ครับ ผมได้รับเกียรติเป็นอย่างสูง
ที่ได้เดินทางไปยังสถานที่สุดพิเศษบางแห่ง
ถ่ายภาพพื้นที่ห่างไกลเหล่านี้
และวัฒนธรรมจากแดนไกล
ทั่วโลก
ผมรักงานของผม
แต่คนคิดกันว่าความน่าทึ่งแบบต่อเนื่อง
และอรุณรุ่ง และสายรุ้ง
เมื่อความเป็นจริง
มันเหมือนกับอะไรแบบนี้เสียมากกว่า
(เสียงหัวเราะ)
นี่แหละ ห้องทำงานของผม
พวกเราไม่มีเงินพอที่จะมีห้องพักชั้นเลิศ
สำหรับตอนกลางคืน
ฉะนั้น พวกเราก็มักที่จะนอนกันกลางแจ้ง
ตราบใดที่มันยังแห้ง
นั่นเท่ากับว่าเป็นบุญแล้ว
เรายังไม่มีเงินพอสำหรับอาหารจากภัตตาคารหรู
เราก็เลยมักจะกินอะไรก็แล้วแต่ที่มี
อยู่ในรายการอาหารท้องถิ่น
และ ถ้าคุณอยู่ใน เอกวาดอเรียน ปะราโม่
(Ecuadorian Páramo)
คุณก็จะได้กินหนูยักษ์ ที่เรียกว่า คู (cuy)
(เสียงหัวเราะ)
แต่บางทีสิ่งที่อาจทำให้ประสบการณ์ของพวกเรา
แตกต่างออกไปนิดหน่อย
และมีเอกลักษณ์มากกว่าคนทั่วไปโดยเฉลี่ย
คือ พวกเราสิ่งที่ทำให้เป็นกังวล
อยู่ในใจตลอดเวลา
ที่แม้กระทั่งในเวลาอันมืดมิด
และในเวลาแห่งความเศร้าสลด
เรายังคิดว่า "เฮ้ย เราอาจได้ภาพดีๆ สักภาพ
อาจมีเรื่องราวบางอย่างให้ไปเล่า"
และทำไมการเล่าเรื่องถึงสำคัญ
ครับ มันช่วยให้เราติดต่อกับมรดก
ทางวัฒนธรรม และทางธรรมชาติ
และในทางตอนตะวันออกเฉียงใต้
มันมีความไม่ต่อเนื่องที่น่าตกใจ
ระหว่างส่วนที่คนอยู่อาศัย
กับส่วนธรรมชาติ
ที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ได้ตั้งแต่แรก
เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยการมองเห็น
เราก็เลยใช้ในสิ่งที่เราเห็น
เพื่อสอนเราในสิ่งที่เรารู้
ทีนี้ พวกเราส่วนใหญ่คงจะไม่สมัครใจนัก
ที่จะลงไปยังที่ลุ่มหนองน้ำ
แล้วเราจะหวังให้คนเหล่านั้นสนับสนุน
ในฐานะเป็นผู้ปกป้องมันได้อย่างไร
เราทำไม่ได้
ฉะนั้น หน้าที่ของผมคือใช้ภาพถ่ายเหล่านี้
เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร
เพื่อช่วยเชื่อมช่องว่าง
ระหว่างวิทยาศาสตร์และสุนทรียศาสตร์
เพื่อให้ผู้คนพูดถึง
เพื่อให้พวกเขาคิดถึง
และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ที่สุดแล้ว
เพื่อให้พวกเขาใส่ใจ
ผมเริ่มทำสิ่งนี้เมื่อ 15 ปีก่อน
ณ ที่แกนส์วิล (Gainesville) แห่งนี้
ที่หลังบ้านของผม
และผมก็ตกหลุมรักการผจญภัย และการค้นพบ
การออกไปสำรวจที่ต่างๆ
ที่ห่างจากประตูบ้านไปไม่กี่นาที
มีที่สวยงามมากมายให้เราไปพบ
แม้ว่าหลายปีมานี้
ผมยังมองโลกใบนี้ผ่านสายตาของเด็กน้อย
และผมพยายามที่จะรวม
สัมผัสแห่งความตื่นตา
และสัมผัสแห่งความช่างสงสัยใคร่รู้
ลงไปในภาพถ่ายของผม
บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
และเราก็ค่อนข้างโชคดี เพราะทางใต้นี้
เรายังโชคดีที่มีผืนผ้าใบที่ยังค่อนข้างว่าง
ที่เราจะสามารถแต่งเติม
ด้วยการผจญภัยที่น่าตื่นตาที่สุด
และประสบการณ์ที่สุดยอด
มันก็สำคัญแค่ว่าจินตนาการของเรา
จะพาเราไปไกลแค่ไหน
เห็นไหมครับ ผู้คนมากมายมองมันแล้วก็บอกว่า
"โอ้ ว้าว ต้นไม้นั่นสวยจัง"
แต่ผมไม่เพียงแต่เห็นต้นไม้ --
ผมมองมันและเห็นโอกาส
ผมเห็นช่วงสุดสัปดาห์
เพราะเมื่อผมเป็นเด็ก นี่เป็นชนิดของภาพ
ที่ทำให้ผมกระโดดออกจากโซฟา
และกล้าที่จะออกไปสำรวจมัน
กล้าที่จะออกไปหาป่าเขา
และจุ่มหัวลงไปใต้น้ำ และเห็นในสิ่งที่เราได้เห็น
และทุกท่านครับ ผมถ่ายภาพมาทั่วโลก
และผมให้คำมั่นกับคุณได้เลย
ว่าสิ่งที่เรามีในทางตอนใต้นี้
สิ่งที่เรามีในรัฐซันชาย
มีความทัดเทียมกับทุกอย่างที่ผมได้เคยเห็นมา
แต่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเรา
มัวแต่ยุ่งอยู่กับการส่งเสริมอะไรก็ไม่รู้
ก่อนที่เด็กส่วนใหญ่จะอายุ 12
พวกเขาต่างไปดิสนีย์เวิลด์กันแล้ว
หลายครั้งยิ่งกว่าพวกเขาเคยไปพายเรือแคนู
หรือไปตั้งแคมป์นอนใต้ฟ้าที่มีดาวนับพัน
และผมก็ไม่ได้ต่อต้านดิสนีย์หรือมิกกี้เมาส์
ผมก็เคยไปที่นั่นเหมือนกัน
แต่พวกเขากำลังพลาดสายสัมพันธ์พื้นฐาน
ที่สร้างสัมผัสแห่งความภูมิใจ
และความเป็นเจ้าของ
สถานที่ซึ่งพวกเขาเรียกว่าบ้าน
และมันถูกประกอบรวมขึ้นจากเรื่องพื้นที่
ซึ่งกำหนดนิยามมรดกแห่งชาติของเรา
และเติมเชื้อให้กับชั้นหินที่จะให้น้ำดื่มกับเรา
ที่ถูกตัดสินว่ามันน่ากลัว อันตราย และน่าขนลุก
เมื่อบรรพบุรุษเรามาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก
พวกเขาเตือนว่า "ออกไปจากที่ตรงนี้
พวกมันหลอนน่าดู
พวกมันเต็มไปด้วยวิญญาณชั่วร้ายและภูติผี
ผมไม่รู้หรอกว่า
พวกเขาไปเอาความคิดนี้มาจากไหน
แต่มันนำไปสู่การเสียความสัมพันธ์จริงๆ
ภาพลักษณ์ในทางลบทางจิตใจ
ที่ทำให้พวกเราทำตัวออกห่าง เงียบ
และสุดท้าย
ทำให้สิ่งแวดล้อมของเราเสี่ยงต่ออันตราย
เราอยู่ในรัฐที่ถูกล้อมรอบและกำหนดด้วยน้ำ
แต่กระนั่น เป็นศตวรรษมาแล้ว
หนองน้ำและพื้นที่น้ำขัง ถูกจัดว่า
เป็นอุปสรรคที่ต้องถูกจัดการ
และเราก็ได้ปฏิบัติต่อพวกมัน
เป็นดั่งระบบนิเวศชั้นสอง
เพราะว่าพวกมันมีค่าเป็นเงินน้อย
และแน่นอน พวกมันเลื่องลือว่ามีจระเข้และงู --
ซึ่งผมต้องยอมรับว่า
มันเป็นผู้ต้อนรับที่ไม่น่ากอดสักเท่าไร
(เสียงหัวเราะ)
ฉะนั้น มันถูกเหมาเอาว่า หนองน้ำที่ดี
คือหนองน้ำที่ไม่มีน้ำ
และอันที่จริง
การถ่ายน้ำออกจากพื้นที่หนองน้ำเพื่อเตรียมพื้นที่
สำหรับการเกษตรและการพัฒนา
ถูกพิจารณาว่าจำเป็นมาก
สำหรับการอนุรักษ์ไม่นานมานี้
แต่ตอนนี้เรากำลังแจวลงคลอง
เพราะว่ายิ่งเราเรียนรู้เกี่ยวกับพื้นที่น้ำขังมากเท่าไร
เรายิ่งไขความลับได้มากขึ้นเท่านั้น
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสายพันธุ์
และการเชื่อมโยงกันของพื้นที่อาศัย
ที่ลุ่มน้ำ และเส้นทางอพยพ
ยกตัวอย่างเช่น นกชนิดนี้
นี่คือ นกกระจิบสีเหลืองโพลล์
(prothonotary warbler)
ผมชอบมันมากเพราะว่ามันเป็นนกหนองน้ำ
ที่อาศัยอยู่ทั่วไป
พวกมันทำรัง และจับคู่ และพวกมันผสมพันธุ์
ในหนองน้ำที่มีมานานนี้
ในป่าหนองน้ำ
และหลังจากฤดุใบไม้ผลิ
หลังจากที่พวกมันเลี้ยงดูลูกนก
พวกมันจะบินเป็นพันๆ ไมล์
ข้ามอ่าวเม็กซิโก
ไปยังอเมริกากลางและใต้
และจากนั้นหลังจากฤดูหนาว
ฤดุใบไม้ผลิกลับมาอีกครั้ง
และพวกมันก็กลับมา
พวกมันบินเป็นพันๆ ไมล์
ข้ามอ่าวเม็กซิโก
และพวกมันไปไหน พวกมันไปหยุดตรงไหน
กลับไปยังต้นไม้ต้นเดิม
มันบ้ามากครับ
นี่คือนกที่มีขนาดเท่ากับ ลูกเทนนิส --
แบบว่า นั่นมันเพี้ยนจริงๆ
ผมใช้จีพีเอสเพื่อมาที่นี่ทุกวัน
และนี่คือบ้านเกิดผมเลยนะ
(เสียงหัวเราะ)
บ้าจริงๆ
ครับ จากนั้น เมื่อนกบินข้ามอ่าวเม็กซิโก
เข้าไปในอเมริกากลางในช่วงฤดูหนาว
และจากนั้นฤดูใบไม้ผลิก็กลับมา
และมันก็กลับมาหาสิ่งนี้
สนามกอล์ฟเปียกๆ งั้นหรือ
นี่เป็นคำบรรยาย
ที่มันจะพบได้บ่อยๆ
ในรัฐนี้
และมันเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ
ที่เกิดขึ้นมาเป็นพันๆ ปี
และเราเพิ่งจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับมัน
ฉะนั้น คุณเดาได้เลย ถึงเรื่องอื่นๆ ที่เราต้องเรียนรู้
เกี่ยวกับพื้นที่ต่างๆ
ถ้าคุณรักษามันเอาไว้แต่แรก
ตอนนี้แม้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตมากมาย
อยู่ในพื้นที่หนองน้ำ
พวกมันก็ยังมีชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก
หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ
ถึงแนวคิดลุยน้ำลุยโคลน
ในเขตน้ำดำในฟอริดา
ผมเข้าใจได้ครับ
แต่ที่สิ่งที่ผมหลงรักสำหรับการเติบโต
ในรัฐซันชาย
คือว่า สำหรับเราหลายๆ คน
เราใช้ชีวิตอยู่กับความกลัว
ที่มันซ่อนเร้นอยู่แต่ก็สัมผัสได้ชัดเจน
ที่ซึ่งเมื่อเราเอานิ้วเท้าจุ่มน้ำ
มันอาจมีอะไรที่เก่าแก่ยิ่งกว่านั้น
ที่พัฒนาไปมากกว่าพวกเรา
เป็นที่รู้กันว่า คุณไม่ใช่เป็นที่สุด
เป็นความไม่น่าสบายใจ ผมว่านะ
บ่อยแค่ไหนกันเชียว
ในยุคใหม่ ในเมือง ดิจิจัล
ที่คุณจะรู้สึกว่าชีวิตเสี่ยงภัยจริงๆ
หรือคิดว่าโลกไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อพวกเราเท่านั้น
ฉะนั้น ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา
ผมเริ่มที่จะมองหาบริเวณ
ที่คอนกรีตให้ป่า
และไม้สนกลายเป็นต้นไซปรัส
และผมก็มองดูยุงและสัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้
ความไม่สบายเหล่านี้
ว่าเป็นการยืนยันว่า
ผมได้พบกับความดิบเถื่อนจริงๆ
และผมก็เปิดรับมันเต็มที่
ทีนี้ ในฐานะนักถ่ายภาพอนุรักษ์
ที่หมกมุ่นกับน้ำดำๆ
มันก็เหมาะสมดีแล้ว
ที่สุดท้ายแล้ว ผมจะไปจบลงที่
พื้นที่หนองน้ำที่โด่งดังที่สุด
เอเวอร์แกลนดส์ (Everglandes)
การที่ผมเติบโตในตอนกลางของฟอริดาเหนือ
มันมีชื่อสถานที่อันน่าหลงใหล
อย่างเช่น ลอกซาแฮทชี และ ฟาคาแฮทชี
คอร์คสกรูว์, บิกไซปรัส
ผมเริ่มในสิ่งที่กลายเป็นโครงการห้าปี
เพื่อหวังที่จะนำ เอเวอร์แกลนดส์
กลับมาอยู่ในความสนใจใหม่
ในความสนใจที่ให้แรงบันดาลใจมากกว่า
แต่ผมรู้ว่านี่อาจจะเป็นการข้อที่มากไปเสียหน่อย
เพราะว่าที่นี่ คุณมีบริเวณ
ที่โดยคร่าว กินบริเวณประมาณหนึ่งในสาม
ของฟอริดา มันใหญ่มากครับ
และเมื่อผมบอกว่าเอเวอร์แกลนดส์
คนส่วนใหญ่จะบอกว่า
"โอ้ ใช่ อุทยานแห่งชาติ"
แต่ เอเวอร์แกลนด์ ไม่ได้เป็นแค่อุทยาน
มันเป็นป่าต้นน้ำทั้งหมด
เริ่มด้วยคิสซิมมี เครือข่ายทะเลสาปทางเหนือ
และจากนั้นเมื่อฝนตกในฤดูร้อน
ฝนเหล่านี้จะไหลไปรวมกัน
ในทะเลสาปโอคีโชบี (Okeechobee)
และทะเลสาปโอคีโชบีจะถูกเติมเต็ม
และมันจะท่วมถึงฝั่ง
และท่วมไปทางตอนใต้ อย่างช้าๆ
ไปตามโครงสร้างภูมิประเทศ
และเข้าไปในทะเลหญ้า
เดอะ ซอว์กราซ แพรรีส์
ก่อนไปบรรจบที่ดงไซปรัส
จนกระทั่งลงไปทางใต้อีกในพื้นที่หนองน้ำโกงกาง
และจากนั้น ในที่สุด ก็ไปถึงอ่าวฟอริดา
มรกตแห่งเอเวอร์แกลนดส์
ปากแม่น้ำใหญ่
ขนาด 850 ตารางไมล์
แน่นอนว่า อุทยานแห่งชาติ
เป็นปลายสุดทางใต้ของระบบนี้
แต่ทุกอย่างที่ทำให้มันมีเอกลักษณ์
คือปัจจัยที่เข้ามารวมกันเหล่านี้
น้ำจืดที่เริ่มที่ 100 ไมล์ ไปทางเหนือ
ฉะนั้น มันไม่มีการดำเนินการทางการเมือง
หรือขอบเขตที่เห็นชัดเจน
ปกป้องอุทยานนี้จากน้ำเสีย
หรือน้ำที่ไม่มีคุณภาพ
และน่าเสียใจที่ว่า นั่นคือสิ่งที่เราได้ทำลงไป
ตลอด 60 ปีที่ผ่านมา
เราถ่ายน้ำออก, เราสร้างเขื่อน,
เราขุดลอกเอเวอร์แกลนดส์
จนถึงจุดที่ตอนนี้ น้ำที่ไปถึงอ่าวในปัจจุบัน
เป็นเพียงหนึ่งในสามของที่เคยไปถึงอ่าว
ฉะนั้น โชคไม่ดี
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเหมือนแดดงามและสายรุ้ง
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เรื่องราวของเอเวอร์แกลนดส์
ถูกผูกไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
กับยอดเขาและหุบเขา
ของความสัมพันธ์ของมนุษย์ชาติ
กับโลกธรรมชาติ
แต่ผมจะแสดงภาพสวยๆ เหล่านี้ให้คุณชม
เพราะว่ามันจะทำให้คุณมีส่วนร่วม
และในขณะที่ผมทำให้คุณสนใจ
ผมจะเล่าเรื่องจริงให้คุณฟัง
มันคือการรับสิ่งหนึ่ง
และเราก็แลกมันกับอีกสิ่งหนึ่ง
ในอัตราที่น่าตกใจ
และสิ่งที่หายไปในหลายๆ คน
ก็คือระดับแท้ๆ ที่เรากำลังพูดถึง
เพราะว่า เอเวอร์แกลนดส์ไม่ได้รับผิดชอบ
แค่เรื่องน้ำดื่ม
สำหรับชาวฟอริดา 7 ล้านคน
วันนี้มันให้พื้นที่ทางการเกษตร
ปลูกมะเขือเทศและส้มได้ตลอดทั้งปี
เพื่อชาวอเมริกัน 300 ล้านคน
และมันเป็นชีพจรตามฤดูกาลของน้ำในฤดูร้อน
ที่สร้างลำธารแห่งหญ้ามา 6,000 ปีแล้ว
เหมือนเป็นการประชด ที่ทุกวันนี้
มันกินพื้นที่กว่าครึ่งล้านเอเคอร์
ของลำธารแห่งอ้อยที่ไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือผืนป่าเดียวกันที่ทำหน้าที่
เทปุ๋ยที่เยอะเกินไปลงในลุ่มน้ำ
ซึ่งเปลี่ยนระบบไปตลอดกาล
แต่เพื่อที่คุณจะไม่แค่เพียงเข้าใจ
ว่าระบบทำงานอย่างไร
แต่ยังจะได้รู้สึกสัมพันธ์กับมันด้วย
ผมตัดสินใจที่จะแบ่งเรื่อง
ออกเป็นสองสามการบรรยาย
และผมต้องการให้เรื่องนี้เริ่มขึ้นที่
ทะเลสาปโอคีโชบี
มันคือหัวใจของระบบเอเวอร์แกลนด์
และเพื่อที่จะทำอย่างนั้น ผมขอเลือกทูตของเรา
สายพันธุ์ที่เป็นสัญลักษณ์
นี่คือนกเหยี่ยวกินหอยทากแห่งเอเวอร์แกลนด์
มันเป็นนกที่ยอดมาก
และพวกมันเคยสร้างรังเป็นพันๆ
ในทางตอนเหนือของเอเวอร์แกลนด์
และจากนั้นพวกมันก็ลดจำนวน
ลงมาอยู่ที่ 400 คู่ ในทุกวันนี้
แล้วทำไมน่ะหรือ
ครับ มันเป็นเพราะว่าพวกมันกินอาหารอย่างเดียว
คือหอยทากแอ๊ปเปิล
หอยทากน้ำจืดที่ขนาดพอๆ กับลูกปิงปอง
ฉะนั้น เราเริ่มสร้างเขื่อนที่ทางต้นน้ำ
ของเอเวอร์แกลนดส์
เมื่อเรากั้นทะเลสาปโอคีโชบี
และถ่ายน้ำออกจากพื้นที่น้ำขัง
เราสูญเสียแหล่งที่อยู่ของหอยทาก
แล้วก็ทำให้ ประชากรของนกรุ้งลดลง
นอกจากนี้ ผมต้องการรูปถ่าย
ที่จะไม่เพียงแต่สื่อสารความสัมพันธุ์นี้
ระหว่างพื้นที่น้ำขัง, หอยทาก และนก
แต่ผมถูกเตือนมาว่า
รูปถ่ายมันสื่อสารไม่ได้
เป็นความสัมพันธ์ที่น่าที่งของทั้งคู่
และมันสำคัญแค่ไหน
ที่พวกมันต้องมาพึ่งพาอาศัยกัน
พื้นที่น้ำขังและนกชนิดนี้
และเพื่อที่จะทำอย่างนั้น ผมระดมความคิด
ผมเริ่มที่จะร่างแผนเพื่อจะถ่ายภาพ
และส่งมันไปให้กับนักชีววิทยาสัตว์ป่า
ในโอคีโชบี --
นี่คือนกที่กำลังใกล้สูญพันธ์ุ
ฉะนั้นเราต้องได้รับอนุญาตพิเศษ
ผมสร้างแทนที่จมน้ำ
ที่หอยทากสามารถไปเกาะที่ใต้นำ้พอดี
และผมก็ใช้เวลาเป็นเดือนๆ
วางแผนบ้าบอนี้
และนำแท่นนี้ไปยังโอคีโชบี
และใช้เวลาหลายสัปดาห์ในน้ำ
ลุยน้ำท่วมถึงเอว 9 ชั่วโมงต่อกะ
จากช่วงเช้ามืดถึงพระอาทิตย์ตก
เพื่อให้ได้ภาพหนึ่ง
ที่ผมคิดว่าจะสามารถสื่อสารสิ่งนี้ได้
และนี่คือวันที่ผมทำสำเร็จ
[วีดีโอ: (แม็ค สโตน บรรยาย)
หลังจากตั้งแท่นแล้ว
ผมมออกไปและเห็นนกรุ้ง
ออกมาเหนือดงแคทเทล
และผมเห็นมันตรวจหาและตามหา
และมันก็ไปอยู่ตรงเหนือกับดัก
และผมเห็นว่ามันเห็นสิ่งนั้น
มันตัดตรงลงไป พุ่งเข้าหากับดัก
และในวินาทีนั้น
ทุกอย่างที่วางแผนมาเป็นเดือน การรอคอย
รอยไหม้จากแดด ยุงกัด --
ทันใดนั้น ทุกอย่างมันคุ้มค่า
(แม็ค สโตน ในภาพยนต์)
โอ้พระเจ้า เหลือเชื่อจริงๆ]
คุณเชื่อได้เลยว่าผมตื่นเต้นแค่ไหน
ตอนที่มันเกิดขึ้น
แต่แนวคิดก็คือ
สำหรับใครที่ไม่เคยเห็นนกชนิดนี้
และไม่มีเหตุผลที่จะสนใจมัน
ภาพเหล่านี้ มุมมองใหม่นี้
จะช่วยให้ความกระจ่างใหม่กับสายพันธุ์หนึ่ง
ที่ทำให้บริเวณน้ำท่วมถึงนี้
น่าทึ่ง มีคุณค่า และสำคัญยิ่ง
ทีนี้ ผมรู้ว่าผมไม่อาจมาที่ เกนสวิล (Gainesville)
และพูดกับคุณเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ
ในเอเวอร์แกลนดส์
โดยไม่พูดพวกจระเข้ได้
ผมรักพวกไอ้เข้นะ
ผมเติบโตมากับการรักพวกมัน
พ่อแม่ของผมพูดเสมอว่า
ผมมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพวกมัน
แต่สิ่งที่ทำให้ผมชอบพวกมันก็คือ
พวกมันเหมือนเป็นงูน้ำจืด
พวกมันน่ากลัว น่ารังเกียจ
และพวกมันก็ถูกเข้าใจผิดอย่างน่าเศร้า
เพราะว่าพวกมันเป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างน่าสนใจ
พวกมันไม่ได้เป็นแค่นักล่าสูงสุด
ในเอเวอร์แกลนดส์
พวกมันเป็นสถาปนิกตัวจริงของที่นี่
เพราะเมื่อน้ำลดลงในฤดูหนาว
ระหว่างฤดูแล้ง
พวกมันเริ่มที่จะขุดโพรงที่เรียกว่า
โพรงจระเข้
และพวกมันทำแบบนี้ เพราะเมื่อน้ำลดลง
พวกมันยังสามารถหาความชุ่มฉ่ำได้
และพวกมันจะสามารถหาอาหาร
และตอนนี้ สิ่งนี้ก็กำลังส่งผลต่อพวกมัน
สัตว์ชนิดอื่นๆ ยังขึ้นอยู่กับมันในความสัมพันธ์นี้
พวกมันจึงเป็นสายพันธุ์ที่สำคัญเช่นกัน
แล้วคุณจะทำอย่างไรให้ผู้ล่าสูงสุด
เจ้าสัตว์เลื้อยคลานโบราณ
ที่ดูเหมือนมันมีอำนาจในระบบนิเวศนี้
แต่บางครั้ง ก็ดูเปราะบาง
ครับ คุณลุยโคลนเข้าไปหลุม 120 หลุมเห็นจะได้
จากนั้นก็หวังว่าคุณคงตัดสินใจไม่ผิด
(เสียงหัวเราะ)
ผมยังมีนิ้วครบ นั่นเจ๋งมากเลยครับ
แต่ผมเข้าใจ ผมรู้
ผมจะไม่ระดมพวกคุณ
ผมจะไม่ระดมกองทัพคนเพื่อ
"ช่วยรักษาเอเวอร์แกลนดส์เพื่อจระเข้"
มันไม่เกิดขึ้นแน่เพราะพวกมันมีอยู่เยอะแยะ
พวกคุณก็เห็นๆ มันอยู่
พวกมันเป็นหนึ่งในเรื่องการอนุรักษ์
ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐฯ
แต่มีอยู่สายพันธุ์หนึ่งในเอเวอร์แกลนดส์
ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร
ก็ไม่อาจห้ามใจให้ไม่หลงรักได้
นั่นคือนกปากช้อนสีกุหลาบ
นกเหล่านี้เจ๋งมาก แต่พวกมันกำลังลำบาก
ที่เอเวอร์แกลนดส์
เพราะว่าพวกมันเดิมมีอยู่เป็นพันๆ คู่
ในอ่าวฟอริดา
และเมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20
พวกมันลดลงเหลือ สอง -- สองคู่
และทำไมล่ะ
นั่นเป็นเพราะผู้หญิงคิดว่าขนนก
ดูดีกว่าถ้านำมาประดับไว้บนหมวก
จากนั้น พวกมันก็บินลับไปในท้องฟ้า
จากนั้น เราก็ห้ามการขายขนนก
และจำนวนของมันก็เริ่มกลับมาสูงขึ้น
และเมื่อจำนวนเริ่มที่จะเพิ่มสูงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มจะให้ความสนใจ
พวกเขาเริ่มศึกษานกเหล่านี้
และสิ่งที่พวกเขาพบก็คือว่า
พฤติกรรมของนกเหล่านี้
ผูกพันอย่างเหนียวแน่น
กับวัฏจักรน้ำขึ้นน้ำลงประจำปี
ในเอเวอร์แกลนดส์
ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดพื้นที่ลุ่มน้ำเอเวอร์แกลนดส์
สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือ
นกเหล่านี้เริ่มที่จะทำรังในฤดูหนาว
เมื่อน้ำลด
เพราะว่าพวกมันนักล่าเหยื่อด้วยการสัมผัส
พวกมันจะต้องสัมผัสสิ่งที่พวกมันกิน
และพวกมันรอแหล่งน้ำที่อุดมไปด้วยปลา
ที่จะเป็นแหล่งอาหารที่เพียงพอ
กับลูกๆ ของพวกมัน
ฉะนั้น นกเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์
ของเอเวอร์แกลนดส์ --
สายพันธุ์บ่งชี้
ถึงความสมบูรณ์ของระบบ
และเมื่อจำนวนของมันเพิ่มกลับขึ้นมา
ในกลางศตวรรษที่ 20 --
ไต่ขึ้นไปถึง 900, 1,000, 1,100, 1,200 --
แค่มันเพิ่งเริ่มเกิดขึ้น เราก็เริ่มทำให้ทางตอนใต้
ของเอเวอร์แกลนดส์เสื่อมถอย
และพวกเรากั้นน้ำไม่ให้ไหลลงมาทางใต้
ประมาณสองในสาม
และมันมีผลกระทบที่รุนแรง
และในขณะที่จำนวนของมัน เริ่มที่จะสูงถึงจุดยอด
น่าเสียดาย วันนี้ เรื่องจริงของนกปากช้อนชนิดนี้
ภาพถ่ายจริงๆ ที่แสดงว่ามันเป็นอย่างไร
มันเป็นประมาณนี้
พวกมันลดลงเหลือจนเหลือน้อยกว่า 70 คู่
ในอ่าวฟอริดาในปัจจุบัน
เพราะว่าพวกเราเข้าไปรบกวนระบบ
มากมายเหลือเกิน
ฉะนั้นองกรณ์ต่างๆ กำลังร้องตะโกน
พวกเขากำลังกรีดร้อง
"เอเวอร์แกลนส์ช่างบอบบาง มันบอบบางเหลือเกิน"
มันไม่ครับ
มันยืดหยุ่นคืนสภาพได้
เพราะถึงแม้ว่า จากทั้งหมดที่เราจะฉกฉวยไปจากมัน
จากทั้งหมดที่เราได้ทำ และที่เราได้ระบายน้ำออกไป
และที่เราสร้างเขื่อน ที่เราขุดลอก
เศษส่วนของมันยังคงอยู่ที่นั่น
รอที่จะถูกจับมารวมเข้าด้วยกันอีกครั้ง
และนี่คือสิ่งที่เรารักเกี่ยวกับฟอริดาใต้
ที่ในที่เดียว เรามีพลังของมวลชน
ที่มิอาจหยุดยั้งได้
และธรรมชาติเขตศูนย์สูตร
ที่ไม่อาจเคลื่อนไปที่ใดได้
และมันอยู่ที่ขอบของก้าวใหม่
ที่เราถูกกดดันด้วยการประเมิน
พงไพรนั้นมีค่าสักแค่ไหน
อะไรคือค่าของความหลากหลายทางชีวภาพ
หรือน้ำดื่มของเรา
และโชคดี หลังจากการถกเถียงกันหลายทศวรรษ
พวกเราก็เริ่มที่จะลงมือจัดการกับปัญหา
พวกเราดำเนินการโครงการเหล่านี้อย่างช้าๆ
เพื่อนำน้ำจืดกลับมายังอ่าว
แต่มันขึ้นอยู่กับพวกเราชาวประชาชน
ผู้อยู่อาศัย ผู้อุปโภคบริโภค
ที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เราเลือกมาแล้ว
ทำตามสัญญา
พวกคุณช่วยอะไรได้บ้าง
มันง่ายมากครับ
แค่ออกไป ออกไปข้างนอกนั่น
พาเพื่อนของคุณ พาลูกๆ ของคุณ
พาครอบครัวของคุณออกไป
จ้างไกด์ตกปลา
อวดรัฐของคุณว่าการปกป้องพงไพร
ไม่ใช่เพียงแต่สมเหตุสมผลในแง่นิเวศวิทยา
แต่ในแง่เศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
มันสนุกมาก ลองสิครับ
จุ่มเท้าลงในน้ำดู
พื้นที่หนองน้ำจะเปลี่ยนคุณ เชื่อผมสิ
ตลอดเวลาหลายปี พวกเราใจดี
กับพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ
พวกมันทำให้เราจุกอกไปด้วยความรักชาติ
ที่ซึ่งเราพิจารณาว่ามันกำหนดนิยามพวกเรา
แกรนด์ แคนยอน, โยเซมิติ. เยลโล่วสโตน
และเราใช้อุทยานเหล่านี้
และบริเวณทางธรรมชาติเหล่านี้
เป็นประภาคารและเข็มทิศทางวัฒนธรรม
และน่าเศร้า เอเวอร์แกลนดส์
มักจะถูกลืมพูดถึง
แต่ผมเชื่อว่า ทุกอนูของมัน
เป็นสัญลักษณ์ และสิ่งที่แสดงว่า
เราเป็นใครในฐานะประเทศ
ไม่ต่างอะไรกับพงไพรที่อื่น
มันแค่เป็นป่าในอีกแบบเท่านั้นเอง
แต่ผมขอสนับสนุน
เพราะว่าบางที ในที่สุด เราก็ได้มาถึงจุดนี้
เพราะว่าครั้งหนึ่งพื้นที่ท่วมน้ำที่เต็มไปด้วยหนองบึง
ที่ถูกตัดสิน
วันนี้ มันเป็นมรดกโลก
มันเป็นพื้นที่น้ำขัง
ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ
และใน 60 ปีที่ผ่านมานี้พวกเรามากันไกล
ในฐานะโครงการฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมถึง
ที่ทะเยอทะยานที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก
ทุกสายตาจากนานาชาติจ้องมองมาที่รัฐซันชาย
เพราะว่า ถ้าเรารักษาเยียวยาระบบนี้ได้
มันก็จะกลายเป็นสัญลักษณ์
ของการฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมถึง
ของทั่วทั้งโลก
แต่มันขึ้นอยู่กับพวกเราที่จะตัดสินใจ
ว่าเราจะปักธงของเราไว้บนมรดกใด
พวกเขาบอกว่าเอเวอร์แกลนดส์
คือการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ถ้าเราทำสำเร็จ เราก็จะสามารถรักษาโลกเราไว้ได้
ผมชอบคำพูดนี้ครับ
เพราะว่ามันท้าทาย และกระตุ้นดี
เราจะทำได้ไหม เราจะทำหรือเปล่า
เราต้องทำ เราทำเป็นต้องทำ
แต่พื้นที่น้ำท่วมถึง ไม่ใช่แค่การทดสอบ
มันยังเป็นของขวัญ
และที่สุดแล้ว เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา
ขอบคุณครับ
(เสียงปรบมือ)