เสียงระฆัง
ทำไมมนุษย์จึงมีกรรมที่แตกต่างกัน
คำถามของผมคือ
ทำไมมนุษย์จึงมีกรรมแตกต่างกัน
ขอบคุณครับ
น้องท่านนี้ถามว่า ทำไมมนุษย์แต่ละคน
จึงมีกรรมที่แตกต่างกัน
แน่ใจเหรอ?
(เสียงหัวเราะ)
แน่ใจเหรอว่ามนุษย์แต่ละคนมีกรรมต่างกัน
(เสียงหัวเราะ)
ผมก็ว่าผมมั่นใจนะครับ แต่ตอนนี้...
(เสียงหัวเราะ)
กรรม คือการกระทำ
คำว่ากรรม หมายถึงการกระทำ
ชื่ออาตมา นัท ฮัน แปลว่า หนึ่งการกระทำ
เท่านั้น
นัท หมายถึง หนึ่ง
ฮัน หมายถึง การกระทำ
อาตมาก็ไม่รู้ว่าทำอะไรเหมือนกัน
(เสียงหัวเราะ)
กรรม อาจจะอยู่ในรูปของเหตุ
หรืออาจจะอยู่ในรูปของผลก็ได้
เหตุกรรม หมายถึง การกระทำที่เป็นเหตุ
และผลกรรม หมายถึง กรรมที่เป็นผล
เหตุและผลนี้เป็นสิ่งที่อยู่ด้วยกัน
เธอไม่สามารถแยกเหตุออกจากผลได้
และก็ไม่สามารถแยกผลออกจากเหตุได้
มันเหมือนกับเมล็ดข้าวโพด..เป็นเหตุ
และต้นข้าวโพด..เป็นผล
กระนั้นมันก็ไม่ใช่ของสองสิ่ง
เธอไม่สามารถแยกเมล็ดข้าวโพดจาก
ต้นข้าวโพดได้
และเธอก็ไม่สามารถแยกเอาต้นข้าวโพด
ออกจากเมล็ดข้าวโพดได้
ดังนั้น เหตุและผล..
ไม่ได้เป็นสิ่งที่แยกขาดจากกัน
สิ่งหนึ่งเป็นความสืบทอดจากของอีกสิ่งหนึ่ง
ต้นข้าวโพดเป็นการสืบทอดจากเมล็ด
ในทิศทางไปสู่อนาคต
และเมล็ดข้าวโพดก็เป็นความสืบเนื่อง
จากต้นข้าวโพด ในทิศทางไปในอดีต
ถ้าไม่มีเมล็ดข้าวโพด
ต้นข้าวโพดก็ไม่มีอดีต
และถ้าไม่มีต้นข้าวโพด
เมล็ดข้าวโพดก็ไม่มีอนาคต
มันเป็นความร่วมมือที่ยอดเยี่ยม บนฐาน
ของความไม่มีตัวตน
มีเพียงความสืบต่อ
และนี่ก็เป็นในมุมมองของกาลเวลา
ถ้ามองจากมุมมองของเหตุการณ์ก็เช่นกัน
มันมีสิ่งที่เราเรียกว่ากรรมหมู่
และกรรมของแต่ละคน
เธอกำลังพูดถึงกรรมของแต่ละคน ว่ามันต่างกัน
จากของคนอื่น
แต่ถ้าเธอสามารถแยกความต่างของกรรมบุคคล
และกรรมหมู่ นับว่าเธอก้าวหน้าขึ้นมาก
เพราะมุมมองของกรรมบุคคลและกรรมหมู่นั้น
ก็เป็นของคู่ที่สืบต่อกันมา
เมื่อเด็กน้อยบอกกับพ่อเขาว่า
"นี่มันร่างกายของฉัน" "ชีวิตของฉัน"
"ฉันมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้
กับร่างกายของฉัน" "ชีวิตของฉัน"
นั่นเป็นมุมมองที่ "ฉัน" ไม่ใช่ "เธอ"
ฉันมีร่างกายของตัวเอง ความรู้สึกของตัวเอง
ชีวิตของตัวเอง
ฉันมีสิทธิจะทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำ
และเยาวชนที่พูดอย่างนี้
พวกเขาไม่รู้หรอกว่าพวกเขา คือการสืบเนื่อง
จากพ่อและแม่
และที่จริงพวกเขาไม่มีสิทธิเลย
ที่จะทำร้ายพ่อ หรือร่างกายตัวเอง
การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม
เธอกำลังฆ่าพ่อ ฆ่าแม่
ฆ่าบรรพบุรุษทั้งหลายเมื่อเธอฆ่าตัวตาย
ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอ
ร่างกายนี้เป็นสมบัติของบิดามารดา
ของบรรพบุรุษ
และหากเธอมองเห็นอย่างนั้น
เธอย่อมไม่สามารถจะทำอย่างที่คนอื่นทำได้ลง
เป็นการกระทำจากมิจฉาทิฏฐิ
ดังนั้นการทำสมาธิ จะช่วยให้
เข้ามาเห็นความเป็นเหตุปัจจัยของสิ่งต่างๆ
ความไม่ใช่ตัวตน ซึ่งจะทำให้เราประพฤติ
ตนอย่างเหมาะสม
ไม่ก่อให้เกิดทุกข์ นั่นคือกรรม
และร่างกายของเรา ก็ไม่ใช่ของเราคนเดียว
มันเป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นในขณะเดียวกัน
ร่างกายนี้เป็นองค์รวมที่ประกอบขึ้นจาก
ชาติ เผ่าพันธุ์ วัฒนธรรมของเรา
ของบรรพบุรุษ
ฉะนั้นเธอไม่ได้เป็นตัวของตัวเองโดยสมบูรณ์
เธอเป็นส่วนหนึ่งของส่วนอื่นๆ
และมันขึ้นกับมุมมองว่าเราเป็นส่วนหนึ่ง
ขององค์รวมมากหรือน้อยแค่ไหน
สมมติ..
เธอบอกว่าเธอมี..เส้นประสาท
เส้นประสาทตาของเธอ อยู่ด้านหลังลูกตา
และเธอบอกว่าเส้นประสาทตาของเธอ
นี่มันเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร
มันเป็นของเธอคนเดียว
เส้นประสาทตาเป็นของเธอ
มันเป็นอะไรที่ของเธอคนเดียว
คนอื่นมองไม่เห็น ไม่รับรู้ถึงมัน
เธอรับรู้คนเดียว
นี่คือตัวอย่างการมองแบบปัจเจก
และการมองแบบองค์รวม
แต่สมมติเธอเป็นคนขับรถเมล์
ชีวิตอื่นๆ ผูกอยู่กับเส้นประสาทตาของเธอ
แบบนี้ เส้นประสาทตาของเธอ
จะไม่ใช่ของเธอคนเดียวอีกต่อไป
มันเป็นของทุกคน เพราะชีวิตของทุกคน
ขึ้นกับมัน
ดังนั้นประสาทตาที่เธอบอกว่า
เป็นของเธอคนเดียว
ความจริงมันเป็นของส่วนรวม
ถ้าเธอมีมุมมองของกรรมส่วนรวม
และกรรมส่วนบุคคล
และกรรมใดๆ ไม่ว่าจะส่วนรวมหรือส่วนบุคคล
มีผลต่อส่วนรวมทั้งสิ้น
และกรรม อาจจะมีผลดีหรือเลว
เมื่อคน 600 คนมาเข้าปฏิบัติ เรามาทำอะไร
ด้วยกัน
เราทำกิจกรรมร่วมกันเป็นหมู่
นั่ง เดิน หายใจ ยิ้ม แบ่งปันเรื่องราว
และนี่...นี่ก็เป็นกรรมส่วนรวม
และเราก็ได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
ในโลกนี้ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่ได้
ฝึกแบบเรา
พวกเขาดื่ม แล้วก็ร้องรำทำเพลง
ใช้เวลาไปในอีกรูปแบบนึง
และก็..
เราสามารถจะจัดสรรเวลา 3 สัปดาห์
เพื่อจะมาอยู่ร่วมกัน
และเราก็ทำกรรมส่วนรวมด้วยกันรูปแบบนึง
ที่เราเชื่อว่ามันเป็นกรรมที่ดี
เพราะทุกวันเราบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ุแห่งสติ
ความเข้าใจ ความเห็นใจให้เติบโตขึ้น
ในตัวเราและในหมู่คณะ
ทั้งนี้ ในความเป็นส่วนรวม เราสามารถเห็น
ความเป็นปัจเจก
บางคนจะภาวนาได้ดีกว่าบางคน
บางคนก็พบความเปลี่ยนแปลง สามารถ
ละวางภาระและความกังวลได้ภายใน 5 วันแรก
บางคนก็ต้องใช้เวลามากกว่านั้น
อาจจะต้องรอถึงสัปดาห์ที่ 3
ถึงจะเริ่มปล่อยวางความกังวล
ดังนั้นในองค์รวมจะมีความเป็นปัจเจกบุคคล
และในปัจเจกบุคคลจะมีความเป็นองค์รวม
และไม่มีสิ่งใดที่เป็นปัจเจกโดยสมบูรณ์
และก็ไม่มีความเป็นองค์รวมโดยสมบูรณ์
นี่คือความจริง และก็เป็นของคู่
อีกอย่างหนึ่ง
และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้อง
ใช้ความสังเกตให้มาก จึงจะสามารถ
เห็นทางออก
แล้วเธอจะเห็นว่า กรรมทั้งหลาย
ล้วนส่งผลต่อเราทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นความดีแก่โลก
ที่เราทำกันอยู่ที่นี่
เราจงมั่นใจว่ากรรมไม่หายไปไหน
ความคิดเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัย
ที่เราบ่มเพาะขึ้นมา
ไม่เพียงจะเยียวยาเรา แต่ยังเยียวยาโลกใบนี้
ฉะนั้น ใน 21 วันนี้ เราบ่มเพาะความคิด
เห็นอกเห็นใจ เมตตากรุณา
นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถสงเคราะห์
ให้แก่โลกได้
และ...เอิ่ม
และ..นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมกรรม
ไม่เหมือนและก็ไม่ต่าง
เพราะความเหมือนกันหรือความแตกต่าง
ก็เป็นคู่ตรงข้าม
ซึ่งถ้าหากเห็นถูกต้องนั้น ความจริงคือ
คุณย่อมสามารถขจัดความเห็น
ใดๆ ที่เป็นลักษณะคู่ตรงข้ามเช่นนี้
สานสัมพันธ์ บันดาลใจ เติมเต็ม
(เสียงระฆัง)