1 00:00:00,934 --> 00:00:04,268 นี่คือภาพบางส่วนของกลุ่มกาแล็กซี 2 00:00:04,268 --> 00:00:06,101 มันฟังดูเหมือนสิ่งที่มันเป็น 3 00:00:06,101 --> 00:00:08,654 มันคือกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ของกาแล็กซี 4 00:00:08,654 --> 00:00:10,909 ยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกันด้วยแรงโน้มถ่วง 5 00:00:10,909 --> 00:00:13,571 ดังนั้น จุดส่วนใหญ่ที่คุณเห็นบนจอ 6 00:00:13,571 --> 00:00:16,100 จึงไม่ใช่ดาวเพียงดวงเดียว 7 00:00:16,100 --> 00:00:18,936 แต่เป็นกลุ่มของดวงดาว หรือกาแล็คซี 8 00:00:18,936 --> 00:00:21,267 ตอนนี้ ผมจะแสดงภาพบางส่วนให้คุณดู 9 00:00:21,267 --> 00:00:23,014 ผมหวังว่าคุณจะเห็นอย่างคร่าวๆ 10 00:00:23,014 --> 00:00:25,694 กระจุกกาแล็คซีเหล่านั้นเป็นวัตถุที่สวยงาม 11 00:00:25,694 --> 00:00:27,187 แต่ยิ่งกว่านั้น 12 00:00:27,187 --> 00:00:29,850 ผมคิดว่ากระจุกกาแล็คซีนั้นลึกลับซับซ้อน 13 00:00:29,850 --> 00:00:31,403 พวกมันน่าแปลกใจ 14 00:00:31,403 --> 00:00:32,820 และยังมีประโยชน์ 15 00:00:32,820 --> 00:00:36,351 มีประโยชน์ในฐานะเป็น ห้องทดลองขนาดยักษ์ของจักรวาล 16 00:00:36,351 --> 00:00:39,987 และที่ห้องทดลอง เพื่ออธิบายกระจุกกาแล็คซี 17 00:00:39,987 --> 00:00:41,852 เพื่ออธิบายการทดลอง 18 00:00:41,852 --> 00:00:43,405 ที่คุณสามารถทำกับมันได้ 19 00:00:43,405 --> 00:00:45,685 และผมคิดว่าทั้งหมดนี้มีสี่แบบหลัก ๆ 20 00:00:45,685 --> 00:00:48,269 และแบบแรกที่ผมต้องการอธิบาย 21 00:00:48,269 --> 00:00:50,488 คือศึกษาชนิดที่มีขนาดใหญ่มาก 22 00:00:50,488 --> 00:00:52,183 แล้วใหญ่เท่าไรล่ะ ? 23 00:00:52,183 --> 00:00:56,434 นี่คือภาพจริงของกระจุกกาแล็คซี 24 00:00:56,434 --> 00:00:59,403 มันใหญ่มากเสียจนแสงจะเดินทางผ่านมัน 25 00:00:59,403 --> 00:01:02,018 จะถูกดัดให้โค้ง มันจะถูกทำให้บิดเบี่ยว 26 00:01:02,018 --> 00:01:04,527 จากแรงดึงดูดมหาศาลของกระจุกกาแล็กซีนี้ 27 00:01:04,527 --> 00:01:06,331 และ ในความจริง ถ้าคุณมองดูดี ๆ 28 00:01:06,331 --> 00:01:09,031 คุณจะสามารถมองเห็นวงแหวงรอบกระจุกกาแล็กซีนี้ 29 00:01:09,031 --> 00:01:10,580 ทีนี้ ถ้าจะบอกจำนวน 30 00:01:10,580 --> 00:01:12,363 ของกระจุกกาแล็กซีนี้ 31 00:01:12,363 --> 00:01:16,571 มันจะมีมวลมากกว่าหนึ่งพันล้าน ๆ เท่า ของดวงอาทิตย์ 32 00:01:18,051 --> 00:01:19,884 มันน่าตกใจว่าระบบเหล่านั้น ใหญ่มากขนาดนี้ได้อย่างไร 33 00:01:19,884 --> 00:01:21,385 แต่ยิ่งกว่าเรื่องมวลของพวกมัน 34 00:01:21,385 --> 00:01:23,359 พวกมันมีคุณสมบัติอย่างอื่นอีก 35 00:01:23,359 --> 00:01:25,703 พวกมันเป็นระบบที่โดดเดี่ยว 36 00:01:25,703 --> 00:01:27,925 หรือบอกได้ว่า เราอาจคิดว่าพวกมัน 37 00:01:27,925 --> 00:01:31,195 เป็นแบบจำลองย่อของทั้งจักรวาล 38 00:01:31,195 --> 00:01:33,197 และหลายคำถามที่เราอาจมี 39 00:01:33,197 --> 00:01:35,165 เกี่ยวกับขนาดจริงของจักรวาล 40 00:01:35,165 --> 00:01:37,080 อย่างเช่น เรื่องการทำงานของแรงโน้มถ่วง 41 00:01:37,080 --> 00:01:40,112 อาจได้คำตอบจากการศึกษาระบบเหล่านี้ 42 00:01:40,112 --> 00:01:41,445 ดังนั้นมันยิ่งใหญ่มาก 43 00:01:41,445 --> 00:01:43,330 เรื่องที่สองคือมันร้อนมาก 44 00:01:43,330 --> 00:01:46,113 โอเค ถ้าเราจินตนาการภาพของกระจุกกาแล็คซี 45 00:01:46,113 --> 00:01:49,030 และผมลบแสงของดวงดาวทั้งหมดออกไป 46 00:01:49,030 --> 00:01:51,825 สื่งที่ผมเหลือไว้คือหยดสีฟ้าอ่อนขนาดใหญ่ 47 00:01:51,825 --> 00:01:53,310 นี่เป็นสีที่ผิด 48 00:01:53,310 --> 00:01:55,659 จริงๆ แล้วนี่คือรังสีเอ็กที่เรากำลังมองเห็น 49 00:01:55,659 --> 00:01:58,320 และคำถามคือ ถ้านี้ไม่ใช่กาแล็กซี 50 00:01:58,320 --> 00:02:00,519 อะไรกันที่ปล่อยแสงนี้ออกมา 51 00:02:00,519 --> 00:02:02,419 คำตอบก็คือแก๊สร้อน 52 00:02:02,419 --> 00:02:04,242 แก๊สอุณหภูมิ ล้านองศา 53 00:02:04,242 --> 00:02:05,899 ความจริงแล้วมันคือพลาสมา 54 00:02:05,899 --> 00:02:07,558 และเหตุผลว่าทำไมมันถึงร้อน 55 00:02:07,558 --> 00:02:09,538 ก็ต้องย้อนกลับไปที่สไลด์ก่อนหน้านี้ 56 00:02:09,538 --> 00:02:12,278 แรงดูดมหาศาลของระบบเหล่านั้น 57 00:02:12,278 --> 00:02:15,320 ได้เร่งให้อนุภาคของแก๊สเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วสูง 58 00:02:15,320 --> 00:02:17,902 และความเร็วที่มากหมายถึง อุณหภูมิที่มากด้วย 59 00:02:17,902 --> 00:02:19,621 นี้แหละคือหัวใจสำคัญ 60 00:02:19,621 --> 00:02:21,987 แต่วิทยาศาสตร์นั้นให้ข้อมูลหยาบๆ 61 00:02:21,987 --> 00:02:24,538 มีคุณสมบัติพื้นฐานหลายอย่าง เกี่ยวกับพลาสมา 62 00:02:24,538 --> 00:02:26,236 ที่เรายังคงสับสนกันอยู่ 63 00:02:26,236 --> 00:02:27,569 ยังคงเป็นปริศนาสำหรับเรา 64 00:02:27,569 --> 00:02:29,655 และยังคงผลักดันความเข้าใจของเรา 65 00:02:29,655 --> 00:02:31,694 เกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของสิ่งที่ร้อนมากๆ 66 00:02:31,694 --> 00:02:35,121 อย่างที่สาม: ศึกษาชนิดที่เล็กมาก 67 00:02:35,121 --> 00:02:37,967 เพื่ออธิบายเรื่องนี้ ผมต้องการจะบอกคุณ 68 00:02:37,967 --> 00:02:39,987 ถึงความจริงที่ยุ่งยากมาก 69 00:02:39,987 --> 00:02:42,777 สสารส่วนใหญ่ในจักรวาล 70 00:02:42,777 --> 00:02:44,588 ไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากอะตอม 71 00:02:44,588 --> 00:02:46,538 คุณถูกหลอกในเรื่องนี้ 72 00:02:46,538 --> 00:02:49,665 ส่วนใหญ่ของมันถูกสร้างขึ้นจากบางสิ่ง ที่ลึกลับมาก ๆ 73 00:02:49,665 --> 00:02:51,787 ซึ่งเราเรียกมันว่าสสารมืด 74 00:02:51,787 --> 00:02:55,454 สสารมืดคือบางสิ่งที่ไม่ค่อย มีปฎิสัมพันธ์กันมากนัก 75 00:02:55,454 --> 00:02:57,122 ยกเว้นผ่านแรงโน้มถ่วง 76 00:02:57,122 --> 00:02:58,734 และเราจึงควรที่จะศึกษามันมากขึ้น 77 00:02:58,734 --> 00:03:00,277 ถ้าคุณคือนักฟิสิกส์อนุภาค 78 00:03:00,277 --> 00:03:02,786 คุณต้องการรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเรานำสิ่งนี้มาชนเข้าด้วยกัน 79 00:03:02,786 --> 00:03:04,776 ไม่เว้นแม้กระทั่ง สสารมืด 80 00:03:04,776 --> 00:03:06,436 แล้วเราจะทำอย่างไร ? 81 00:03:06,436 --> 00:03:07,927 เพื่อหาคำตอบของคำถามนี้ 82 00:03:07,927 --> 00:03:09,320 ผมจะตั้งคำถามอีกหนึ่งคำถาม 83 00:03:09,320 --> 00:03:12,486 ซึ่งก็คือ จะเกิดจะไรขึ้นเมื่อ กระจุกกาแล็กซี ชนกัน 84 00:03:12,486 --> 00:03:14,796 นี้คือภาพ 85 00:03:14,796 --> 00:03:17,987 ตั้งแต่กาแล็กซีปรากฎขึ้น 86 00:03:17,987 --> 00:03:21,111 เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ในแบบที่มีขนาดย่อ 87 00:03:21,111 --> 00:03:23,234 พวกมันเกือบทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากสสารมืด 88 00:03:23,234 --> 00:03:25,787 และนี้คือสิ่งที่คุณเห็นเป็นสีม่วงอ่อน ๆ 89 00:03:25,787 --> 00:03:27,404 สีแดงแสดงถึงแก๊สร้อน 90 00:03:27,404 --> 00:03:29,371 และใช่แล้ว คุณสามารถเห็นกาแล็กซีจำนวนมาก 91 00:03:29,371 --> 00:03:31,736 สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องเร่งอนุภาค 92 00:03:31,736 --> 00:03:33,627 ที่ขนาดใหญ่มหึมา 93 00:03:33,627 --> 00:03:35,404 และนี่มันสำคัญมาก ๆ 94 00:03:35,404 --> 00:03:37,287 เพราะมันหมายความว่าปฏิกิริยาเล็กๆ ที่ 95 00:03:37,287 --> 00:03:40,371 ที่ตรวจพบได้ยากมากๆ ในห้องทดลอง 96 00:03:40,371 --> 00:03:42,550 บางทีอาจถูกผสมผสานเข้าด้วยกัน 97 00:03:42,550 --> 00:03:46,359 เป็นบางสิ่งที่เราสามารถเจอได้ในธรรมชาติ 98 00:03:46,359 --> 00:03:47,871 มันก็ตลกดีนะ 99 00:03:47,871 --> 00:03:49,819 เหตุผมที่ทำไมกระจุกกาแล็กซี 100 00:03:49,819 --> 00:03:51,485 สามารถสอนเราเกี่ยวกับสสารมืด 101 00:03:51,485 --> 00:03:53,235 เหตุผมที่ทำไมกระจุกกาแล็กซี 102 00:03:53,235 --> 00:03:55,788 สามารถสอนเราเกี่ยวกับ ลักษณะทางกายภาพของสิ่งที่เล็กมาก 103 00:03:55,788 --> 00:03:58,819 ก็เพราะว่ามันใหญ่มาก ๆ 104 00:03:58,819 --> 00:04:02,904 อย่างที่สี่ ลักษณะทางกายภาพของสิ่งที่แปลกมาก 105 00:04:02,904 --> 00:04:05,954 แน่นอนสิ่งที่ผมได้พูดไปนั้นบ้าบอ 106 00:04:05,954 --> 00:04:08,237 โอเค ถ้ามีอะไรที่แปลกว่า 107 00:04:08,237 --> 00:04:10,654 ผมคิดว่ามันคือพลังงานมืด 108 00:04:10,654 --> 00:04:12,371 ถ้าผมโยนลูกบอลขึ้นไปในอากาศ 109 00:04:12,371 --> 00:04:14,169 ผมคาดว่ามันจะขึ้น 110 00:04:14,169 --> 00:04:16,293 สิ่งที่ผมไม่ได้คาดไว้คือมันจะขึ้นไป 111 00:04:16,293 --> 00:04:18,459 ด้วยอัตราเร็วที่สูงขึ้น 112 00:04:18,459 --> 00:04:21,204 เช่นเดียวกับที่นักจักรวาลวิทยาเข้าใจว่าทำไม 113 00:04:21,204 --> 00:04:22,786 จักรวาลถึงขยายตัว 114 00:04:22,786 --> 00:04:24,954 พวกเขาไม่ได้เข้าใจว่าทำไมมันขยายตัว 115 00:04:24,954 --> 00:04:26,892 ด้วยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น 116 00:04:26,892 --> 00:04:28,570 พวกเขาให้ชื่อของเหตุผลของ 117 00:04:28,570 --> 00:04:30,162 การขยายตัวด้วยอัตราเร็วที่เพิ่มขึ้น 118 00:04:30,162 --> 00:04:32,046 และเขาเรียกมันว่าพลังงานมืด 119 00:04:32,046 --> 00:04:34,734 และอีกครั้ง พวกเราต้องการเรียนรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับมัน 120 00:04:34,734 --> 00:04:37,121 แล้ว คำถามที่เรามีก็คือ 121 00:04:37,121 --> 00:04:39,816 พลังงานมืดมีผลกระทบต่อจักรวาลอย่างไร 122 00:04:39,816 --> 00:04:41,434 ในขนาดจริง ? 123 00:04:41,434 --> 00:04:42,893 ขึ้นอยู่กับว่ามันแข็งแรงมากแค่ไหน 124 00:04:42,893 --> 00:04:46,154 บางทีโครงสร้างก่อตัวเร็วหรือช้า 125 00:04:46,154 --> 00:04:48,703 ปัญหาของโครงสร้างขนาดจริง 126 00:04:48,703 --> 00:04:51,041 ของจักรวาลนี้มันซับซ้อนอย่างน่าประหลาด 127 00:04:51,041 --> 00:04:53,370 นี่คือแบบจำลองคอมพิวเตอร์ 128 00:04:53,370 --> 00:04:55,498 และเราต้องการวิธี ในการทำให้มันง่าย 129 00:04:55,498 --> 00:04:59,069 แล้ว ผมชอบคิดโดยใช้การเปรียบเทียบ 130 00:04:59,069 --> 00:05:01,787 ถ้าเราต้องการเข้าใจการจมของเรือไททานิค 131 00:05:01,787 --> 00:05:03,453 สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำ 132 00:05:03,453 --> 00:05:05,234 ไม่ใช่การสร้างแบบจำลองขนาดเล็ก 133 00:05:05,234 --> 00:05:08,155 ของทุกๆ ชิ้นส่วนเล็กๆ ของเรือที่แตกออกมา 134 00:05:08,155 --> 00:05:09,820 สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำคือ 135 00:05:09,820 --> 00:05:11,821 ติดตามส่วนที่ใหญ่ที่สุดสองส่วน 136 00:05:11,821 --> 00:05:15,653 เหมือนกัน เราสามารถเรียนรู้อย่างมากมายเกี่ยวกับจักรวาล 137 00:05:15,653 --> 00:05:17,120 ในขนาดจริง 138 00:05:17,120 --> 00:05:18,871 จากการติดตามชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของมันสองชิ้น 139 00:05:18,871 --> 00:05:22,862 และชิ้นที่ใหญ่ที่สุดคือกลุ่มของกาแล็กซี 140 00:05:22,862 --> 00:05:25,818 นี่ใกล้จะหมดเวลาแล้ว 141 00:05:25,818 --> 00:05:27,820 คุณอาจคิดว่านี้โกงนิดหน่อย 142 00:05:27,820 --> 00:05:30,070 ผมหมายความว่า ผมเริ่มโดยพูดเกี่ยวกับ 143 00:05:30,070 --> 00:05:32,153 กระจุกกาแล็กซีมีประโยชน์อย่างไร 144 00:05:32,153 --> 00:05:33,653 และผมได้ให้เหตุผลไปบ้างแล้ว 145 00:05:33,653 --> 00:05:36,253 แต่ประโยชน์ของมันจริงๆ ล่ะ ? 146 00:05:36,253 --> 00:05:38,370 เออ เพื่อตอบคำถามนี้ 147 00:05:38,370 --> 00:05:40,986 ผมต้องการจะบอกคุณถึงคำพูดที่ เฮนรี ฟอร์ดได้เคยพูดไว้ 148 00:05:40,986 --> 00:05:42,472 เมื่อเขาถูกถามเกี่ยวกับเรื่องของรถ 149 00:05:42,472 --> 00:05:43,831 เขาได้พูดออกมาว่า: 150 00:05:43,831 --> 00:05:46,120 "ถ้าผมถามผู้คนว่าพวกเขาต้องการอะไร 151 00:05:46,120 --> 00:05:48,903 พวกเขาจะพูดว่าม้าที่เร็วขึ้น" 152 00:05:48,903 --> 00:05:51,404 วันนี้ขณะที่สังคมเผชิญหน้า 153 00:05:51,404 --> 00:05:53,622 กับปัญหาที่ยากจำนวนมาก ๆ 154 00:05:53,622 --> 00:05:57,453 และคำตอบของปัญหาเหล่านั้น ยังไม่ชัดเจนนัก 155 00:05:57,453 --> 00:05:59,620 พวกมันไม่ใช้ม้าที่เร็วขึ้น 156 00:05:59,620 --> 00:06:01,862 พวกเขาจะต้องการความชาญฉลาดทางวิทยาศาสตร์ 157 00:06:01,862 --> 00:06:03,568 อย่างมากมายมหาศาล 158 00:06:03,568 --> 00:06:05,154 ใช่ พวกเราต้องการตั้งเป้าความสนใจ 159 00:06:05,154 --> 00:06:06,904 ใช่ เราต้องการจดจ่อ 160 00:06:06,904 --> 00:06:08,870 แต่เราต้องจำไว้ว่า 161 00:06:08,870 --> 00:06:11,705 นวัตกรรม, ความช่างคิด, แรงบันดาลใจ 162 00:06:11,705 --> 00:06:13,037 ทั้งหมดนั้น 163 00:06:13,037 --> 00:06:14,725 มาเมื่อเราขยายวิสัยทัศน์ของเรา 164 00:06:14,725 --> 00:06:16,065 เมื่อเราถอยกลับออกมา 165 00:06:16,065 --> 00:06:17,414 เมื่อเราออกมามองไกลขึ้น 166 00:06:17,414 --> 00:06:19,237 และผมคิดไม่ออกถึงทางที่ดีไปกว่า 167 00:06:19,237 --> 00:06:22,992 การศึกษาจักรวาลรอบตัวเรา ขอบคุณครับ 168 00:06:22,992 --> 00:06:25,941 (เสียงปรบมือ)