WEBVTT 00:00:00.735 --> 00:00:01.806 ในวิดีโอที่แล้ว เราเห็นว่า 00:00:01.806 --> 00:00:03.561 เรานำระบบสมการ 2 สมการ 00:00:03.561 --> 00:00:05.786 2 ตัวแปรมาเขียนเป็น 00:00:05.786 --> 00:00:09.119 สมการเมทริกซ์เมื่อเมทริกซ์ A 00:00:09.119 --> 00:00:11.792 คือสัมประสิทธิ์ตรงนี้ทางซ้ายมือ 00:00:11.792 --> 00:00:13.669 คอลัมน์เวกเตอร์ x มีตัวแปร 00:00:13.669 --> 00:00:16.610 ไม่ทราบค่าสองตัวคือ s กับ t 00:00:16.610 --> 00:00:17.845 แล้วคอลัมน์เวกเตอร์ b แทน 00:00:17.845 --> 00:00:20.529 ด้วยด้านขวามือตรงนี้ 00:00:20.529 --> 00:00:21.646 สิ่งที่น่าสนใจ 00:00:21.646 --> 00:00:23.386 คือว่าสมการ A 00:00:23.386 --> 00:00:25.230 เมทริกซ์ A คูณคอลัมน์เวกเตอร์ x 00:00:25.230 --> 00:00:27.605 เท่ากับคอลัมน์เวกเตอร์ b 00:00:27.605 --> 00:00:29.900 สิ่งที่น่าสนใจคือว่า เราเห็นว่า 00:00:29.900 --> 00:00:30.640 ถ้า A มีอินเวอร์ส 00:00:30.640 --> 00:00:34.331 เราคูณทั้งข้างซ้ายและข้างขวา 00:00:34.331 --> 00:00:35.540 ของสมการได้ 00:00:35.540 --> 00:00:37.410 และเราต้องคูณจากทางซ้าย 00:00:37.410 --> 00:00:39.440 ของแต่ละด้านด้วย A อินเวอร์ส 00:00:39.440 --> 00:00:40.878 เพราะนึกดู เมทริกซ์ 00:00:40.878 --> 00:00:43.123 เวลาคูณเมทริกซ์ ลำดับนั้นสำคัญ 00:00:43.123 --> 00:00:44.911 เราจะคูณทางซ้ายมือ 00:00:44.911 --> 00:00:46.666 ทั้งสองข้างของสมการ 00:00:46.666 --> 00:00:49.197 ถ้าเราทำอย่างนั้น แล้วเราจะสามารถ 00:00:49.197 --> 00:00:52.680 แก้หาคอลัมน์เวกเตอร์ที่ไม่ทราบค่าได้ 00:00:52.680 --> 00:00:53.549 ถ้าเรารู้ว่าคอลัมน์เวกเตอร์ x คืออะไร 00:00:53.549 --> 00:00:55.980 เราก็จะรู้ว่า s กับ t คืออะไร 00:00:55.980 --> 00:00:57.300 แล้วเราก็แก้ 00:00:57.300 --> 00:00:59.379 ระบบสมการนี้ได้ 00:00:59.379 --> 00:01:00.913 ตอนนี้ ลองแก้กันดีกว่า 00:01:00.913 --> 00:01:03.531 ลองหาว่า A อินเวอร์สเป็นเท่าใด 00:01:03.531 --> 00:01:05.533 แล้วคูณมันด้วยคอลัมน์เวกเตอร์ b 00:01:05.533 --> 00:01:07.980 เพื่อหาว่าคอลัมน์เวกเตอร์ x คืออะไร 00:01:07.980 --> 00:01:10.119 และ s กับ t คืออะไร 00:01:10.119 --> 00:01:15.501 A อินเวอร์ส, A อินเวอร์สเท่ากับ 00:01:15.501 --> 00:01:17.847 1 ส่วนดีเทอร์มิแนนต์ของ A 00:01:17.847 --> 00:01:21.771 ดีเทอร์มิแนนต์ของ A สำหรับ 2 คูณ 2 ตรงนี้ 00:01:21.771 --> 00:01:26.780 จะเท่ากับ 2 คูณ 4 ลบลบ 00:01:26.780 --> 00:01:28.416 2 คูณลบ 5 00:01:28.416 --> 00:01:32.559 มันจะเท่ากับ 8 ลบบวก 10 00:01:32.559 --> 00:01:34.381 8 ลบบวก 10 00:01:34.381 --> 00:01:36.031 ซึ่งเท่ากับลบ 2 00:01:36.031 --> 00:01:39.290 อันนี้จะกลายเป็นลบ 2 ตรงนี้ 00:01:39.343 --> 00:01:42.114 เหมือนเดิม 2 คูณ 4 ได้ 8 ลบ 00:01:42.114 --> 00:01:44.700 ลบ 2 คูณลบ 5 00:01:44.700 --> 00:01:48.960 ได้ลบบวก 10 ซึ่งจะให้ค่าลบ 2 00:01:48.960 --> 00:01:50.117 คุณคูณ 1 ส่วนดีเทอร์มิแนนต์ 00:01:50.117 --> 00:01:54.871 คูณสิ่งที่เรียกว่าแอดจอยต์ของ A 00:01:54.871 --> 00:01:57.905 ซึ่งก็คือการสลับค่าบนซ้าย 00:01:57.905 --> 00:02:00.847 กับล่างขวา อย่างน้อยก็สำหรับเมทริกซ์ 2 คูณ 2 00:02:00.847 --> 00:02:03.641 อันนี้จะเท่ากับ 4 00:02:03.641 --> 00:02:05.639 อันนี้จะเท่ากับ 2 00:02:05.639 --> 00:02:06.920 สังเกตว่าผมสลับค่าเหล่านี้ 00:02:06.920 --> 00:02:08.291 และทำให้สองตัวนี้เป็นลบ 00:02:08.291 --> 00:02:10.443 ลบของสิ่งที่มันเป็นอยู่ 00:02:10.443 --> 00:02:11.919 อันนี้มาจากลบ 2 อันนี้ 00:02:11.919 --> 00:02:13.501 จะกลายเป็นบวก 2 00:02:13.501 --> 00:02:14.627 และค่านี่ตรงนี้จะกลายเป็น 00:02:14.627 --> 00:02:16.237 บวก 5 00:02:16.237 --> 00:02:18.963 ถ้าคุณไม่คุ้นกับเรื่องพวกนี้ 00:02:18.963 --> 00:02:21.530 คุณอาจจะต้องทบทวนบทเรียน 00:02:21.530 --> 00:02:22.693 เรื่องอินเวอร์สของเมทริกซ์ 00:02:22.693 --> 00:02:25.240 เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ 00:02:25.240 --> 00:02:28.551 A อินเวอร์สจะเท่ากับ 00:02:28.551 --> 00:02:31.920 A อินเวอร์สจะเท่ากับ 00:02:31.920 --> 00:02:35.720 ลองดู อันนี้คือลบ 1/2 คูณ 4 00:02:35.720 --> 00:02:36.773 ได้ลบ 2 00:02:36.773 --> 00:02:42.705 ลบ 1/2, ลบ 1/2 คูณ 5 00:02:42.705 --> 00:02:48.309 ได้ลบ 2.5, ลบ 2.5 00:02:48.309 --> 00:02:52.810 และลบ 1/2 คูณ 2 ได้ลบ 1 00:02:52.810 --> 00:02:55.180 ลบ 1/2 คูณ 2 ได้ลบ 1 00:02:55.180 --> 00:02:56.986 นั่นคือ A อินเวอร์สตรงนั้น 00:02:56.986 --> 00:02:59.371 ทีนี้ลองคูณ A อินเวอร์สด้วย 00:02:59.371 --> 00:03:01.720 คอลัมน์เวกเตอร์ 7, ลบ 6 00:03:01.720 --> 00:03:03.710 ลองทำดู 00:03:03.710 --> 00:03:05.175 นี่คือ A อินเวอร์ส ผมจะเขียนมันใหม่นะ 00:03:05.175 --> 00:03:09.433 ลบ 2, ลบ 2.5, ลบ 1, 00:03:09.433 --> 00:03:15.157 ลบ 1 คูณ 7 กับลบ 6 00:03:15.157 --> 00:03:17.963 คูณ ผมจะเขียนพวกมันทุกตัวด้วยสีขาวแล้วนะ 00:03:17.963 --> 00:03:19.680 7, ลบ 6 00:03:19.680 --> 00:03:23.861 เราได้ฝึกคูณเมทริกซ์มาบ่อยแล้ว 00:03:23.861 --> 00:03:26.395 อันนี้จะเท่ากับอะไร? 00:03:26.395 --> 00:03:28.120 ค่าแรกจะเท่ากับลบ 2 00:03:28.120 --> 00:03:33.520 คูณ 7 ซึ่งก็คือลบ 14 บวก 00:03:33.520 --> 00:03:38.548 ลบ 2.5 คูณลบ 6 00:03:38.548 --> 00:03:40.780 ลองดู มันจะเป็นบวก 00:03:40.780 --> 00:03:43.751 นั่นจะเท่ากับ 12 บวกอีก 3 00:03:43.751 --> 00:03:45.666 มันจะเท่ากับบวก 15 00:03:45.666 --> 00:03:47.703 บวก 15 00:03:47.703 --> 00:03:49.887 ลบ 2.5 คูณลบ 6 00:03:49.887 --> 00:03:52.131 ได้บวก 15 00:03:52.131 --> 00:03:54.143 แล้วเราจะมีลบ 1 00:03:54.143 --> 00:03:57.686 คูณ 7 ซึ่งก็คือลบ 7 บวก 00:03:57.686 --> 00:04:00.130 ลบ 1 คูณลบ 6 00:04:00.130 --> 00:04:02.697 นั่นคือบวก 6 00:04:02.697 --> 00:04:06.530 ผลคูณ A อินเวอร์ส b 00:04:06.530 --> 00:04:08.812 ซึ่งเท่ากับคอลัมน์เวกตอร์ x 00:04:08.812 --> 00:04:09.999 เท่ากับ 00:04:09.999 --> 00:04:11.840 เราพร้อมตีกลองฉลองแล้ว 00:04:11.840 --> 00:04:15.716 คอลัมน์เวกเตอร์ 1, ลบ 1 00:04:15.716 --> 00:04:18.914 เราได้แสดงไปแล้วว่า ค่านี้เท่ากับ 00:04:18.914 --> 00:04:22.249 1, ลบ 1 หรือ x นั่นเท่ากับ 00:04:22.249 --> 00:04:23.852 1, ลบ 1, 00:04:23.852 --> 00:04:27.891 หรือเราบอกได้แม้แต่ว่าคอลัมน์เวกเตอร์ 00:04:27.891 --> 00:04:32.720 คอลัมน์เวกเตอร์ s, t, 00:04:32.720 --> 00:04:36.772 คอลัมน์เวกเตอร์ที่มีองค์ประกอบ s กับ t เท่ากับ 00:04:36.772 --> 00:04:43.306 เท่ากับ 1, ลบ 1 00:04:43.306 --> 00:04:46.596 เท่ากับ 1, ลบ 1 00:04:46.596 --> 00:04:47.593 ซึ่งก็เหมือนกับบอกว่า 00:04:47.593 --> 00:04:49.250 s เท่ากับ 1 00:04:49.250 --> 00:04:51.411 และ t เท่ากับลบ 1 00:04:51.411 --> 00:04:52.470 ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร 00:04:52.470 --> 00:04:53.539 ผมบอกไปในวิดีโอที่แล้ว 00:04:53.539 --> 00:04:54.808 และผมจะบอกอีกครั้งในวิดีโอนี้ 00:04:54.808 --> 00:04:56.172 คุณอาจจะบอกว่า นายก็รู้นี่ ว่ามันง่ายกว่ามาก 00:04:56.172 --> 00:04:58.115 ถ้าเราแก้ระบบนี้โดยตรง 00:04:58.115 --> 00:05:01.127 แค่ใช้การกำจัดหรือการแทนค่า 00:05:01.127 --> 00:05:05.910 ผมเห็นด้วย แต่นี่เป็นเทคนิคที่มีประโยชน์ 00:05:05.910 --> 00:05:07.664 เพราะเมื่อคุณแก้ปัญหา 00:05:07.664 --> 00:05:10.125 ในการคำนวณ มันมีหลายกรณี 00:05:10.125 --> 00:05:12.111 ที่คุณมีทางซ้าย 00:05:12.111 --> 00:05:14.800 ของระบบนี้เหมือนเดิม 00:05:14.800 --> 00:05:16.362 แต่มันมีค่าทางขวาหลายแบบมากๆ 00:05:16.362 --> 00:05:18.274 สำหรับระบบดังกล่าว 00:05:18.274 --> 00:05:20.426 มันอาจจะดีกว่าถ้าคำนวณ 00:05:20.426 --> 00:05:23.907 อินเวอร์สก่อนแล้วค่อยคูณ 00:05:23.907 --> 00:05:26.266 คอยคูณอินเวอร์สกับ 00:05:26.266 --> 00:05:29.885 ค่าทางขวามือต่างๆ 00:05:29.885 --> 00:05:32.132 คุณน่าจะคุ้นเคยกับของบางอย่าง 00:05:32.132 --> 00:05:33.869 คุณมีตัวประมวลผลกราฟฟิก 00:05:33.869 --> 00:05:35.600 และกราฟฟิกการ์ดในคอมพิวเตอร์ 00:05:35.600 --> 00:05:37.780 และพวกมันสื่อสารกันเรื่อง การประมวลผลกราฟฟิกพิเศษ 00:05:37.780 --> 00:05:39.397 พวกมันจริงๆ แล้วคือ 00:05:39.397 --> 00:05:41.875 ฮาร์ดแวร์ที่ทำมาโดยเฉพาะ 00:05:41.875 --> 00:05:45.480 เพื่อคูณเมทริกซ์อย่างรวดเร็ว 00:05:45.480 --> 00:05:47.553 เพราะเวลาคุณประมวลผลกราฟฟิก 00:05:47.553 --> 00:05:48.864 เวลาคุณคิดถึงแบบจำลองสิ่งต่างๆ 00:05:48.864 --> 00:05:49.879 ในสามมิติ 00:05:49.879 --> 00:05:51.387 และคุณทำการแปลงเหล่านี้ 00:05:51.387 --> 00:05:52.841 คุณก็แค่ทำการ 00:05:52.841 --> 00:05:55.285 คูณเมทริกซ์เร็วมากๆๆๆ 00:05:55.285 --> 00:05:57.693 ไปพร้อมกับคนที่เล่นเกม 00:05:57.693 --> 00:05:59.480 หรือทำอะไรก็ตาม 00:05:59.480 --> 00:06:00.836 มันให้ความรู้สึกว่า พวกมันอยู่ในโลก 00:06:00.836 --> 00:06:03.866 สามมิติตามเวลาจริง 00:06:03.866 --> 00:06:05.761 เอาล่ะ ผมแค่อยากเน้นไว้ 00:06:05.761 --> 00:06:09.979 ที่จริงแล้ว ถ้าผมจู่ๆ เห็นปัญหานี้ 00:06:09.979 --> 00:06:13.297 สัญชาตญาณผมจะบอกให้แก้ด้วยการกำจัด 00:06:13.297 --> 00:06:16.930 แต่ความสามารถในการคิดระบบนี้ 00:06:16.930 --> 00:06:21.642 เป็นสมการเมทริกซ์นั้น เป็นหลักการที่มีประโยชน์มากๆ 00:06:21.642 --> 00:06:23.240 ไม่ใช่แค่ในการคำนวณ 00:06:23.240 --> 00:06:26.560 แต่เมื่อคุณเรียนวิทยาศาสตร์ขั้นสูง 00:06:26.560 --> 00:06:28.878 โดยเฉพาะฟิสิกส์ คุณจะเห็น 00:06:28.878 --> 00:06:31.826 สมการเมทริกซ์เวกเตอร์แบบนี้ 00:06:31.826 --> 00:06:33.356 ที่พูดถึงสิ่งต่างๆ โดยทั่วไป 00:06:33.356 --> 00:06:34.571 การคิดว่าสมการเมทริกซ์เหล่านี้ 00:06:34.571 --> 00:06:36.508 แสดงอะไรและเราแก้ 00:06:36.508 --> 00:06:39.270 มันได้อย่างไรนั้นเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ