สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ รู้กันมั้ยคะว่า เรื่องอะลาดินกับตะเกียงวิเศษเนี่ย เป็นหนึ่งใน fairy tale ที่ได้รับการเล่าซ้ำๆๆๆๆ กัน บ่อยอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้เลยนะคะ จริงๆ เราทุกคนเนี่ยก็คุ้นเคยกับเรื่องอะลาดินกับตะเกียงวิเศษอยู่แล้วใช่มั้ย? ไม่ว่าจะเป็น เวอร์ชั่นดิสนีย์ เวอร์ชั่นละครเวที หรือ เวอร์ชั่นหนังคนแสดงที่เพิ่งจะเข้าโรงไปใช่มั้ยคะ? อย่างไรก็ตามค่ะ จริงๆ แล้วบอกเลยว่าคนส่วนใหญ่ ไม่ได้รู้จักอาละดินจริงๆ นะคะ เราไปรู้จักแค่อะลาดินเวอร์ชั่นเดียวเท่านั้นแหละ ดังนั้นค่ะ วันนี้วิวก็เลยคิดว่า เราควรจะมาคุยกันยาวๆ ไปเลย เกี่ยวกับเรื่องอะลาดินนะคะ ทั้งส่วนที่มาของเรื่อง และส่วนเนื้อเรื่องที่ทุกคนได้ยินเนื้อเรื่องแล้วอาจจะแบบ ห้ะ!! นี่อะลาดินที่ฉันรู้จักจริงๆ หรือเปล่า? อะไรอย่างนี้ก็เป็นได้นะคะ ดังนั้นวันนี้นะคะ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก เพราะเชื่อว่า ทุกคนน่าจะกดติดตามวิวครบทุกช่องทางแล้ว ส่วนใครยังไม่ได้ติดตาม อย่าลืมตาม Facebook Twitter Youtube Instagramให้ครบนะคะ บอกเลยว่าเนื้อหาแต่ละที่ ไม่เหมือนกันค่ะ เอาล่ะ พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก แล้วก็มีสาระกันหรือยังคะ? ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ หลายคนที่ติดตามช่องวิวอยู่เนี่ยนะคะ ก็จะรู้ว่า วิวเพิ่งเล่าเรื่องนิทานอาหรับราตรีไปค่ะ ซึ่งเป็นนิทานซ้อนนิทานก้อนใหญ่เลยใช่มั้ยคะ? และหลายคนเชื่อว่า เรื่องอะลาดินเนี่ย เป็นส่วนนึงของนิทานอาหรับราตรีค่ะ แต่จริงๆ แล้วต้องบอกนะคะว่า เรื่องอะลาดินในเวอร์ชั่นออริจินัลสุดๆ เนี่ย ไม่ได้อยู่ในนิทานอาหรับราตรีค่ะ เพราะว่า มันเป็นนิทานที่มีชาวซีเรียคนนึงเล่าขึ้นมานะคะ แล้วดันไปเล่าให้ชาวฝรั่งเศสคนนึงฟังค่ะ ซึ่งชาวฝรั่งเศสคนนี้จะไม่มีความสำคัญอะไรเลย ถ้าเค้าไม่ใช่ อันโตเน่ กัลแลนด์ (อองตวน กาลองด์) อะไรประมาณนี้ ซึ่งวิวออกเสียงไม่เป็นนะ ใครออกเสียงเป็น เขียนบอกด้านล่างได้นะคะ ซึ่งเค้าเป็นคนแปลนิทานอาหรับราตรี จากภาษาอาหรับมาเป็นภาษาฝรั่งเศสค่ะ ทีนี้นอกจากแปลแล้ว เค้าก็เหมือนกึ่งๆ จะเก็บรวบรวมนิทานด้วย ประมาณว่า เออ เรื่องราวที่ฉันเคยฟังมามันก็ดูอาหรับๆ เออไหนๆ พันหนึ่งราตรี มันก็มีเรื่องราวเป็นพันเรื่องแล้ว ยัดเข้าไปอีกเรื่องนึงก็ไม่เป็นไรเหมือนกันหนิ ก็เลยยัดอะลาดินเข้าไปอยู่ในพันหนึ่งราตรีค่ะ หลังจากนั้นเป็นต้นมานะคะ คนก็เลยเข้าใจผิดกันทั้งโลกเลยค่ะ ว่าเรื่องอะลาดินเนี่ยอยู่ในพันหนึ่งราตรี หรือว่าอาหรับราตรีมาตลอดค่ะ ซึ่งนิทานเรื่องอะลาดินที่วิวจะนำมาเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้เนี่ยนะคะ ก็เป็นอะลาดินเวอร์ชั่นที่แปลมาจากฝรั่งเศส เวอร์ชั่นนี้แหละ เป็นภาษาอังกฤษนะคะ เป็นเวอร์ชั่นของ เซอร์ ริชาร์ด เบอร์ตัน ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ค่อนข้างจะมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก เลยค่ะ ทีนี้ ยังไม่เข้าเรื่องนะคะ ก่อนที่จะไปเข้าตัวเรื่องหลักเนี่ยนะคะ วิวขอมีหมายเหตุเล็กๆ ไว้ให้ทุกคนฉุกคิดในใจก่อนแล้วกันค่ะ ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่วิวจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่ชาวตะวันตกบันทึกจากปากคำของชาวอาหรับ ซึ่งอยู่ตรงตะวันออกกลาง และเป็นเรื่องราวที่เก่า แบบเก่ามาก ตั้งแต่ก่อนช่วงแบบปี 1880 มันเล่าสืบต่อกันมาแบบนานแสนนานก่อนหน้านั้น ปากต่อปากนะคะ ดังนั้น คนในสมัยนั้นอาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ ไม่ได้มีความรู้เรื่องอารยธรรม ศิลปะวัฒนธรรมอะไรมากมาย ดังนั้น แม้ว่าชื่อประเทศมันอาจจะเป็นประเทศนั้น ประเทศนี้ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน แต่! วัฒนธรรมอะไรข้างในมันอาจจะปนกันมั่ว ก็เป็นได้นะคะ ถ้าเก็ทตรงนี้แล้ว เราไปฟังเรื่องราวของอะลาดินกับตะเกียงวิเศษกันเลยดีกว่าค่ะ เรื่องราวทั้งหมดของอะลาดินนะคะ เริ่มต้นขึ้นที่เมืองจีนค่ะ ใช่ อะลาดินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองจีนนะคะทุกคน แม้ว่าเมืองจีนในเรื่องนี้อาจจะมีภาพที่ดูคล้ายอาหรับนิดนึงนะ เพราะคนอาหรับเล่า แล้วคนอาหรับสมัยนั้นก็อาจจะไม่ได้มารู้หรอกว่า ประเทศจีนจริงๆ เป็นยังไง คนเล่าอาจจะไม่เคยเดินทางมาจีนนะคะ แต่ว่า ได้ยินว่าประเทศจีนมัน exotic อะไรอย่างนี้ ก็เลยอยากเอามาเป็นฉากของเรื่องที่เล่าค่ะ ที่เมืองจีนเนี่ยนะคะ มีช่างตัดเสื้ออยู่คนนึงค่ะ มีลูกชายชื่อว่า อะลาดิน ชื่อไม่จีนเลยนะจ๊ะทุกคน อย่างไรก็ตามค่ะ อะลาดินคนนี้เป็นเด็กที่ไม่ได้เรื่องเลยนะคะ เป็นเด็กที่แบบว่า เกเรต่างๆ นานา พ่อพยายามจะเรียกมาช่วยงาน มาสอนวิชาการเป็นช่างตัดเสื้ออะไรต่างๆ อะลาดินก็ไม่สนใจนะคะ วันๆ อะลาดินไม่ทำอะไรนะคะ ออกไปเที่ยวเล่นต่างๆ นานา ในที่สุดนะคะ พ่อของอะลาดิน ด้วยความที่เจ็บใจจากความที่แบบที่ลูกชายไม่ได้เรื่อง ไม่เชื่อฟังฉันเลย อะไรต่างๆ นานา ก็เจ็บช้ำน้ำใจถึงตายนะคะ ก็ตายจากไป ทิ้งให้แม่ของอะลาดินเนี่ยค่ะ อยู่ดูแลอะลาดินกันแค่ 2 คนเท่านั้น แม้ว่าพ่อจะตายไปแล้วนะคะ แต่อะลาดินก็ไม่ได้สำนึกอะไรเลย ก็ยังไปเที่ยวเล่นไปวันๆ วันๆ ไม่ทำอะไรเลยนะคะ ก็เที่ยวไปตามตลาดอะไรต่างๆ อยู่กับพวกเด็กเร่ร่อนบ้างอะไรบ้าง จะกลับบ้านเนี่ยนะคะ ก็แค่ 2 เวลาด้วยกันค่ะ คือ เวลากิน กับ เวลานอน ก็คือกลับมาบ้านแล้วก็แบบ แม่มีอะไรกินบ้าง? กินๆๆ แล้วก็ออกไปเที่ยวต่อ แล้วก็กลับมานอน แล้วก็ออกไปเที่ยวเล่น เป็นอย่างนี้ไปวันๆค่ะ ไม่คิดจะเตรียมตัวเองให้มีอาชีพอะไรทั้งสิ้นเลยนะคะ แม่ของอะลาดิน แม้ว่าจะเจ็บช้ำน้ำใจค่ะ แต่ก็จำเป็นจะต้องเลี้ยงลูกต่อไป สองแม่ลูกเนี่ยนะคะ ก็อยู่กันด้วยความยากลำบาก เพราะว่า ร้านของพ่อก็ไม่มีใครดูแลแล้ว แม่ก็เลยจำเป็นจะต้องขายทิ้งค่ะ แล้วก็ยังชีพอยู่ด้วยการปั่นด้าย ปั่นฝ้าย หาอาชีพก๊อกๆ แก๊กๆ ทำไปวันๆ นะคะ ก็แทบจะเลี้ยงลูกไม่ไหวค่ะ จนกระทั่งวันนึงนะคะ เกิดเรื่องขึ้นค่ะ มีพ่อมดอยู่คนนึงนะคะ เดินทางมาจากแอฟริกา ใช่ค่ะ แอฟริกา เรื่องนี้แบบรอบโลกมากนะคะทุกคน พ่อมดคนนี้นะคะ เป็นคนที่ศึกษาศาสตร์มืดอะไรต่างๆ มากมาย แล้วเค้ามีจุดประสงค์อยากได้ของอย่างนึงค่ะ และเค้ารู้ว่า ของสิ่งนี้อยู่ในถ้ำลึกลับแห่งนึงที่ประเทศจีน ปัญหาก็คือ คนคนเดียวที่เปิดถ้ำนี้ได้ เป็นเด็กผู้ชายลูกช่างตัดเสื้อ ชื่อว่า อะลาดิน ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมต้องเป็นอะลาดิน แล้วถ้ำมันก็ปิดมาเป็นพันปี มันจะรู้ได้ยังไงว่า คนที่จะมาเปิดได้ จะเป็นอะลาดินนะคะ อย่างไรก็ตาม พ่อมดคนนี้รู้ ก็เลยเดินทางมาที่ประเทศจีนค่ะ เดินทางมาในตลาด เดินมาถึง ปรากฏว่า ก็ไปไล่ถามคนแถวนั้นแหละ ประมาณว่า ไหน เด็กคนไหนชื่ออะลาดินบ้าง? อะไรบ้าง อะไรอย่างนี้ ถามไปถามมานะคะ ก็ไปเจออะลาดินค่ะ กำลังวิ่งเล่นอยู่ในตลาด ก็เลยเดินเข้าไปแล้วก็ไปถามแบบคนแถวนั้น หลอกถามข้อมูลต่างๆ เช่นแบบว่า อ่า อะลาดินนี่เป็นลูกของใครนะ? อ่อ เป็นลูกของช่างตัดเสื้อ ช่างตัดเสื้อชื่ออะไรนะ? อ่อ ช่างตัดเสื้อชื่อนี้เหรอ? อ่อ ช่างตัดเสื้อลักษณะท่าทางเป็นอะไรยังไง? หลังจากที่ได้ข้อมูลพอสมควรแล้วเนี่ยนะคะ พ่อมดคนนี้ค่ะ ก็วิ่งเข้าไปหาอะลาดินเลย ไปถึงก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต ทำให้อะลาดินงงมาก อะลาดินแบบ ห้ะ? อยู่ดีๆ นึกสภาพมีคนแอฟริกันมายืนร้องไห้ใส่ แล้วอะลาดินเป็นเด็กแบบในประเทศจีนอ่ะนะ อะลาดินก็แบบ เออ ลุงเป็นไรเหรอ? เป็นไรหรือเปล่า? เล่าให้ข้าฟังสิ อะไรอย่างนี้ พ่อมดนะคะ ก็พยายามหลอกล่ออะลาดินต่างๆ ค่ะ ด้วยการถามว่า พ่อของเจ้าเป็นช่างตัดเสื้อใช่มั้ย? ชื่อนี้หรือเปล่า? ชื่อนั้นหรือเปล่า? แม่ของเจ้าชื่อนี้เหรอ? โอ้โห เศร้าจังเลย เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็นพี่น้องกับพ่อของเจ้าที่พลัดพรากจากกันมานาน ข้าเดินทางไปที่แอฟริกาเพื่อไปทำภารกิจอะไรบางอย่าง กลับมาก็จะมาตามหาพี่น้องที่พลัดพรากของข้านี้แหละ เจ้าเป็นลูกของพี่น้องข้าใช่มั้ย? พาข้าไปหาพี่น้องของข้าหน่อยสิ อะลาดินก็แบบ เอออออ คือ พ่อข้าตายแล้ว อะไรอย่างนี้ พ่อมดก็มีความฟูมฟายต่อไป ประมาณว่า ไม่จริง ตายแล้ว ตายแล้วได้ยังไง? ไหนเจ้าพาข้าไปหาแม่ของเจ้าสิ ข้าอยากไปหาน้องสะใภ้ของข้า เพื่อแบบพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องของข้าที่พลัดพรากจากไป เอาเป็นว่าก็ตีเนียน อยู่ดีๆ กลายเป็นลุงของอะลาดินซะอย่างนั้นเลยนะคะ อะลาดินก็มีความงงๆ แต่ว่าพ่อมดเนี่ยแสดงความรวยออกมาไง มีความแบบว่า แจกทองให้คนนั้น แจกทองให้คนนี้ สุดท้ายอะลาดินนะคะ ก็หลงกลพ่อมดค่ะ แล้วเข้าใจว่าพ่อมดเนี่ย เป็นลุงของตัวเองจริงๆ ดังนั้นนะคะ อะลาดินก็เลยพาพ่อมดกลับไปบ้านค่ะ ไปหาแม่ของตัวเอง ซึ่งแม่ของอะลาดินนะคะ ก็มีความงงๆ นึงนิด ประมาณว่าแบบ เอ๊ะ ตอนฉันแต่งงานก็ไม่เห็นมีใครบอกเนี่ยว่า ผัวฉันมีพี่มีน้อง แต่แบบ เออ เค้าก็พูดดูมีข้อมงข้อมูลอะไรถูกต้อง แล้วเค้าก็ดูรวยด้วย ในที่สุดนะคะ ทั้งบ้านก็เลยเชื่อค่ะ ว่าพ่อมดคนนี้ เป็นลุงของอะลาดินจริงๆ ซึ่งพ่อมดเนี่ยนะคะก็บอกว่า ที่มาตอนนี้ไม่ต้องการอะไรเลย ต้องการแบบมาเคารพศพน้องชาย แล้วก็ถามถึงเรื่องหลานนะคะ ประมาณว่า อะลาดิน ตอนนี้เจ้าทำอาชีพอะไรอยู่? ได้ฝึกสกิลอะไรบ้าง? อ้าว เจ้าไม่มีความรู้อะไรเลยเหรอ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะสอนเจ้าเอง ให้เจ้าเป็นพ่อค้าที่ยิ่งใหญ่ อ่ะ เดี๋ยวข้าให้ทุนนะ อะไรต่างๆ ก็มีความเอาเงินมาล่อ เอาอะไรมาล่อ ประมาณว่า ทำตัวเหมือนลุงรวยๆ ที่ไม่ได้เจอหลานมานาน แล้วอยากเอาหลานมาเลี้ยงดู ประมาณนั้นค่ะ ดังนั้นนะคะ ทุกวันพ่อมดก็จะมาที่บ้านของอะลาดิน มาถึงก็พาอะลาดินไปเจอคนนั้น ไปเจอคนนี้ ออกไปจับจ่ายซื้อของ อ่ะ ซื้อชุดดีๆ ให้ ซื้ออาหารให้ อะไรต่างๆ ทำให้แม่ของอะลาดินและอะลาดินเนี่ย เชื่อสนิทใจเลยนะคะว่า คนคนนี้เป็นลุงของตัวเองจริงๆ จนกระทั้งวันนึงค่ะ พ่อมดก็มีความพาอะลาดินนะคะ ออกไปที่นอกเมือง พาไปบอกว่า เออ เดี๋ยววันนี้เราจะไปเปิดหูเปิดตากัน ไปดูสวนตรงนี้ ไปดูสวนตรงนั้น เดินๆๆ เดินออกไปนอกเมืองเรื่อยๆ เดินเลยสวนออกไป เดินเลยกำแพงออกไป เดินๆๆ เดินเข้าไป จนกระทั่ง ไปถึงทะเลทรายนะคะ ก็ยังเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ อะลาดินก็มีความงงๆ นิดนึง ประมาณว่าแบบ ลุงพาฉันมาทะเลทรายทำไมอ่ะ? จะมาทำอะไรเหรอ? อะไรอย่างนี้นะคะ แต่สุดท้ายค่ะ พ่อมดก็พาอะลาดินมาจนถึงพื้นที่เวิ้งว้างแห่งนึงกลางทะเลทรายนะคะ ที่นั่นค่ะ พ่อมดบอกอะลาดินว่า นี่ วันนี้ฉันจะมาทดสอบความเป็นลูกผู้ชายของเธอ คือเราสองคนเนี่ยจะร่ำรวยไปด้วยกัน เราจะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี แล้วเดี๋ยวเราจะเป็นพ่อค้า จะยึดครองโลกอะไรต่างๆ แต่!! ฉันจะต้องทดสอบความเป็นลูกผู้ชายของเธอก่อน ด้วยการ นี่นะ เห็นตรงนี้มั้ย? ว่าแล้วนะคะ พ่อมดก็มีความเสกคาถาอะไรต่างๆ เสกคาถาๆ จนกระทั่งอยู่ดีๆ ก็มีแผ่นหินแผ่นนึงโผล่ขึ้นมาที่พื้นนะคะ พ่อมดบอกอะลาดินว่า ให้ยกแผ่นหินแผ่นนี้ขึ้นค่ะ อะลาดินก็มีความแบบ ทำไมฉันต้องเป็นคนยกด้วย? แผ่นหินมันแผ่นนี้ดูหนักมาก แต่พ่อมดบอกว่า อันนี้เป็นการทดสอบ ช่วยยกไม่ได้ อะลาดินต้องเป็นคนยกเท่านั้น อะลาดินนะคะ ในที่สุด ด้วยการใช้แรง ใช้อะไรต่างๆ ก็สามารถยกแผ่นหินขึ้นมาได้สำเร็จค่ะ พ่อมดก็สั่งอะลาดินอีกนะคะ บอกว่า เห็นใต้แผ่นหินนี้มั้ย? ใต้แผ่นหินนี้เป็นถ้ำลึกลงไป ข้างในเนี่ยนะ จะมีของมีค่าต่างๆ มากมาย เดินผ่านไปเนี่ย จะมีห้องที่มีถาดใส่ทองอยู่แบบใหญ่มากกกอยู่นะ เดินเลยเข้าไปอีก ก็จะเป็นสวนที่มีผลไม้ทำด้วยแก้วแหวนเงินทองอะไรต่างๆ แต่ให้เจ้าเนี่ยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งสิ้น ให้เดินเข้าไปจนที่สุดของถ้ำเนี่ย จะเจอตะเกียงน้ำมันเก่าๆ อันนึงเนี่ยแขวนอยู่ ให้หยิบลงมานะ เทน้ำมันทิ้งให้หมด แล้วหยิบตะเกียงกลับมาให้ข้า อันนี้คือแบบทดสอบของเจ้า เท่านั้นเลย แล้วจะพิสูจน์ได้ว่า เจ้าเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว ด้วยความที่อะลาดินนะคะ เป็นเด็กไม่ได้เรื่อง อะลาดินเนี่ยเป็นเด็กไม่ได้เรื่อง แบบไม่ได้เรื่องเลยนะ เอาเป็นว่าที่ผ่านมา ตอนที่โดนสอน โดนนู่นโดนนี่ อะลาดินงอแงมาตลอดทางนะคะ อะลาดินก็มีความงอแงอยู่แบบว่า ทำไมไม่ลงไปด้วยกันอ่ะลุง? ปล่อยผมลงไปคนเดียวจะโอเคเหรอ? ถ้ำข้างล่างมันมืดมากเลยนะ อะไรอย่างนี้ ก็มีความงอแงต่างๆ นะคะ จนในที่สุดค่ะ พ่อมดเนี่ยก็มอบแหวนวงนึงนะคะ ให้อะลาดิน บอกว่า อันนี้เป็นแหวนวิเศษ ใส่ไว้นะ จะได้มีกำลังใจ ปกป้องเจ้าจากภยันอันตรายต่างๆ อ่ะ ว่าแล้ว ลงไปเลยจ้า ซึ่งอะลาดินนะคะ ก็เดินลงไปในถ้ำตามคำที่พ่อมดว่าค่ะ ก็มีความเดินๆๆ เดินลงไป เดินลงไปถึงเนี่ยนะคะ อะลาดินก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรหรอก สนใจแต่ว่าจะเดินไปให้สุดทางถ้ำค่ะ ก็เดินเข้าไปๆ แล้วก็ไปเจอตะเกียงน้ำมันแบบที่พ่อมดบอกจริงๆ อะลาดินก็หยิบตะเกียงออกมานะคะ แล้วก็เทน้ำมันข้างในออกให้หมดค่ะ จากนั้นก็เอาตะเกียงเนี่ย ใส่ถุงที่ตัวเองพกไปตามที่พ่อมดสั่ง พ่อมดสั่งว่า ให้เอาใส่ถุงเท่านั้น ห้ามถือไว้นะคะ หลังจากนั้น อะลาดินก็ค่อยๆ เดินออกมาค่ะ แต่!! ตอนข้าไปอะลาดินตื่นเต้นไง มีความตื่นเต้นก็ไม่มองอะไรเลย มุ่งตรงไปที่ตะเกียง ขากลับค่ะ อะลาดินดันแบบมองซ้ายมองขวา คือเริ่มชินกับถ้ำ ก็มองไปมองมา อุ๊ย ต้นไม้นี้ออกลูกแปลกจังเลย ดูเป็นแก้วใสๆ ด้วยอ่ะ น่าจะเก็บมาเล่นเนอะ ว่าแล้วนะคะ ด้วยความที่อะลาดินเป็นเด็กยากจนนะคะ ไม่รู้แม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ ว่าพวกผลหมากรากไม้อะไรในสวนนั้นน่ะ มันไม่ใช่แก้วใสๆ ธรรมดา มันเป็นพวกแบบเพชรนิลจินดา เงิน ทอง พลอย อะไรอย่างนี้ ทั้งนั้นเลย และเป็นเพชรที่แบบ ลูกใหญ่เท่าแบบผลไม้อ่ะ นึกออกป้ะ? เป็นของที่มีค่ามากๆ อะลาดินไม่รู้นะคะ รู้แค่ว่าออกมาเป็นแก้วใสๆ รูปผลไม้ สวยมาก น่ารักมาก เก็บไปเล่นดีกว่า ว่าแล้วนะคะ อะลาดินก็เก็บพวกผลหมากรากไม้พวกนี้ใส่ถุง ใส่ๆๆๆ ใส่จนเต็มถุงเลยนะคะ แล้วก็เดินต่อมาค่ะ ผ่านพวกแท่งทองอะไรต่างๆ อะลาดินก็ไม่สนใจนะคะ เพราะว่ามันไม่สวย คืออะลาดินเนี่ย ความรู้เรื่องสิ่งของต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก อย่างไรก็ตามค่ะ พออะลาดินเก็บทุกอย่างเสร็จ แล้วเดินมาถึงปากถึงเนี่ยนะคะ อะลาดินก็ค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นไปค่ะ ปีนๆๆๆๆ จนกระทั่งไปถึงขั้นสุดท้ายนะคะ ปรากฏว่า ขั้นบันไดมันค่อนข้างยาวไง อะลาดินก็มีความตะโกนขึ้นไปบอกพ่อมด ประมาณว่า ฮัลโหล ขึ้นไปไม่ถึง ช่วยเอามือเนี่ย เอื้อมมาจับข้าดึงขึ้นไปหน่อยได้มั้ย? ซึ่งพ่อมดเนี่ยนะคะ ด้วยความที่ตอนนี้จิตใจจดจ่ออยู่ที่อย่างเดียวที่ตัวเองอยากได้ ก็คือ ตะเกียงที่อยู่ในมืออะลาดินเนี่ย พ่อมดก็เลยบอกว่า เอ๊ย ไม่ต้องส่งมือมาหรอก เอาตะเกียงมาให้ข้าสิ เอาตะเกียงมาก่อน แล้วเดี๋ยวข้าจะดึงเจ้าขึ้นมา ส่วนอะลาดินเนี่ยนะคะ เวอร์ชั่นนี้ไม่ได้ฉลาดเหมือนในหนังที่เราดูนะ อะลาดินไม่ยอมยื่นตะเกียงให้พ่อมดค่ะ ถามว่าทำไม เพราะว่าอะลาดินใส่ตะเกียงไว้ในถุง แล้วอะลาดินเนี่ย ก็มีความเอาแก้วแหวนเงินทองถ่วงไว้เต็มถุงเลย นึกออกป้ะ? ดังนั้น ถ้าจะหยิบตะเกียงเนี่ย มันจะต้องมีแบบ ล้วงลงไปก้นถุง แล้วควักตะเกียงออกมา ซึ่งมันทำไม่ได้ อะลาดินก็เลยตะโกนบอกพ่อมด ประมาณว่า เอาข้าขึ้นไปก่อนแล้วเดี๋ยวข้ายื่นตะเกียงให้ ก็มีการเถียงกันอย่างนี้ต่างๆ นานานะคะ จนในที่สุด พ่อมดรำคาญค่ะ พ่อมดเข้าใจว่า อะลาดินเนี่ยเล่นลิ้น ประมาณว่าแบบ อ้ะ นี่จะโกงตะเกียงฉันใช่มั้ย? พ่อมดนะคะ ด้วยความโมโห ก็เลยมีการเสกคาถาอะไรต่างๆ ขึ้นมา แล้วเหมือนคาถาเนี่ยมันไปส่งผลถึงอะไรบ้างอย่างของถ้ำ ปึ๊ก! เหมือนกับถ้ำๆ นี้ เป็นถ้ำที่พ่อมดไม่มีสิทธิ์แตะ จริงๆ แล้วมีแค่อะลาะดินที่ลงไปได้ใช่มั้ย? ดังนั้น การเสกคาถาอะไรต่างๆ ของพ่อมดเนี่ยนะคะ ก็เลยทำให้อยู่ดีๆ ถ้ำเนี่ย มันปิดตัวเอง ปึ้ง! เข้าไป แล้วก็ขังอะลาดินอยู่ด้านใต้ค่ะ ทำให้พ่อมดเนี่ย หัวเสียมาก แต่อย่างน้อยพ่อมดก็คิดว่า เออ ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้อันนี้ ก็ไม่มีใครได้หรอก อะลาดินเนี่ยจะต้องตายอยู่ข้างล่างแน่ๆ ปรากฏว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นนะคะ พ่อมดก็สะบัดก้น แล้วก็กลับแอฟริกาไปเลยค่ะ ทิ้งให้อะลาดินเนี่ย ติดอยู่ที่ใต้พื้นนะคะ จะกลับไปที่สวนเหมือนเดิมก็ไปไม่ได้ เพราะว่าเหมือนกับถ้ำอ่ะ มันปิดตัวเองไปแล้ว ก็คือเหมือนกับอยู่ในห้องปิดตายมืดๆ น่ากลัวไปหมดเลยนะคะ อะลาดินทำอะไรไม่ถูกค่ะ ก็นั่งโวยวาย ร้องไห้ฟูมฟายต่างๆ อยู่เป็นเวลานานแสนนาน จนในที่สุดนะคะ อะลาดิน ด้วยความที่รู้สึกสิ้นหวังมากๆ นะคะ ก็กึ่งๆ จะสวดอ้อนวอนพระเจ้าอะไรอย่างนี้ ก็เลยหยิบมือตัวเองขึ้นมา แล้วก็ถูกันไปถูกันมาแบบนี้ค่ะ ซึ่งบังเอิญว่า จำได้มั้ยคะว่า ที่นิ้วของอะลาดินมีอะไรอยู่? ที่นิ้วของอะลาดินนะคะ มีแหวนที่พ่อมดให้ไว้ค่ะ ปรากฏว่า ถูไปโดนแหวน ฟื้ด! ก็เลยมีจินนี่นะคะ ออกมาจากแหวนค่ะ ออกมาถึงก็แบบ ฮัลโหล สวัสดี ใครเรียกข้าน่ะ? ข้าเป็นทาสแห่งแหวนวงนี้ นายท่านต้องการอะไรบอกข้ามา ข้าจะเสกให้หมดเลย ซึ่งอะลาดินนะคะ ตอนแรกก็กลัวมาก ตกใจ แต่ว่าพอได้ยินคำพูดค่ะ ประมาณว่า เออ จะเสกให้ อะไรก็ได้ แล้วก็นึกไปถึงคำพูดของพ่อมดนะคะ ที่สั่งเอาไว้ประมาณว่า เออ แหวนวงนี้จะช่วงปกป้องเจ้า อะไรต่างๆ อะลาดินค่ะ ก็เลยบอกจินนี่ บอกว่า ไหน ช่วยพาข้าขึ้นไปบนพื้นโลกหน่อยสิ ซึ่งแน่นอนนะคะว่า จินนี่ก็จะต้องพาอะลาดิน กลับขึ้นไปบนพื้นโลกค่ะ หลังจากเหตุการณ์นี้นะคะ อะลาดินก็ค่อยๆ เดินทางกลับบ้านไปค่ะ ไปถึงเนี่ยก็หิวจัดเลยทีเดียวนะ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมอะลาดินถึงไม่ขอให้จินนี่พากลับบ้าน เออ ช่างมันนะคะ อย่างไรก็ตามค่ะ อะลาดินเนี่ยกลับบ้านไปถึงก็หิวจัดเลย บอกแม่ บอกว่า หิวมาก ซึ่งแม่ก็แบบ ตกใจ เพราะว่า จริงๆ แล้วอะลาดินเนี่ย หายตัวไปถึงแบบ 3 วัน 3 คืนเลยทีเดียวนะคะ แม่ก็รีบเอาทุกอย่างในบ้านมาให้อะลาดินกิน กินๆๆๆ กินไป กินมา อะลาดินก็ไปนอนพักค่ะ ตื่นมาวันรุ่งขึ้นก็บอกแม่อีก บอกว่า แม่ หิวมากเลย มีอะไรกินมั้ย? ซึ่งแม่ของอะลาดินเนี่ยนะคะ ก็บอกลูกประมาณว่า ขอโทษนะลูก คือของในบ้านน่ะ หมดแล้ว เมื่อวานลูกกินหมดบ้านเลย ไม่เป็นไรนะ แม่เพิ่งปั่นด้ายเสร็จม้วนใหม่ๆ เลย เดี๋ยวแม่เอาไปขาย แล้วซึ้อของกินกลับมาให้ รอแป็ปนึงนะ ซึ่งตอนนั้นเนี่ย อยู่ดีๆ อะลาดินก็คิดอะไรก็ไม่รู้ ก็เลยบอกแม่ ประมาณว่า แม่ๆๆ ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเอาด้ายไปขายหรอก เอาด้ายไปขายก็ได้ตังค์ไม่กี่ตังค์หรอก เอานี่ดีกว่า ข้าเพิ่งจะไปได้ตะเกียงๆ นึงมา ว่าแล้วนะคะ อะลาดินก็มีความเล่าให้แม่ฟังค่ะว่า ตัวเองเนี่ยหายตัวไปไหนมา ไปลงไปในถ้ำมา อะไรมา แล้วคนคนนั้นเนี่ย ไม่ใช่ลุงของเราหรอก ต้องเป็นพ่อมดแน่ๆ เลย มันหลอกเรานะ แต่ไม่เป็นไร ข้าได้สิ่งนี้มา คือเป็นตะเกียงน้ำมันอันนึง ข้าว่าของที่มันเป็นทองเหลืองเนี่ย น่าจะขายออกมาแล้วได้ราคาดีมากกว่าด้ายของแม่นะ เอาตะเกียงอันนี้ไปขายสิ แล้วก็แลกอาหารกลับมา ซึ่งแม่นะคะ ก็หยิบตะเกียงมาดู แล้วก็พลิกไปพลิกมา แล้วก็มีความแบบ แต่ลูก ตะเกียงนี้มันดูเก่ามากเลย แม่ว่า ถ้าแม่เอามาขัดๆ หน่อยนึงเนี่ยนะ มันน่าจะทำให้ขายได้ราคาดีขึ้น ดังนั้นแม่ของอะลาดินนะคะ ก็เลยหยิบตะเกียงขึ้นมา แล้วก็จัดการขัดมันค่ะ ขัดๆ ซึ่งแน่นอนนะคะ เราทุกคนรู้กันดีค่ะว่า การขัดตะเกียงเนี่ย จะทำให้เกิดอะไรขึ้น แน่นอนค่ะว่า ตะเกียงนี้เป็นตะเกียงวิเศษนะคะ ดังนั้น ก็เลยมีจินนี่อีกตัวนึงนะคะ โผล่ขึ้นมาจากตะเกียง ฟริ้ง~! ขึ้นมา ทำให้แม่ของอะลาดินเนี่ย ตกใจมาก ช็อค แล้วก็เป็นลมไปเลยนะคะ ฝั่งอะลาดินก็แบบช็อคเหมือนกัน แต่ว่าจินนี่เนี่ย ขึ้นมาแล้วก็พูดประมาณว่า สวัสดี ข้าเป็นทาสของตะเกียงอันนี้ นายท่านต้องการอะไร สั่งมาสิ ข้าทำให้ได้ทุกอย่าง คิดว่า อะลาดินจะขออะไรคะ อะลาดินนะคะ บอกจินนี่บอกว่า ตอนนี้ข้าหิวมาก หิวสุดๆ ช่วยเสกอาหารให้ข้าได้มั้ย? เอาแบบเยอะๆ แล้วอร่อยๆ เลย ซึ่งจินนี่นะคะ ก็จัดการเสกอาหารให้อะลาดินจริงๆ ค่ะ ก็เสกมาเต็มไปหมดเลยนะคะ แต่ความพิเศษของอาหารของจินนี่คือ เป็นอาหารระดับที่เสิร์ฟในพระราชวัง ประมาณนั้นเลย และที่สำคัญนะคะ อาหารทุกเมนูเนี่ย ใส่ไว้ในจานที่เป็นทองคำบริสุทธิ์ค่ะ และจานทองคำบริสุทธิ์เหล่านี้นะคะ ก็อยู่บนถาดที่เป็นเงินบริสุทธิ์อีกทีนึง อะลาดินเนี่ยก็มีความปลุกแม่ขึ้นมานะคะ แล้วก็บอกแม่ว่า แม่ๆ มีอาหารแล้ว กินๆๆ แม้ว่าเมื่อกี้แม่จะตกใจ แต่กินก็กิน ก็กินๆๆๆ กินอาหารเข้าไปค่ะ แล้วก็เก็บอาหารไว้กินต่อได้ถึงแบบ 2-3 วันเลยทีเดียวนะ เพราะว่าอาหารมันเยอะมากจริงๆ หลังจากนั้นค่ะ อะลาดินก็พยายามจะบอกแม่ บอกว่า เออนี่ มันมียักษ์จินนี่อะไรต่างๆ นะ แต่ว่า แม่ของอะลาดินเนี่ยกลัว แม่บอกว่า ไม่เอาแล้ว ชีวิตนี้แม่ไม่อยากเห็นจินนี่อีกแล้ว ลูกอย่าเสกจินนี่ออกมาอีกเลย อะไรต่างๆ อย่างไรก็ตามค่ะ อะลาดินก็บอกว่า ไม่ได้แม่ จินนี่มันเป็นของดีจริงๆ นะ วันหลังแม่ก็ไม่ต้องมาดูสิ ตอนผมเสก อะไรทำนองนั้น สองแม่ลูกนี่นะคะ หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตต่อมาค่ะ จนกระทั่งอาหารที่จินนี่เสกมาให้เนี่ยนะคะ หมด ก็เริ่มรู้สึกว่าหิวอีกแล้ว จะหาอาหารยังไงดี อะลาดินก็คิดได้ค่ะว่า เออ เดี๋ยวเราเอาไอ้จานพวกนี้ที่ใส่อาหาร ไปขายดีกว่า ซึ่งตอนแรกเนี่ยนะคะ อะลาดินก็เอาพวกจานที่เป็นทองเนี่ย จะไปขายในตลาดค่ะ ไปถึงก็ไปเจอพ่อค้าชาวยิว ก็เอาไปให้พ่อค้าชาวยิวดู พ่อค้าชาวยิวนะคะ หยิบจานขึ้นมาดู แล้วก็แบบ หูย นี่มันแพงมากเลยนะเนี่ย นี่มันทองคำบริสุทธิ์ ละเป็นแบบขนาดจานเลยอ่ะ น้ำหนักอะไรก็แบบ อูหู ดูแพงแน่ๆ ไอ้เด็กนี่มันไปเอาจานนี่มาจากไหน แล้วมันจะขายราคาเท่าไหร่นะ ดังนั้นนะคะ ก็เลยมีความต่อราคากันค่ะ พ่อค้าก็ถามอะลาดินประมาณว่า เจ้าจะขายจานนี้เท่าไหร่ล่ะ? ฝั่งอะลาดินเนี่ย เป็นเด็กที่ไม่รู้เรื่องเลยนะคะ ไม่รู้ว่าแบบจานมันราคาเท่าไหร่ หรือทองคำคืออะไร รู้แค่ว่า ไอ้นี่มันเป็นจานอ่ะ ขายได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น ก็บอกพ่อค้าไปประมาณว่า ท่านจะให้เท่าไหร่ ก็เอาเท่านั้นแหละ ทำให้พ่อค้าชาวยิวเนี่ยนะคะ รู้ว่า อ่อ อะลาดินเนี่ย มันอ่อน มันไม่มีความรู้เรื่องการเป็นพ่อค้าอะไรเลย ดังนั้นนะคะ พ่อค้าชาวยิวก็เลยกดราคาอะลาดินค่ะ ด้วยการเอาเงินเนี่ยนะคะ ให้แค่ 1 เหรียญดีนาร์เท่านั้น ซึ่งเหรียญดีนาร์นี่เป็นสกุลเงินโบราณนะ จำกันได้ใช่มั้ยคะ? จากใครที่ดูนิทานเวตาลไป จะมีตอนนึงที่พระราชาจ่ายเงินเป็นเงินดีนาร์เหมือนกัน น่ะ ประมาณนั้นค่ะ หลังจากอะลาดินได้เงิน 1 ดีนาร์กลับไปนะคะ ก็เอาเงินนี้ไปซื้ออาหารเแบบเล็กๆ น้อยๆ กลับมา แล้วก็มากินกับแม่ค่ะ ซึ่งพออาหารหมด ก็เอาจานกลับไปขายอีก ขายๆๆ ขายอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะคะ พ่อค้าชาวยิวก็ยิ้มนะคะ เพราะว่าจ่ายทีละ 1 เหรียญๆๆ จนในที่สุดวันนึงเนี่ย อะลาดินก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาหารหมดก็ให้จินนี่ออกมาเสกอาหารใหม่ จนในที่สุดวันนึงนะคะ จานทองคำก็หมดค่ะ อะลาดินก็ตัดสินใจว่า เออไม่เป็นไร ถาดก็ขายได้เหมือนกัน ก็เลยเอาถาดเงินอันใหญ่เนี่ย จะไปขายให้พ่อค้าชาวยิวเหมือนเดิม แต่ระหว่างทางเนี่ยนะคะ ดันเดินผ่านลุงใจดีคนนึง ซึ่งเป็นร้านขายของโบราณค่ะ ลุงก็เลยเรียกอะลาดินเข้าไป ประมาณว่า อะลาดินๆ มานี่สิ เจ้าจะขายอะไรน่ะ? ซึ่งอะลาดินนะคะ ก็มีความเล่าให้ลุงฟังต่างๆ ลุงก็หยิบถาดไปดูค่ะ แล้วก็ดูไปดูมา แล้วก็แบบ อะลาดิน นี่รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป? รู้มั้ยว่าไอ้ที่ขายไปทั้งหมดเนี่ย มันเป็นทองคำแท้ แล้วรู้มั้ยว่า นี่มันเป็นเงินแท้ เจ้าน่ะ เอาไปขายทีละ 1 เหรียญดีนาร์ๆ รู้มั้ยว่า ของพวกนี้มันมีมูลค่าถึงแบบ 70-80 เหรียญเลยทีเดียวนะ นี่ โดนโกงแล้ว วันหลังถ้าจะขายเนี่ย มาขายให้ลุงมา หลังจากนั้นนะคะ อะลาดินก็เลยขอบคุณลุงใจดีคนนั้นค่ะ แล้วก็ตัดสินใจเอาถาดเนี่ย ขายให้ลุงไปแทน หลังจากนั้น อะลาดินกับแม่ก็ใช้ชีวิตแบบนี้มาเรื่อยๆ นะคะ ก็เอาถาดไปขาย เอาอะไรไปขายจนหมด แล้วก็เรียกจินนี่ออกมาเสกอาหารให้ใหม่ แล้วก็กินอาหาร กินอาหารเสร็จก็เอาจานไปขาย เอาถาดไปขาย บ้านของอะลาดินก็ค่อยๆ ร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ เพราะว่า ถาดและจานเนี่ย มันมีมูลค่าค่อนข้างสูง คือมันไม่มีต้นทุนอ่ะ นึกออกป้ะ? ก็แค่อาหารหมดก็ขอจินนี่ ถาดหมดก็ขอจินนี่ ต่างๆ นานาค่ะ ซึ่งอะลาดินเนี่ยนะคะ ระหว่างทางก็มีความเริ่มเรียนรู้มูลค่าของทรัพย์สินต่างๆ เพิ่มขึ้นนิดนึง หลังจากโดนโกงไปไง เก็ทป้ะ? อะลาดินก็มีความแบบไปดูในตลาดต่างๆ ว่าแบบ เออ ของอันนี้มันน่าจะมูลค่าเท่านั้น และที่สำคัญ อะลาดินเริ่มรู้แล้วนะคะว่า ไอ้แก้วเล็กๆ ที่ตัวเองเก็บมาต่างๆ เนี่ย มันไม่ใช่แค่กระจก หรือว่าเป็นแก้ว หรือเป็นอะไร แต่ว่ามันเป็นพวกอัญมณีต่างๆ และอะลาดินเนี่ย ก็มีความไปดูพวกตลาดอัญมณีต่างๆ มาแล้วว่า เฮ้ย ไอ้พวกอัญมณีที่เค้าขายกันแพงๆ แล้วแบบว่า ต่อให้ใหญ่ที่สุดในตลาดเลยนะ ก็ยังใหญ่ไม่ได้เท่าเสี้ยวนึงของอัญมณีที่ฉันมีเลย ดังนั้นอะลาดินก็เลยแบบรู้ละว่า ตัวเองเริ่มรวยนะคะ อย่างไรก็ตาม เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นต่อค่ะ เมื่อวันนึงนะคะ อะลาดินเดินอยู่ในตลาด ปรากฏว่ามีเสียงประกาศลอยมาค่ะ ประมาณว่า ปิดบ้านๆๆๆ ทุกคนหลบไปให้หมด อ่ะ อะลาดินก็งงว่าเกิดอะไรขึ้นนะ โอ้ ขอโทษค่ะ ตะโกนดังไปหน่อย หลายคนเปิดฟังตอนหลับใช่มั้ย? ตื่นเลยซะงั้น อ่ะ ไม่เป็นไรนะ เรื่องของเรื่องก็คือ เมืองที่อะลาดินอยู่ ซึ่งเป็นเมืองจีนเนี่ยนะ มีผู้ปกครองเป็นสุลต่าน ใช่ค่ะ มันมั่วเบอร์นั้นแหละ สุลต่านเนี่ยนะคะ มีลูกสาวคนนึงเป็นเจ้าหญิงค่ะ เป็นเจ้าหญิงที่สวยมากกก ไม่ได้ชื่อจัสมินนะคะ แต่ว่าชื่อ เจ้าหญิงเบาอูลบาดูร์ ใช่ค่ะ นี่คือชื่อเจ้าหญิงจริงๆ นะคะ วันนั้นค่ะ เจ้าหญิงเนี่ยออกเดินทางมาในเมือง เพราะว่า ตามธรรมเนียมพวกอาหรับต่างๆ เนี่ย เค้าจะต้องมีโรงอาบน้ำ แล้วเป็นโรงอาบน้ำแบบใหญ่ อะไรอย่างนี้ เจ้าหญิงเนี่ยมาใช้บริการโรงอาบน้ำ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมในวังไม่มีอ่ะนะ อย่างไรก็ตามค่ะ เมื่อเจ้าหญิงเดินทางมาทุกบ้านก็ต้องปิดไปให้หมด แล้วทุกคนก็โดนสั่งห้ามว่า ห้ามแอบดูตัวเจ้าหญิงเด็ดขาด แต่อะลาดินนะคะ ด้วยความที่เป็นคนซน ก็มีความรู้สึกว่าแบบอยากเห็นหน้าเจ้าหญิงอ่ะ เค้าลือกันว่า เจ้าหญิงสวยไม่ใช่เหรอ ดังนั้นนะคะ อะลาดินก็เลยเอาตัวเองเนี่ย ไปซ่อนอยู่ในโรงอาบน้ำ อยู่หลังประตูแล้วก็แอบส่องเจ้าหญิงค่ะ ส่องไปส่องมา ปรากฏว่าเห็นหน้าเจ้าหญิงนะคะ ไม่ได้ส่องไปถึงตอนโป๊นะ แต่แบบเห็นหน้าเจ้าหญิงอ่ะ ทำให้อะลาดินนี่หลงรักเจ้าหญิงทันที กลับไปบ้านนี่เป็นแบบไข้ใจเลย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต่างๆ นานา แม่ถามว่าเป็นอะไร ก็ไม่ยอมบอกนะคะ จนในที่สุดแม่ก็เป็นห่วงอยู่หลายวันค่ะ แม่ก็พยายามเค้นๆๆ ให้ได้ อะลาดินก็เลยเล่าให้แม่ฟังค่ะ ว่าตัวเองเนี่ยไปแอบดูเจ้าหญิงมา แล้วแบบหลงรักเจ้าหญิงมาก ลูกทนอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีเจ้าหญิง แม่ แม่ต้องเดินทางเข้าวังนะ ไปหาสุลต่าน แล้วไปขอเจ้าหญิงมาเป็นเมียลูกให้ได้ ใช่... ลูกชายช่างตัดเสื้อที่ตอนนี้ก็ยังอยู่กระท่อมๆ เดิม อยากได้เจ้าหญิง ลูกของสุลต่าน มาเป็นเมีย ใช่ค่ะ แม้ว่า แม่จะพูดอะไรนะคะ อะลาดินก็ไม่ฟังค่ะ บอกอย่างเดียวว่า ฉันตายแน่ ถ้าฉันไม่ได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นเมีย คือแบบชอบมาก หลงมาก รักมาก ต่างๆนะคะ แม่ก็พยายามจะบอกว่า จะบ้าหรอ? จะให้แม่เดินเข้าไปบอกสุลต่านว่า ขอเจ้าหญิงมาเป็นเมียลูกชายหน่อย เราเป็นครอบครัวช่างตัดเสื้อนะลูก เราอยู่ในบ้านจนๆ สุลต่านเนี่ย เค้าก็ต้องให้ลูกสาวแต่งงานกับเจ้าชายเมืองอื่น หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นแบบเสนาบดีผู้ใหญ่ อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่เวลาจะแต่งกับใครก็ได้ เจ้าจะเอาอะไรไปพิสูจน์กับเค้าว่า เราเนี่ยดูแลลูกสาวเค้าได้? ซึ่งอะลาดินก็บอกแม่ว่า แม่ไม่รู้อะไรซะละ ผมเนี่ยไปเช็คราคาตลาดมาแล้ว แก้วแหวนเงินทองที่อยู่ในตลาดนะ นี่ เพชรเค้าอ่ะ เม็ดกันแค่นี้ ในขณะที่เพชรในบ้านเราเนี่ยนะ ที่ผมไปเก็บมาจากสวนเนี่ย ลูกขนาดนี่นะคะ ดังนั้น แม่ไม่ต้องทำอะไรมาก แม่หาตะกร้ามาใบนึงนะ โกยเพชรไปเลยแม่ โกยไป เป็นลูกๆ ใหญ่ๆ ใช่มั้ย โกยไปหลายๆ ลูกเลย แล้วก็เดินทางเข้าไปที่วัง แล้วไปบอกสุลต่านว่า ขอผู้หญิงคนนี้เป็นเมียให้ผมหน่อย ได้โปรดเถอะ ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้นะ แสดงว่าแม่เป็นแม่ที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ทำหน้าที่หาเมียให้ลูก ซึ่งแม้ว่าแม่จะพยายามเถียงต่างๆ ว่าแบบ ให้แม่ไปขอใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ลูกสุลต่านได้มั้ย? อะลาดินก็ไม่ฟังนะคะ ในที่สุดค่ะ แม่ก็จำเป็นจะต้องตามใจอะลาดินนะคะ ด้วยการเดินทางเข้าไปที่วังค่ะ ซึ่งที่วังนะคะ บ่อยครั้งสุลต่านก็จะจัดเหมือนประชุมไง แล้วก็แบบมีประชาชนเข้าเฝ้าได้ อะไรต่างๆ แม้ว่าจะไม่ได้จัดทุกวันก็ตาม แต่ว่าแม่ของอะลาดินเนี่ยก็เข้าไปเฝ้า ซึ่งวันแรกก็แบบเกร็ง นึกภาพนะว่า แม่ของอะลาดินเป็นผู้หญิงที่อยู่ในแบบสลัมอะไรอย่างนั้นเลย ไปถึงเจอสุลต่าน ขาสั่นค่ะ แน่นอน ไม่กล้ากราบทูลอะไรทั้งสิ้นนะคะ ก็กลับบ้านมา อะลาดินก็มีความโวยวายว่าแบบ ทำไมแม่ไม่ไปพูดให้ผม ทำไมไม่พูดให้ผม นะคะ หลังจากนั้นค่ะ แม่ของอะลาดินก็เวียนไปเข้าเฝ้า หลายต่อหลายวัน แต่ว่าสุลต่านก็ไม่สนใจเค้าซะทีนะคะ จนในที่สุดเสนาบดีผู้ใหญ่เนี่ยนะคะ ก็หันไปบอกสุลต่านค่ะ ประมาณว่า ท่านๆ สังเกตมั้ย เดี๋ยวนี้นะ มีผู้หญิงคนนึงเนี่ยมาเฝ้าทุกครั้งเลยที่เราเปิดประชุมนะ แล้วก็จะยืนเงียบๆ อยู่ที่มุมห้อง ไม่พูดอะไรเลย แบกตะกร้าอยู่ใบนึง ไม่รู้เป็นว่าตะกร้าอะไร คราวหน้าท่านลองถามเค้าดูมั้ยว่ามีอะไรหรือเปล่า เพราะว่า เค้าดูมีปัญหาร้อนใจจริงๆ นะคะ วันรุ่งขึ้นค่ะ พอเปิดประชุมเนี่ย แน่นอน แม่ของอะลาดินก็มาอีกรอบนะคะ ดังนั้น สุลต่านก็เลยทำตามคำแนะนำของเสนาบดีค่ะ ด้วยการเรียกแม่ของอะลาดินขึ้นมา แล้วก็ถามว่า เจ้ามีอะไรต้องการจะบอกข้า บอกมาสิ ซึ่งแม่ของอะลาดินนะคะ ก็บอกสุลต่านไปค่ะ บอกว่า เออ ท่านสุลต่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าขออย่างนึงก่อนได้มั้ย ก่อนที่ข้าจะทูลอะไรก็ตาม ขออย่างเดียวเลย ท่านอย่าโกรธข้านะ ได้โปรด พลีส! ซึ่งสุลต่านนะคะ ก็เห็นแม่ของอะลาดินเป็นแค่แบบผู้หญิงแก่ๆ ธรรมดาคนนึง ไม่น่าจะมีปัญญาทำอะไรให้ตัวเองโกรธนะคะ สุลต่านก็เลยบอกว่า ได้ โอเค อ่ะ ไหนต้องการอะไรว่ามาซิ แม่ของอะลาดินค่ะ ก็เลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สุลต่านฟังนะคะ ประมาณว่า เนี่ย ลูกชายข้านะ ชื่อ อะลาดิน อยู่ในตลาด ทีนี้วันนึงเจ้าหญิงเสด็จไปที่ตลาด ลูกข้าเห็นก็เลยหลงรักเจ้าหญิง เค้าก็เลยบอกว่า ให้เอาตะกร้าๆ นี้ มาสู่ขอเจ้าหญิงเป็นของตัวเอง ซึ่งตอนแรกนะคะ สุลต่านก็มีความแบบหัวเราะ หัวเราะแบบ หึ ไร้สาระ คือไม่ได้โกรธนะ แต่รู้สึกว่าแบบ จะบ้าเหรอ ใครจะยกให้ อะไรอย่างนี้ ก็มีความถามแม่อะลาดินนิดนึงว่า อ่ะ เอาของในตะกร้ามาขอลูกสาวฉันน่ะ ของในตะกร้ามีอะไร ไหนเปิดให้ดูหน่อยสิ ซึ่งแม่ของอะลาดินนะคะ ก็เปิดตะกร้าให้สุลต่านดูค่ะ เปิดออกมา พรึบ! อู้หู สุลต่านช็อค สุลต่านแบบ เฮ้ย เพชรในวังของเรายังไม่เม็ดใหญ่ขนาดนี้เลย เพชรของเราอย่างมากก็เม็ดขนาดนี้ อยากได้อ่ะ ดังนั้นนะคะ สุลต่านก็เลยตบปากรับคำเลยค่ะ ประมาณว่า เอ้า ได้ๆๆ อยากแต่งงานกับลูกสาวข้าใช่มั้ย? ได้ โอเค! แต่ว่าเสนาบดีคนเมื่อกี้ก็แอบไปกระซิบสุลต่านนิดนึง ประมาณว่า ท่านๆๆ ใจเย็นก่อน จำได้มั้ย เราตกลงอะไรกันไว้ ท่านตกลงว่า จะให้ลูกสาวท่านแต่งงานกับลูกชายข้าไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นนะคะ สุลต่านก็เลยหันไปบอกแม่อะลาดิน บอกว่า ได้ โอเค แต่งได้ แต่ว่าอีก 3 เดือนค่อยเจอกันแล้วกันนะคะ ซึ่งแม่ของอะลาดินก็เอาคำพูดคำนี้กลับไปบ้าน ไปบอกอะลาดินว่า สุลต่านบอกว่าให้รอ 3 เดือน ทั้งสองแม่ลูกก็ใช้ชีวิตต่อมาอย่างมีความสุขค่ะ จนกระทั่งวันนึงนะคะ ยังไม่ถึง 3 เดือนดีเท่าไหร่เลย ปรากฏว่า แม่ของอะลาดินเนี่ยไปเที่ยวตลาด แล้วก็เกิดเหตุการณ์เหมือนตอนอะลาดินไปเป๊ะเลย คือทุกคนสั่งกันแบบประมาณว่า ปิดๆๆๆ ปิดบ้านๆ หลบไปให้หมดนะคะ แม่ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยถามคนแถวนั้น คนแถวนั้นก็บอกว่า โหย ยาย ยายไม่ใช่คนแถวนี้ใช่มั้ยล่ะ ถึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม่ของอะลาดินก็มีความแบบ เอ้า ข้าเป็นคนแถวนี้นะ แต่ข้าไม่รู้เลย เกิดอะไรขึ้นเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ คนแถวนั้นนะคะ ก็เลยเล่าให้ฟังว่า วันนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้าหญิงของเมือง เนี่ย ลูกชายของเสนาบดีเนี่ยนะ เค้าจะมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้าพิธีอภิเสกสมรสไงล่ะ ยายไม่รู้เลยเหรอจ๊ะ? ซึ่งแม่ของอะลาดินได้ยินแบบนั้นนะคะ ก็ตกใจมาก แล้วกลับบ้านไปบอกอะลาดินค่ะ ลูกชาย ตัดใจเถอะลูก พระราชาน่าจะลืมเราแล้วแหละ 3 เดือนเนี่ย ลืมคำสัญญาของเราไปเรียบร้อยแล้ว เค้าจะให้เจ้าหญิงเนี่ยนะ แต่งงานกับลูกชายของเสนาบดีแล้ว ลูกก็ไปหาผู้หญิงคนใหม่แล้วกัน ประมาณนั้นนะคะ ซึ่งถามว่า อะลาดินยอมมั้ย? อะลาดินไม่ยอมนะคะ ดังนั้นนะคะ อะลาดินก็เลยนึกถึงตะเกียงวิเศษของตัวเองขึ้นมาค่ะ ต้องบอกว่า ในเวอร์ชั่นนี้ ตะเกียงนี่ใช้เท่าไหร่ก็ได้นะ อันลิมิต บอกเลยนะคะ อะลาดินก็เลยหยิบตะเกียงขึ้นมา แล้วก็ถูๆๆ ค่ะ แล้วก็สั่งจินนี่นะคะ บอกกว่า สวัสดีจินนี่ ข้ามีเรื่องที่จะใช้เจ้านิดนึง คือวันนี้ เจ้าหญิงของเมืองจะแต่งงาน ข้าไม่อยากให้นางแต่ง เอาเป็นว่าตอนที่นางเข้าพิธีแต่งงานอะไรก็เรื่องของนางแล้วกัน แต่ทันทีที่ถึงเวลากลางคืน พอลูกชายของเสนาบดีเนี่ย ขึ้นไปที่เตียงของเจ้าหญิง ให้พาทั้งสองคนน่ะ มาที่นี่ ตอนนั้นเลย อย่าให้ทันได้ทำอะไรกันเด็ดขาดนะคะ ซึ่งแน่นอนว่า จินนี่ก็จะต้องเสกให้ตามที่อะลาดินต้องการค่ะ คืนนั้นนะคะ พอเจ้าหญิงกับลูกชายของเสนาบดีกำลังจะขึ้นเตียงด้วยกัน จินนี่ก็จัดการอุ้มทั้งคู่มาที่บ้านของอะลาดินเลยค่ะ มาถึงปุ้ปอะลาดินก็สั่งจินนี่ บอกว่า เอาลูกชายของเสนาบดีไปขังไว้ในตู้อะไรสักอย่างนึงละกัน ไม่ต้องสนใจ ส่วนเจ้าหญิงอ่ะ ทิ้งไว้ที่นี่ อะลาดินนะคะ ก็ผ่านคืนนั้นไปด้วยการให้เจ้าหญิงนอนบนเตียงของตัวเอง ส่วนตัวเองหาของอะไรมากั้นเจ้าหญิงเอาไว้ คือไม่ได้อยากล่วงเกินอะไรทั้งสิ้น แค่อยากถล่มงานแต่งงานเท่านั้นแหละ เช้าวันรุ่งขึ้นนะคะ อะลาดินก็สั่งให้จินนี่เนี่ย เอาทั้งคู่กลับไปไว้ที่เดิมค่ะ ตอนเช้าเนี่ยนะคะ ทุกวันเป็นปกติค่ะ สุลต่านรักลูกสาวมาก ปกติแล้วสุลต่านจะเดินมาทักทายลูกสาว แล้วก็ถามนู่นถามนี่อยู่แล้ว วันนี้นะคะ แม้ว่าลูกสาวจะเพิ่งแต่งงานค่ะ แต่ว่าสุลต่านเนี่ยหวงลูกสาวมาก ก็เปิดประตูเข้ามาอย่างแรง ปั้ง! สวัสดีลูกสาว แต่งงานคืนแรกเป็นอย่างไรบ้าง? เข้าไปทักถึงในห้องนอนเลยนะ ลูกสาวก็มีความงอนพ่อ ก็ไม่พูดอะไร ไม่เล่าให้พ่อฟัง แล้วก็ทำหน้ามีทุกข์ใจมากๆ นะคะ สุลต่านก็งงว่าลูกสาวเป็นอะไร ก็มีความไปบอกพระราชินี พระราชินีมาถาม ลูกสาวก็เล่าให้ฟังประมาณว่า เมื่อคืนข้าแบบว่า เกิดเรื่องเลวร้ายกับชีวิตข้ามากเลย คือข้าโดนลักพาตัวไปที่ไหนก็ไม่รู้ น่ากลัวมากเลย แล้วก็มีใครก็ไม่รู้มายุ่งกับข้า อะไรยังงี้ พระราชินีนะคะ ก็กลับไปเล่าให้สุลต่านฟัง สุลต่านก็เข้าใจว่า ลูกสาวตัวเองเนี่ย ฝันร้าย อะไรทำนองนี้ วันนั้นก็ผ่านไปนะคะ คืนนั้นมาถึง อะลาดินก็ทำแบบเดิมเป๊ะเลย ก็ลักพาตัวทั้งคู่มา เอาลูกชายของเสนาบดีไปขังไว้ในที่นึง แล้วก็ให้เจ้าหญิงนอนในห้องของตัวเอง ซึ่งเจ้าหญิงเนี่ยรู้สึกว่า 2 คืนนี้เป็น 2 คืนที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เพราะว่า เจ้าหญิงเนี่ยนะคะ เคยนอนแต่ในปราสาทสวยหรูอะไรต่างๆ ไง นึกสภาพมานอนบ้านของอะลาดินที่เป็นแบบ กระต๊อบอ่ะ นึกออกป้ะ เจ้าหญิงก็รู้สึกว่าแบบ นี่คือการทรมานนะคะ แต่จริงๆ คนที่ทรมานกว่าคือ ลูกชายของเสนาบดีค่ะ ที่โดนขังไว้แบบไม่ได้นอนในเตียงด้วย แล้วก็แบบหนาว อะไรแบบนอนขดอยู่ในตู้เล็กๆ อะไรทำนองนี้นะคะ เรื่องราวผ่านไปแบบนี้ 2 วันค่ะ จนในที่สุดเนี่ย ลูกชายของเสนาบดีเนี่ยนะคะ ทั้งโดนขัง ทั้งโดนจินนี่ขู่ ทั้งโดนอะไรต่างๆ วันรุ่งขึ้นก็เลยกลับไปบอกพ่อตัวเองค่ะ บอกว่า ให้ยกเลิกงานแต่งงานนี้ได้มั้ย คือข้าแบบถึงจะรักเจ้าหญิงแค่ไหนก็ตาม ถึงอยากจะเป็นลูกเขยของสุลต่านแค่ไหนก็ตาม แต่โดนลักพาตัวแบบนี้ทุกคืน ข้าไม่ไหวจริงๆ ยกเลิกงานแต่งเถอะ ได้โปรดนะคะ ในที่สุดค่ะ งานแต่งก็เลยโดนยกเลิกไปซะอย่างนั้นนะคะ หลังจากยกเลิกงานแต่งไปนะคะ แน่นอน ตอนนี้เจ้าหญิงว่างแล้วค่ะ ดังนั้นเมื่อเวลาครบ 3 เดือนเนี่ยนะคะ อะลาดินก็ให้แม่ของตัวเองเนี่ยนะคะ ไปทวงสัญญากับสุลต่านอีกรอบนึงค่ะ ซึ่งสุลต่านเนี่ย ก็มีความแบบ ไม่อยากยกลูกสาวให้ไง ดังนั้นก็ตั้งเงื่อนไขต่างๆ นานา มากมายนะคะ ประมาณว่า เพชรที่เจ้าเสนอมาก็เยอะดีนะ แต่ลูกสาวข้าเป็นลูกของสุลต่าน ดังนั้นนะ เจ้าจะต้องไปหาทาสผิวดำมาเท่านี้ สาวใช้ผิวขาวมาเท่านั้น ให้ทุกคนเนี่ยแบกตะกร้าใส่เพชรแบบที่เจ้าเอามาโชว์ให้ข้าดูเนี่ย เอามาให้หมดเลย แล้วเอามาที่วังของข้า ข้าถึงจะยกลูกสาวให้ ถามว่า แม่ของอะลาดินกลัวมั้ย? แม่ของอะลาดินก็แบบ จะบ้าเหรอ ฉันจะไปหามาจากไหน อะไรยังงี้ แต่พอกลับมาบอกลูกนะคะ ก็ไม่ใช่ปัญหาค่ะ เพราะว่าอะลาดินก็ไปถูตะเกียงนะคะ แล้วให้จินนี่เนี่ยเสกมาให้ทั้งหมด เอามากองที่วังค่ะ นอกจากนี้ก็ให้จินนี่เนี่ย เสกตัวเองให้แต่งตัวเป็นเหมือนเจ้าชายอะไรต่างๆ ด้วย ทำให้สุลต่านเนี่ยนะคะ รู้สึกว่า โอเค ฉันยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับอะลาดินก็ได้ แถมเอาพวกเพชรพลอยอะไรต่างๆ เนี่ยนะคะ ไปให้ลูกสาวดู ลูกสาวก็มีความแบบ เออ โอเค คนนี้ผ่านนะ ดูรวยใช้ได้เลย ก็ถูกสเปคใช้ได้นะคะ อะไรทำนองนี้ แต่หลังจากน้ันสุลต่านก็มีการตั้งเงื่อนไขอีกนะคะ ประมาณว่า แต่ว่าข้าเนี่ยคิดถึงลูกสาว อยากให้วังของลูกสาวเนี่ยอยู่ใกล้ๆ วังของข้า แล้วต้องเป็นวังขนาดใหญ่ด้วย ถามว่ามีปัญหามั้ย ก็ไม่มีอีกค่ะ เพราะว่า อะลาดินก็ให้จินนี่เสกวังขนาดใหญ่ให้อีกนะคะ แล้วก็ใหญ่มากๆ เรียกได้ว่า เป็นวังที่สวย แล้วก็หรูกว่าวังของสุลต่านอีกค่ะ อยู่ใกล้ๆ กับพระราชวังนะคะ แล้วก็มีหน้าต่างที่มองเห็นกันจากวังของสุลต่านเลยทีเดียวนะคะ ดังนั้นในที่สุดค่ะ อะลาดินกับเจ้าหญิงก็ได้แต่งงานกันนะคะ และเรื่องราวก็เหมือนจะจบลงอย่างมีความสุข แต่!! เรื่องน้ียังจบไม่ได้ค่ะ เพราะว่า พ่อมดยังอยู่เลยนะคะ พ่อมดที่กลับไปที่แอฟริกาเนี่ย ก็ใช้ชีวิตต่อมาเรื่อยๆ เป็นระยะเวลาค่อนข้างนานค่ะ แล้วอยู่ดีๆ พ่อมดก็นึกถึงอะลาดินขึ้นมา ประมาณว่า เอ๊~ อะลาดินนี่ตายไปหรือยังนะ? ฉันควรจะหาใครไปเปิดไอ้ถ้ำๆ นั้น เพื่อเอาตะเกียงวิเศษของฉันมาหรือเปล่า? คือจริงๆ แล้วพ่อมดเนี่ยนะคะ ศึกษาเวทมนตร์ต่างๆ มานับไม่ถ้วนค่ะ แล้วก็รู้ว่า ที่เมืองจีนเนี่ย มีตะเกียงวิเศษอันนี้อยู่ เป็นของเหมือนจักรพรรดิโบราณ อะไรทำนองนี้ ซึ่งทำให้จักรพรรดิคนนี้ ร่ำรวยผิดปกติ ก็คือ สร้างสวนสร้างอะไรที่อยู่ในถ้ำนั่นแหละ ดังนั้นนะคะ พ่อมดก็เลยเหมือนแบบว่า จัดการดูดวงให้ตัวเองต่างๆ นานา มีการเอานู่นเอานี่มาดูดวง ประมาณว่า อะลาดินตายไปแล้ว ฉันจะทำยังไงต่อดี แต่! ผลของการดูดวง ออกมาแตกต่างจากที่พ่อมดคิดค่ะ คืออะลาดินไม่ได้ตาย และนอกจากนี้ ชีวิตของอะลาดินยังดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาอีก ทำให้พ่อมดชัวร์แล้วว่า เฮ้ย อะลาดินมันจะต้องเอาตะเกียงวิเศษของฉันไปใช้แน่ๆ เลย พ่อมดก็เลยรีบเดินทางจากแอฟริกาค่ะ มาที่ประเทศจีนอีกรอบนึง และในวันนึงนะคะ ที่อะลาดินกำลังออกไปทำอย่างอื่นนอกวังอยู่เนี่ย พ่อมดก็เดินทางเข้าไปที่วังค่ะ พร้อมกับตะเกียงอันนึง เป็นตะเกียงใหม่เอี่ยมเลย สีทองเหลือง ไปถึงก็ไปตามตลาดก่อนเลย แล้วก็ตะโกนบอกว่า ใครมีตะเกียงเก่าๆ เอามาแลกตะเกียงใหม่สิ ซึ่งทำให้คนทั้งหลายเนี่ยมองพ่อมดว่าเป็นคนบ้า แบบจะบ้าเหรอ อยู่ดีๆ เอาของใหม่มาแลกของเก่า อะไรยังงี้ จนกระทั่งนะคะ พ่อมดก็ตะโกนแบบนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงวังของอะลาดินค่ะ เผอิญว่า ตอนนั้นโชคดีเป็นพ่อมดค่ะ เจ้าหญิงนั่งอยู่กับสาวใช้ และสาวเนี่ยใช้ได้ยินพ่อมดตะโกนประมาณว่า เอาตะเกียงเก่ามาแลกตะเกียงใหม่สิ ซึ่งสาวใช้ของเจ้าหญิงนะคะ ก็มีความคุยกับเจ้าหญิงประมาณว่า เออ จริงๆ วังของเราเนี่ยก็สวยงามไปหมดเลยนะ ทุกอย่างดูใหม่ ทุกอย่างดูเป็นเพชรพลอยสวยงามเต็มไปหมด ขาดแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ไม่รู้ผัวท่านทำแบบนี้ทำไม คือเก็บตะเกียงเก่าๆ ที่ไม่เข้ากับวังเลยเนี่ย เอาไว้ในตู้ ซึ่งเจ้าหญิงก็เห็นด้วยนะคะ ดังนั้นในที่สุด เจ้าหญิงก็เลยให้คนไปเชิญพ่อมดเนี่ยเข้ามา แล้วก็เอาตะเกียงวิเศษของอะลาดิน แลกกับตะเกียงใหม่เรียบร้อยค่ะ พอแลกไป ถามว่า พ่อมดได้ตะเกียงอยู่ในมือแล้ว พ่อมดทำยังไงนะคะ พ่อมดก็จัดการถูตะเกียงวิเศษทันที แล้วก็เสกให้ปราสาททั้งหลัง รวมทั้งเจ้าหญิงเนี่ย หายแว็บไปเลย คือจริงๆ แล้วพ่อมดเนี่ยเสกปราสาททั้งหลัง แล้วก็เจ้าหญิงให้ไปอยู่ที่แอฟริกา ที่ที่อยู่ของตัวเองเนี่ยแหละค่ะ เรียกได้ว่า ขี้เกียจเสกบ้านใหม่อ่ะ ว่างั้นเถอะ อะลาดินเสกบ้านไว้สวยแล้ว ก็เลยย้ายรกรากทั้งหมดไปอยู่ที่แอฟริกาเลยนะคะ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ค่ะ ทำให้ในเช้าวันรุ่งขึ้นเนี่ยนะคะ สุลต่านตื่นมองไปที่หน้าต่าง คือปกติทุกวัน สุลต่านจะตื่นขึ้นมาแล้วก็มองไปที่หน้าต่าง เอ๊ะ ลูกสาวฉันยังอยู่ดีมั้ย อะไรยังงี้ ใช่มั้ย? วันนี้อยู่ดีๆ ปราสาทเจ้าหญิงหายไปทั้งปราสาท สุลต่านตกใจมาก แล้วก็พยายามเรียกอะลาดินเข้ามา แล้วก็จะประหารอะลาดินค่ะ ข้อหาลักพาตัวลูกสาวสุดที่รักของตัวเองนะคะ ซึ่งอะลาดินก็มีความแก้ตัวต่างๆ นานา แล้วก็บอกสุลต่านว่า เดี๋ยวข้าจะพยายามพาเจ้าหญิงกลับมาให้ได้ ซึ่งอะลาดินเนี่ยก็ไม่รู้ว่า ตัวเองจะทำยังไงดี คือแบบมองไปทางไหนก็ฉันทำอะไรไม่ได้เลยเนี่ย ชีวิตนี้ฉันพึ่งทุกอย่างอยู่กับตะเกียงวิเศษ ก็เลยทรุดตัวลงนั่งนะคะ แล้วก็เผลอแบบว่า สวดมนต์ภาวนาอะไรอีกรอบนึง มือก็เลยถูไปถูมา แล้วก็ จำได้มั้ยคะว่า ที่มือของอะลาดินมีอะไรอยู่? ที่มือของอะลาดิน มีแหวนวิเศษอีกวงนึงอยู่ค่ะ อะลาดินถูไปโดนแหวนอีกรอบนะคะ จินนี่จากแหวนวิเศษก็เลยออกมา แล้วก็ถามว่า นายท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือ? ซึ่งแน่นอนค่ะว่า อะลาดินก็จะต้องบอกจินนี่ว่า โอ้ ออกมาก็ดีเลย คือตอนนี้ปราสาทของข้าไปที่ไหน ช่วยย้ายปราสาททั้งหลังกลับมาให้ข้าได้มั้ย? นะคะ จินนี่ในแหวนนะคะ ก็บอกอะลาดินบอกว่า อ่ะ ตอนนี้ ปราสาทเนี่ยย้ายไปอยู่ที่แอฟริกาแล้ว คือพ่อมดเอาไป แต่ปัญหาก็คือ พ่อมดเนี่ยย้ายปราสาททั้งหลังไปด้วยพลังของตะเกียงวิเศษ และจินนี่ในตะเกียงเนี่ยมีพลังมากกว่าข้าหลายเท่า ข้าไม่สามารถลบล้างเวทมนตร์ของจินนี่ในตะเกียงวิเศษไ้ด้ ท่านขออย่างอื่นเถอะ ดังนั้นค่ะ อะลาดินก็เลยบอกว่า งั้นเอางี้ เสกข้าให้ไปที่แอฟริกาแทนแล้วกัน จินนี่ในแหวนก็เลยเสกให้อะลาดินไปที่แอฟริกาค่ะ ไปถึงอะลาดินก็งงๆ อยู่นะคะ ไม่รู้จะทำยังไงนะคะ ก็เลยแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างปราสาทค่ะ ปรากฏว่า คนใช้ของเจ้าหญิงเนี่ยก้มหน้ามองลงมา แล้วก็เห็นอะลาดินพอดี ก็เลยลงมา แอบเปิดประตูให้อะลาดินเนี่ย เข้าไปที่วังของตัวเองนะคะ อะลาดินกับเจ้าหญิงก็มีการคุยกันต่างๆ ค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่อะลาดินหายไป เจ้าหญิงก็เล่าให้ฟังว่า อ่อ พอเสกมาที่นี่ปุ้ปเนี่ยนะ ปรากฏว่า พ่อมดเนี่ย เห็นหน้าข้าแล้วก็หลงรัก ก็เลยพยายามมาจีบทุกวัน ข้าก็บ่ายเบี่ยงอะไรต่างๆ นานาไปนี่แหละ ท่านน่ะ จะช่วยให้ข้าออกไปได้ใช่มั้ย? อะลาดินก็มีความถามเจ้าหญิงนะคะว่า เออ เจ้ารู้มั้ยว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง? เจ้าหญิงก็เล่าให้อะลาดินฟังค่ะว่า ข้าเนี่ยเอาตะเกียงเก่าๆ ของท่านไปแลกกับตะเกียงทองเหลืองนี่แหละ อะไรต่างๆ อะลาดินก็ถามเจ้าหญิงอีกว่า แล้วตะเกียงเก่าๆ อันนั้นน่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหนในวัง? ซึ่งเจ้าหญิงก็บอกว่า อ่อ เอามาไม่ได้หรอก ตอนนี้พ่อมดเก็บไว้กับตัว คือไม่มีใครสามารถเอามาจากพ่อมดได้เลย อะลาดินก็เลยเริ่มวางแผนนะคะ โดยการบอกเจ้าหญิงว่า วันนี้เดี๋ยวพ่อมดจะมาจีบอีกใช่มั้ย เมื่อพ่อมดมาจีบนะ ไม่ต้องปฏิเสธเหมือนปกติ ยิ้มเลย แบบอารมณ์ดี อ่อ เชิญเข้ามาเลยจ้ะพี่ อะไรทำนองนี้นะ เสร็จแล้วชวนพ่อมดดื่มไวน์ เอาให้ดื่มสักประมาณแก้วสองแก้ว เอาให้เมากรึ่มๆ เสร็จแล้วนี่ เอายานี้ไป ข้าไปซื้อยาในตลาดมาให้ เอายานี้หยอดลงในไวน์แก้วที่ 3 นะ ให้พ่อมดกิน พ่อมดจะเป็นลม ล้มตึ้งลงไปเลย แล้วตอนนั้นเดี๋ยวข้ามาช่วยเอง หลังจากนั้นนะคะ เจ้าหญิงก็เลยดำเนินแผนตามที่อะลาดินสั่งไว้ค่ะ ด้วยการหลอกล่อพ่อมดเข้ามา พ่อมดก็มีความแบบ ในที่สุดวันนี้สาวก็ตกหลุมรักฉันแล้ว หลังจากที่จีบมาหลายวัน พอสาวชวนกินไวน์ก็กินเข้าไป กินๆๆ กินเข้าไปนะคะ เริ่มเมากรึ่มๆ ในที่สุดเจ้าหญิงก็บอกว่า เอางี้ ท่านรู้มั้ยในธรรมเนียมเมืองจีนเนี่ย เวลาเค้าแต่งงานกันน่ะ เค้าจะต้องมีการแลกแก้วกัน แล้วก็เหมือนแบบดื่มเลิฟช็อตประมาณนั้น การดื่มคู่รักแลกแก้วกัน ท่านมาแลกแก้วกับข้าเถอะ ซึ่งพ่อมดนะคะ ก็ตกลงตามนั้น และเจ้าหญิงก็แอบเอายาเนี่ย ใส่แก้วตัวเองเอาให้พ่อมดกินค่ะ พ่อมดก็เลยล้มหงายตึ้งลงไปเลยนะคะ ทำให้อะลาดินเนี่ยได้โอกาสค่ะ เข้ามาแล้วก็หยิบตะเกียงวิเศษขึ้นมา ถูเรียกจินนี่ออกมา แล้วก็เสกให้ปราสาททั้งหลัง รวมทั้งทุกคนเนี่ย กลับไปอยู่ที่เมืองจีนเหมือนเดิมค่ะ หลังจากนั้น อะลาดินก็จัดการฆ่าพ่อมดทิ้งไปเรียบร้อยนะคะ แล้วทั้งหมดก็กลับไปรายงานตัวกับสุลต่านค่ะ เหมือนเรื่องราวจะจบลงเท่านี้แล้วใช่มั้ยคะ? แล้วทุกคนก็อยู่ต่อไปกันอย่างมีความสุข แต่!! เรื่องไม่จบค่ะ เพราะว่าพ่อมดมีพี่น้องจริงๆ อยู่ด้วยนะคะ เป็นหมอผีจากแอฟริกาค่ะ หลังจากที่พอพ่อมดตายไปเนี่ยนะคะ หมอผีจากแอฟริกาที่เป็นน้องชายของพ่อมดเนี่ย ก็สัมผัสได้ว่า เฮ้ย พี่ฉันตายไปแล้ว แล้วก็รู้สึกอยากล้างแค้นอะลาดินมากๆ ค่ะ ดังนั้นวันนึงนะคะ หมอผีที่เป็นน้องของพ่อมดเนี่ย ก็เดินทางมาที่เมืองจีนค่ะ แล้วก็มาซุ่มอยู่ที่เมืองจีน ประมาณว่า ฉันจะหาโอกาสจัดการอะลาดินยังไงดี ปรากฏว่า โชคเข้าข้างของหมอผีนะคะ เพราะว่า ตอนนั้นมีผู้หญิงศักดิ์สิทธิ์คนนึงอยู่ในเมืองจีน เป็นผู้หญิงที่ชื่อว่า ฟาติมา ใช่ ชื่อจีนมากกกนะคะ ชื่อ ฟาติมา เป็นผู้หญิงพิเศษที่มีความสามารถก็คือ เดินไปจับตัวใครเนี่ย โรคร้ายต่างๆ ก็จะหายไป ถือว่าเป็นผู้หญิงที่บำเพ็ญตะบะ แล้วก็เคารพต่อพระเจ้ามากๆ ประมาณนั้นค่ะ ดังนั้นวันนึงนะคะ หมอผีก็เลยเข้าไปหาฟาติมาค่ะ แล้วก็จัดการข่มขู่ฟาติมาต่างๆ เอาเสื้อผ้าอะไรของฟาติมามา แล้วก็ฆ่าฟาติมาทิ้งไปนะคะ ส่วนตัวเองค่ะ ปลอมตัวเป็นฟาติมา เดินไปในตลาดนะคะ เดินไปเดินมา แล้วในที่สุด ก็ไปถึงวังของอะลาดินค่ะ เมื่อไปถึงวังของอะลาดิน ตอนนั้นอะลาดินไม่อยู่อีกแล้วนะคะ เจ้าหญิงเนี่ยก็บังเอิญได้ยินชื่อ เรื่องราวของฟาติมามาค่อนข้างนาน ดังนั้นเมื่อฟาติมามาที่วังเนี่ย เจ้าหญิงก็เลยเหมือนกึ่งๆ จะเชิญฟาติมาเข้ามานั่งพูดคุยด้วยค่ะ คุยกันไปคุยกันมานะคะ เจ้าหญิงก็รู้สึกประทับใจฟาติมาค่ะ ที่เป็นคนที่แบบช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่างๆ ก็เลยชวนฟาติมาตัวปลอมเนี่ยนะคะ เข้ามาอยู่ในวังด้วยกันค่ะ จัดห้องจัดอะไรให้เสร็จเรียบร้อย ซึ่งฟาติมาตัวปลอม หรือว่าหมอผีเนี่ยนะ ก็มีความนั่งคุยกับเจ้าหญิงทุกวัน อะไรอย่างนี้ จนสนิทกัน ฟาติมาก็บอกเจ้าหญิงค่ะ บอกว่า วังของท่านเนี่ย สวยมากเลยนะ แต่จริงๆ อ่ะ เหมือนจะขาดอะไรบางอย่างไปนิดนึง ถ้าวังของท่านเนี่ยนะ ได้มีการตกแต่งด้วยไข่ของนกในตำนานตัวนึงเนี่ย เอามาห้อยลงมาจากเพดานนะ วังแห่งนี้จะสมบูรณ์ที่สุดเลย ซึ่งหลังจากที่ฝังความคิดนี้เข้าไปในหัวของเจ้าหญิงปุ้ปเนี่ยนะคะ ฟาติมาก็หลับห้องตัวเองไปค่ะ ทิ้งให้เจ้าหญิงนั่งครุ่นคิดถึงนกในตำนานไปเรื่อยๆ เมื่ออะลาดินกลับมานะคะ ก็สังเกตว่า เฮ้ย วันนี้แฟนหน้าตาไม่แจ่มใสเลยอ่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ดังนั้น อะลาดินก็เลยหันไปถามเจ้าหญิงค่ะว่า เออ เป็นอะไรมั้ย? มีอะไรหรือเปล่า? อยากให้ข้าหาอะไรให้หรือเปล่า? ที่จะทำให้เจ้ามีความสุข เจ้าหญิงนะคะ ก็เลยหันไปบอกอะลาดิน ประมาณว่า เนี่ย ข้าคิดว่าวังของเราอ่ะสมบูรณ์หมดเลย แต่ขาดอย่างนึง ข้าคิดว่า ตรงนั้นนะ ถ้าเกิดเราห้อยแบบไข่ของนกในตำนานเนี่ยนะ นกตัวนั้นตัวนี้ น่าจะทำให้มันสวยนะ ทำนองนั้น ซึ่งอะลาดินก็เห็นว่า เออได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร จริงๆ ข้าอยากเสกอะไรก็ได้ ดังนั้นอะลาดินค่ะ ก็เลยเข้าไปในห้องของตัวเอง แล้วก็ถูตะเกียงวิเศษนะคะ เรียกจินนี้ออกมา แล้วก็สั่งจินนี่ว่า ช่วยเสกไข่นกในตำนานให้ข้าหน่อยได้มั้ย? ข้าจะเอาไปแขวนตกแต่งปราสาท ซึ่งบังเอิญว่า ข้อนี้ มันเป็นข้อห้ามของจินนี่ คือนกในตำนานมันเป็นเหมือนแบบนกศักดิ์สิทธิ์ การที่จะเอามาผูกมัดเพื่อตกแต่งเนี่ย มันเป็นข้อห้ามของจินนี่ คือใครขอเนี่ยนะ จะทำให้โดนสาปกลายเป็นแบบขี้เถ้าตรงนั้นเลย ดังนั้นนะคะ จินนี่ในตะเกียงเนี่ย ตอนแรกก็จะสาปแล้วแหละ แต่เหมือนจินนี่แบบสงสารอ่ะ ก็บอกว่า นี่ๆ อะลาดิน ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ จริงๆ ที่เจ้าขอเนี่ย มันเป็นข้อห้าม ข้าควรจะสาปเจ้าให้เป็นขี้เถ้าตรงนี้เลย แต่ข้าจะบอกเจ้าให้ว่า ความคิดทั้งหมดนี้มันเป็นความคิดที่ไม่โอเคเลย ที่เจ้าจะเอานกศักดิ์สิทธิ์ในตำนานเนี่ยมาแขวนประดับห้อง คือแบบมันไร้สาระน่ะ เก็ทป้ะ? เจ้ารู้มั้ยว่า ความคิดนี้มาจากไหน? มันไม่ได้มาจากเมียเจ้าหรอก แต่มันมาจากฟาติมา ซึ่งฟาติมาเนี่ย ไม่ใช่ฟาติมาจริง เป็นฟาติมาปลอม เป็นน้องของพ่อมดที่มาจากแอฟริกานั่นแหละ เจ้าควรจะไปจัดการอินี่ทีซะ ก่อนที่มันจะทำอันตรายอะไรเจ้าอีก เพราะว่ามันน่ะ ตั้งใจมาแก้แค้นให้พี่ของมัน ดังนั้นนะคะ อะลาดินก็เลยรีบไปหาฟาติมาปลอมค่ะ แล้วก็จัดการเอามีดเนี่ยกระชวกพุงฟาติมาปลอม ตายไปตรงนั้นเลยค่ะ ทำให้เจ้าหญิงเนี่ยงงมาก ประมาณว่าแบบ ท่าน! ท่านไปฆ่านักบุญแบบนี้ไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น? ทำไม เค้าทำอะไรผิด? นะคะ อะลาดินก็เลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เจ้าหญิงฟังค่ะ เจ้าหญิงก็ขอโทษขอโพยที่มั่วเป็นรอบที่สอง แล้วก็เกือบทำให้ทุกคนซวยเป็นรอบที่สองนะคะ หลังจากนั้นทั้งคู่ค่ะ ก็อยู่รวมกันอย่างมีความสุข แล้วก็รักกันมากขึ้นนะคะ แน่นอนนะคะ หลังจากที่อยู่กันมาอย่างยาวนาน สุลต่านก็ต้องแก่ แล้วก็ตายจากไปค่ะ หลังจากนั้น อะลาดินก็เลยขึ้นปกครองเป็นสุลต่านแห่งเมืองจีนองค์ถัดไปค่ะ ใช่ค่ะ สุลต่านแห่งเมืองจีน ไม่เข้าเลยเนอะ แต่ว่าเรื่องราวอะลาดินอันยาวนานของเราก็จบลงตรงนี้เนี่ยแหละค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ? สนุกมั้ย? เรื่องยาวมากกกกกก เล่าจนแบบหมดแรงเลยทีเดียวนะ ดังนั้นวันนี้ ก็ถ้าใครชื่นชอบเรื่องนี้ อยากให้วิวเล่าเรื่องอะไรยาวๆ อีก อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ้ายบาย สวัสดีค่ะ เฮอ! ช่วยด้วย เรื่องนี้ยาวมาก ยาวแบบยาวววว ส่วนใครจะไปหาอ่านนะคะ จริงๆ ในอินเตอร์เน็ตหาไม่ยากนะ ลองเสิร์ช อะลาดิน แล้วก็เสิร์จคำว่า เบอร์ตัน (Burton) นะคะ สามารถหาอ่านเองได้ แต่ปัญหาคือ ภาษามันจะเก่านิดนึง แล้วก็โบราณนิดนึง เพราะมันเป็นภาษาตั้งแต่แบบปี 1800 กว่าๆ มันก็จะมีแบบ thee thou อะไรเยอะแยะ วุ่นวาย เวิ่นเว้อไปนิดนึง เพราะว่าเป็นภาษาอังกฤษโบราณที่แปลมาจากอาหรับอีกทีนะคะ แต่ว่าถ้าใครอยากฝึกภาษาอังกฤษก็ลองไปหาอ่านดูได้ค่ะ วันนี้ลาไปก่อนนะคะทุกคน บ้ายบาย สวัสดีค่ะ