WEBVTT 00:00:00.040 --> 00:00:02.560 ทำไมคนเราต้องมีผมหงอกด้วย 00:00:02.560 --> 00:00:04.300 สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ 00:00:04.300 --> 00:00:06.580 บอกก่อนนะคะ ก่อนที่หลาย ๆ คนจะเข้าใจว่า 00:00:06.740 --> 00:00:09.380 วิวได้รับ inspiration ชื่อคลิปนี้มาจากหัวตัวเอง 00:00:09.380 --> 00:00:12.060 ต้องบอกว่าไม่ใช่นะคะ วิวไม่ได้มีผมหงอกแต่อย่างใดค่ะ 00:00:12.060 --> 00:00:15.660 แต่ว่าวิวเนี่ยนะคะ เห็นหลาย ๆ คนชอบบ่นกันว่า 00:00:15.660 --> 00:00:18.380 โอ๊ย ตายแล้ว ช่วงนี้เครียดจังเลย ผมหงอกแล้ว 00:00:18.380 --> 00:00:20.080 หรือว่ารู้สึกว่ากลัวตัวเอง 00:00:20.080 --> 00:00:21.740 อุ๊ยตายแล้ว ฉันเริ่มผมหงอกแล้ว 00:00:21.740 --> 00:00:23.480 ฉันแก่รึยัง อะไรยังไงนะคะ 00:00:23.480 --> 00:00:25.840 ดังนั้นวันนี้ค่ะ วิวก็เลยไปหาข้อมูล 00:00:25.840 --> 00:00:27.820 เกี่ยวข้องกับเรื่องผมหงอกเนี่ย 00:00:27.820 --> 00:00:29.740 มาเพื่อจะมาเล่าให้ทุกคนฟังนะคะ 00:00:29.740 --> 00:00:30.700 แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ 00:00:30.700 --> 00:00:33.160 สำหรับหลายคนที่ติดตามช่องเรามาเนิ่นนานเนี่ย 00:00:33.160 --> 00:00:35.740 เปิดคลิปแบบนี้ อู้หู มันจะต้องขายแชมพู 00:00:35.740 --> 00:00:37.440 ขายยาโกรกผม ขายอะไรแน่ ๆ 00:00:37.440 --> 00:00:39.340 ไม่ใช่ค่ะ วันนี้วิวแค่ไปหาข้อมูล 00:00:39.340 --> 00:00:41.120 แล้วก็จะเอามาเล่าให้ทุกคนฟังนะคะ 00:00:41.120 --> 00:00:43.640 ดังนั้นเราไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรดีกว่าค่ะ 00:00:43.640 --> 00:00:46.500 เพราะว่าคลิปวันนี้เนื้อหาจะค่อนข้างเข้มข้นนะคะ 00:00:46.500 --> 00:00:48.760 ดังนั้นพร้อมที่จะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง 00:00:48.760 --> 00:00:50.400 สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ 00:00:50.600 --> 00:00:52.680 ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ 00:00:56.080 --> 00:00:57.620 เมื่อพูดถึงเรื่องผมหงอกเนี่ย 00:00:57.620 --> 00:00:59.740 แน่นอนอย่างที่วิวพูดไปตอนต้นเลยนะคะ 00:00:59.740 --> 00:01:01.880 หลายคนคิดว่าการผมหงอกเนี่ย 00:01:01.880 --> 00:01:03.860 เป็นสัญลักษณ์ของความแก่เฒ่าใช่ไหมคะ 00:01:03.860 --> 00:01:05.460 ประมาณว่า อุ๊ยตายแล้ว 00:01:05.460 --> 00:01:07.260 การที่เราผมเริ่มหงอกแล้วเนี่ย 00:01:07.260 --> 00:01:09.100 แปลว่าเราแก่ อะไรต่าง ๆ นะคะ 00:01:09.100 --> 00:01:11.460 แต่จริง ๆ วิวขอบอกเลยค่ะว่าไม่ใช่นะคะ 00:01:11.460 --> 00:01:14.340 ที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้คนเรามีผมหงอก 00:01:14.340 --> 00:01:15.900 มีมากกว่า 1 สาเหตุค่ะ 00:01:15.900 --> 00:01:18.980 มีสาเหตุอะไรต่าง ๆ มากกว่าความแก่เยอะเลยนะคะ 00:01:18.980 --> 00:01:20.840 ดังนั้นเราไปฟังเหตุผลกันดีกว่า 00:01:20.840 --> 00:01:23.380 บอกเลยว่าวันนี้ไม่ได้มาเล่าเป็นนิทานอะไรนะคะ 00:01:23.380 --> 00:01:25.320 อันนี้มาเป็นวิทยาศาสตร์แบบจริง ๆ เลยนะ 00:01:25.400 --> 00:01:28.580 ก่อนที่เราจะไปฟังกันนะคะว่าผมหงอกเกิดขึ้นจากอะไรเนี่ย 00:01:28.580 --> 00:01:29.840 เราต้องมาฟังกันก่อนค่ะว่า 00:01:29.840 --> 00:01:31.940 ผมของคนเราเนี่ยนะ เกิดจากอะไร 00:01:31.940 --> 00:01:34.780 ต้องบอกว่าอันนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกันนะคะว่า 00:01:34.780 --> 00:01:37.040 ผมกับขนเนี่ยคือสิ่งเดียวกันแต่ว่า 00:01:37.200 --> 00:01:40.520 ผมเนี่ยอาจจะเป็นขนที่อยู่ในบริเวณที่มันงอกเร็วกว่า 00:01:40.520 --> 00:01:42.100 งอกยาวกว่าอะไรต่าง ๆ นะ 00:01:42.100 --> 00:01:45.600 ดังนั้นถ้าคลิปนี้วิวพูดคำว่าผมกับขนสลับกันไปสลับกันมา 00:01:45.720 --> 00:01:47.940 ขอให้เข้าใจว่ามันถือว่าเป็นสิ่งเดียวกันนะคะ 00:01:47.960 --> 00:01:51.580 เอาละ เรามาดูที่วัฏจักรการเกิดผมของคนเราก่อนดีกว่า 00:01:51.580 --> 00:01:53.740 ก็วัฏจักรเดียวกับวัฏจักรการเกิดขนนั่นแหละ 00:01:53.860 --> 00:01:56.400 ถามว่าวัฏจักรการเกิดผมของคนเราเนี่ยนะคะ 00:01:56.400 --> 00:01:57.420 แบ่งเป็นกี่ขั้นตอน 00:01:57.420 --> 00:01:58.480 มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง 00:01:58.480 --> 00:02:01.040 กว่าผมของเราจะงอกขึ้นมายาวขนาดนี้นะคะ 00:02:01.040 --> 00:02:03.540 ต้องบอกว่ามันแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ระยะด้วยกันค่ะ 00:02:03.540 --> 00:02:06.540 เอาชื่อแบบฟังยาก ๆ ก่อนนะ มันแบ่งเป็น 3 ระยะก็คือ 00:02:06.760 --> 00:02:09.180 Anagen, Catagen แล้วก็ Telogen ค่ะ 00:02:09.180 --> 00:02:11.160 เอาเป็นว่าเราช่างชื่อมันไปแล้วกันนะคะ 00:02:11.160 --> 00:02:12.640 หลายคนฟังชื่อแล้วอาจจะงง 00:02:12.640 --> 00:02:16.140 เรามาฟังเป็นระยะที่ 1 ระยะที่ 2 แล้วก็ระยะที่ 3 กันดีกว่าค่ะ 00:02:16.220 --> 00:02:19.780 ระยะที่ 1 นะคะคือระยะที่ผมของคนเราเนี่ยยังงอกอยู่นะคะ 00:02:19.780 --> 00:02:22.820 ก็ยังเป็นช่วงที่ผมเนี่ยงอก ๆ ๆ ๆ ออกมา 00:02:22.860 --> 00:02:25.160 ส่วนระยะที่ 2 นะคะจะเป็นช่วงเวลาที่ 00:02:25.380 --> 00:02:27.160 ผมของคนเราเนี่ยงอกจนสุดละ 00:02:27.160 --> 00:02:28.760 ไม่งอกเพิ่มอะไรอีกแล้วนะคะ 00:02:28.760 --> 00:02:32.200 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ผมสิ้นสุดการเจริญเติบโตละ 00:02:32.200 --> 00:02:35.580 รอเวลาที่เส้นผมเนี่ยนะคะจะค่อย ๆ หลุดร่วงลงจากหัวค่ะ 00:02:35.700 --> 00:02:39.040 และระยะที่ 3 นะคะก็คือระยะที่ไม่มีผมนะคะ 00:02:39.040 --> 00:02:40.840 เป็นระยะที่ผิวหนังของคนเราเนี่ย 00:02:40.840 --> 00:02:43.260 รอเวลาที่จะดันผมเส้นใหม่ออกมา 00:02:43.260 --> 00:02:45.800 ซึ่งเมื่อดันผมเส้นใหม่ออกมาก็จะกลับไปสู่ 00:02:45.980 --> 00:02:47.520 ระยะที่ 1 อีกรอบค่ะ 00:02:47.520 --> 00:02:49.560 อะ อันนี้คือ concept แบบง่าย ๆ ก่อนนะ 00:02:49.740 --> 00:02:52.060 ทีนี้เรามาเจาะลึกทีละระยะกันนะคะ 00:02:52.100 --> 00:02:54.520 ระยะที่ 1 เนี่ยนะคะ ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง 00:02:54.520 --> 00:02:58.180 กว่าที่เส้นผมของคนเราเนี่ยจะงอกแทงทะลุผิวหนังขึ้นมานะคะ 00:02:58.180 --> 00:03:01.160 ก็ต้องบอกว่าผิวหนังของคนเราเนี่ยมันมีหลายชั้นใช่ไหม 00:03:01.160 --> 00:03:04.360 เหมือนที่วิวเคยอธิบายไปในคลิปว่าทำไมคนเราถึงผิวดำเนอะ 00:03:04.580 --> 00:03:07.820 ซึ่งในชั้นนึงของผิวหนังของเราเนี่ยนะคะ ที่ชื่อว่า demis 00:03:07.820 --> 00:03:10.280 มันจะมีต่อมที่เรียกว่าต่อมขนอยู่ค่ะ 00:03:10.280 --> 00:03:13.880 ต่อมขนเนี่ยคือต่อมที่เป็นตัวผลิตเส้นขนต่าง ๆ นะคะ 00:03:13.880 --> 00:03:16.000 แล้วก็ดันให้เส้นผมหรือว่าเส้นขนเนี่ย 00:03:16.000 --> 00:03:17.660 งอกออกมาจากต่อม ๆ นี้ค่ะ 00:03:17.660 --> 00:03:19.580 ถามว่าต่อมนี้มันมีลักษณะเป็นยังไง 00:03:19.580 --> 00:03:21.260 มันมีลักษณะเป็นกระเปาะนะคะ 00:03:21.320 --> 00:03:24.380 เราน่าจะคุ้นเคยกับภาพนี้กันดีเวลาที่เราดูพวก 00:03:24.440 --> 00:03:27.620 โฆษณาการกำจัดผม กำจัดขนอะไรต่าง ๆ นะ 00:03:27.920 --> 00:03:30.280 ซึ่งในกระเปาะนี้มันก็จะเป็นกระเปาะที่ 00:03:30.280 --> 00:03:32.400 เชื่อมต่อกับเส้นเลือดอะไรต่าง ๆ นะคะ 00:03:32.400 --> 00:03:34.640 ก็จะมีเส้นเลือดไปเลี้ยง มีอะไรไปเลี้ยง 00:03:34.640 --> 00:03:37.900 ทีนี้มาพอมันเลี้ยงออกมา ต่อมนี้ก็จะผลิตขน ผลิตผมนะคะ 00:03:37.900 --> 00:03:39.580 แล้วก็ค่อย ๆ ดันตัวออกมาเนี่ย 00:03:40.240 --> 00:03:42.100 ตัวที่ผลิตใหม่ก็จะดันตัวเก่าเนี่ย 00:03:42.300 --> 00:03:44.160 ให้ทะลุออกมาจากผิวหนังใช่ไหม 00:03:44.240 --> 00:03:47.500 ส่วนพวกที่ผลิตใหม่มาต่อก็ดัน ๆ กันออกมา 00:03:47.500 --> 00:03:50.080 ก็เลยกลายเป็นเส้นผมหรือเส้นขนที่ยาวขึ้น 00:03:50.080 --> 00:03:52.000 ยาวขึ้น ยาวขึ้นเรื่อย ๆ นี่ล่ะค่ะ 00:03:52.220 --> 00:03:54.780 ส่วนระยะที่ 2 เนี่ยนะคะก็คือระยะที่ต่อมขนเนี่ย 00:03:54.780 --> 00:03:56.580 มันจะดันตัวเองให้สูงขึ้นค่ะ 00:03:56.680 --> 00:03:59.820 ก็คือขึ้นมาใกล้ ๆ บริเวณผิวหนังด้านนอกมากขึ้นใช่ไหม 00:03:59.900 --> 00:04:01.980 ผลจากสิ่งนี้ทำให้เกิดอะไรขึ้น รู้ไหมคะ 00:04:01.980 --> 00:04:04.460 ผลจากสิ่งนี้จะทำให้ต่อมขนของคนเราเนี่ยนะ 00:04:04.460 --> 00:04:05.980 แตะกับเส้นเลือดน้อยลงค่ะ 00:04:05.980 --> 00:04:07.760 พอมันไม่มีเลือดไปเลี้ยงอะไรต่าง ๆ 00:04:07.880 --> 00:04:10.060 เส้นผมก็เลยหยุดผลิตนะคะ 00:04:10.060 --> 00:04:13.440 การเจริญงอกงาม เจริญเติบโตของเส้นผมหรือเส้นขนเนี่ย 00:04:13.440 --> 00:04:15.880 มันก็จะหยุดค่ะ แล้วก็รอเวลาที่ 00:04:16.060 --> 00:04:18.880 มันจะสิ้นสุดอายุขัยแล้วก็ร่วงหล่นออกไปนะคะ 00:04:18.880 --> 00:04:21.880 ส่วนระยะที่ 3 ก็คือระยะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะนะ 00:04:21.880 --> 00:04:23.440 ก็คือเส้นผมหลุดไปแล้วจ้า 00:04:23.440 --> 00:04:26.060 รอเวลาที่มันจะกลับไปที่ระยะที่ 1 อีกนะคะ 00:04:26.180 --> 00:04:29.520 ทีนี้ถามว่าเรื่องราวของสีผมที่เราจะพูดถึงเนี่ย 00:04:29.520 --> 00:04:31.300 มันเกิดขึ้นในช่วงเวลาไหน 00:04:31.300 --> 00:04:33.620 แน่นอนว่าตอนที่เส้นผมมันงอกออกมาแล้ว 00:04:33.620 --> 00:04:35.160 แล้วมันสิ้นสุดการเติบโตแล้วเนี่ย 00:04:35.260 --> 00:04:38.460 มันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องสีผมกันใช่ไหมคะ 00:04:38.460 --> 00:04:40.680 เช่นเดียวกับระยะเวลาที่เราไม่มีผมนะคะ 00:04:40.680 --> 00:04:42.380 เราก็คงไม่พูดถึงสีผมกัน 00:04:42.520 --> 00:04:44.660 ดังนั้นเวลาที่เราจะพูดถึงสีผมกันเนี่ย 00:04:44.660 --> 00:04:46.360 มันจะอยู่ในระยะที่ 1 00:04:46.360 --> 00:04:48.540 หรือว่าระยะ anagen นั่นเองนะคะ 00:04:48.620 --> 00:04:52.560 ในระยะนี้จะเป็นระยะที่มีการผลิตสีผมอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาค่ะ 00:04:52.560 --> 00:04:54.540 แล้วถามว่าสีผมของคนเราเนี่ย 00:04:54.540 --> 00:04:56.440 สีดำ สีน้ำตาล สีทองเนี่ย 00:04:56.540 --> 00:04:58.380 มันเกิดขึ้นจากอะไรรู้ไหมคะ 00:04:58.380 --> 00:05:00.920 มันเกิดขึ้นจากเซลล์ชนิดนึงค่ะ 00:05:00.920 --> 00:05:02.900 ที่เราคุ้นเคยชื่อกันดีแน่นอน 00:05:02.940 --> 00:05:06.580 แต่ว่าหลาย ๆ คนไม่เคยได้ยินมันในเรื่องราวของสีผมค่ะ 00:05:06.660 --> 00:05:09.780 เราจะไปได้ยินในเรื่องราวของสีผิวมากกว่านะคะ 00:05:09.780 --> 00:05:12.520 เพราะว่ามันคือสิ่งเดียวกันเลยนะคะ นั่นก็คือ 00:05:12.740 --> 00:05:14.400 melanin นั่นเองค่ะ 00:05:14.400 --> 00:05:16.100 อ้าว ชื่อนี้กลับมาอีกแล้วนะคะ 00:05:16.100 --> 00:05:19.700 melanin ที่ทำให้คนเรามีสีผิวแตกต่างกันไปต่าง ๆ น่ะนะ 00:05:19.900 --> 00:05:22.200 มันก็อยู่ในเส้นผมเช่นเดียวกันค่ะ 00:05:22.320 --> 00:05:24.380 คือต้องบอกก่อนนะคะว่าดูภาพนี้ก่อน 00:05:24.380 --> 00:05:27.040 เส้นผมของคนเราเนี่ยมันไม่ใช่แค่เป็นเส้น ๆ อย่างนี้นะ 00:05:27.120 --> 00:05:30.360 ถ้าสมมติว่าเราซูมมันเข้าไปนะคะ เอากล้องส่องอะไรต่าง ๆ 00:05:30.360 --> 00:05:32.880 เราจะเห็นเส้นผมของคนเราเนี่ยเป็นภาพแบบนี้นะคะ 00:05:32.880 --> 00:05:34.620 คือเป็นเหมือนท่อขึ้นมาท่อนึงค่ะ 00:05:34.620 --> 00:05:37.180 ส่วนตรงกลางเนี่ยเราจะเรียกว่า medulla นะคะ 00:05:37.280 --> 00:05:40.140 แล้วก็ส่วนนอกสุดเนี่ยเราจะเรียกว่า cuticle นะคะ 00:05:40.140 --> 00:05:42.220 แต่ว่าส่วนที่เรากำลังจะพูดถึงเนี่ย 00:05:42.220 --> 00:05:44.720 ก็คือส่วนที่อยู่ระหว่างในสุดกับนอกสุดนะ 00:05:44.720 --> 00:05:46.940 ที่เราจะเรียกว่าส่วน cortex ค่ะ 00:05:46.940 --> 00:05:49.340 ซึ่งสีผมเนี่ยมันจะไปอยู่ในส่วน cortex นี่แหละ 00:05:49.340 --> 00:05:52.000 คือเวลาที่เส้นผมของคนเราเนี่ยงอกขึ้นมานะคะ 00:05:52.000 --> 00:05:53.300 บริเวณรากผมเนี่ย 00:05:53.300 --> 00:05:56.160 มันจะมีเซลล์ชนิดนึงค่ะ ชื่อว่า melanocyte 00:05:56.160 --> 00:05:59.600 ทำหน้าที่ผลิต melanin นั่นเองใช่ไหมคะ ก็คือสีผม 00:05:59.600 --> 00:06:01.200 เอาเป็นว่าถ้าฟังแล้วงงนะ 00:06:01.200 --> 00:06:03.940 เข้าใจง่าย ๆ เลยคือเส้นผมของคนเรามี 3 ชั้น 00:06:04.140 --> 00:06:05.560 ชั้นใน ชั้นกลาง ชั้นนอก 00:06:05.620 --> 00:06:06.980 ตรงบริเวณรากผม 00:06:06.980 --> 00:06:10.000 มีเซลล์ชนิดนึงผลิตเม็ดสี melanin ขึ้นมา 00:06:10.000 --> 00:06:11.540 และเม็ดสี melanin นี้นะคะ 00:06:11.540 --> 00:06:14.960 มันจะไปอยู่ในชั้น cortex หรือว่าชั้นกลางของผมนั่นเองนะ 00:06:15.120 --> 00:06:18.460 ซึ่งทำให้เส้นผมของคนเราเนี่ยมีสีที่แตกต่างกันไปค่ะ 00:06:18.460 --> 00:06:20.220 คำว่าสีที่แตกต่างไม่ใช่ว่า 00:06:20.220 --> 00:06:22.540 อุ๊ย ฉันจะผลิตเซลล์ melanin สีน้ำตาล 00:06:22.540 --> 00:06:25.180 ฉันผลิตสีทอง ฉันผลิตสีแดง ฉันผลิตสีดำ 00:06:25.300 --> 00:06:27.300 แล้วเส้นผมมันจะแตกต่างกันนะคะ 00:06:27.420 --> 00:06:30.600 ต้องบอกว่าคนเราเวลาที่จะเห็นสีออกมาแบบนี้ 00:06:30.600 --> 00:06:34.080 มันเกิดจากการที่ผลิตเม็ดสี melanin หลาย ๆ สีขึ้นมาค่ะ 00:06:34.140 --> 00:06:36.480 แล้วก็มีการผสมปนเปอะไรกันต่าง ๆ 00:06:36.480 --> 00:06:39.200 ผมสีเข้มเนี่ยมันอาจจะเม็ดสีอยู่ใกล้กันนิดนึง 00:06:39.200 --> 00:06:41.280 ผมสีอ่อนอาจจะเม็ดสีอยู่ห่างกันนิดนึง 00:06:41.280 --> 00:06:44.540 ซึ่งเม็ดสี melanin เนี่ยนะคะมันก็มีทั้งหมด 2 ชนิดด้วยกันอีก 00:06:44.540 --> 00:06:45.740 อันนี้ศัพท์เริ่มเยอะแล้วนะ 00:06:45.740 --> 00:06:48.440 มันคือเรียกว่า eumelanin กับ pheomelanin นะคะ 00:06:48.440 --> 00:06:50.880 ก็คือเม็ดสีสีเช้มกับเม็ดสีสีอ่อนนั่นแหละ 00:06:51.040 --> 00:06:53.020 แต่เอาเป็นว่าช่างมันไม่ต้องสนใจศัพท์นะ 00:06:53.020 --> 00:06:56.020 เข้าใจง่าย ๆ ก็คือมันมีเม็ดสีสีเข้มกับเม็ดสีสีอ่อน 00:06:56.020 --> 00:06:58.900 แล้วมันก็จะเป็นการแบบว่าผสมปนเปอะไรกันต่าง ๆ 00:06:58.900 --> 00:07:00.080 ตามพันธุกรรมนะคะ 00:07:00.080 --> 00:07:01.300 เพื่อที่จะกำหนดออกมาว่า 00:07:01.300 --> 00:07:03.880 โอ๊ะ สีผมคนนี้ เราใส่สีเข้มเยอะหน่อย 00:07:03.880 --> 00:07:05.900 เราใส่สีอ่อนน้อยหน่อย ผมก็จะออกมาเข้ม 00:07:05.900 --> 00:07:08.060 อะ เราใส่สีเข้มน้อยหน่อย ใส่สีอ่อนเยอะหน่อย 00:07:08.060 --> 00:07:09.820 ผมก็จะออกมาเป็นสีอ่อนนะคะ 00:07:09.820 --> 00:07:12.740 ดังนั้น combination ทั้งหมดนี้นี่แหละค่ะที่ทำให้ 00:07:12.740 --> 00:07:15.600 เกิดสีผมของคนเราที่แตกต่างกันออกไปอะนะ 00:07:15.740 --> 00:07:18.960 แล้วถามว่าเฉดสีผมสีไหนที่เราเจอมากที่สุดในโลก รู้ไหมคะ 00:07:18.960 --> 00:07:22.520 สีนั้นก็คือ สีดำนั่นเองค่ะ ที่พบในคนเอเชียเนอะ 00:07:22.640 --> 00:07:26.100 ส่วนรองลงมาก็จะเป็นสีน้ำตาลนะคะ ที่พบในคนยุโรปค่ะ 00:07:26.200 --> 00:07:29.740 แล้วถามว่าทำไมวิวถึงใช้คำว่าเฉดสีดำ ไม่ใช้คำว่าสีดำ 00:07:29.740 --> 00:07:33.100 เพราะว่าแต่ละคนมันก็จะมี melanin อะไรไปผสมของมันเอง 00:07:33.100 --> 00:07:35.220 ดังนั้นแม้ว่าจะบอกว่าผมดำเหมือนกัน 00:07:35.220 --> 00:07:37.180 แต่ดำแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วยนะคะ 00:07:37.180 --> 00:07:38.920 บางคนก็ดำออกดำน้ำตาล 00:07:38.920 --> 00:07:41.060 บางคนมีดำน้ำเงิน ก็มีเหมือนกันนะคะ 00:07:41.140 --> 00:07:44.100 ดังนั้นนี่คือเฉดสีผมที่แตกต่างกันไปที่เกิดจาก 00:07:44.100 --> 00:07:47.300 เม็ดสี melanin ที่มันผสมปนเปอะไรกันต่าง ๆ 00:07:47.360 --> 00:07:50.380 ทีนี้เรารู้แล้วว่าสีผมปกติเกิดจากอะไร 00:07:50.440 --> 00:07:52.440 เราก็น่าจะพอเดากันได้ใช่ไหมคะว่า 00:07:52.440 --> 00:07:54.000 อ๊ะ ผมขาวเกิดจากอะไร 00:07:54.240 --> 00:07:57.040 หลายคนนี่ก็เดาว่า อ๋อ ผมขาวเนี่ยแปลว่า 00:07:57.100 --> 00:08:00.840 เซลล์ melanocyte ที่อยู่ที่รากผมผลิตเม็ดสีสีขาวออกมาใช่ไหม 00:08:00.840 --> 00:08:02.360 ผมก็เลยกลายเป็นสีขาว 00:08:02.360 --> 00:08:05.200 ต้องบอกว่าความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดนะคะ 00:08:05.200 --> 00:08:07.540 เพราะว่าการที่ผมหงอกหรือผมขาวเนี่ยนะคะ 00:08:07.540 --> 00:08:10.040 มันไม่ได้เกิดจากการผลิตเม็ดสีสีขาวค่ะ 00:08:10.040 --> 00:08:12.480 แต่มันเกิดจากการที่เซลล์ melanocyte 00:08:12.480 --> 00:08:13.960 บริเวณที่รากผมเนี่ยนะคะ 00:08:13.960 --> 00:08:15.600 ไม่ผลิตเม็ดสีค่ะ 00:08:15.600 --> 00:08:19.300 พอไม่ผลิตเม็ดสีเนี่ย ผมมันก็เลยเป็นแบบใส ๆ ค่ะ 00:08:19.300 --> 00:08:20.520 ไม่มีสีอยู่ตรงกลาง 00:08:20.520 --> 00:08:24.560 พอมันมาอยู่ท่ามกลางสีดำ ท่ามกลางสีน้ำตาลอะไรต่าง ๆ 00:08:24.740 --> 00:08:27.200 มันก็เลยดูไปแล้ว อ๊ะ โดนแสงต่าง ๆ 00:08:27.200 --> 00:08:29.820 เอ๊ะ อาจจะเป็นสีขาว หรือเป็นสีเงินรึเปล่านะ 00:08:29.820 --> 00:08:32.260 เหลือบสะท้อนแสงอะไรไปต่าง ๆ ค่ะ 00:08:32.260 --> 00:08:35.220 ก็เลยทำให้เกิดการผมหงอกขึ้นนั่นเองนะคะ 00:08:35.220 --> 00:08:37.440 ดังนั้นนะคะ การที่เซลล์ melanocyte 00:08:37.440 --> 00:08:39.680 บริเวณรากผมเนี่ย ไม่ผลิตเม็ดสี 00:08:39.680 --> 00:08:42.640 ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเราเนี่ยผมหงอกค่ะ 00:08:42.640 --> 00:08:45.140 ทีนี้แน่นอนว่าทุกคนรู้นะคะว่าการผมหงอกเนี่ย 00:08:45.140 --> 00:08:47.900 มันมักจะเกิดขึ้นกับคนที่สูงอายุใช่ไหมคะ 00:08:47.900 --> 00:08:49.860 เพราะว่าอะไร เพราะว่าเขาสูงอายุแล้วไง 00:08:49.860 --> 00:08:51.740 ดังนั้นเซลล์รากผมของเขาอะไรต่าง ๆ 00:08:51.740 --> 00:08:54.380 มันก็ไม่ function เท่าสมัยที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ 00:08:54.380 --> 00:08:57.640 ดังนั้นพอมันไม่สามารถผลิตเม็ดสีได้หรืออะไรต่าง ๆ 00:08:57.640 --> 00:09:00.800 มันก็เลยทำให้เกิดผมหงอกขึ้นได้ง่ายนั่นเองค่ะ 00:09:00.800 --> 00:09:03.000 เรียกได้ว่าร่างกายร่วงโรยว่าอย่างนั้นเถอะ 00:09:03.000 --> 00:09:04.700 ไม่ใช่แค่กับคนสูงอายุนะคะ 00:09:04.700 --> 00:09:06.300 แต่กับเด็กแรกเกิดเนี่ย 00:09:06.300 --> 00:09:10.100 เด็กแรกเกิดบางคน ผมก็จะสีอ่อนกว่าตอนที่โตขึ้นมาเหมือนกัน 00:09:10.100 --> 00:09:13.080 เราจะเห็นเด็กบางคนที่แบบ อุ๊ย ตอนเด็ก ๆ ผมสีอ่อนมากเลย 00:09:13.080 --> 00:09:15.080 โตขึ้นมา อ้าว ผมเข้มขึ้นซะอย่างนั้น 00:09:15.080 --> 00:09:16.820 เพราะว่าในตอนเด็ก ๆ เนี่ยบางที 00:09:16.820 --> 00:09:18.640 กระบวนการผลิต melanin อะไรของเขา 00:09:18.640 --> 00:09:21.080 ก็อาจจะยังไม่สมบูรณ์ขนาดนั้นเหมือนกันนะคะ 00:09:21.080 --> 00:09:23.260 ดังนั้นสีผมเขาก็เลยอาจจะอ่อนกว่า 00:09:23.260 --> 00:09:25.160 ตอนที่โตแล้ว ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ 00:09:25.160 --> 00:09:26.860 แต่ต้องบอกว่าถึงเราจะบอกว่า 00:09:26.860 --> 00:09:30.600 ความแก่เป็นสาเหตุหลักสาเหตุนึงเลยนะที่ทำให้คนผมหงอก 00:09:30.600 --> 00:09:32.880 แต่จริง ๆ แล้วการที่คนเราผมหงอกเนี่ยนะคะ 00:09:32.880 --> 00:09:35.340 ไม่ได้เกิดขึ้นจากความสูงวัยอย่างเดียวนะคะ 00:09:35.340 --> 00:09:38.700 มันยังมีปัจจัยต่าง ๆ อีกเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดเลย 00:09:38.700 --> 00:09:41.600 ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในหรือปัจจัยภายนอกนะคะ 00:09:41.600 --> 00:09:43.780 ยกตัวอย่างปัจจัยภายในนะคะก็มีตั้งแต่ 00:09:43.780 --> 00:09:45.880 เป็นความผิดปกติตามพันธุกรรม 00:09:46.000 --> 00:09:47.480 ฮอร์โมน อายุ 00:09:47.480 --> 00:09:51.100 การกระจายตัวของสารต่าง ๆ ในร่างกาย อะไรอย่างนี้ 00:09:51.220 --> 00:09:53.480 หรือว่าปัจจัยภายนอกนะคะก็มีตั้งแต่ 00:09:53.480 --> 00:09:56.720 เจอมลพิษเยอะรึเปล่า สภาพภูมิอากาศเป็นยังไง 00:09:56.720 --> 00:09:59.680 สารพิษเกิดอะไรขึ้น สัมผัสสารเคมีรึเปล่า 00:09:59.760 --> 00:10:02.860 ซึ่งสุดท้ายทั้งหมดนี้มันก็จะไปส่งผลกระทบต่อ 00:10:02.860 --> 00:10:04.660 melanin ในผมของเราเนี่ยนะคะ 00:10:04.660 --> 00:10:06.740 ทำให้การผลิต melanin เนี่ยมันน้อยลง 00:10:06.740 --> 00:10:09.040 ก็อาจจะทำให้คนเราผมสีอ่อนลงหรือว่า 00:10:09.040 --> 00:10:10.800 ผมหงอกได้เช่นเดียวกันค่ะ 00:10:10.800 --> 00:10:13.560 อย่างเคสวิวที่เคยเห็นมา ก็มีเพื่อนคนนึงเนี่ย 00:10:13.560 --> 00:10:15.280 ถ้าจำไม่ผิดนะ สมัยเด็ก ๆ เนี่ย 00:10:15.280 --> 00:10:17.160 เขาก็โดนต่อต่อยนะคะ 00:10:17.160 --> 00:10:19.500 ต่อยที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ 00:10:19.500 --> 00:10:21.840 มันไปโดนกระบวนการผลิต melanin ของเขาเนี่ย 00:10:21.840 --> 00:10:25.560 ทำให้ผมของเขาเนี่ยมีบางส่วนที่หงอกไปซะอย่างนั้นเลย 00:10:25.560 --> 00:10:28.900 ก็เกิดขึ้นได้เหมือนกันทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สูงอายุหรืออะไรนะคะ 00:10:28.900 --> 00:10:30.100 และแน่นอนนะคะ 00:10:30.100 --> 00:10:33.820 อีกความเชื่อนึงที่เมื่อกี้วิวก็พูดไปแล้วตอนต้นนู่นเลยนะคะ 00:10:33.820 --> 00:10:36.440 ก็คือเรื่องของความเครียดนั่นเอง 00:10:36.540 --> 00:10:39.700 ทีนี้นี่คือสาเหตุที่วิวมาทำคลิปวิดีโอทั้งหมดเลยค่ะ 00:10:39.700 --> 00:10:42.040 คือวิวเนี่ยเพิ่งไปเจอข้อมูลชุดนึงมาค่ะว่า 00:10:42.080 --> 00:10:44.800 เออ สรุปแล้วความเครียดมันทำให้หัวหงอกจริงรึเปล่า 00:10:45.080 --> 00:10:46.980 อยากรู้กันไหมว่าสรุปแล้วเวลาเราเครียด 00:10:46.980 --> 00:10:48.620 เราบอก โอ๊ย เครียดหัวหงอกจังเลยเนี่ย 00:10:48.620 --> 00:10:49.860 มันเป็นแค่ความเชื่อหรือว่า 00:10:49.860 --> 00:10:51.540 มันมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า 00:10:51.540 --> 00:10:53.120 เออ มันเกิดขึ้นจริงนะทุกคน 00:10:53.220 --> 00:10:56.060 เพราะว่าเวลาที่เราได้ยินว่า โอ๊ะ เครียดจนหัวหงอกเนี่ย 00:10:56.060 --> 00:10:57.400 หลายครั้งมันเป็นคำบ่น 00:10:57.400 --> 00:10:58.860 แล้วก็หลายครั้งเนี่ยมันเป็น 00:10:58.860 --> 00:11:01.400 เรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำนานหรือว่านิทาน 00:11:01.400 --> 00:11:03.660 หรือว่าเป็นแบบเรื่องเล่าปากต่อปากนะคะ 00:11:03.660 --> 00:11:06.160 เอาที่แบบว่าเด่น ๆ ที่เราคุ้นกันดีที่สุดเลย 00:11:06.160 --> 00:11:07.420 ถ้าเป็นฝั่งเอเชียก็ 00:11:07.420 --> 00:11:09.720 คนที่แบบเครียดชั่วข้ามคืนอะ นึกออกป้ะ 00:11:09.720 --> 00:11:12.420 แบบตื่นมาแล้วทุกอย่าง ชีวิตฉันพังหมดเลย 00:11:12.420 --> 00:11:14.620 เครียด ๆ ๆ ๆ แค้น ๆ ๆ ๆ 00:11:14.620 --> 00:11:16.580 สุดท้ายหัวหงอกทั้งหัว 00:11:16.580 --> 00:11:18.960 ที่เราคุ้นกันดีที่สุดของฝั่งเอเชียก็คือ 00:11:18.960 --> 00:11:20.700 นางพญาผมขาวนะคะ 00:11:20.700 --> 00:11:23.740 อันนี้น่าจะได้ยินชื่อกันมาค่อนข้างคุ้นเคยเนอะ 00:11:23.740 --> 00:11:26.920 ส่วนอีกคนนึงนะคะ ฝั่งตะวันตก ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ เลยว่า 00:11:26.920 --> 00:11:30.400 เครียดจนผมขาวหงอกในคืนเดียวนะคะ ก็คือ 00:11:30.400 --> 00:11:32.400 พระนาง Marie Antoinette นั่นเอง 00:11:32.540 --> 00:11:34.640 พระราชินีของฝรั่งเศสน่ะนะ 00:11:34.640 --> 00:11:36.420 ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส 00:11:36.480 --> 00:11:39.220 เขาก็เชื่อกันว่าในคืนที่มีการปฏิวัติอะไรต่าง ๆ เนี่ย 00:11:39.220 --> 00:11:40.860 พระนางเครียดมากนะคะแล้วก็ 00:11:40.860 --> 00:11:44.000 ตื่นเช้ามาก็คือผมขาว ผมหงอกทั้งหัวเลยนะคะ 00:11:44.000 --> 00:11:45.200 ซึ่งเดี๋ยวถ้ามีโอกาสวันหลัง 00:11:45.200 --> 00:11:47.500 เดี๋ยวเรามาคุยกันเรื่องปฏิวัติฝรั่งเศสอีกทีนะคะ 00:11:47.500 --> 00:11:49.620 แต่อันนี้แค่อยากยกตัวอย่างเคสให้เห็นว่า 00:11:49.620 --> 00:11:52.420 เออ พระนาง Marie Antoinette นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคนนะที่ 00:11:52.420 --> 00:11:55.960 เราเชื่อกันว่าตื่นเช้ามาแล้วแบบเครียด หัวขาวทั้งหัวเลยจ้า 00:11:55.960 --> 00:11:56.960 ที่สำคัญนะคะ 00:11:57.040 --> 00:11:59.520 พระนางเนี่ยโด่งดังในเรื่องนี้ถึงขนาดที่ว่า 00:11:59.620 --> 00:12:03.220 มันมีการตั้งชื่อโรคเลยนะว่าใครที่ตื่นมาแล้วหัวขาวทั้งหัวเนี่ย 00:12:03.300 --> 00:12:06.300 เราจะเรียกโรคนี้นะคะว่า Marie Antoinette Syndrome ค่ะ 00:12:06.380 --> 00:12:09.060 ก็เป็นที่มาของชื่อโรคไปเลยซะอย่างนั้นนะคะ 00:12:09.220 --> 00:12:11.560 ทีนี้ฟังไปขนาดนี้แล้วอยากรู้กันไหมคะว่า 00:12:11.560 --> 00:12:14.500 เรื่องที่แบบว่าเอ๊ย เราเครียดแล้วผมหงอกเนี่ย 00:12:14.500 --> 00:12:17.680 เราเครียดจนผมหงอกมันเป็นเรื่องราวที่แค่เป็นความเชื่อ 00:12:17.680 --> 00:12:20.540 หรือว่ามันมีข้อพิสูจน์อะไรทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ นะคะ 00:12:20.540 --> 00:12:23.740 ก็ต้องบอกว่าสารภาพเลย วิวเพิ่งจะไปเจอข้อมูลนี้ค่ะ 00:12:23.740 --> 00:12:25.980 มาจากเพจ Facebook เพจนึงนะ ชื่อว่า 00:12:25.980 --> 00:12:27.960 ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นะคะ 00:12:27.960 --> 00:12:30.980 เพจนี้เขาเป็นเพจที่เผยแพร่ความรู้นะ 00:12:30.980 --> 00:12:33.380 เกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม 00:12:33.380 --> 00:12:35.680 การแพทย์ สาธารณสุข อะไรต่าง ๆ 00:12:35.800 --> 00:12:38.120 แล้วเขาก็มีการให้บริการการแพทย์ด้วยนะ 00:12:38.120 --> 00:12:40.220 ซึ่งเขาก็พยายามเอาข้อมูลเหล่านี้ 00:12:40.220 --> 00:12:42.160 มาทำให้อ่านง่ายแล้วก็เข้าใจง่าย 00:12:42.160 --> 00:12:43.780 เข้าได้ถึงทุกเพศทุกวัยนะคะ 00:12:43.880 --> 00:12:45.840 วิวก็ไปอ่านโพสนึงมาจากเพจนี้แหละ 00:12:45.840 --> 00:12:47.340 แล้วก็รู้สึกว่าเออ น่าสนใจ 00:12:47.340 --> 00:12:50.340 ก็เลยไปค้นต่อแล้วก็สรุปรวบยอดทุกสิ่งอย่างนะคะ 00:12:50.340 --> 00:12:53.100 มาเล่าให้ทุกคนฟังในวันนี้นี่แหละว่าจริง ๆ แล้วอะ 00:12:53.280 --> 00:12:55.980 ที่เราเข้าใจว่าเครียดแล้วผมหงอก เครียดแล้วผมหงอกเนี่ย 00:12:56.180 --> 00:12:57.960 มันเป็นความเชื่อมาตลอดเลยทุกคน 00:12:57.960 --> 00:12:59.220 คือมันแบบว่ายังไม่ได้รับ 00:12:59.220 --> 00:13:01.560 การพิสูจน์อะไรขนาดนั้นทางวิทยาศาสตร์นะคะ 00:13:01.560 --> 00:13:03.620 จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ 00:13:03.620 --> 00:13:06.840 นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะทำการทดลองแล้วเริ่มพิสูจน์ได้ว่า 00:13:06.840 --> 00:13:08.060 เฮ้ย มันจริง 00:13:08.060 --> 00:13:10.660 มันจริงนะทุกคนที่แบบว่าเราเครียดแล้วเราผมหงอกอะ 00:13:10.660 --> 00:13:12.440 ถามว่าเขาเพิ่งค้นพบเมื่อไหร่ รู้ไหมคะ 00:13:12.560 --> 00:13:15.380 เขาเพิ่งค้นพบเมื่อเดือนมกราคม ปีนี้นี่แหละ 00:13:15.380 --> 00:13:18.220 ปีค.ศ. 2020 นี้นะคะ ก็ไม่นานเลยนะทุกคน 00:13:18.220 --> 00:13:20.160 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราพิจารณาว่า 00:13:20.160 --> 00:13:23.020 ปีนี้ทั้งปีเราหายไปกับ COVID-19 กันนะคะ 00:13:23.140 --> 00:13:26.340 แล้วถามว่าใครเป็นคนทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้นะคะ 00:13:26.340 --> 00:13:29.400 ก็มี 2 กลุ่มด้วยกันค่ะ เป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์นานาชาตินะ 00:13:29.600 --> 00:13:32.000 เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 มหาวิทยาลัยด้วยกันค่ะ 00:13:32.000 --> 00:13:33.280 มหาวิทยาลัยแรกก็คือ 00:13:33.280 --> 00:13:35.600 มหาวิทยาลัยเซาเปาโลของบราซิลนะคะ 00:13:35.600 --> 00:13:37.160 ส่วนมหาวิทยาลัยที่สองนี่ก็คือ 00:13:37.160 --> 00:13:40.000 มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐอเมริกาค่ะ 00:13:40.080 --> 00:13:42.480 พอเขาทำงานวิจัยอะไรอย่างนี้เสร็จเรียบร้อยนะคะ 00:13:42.480 --> 00:13:44.940 เขาก็เพิ่งจะตีพิมพ์ออกมาเมื่อเดือนมกราคมนี่แหละ 00:13:44.940 --> 00:13:46.660 ตีพิมพ์ผลงานวิจัยออกมานะว่า 00:13:46.660 --> 00:13:49.440 เฮ้ย คอนเฟิร์ม ความเครียดเนี่ยทำให้ผมหงอกจริง ๆ 00:13:49.600 --> 00:13:51.040 แล้วถามว่าอยากรู้ไหมคะว่า 00:13:51.040 --> 00:13:53.200 ทำไมเวลาที่เราเครียดแล้วเนี่ย ผมมันถึงหงอก 00:13:53.200 --> 00:13:55.820 เวลาเครียดเนี่ยเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเรานะคะ 00:13:55.820 --> 00:13:57.660 ต้องบอกว่ามันเกิดขึ้นหลายอย่างเลย 00:13:57.660 --> 00:14:01.200 แล้วก็อาจจะมีอะไรบางอย่างไปส่งผลกระทบต่อผมนะคะ 00:14:01.200 --> 00:14:02.480 ทำให้มันหงอกได้ค่ะ 00:14:02.480 --> 00:14:05.180 ซึ่งหลังจากที่นักวิทยาศาสตร์เขามีการทดลองเนี่ยนะคะ 00:14:05.180 --> 00:14:08.520 เขาก็ตีพิมพ์ผลงานออกมาได้เป็น 2 แบบด้วยกันค่ะ 00:14:08.520 --> 00:14:11.520 โดยการที่เขาเอาหนูเนี่ยนะคะมาเป็นหนูทดลอง 00:14:11.520 --> 00:14:13.380 ที่มีสีขนสีดำอะนะ 00:14:13.380 --> 00:14:17.480 แล้วก็จัดการเอาไฟฟ้าเนี่ยนะคะ ชอต ๆ ๆ ๆ ชอตหนูค่ะ 00:14:17.480 --> 00:14:18.600 ทำให้มันเครียดนะคะ 00:14:18.600 --> 00:14:21.380 พอมันเครียดเนี่ย มันก็จะมีปฏิกิริยาร่างกายออกมา 00:14:21.380 --> 00:14:22.480 แล้วเขาก็พบว่า 00:14:22.480 --> 00:14:24.520 หลังจากที่มันเครียดอยู่ระยะเวลานึงเนี่ย 00:14:24.520 --> 00:14:26.660 ขนของมันเนี่ยนะคะก็หงอกจริง ๆ ค่ะ 00:14:26.660 --> 00:14:28.940 คือมันไม่กลับมาขนดำอีกเลยนะ 00:14:28.940 --> 00:14:30.560 ดังนั้นเขาก็เลยตีความว่า 00:14:30.560 --> 00:14:31.620 โอเค เอาแล้วละ 00:14:31.680 --> 00:14:33.680 ความเครียดเนี่ยมันทำให้ขนหงอกจริง ๆ ด้วย 00:14:33.680 --> 00:14:34.900 หรือว่าผมหงอกจริง ๆ ด้วย 00:14:34.900 --> 00:14:36.720 แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนูนะคะ 00:14:36.720 --> 00:14:39.820 เขาก็ตีความกันออกมาได้เป็น 2 ทางด้วยกันค่ะ 00:14:39.820 --> 00:14:41.480 คือทางแรกเนี่ยนะคะ เขาบอกว่า 00:14:41.480 --> 00:14:42.780 เวลาที่หนูมันเครียดเนี่ยนะคะ 00:14:42.780 --> 00:14:46.300 มันจะมีการผลิตโปรตีนออกมาตัวนึงค่ะ ชื่อว่า CDK นะคะ 00:14:46.300 --> 00:14:49.120 ซึ่งโปรตีนตัวนี้มันไปทำลายสเตมเซลล์ค่ะ 00:14:49.120 --> 00:14:52.600 ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ผลิตเม็ดสี melanin นะคะ 00:14:52.600 --> 00:14:54.680 คือเหมือนกับว่าไปทำให้สเตมเซลล์ตัวนี้ 00:14:54.680 --> 00:14:57.220 ที่ทำหน้าที่ผลิตเม็ดสีเนี่ย มันตายบึ้มไปเลย 00:14:57.220 --> 00:14:58.920 พอเซลล์ที่ผลิตเม็ดสีมันตาย 00:14:58.920 --> 00:15:00.040 เม็ดสีก็ไม่เกิดขึ้น 00:15:00.040 --> 00:15:02.520 ก็เลยทำให้ผมของเราเนี่ยไม่มีสี หรือว่า 00:15:02.520 --> 00:15:04.780 เกิดการผมหงอกขึ้นนั่นเองนะคะ 00:15:04.780 --> 00:15:06.700 ส่วนอีกทฤษฎีนึงเนี่ยเขาบอกว่า 00:15:06.700 --> 00:15:09.460 ในร่างกายของคนเราหรือว่าในร่างกายของหนูเนี่ยนะคะ 00:15:09.460 --> 00:15:11.340 มันมีระบบประสาทอยู่ระบบนึงค่ะ 00:15:11.340 --> 00:15:14.260 ซึ่งระบบประสาทนี้เมื่อเกิดการเครียดขึ้นมานะคะ 00:15:14.260 --> 00:15:16.780 มันจะตอบสนองเหมือนกับการเอาชีวิตรอด 00:15:16.780 --> 00:15:20.180 คือไม่ว่าเราจะกลัว จะเครียด จะโดนโจมตีอะไรต่าง ๆ นะ 00:15:20.180 --> 00:15:22.600 จะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า สู้หรือว่าหนี 00:15:22.600 --> 00:15:23.880 คือสมองเราจะประมวลละ 00:15:23.880 --> 00:15:25.380 เฮ้ย เราจะสู้หรือเราจะหนีดี 00:15:25.380 --> 00:15:27.520 ซึ่งระหว่างที่แบบจะสู้จะหนี จะสู้จะหนีเนี่ย 00:15:27.600 --> 00:15:30.240 มันก็จะมีการหลั่งฮอร์โมนออกมาอยู่ตัวนึงค่ะ 00:15:30.240 --> 00:15:31.480 ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้ 00:15:31.480 --> 00:15:33.440 มันจะไปทำปฏิกิริยาโดยตรงนะคะ 00:15:33.440 --> 00:15:35.880 กับเซลล์ที่มีหน้าที่ผลิตเม็ดสีค่ะ 00:15:35.880 --> 00:15:37.020 แต่มันไม่เหมือนอันแรก 00:15:37.020 --> 00:15:39.460 อันแรกนี่คือไปยับยั้งไม่ให้ผลิตเม็ดสีใช่ไหม 00:15:39.460 --> 00:15:41.080 อันนี้ ฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยนะคะ 00:15:41.080 --> 00:15:44.340 มันจะมีหน้าที่เข้าไปกระตุ้นเซลล์ผลิตเม็ดสีค่ะ 00:15:44.340 --> 00:15:47.300 แล้วมันทำให้เกิดการผลิตเม็ดสีออกมาเยอะมาก 00:15:48.180 --> 00:15:49.600 ออกมาเยอะเกินเหตุนะคะ 00:15:49.600 --> 00:15:51.880 จนในที่สุดเหมือนมันผลิตจนมันหมดแมกซ์อะ 00:15:51.880 --> 00:15:54.040 แล้วมันก็สูญเสียการผลิตเม็ดสี 00:15:54.040 --> 00:15:55.900 แบบผลิตไม่ได้อีกต่อไปเลยนะคะ 00:15:55.900 --> 00:15:58.100 ก็เลยทำให้หนูที่โดนกระตุ้นเนี่ย 00:15:58.100 --> 00:15:59.520 ขนหงอกซะอย่างนั้นเลย 00:15:59.520 --> 00:16:02.600 แล้วก็ไม่สามารถกลับมาขนดำได้เหมือนเดิมอีกต่อไปนะคะ 00:16:02.600 --> 00:16:05.240 อย่างไรก็ตามนะคะ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ค่ะ 00:16:05.240 --> 00:16:08.320 ว่าสรุปแล้วโปรตีนตัวแรกหรือสารตัวที่สองเนี่ย 00:16:08.320 --> 00:16:11.000 คือตัวที่ทำให้เราผมหงอกเวลาที่เครียดนะคะ 00:16:11.060 --> 00:16:14.380 แต่เขาก็มีความพยายามที่จะทดลองต่อนะ เช่น 00:16:14.380 --> 00:16:18.640 เอ๊ะ โปรตีนตัว CDK เนี่ยมันเป็นโปรตีนที่ทำให้หนูขนหงอก 00:16:18.640 --> 00:16:21.720 ดังนั้นลองให้ยาที่ยับยั้งโปรตีนตัวนี้ไหม 00:16:21.720 --> 00:16:23.640 อะ พอให้ไป อุ๊ย หนูขนไม่หงอก 00:16:23.640 --> 00:16:26.020 อะ น่าสนใจ เดี๋ยวเราไปทดลองต่อดีกว่า 00:16:26.020 --> 00:16:28.780 เผื่อจะมีโอกาสเอามาใช้กับคนในอนาคตนะคะ 00:16:28.780 --> 00:16:30.400 ดังนั้นสำหรับใครที่กลัวว่า 00:16:30.400 --> 00:16:32.680 ในอนาคตฉันจะเครียดแล้วผมฉันจะหงอกเนี่ย 00:16:32.680 --> 00:16:33.920 ก็อดใจรอนิดนึง 00:16:33.920 --> 00:16:35.680 คิดว่านักวิทยาศาสตร์เขาน่าจะกำลัง 00:16:35.680 --> 00:16:37.880 ค้นคว้าหาข้อมูลอะไรต่าง ๆ อยู่ 00:16:37.880 --> 00:16:40.120 เพื่อที่จะผลิตผลิตภัณฑ์อะไรบางอย่างออกมา 00:16:40.120 --> 00:16:42.180 เพื่อที่จะยับยั้งผมหงอกนะคะ 00:16:42.180 --> 00:16:44.740 ดังนั้นตอนนี้ก็ทำใจตัวเองให้สบาย ๆ 00:16:44.740 --> 00:16:45.920 อย่าเพิ่งเครียดไปก่อนเพราะว่า 00:16:45.920 --> 00:16:47.660 เครียดตอนนี้ยังไม่มีทางแก้นะคะ 00:16:47.660 --> 00:16:49.220 ผมหงอกแน่นอนนะคะทุกคน 00:16:49.380 --> 00:16:51.720 ซึ่งหลายคนก็บอกว่าจริง ๆ ชีวิตก็ไม่ได้เครียดอะไรนะ 00:16:51.720 --> 00:16:53.280 มาเครียดตอนฟังวิดีโอนี้นี่แหละ 00:16:53.280 --> 00:16:55.780 โอ้โห ตอบอะไรวิทยาศาสตร์จ๋าขนาดนี้นะคะ 00:16:55.900 --> 00:16:58.460 อย่างไรก็ตามค่ะ สิ่งที่วิวอยากจะบอกทุกคนก็คือ 00:16:58.460 --> 00:17:00.000 การที่คนเราผมหงอกเนี่ย 00:17:00.000 --> 00:17:01.940 โอเค มันก็เป็นเรื่องของความสวยความงาม 00:17:01.940 --> 00:17:03.720 ไม่ได้มีความอันตรายอะไรขนาดนั้น 00:17:03.720 --> 00:17:06.260 แต่ว่าสำหรับคนที่ไม่อยากจะผมหงอกนะคะ 00:17:06.260 --> 00:17:08.220 จริง ๆ แล้วการผมหงอกเนี่ยมันมี 00:17:08.260 --> 00:17:10.660 ปัจจัยเยอะมากเต็มไปหมดเลยนะ 00:17:10.660 --> 00:17:12.440 ไม่ว่าจะเป็นความแก่ชรา 00:17:12.440 --> 00:17:13.600 ไม่ว่าจะเป็นความเครียด 00:17:13.660 --> 00:17:16.160 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเพียบ 00:17:16.160 --> 00:17:20.200 ไม่ว่าจะเป็นการขาดวิตามิน B12 ขาดโปรตีน 00:17:20.200 --> 00:17:21.540 เกิดจากการสูบบุหรี่ 00:17:21.540 --> 00:17:23.400 เกิดจากธาตุทองแดงมากไป 00:17:23.400 --> 00:17:24.360 เกิดจากธาตุเหล็ก 00:17:24.360 --> 00:17:27.400 เกิดจากฮอร์โมน เกิดจากอะไรต่าง ๆ อีกเพียบเลยนะคะ 00:17:27.400 --> 00:17:30.380 ดังนั้นนะคะถ้าสมมติว่าใครไม่อยากผมหงอกก่อนวัยอันควรนะ 00:17:30.380 --> 00:17:33.200 สิ่งที่เราทำได้ก็คือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นะคะ 00:17:33.200 --> 00:17:35.720 โดยเฉพาะอาหารที่มี Omega 3 สูง ๆ 00:17:35.720 --> 00:17:38.520 เช่น วอลนัทนะคะ หรือว่าปลาในกลุ่ม fatty fish 00:17:38.520 --> 00:17:40.220 ซึ่งปลาในกลุ่ม fatty fish นี่ก็เช่น 00:17:40.220 --> 00:17:43.380 ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล ประมาณนี้นะ 00:17:43.380 --> 00:17:45.680 นอกจากนี้ก็สามารถรับประทานวิตามิน B12 00:17:45.680 --> 00:17:47.020 กับวิตามิน B6 เพิ่มเติม 00:17:47.020 --> 00:17:49.400 รวมถึงหลีกเลี่ยงพวกกิจกรรมกลางแจ้ง 00:17:49.400 --> 00:17:51.080 ที่ต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน 00:17:51.080 --> 00:17:53.080 เพราะว่าแสงแดดนี่บางทีรังสีมันก็ 00:17:53.080 --> 00:17:55.360 ไปทำลายเซลล์รากผมอะไรต่าง ๆ ได้นะคะ 00:17:55.360 --> 00:17:58.060 ทำให้เกิดผมหงอกก่อนวัยอันควรได้เช่นกันค่ะ 00:17:58.060 --> 00:18:01.020 สำหรับวันนี้นะคะ วิวคิดว่าข้อมูลเราแน่นพอสมควรแล้วค่ะ 00:18:01.020 --> 00:18:02.440 ควรจะพอแค่นี้ก่อนเนอะ 00:18:02.440 --> 00:18:03.700 เราก็สลับกันไป 00:18:03.700 --> 00:18:05.800 คลิปบางคลิปก็จะข้อมูลแน่นนิดนึง 00:18:05.800 --> 00:18:07.260 บางคลิปก็จะมาทางวิทยาศาสตร์ 00:18:07.260 --> 00:18:09.420 บางคลิปก็จะไปทางเรื่องเล่าอะไรต่าง ๆ 00:18:09.420 --> 00:18:11.120 ก็เอาเป็นว่าผสม ๆ กันไปนะคะ 00:18:11.120 --> 00:18:13.400 สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ 00:18:13.400 --> 00:18:15.240 อยากให้วิวไปหาข้อมูลเรื่องอะไรมาเล่า 00:18:15.240 --> 00:18:17.140 ก็สามารถคอมเมนต์มาด้านล่างนะคะ 00:18:17.140 --> 00:18:20.280 และที่สำคัญนะคะ วิวค่อนข้างจะเชื่อมั่นในกลุ่มคนดูของวิวค่ะ 00:18:20.280 --> 00:18:22.840 ถ้าสมมติว่าใครเป็นนักวิทยาศาสตร์ ใครเป็นแพทย์ 00:18:22.840 --> 00:18:24.900 หรือว่ามีความรู้เรื่องนี้ดีกว่าวิวเนี่ย 00:18:25.120 --> 00:18:27.000 อย่าลืมพิมพ์มาอธิบายด้านล่างนะคะ 00:18:27.000 --> 00:18:29.800 อันนี้ก็เป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้นที่วิวไปหาข้อมูลมาเนอะ 00:18:29.800 --> 00:18:31.600 ดังนั้นอย่าลืมมาแชร์กันค่ะ 00:18:31.600 --> 00:18:33.420 สำหรับวันนี้ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ 00:18:33.420 --> 00:18:35.260 อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็ 00:18:35.260 --> 00:18:37.000 กดแชร์เพื่อชวนเพื่อน ๆ มาดูด้วยกันค่ะ 00:18:37.220 --> 00:18:38.920 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน 00:18:38.920 --> 00:18:39.700 บ๊ายบาย 00:18:40.020 --> 00:18:40.900 สวัสดีค่ะ 00:18:40.900 --> 00:18:42.140 สารภาพตามตรงนะทุกคน 00:18:42.140 --> 00:18:43.840 คลิปนี้ตอนแรกไม่ได้คิดจะทำเลย 00:18:43.840 --> 00:18:45.580 นี่คือข้อมูลที่ไปหามาแล้วก็ 00:18:45.720 --> 00:18:47.360 ตั้งใจจะอยากรู้เองไง 00:18:47.360 --> 00:18:49.240 แต่ว่าพอหามาแล้วมันเริ่มลึก 00:18:49.240 --> 00:18:50.820 พอมันเริ่มลึกแล้วมันก็รู้สึกว่าเอ๊ะ 00:18:50.820 --> 00:18:52.560 หรือคนอื่นเขาจะอยากรู้เหมือนเราไหมนะ 00:18:52.560 --> 00:18:55.440 ก็เลยคิดว่าไหน ๆ ก็ไหน ๆ เอามาทำเป็นคลิปวิดีโอละกัน 00:18:55.440 --> 00:18:57.660 เอาเป็นว่าชอบไม่ชอบยังไงอย่าลืมบอกกันนะคะ 00:18:57.660 --> 00:18:59.160 วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันค่ะทุกคน 00:18:59.380 --> 00:19:00.220 บ๊ายบาย 00:19:00.440 --> 00:19:01.160 สวัสดีค่ะ