การออกแบบเป็น
ปรากฏการณ์ที่ไม่แน่นอนและหาตัวจับได้ยาก
ซึ่งหมายถึงต่างสิ่ง ในเวลาที่แตกต่างกัน
แต่ทุกโปรเจ็กต์ออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจ
อย่างแท้จริง มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
ทั้งหมดล้วนเริ่มต้นด้วยความใฝ่ฝัน
ยิ่งความใฝ่ฝันอาจหาญมากเท่าไร
งานออกแบบก็ยิ่งสำเร็จมากเท่านั้น
นั่นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะบรรลุผล
และนี่คือเหตุผลที่บรรดาดีไซเนอร์ชั้นเลิศ
แทบทั้งหมดมักจะเป็น
นักช่างฝัน นักต่อต้าน
และนักปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นี่เป็นเยี่ยงอย่างที่เกิดในประวัติศาสตร์ตลอดมา
ย้อนกลับไปเมื่อ 300 ปีก่อนคริสตกาล
เมื่อเด็กวัย 13 ปีได้ขึ้นเป็นผู้ครองแคว้น
แห่งรัฐเอเชียเล็ก ๆ ที่ห่างไกล
และยากจนข้นแค้น
เขาใฝ่ฝันที่จะครอบครองดินแดน
ความมั่งคั่ง และอำนาจ
ผ่านการพิชิตทางการทหาร
และทักษะการออกแบบของเขา
แม้อาจฟังดูไม่น่าเป็นไปได้
แต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย
ที่จะช่วยให้เขาสามารถทำการนั้นได้
ณ เวลานั้น
ศาสตราวุธทุกชนิดถูกทำขึ้นด้วยมือ
ให้มีจุดประสงค์ในการใช้งานต่างกันออกไป
ฉะนั้น หากพลธนูใช้ลูกศรหมดระหว่างการรบ
พวกเขาก็ไม่สามารถเอาลูกศร
ของพลธนูคนอื่นมายิงได้
จากคันศรของพวกเขาเอง
เช่นนี้ แน่นอนว่าหมายถึง
พวกเขาจะด้อยประสิทธิภาพในการสู้รบ
และถูกโจมตีได้ง่ายมากเช่นกัน
ทว่า "อิ๋ง(เจิ้ง)" แก้ปัญหานี้ได้
โดยยืนกรานว่าทั้งคันศรและลูกศร
นั้นถูกออกแบบไว้เหมือน ๆ กัน
ดังนั้นจึงสามารถสับเปลี่ยนกันได้
และเขาก็ทำเช่นเดียวกันกับกริช ขวาน หอก โล่
รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ในทุก ๆ รูปแบบอื่น
กองทัพอาวุธครบมืออันน่าเกรงขามของเขา
ชนะการรบมานักต่อนัก
และภายในเวลา 15 ปี
แคว้นเล็ก ๆ ของเขา
ก็บรรลุผลสำเร็จในการพิชิต
รัฐเพื่อนบ้านทั้งหมดที่ใหญ่กว่า
มั่งคั่งกว่า และทรงอำนาจกว่า
ในการสถาปนาจักรวรรดิจีนอันเกรียงไกร
ทีนี้ ณ เวลานั้น
ไม่มีใครคิดจะพูดถึงอิ๋งเจิ้ง
ในฐานะดีไซเนอร์อย่างแน่นอน
ใครจะคิดกันเล่า
อีกทั้งเขายังใช้การออกแบบโดยไม่รู้ตัว
และโดยสัญชาตญาณ
กอปรกับพระปรีชาสามารถอันล้ำลึก
ในการบรรลุเป้าหมายของเขา
เช่นเดียวกับอีกคนที่ไม่น่าจะเป็นไปได้พอกัน
กับการเป็น "ดีไซเนอร์โดยบังเอิญ"
ผู้ซึ่งไม่ได้เหนือไปกว่า
คนใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการ
นี่คือเอ็ดเวิร์ด ทีช (Edward Teach)
ที่รู้จักกันดีในนาม "เคราดำ" โจรสลัดอังกฤษ
ยุคนี้เป็นยุคทองแห่งการปล้นสะดมทางทะเล
ที่ซึ่งโจรสลัดอย่างทีชเข้าข่มขวัญทะเลหลวง
การค้าทางอาณานิคมก็กำลังเฟื่องฟู
และการปล้นสะดมทางทะเลก็ให้ผลตอบแทนสูง
อีกทั้งโจรสลัดที่เหนือชั้นกว่าอย่างเขา
ก็รู้ดีว่าการทำตามอำเภอใจให้ถึงขีดสุดนั้น
พวกเขาจะต้องโจมตีศัตรูอย่างโหดเหี้ยม
เพื่อให้ศัตรูยอมแพ้ทันทีเมื่อแรกเห็น
ฉะนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
พวกเขาสามารถยึดเรือได้
โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองอาวุธยุทธภัณฑ์
หรือทำให้คนบาดเจ็บล้มตาย
ด้วยเหตุนี้เอง เอ็ดเวิร์ด ทีช
จึงออกแบบตัวเองใหม่ในบทบาท เคราดำ
โดยเล่นบทเป็นอสูรร้ายไร้ซึ่งความปราณี
เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนัก ๆ กับหมวกใบใหญ่
เพื่อให้เขาดูสูงเด่น
ไว้หนวดเคราหนาดกดำปกปิดใบหน้าของเขา
เขาคล้องสายสะพายปืนพกเอาไว้ทั้งสองบ่า
เขาถึงกับติดไม้ขีดไฟไว้ที่ปีกหมวกของเขา
และจุดให้ส่องสว่าง
ดังนั้น พวกมันจึงส่งเสียงขู่กึกก้อง
ในยามที่เรือสงบเยือกเย็นพร้อมที่จะโจมตี
เช่นเดียวกับโจรสลัดคนอื่น ๆ ในยุคนั้น
เขาชูธงที่ฉลุลายสัญลักษณ์แห่งความตาย
ของกระโหลกมนุษย์และกระดูกไขว้คู่หนึ่ง
เพราะสัญญาณเตือนนั้นสื่อถึงความตาย
ในหลากหลายวัฒนธรรมมานานนับศตวรรษ
ซึ่งความหมายของมันสามารถจดจำได้ในทันที
แม้แต่ในโลกที่ระส่ำระสาย
และไร้ซึ่งการศึกษาแห่งทะเลหลวง
"จงยอมแพ้ซะ ไม่เช่นนั้นเจ็บตัวแน่"
แน่นอนว่า เหยื่อผู้อ่อนไหวของเขา
ต่างศิโรราบโดยทั่วกันทันทีที่เห็น
การที่จะกล่าวเช่นนั้น
เป็นเรื่องง่ายที่จะเห็นว่า
เหตุใดเอ็ดเวิร์ด ทีช และพวกพ้องโจรสลัด
อาจจะถูกมองเป็นผู้บุกเบิก
ของการออกแบบนิเทศศิลป์ในยุคปัจจุบัน
และเหตุใดสัญลักษณ์แห่งความตายนั้น
(เสียงหัวเราะ)
ยังมีมากกว่านี้อีกนะคะ
เหตุใดสัญลักษณ์แห่งความตาย
ของกระโหลกและกระดูกไขว้
จึงเป็นเครื่องหมายโลโกในปัจจุบัน
แทนที่จะเป็นอักษรสีแดงตัวใหญ่
ที่ปรากฏอยู่เบื้องหลังฉันอยู่ขณะนี้
แต่แน่ล่ะค่ะว่า ในข้อความที่ต่างกัน
(เสียงหัวเราะ)
การออกแบบยังถูกใช้
ในเป้าหมายชนชั้นผู้ดีอีกด้วย
โดยนักออกแบบผู้ชาญฉลาด
และไม่น่าเป็นไปได้เช่นเดียวกัน
พยาบาลสาวชาวอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 19
"ฟลอเรนส์ ไนทิงเกล" (Florence Nightingale)
ภารกิจของเธอ คือการให้การดูแลสุขภาพที่ดี
สำหรับทุกคน
ไนทิงเกล เกิดในตระกูลชั้นสูง
แห่งอังกฤษผู้มั่งคั่ง
ครอบครัวที่ประหวั่นพรั่นพรึง
เมื่อเธอสมัครใจไปทำงานในโรงพยาบาลทหาร
ช่วงระหว่างสงครามไครเมีย
เธอสังเกตได้ในทันทีที่ไปถึง
มีผู้ป่วยตายเพราะโรคติดเชื้อ
ด้วยสาเหตุไปติดโรคที่นั่น
ในวอร์ด (หอผู้ป่วย)
อันแสนสกปรกและเหม็นเน่า
มากยิ่งกว่าผู้เสียชีวิตจาก
อาการบาดเจ็บเพราะการสู้รบ
เธอจึงรณรงค์เพื่อโรงพยาบาลที่
สะอาด, สว่าง, อากาศถ่ายเทขึ้น
ให้ได้รับการสร้างและออกแบบใหม่
เมื่อหวนสู่อ้อมอกประเทศอังกฤษ
เธอก็จัดตั้งการรณรงค์อีกโครงการหนึ่ง
โดยคราวนี้เป็นของโรงพยาบาลพลเรือน
และชี้ให้เห็นว่า หลักการออกแบบเดียวกัน
ได้ถูกปรับให้เข้ากับประชาชน
ตามที่ได้มีการเรียกขานกันว่า
"วอร์ดของไนทิงเกล"
มีอิทธิพลต่อการออกแบบโรงพยาบาล
มาหลายทศวรรษ
และองค์ประกอบของมันยังคงใช้งาน
ตราบจนทุกวันนี้
ทว่า ต่อจากนั้น
การออกแบบถูกมองว่า
เป็นเครื่องมือของยุคอุตสาหกรรม
ถูกทำให้เป็นทางการและมืออาชีพ
ทว่ากลับถูกจำกัด
ให้อยู่แต่ในบทบาทเฉพาะทาง
และโดยทั่วไปแล้ว ถูกประยุกต์
ไปตามเป้าหมายทางการค้า
มากกว่าจะถูกใช้โดยสัญชาตญาณ
อย่างที่ฟลอเรนส์ ไนทิงเกล, โจรสลัดเคราดำ
และอิ๋งเจิ้งได้กระทำ
ครั้นศตวรรษที่ 20
คุณลักษณะทางการค้านี้ก็ทรงอำนาจอย่างยิ่ง
ถึงขั้นที่ดีไซเนอร์ทุกคนผู้ฉีกกฎไปจากเดิม
เสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นพวกคิดนอกกรอบ
และตัวบ่อนทำลาย
หนึ่งในบรรดาดีไซเนอร์เหล่านั้น
เป็นดีไซเนอร์ในดวงใจของฉันเองค่ะ
ลาสโล มอฮออิ นอจิ (László Moholy-Nagy)
เขาเป็นศิลปินและดีไซเนอร์ชาวฮังกาเรียน
ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของการทดลอง
ผลกระทบจากเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน
อันทรงอิทธพลอย่างสูง
ขนาดที่ว่าการทดลองนี้
ยังคงมีบทบาทต่อการออกแบบภาพดิจิทัล
ที่เราจะเห็นได้จาก
จอโทรศัพท์มือถือและจอคอมพิวเตอร์
เขาปลุกปั่นโรงเรียนการออกแบบบาวเฮาส์
ประเทศเยอรมนี ในช่วงทศวรรษที่ 1920
กระทั่งอดีตเพื่อนร่วมงานบางคน
ยังเอาใจออกห่าง
เมื่อเขาทนสู้เปิดโรงเรียนบาวเฮาส์ขึ้น
อีกแห่งหนึ่ง ที่นครชิคาโกในปีถัดมา
ไอเดียของมอฮออิทั้งเด็ดเดี่ยว
และเฉียบแหลมที่สุดเท่าที่เคยมีมา
หากแต่แนวทางการออกแบบของเขานั้น
เป็นการลองผิดลองถูกจนเกินไป
เฉกเช่นการยืนหยัดดังคำกล่าวของเขา
ที่จะมองเห็นมันเป็นทัศนคติ
หาใช่งานเฉพาะทาง
ที่ต้องปรับให้ทันกับยุคสมัย
น่าเศร้า ที่แนวทางการออกแบบเดียวกันนี้
ถูกใช้โดย "ริชาร์ด บัคมินสเตอร์ ฟุลเลอร์"
ดีไซเนอร์อีกท่านที่มีความคิดไม่เหมือนใคร
ทั้งยังเป็นดีไซเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
และนักเคลื่อนไหวเพื่อการออกแบบ
ผู้ซึ่งทุ่มเททั้งกายใจอย่างเต็มเปี่ยม
ให้กับการออกแบบเพื่อสังคมที่ยั่งยืน
ในวิถีการคิดอันล้ำหน้านี้
เขาเป็นผู้ริเริ่มเอ่ยปากถึงความสำคัญ
ของแนวคิดสิ่งแวดล้อมนิยม
ในการออกแบบ เมื่อทศวรรษที่ 1920
และนอกจากความมุมานะของเขาแล้ว
ยังถูกเย้ยหยันว่าเป็นพวกคิดนอกกรอบ
จากบรรดาดีไซเนอร์แนวหน้าอยู่เนืองนิจ
และยอมรับค่ะว่า
การทดลองบางอย่างของเขาก็ล้มเหลว
อย่างรถบินได้ ที่ไม่มีวันแล่นพ้นพื้นดิน
แต่กระนั้น สูตรการออกแบบ
ที่ใช้สร้างโครงสร้างทรงกลม
(Geodesic Dome) เป็นที่พักพิงชั่วคราว
โดยเศษวัสดุเหลือใช้จากไม้, เหล็ก, พลาสติก
เศษชิ้นน้อย ๆ จากต้นไม้, ผ้าห่มเก่า ๆ ,
แผ่นพลาสติก
อะไรก็ตามที่หามาได้ในเวลานั้น
มันเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แห่งการออกแบบเพื่อมนุษยธรรม
และได้ให้ที่พักพิงอันจำเป็นอย่างยิ่งยวด
แก่ผู้คนเป็นหมื่นแสน
ที่ตกอยู่ในสภาวะอับจนหนทาง
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ค่ะ มันคือความกล้าและหยาดเหงื่อแรงกาย
ของดีไซเนอร์เปลี่ยนโลก
อย่างคุณบัคกี้และคุณมอฮออิ
ที่ดึงดูดใจฉันให้หันเข้าหาการออกแบบ
ฉันเริ่มต้นอาชีพเป็นนักข่าว
และผู้สื่อข่าวสายต่างประเทศ
ฉันเขียนเกี่ยวกับการเมือง,
เศรษฐกิจ และการสื่อสารองค์กร
และฉันก็สามารถเลือกที่จะ
เชี่ยวชาญจากสาขาใดก็ได้
แต่ฉันเลือกการออกแบบค่ะ
ด้วยเชื่อว่ามันคือเครื่องมือทรงอำนาจที่สุด
ที่ใช้ได้ทุกเมื่อยามต้องการ
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเรา
ขอบคุณนะคะ เพื่อนชาว TED
ผู้สนใจใคร่รู้การออกแบบทุกท่าน
(เสียงปรบมือ)
นอกจากฉันจะชื่นชมบูชา
ความสำเร็จของดีไซเนอร์ชั้นเลิศ
ซึ่งไม่ธรรมดาและเยี่ยมยอดแล้ว
ฉันยังเชื่ออีกว่า
การออกแบบทำประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
จากความคิดริเริ่ม
การคิดนอกกรอบ
และไหวพริบปฏิภาณของเหล่านักปฏิวัติ
เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาอันน่าประทับใจ
ของการออกแบบ
เพราะนี่คือเวลาที่ทั้งสองฝ่าย
จะหันหน้าเข้าหากัน
เพราะแม้แต่ความล้ำหน้าเพียงน้อยนิด
ในเทคโนโลยีดิจิทัล
ก็เอื้อให้พวกเขาเพิ่มพูนการดำเนินการ
ได้อย่างมีอิสระยิ่งขึ้น
ทั้งในและนอกบริบททางการค้า
ในการดำเนินตามเป้าหมายอันหลายหลาก
และใช้ความพยายามสูงเท่าที่เคยมีมา
ดังนั้น ตามทฤษฎีแล้ว
แพลทฟอร์มพื้น ๆ อย่างการระดมทุนสาธารณะ
การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ และโซเชียลมีเดีย
ได้มอบอิสระเสรีมากขึ้น
แก่บรรดาดีไซเนอร์ชั้นเลิศ
และมอบทรัพยากรมากขึ้น
แก่ดีไซเนอร์ชั่วคราว
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
จะมีการตอบรับที่เปิดกว้างมากขึ้น
ต่อไอเดียของพวกเขา
ดีไซเนอร์ในดวงใจของฉัน
ที่จะยกตัวอย่างในประเด็นนี้อยู่ที่แอฟริกา
ที่ซึ่งดีไซเนอร์รุ่นใหม่
กำลังพัฒนาเทคโนโลยี
Internet of Things (IoT) อันเหลือเชื่อ
เพื่อสานฝันของไนทิงเกล
ในการพัฒนาการบริการสุขภาพ
ในประเทศที่ผู้คนเข้าถึงโทรศัพท์มือถือ
มากเสียกว่าที่เข้าถึงน้ำประปาที่สะอาด
และหนึ่งในนั้นก็คือ อาร์เธอร์ แซ็ง
เขาคือหนุ่มวิศวกรดีไซเนอร์ชาวคาเมรูน
ผู้ที่ดัดแปลงแท็บเล็ตให้เป็นคาร์ดิโอแพด
(Cardiopad)
เครื่องตรวจวัดชีพจรขนาดพกพา
สิ่งนี้สามารถตรวจวัดชีพจรของผู้ป่วย
จากเขตพื้นที่ห่างไกลได้
จากนั้น ผลตรวจก็จะถูกส่งผ่านระบบเซลลูลาร์
ไปยังโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ครบครัน
ห่างออกไปนับร้อย ๆ ไมล์
เพื่อทำการวิเคราะห์ผล
และหากผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล
พบปัญหาใด ๆ
ก็จะแนะนำคอร์สการรักษาที่เหมาะสมให้
แน่นอนว่าเครื่องนี้รักษาชีวิตคนไว้มากมาย
จากการเดินทางอันยาวไกล ยากลำบาก
มีค่าใช้จ่ายสูง และไร้จุดหมาย
ไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆ
และทำให้มีโอกาสขึ้นมากเป็นทบทวี
ที่หัวใจของพวกเขาจะได้รับการตรวจ
อาร์เธอร์ แซงเริ่มคิดค้นคาร์ดิโอแพด
เป็นระยะเวลาแปดปีมาแล้ว
นับตั้งแต่เรียนอยู่ปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัย
แต่เขาล้มเหลวที่จะจูงใจ
แหล่งทุนตามแบบแผนอันเป็นที่ยอมรับใด ๆ
มาลงทุนเพื่อนำพาโปรเจ็กต์ให้บังเกิดผล
เขาจึงโพสต์ไอเดียของเขาลง Facebook
จนมีข้าราชการคาเมรูนท่านหนึ่งมาพบเข้า
และเก็บรวบรวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลให้
ปัจจุบัน เขาไม่เพียงพัฒนาคาร์ดิโอแพด
ยังมีอุปกรณ์การแพทย์รุ่นพกพาที่รักษา
ภาวะอาการอื่น ๆ อีกด้วย
และเขาไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว
เพราะยังมีดีไซเนอร์ที่สร้างบันดาลใจ
และกล้าคิดกล้าทำสิ่งใหม่อีกมากมาย
ผู้ขับเคลื่อนสุดยอดโครงการของตน
และฉันจะขอปิดท้ายสักสองสามโครงการ
หนึ่งคือพีค วิชัน (Peek Vision)
นี่คือกลุ่มแพทย์และดีไซเนอร์ที่เคนยา
ที่พัฒนาเทคโนโลยี Internet of things
ด้วยตัวเอง
ให้เป็นชุดเครื่องมือตรวจดวงตาที่พกพาง่าย
และนี่ก็คือแกเบรียล มาร์ (Gabriel Maher)
ผู้สรรค์สร้างภาษาใหม่แห่งการออกแบบ
ที่ช่วยให้เราเรียงร้อยถ้อยคำความละเอียดอ่อน
ของการเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ทางเพศของเรา
โดยปราศจากการขอความช่วยเหลือ
ตามแบบบทบาททางเพศฉบับดั้งเดิม
ดีไซเนอร์ทั้งหมดนี้และอีกมากหลาย
ต่างไล่ตามความฝันของตน
ด้วยการใช้ประโยชน์จากอิสระที่ได้รับ
ให้มากที่สุด
ด้วยระเบียบวินัยของดีไซเนอร์ชั้นเลิศ
และไหวพริบปฏิภาณของเหล่านักปฏิวัติ
ให้เราทุกคนได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า
ขอบคุณค่ะ
(เสียงปรบมือ)