1 00:00:01,459 --> 00:00:05,686 นี่คือคำถามที่เราต้องมาคิดใหม่ด้วยกันครับ 2 00:00:05,686 --> 00:00:08,127 เงินและตลาดควรมีบทบาทอย่างไร 3 00:00:08,127 --> 00:00:11,613 ในสังคมของเรา 4 00:00:11,613 --> 00:00:14,107 ทุกวันนี้ มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างที่ 5 00:00:14,107 --> 00:00:16,795 เงินซื้อไม่ได้ 6 00:00:16,795 --> 00:00:18,452 ถ้าคุณต้องเข้าคุก 7 00:00:18,452 --> 00:00:20,903 ในซานตาบาร์บาร่า แคลิฟอร์เนีย 8 00:00:20,903 --> 00:00:22,255 คุณควรจะรู้ว่า 9 00:00:22,255 --> 00:00:24,970 ถ้าคุณไม่ชอบที่พักแบบมาตรฐาน 10 00:00:24,970 --> 00:00:29,313 คุณสามารถจ่ายเงินเพื่ออัพเกรดห้องขังได้ 11 00:00:29,313 --> 00:00:32,159 จริงๆนะครับ เท่าไหร่น่ะเหรอ คุณคิดว่าไงครับ 12 00:00:32,159 --> 00:00:34,100 คุณทายว่าเท่าไหร่ครับ 13 00:00:34,100 --> 00:00:35,805 500 ดอลลาร์เหรอ 14 00:00:35,805 --> 00:00:39,140 มันไม่ใช่โรงแรมริทซ์คาร์ลตัน (Riitz-Carlton) นะครับ มันคือคุก 15 00:00:39,140 --> 00:00:41,164 คืนละ 82 ดอลลาร์ครับ 16 00:00:41,164 --> 00:00:43,536 คืนละ 82 ดอลลาร์ 17 00:00:43,536 --> 00:00:45,736 ถ้าคุณไปสวนสนุก 18 00:00:45,736 --> 00:00:48,428 แล้วไม่อยากยืนรอคิวยาวๆ 19 00:00:48,428 --> 00:00:49,884 ในแถวเครื่องเล่นสุดฮิต 20 00:00:49,884 --> 00:00:52,771 มีทางออกแล้วครับ ตอนนี้ 21 00:00:52,771 --> 00:00:57,035 ในสวนสนุกหลายแห่ง คุณจ่ายเพิ่ม 22 00:00:57,035 --> 00:00:58,649 เพื่อที่จะโดดไปอยู่หัวแถวได้เลย 23 00:00:58,649 --> 00:01:03,164 พวกเขาเรียกมันว่า ทางด่วน (Fast Track) หรือตั๋ว VIP 24 00:01:03,164 --> 00:01:06,753 และนี่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสวนสนุกเท่านั้นนะครับ 25 00:01:06,753 --> 00:01:09,969 ในวอชิงตัน ดีซี แถวยาวๆ 26 00:01:09,969 --> 00:01:11,909 ที่บางครั้งต่อแถวกัน 27 00:01:11,909 --> 00:01:15,778 เพื่อฟังประชุมสภาสำคัญๆ 28 00:01:15,778 --> 00:01:19,283 เดี๋ยวนี้ คนจำนวนหนึ่งไม่อยากรอในแถวยาว 29 00:01:19,283 --> 00:01:21,788 ข้ามคืนหรือแม้กระทั่งกลางสายฝน 30 00:01:21,788 --> 00:01:23,785 ดังนั้น ตอนนี้ สำหรับนักล็อบบี้และคนอื่นๆ 31 00:01:23,785 --> 00:01:25,591 ที่ต้องการจะเข้าร่วมงานนี้อย่างมาก 32 00:01:25,591 --> 00:01:28,310 แต่ไม่อยากรอ มีบริษัทครับ 33 00:01:28,310 --> 00:01:30,353 บริษัทเข้าคิวต่อแถว 34 00:01:30,353 --> 00:01:32,216 และคุณไปหาพวกเขาได้ 35 00:01:32,216 --> 00:01:34,105 คุณจ่ายเงินพวกเขาจำนวนหนึ่ง 36 00:01:34,105 --> 00:01:37,370 พวกเขาจ้างคนจรจัดหรือคนที่ว่างงาน 37 00:01:37,370 --> 00:01:40,653 ไปยืนต่อแถว นานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ 38 00:01:40,653 --> 00:01:43,521 แล้วนักล็อบบี้ทั้งหลาย ก่อนงานจะเริ่ม 39 00:01:43,521 --> 00:01:46,400 ก็สามารถมาเข้าที่ตรงหัวแถว 40 00:01:46,400 --> 00:01:49,145 แล้วก็ได้นั่ง ที่นั่งดีๆหน้าห้องไป 41 00:01:49,145 --> 00:01:52,224 งานต่อแถวรับจ้าง 42 00:01:52,224 --> 00:01:55,806 มันกำลังเกิดขึ้นครับ การพึ่งพากลไกตลาด 43 00:01:55,806 --> 00:01:58,480 และการคิดและการแก้ปัญหาด้วยการตลาด 44 00:01:58,480 --> 00:02:01,112 ในขอบเขตที่กว้างขึ้น 45 00:02:01,112 --> 00:02:03,783 มาดูวิธีการที่เราต่อสู้ในสงครามกันครับ 46 00:02:03,783 --> 00:02:06,850 คุณรู้มั้ยครับว่า ในอิรักและอัฟกานิสถาน 47 00:02:06,850 --> 00:02:10,895 มีทหารรับจ้างอยู่ในพื้นที่ 48 00:02:10,895 --> 00:02:14,715 มากกว่าทหารของกองทัพสหรัฐฯ เสียอีก 49 00:02:14,715 --> 00:02:17,834 เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เพราะว่าเราได้ถกเถียงกัน 50 00:02:17,834 --> 00:02:20,811 เรื่องว่าเราอยากจะจ้างบริษัทเอกชน 51 00:02:20,811 --> 00:02:22,982 มาทำสงครามหรือไม่ 52 00:02:22,982 --> 00:02:25,689 แต่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว 53 00:02:25,689 --> 00:02:28,117 ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา 54 00:02:28,117 --> 00:02:32,215 เราใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการปฏิวัติเงียบ 55 00:02:32,215 --> 00:02:37,182 เราล่องลอยไปโดยแทบจะไม่รู้เลยว่า 56 00:02:37,182 --> 00:02:40,430 เราเปลี่ยนจากการมีระบบเศรษฐกิจ ที่ใช้การตลาด 57 00:02:40,430 --> 00:02:44,397 ได้กลายมาเป็นสังคมการตลาด 58 00:02:44,397 --> 00:02:47,982 ความแตกต่างก็คือว่า ระบบเศรษฐกิจการตลาดนั้น เป็นเครื่องมือ 59 00:02:47,982 --> 00:02:49,644 เครื่องมือที่มีค่าและมีประสิทธิภาพ 60 00:02:49,644 --> 00:02:52,702 สำหรับจัดการกับการผลิตที่มากเกินกว่า ความต้องการ 61 00:02:52,702 --> 00:02:55,760 แต่สังคมแบบการตลาดนั้นคือ 62 00:02:55,760 --> 00:02:58,608 ที่ๆ เกือบทุกอย่างนั้นมีไว้เพื่อขาย 63 00:02:58,608 --> 00:03:02,060 มันเป็นวิถีชีวิต ที่การคิดแบบการตลาด 64 00:03:02,060 --> 00:03:04,781 และค่านิยมแบบกตลาด ได้ครอบงำ 65 00:03:04,781 --> 00:03:08,305 ทุกๆด้านของชีวิต 66 00:03:08,305 --> 00:03:13,040 ความสัมพันธ์ส่วนตัว ชีวิตครอบครัว สุขภาพ การศึกษา 67 00:03:13,040 --> 00:03:16,339 การเมือง กฎหมาย ชีวิตพลเมือง 68 00:03:16,339 --> 00:03:21,830 เอาล่ะ ทำไมต้องกังวลด้วยล่ะ ทำไมต้องกังวลกับการที่เรากลายมาเป็น 69 00:03:21,830 --> 00:03:24,376 สังคมการตลาด 70 00:03:24,376 --> 00:03:27,480 ผมคิดว่า มันมีสองเหตุผลครับ 71 00:03:27,480 --> 00:03:32,161 หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของความไม่เท่าเทียมกัน 72 00:03:32,161 --> 00:03:35,494 ยิ่งเงินซื้อของได้มากเท่าไหร่ 73 00:03:35,494 --> 00:03:39,788 ความมั่งคั่ง หรือการยากไร้ ก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น 74 00:03:39,788 --> 00:03:42,645 ถ้าหากมีเพียงสิ่งเดียวที่เงินเป็นตัวตัดสิน 75 00:03:42,645 --> 00:03:48,334 คือการได้มาซึ่งเรือยอช หรือ วันหยุดหรูๆ หรือ รถ BMW แล้วล่ะก็ 76 00:03:48,334 --> 00:03:52,686 ความไม่เท่าเทียมกัน ก็คงจะไม่สำคัญเท่าไหร่นัก 77 00:03:52,686 --> 00:03:56,113 แต่เมื่อเงินได้ครอบงำ 78 00:03:56,113 --> 00:04:00,950 การเข้าถึงสิ่ง ปัจจัยสำคัญในการมีชีวิตที่ดี มากขึ้นเรื่อยๆ เช่น 79 00:04:00,950 --> 00:04:04,876 การบริการด้านสุขภาพที่ยอดเยี่ยม การศึกษาที่ดีที่สุด 80 00:04:04,876 --> 00:04:09,746 การมีสิทธิทางการเมือง และสิทธิในการรณรงค์เรื่องต่างๆ 81 00:04:09,746 --> 00:04:13,326 ถ้าเงินครอบงำสิ่งเหล่านั้นได้แล้วล่ะก็ 82 00:04:13,326 --> 00:04:15,876 ความไม่เท่าเทียม ก็มีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว 83 00:04:15,876 --> 00:04:18,131 ดังนั้น การที่ทุกอย่างกลายเป็นสินค้าในตลาด 84 00:04:18,131 --> 00:04:21,701 ทำให้ความเหลื่อมล้ำ ด้านสังคม 85 00:04:21,701 --> 00:04:23,885 และพลเมือง ขยายวงกว้างขึ้น 86 00:04:23,885 --> 00:04:26,871 นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ควรค่าแก่การกังวล 87 00:04:26,871 --> 00:04:29,108 ยังมีเหตุผลที่สองอยู่นะครับ 88 00:04:29,108 --> 00:04:33,007 นอกจากเรื่องความเหลื่อมล้ำ 89 00:04:33,007 --> 00:04:35,326 นั่นก็คือ 90 00:04:35,326 --> 00:04:39,250 สำหรับสินค้า และแนวปฏิบัติทางสังคมบางอย่าง 91 00:04:39,250 --> 00:04:44,716 เมื่อวิธีคิดและค่านิยมแบบใช้การตลาด ย่างกรายเข้ามา 92 00:04:44,716 --> 00:04:47,488 มันอาจเปลี่ยนความหมายของแนวปฏิบัติเหล่านั้น 93 00:04:47,488 --> 00:04:50,837 และดึงเอาทัศนคติและบรรทัดฐานต่างๆ 94 00:04:50,837 --> 00:04:52,786 ที่เราควรจะให้ความสนใจ ทิ้งไป 95 00:04:52,786 --> 00:04:55,410 ผมอยากจะยกตัวอย่าง 96 00:04:55,410 --> 00:04:59,136 ของการใช้กลไกตลาดที่เป็นที่โต้แย้งกัน 97 00:04:59,136 --> 00:05:03,881 เช่น การจูงใจด้วยเงิน แล้วมาดูกันว่าคุณคิดยังไงกับมัน 98 00:05:03,881 --> 00:05:07,046 หลายๆ โรงเรียนเผชิญกับข้อท้าทาย 99 00:05:07,046 --> 00:05:09,585 ในการจูงใจเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ 100 00:05:09,585 --> 00:05:13,540 ที่มาจากปูมหลังที่ด้อยกว่า เพื่อให้พวกเขาขยันเรียน 101 00:05:13,540 --> 00:05:16,579 ทำอย่างไรให้พวกเขาตั้งใจเรียนให้เก่ง 102 00:05:16,579 --> 00:05:20,067 นักเศรษฐศาสตร์บางคน เสนอทางออก โดยใช้กลไกของตลาด 103 00:05:20,067 --> 00:05:24,126 เสนอเงินจูงใจให้เด็กๆ เพื่อให้ทำเกรดได้ดีๆ 104 00:05:24,126 --> 00:05:26,500 หรือทำคะแนนได้ดีๆ 105 00:05:26,500 --> 00:05:28,451 หรืออ่านหนังสือ 106 00:05:28,451 --> 00:05:30,233 พวกเขาลองมันแล้วล่ะ จริงๆ แล้ว 107 00:05:30,233 --> 00:05:31,518 พวกเขาได้ทำการทดลอง 108 00:05:31,518 --> 00:05:34,949 ในเมืองใหญ่หลายเมืองในอเมริกา 109 00:05:34,949 --> 00:05:38,596 ในนิวยอร์ก ชิคาโก วอชิงตันดีซี 110 00:05:38,596 --> 00:05:42,307 พวกเขาลองแล้ว เสนอเงิน 50 เหรียญ สำหรับเกรดเอ 111 00:05:42,307 --> 00:05:44,499 35 เหรียญสำหรับเกรดบี 112 00:05:44,499 --> 00:05:47,673 ในดัลลัส เท็กซัส พวกเขามีกิจกรรม ที่ให้ข้อเสนอ 113 00:05:47,673 --> 00:05:52,093 กับเด็กแปดขวบว่า พวกเขาจะได้สองเหรียญ จากหนังสือแต่ละเล่มที่พวกเขาอ่าน 114 00:05:52,093 --> 00:05:55,012 ดังนั้น มาดูกัน -- บางคนชอบ 115 00:05:55,012 --> 00:05:58,402 บางคนต่อต้านการใช้เจ้าเงินจูงใจนี่ 116 00:05:58,402 --> 00:06:00,100 เป็นตัวกระตุ้นการบรรลุผลสำเร็จ 117 00:06:00,100 --> 00:06:02,737 มาดูกันว่า คนที่นี่คิดยังไงกับมันครับ 118 00:06:02,737 --> 00:06:07,245 นึกภาพว่า คุณเป็นหัวหน้าของระบบโรงเรียนขนาดใหญ่ 119 00:06:07,245 --> 00:06:10,230 แล้วใครบางคนก็มาหาคุณ พร้อมกับข้อเสนอนี้ 120 00:06:10,230 --> 00:06:12,867 สมมติว่า เป็นมูลนิธิแห่งหนึ่ง พวกเขาจะให้เงินทุนด้วย 121 00:06:12,867 --> 00:06:14,733 คุณไม่ต้องดึงเอางบอะไรของคุณออกมาเลย 122 00:06:14,733 --> 00:06:16,015 มีกี่คนที่เห็นด้วย 123 00:06:16,015 --> 00:06:19,609 และกี่คนที่ไม่เห็นด้วย กับการทดลองนี้ครับ 124 00:06:19,609 --> 00:06:21,205 มาดูผลกัน ด้วยการยกมือครับ 125 00:06:21,205 --> 00:06:24,799 อันดับแรก มีกี่คนที่คิดว่า มันก็น่าลองดู 126 00:06:24,799 --> 00:06:28,695 ว่ามันจะใช้ได้ผลมั้ย ยกมือครับ 127 00:06:28,695 --> 00:06:31,426 และมีกี่คนที่ไม่เห็นด้วยครับ มีกี่คนที่ -- 128 00:06:31,426 --> 00:06:34,240 เอาล่ะ ส่วนใหญ่ของคนที่นี่ไม่เห็นด้วย 129 00:06:34,240 --> 00:06:37,222 แต่ส่วนน้อยจำนวนหนึ่งเห็นด้วย 130 00:06:37,222 --> 00:06:38,791 เรามาคุยกันดีกว่าครับ 131 00:06:38,791 --> 00:06:41,834 เรามาเริ่มด้วยคุณๆ ที่ไม่เห็นด้วย 132 00:06:41,834 --> 00:06:44,715 เราตัดวิธีนี้ทิ้ง ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ทดลอง 133 00:06:44,715 --> 00:06:46,336 เหตุผลของคุณคืออะไร 134 00:06:46,336 --> 00:06:50,208 ใครจะเป็นคนเริ่มการสนทนาของเราครับ ครับ 135 00:06:50,208 --> 00:06:52,106 ไฮเกอะ โมเสส (Heike Moses): สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อไฮเกอะ 136 00:06:52,106 --> 00:06:54,873 และฉันแค่คิดว่า มันจะทำลายแรงจูงใจภายใน 137 00:06:54,873 --> 00:07:00,021 ไม่ว่าเด็กๆ จะอยากอ่านหนังสือหรือไม่ 138 00:07:00,021 --> 00:07:02,138 วิธีนี้ ทำให้คุณเอาแรงจูงใจภายในโยนทิ้งไป 139 00:07:02,138 --> 00:07:05,590 ด้วยการแค่จ่ายเงินพวกเขา มันก็เปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขาได้แล้ว 140 00:07:05,590 --> 00:07:09,008 ไมเคิล แซนเดล (Michael Sandel): ดึงเอาแรงจูงใจภายในออกไป 141 00:07:09,008 --> 00:07:13,243 แล้วอะไรล่ะที่เป็น หรือควรเป็น แรงจูงใจภายใน 142 00:07:13,243 --> 00:07:14,933 ไฮเกอะ : คือ แรงจูงใจภายใน 143 00:07:14,933 --> 00:07:16,610 ควรจะเป็นความอยากที่จะเรียนรู้ 144 00:07:16,610 --> 00:07:19,753 ไมเคิล: ความอยากที่จะเรียนรู้ ไฮเกอะ: ความอยากที่จะรู้จักโลก 145 00:07:19,753 --> 00:07:22,647 แล้ว ถ้าคุณหยุดจ่ายเงินพวกเขา อะไรจะเกิดขึ้น 146 00:07:22,647 --> 00:07:24,394 แล้วพวกเขาก็จะหยุดอ่านงั้นหรือ 147 00:07:24,394 --> 00:07:27,375 ไมเคิล: เอาล่ะ มาดูซิว่ามีใครเห็นด้วย กับการจ่ายเงินบ้าง 148 00:07:27,375 --> 00:07:29,745 ใครคิดว่ามันน่าลอง 149 00:07:29,745 --> 00:07:31,714 เอลิซาเบ็ธ ลอฟทัส (Elizabeth Loftus): ฉันชือเอลิซาเบ็ธ ลอฟทัสค่ะ 150 00:07:31,714 --> 00:07:35,844 และคุณพูดว่า น่าลอง ดังนั้น ทำไมไม่ลองดูล่ะ 151 00:07:35,844 --> 00:07:39,967 และทำการทดลอง แล้ววัดผลมันซะ 152 00:07:39,967 --> 00:07:42,140 ไมเคิล: แล้ววัดผลมัน อะไรที่คุณจะใช้วัดล่ะ 153 00:07:42,140 --> 00:07:43,861 คุณจะวัดว่ามีกี่ -- 154 00:07:43,861 --> 00:07:45,705 เอลิซาเบ็ธ : พวกเขาอ่านหนังสือกี่เล่ม 155 00:07:45,705 --> 00:07:48,395 และมีหนังสือกี่เล่มที่พวกเขาอ่านต่อ 156 00:07:48,395 --> 00:07:50,110 หลังจากที่คุณหยุดจ่ายพวกเขา 157 00:07:50,110 --> 00:07:52,467 ไมเคิล: โอ้ หลังจากที่คุณหยุดจ่าย 158 00:07:52,467 --> 00:07:53,821 เอาล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ 159 00:07:53,821 --> 00:07:55,798 ไฮเกอะ: บอกตามตรงนะคะ ฉันแค่คิดว่า 160 00:07:55,798 --> 00:08:00,431 ไม่ได้จะว่าใครเลยนะคะ นี่เป็นวิธีคิดแบบอเมริกัน 161 00:08:00,431 --> 00:08:06,903 (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) 162 00:08:06,903 --> 00:08:09,106 ไมเคิล: เอาล่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นจากการสนทนานี้ 163 00:08:09,106 --> 00:08:11,226 คือคำถามต่อมาที่ว่า 164 00:08:11,226 --> 00:08:15,477 เงินจูงใจจะผลักดัน หรือบิดเบือน 165 00:08:15,477 --> 00:08:18,666 หรือดึงออกมา ซึ่งแรงจูงใจที่มีคุณค่าสูงกว่า 166 00:08:18,666 --> 00:08:23,460 แรงจูงใจภายในที่เราหวังอยากให้มี 167 00:08:23,460 --> 00:08:27,547 ซึ่งคือการเรียนรู้ที่จะรักการอ่าน และรักที่จะเรียนรู้ 168 00:08:27,547 --> 00:08:29,550 เพื่อตัวของพวกเขาเอง 169 00:08:29,550 --> 00:08:33,647 และถึงคนส่วนใหญ่จะเห็นไม่ตรงกัน ว่าผลกระทบจากการทำเช่นนั้นจะเป็นอย่างไร 170 00:08:33,647 --> 00:08:36,304 แต่นั่นดูจะเป็นคำถามที่สำคัญ 171 00:08:36,304 --> 00:08:38,340 ในทางใดทางหนึ่ง กลไกการตลาด 172 00:08:38,340 --> 00:08:43,201 หรือเงินจูงใจ ให้บทเรียนแบบผิดๆ 173 00:08:43,201 --> 00:08:46,808 และถ้าเป็นอย่างนั้น เด็กๆ เหล่านั้น จะเป็นอย่างไรในอนาคต 174 00:08:46,808 --> 00:08:50,181 ผมควรจะบอกคุณว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้างในการทดลองเหล่านี้ 175 00:08:50,181 --> 00:08:54,699 การใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งเกรดดีๆ มีผลลัพธ์ที่หลากหลายมาก 176 00:08:54,699 --> 00:08:57,846 ส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลให้เด็กๆ มีเกรดที่ดีขึ้น 177 00:08:57,846 --> 00:09:00,217 เงินสองเหรียญ สำหรับการอ่านหนังสือแต่ละเล่ม 178 00:09:00,217 --> 00:09:03,518 ทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือมากขึ้นจริงๆ 179 00:09:03,518 --> 00:09:06,162 แต่มันยังทำให้เด็กๆ อ่านหนังสือที่สั้นลงด้วย 180 00:09:06,162 --> 00:09:10,340 (เสียงหัวเราะ) 181 00:09:10,340 --> 00:09:11,990 แต่คำถามที่แท้จริงคือว่า 182 00:09:11,990 --> 00:09:14,562 แล้วในอนาคตเด็กๆ เหล่านี้จะเป็นอย่างไร 183 00:09:14,562 --> 00:09:16,676 สิ่งที่น่ากังวลคือพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า การอ่านเป็นเรื่องน่าเบื่อ 184 00:09:16,676 --> 00:09:19,648 เป็นงานประเภทที่ต้องได้ค่าจ้างถึงจะทำ 185 00:09:19,648 --> 00:09:24,265 หรือมันอาจจะทำให้พวกเขาอ่าน ด้วยเหตุผลแบบผิดๆ ในเบื้องต้น 186 00:09:24,265 --> 00:09:29,011 แต่ก็ทำให้พวกเขาตกหลุมรักการอ่าน ในภายหลัง รึเปล่า 187 00:09:29,011 --> 00:09:33,832 ตอนนี้ สิ่งที่เรื่องนี้ หรือการถกเถียงแบบสั้นๆ ครั้งนี้ 188 00:09:33,832 --> 00:09:37,650 ได้นำออกมา ก็คือ สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองข้ามไป 189 00:09:37,650 --> 00:09:39,746 นักเศรษฐศาสตร์มักจะคาดเดาว่า 190 00:09:39,746 --> 00:09:42,370 ตลาดนั้นเฉื่อย 191 00:09:42,370 --> 00:09:46,736 มันจะไม่แตะต้อง หรือทำให้สินค้าที่มันแลกเปลี่ยนแปดเปื้อน 192 00:09:46,736 --> 00:09:49,840 พวกเขาคาดว่า การแลกเปลี่ยนในตลาด 193 00:09:49,840 --> 00:09:52,300 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความหมายหรือคุณค่า 194 00:09:52,300 --> 00:09:53,583 ของสินค้าที่ถูกแลกเปลี่ยน 195 00:09:53,583 --> 00:09:55,159 นี่จะอาจจะจริงก็ได้ 196 00:09:55,159 --> 00:09:57,576 ถ้าเรากำลังพูดถึงสินค้าที่เป็นวัตถุ 197 00:09:57,576 --> 00:10:00,082 ถ้าคุณขายทีวีจอแบนให้ผม 198 00:10:00,082 --> 00:10:02,260 หรือให้ผมเครื่องหนึ่งเป็นของขวัญ 199 00:10:02,260 --> 00:10:03,620 มันก็จะมีผลแบบเดียวกัน 200 00:10:03,620 --> 00:10:06,106 มันให้ผลแบบเดียวกันไม่ว่าทางใด 201 00:10:06,106 --> 00:10:08,882 แต่มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น 202 00:10:08,882 --> 00:10:11,214 ถ้าเรากำลังพูดถึงสินค้าที่ไม่ใช่วัตถุ 203 00:10:11,214 --> 00:10:15,164 อย่างแนวปฏิบัติทางสังคม เช่น การสอนและการเรียน 204 00:10:15,164 --> 00:10:18,896 หรือการมีส่วนร่วมในวิถีชีวิตของพลเมือง 205 00:10:18,896 --> 00:10:22,317 ในเรื่องเหล่านี้ การนำเอากลไกตลาด 206 00:10:22,317 --> 00:10:26,235 และเงินจูงใจมาใช้ อาจกัดกร่อน 207 00:10:26,235 --> 00:10:30,555 หรือเบียดบังคุณค่าและทัศนคติ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตลาด 208 00:10:30,555 --> 00:10:32,914 แต่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และควรให้ความสนใจ 209 00:10:32,914 --> 00:10:35,138 แล้วเมื่อเราได้เห็นว่า 210 00:10:35,138 --> 00:10:38,849 ตลาดและการค้า 211 00:10:38,849 --> 00:10:42,510 ที่ขยายตัวออกนอกขอบเขตทางวัตถุ 212 00:10:42,510 --> 00:10:47,960 สามารถเปลี่ยนคุณลักษณะของสินค้า 213 00:10:47,960 --> 00:10:50,521 สามารถเปลี่ยนความหมายของ แนวปฏิบัติทางสังคมต่างๆ 214 00:10:50,521 --> 00:10:53,985 อย่างที่เห็นในตัวอย่าง เรื่องการเรียนการสอน 215 00:10:53,985 --> 00:10:58,631 เราต้องถามว่า การตลาดควรจะอยู่ที่ตรงไหน 216 00:10:58,631 --> 00:11:00,562 และไม่ควรจะอยู่ที่ตรงไหน 217 00:11:00,562 --> 00:11:02,935 ตรงไหนที่มันลดทอน 218 00:11:02,935 --> 00:11:05,938 คุณค่าและทัศนคติที่พึงมี 219 00:11:05,938 --> 00:11:09,200 แต่ในการถกเถียงเรื่องนี้ 220 00:11:09,200 --> 00:11:12,698 เราต้องทำในสิ่งที่เราทำได้ไม่ดีนัก 221 00:11:12,698 --> 00:11:16,180 และนั่นก็คือการให้เหตุผลร่วมกัน 222 00:11:16,180 --> 00:11:19,420 เกี่ยวกับคุณค่าและความหมาย 223 00:11:19,420 --> 00:11:23,424 ของแนวปฏิบัติทางสังคมที่เราให้ความสำคัญ 224 00:11:23,424 --> 00:11:25,929 ตั้งแต่ร่างกายของเรา จนถึงชีวิตครอบครัวของเรา 225 00:11:25,929 --> 00:11:27,882 รวมถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว สุขภาพ 226 00:11:27,882 --> 00:11:31,595 การเรียนการสอน ชีวิตพลเมือง 227 00:11:31,595 --> 00:11:34,579 สิ่งเหล่านี้คือ คำถามสำคัญ 228 00:11:34,579 --> 00:11:37,339 และเรามีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยง ที่จะตอบ 229 00:11:37,339 --> 00:11:40,259 ที่จริง ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา 230 00:11:40,259 --> 00:11:42,756 ในเวลาที่การให้เหตุผลแบบการตลาด และการคิดแบบการตลาด 231 00:11:42,756 --> 00:11:46,244 มีพลังและได้รับสิทธิพิเศษ 232 00:11:46,244 --> 00:11:49,726 การถกเถียงสาธารณะของเราในช่วงเวลานั้น 233 00:11:49,726 --> 00:11:51,961 กลับกลวงโบ๋ 234 00:11:51,961 --> 00:11:55,667 ปราศจากความหมายทางศีลธรรมที่กว้างขวาง 235 00:11:55,667 --> 00:11:58,879 ด้วยความกลัวที่จะคิดต่าง เราหลีกเลี่ยงคำถามเหล่านี้ 236 00:11:58,879 --> 00:12:02,406 แต่เมื่อเราได้เห็นว่า การตลาด 237 00:12:02,406 --> 00:12:04,579 เปลี่ยนแปลงคุณลักษณะของสินค้า 238 00:12:04,579 --> 00:12:09,146 เราต้องถกเถียงกันเอง 239 00:12:09,146 --> 00:12:11,483 เกี่ยวกับคำถามที่ใหญ่กว่าเหล่านี้ 240 00:12:11,483 --> 00:12:13,443 ที่เกี่ยวกับการให้คุณค่าสินค้า 241 00:12:13,443 --> 00:12:16,438 หนึ่งในผลลัพธ์ที่อันตรายที่สุด 242 00:12:16,438 --> 00:12:19,225 ของการให้ราคากับทุกอย่าง 243 00:12:19,225 --> 00:12:21,594 จะเกิดขึ้นกับ การแบ่งปันร่วม 244 00:12:21,594 --> 00:12:24,772 ความรู้สึกที่ว่า เราทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์นี้ 245 00:12:24,772 --> 00:12:29,495 ที่จะต้องร่วมกันมองเบื้องหลังของ ความเหลื่อมล้ำที่กำลังเพิ่มขึ้น 246 00:12:29,495 --> 00:12:33,362 ของการให้ราคากับทุกเรื่องในชีวิต 247 00:12:33,362 --> 00:12:38,913 ซึ่งนำไปสู่สภาวะที่คนที่มั่งคั่ง 248 00:12:38,913 --> 00:12:40,763 และคนที่มีชีวิตสมถะ 249 00:12:40,763 --> 00:12:45,145 ใช้ชีวิตที่แยกห่างออกจากกันมากขึ้นเรื่อยๆ 250 00:12:45,145 --> 00:12:48,364 เราใช้ชีวิต ทำงาน ซื้อของ พักผ่อน 251 00:12:48,364 --> 00:12:50,095 ในสถานที่ๆ แตกต่างกัน 252 00:12:50,095 --> 00:12:53,211 ลูกของเราเรียนคนละโรงเรียน 253 00:12:53,211 --> 00:12:55,760 นี่ไม่ดีเลยกับประชาธิปไตย 254 00:12:55,760 --> 00:12:58,683 และก็ไม่ได้เป็นวิถีชีวิตที่น่าพึงใจเลย 255 00:12:58,683 --> 00:13:01,963 ไม่ดี แม้แต่กับพวกเราบางคนที่สามารถ 256 00:13:01,963 --> 00:13:04,718 จ่ายเงินเพื่อให้ได้ไปอยู่หัวแถวได้ 257 00:13:04,718 --> 00:13:06,491 นี่คือเหตุผล 258 00:13:06,491 --> 00:13:11,420 ประชาธิปไตย ไม่ได้ต้องการความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์แบบ 259 00:13:11,420 --> 00:13:13,183 แต่สิ่งที่มันต้องการคือ 260 00:13:13,183 --> 00:13:16,811 การที่พลเมืองใช้ชีวิตร่วมกันได้ 261 00:13:16,811 --> 00:13:19,440 สิ่งที่สำคัญก็คือ 262 00:13:19,440 --> 00:13:21,209 คนที่มาจากปูมหลังทางสังคมที่แตกต่างกัน 263 00:13:21,209 --> 00:13:22,933 และมาจากวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน 264 00:13:22,933 --> 00:13:25,217 ได้พบเจอกัน 265 00:13:25,217 --> 00:13:27,240 ปะทะกัน 266 00:13:27,240 --> 00:13:30,730 ในวิถีชีวิตปกติธรรมดา 267 00:13:30,730 --> 00:13:33,454 เพราะสิ่งเหล่านี้ จะสอนเรา 268 00:13:33,454 --> 00:13:37,126 ให้ต่อรอง และยอมรับความแตกต่างระหว่างเรา 269 00:13:37,126 --> 00:13:41,340 และนี่คือวิถีทางที่จะนำเรา มาสู่การใส่ใจกับประโยชน์สาธารณะ 270 00:13:41,340 --> 00:13:44,690 ดังนั้น ในท้ายที่สุด คำถามเกี่ยวกับการตลาด 271 00:13:44,690 --> 00:13:48,830 ไม่ได้เป็นเพียงคำถาม ทางด้านเศรษฐศาสตร์เท่านั้น 272 00:13:48,830 --> 00:13:52,918 จริงๆ แล้ว มันเป็นคำถามที่ว่า เราอยากจะอยู่ร่วมกันอย่างไร 273 00:13:52,918 --> 00:13:57,458 เราต้องการสังคมที่ทุกอย่างมีไว้ซื้อขาย 274 00:13:57,458 --> 00:14:00,970 หรือว่า มันมีสินค้าทางจริยธรรม และวิถีพลเมืองบางอย่าง 275 00:14:00,970 --> 00:14:02,899 ที่การตลาดไม่ได้ให้ความสำคัญ 276 00:14:02,899 --> 00:14:05,693 และเงินซื้อไม่ได้ บ้างหรือไม่ 277 00:14:05,693 --> 00:14:07,155 ขอบคุณมากครับ 278 00:14:07,155 --> 00:14:12,340 (เสียงปรบมือ)