อนฟังอยู่ดี ๆ Dialogue: 0,0:00:09.23,0:00:13.64,Default,,0000,0000,0000,,ทันใดนั้นเอง ตอนมาถึงส่วนสำคัญ\Nเขาก็ขัดขึ้นว่า Dialogue: 0,0:00:13.64,0:00:17.82,Default,,0000,0000,0000,,"เอเลียนกับฉัน" ไม่ใช่ "ฉันกับเอเลียน" Dialogue: 0,0:00:17.82,0:00:19.81,Default,,0000,0000,0000,,พวกเราส่วนใหญ่อาจเกิดความรำคาญ Dialogue: 0,0:00:19.81,0:00:21.91,Default,,0000,0000,0000,,แต่นอกเหนือจากการขัดที่ดูหยาบคายนี้ Dialogue: 0,0:00:21.91,0:00:23.71,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อนของคุณมีเหตุผลหรือเปล่า Dialogue: 0,0:00:23.71,0:00:26.84,Default,,0000,0000,0000,,ประโยคของคุณผิดไวยากรณ์หรือเปล่า Dialogue: 0,0:00:26.84,0:00:30.87,Default,,0000,0000,0000,,และถ้าเขายังเข้าใจมันได้อยู่\Nมันจะไปสำคัญอะไรล่ะ Dialogue: 0,0:00:30.87,0:00:32.72,Default,,0000,0000,0000,,จากมุมมองของนักภาษาศาสตร์ Dialogue: 0,0:00:32.72,0:00:36.55,Default,,0000,0000,0000,,ไวยากรณ์คือชุดของรูปแบบ\Nในการนำคำมาประกอบกัน Dialogue: 0,0:00:36.55,0:00:39.10,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อให้เกิดเป็นวลี หรืออนุประโยค Dialogue: 0,0:00:39.10,0:00:41.90,Default,,0000,0000,0000,,ไม่ว่าจะเป็นในการพูด\Nหรือการเขียนก็ตาม Dialogue: 0,0:00:41.90,0:00:44.09,Default,,0000,0000,0000,,แต่ละภาษามีรูปแบบไวยากรณ์\Nที่แตกต่างกัน Dialogue: 0,0:00:44.09,0:00:47.43,Default,,0000,0000,0000,,ในภาษาอังกฤษ ประธานมักจะมาก่อน Dialogue: 0,0:00:47.43,0:00:48.69,Default,,0000,0000,0000,,ตามด้วยคำกริยา Dialogue: 0,0:00:48.69,0:00:50.01,Default,,0000,0000,0000,,และจากนั้นจึงเป็นกรรม Dialogue: 0,0:00:50.01,0:00:52.55,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่ภาษาญี่ปุ่น\Nและอีกหลาย ๆ ภาษา Dialogue: 0,0:00:52.55,0:00:55.90,Default,,0000,0000,0000,,ลำดับคือประธาน กรรม และคำกริยา Dialogue: 0,0:00:55.90,0:01:00.15,Default,,0000,0000,0000,,นักวิชาการบางรายพยายาม\Nจัดแจงรูปแบบพื้นฐานของทุกภาษา Dialogue: 0,0:01:00.15,0:01:02.50,Default,,0000,0000,0000,,แต่นอกเหนือไปจาก\Nโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง Dialogue: 0,0:01:02.50,0:01:04.59,Default,,0000,0000,0000,,เช่นการมีคำนาม หรือคำกริยา แล้ว Dialogue: 0,0:01:04.59,0:01:08.94,Default,,0000,0000,0000,,สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นสากลทางภาษา\Nปรากฏอยู่น้อยมาก Dialogue: 0,0:01:08.94,0:01:12.03,Default,,0000,0000,0000,,และในขณะภาษาใด ๆ ก็ต้องการ\Nรูปแบบที่แน่นอนเพื่อการใช้งาน Dialogue: 0,0:01:12.03,0:01:17.31,Default,,0000,0000,0000,,การศึกษารูปแบบเหล่านี้ ทำให้เกิด\Nการถกเถียงระหว่างสองแนวคิด Dialogue: 0,0:01:17.31,0:01:20.91,Default,,0000,0000,0000,,ที่เป็นที่รู้จักกันว่าภาษาศาสตร์แบบกำหนด\Nและภาษาศาสตร์แบบบรรยาย Dialogue: 0,0:01:20.91,0:01:22.20,Default,,0000,0000,0000,,สรุปรวมก็คือ Dialogue: 0,0:01:22.20,0:01:26.06,Default,,0000,0000,0000,,นักภาษาศาสตร์แบบกำหนดคิดว่า\Nภาษาควรที่จะอยู่ในกรอบของกฎที่ชัดเจน Dialogue: 0,0:01:26.06,0:01:30.69,Default,,0000,0000,0000,,ในขณะที่นักภาษาศาสตร์แบบบรรยายเห็นว่า\Nความหลากหลายและการดัดแปลงเป็นเรื่องปกติ Dialogue: 0,0:01:30.69,0:01:33.88,Default,,0000,0000,0000,,และเป็นส่วนสำคัญของภาษา Dialogue: 0,0:01:33.88,0:01:38.32,Default,,0000,0000,0000,,ตามประวัติศาสตร์ \Nส่วนใหญ่ภาษาถูกใช้เพื่อสนทนา Dialogue: 0,0:01:38.32,0:01:42.29,Default,,0000,0000,0000,,แต่เมื่อคนมีการติดต่อสื่อสารกันมากขึ้น\Nและการเขียนมีความสำคัญมากขึ้น Dialogue: 0,0:01:42.29,0:01:46.34,Default,,0000,0000,0000,,ภาษาเขียนถูกใช้เป็นมาตราฐาน\Nเพื่อการสือสารที่กว้างขวางขึ้น Dialogue: 0,0:01:46.34,0:01:51.08,Default,,0000,0000,0000,,และเป็นการให้หลักประกันว่า \Nคนที่อยู่ในคนละพื้นที่จะเข้าใจกันและกัน Dialogue: 0,0:01:51.08,0:01:56.74,Default,,0000,0000,0000,,ในหลายภาษา รูปแบบมาตรฐานนี้\Nเป็นแบบเดียวเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ Dialogue: 0,0:01:56.74,0:02:00.66,Default,,0000,0000,0000,,ทั้งที่มันถูกดัดแปลง\Nมาจากรูปแบบการพูดแบบเดียว Dialogue: 0,0:02:00.66,0:02:03.08,Default,,0000,0000,0000,,โดยทั่วไปแล้ว โดยคนที่มีอำนาจ Dialogue: 0,0:02:03.08,0:02:07.43,Default,,0000,0000,0000,,นักวิชาการทางภาษาทำหน้าที่สร้างกฎ\Nและเผยแผ่มาตรฐานนี้ Dialogue: 0,0:02:07.43,0:02:13.02,Default,,0000,0000,0000,,โดยให้รายละเอียดในกฎแต่ละชุด\Nที่สะท้อนไวยากรณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น Dialogue: 0,0:02:13.02,0:02:17.24,Default,,0000,0000,0000,,และกฎสำหรับไวยากรณ์การเขียน\Nถูกดัดแปลงมาใช้กับภาษาพูดด้วยเช่นกัน Dialogue: 0,0:02:17.24,0:02:21.68,Default,,0000,0000,0000,,รูปแบบของการพูด\Nที่ไม่เหมือนกับกฎการเขียน Dialogue: 0,0:02:21.68,0:02:24.09,Default,,0000,0000,0000,,ถูกมองว่าเป็นความวิบัติ\Nหรือการใช้ภาษาแบบชนชั้นล่าง Dialogue: 0,0:02:24.09,0:02:26.68,Default,,0000,0000,0000,,และหลายคนที่เติบโตมา\Nกับการพูดในลักษณะนี้ Dialogue: 0,0:02:26.68,0:02:30.57,Default,,0000,0000,0000,,ถูกบังคับให้เปลี่ยนมาใช้\Nรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน Dialogue: 0,0:02:30.57,0:02:31.89,Default,,0000,0000,0000,,อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้เอง Dialogue: 0,0:02:31.89,0:02:36.14,Default,,0000,0000,0000,,นักภาษาศาสตร์เข้าใจว่า การพูด\Nเป็นปรากฏการณ์ที่แยกขาดจากการเขียน Dialogue: 0,0:02:36.14,0:02:38.29,Default,,0000,0000,0000,,ที่มีความสม่ำเสมอและรูปแบบของมันเอง Dialogue: 0,0:02:38.29,0:02:42.89,Default,,0000,0000,0000,,พวกเราส่วนใหญ่เรียนรู้ที่จะพูด\Nตอนที่เราอายุยังน้อยจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำ Dialogue: 0,0:02:42.89,0:02:46.47,Default,,0000,0000,0000,,เราสร้างคลังการพูดของเรา\Nผ่านนิสัยที่ไม่ได้ผ่านความคิด Dialogue: 0,0:02:46.47,0:02:48.83,Default,,0000,0000,0000,,ไม่ใช่กฎที่ต้องจดจำ Dialogue: 0,0:02:48.83,0:02:52.62,Default,,0000,0000,0000,,และเพราะว่าการพูดยังใช้อารมณ์\Nและน้ำเสียงสูงต่ำสำหรับสื่อความหมาย Dialogue: 0,0:02:52.62,0:02:54.78,Default,,0000,0000,0000,,โครงสร้างของมันมักจะยืดหยุ่นมากกว่า Dialogue: 0,0:02:54.78,0:02:58.73,Default,,0000,0000,0000,,เพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการ\Nกับผู้พูดและผู้ฟัง Dialogue: 0,0:02:58.73,0:03:03.24,Default,,0000,0000,0000,,นั่นอาจหมายถึงการหลีกเลี่ยงอนุประโยค\Nที่ยากต่อการวิเคราะห์แจกแจงในทันที Dialogue: 0,0:03:03.24,0:03:06.04,Default,,0000,0000,0000,,การเปลี่ยนเปลงเพื่อหลีกเลี่ยง\Nการออกเสียงที่ทำให้ติดขัด Dialogue: 0,0:03:06.04,0:03:09.39,Default,,0000,0000,0000,,หรือกร่อนเสียงเพื่อทำให้พูดได้เร็วขึ้น Dialogue: 0,0:03:09.39,0:03:13.57,Default,,0000,0000,0000,,วิธีการทางภาษาศาสตร์ที่พยายาม\Nเข้าใจและร่างแผนที่ความแตกต่าง\N Dialogue: 0,0:03:13.57,0:03:17.94,Default,,0000,0000,0000,,โดยไม่เข้าไปกำกับแก้ไข\Nเรียกว่าภาษาศาสตร์แบบบรรยาย\N Dialogue: 0,0:03:17.94,0:03:20.30,Default,,0000,0000,0000,,แทนที่จะกำหนดว่า\Nภาษาควรถูกนำไปใช้อย่างไร Dialogue: 0,0:03:20.30,0:03:23.13,Default,,0000,0000,0000,,มันอธิบายว่าคนใช้ภาษากันอย่างไร Dialogue: 0,0:03:23.13,0:03:27.26,Default,,0000,0000,0000,,และติดตามนวัฒกรรมที่มันเกี่ยวข้อง Dialogue: 0,0:03:27.26,0:03:28.88,Default,,0000,0000,0000,,แต่ในขณะที่การโต้เถียงระหว่าง Dialogue: 0,0:03:28.88,0:03:31.18,Default,,0000,0000,0000,,ภาษาศาสตร์แบบกำหนด\Nและแบบบรรยายยังคงดำเนินต่อไป\N Dialogue: 0,0:03:31.18,0:03:33.60,Default,,0000,0000,0000,,ทั้งสองแนวคิดนี้\Nไม่ได้มีความสมบูรณ์ในทุกแง่มุม Dialogue: 0,0:03:33.60,0:03:37.07,Default,,0000,0000,0000,,เอาเข้าจริง ภาษาศาสตร์แบบกำหนด\Nมีประโยชน์สำหรับการบอกเรา Dialogue: 0,0:03:37.07,0:03:41.68,Default,,0000,0000,0000,,เกี่ยวกับรูปแบบพื้นฐานทั่วไป\Nณ เวลาใด เวลาหนึ่ง Dialogue: 0,0:03:41.68,0:03:44.47,Default,,0000,0000,0000,,มันมีความเสำคัญ\Nไม่เพียงแต่สำหรับบริบทที่เป็นทางการ Dialogue: 0,0:03:44.47,0:03:48.43,Default,,0000,0000,0000,,แต่ยังทำให้การสื่อสารง่ายขึ้นอีก\Nระหว่างผู้พูดที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา Dialogue: 0,0:03:48.43,0:03:50.62,Default,,0000,0000,0000,,ที่มีพื้นเพที่แตกต่างกัน Dialogue: 0,0:03:50.62,0:03:52.19,Default,,0000,0000,0000,,ทว่าภาษาศาสตร์แบบบรรยาย\N Dialogue: 0,0:03:52.19,0:03:54.45,Default,,0000,0000,0000,,ให้รายละเอียดเชิงลึกกับเรา\Nว่าความคิดของเราทำงานอย่างไร Dialogue: 0,0:03:54.45,0:03:58.86,Default,,0000,0000,0000,,และวิธีการโดยสัญชาตญาณ\Nซึ่งเราสร้างกรอบการมองโลกของเรา Dialogue: 0,0:03:58.86,0:04:03.46,Default,,0000,0000,0000,,ที่สุดแล้ว ไวยากรณ์ควรถูกพิจารณา\Nว่าเป็นกลุ่มพฤติกรรมทางภาษา Dialogue: 0,0:04:03.46,0:04:06.75,Default,,0000,0000,0000,,ที่คนยอมรับตกลงและสร้างขึ้นมาใหม่\Nอย่างสม่ำเสมอ Dialogue: 0,0:04:06.75,0:04:09.97,Default,,0000,0000,0000,,โดยกลุ่มคนที่ใช้ภาษานั้น Dialogue: 0,0:04:09.97,0:04:11.35,Default,,0000,0000,0000,,เช่นเดียวกับตัวภาษาเอง Dialogue: 0,0:04:11.35,0:04:13.22,Default,,0000,0000,0000,,มันเป็นเส้นใยที่สวยงามและซับซ้อน Dialogue: 0,0:04:13.22,0:04:17.08,Default,,0000,0000,0000,,ที่สอดประสานผ่านความร่วมมือ\Nของผู้พูดและผู้ฟัง Dialogue: 0,0:04:17.08,0:04:18.56,Default,,0000,0000,0000,,ผู้เขียนและผู้อ่าน Dialogue: 0,0:04:18.56,0:04:20.78,Default,,0000,0000,0000,,นักภาษาศาสตร์แบบกำหนด\Nและแบบบรรยาย Dialogue: 0,0:04:20.78,0:04:22.66,Default,,0000,0000,0000,,จากทั้งใกล้และไกล