WEBVTT 00:00:00.793 --> 00:00:02.967 ผมอยากให้คุณลองจินตนาการ 00:00:02.967 --> 00:00:06.817 ดูสักครู่ ว่าคุณกำลังเล่นเกมเศรษฐีอยู่ 00:00:06.817 --> 00:00:09.424 แต่ว่าในเกมนี้ 00:00:09.424 --> 00:00:12.393 ไม่ว่าทักษะ พรสวรรค์ หรือโชค 00:00:12.393 --> 00:00:14.931 ที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในเกม ดังเช่นในชีวิตจริง 00:00:14.931 --> 00:00:16.347 จะไร้ผลโดยสิ้นเชิง 00:00:16.347 --> 00:00:18.642 เพราะเกมนี้ตั้งกติกาไว้ไม่ยุติธรรม 00:00:18.642 --> 00:00:20.522 และคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบ 00:00:20.522 --> 00:00:22.401 คุณมีเงินมากกว่า 00:00:22.401 --> 00:00:24.961 มีโอกาสเดินไปรอบๆ กระดาน ได้มากกว่า 00:00:24.961 --> 00:00:27.186 และเข้าถึงทรัพยากรได้มากกว่า 00:00:27.186 --> 00:00:28.517 และเมื่อคุณคิดถึงประสบการณ์นั้น 00:00:28.517 --> 00:00:31.105 ผมอยากให้คุณลองถามตัวเอง 00:00:31.105 --> 00:00:32.875 ว่าประสบการณ์ที่ได้ 00:00:32.875 --> 00:00:36.005 จากการเป็นผู้เล่นอภิสิทธิ์ ในเกมที่ไม่ยุติธรรมนี้ 00:00:36.005 --> 00:00:38.928 เปลี่ยนวิธีที่คุณคิดเกี่ยวกับตัวเอง 00:00:38.928 --> 00:00:42.786 และผู้เล่นคนอื่นๆ ไปอย่างไร NOTE Paragraph 00:00:42.786 --> 00:00:45.833 เราจึงได้เริ่มการศึกษาหนึ่ง ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ 00:00:45.833 --> 00:00:48.135 เพื่อศึกษาคำถามนี้โดยเฉพาะ 00:00:48.135 --> 00:00:49.793 เราพาผู้เล่น ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า 00:00:49.793 --> 00:00:52.554 กว่า 100 คู่ เข้ามาในห้องทดลอง 00:00:52.554 --> 00:00:54.374 และใช้การโยนเหรียญ 00:00:54.374 --> 00:00:56.161 เพื่อสุ่มให้ผู้เล่นหนึ่งในสองคนนั้น 00:00:56.161 --> 00:00:58.506 เป็นผู้เล่นที่รวยกว่าในเกมที่ไม่ยุติธรรมนี้ 00:00:58.506 --> 00:01:01.327 พวกเขาได้เงินมากกว่าเป็นสองเท่า 00:01:01.327 --> 00:01:02.828 เมื่อพวกเขาเดินครบรอบ 00:01:02.828 --> 00:01:05.034 เขาได้เงินเดือนเป็นสองเท่า 00:01:05.034 --> 00:01:07.007 และพวกเขาได้ทอยลูกเต๋าสองลูก แทนที่จะได้ทอยเพียงลูกเดียว 00:01:07.007 --> 00:01:08.818 ดังนั้นพวกเขาจะเดินไปรอบๆ กระดานได้มากกว่า 00:01:08.818 --> 00:01:11.824 (เสียงหัวเราะ) 00:01:11.824 --> 00:01:13.537 และตลอดเวลา 15 นาที 00:01:13.537 --> 00:01:17.067 เราเฝ้าดูผ่านกล้องที่ซ่อนไว้ ว่าเกิดอะไรขึ้น 00:01:17.067 --> 00:01:18.888 และสิ่งที่ผมอยากทำวันนี้ เป็นครั้งแรก 00:01:18.888 --> 00:01:21.400 คือแสดงให้พวกคุณเห็นถึงสิ่งที่เราเห็น 00:01:21.400 --> 00:01:22.909 แต่คุณต้องยอมทนกับคุณภาพของเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก 00:01:22.909 --> 00:01:25.565 ในบางกรณี 00:01:25.580 --> 00:01:27.775 ดังนั้นเราจึงให้คำบรรยายใต้ภาพ 00:01:27.775 --> 00:01:29.165 ผู้เล่นรวย: คุณมีแบงค์ 500 กี่ใบ 00:01:29.165 --> 00:01:30.400 ผู้เล่นจน: แค่ใบเดียว NOTE Paragraph 00:01:30.400 --> 00:01:31.517 ผู้เล่นรวย: พูดจริงเหรอ ผู้เล่นจน: ใช่ NOTE Paragraph 00:01:31.517 --> 00:01:33.270 ผู้เล่นรวย: ผมมีตั้ง 3 ใบแน่ะ (หัวเราะ) 00:01:33.270 --> 00:01:35.196 ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาให้ผมมาเยอะแบบนี้ NOTE Paragraph 00:01:35.196 --> 00:01:37.034 พอล พิฟ: เอาล่ะ มันเริ่มปรากฏชัดต่อผู้เล่น ในเวลาอันรวดเร็ว 00:01:37.034 --> 00:01:38.376 ว่ามีบางอย่างผิดปกติ 00:01:38.376 --> 00:01:40.671 ชัดเจนว่าผู้เล่นคนหนึ่งมีเงินมากกว่า 00:01:40.671 --> 00:01:42.820 ผู้เล่นอีกคนหนึ่ง 00:01:42.820 --> 00:01:44.962 และเมื่อเกมดำเนินไป 00:01:44.962 --> 00:01:46.967 เราเริ่มพบความแตกต่าง 00:01:46.967 --> 00:01:49.416 ความแตกต่างที่ชัดเจนเริ่มปรากฏ 00:01:49.416 --> 00:01:51.290 ระหว่างผู้เล่นทั้งสอง 00:01:51.290 --> 00:01:53.010 ผู้เล่นที่รวยกว่า 00:01:53.010 --> 00:01:55.588 เริ่มจะเดินหมากไปรอบกระดานด้วยเสียงดังขึ้น 00:01:55.588 --> 00:01:57.469 แทบจะกระแทกกระดานด้วยตัวหมากเลย 00:01:57.469 --> 00:02:00.389 เมื่อเขาเดินไปรอบๆ กระดาน 00:02:00.389 --> 00:02:03.382 เราเริ่มเห็นสัญญาณแห่งการข่ม 00:02:03.382 --> 00:02:04.972 และการแสดงออกถึงอำนาจ 00:02:04.972 --> 00:02:07.394 ในทางอวัจนภาษา 00:02:07.394 --> 00:02:11.349 และการเฉลิมฉลองในกลุ่มผู้เล่นรวย NOTE Paragraph 00:02:11.349 --> 00:02:13.870 เรามีชามใส่เพรทเซลวางอยู่ด้านข้างโต๊ะ 00:02:13.870 --> 00:02:15.531 มีอยู่ตรงมุมขวาล่างนั่น 00:02:15.531 --> 00:02:19.018 นี่ทำให้เราสามารถสังเกตพฤติกรรม การบริโภคของผู้เล่นได้ 00:02:19.018 --> 00:02:23.636 เรานับจำนวนเพรทเซลที่ผู้เล่นแต่ละคนกิน NOTE Paragraph 00:02:23.636 --> 00:02:25.569 ผู้เล่นรวย: เพรทเซลพวกนี้มันเป็นกลลวงหรือเปล่า? NOTE Paragraph 00:02:25.569 --> 00:02:27.495 ผู้เล่นจน: ไม่รู้สิ NOTE Paragraph 00:02:27.495 --> 00:02:30.634 พอล: เอาล่ะ ไม่น่าแปลกใจเลย ผู้เล่นเหล่านั้นสงสัยเรา 00:02:30.634 --> 00:02:32.139 พวกเขาสงสัยว่าชามเพรทเซล 00:02:32.139 --> 00:02:33.920 ถูกวางไว้ตรงนั้นทำไม 00:02:33.920 --> 00:02:35.834 คนหนึ่งถึงกับถามขึ้น ดังเช่นที่คุณเห็น 00:02:35.834 --> 00:02:38.793 ว่าชามเพรทเซลที่วางอยู่ตรงนั้นเป็นกลลวงหรือไม่ 00:02:38.793 --> 00:02:41.703 แม้กระนั้น ด้วยอำนาจของสถานการณ์ 00:02:41.703 --> 00:02:44.004 ที่ส่งให้เกิดการข่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ 00:02:44.004 --> 00:02:48.457 ผู้เล่นที่รวยกว่าก็เริ่มกินเพรทเซลมากขึ้น NOTE Paragraph 00:02:51.976 --> 00:02:54.073 ผู้เล่นรวย: ฉันชอบเพรทเซลจริงๆ NOTE Paragraph 00:02:54.073 --> 00:02:56.402 (เสียงหัวเราะ) NOTE Paragraph 00:02:57.988 --> 00:03:00.118 พอล: และเมื่อเกมดำเนินต่อไป 00:03:00.118 --> 00:03:02.450 พฤติกรรมรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ 00:03:02.450 --> 00:03:05.523 ก็เริ่มปรากฏขึ้น 00:03:05.523 --> 00:03:07.394 นั่นคือ ผู้เล่นที่รวยกว่า 00:03:07.394 --> 00:03:10.516 เริ่มทำตัวหยาบคายขึ้นกับอีกคนหนึ่ง 00:03:10.516 --> 00:03:12.587 สนใจต่อสถานการณ์อันยากลำบาก 00:03:12.587 --> 00:03:14.431 ของผู้เล่นที่จนกว่า 00:03:14.431 --> 00:03:16.502 และเริ่มแสดง 00:03:16.502 --> 00:03:18.971 ถึงความสำเร็จเชิงวัตถุของพวกเขามากขึ้น 00:03:18.971 --> 00:03:22.177 คล้ายกับการอวดว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน 00:03:23.589 --> 00:03:27.699 ผู้เล่นรวย: ฉันมีเงินพอจะซื้อทุกอย่างเลย 00:03:27.699 --> 00:03:29.317 ผู้เล่นจน: เท่าไหร่หรือ? 00:03:29.317 --> 00:03:33.279 ผู้เล่นรวย: คุณเป็นหนี้ฉัน 24 ดอลลาร์ 00:03:33.279 --> 00:03:36.135 คุณจะหมดตัวในไม่ช้านี้แน่ๆ 00:03:36.135 --> 00:03:38.295 ฉันจะซื้อมัน ฉันมีเงินเยอะเหลือเกิน 00:03:38.295 --> 00:03:40.241 ฉันมีเงินมากจนใช้ไม่หมดเลย 00:03:40.241 --> 00:03:42.201 ผู้เล่นรวยคนที่ 2: ฉันจะซื้อทุกอย่างในกระดานนี้เลย 00:03:42.201 --> 00:03:43.931 ผู้เล่นรวยคนที่ 3: คุณจะต้องหมดตัวในไม่ช้านี้แน่ๆ 00:03:43.931 --> 00:03:46.779 ตอนนี้ไม่มีใครสู้ฉันได้แล้ว NOTE Paragraph 00:03:46.779 --> 00:03:49.095 พอล: และนี่คือสิ่งที่ผมคิด 00:03:49.095 --> 00:03:50.843 ว่ามันช่างน่าสนใจจริงๆ 00:03:50.843 --> 00:03:54.097 นั่นคือ หลังจาก 15 นาทีของการเล่นเกม 00:03:54.097 --> 00:03:58.490 เราให้ผู้เล่นแต่ละคนบรรยายถึง ประสบการณ์ของพวกเขาระหว่างเกม 00:03:58.490 --> 00:04:00.565 และเมื่อผู้เล่นที่รวยกว่า พูดถึงเหตุผล 00:04:00.565 --> 00:04:02.447 ว่าทำไมพวกเขาถึงชนะอย่างเลี่ยงไม่ได้ 00:04:02.447 --> 00:04:04.466 ในเกมเศรษฐีที่ไม่ยุติธรรมนี้ 00:04:04.466 --> 00:04:09.275 (เสียงหัวเราะ) 00:04:09.275 --> 00:04:12.839 พวกเขาพูดถึงสิ่งที่เขาทำ 00:04:12.839 --> 00:04:15.653 เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ 00:04:15.653 --> 00:04:18.435 และได้รับความสำเร็จในเกม 00:04:18.435 --> 00:04:20.924 พวกเขาแทบไม่ได้นึกถึง 00:04:20.924 --> 00:04:23.639 ความแตกต่างของสถานการณ์ 00:04:23.639 --> 00:04:26.312 รวมถึงการโยนเหรียญในตอนแรก 00:04:26.312 --> 00:04:28.627 ที่ให้โอกาสพวกเขา 00:04:28.627 --> 00:04:31.616 ให้มาอยู่ในตำแหน่งที่มีสิทธิพิเศษตั้งแต่แรก 00:04:31.616 --> 00:04:34.454 และนั่นคือมุมมองที่ไม่น่าเชื่อ 00:04:34.454 --> 00:04:39.909 ว่าจิตใจคนเรา หาเหตุผลให้กับความได้เปรียบอย่างไร NOTE Paragraph 00:04:39.909 --> 00:04:42.130 เกมเศรษฐีนี้ สามารถใช้ 00:04:42.130 --> 00:04:44.973 อุปมาไดักับการพยามเข้าใจสภาพสังคม 00:04:44.973 --> 00:04:48.258 และโครงสร้างทางสังคม ที่ซึ่งบางคน 00:04:48.258 --> 00:04:50.650 มีความร่ำรวย และมีฐานะดีมาก 00:04:50.650 --> 00:04:52.127 และอีกหลายๆคน ไม่เป็นเช่นนั้น 00:04:52.127 --> 00:04:55.060 พวกเขาไม่ร่ำรวย ไม่มีฐานะ 00:04:55.060 --> 00:04:58.174 และแทบไม่มีทางเข้าถึงทรัพยากรอันมีค่า 00:04:58.174 --> 00:05:01.410 และสิ่งที่ผมและเพื่อนร่วมงานได้ศึกษามาตลอด 00:05:01.410 --> 00:05:05.479 7 ปีที่ผ่านมา คือผลกระทบของโครงสร้างลักษณะนี้ 00:05:05.479 --> 00:05:08.763 สิ่งที่เราพบในหลายๆ งานวิจัย 00:05:08.763 --> 00:05:12.180 และผู้เข้าร่วมวิจัยกว่าพันคนทั่วประเทศนี้ 00:05:12.180 --> 00:05:16.712 คือเมื่อความร่ำรวยของคนคนหนึ่งเพิ่มขึ้น 00:05:16.712 --> 00:05:22.780 ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจกลับลดลง 00:05:22.780 --> 00:05:26.551 และความรู้สึกถึงผลประโยชน์ สิ่งที่เขาควรได้รับ 00:05:26.551 --> 00:05:31.099 และความคิดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว กลับเพิ่มขึ้น 00:05:31.099 --> 00:05:33.158 ในการสำรวจ เราพบว่าจริงๆ แล้ว 00:05:33.158 --> 00:05:35.035 คนที่ร่ำรวยกว่า 00:05:35.035 --> 00:05:38.075 มักจะรับได้กับความคิดที่ว่า ความโลภเป็นสิ่งดี 00:05:38.075 --> 00:05:40.078 ชื่นชอบการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน 00:05:40.078 --> 00:05:42.794 และมองว่าถูกศีลธรรม 00:05:42.794 --> 00:05:44.643 สิ่งที่ผมอยากพูดวันนี้ 00:05:44.643 --> 00:05:49.464 คือนัยของแนวความคิดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตน 00:05:49.464 --> 00:05:51.827 พูดเกี่ยวกับว่าทำไมเราควรสนใจความหมายของมัน 00:05:51.827 --> 00:05:55.469 และจบด้วยสิ่งที่ควรต้องทำ NOTE Paragraph 00:05:55.469 --> 00:05:57.634 ในการศึกษาแรกๆ ที่เราได้ทำในด้านนี้ 00:05:57.634 --> 00:05:58.920 คือการศึกษาด้านพฤติกรรมการช่วยเหลือ 00:05:58.920 --> 00:06:01.079 นักจิตวิทยาสังคมเรียกมันว่า 00:06:01.079 --> 00:06:03.170 พฤติกรรมสนับสนุนสังคม (pro-social behavior) 00:06:03.170 --> 00:06:05.883 และเราก็สนใจเป็นอย่างยิ่งว่าใครจะมีแนวโน้ม 00:06:05.883 --> 00:06:08.231 ที่จะเสนอความช่วยเหลือให้กับบุคคลอื่น 00:06:08.231 --> 00:06:11.388 คนรวย หรือคนจน 00:06:11.388 --> 00:06:15.790 ในการศึกษาหนึ่ง เรานำสมาชิกจากชุมชนหนึ่ง 00:06:15.790 --> 00:06:18.090 ทั้งรวยและจนมาในห้องทดลอง 00:06:18.090 --> 00:06:21.584 และแต่ละคนจะได้รับเงิน 10 ดอลลาร์ 00:06:21.584 --> 00:06:23.194 เราบอกผู้เข้าทดลอง 00:06:23.194 --> 00:06:25.642 ว่าเขาสามารถเก็บเงิน 10 ดอลลาร์นี้ไว้ 00:06:25.642 --> 00:06:27.617 หรือถ้าต้องการ พวกเขาอาจเลือกแบ่งเงินส่วนหนึ่ง 00:06:27.617 --> 00:06:29.612 ให้กับคนแปลกหน้า 00:06:29.612 --> 00:06:31.083 ที่ไม่เปิดเผยตัวตน 00:06:31.083 --> 00:06:34.119 พวกเขาจะไม่มีวันได้เจอคนแปลกหน้า และคนแปลกหน้าจะไม่มีวันได้เจอพวกเขา 00:06:34.119 --> 00:06:37.337 และเราก็เฝ้าสังเกตว่าคนเหล่านี้จะแบ่งเงินให้เท่าไหร่ 00:06:37.337 --> 00:06:39.687 คนที่มีรายได้ 25,000 ดอลลาร์ 00:06:39.687 --> 00:06:42.014 หรือบางทีก็ต่ำกว่า 15,000 ดอลลาร์ต่อปี 00:06:42.014 --> 00:06:44.241 ให้เงินของพวกเขา ให้กับคนแปลกหน้า 00:06:44.241 --> 00:06:45.324 คิดเป็น 44% 00:06:45.324 --> 00:06:47.632 มากกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้ 150,000 00:06:47.632 --> 00:06:50.879 หรือ 200,000 ดอลลาร์ต่อปี NOTE Paragraph 00:06:50.879 --> 00:06:53.627 เราให้คนเหล่านี้เล่นเกม 00:06:53.627 --> 00:06:56.258 เพื่อดูว่าใครจะมีแนวโน้มที่จะโกงมากกว่ากัน 00:06:56.258 --> 00:06:58.652 เพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะรางวัล 00:06:58.652 --> 00:07:01.372 ในเกมหนึ่ง เราได้ตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ 00:07:01.372 --> 00:07:04.164 เพื่อทำให้ลูกเต๋าไม่สามารถ 00:07:04.164 --> 00:07:05.150 ถูกทอยออกมาได้เป็นแต้มบางแต้ม 00:07:05.150 --> 00:07:08.242 ดังนั้น คุณจะไม่สามารถทอยได้เกิน 12 แต้มในเกมนี้ 00:07:08.242 --> 00:07:11.354 แต่กระนั้น เมื่อคุณรวยขึ้น 00:07:11.354 --> 00:07:13.111 คุณยิ่งมีแนวโน้มที่จะโกงในเกมนี้ 00:07:13.111 --> 00:07:17.010 เพื่อเอารางวัลเงินสด 50 ดอลลาร์ 00:07:17.010 --> 00:07:20.855 บางครั้ง โอกาสนั้นอาจสูงถึง 3-4 เท่าเลยทีเดียว NOTE Paragraph 00:07:20.855 --> 00:07:23.088 เราทำการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง เพื่อดูว่า 00:07:23.088 --> 00:07:26.311 ผู้คนมีแนวโน้มที่จะหยิบลูกอม 00:07:26.311 --> 00:07:28.802 จากโหลที่เราบอกเอาไว้ชัดเจนว่า 00:07:28.802 --> 00:07:31.042 ลูกอมเหล่านี้มีไว้ให้เด็กเท่านั้น 00:07:31.042 --> 00:07:34.484 (เสียงหัวเราะ) 00:07:34.484 --> 00:07:36.325 ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ 00:07:36.325 --> 00:07:39.054 ผมรู้ มันอาจฟังดูเหมือนเรื่องตลก 00:07:39.054 --> 00:07:41.295 เราบอกผู้เข้าทดลองอย่างชัดเจน 00:07:41.295 --> 00:07:43.164 ว่าโหลลูกอมนั้น มีไว้ให้ผู้เข้าทดลองที่เป็นเด็ก 00:07:43.164 --> 00:07:45.648 ในห้องวิจัยเรื่องพัฒนาการทีอยู่ติดกัน 00:07:45.648 --> 00:07:47.698 พวกเด็กๆ กำลังอยู่ในห้องเรียน และลูกอมนี้มีไว้สำหรับเด็กๆ 00:07:47.698 --> 00:07:51.341 และเราก็เฝ้าสังเกต ว่าผู้เข้าทดลองแต่ละคนหยิบลูกอมไปมากแค่ไหน 00:07:51.341 --> 00:07:52.854 ผู้เข้าทดลองที่รู้สึกว่าตัวเองรวย 00:07:52.854 --> 00:07:54.259 เอาลูกอมไป มากเป็นสองเท่า 00:07:54.259 --> 00:07:57.408 เมื่อเทียบกับผู้เข้าทดลองที่รู้สึกว่าตัวเองจน NOTE Paragraph 00:07:57.408 --> 00:08:00.061 เราศึกษาแม้แต่รถยนต์ 00:08:00.061 --> 00:08:01.923 ไม่ใช่รถทั่วๆ ไป 00:08:01.923 --> 00:08:04.994 แต่ศึกษาว่าคนขับรถประเภทไหน 00:08:04.994 --> 00:08:08.097 มีแนวโน้มจะฝ่าฝืนกฎหมายมากกว่ากัน 00:08:08.097 --> 00:08:10.934 ในการศึกษาหนึ่ง เราศึกษาว่า 00:08:10.934 --> 00:08:15.090 คนขับจะหยุดให้คนเดินถนน 00:08:15.090 --> 00:08:17.989 ที่ยืนรอข้ามถนนที่ทางม้าลายหรือไม่ 00:08:17.989 --> 00:08:19.733 อย่างที่ทุกคนรู้ ในแคลิฟอร์เนีย 00:08:19.733 --> 00:08:22.257 เพราะผมมั่นใจว่าทุกคนก็ทำ 00:08:22.257 --> 00:08:26.185 กฏหมายบอกให้รถต้องหยุดให้คนที่รอข้ามถนน 00:08:26.185 --> 00:08:28.117 นี่คือตัวอย่างการทดลองของเรา 00:08:28.117 --> 00:08:30.233 หน้าม้าของเราอยู่ทางด้านซ้าย 00:08:30.233 --> 00:08:31.822 ทำทีเป็นคนเดินถนน 00:08:31.822 --> 00:08:36.073 เขาเดินเข้ามา ในขณะที่กระบะสีแดงหยุดทันเวลา 00:08:36.073 --> 00:08:38.391 และในสไตล์คนแคลิฟอร์เนีย รถบัสที่ตามมา 00:08:38.391 --> 00:08:40.728 ก็เบี่ยงแซง จนเกือบจะชนคนข้ามถนนของเรา 00:08:40.728 --> 00:08:42.284 (เสียงหัวเราะ) 00:08:42.284 --> 00:08:44.151 และนี่คือตัวอย่างของรถที่แพงขึ้นมาหน่อย 00:08:44.151 --> 00:08:45.889 พรีอุส ขับผ่านไปเลย 00:08:45.889 --> 00:08:50.197 รถ BMW ก็ทำเช่นกัน 00:08:51.388 --> 00:08:53.887 เราศึกษารถหลายร้อยคัน 00:08:53.887 --> 00:08:56.243 ใช้เวลาหลายวัน 00:08:56.243 --> 00:08:59.195 เพื่อติดตามว่าใครหยุด และใครไม่หยุด 00:09:00.466 --> 00:09:02.660 สิ่งที่เราพบคือ เมื่อความแพง 00:09:02.660 --> 00:09:06.960 ของรถยนต์เพิ่มขึ้น 00:09:06.960 --> 00:09:08.844 แนวโน้มของคนขับที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย 00:09:08.844 --> 00:09:10.088 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน 00:09:10.088 --> 00:09:12.780 ไม่มีรถคันใดเลย ผมย้ำว่าไม่มีเลย 00:09:12.780 --> 00:09:16.080 ในกลุ่มรถที่ราคาถูกที่สุด 00:09:16.080 --> 00:09:17.645 ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย 00:09:17.645 --> 00:09:20.038 และเกือบ 50 เปอร์เซนต์ของรถยนต์ 00:09:20.038 --> 00:09:22.446 ในกลุ่มรถที่แพงที่สุด 00:09:22.446 --> 00:09:25.289 ฝ่าฝืนกฎหมาย 00:09:25.289 --> 00:09:27.182 เราทำการศึกษาอื่นๆ เพื่อศึกษาว่า 00:09:27.182 --> 00:09:30.733 คนที่รวยกว่า จะมีแนวโน้มที่จะโกหกในการเจรจาต่อรอง 00:09:30.733 --> 00:09:32.823 และจะส่งเสริมพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณในที่ทำงาน 00:09:32.823 --> 00:09:35.431 เช่นการขโมยเงินจากแคชเชียร์ 00:09:35.431 --> 00:09:40.514 รับสินบน โกหกลูกค้า NOTE Paragraph 00:09:40.514 --> 00:09:42.076 ผมไม่ได้ชี้นำว่า 00:09:42.076 --> 00:09:43.779 ไม่ใช่เฉพาะคนรวย 00:09:43.779 --> 00:09:45.691 ที่แสดงพฤติกรรมเหล่านี้ 00:09:45.691 --> 00:09:48.460 ไม่ใช่เลยครับ อันที่จริง ผมคิดว่า พวกเราทุกคน 00:09:48.460 --> 00:09:51.424 ในชีวิตของเราทุกๆวัน ทุกๆ นาที 00:09:51.424 --> 00:09:54.396 ต้องเผชิญกับความขัดแย้งในใจ 00:09:54.396 --> 00:09:57.693 ว่าเมื่อไหร่ หรือควรหรือไม่ ที่จะเอาผลประโยชน์ส่วนตัว 00:09:57.693 --> 00:10:00.047 อยู่เหนือผลประโยชน์ของคนอื่นๆ 00:10:00.047 --> 00:10:02.429 และนั่นก็เป็นที่เข้าใจได้ เพราะ 00:10:02.429 --> 00:10:04.992 ความฝันแบบอเมริกันนั้น 00:10:04.992 --> 00:10:08.091 คือแนวคิดที่ว่าเราทุกคนมีโอกาสเท่ากัน 00:10:08.091 --> 00:10:10.125 ในความสำเร็จและรุ่งเรือง 00:10:10.125 --> 00:10:12.682 ตราบใดที่เราทุ่มเทกายใจ และทำงานหนัก 00:10:12.682 --> 00:10:15.386 ในแง่หนึ่ง มันหมายถึงว่าในบางครั้ง 00:10:15.386 --> 00:10:18.485 คุณต้องยกเอาผลประโยชน์ส่วนตน 00:10:18.485 --> 00:10:21.915 ให้อยู่เหนือผลประโยชน์ และความเป็นอยู่ ของคนอื่นๆ รอบๆ ตัวคุณ 00:10:21.915 --> 00:10:24.084 แต่ที่สิ่งที่เราค้นพบ ก็คือ 00:10:24.084 --> 00:10:26.492 เมื่อคุณร่ำรวยขึ้น คุณมีแนวโน้มที่ 00:10:26.492 --> 00:10:29.207 จะแสวงหาวิสัยทัศน์ของความสำเร็จส่วนตัว 00:10:29.207 --> 00:10:31.442 และการทำงานบรรลุเป้าหมาย 00:10:31.442 --> 00:10:34.790 จนเริ่มเป็นผลเสียต่อคนรอบข้างคุณ 00:10:34.790 --> 00:10:37.554 ผมวาดกราฟแสดงค่าเฉลี่ยรายรับ ที่แต่ละครัวเรือนได้รับ 00:10:37.554 --> 00:10:41.170 โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มรายได้ และกลุ่ม 5% ของครัวเรือนที่มีรายได้สูงสุด 00:10:41.170 --> 00:10:43.340 ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา 00:10:43.340 --> 00:10:45.882 ในปี 1993 ความแตกต่างระหว่าง 00:10:45.882 --> 00:10:48.967 แต่ละควอนไทล์ของประชากร ในแง่ของรายรับ 00:10:48.967 --> 00:10:51.564 มันเลวร้ายทีเดียว 00:10:51.564 --> 00:10:54.161 ไม่ยากเลยที่จะมองเห็นความแตกต่างนี้ 00:10:54.161 --> 00:10:57.045 แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ความแตกต่างที่เด่นชัดนั้น 00:10:57.045 --> 00:10:59.219 ก็ยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นไปอีก 00:10:59.219 --> 00:11:02.373 ระหว่างกลุ่มคนรวย และคนอื่นๆ ที่เหลือ 00:11:02.373 --> 00:11:06.065 อันที่จริง คนที่รายได้สูงสุด 20 เปอร์เซ็นต์แรก 00:11:06.065 --> 00:11:09.143 เป็นเจ้าของสินทรัพย์เกือบ 90 เปอร์เซนต์ของประเทศนี้ 00:11:09.143 --> 00:11:11.402 เราอยู่ในช่วงแห่งความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ 00:11:11.402 --> 00:11:13.890 ที่สูงแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน 00:11:15.634 --> 00:11:17.970 นั่นหมายความว่า ความมั่งคั่งไม่เพียงจะ 00:11:17.970 --> 00:11:22.450 กระจุกตัวอยู่กับกลุ่มคนที่เล็กลง 00:11:22.450 --> 00:11:24.834 แต่ความฝันแบบอเมริกัน 00:11:24.834 --> 00:11:26.782 ก็ยังไกลเกินเอื้อมออกไปเรื่อยๆ 00:11:26.782 --> 00:11:29.975 สำหรับคนส่วนใหญ่แบบพวกเรา ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ 00:11:29.975 --> 00:11:32.242 และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ตามการศึกษาของเรา 00:11:32.242 --> 00:11:34.237 ที่ว่า เมื่อคุณมั่งมีขึ้น 00:11:34.237 --> 00:11:36.779 คุณจะรู้สึกว่าคุณสมควรได้รับความมั่งคั่งนั้น 00:11:36.779 --> 00:11:39.772 และคุณจะมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญ กับผลประโยชน์ส่วนตัว 00:11:39.772 --> 00:11:41.739 มากกว่าผลประโยชน์ของคนอื่นๆ 00:11:41.739 --> 00:11:45.129 และยินยอมที่จะทำสิ่งเลวร้าย เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์นั้น 00:11:45.129 --> 00:11:46.863 ดังนั้น ไม่มีเหตุผลเลย ที่จะคิดว่า 00:11:46.863 --> 00:11:48.961 รูปแบบที่ว่านี้จะดีขึ้น 00:11:48.961 --> 00:11:50.504 อันที่จริง มันแน่นอนที่ว่า 00:11:50.504 --> 00:11:52.487 สถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่านี้ 00:11:52.487 --> 00:11:55.334 และนี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม 00:11:55.334 --> 00:11:59.961 ในอัตราเพิ่มที่คงที่ ในอนาคตอีก 20 ปี NOTE Paragraph 00:11:59.961 --> 00:12:02.682 ความเหลื่อมล้ำทางเศรฐกิจ 00:12:02.682 --> 00:12:04.606 เป็นอะไรที่เราทุกคนควรกังวล 00:12:04.606 --> 00:12:07.135 ไม่ใช่เพราะผู้คนที่อยู่ที่ข้างล่างสุด 00:12:07.135 --> 00:12:08.649 ของโครงสร้างสังคม 00:12:08.649 --> 00:12:10.889 แต่เป็นเพราะกลุ่มคน หรือสังคม 00:12:10.889 --> 00:12:16.089 ที่มีความเหลือมล้ำทางเศรษกิจมากๆ นั้น แย่กว่าในหลายๆ แง่ 00:12:16.089 --> 00:12:18.928 ไม่ใช่แค่กับคนที่อยู่ด้านล่างสุด แต่กับทุกคน 00:12:18.928 --> 00:12:21.055 มีงานวิจัยที่โดดเด่นหลายชิ้น 00:12:21.055 --> 00:12:23.647 จากห้องวิจัยชั้นนำทั่วโลก 00:12:23.647 --> 00:12:26.535 ที่แสดงให้เห็นถึงสิ่งมากมาย 00:12:26.535 --> 00:12:28.424 ที่คอยบ่อนทำลายสังคม 00:12:28.424 --> 00:12:31.064 เมื่อความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น 00:12:31.064 --> 00:12:33.717 ความยืดหยุ่นทางสังคม สิ่งที่เราใส่ใจ 00:12:33.717 --> 00:12:36.198 สุขภาพ ความเชื่อใจกันในสังคม 00:12:36.198 --> 00:12:39.243 ทุกอย่างลดลงเมื่อความเหลื่อมล้ำมีมากขึ้น 00:12:39.243 --> 00:12:41.258 และเช่นเดียวกัน สิ่งเลวร้าย 00:12:41.258 --> 00:12:43.870 ในสังคม 00:12:43.870 --> 00:12:45.964 เช่น โรคอ้วน ความรุนแรง 00:12:45.964 --> 00:12:47.585 จำนวนนักโทษ และการลงโทษ 00:12:47.585 --> 00:12:51.727 นั้นกลับแย่ลง เมื่อความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 00:12:51.727 --> 00:12:54.137 และเช่นกัน ผลลัพธ์เหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้น 00:12:54.137 --> 00:12:56.198 ในสังคมเพียงไม่กี่แห่ง 00:12:56.198 --> 00:12:58.799 แต่เกิดขึ้นในสังคมทุกรูปแบบ 00:12:58.799 --> 00:13:01.915 แม้กระทั่งผู้คนที่อยู่บนยอดสุด ก็ได้รับผลลัพธ์เหล่านี้ NOTE Paragraph 00:13:01.915 --> 00:13:05.158 แล้วเราจะทำอย่างไร 00:13:05.158 --> 00:13:08.629 ผลกระทบในแง่ร้าย 00:13:08.629 --> 00:13:11.137 ที่ค่อยๆ ลุกลามอย่างไม่หยุดนี้ 00:13:11.137 --> 00:13:14.546 อาจดูเหมือนบางสิ่งที่เกินจะควบคุมได้ 00:13:14.546 --> 00:13:16.464 และไม่มีทางที่เราจะสามารถหยุดมันได้ 00:13:16.464 --> 00:13:19.260 แน่นอนว่า ไม่มีอะไรที่เราในฐานะปัจเจกบุคคล สามารถช่วยได้ 00:13:19.260 --> 00:13:23.093 แต่อันที่จริง สิ่งที่เราค้นพบ 00:13:23.093 --> 00:13:26.281 ในงานวิจัยจากห้องทดลองของเรา 00:13:26.281 --> 00:13:31.371 ก็คือ การแทรกแซงด้านจิตวิทยาเพียงเล็กน้อย 00:13:31.371 --> 00:13:34.680 การปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ในเรื่องคุณค่าของผู้คน 00:13:34.680 --> 00:13:37.903 การผลักดันเพียงเล็กน้อย ไปในบางทิศทาง 00:13:37.903 --> 00:13:41.468 ก็สามารถฟื้นคืนสถานะของความเสมอภาค และความเห็นอกเห็นใจ 00:13:41.468 --> 00:13:43.520 ยกตัวอย่างเช่น การย้ำเตือนผู้คน 00:13:43.520 --> 00:13:45.776 ถึงผลประโยชน์ของการร่วมมือกัน 00:13:45.776 --> 00:13:48.680 หรือประโยชน์ของชุมชน 00:13:48.680 --> 00:13:52.615 จะทำให้คนที่ร่ำรวยกว่า เชื่อในหลักความเสมอภาค 00:13:52.615 --> 00:13:55.150 ได้พอๆ กับคนจน 00:13:55.150 --> 00:13:58.527 ในการศึกษาหนึ่ง เราให้ผู้คนดูวิดีโอสั้นๆ 00:13:58.527 --> 00:14:02.888 ความยาวเพียง 46 วินาที เกี่ยวกับเด็กยากจน 00:14:02.888 --> 00:14:05.938 เพื่อใช้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความต้องการของคนอื่นๆ 00:14:05.938 --> 00:14:07.964 ในโลกรอบๆ ตัวพวกเขา 00:14:07.964 --> 00:14:09.994 และหลังจากดูวิดีโอนั้น 00:14:09.994 --> 00:14:11.692 เราศึกษาว่า พวกเขาเต็มใจแค่ไหน 00:14:11.692 --> 00:14:15.396 ที่จะใช้เวลากับคนแปลกหน้าที่กำลังลำบาก 00:14:15.396 --> 00:14:18.815 ผู้ซึ่งถูกพามาพบเขาในห้องทดลอง 00:14:18.815 --> 00:14:22.082 หนึ่งชั่วโมง หลังจากดูวิดีโอนี้ 00:14:22.082 --> 00:14:24.452 กลุ่มคนรวย ก็มีความเอื้อเฟื้อ 00:14:24.452 --> 00:14:26.411 ในแง่การใช้เวลาเพื่อช่วยคนแปลกหน้าที่ว่า 00:14:26.411 --> 00:14:29.116 พอๆ กับกลุ่มคนจน 00:14:29.116 --> 00:14:31.567 นี่ชี้ว่า ความแตกต่างเหล่านี้ 00:14:31.567 --> 00:14:33.450 ไม่ได้ฝังแน่น หรือติดอยู่กับเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 00:14:33.450 --> 00:14:35.174 แต่มันสามารถปรับเปลี่ยนได้ 00:14:35.174 --> 00:14:37.100 โดยใช้การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ในเรื่องคุณค่าของคน 00:14:37.100 --> 00:14:39.381 เพิ่มความรักเพื่อนมนุษย์อีกเล็กน้อย 00:14:39.381 --> 00:14:41.036 และความเห็นอกเห็นใจอีกนิดหน่อย NOTE Paragraph 00:14:41.036 --> 00:14:42.592 และนอกห้องทดลองของเรา 00:14:42.592 --> 00:14:46.622 เราเริ่มที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ว่าในสังคมเราแล้ว 00:14:46.622 --> 00:14:50.065 บิลล์ เกตส์ หนึ่งในผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในประเทศของเรา 00:14:50.065 --> 00:14:51.810 ในสุนทรพจน์ของเขา ในงานมอบประกาศนียบัตร มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 00:14:51.810 --> 00:14:53.934 เขาพูดเกี่ยวกับปัญหาที่สังคมเราเผชิญอยู่ 00:14:53.934 --> 00:14:57.284 เรื่องความไม่เท่าเทียม ว่าเป็นความท้าทายที่น่ากลัว 00:14:57.284 --> 00:14:59.880 และพูดถึงว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อสู้กับมัน 00:14:59.880 --> 00:15:03.115 เขากล่าวว่า "ความก้าวหน้าที่ยิงใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ 00:15:03.115 --> 00:15:05.066 ไม่ใช่การค้นพบ 00:15:05.066 --> 00:15:08.217 แต่อยู่ที่วิธีที่การค้นพบเหล่านั้นถูกนำมาประยุกต์ใช้ 00:15:08.217 --> 00:15:11.031 เพื่อลดความไม่เท่าเทียม" 00:15:11.031 --> 00:15:13.034 และมีกลุ่ม กิฟวิงเพล็ดจ์ (Giving Pledge) 00:15:13.034 --> 00:15:15.456 ซึ่งเป็นกลุ่มของกว่า 100 ผู้ที่ร่ำรวยที่สุด 00:15:15.456 --> 00:15:17.843 ของประเทศเรา 00:15:17.843 --> 00:15:21.757 ที่สัญญาว่าจะมอบครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ทั้งหมด เพื่อการกุศล 00:15:21.757 --> 00:15:23.381 และตอนนี้ ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว 00:15:23.381 --> 00:15:27.014 ในระดับรากหญ้า อีกมากมาย 00:15:27.014 --> 00:15:29.317 อย่างเช่น กลุ่ม "เราคือหนึ่งเปอร์เซนต์" (We are the One Percent) 00:15:29.317 --> 00:15:31.181 กลุ่ม รีซอร์ซ เจนเนเรชั่น (Resource Generation) 00:15:31.181 --> 00:15:33.302 หรือกลุ่ม "เวล์ธ ฟอร์ คอมมอน กู้ด" (Wealth for Common Good) 00:15:33.302 --> 00:15:35.869 ที่ซึ่งประชากร 00:15:35.869 --> 00:15:37.694 กลุ่มที่มีอภิสิทธิ์สูงสุด 00:15:37.694 --> 00:15:40.450 ที่อยู่ในกลุ่มหนึ่งเปอร์เซนต์สูงสุดของสังคม 00:15:40.450 --> 00:15:42.381 ผู้คนที่ร่ำรวย 00:15:42.381 --> 00:15:45.969 กำลังใช้ทรัพยากรทางเศรษกิจของพวกเขา 00:15:45.969 --> 00:15:49.998 ที่ผมประทับใจ คือ ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก 00:15:49.998 --> 00:15:51.647 หันมาใช้อภิสิทธิ์ของพวกเขา 00:15:51.647 --> 00:15:53.718 ทรัพยากรทางเศรษกิจของพวกเขา 00:15:53.718 --> 00:15:56.745 เพื่อต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม 00:15:56.745 --> 00:15:59.655 โดยสนับสนุนนโยบายทางสังคม 00:15:59.655 --> 00:16:01.536 เปลี่ยนคุณค่าทางสังคม 00:16:01.536 --> 00:16:03.910 และเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คน 00:16:03.910 --> 00:16:06.973 ให้สนใจผลประโยชน์ส่วนตัวน้อยลง 00:16:06.973 --> 00:16:11.246 และนั่นอาจทำให้ฝันแบบอเมริกันกลับคืนมาได้ในที่สุด NOTE Paragraph 00:16:11.246 --> 00:16:13.246 ขอบคุณครับ NOTE Paragraph 00:16:13.246 --> 00:16:17.246 (เสียงปรบมือ)