WEBVTT 00:00:07.400 --> 00:00:10.906 เมื่อคุณนึกถึงยานอวกาศ คุณอาจนึกถึงอะไรแบบนี่ 00:00:10.906 --> 00:00:13.414 หรือนี่ หรืออาจจะนี่ 00:00:13.414 --> 00:00:15.017 แล้วพวกมันมีอะไรเหมือนกันบ้าง 00:00:15.017 --> 00:00:19.456 ในบรรดาหลาย ๆ สิ่ง พวกมันมีขนาดใหญ่ เพราะพวกมันต้องบรรทุกผู้คน เชื้อเพลิง 00:00:19.456 --> 00:00:22.758 และเสบียงทุกประเภท เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ 00:00:22.758 --> 00:00:26.414 และในบางกรณี อาจมีเลเซอร์สุดอันตราย 00:00:26.414 --> 00:00:31.231 แต่ยานอวกาศรุ่นต่อไปที่จะเกิดขึ้นจริงนั้น อาจมีขนาดเล็กกว่านี้มาก 00:00:31.231 --> 00:00:35.403 เรากำลังพูดถึงขนาดเล็กจิ๋ว ชนิดที่ใส่ในกระเป๋าเสื้อคุณได้ 00:00:35.403 --> 00:00:40.708 ลองนึกดูถึงการส่งเจ้าพวกยานจิ๋วเหล่านี้ ท่องไปในกาแล็คซี่ 00:00:40.708 --> 00:00:43.215 พวกมันอาจสำรวจ ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล 00:00:43.215 --> 00:00:46.331 โดยบรรจุตัวตรวจจับอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน 00:00:46.331 --> 00:00:50.027 ซึ่งจะวัดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่อุณหภูมิไปจนถึงรังสีคอสมิก 00:00:50.027 --> 00:00:51.792 คุณสามารถปล่อยยานได้นับพัน 00:00:51.792 --> 00:00:54.886 ด้วยค่าใช้จ่ายเท่ากับ ภารกิจกระสวยอวกาศภารกิจเดียว 00:00:54.886 --> 00:00:57.229 เป็นการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับจักรวาล 00:00:57.229 --> 00:01:00.058 ที่เราจะเก็บได้อีกมากมาย 00:01:00.058 --> 00:01:02.364 และราคาพวกมันแต่ละตัวก็สมบุกสมบัน 00:01:02.364 --> 00:01:04.715 นั่นหมายความว่าเราสามารถส่งพวกมัน ไปสู่สภาพแวดล้อม 00:01:04.715 --> 00:01:08.468 ที่เสี่ยงเกินไปสำหรับจรวดหรือยานอวกาศ มูลค่าพันล้านดอลลร์ 00:01:08.468 --> 00:01:13.421 ในขณะนี้ ยานอวกาศขนาดเล็กหลายร้อยลำ กำลังโคจรรอบโลก 00:01:13.421 --> 00:01:14.960 กำลังบันทึกภาพอวกาศรอบนอก 00:01:14.960 --> 00:01:16.436 และเก็บข้อมูลสิ่งต่าง ๆ 00:01:16.436 --> 00:01:19.868 เช่น พฤติกรรมของแบคทีเรียในชั้นบรรยากาศโลก 00:01:19.868 --> 00:01:23.177 และสัญญาณแม่เหล็ก ที่จะช่วยทำนายการเกิดแผ่นดินไหว 00:01:23.177 --> 00:01:28.477 แต่นึกดูว่าเราจะเรียนรู้ได้อีกมากแค่ไหน ถ้าพวกมันบินออกจากวงโคจรของโลกได้ 00:01:28.477 --> 00:01:32.393 ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่องค์กรอย่างนาซ่า อยากจะทำ 00:01:32.393 --> 00:01:36.334 การส่งยานอวกาศจิ๋วไปสำรวจดาวเคราะห์ ที่สามารถอยู่อาศัยได้ 00:01:36.334 --> 00:01:41.161 และอธิบายปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ที่เราไม่สามารถศึกษาได้จากโลก 00:01:41.161 --> 00:01:45.924 แต่สิ่งเล็ก ๆ นี้ไม่อาจบรรจุเครื่องยนต์ใหญ่ หรือเชื้อเพลิงปริมาณมากได้ 00:01:45.924 --> 00:01:48.841 แล้วยานจะขับเคลื่อนตัวมันเองได้อย่างไรล่ะ 00:01:48.841 --> 00:01:53.744 สำหรับยานอวกาศจิ๋วแล้ว คุณต้องการระบบแรงขับขนาดเล็ก 00:01:53.744 --> 00:01:55.602 กับสิ่งที่มีขนาดเล็กมาก ๆ 00:01:55.602 --> 00:01:58.597 กฎทางฟิสิกส์ที่เราคุ้นนเคยบางข้อนั้น ไม่สามารถใช้ได้ 00:01:58.597 --> 00:02:02.934 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลศาสตร์นิวตันนั้นใช้ไม่ได้ 00:02:02.934 --> 00:02:06.982 และแรงซึ่งปกติมีเล็กน้อย จนไม่เป็นที่สังเกต กลับมีกำลังมาก 00:02:06.982 --> 00:02:11.089 แรงเหล่านั้นรวมถึงแรงตึงผิว และการกระทำ ผ่านช่องเล็ก ๆ (capillary action) 00:02:11.089 --> 00:02:13.698 ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ ที่ควบคุมสิ่งที่มีขนาดเล็ก 00:02:13.698 --> 00:02:19.412 ระบบขับดันขนาดเล็กนี้สามารถนำเอา แรงเหล่านี้มาเป็นพลังงานให้ยานอวกาศ 00:02:19.412 --> 00:02:21.636 ตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยอธิบาย ว่ามันทำงานอย่างไร 00:02:21.636 --> 00:02:26.251 เรียกว่า ไมโครฟลูดิก อิเล็กโทรสเปรย์ โพรพอลชั่น 00:02:26.251 --> 00:02:28.214 มันเป็นการผลักของไอออนอย่างหนึ่ง 00:02:28.214 --> 00:02:32.686 ซึ่งหมายถึงมันยิงอนุภาคมีประจุออกไป เพื่อสร้างโมเมนตัม 00:02:32.686 --> 00:02:36.338 มีตัวอย่างหนึ่งซึ่งถูกพัฒนาขึ้น ในห้องทดลองแรงขับเจ็ทของนาซา 00:02:36.338 --> 00:02:39.485 ในแต่ละข้างมันมีขนาดเพียงสองสามเซนติเมตร 00:02:39.485 --> 00:02:40.813 หลักการทำงานของมันก็คือ 00:02:40.813 --> 00:02:46.199 แผ่นโลหะขนาดเท่าแสตมป์ ที่เต็มไปด้วยเข็มขนาดเล็กจำนวนมาก 00:02:46.199 --> 00:02:50.631 และถูกปกคลุมด้วยโลหะ ที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ อย่างเช่น อินเดียม 00:02:50.631 --> 00:02:53.589 ตะแกรงเหล็กครอบอยู่เหนือเข็ม 00:02:53.589 --> 00:02:57.579 และสนามไฟฟ้าก็ถูกทำให้เกิดขึ้น ระหว่างตะแกรงและแผ่นโลหะ 00:02:57.579 --> 00:03:00.752 เมื่อแผ่นนั้นถูกทำให้ร้อนขึ้น อินเดียมก็เริ่มละลาย 00:03:00.752 --> 00:03:04.966 และแรงแคพิลารีก็ดึงโลหะเหลวขึ้นมาตามเข็ม 00:03:04.966 --> 00:03:08.116 สนามไฟฟ้าช่วยดึงโลหะเหลวขึ้นมา 00:03:08.116 --> 00:03:10.910 ในขณะที่แรงตึงผิวดึงมันกลับ 00:03:10.910 --> 00:03:14.210 ทำให้อินเดียมบิดเป็นรูปเป็นกรวย 00:03:14.210 --> 00:03:16.428 ด้วยรัศมีเล็ก ๆ ของปลายเข็ม 00:03:16.428 --> 00:03:21.181 ทำให้มันเป็นไปได้สำหรับสนามไฟฟ้า ที่จะเอาชนะแรงตึงผิว 00:03:21.181 --> 00:03:22.589 และเมื่อมันเกิดขึ้น 00:03:22.589 --> 00:03:28.790 ประจุบวกจะถูกยิงออกมา ด้วยความเร็วที่สิบกิโลเมตรต่อวินาที 00:03:28.790 --> 00:03:33.828 กระแสของประจุผลักให้ยานพุ่งไปยังทิศตรงข้าม 00:03:33.828 --> 00:03:35.941 ต้องขอบคุณกฎข้อสามของนิวตัน 00:03:35.941 --> 00:03:38.926 และในที่แต่ละประจุเป็นอนุภาคที่เล็กมาก ๆ 00:03:38.926 --> 00:03:42.734 แรงที่ถูกรวมกันของพวกมันจำนวนมาก ที่ผลักออกจากยาน 00:03:42.734 --> 00:03:46.339 มีมากพอที่จะก่อให้เกิด ความเร่งที่มีนัยสำคัญ 00:03:46.339 --> 00:03:49.356 และไม่เหมือนกับเครื่องยนต์ไอพ่น ที่ใช้เชื้อเพลิงมากมายจากจรวด 00:03:49.356 --> 00:03:53.373 กระแสประจุนี้เล็กกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า 00:03:53.373 --> 00:03:57.745 ซึ่งทำให้มันเหมาะสม กับภารกิจในอวกาศที่ห่างไกล 00:03:57.745 --> 00:04:01.366 ระบบขับดันขนาดเล็กนี้ ยังไม่ได้รับการทดสอบอย่างสมบูรณ์ 00:04:01.366 --> 00:04:04.513 แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่า พวกมันให้ความเชื่อมั่น 00:04:04.513 --> 00:04:07.690 ในการปล่อยยานเล็ก ออกจากวงโครจรของโลก 00:04:07.690 --> 00:04:11.707 จริง ๆ แล้ว พวกเขาคาดว่า ยานจิ๋วเป็นพัน ๆ ลำ 00:04:11.707 --> 00:04:14.013 จะถูกปล่อยออกไปในอีกสิบปี 00:04:14.013 --> 00:04:18.065 เพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งในปัจจุบันนี้เราได้แค่ฝันถึง 00:04:18.065 --> 00:04:21.402 และนี่ก็คือวิทยาศาตร์ยานอวกาศจิ๋ว