คริส แอนเดอร์สัน: อีลอน ความฝันหลุดโลกแบบไหนครับ ที่โน้มน้าวให้คุณคิดจะพยายาม เข้ามาในอุตสาหกรรมยานยนต์ และสร้างรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว อีลอน มัสค์: อืม มันย้อนไปเมื่อผมอยู่ในมหาวิทยาลัย ผมคิดถึงว่า อะไรคือปัญหาที่น่าจะ กระทบต่ออนาคตของโลก หรืออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด ผมคิดว่ามันสำคัญอย่างมาก ที่เรามีการคมนาคมที่ยั่งยืน และการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน เหล่าบรรดาปัญหาพลังงานที่ยั่งยืนทั้งหมดนั้น เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ที่เราต้องทำการแก้ไขในศตวรรษนี้ อย่างอิสระจากการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม อันที่จริง สมมุติว่า การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ถ้าเรากำลังจะขาดไฮโดรคาร์บอน พวกเราต้องการหาแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน คริส: กระแสไฟฟ้าในอเมริกาส่วนใหญ่มาจาก การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล รถยนต์ไฟฟ้าที่ต่อสายไฟ เข้ากับระบบไฟฟ้าจะช่วยได้อย่างไร อีลอน: ครับ มีคำตอบอยู่สองประการครับ อย่างแรกก็คือ ถึงแม้ว่าคุณจะนำน้ำมันมา ผลิตเป็นพลังงานที่โรงไฟฟ้า และใช้มันเพื่อที่จะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มันก็ยังดีกว่า ถ้าคุณใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันไฮโดรคาร์บอนที่พบได้มากที่สุด ถ้าคุณเผามันใน กังหันก๊าซธรรมชาติสมัยใหม่ของบริษัท GE คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพ ได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคุณใช้เชื้อเพลิงเดียวกันนี้ ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพ ได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ และเหตุผลก็คือ ในโรงไฟฟ้า คุณสามารถที่จะมีอะไรบางอย่าง ที่มีน้ำหนักมาก มีปริมาตรมาก และคุณสามารถนำความร้อนที่ถูกปล่อยทิ้ง ไปปั่นกังหันน้ำและให้กำเนิด แหล่งพลังงานทุติยภูมิ ผลที่ได้คือ แม้ว่าคุณรวมเอาพลังงานที่สูญเสีย จากการส่งผ่านและอื่นๆทุกอย่างแล้ว ถึงแม้ว่าจะใช้แหล่งเชื้อเพลิงเดียวกัน การชาร์จไฟให้รถนั้นให้ผลดีกว่าอย่างน้อยสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเผาไหม้มันในโรงงานไฟฟ้า คริส: ขนาดที่ใหญ่ช่วยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีลอน: ใช่ครับ และอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราต้องมีมาตราการที่ยั่งยืน ในการผลิตพลังงาน อย่างพลังงานไฟฟ้าอยู่ดี ครับ ถ้าเราต้องแก้ปัญหา การผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบยั่งยืน มันก็เป็นเหตุเป็นผลที่เราจะมีรถพลังงานไฟฟ้า เป็นวิธีหนึ่งของการเดินทาง คริส: เรามีวีดีโอตรงนี้ เกี่ยวกับ เทสล่า ที่กำลังถูกประกอบ ซึ่ง ถ้าเราเปิดวีดีโอแรก อะไรกันครับที่เป็นการปฏิรูปใหม่ ในกระบวนการผลิตของพาหนะนี้ อีลอน: อ้อครับ เพื่อเป็นการเร่งการมาถึง ของการขนส่งที่ใช้พลังไฟฟ้า ผมจะบอกว่า ที่จริงผมคิดว่า ทุกวิถีทางการเดินทางจะเปลี่ยนไปเป็น ระบบไฟฟ้าทั้งหมด แต่ที่ตลกดีคือ ยกเว้นจรวดนะครับ มันไม่มีทางจะแหกกฎข้อที่สามของนิวตัน คำถามก็คือว่า คุณจะเร่ง การมาถึงของการเดินทางแบบไฟฟ้าได้อย่างไร และเพื่อที่จะทำเช่นนั้นในรถยนต์ คุณจะต้องคิดถึง รถที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ ดังนั้น นั่นหมายถึงสร้างมันให้เบาอย่างน่าเหลือเชื่อ และที่คุณได้เห็นนี้ เป็นเพียงรถรุ่นเดียว ที่มีตัวถังทำจากอลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งผลิตในอเมริกาเหนือ ที่จริง พวกเราดัดแปลงเทคนิคมากมาย ในการออกแบบจรวด เพื่อที่จะสร้างรถที่เบา แม้ว่ามันจะมีกล่องแบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาก และมันก็มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำที่สุด ในบรรดารถขนาดเท่าๆกัน ผลก็คือ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานนั้นจึงต่ำมาก และมันมีกล่องแบตเตอรี่รุ่นที่ก้าวหน้าที่สุด และนั่นทำให้มันมีระยะวิ่งที่น่าสนใจ ซึ่งตามปกติมันจะวิ่งได้ราว 250 ไมล์ คริส: เอาล่ะครับ กล่องแบตเตอรี่นั้นมันหนักเหลือเกิน แต่คุณคิดว่าการคำนวณ จะหาทางออกให้อย่างชาญฉลาด โดยการรวมตัวของถังที่เบา แบตเตอรี่ที่หนัก คุณยังสามารถที่จะได้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม อีลอน: ใช่เลยครับ ส่วนที่เหลือของรถยนต์ต้องเบามากๆ เพื่อชดเชยน้ำหนักของกล่องแบตเตอรี่ และจากนั้นคุณต้องมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ที่ต่ำ เพื่อที่คุณจะได้ระยะวิ่งบนถนนที่ดี และที่จริง เหล่าลูกค้าของโมเดล เอส ก็คล้ายๆ กับกำลังแข่งขันกันเอง เพื่อที่จะให้ได้ระยะที่ดีที่สุด ผมคิดว่าใครสักคนขับได้ระยะทาง 420 ไมล์ ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ คริส: บรูโน โบวเดน (Bruno Bowden) ผู้ซึ่งอยู่ที่นี่ด้วย เป็นผู้ทำมันครับ ทำลายสถิติโลก อีลอน: ยินดีด้วยครับ คริส: นั่นเป็นข่าวดีครับ ข่าวร้ายก็คือว่า เพื่อที่จะทำได้แบบนั้น เขาต้องขับด้วยความเร็วคงที่ 18 ไมล์ต่อชั่วโมง และก็จะถูกตำรวจเรียก (เสียงหัวเราะ) อีลอน: คุณสามารถขับได้แน่นอนครับ ถ้าคุณขับมันที่ 65 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายใต้เงื่อนไขปกติ 250 ไมล์ เป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผล คริส: มาดูวีดีโอที่สอง ที่แสดงให้เห็นเทสล่าขณะโลดแล่นบนน้ำแข็ง นี่ไม่ใช่การเย้าหยอกจากนิวยอร์คไทม์อะไรนะครับ อะไรเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด เกี่ยวกับประสบการณ์ ในการขับรถครับ อีลอน: ในการสร้างสรรค์รถพลังงานไฟฟ้า การตอบสนองของรถยนต์นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ เราก็เลยต้องการจริงๆที่จะให้คนรู้สึกเสมือนว่า พวกเขาเกือบที่จะหลอมรวมจิตไปกับยานยนต์ เพื่อที่คุณจะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ และเมื่อคุณเข้าโค้งและเร่ง มันก็จะตอบสนองทันที จะเป็นดั่งรถนั้นมีสัมผัสที่หก คุณสามารถทำแบบนั้นกับรถพลังงานไฟฟ้า เพราะมันมีการตอบสนองอันรวดเร็ว คุณทำแบบนั้นไม่ได้กับรถยนต์เติมน้ำมัน ผมคิดว่ามันแตกต่างกันอย่างลึกซี้ง และคนจะได้สัมผัสประสบการณ์นั้น ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ทดลองขับ คริส: ผมหมายความว่า มันเป็นรถที่สวยแต่แพง มีแผนไหมครับว่ามันจะถูกผลิตออกมา เพื่อขายในท้องตลาดเมื่อไรครับ อีลอน: ครับ เป้าหมายของเทสล่าตลอดมานั้น มีอยู่สามขั้นตอน ในขณะที่แบบแรกเป็นรถยนต์ที่แพง ผลิตจำนวนน้อย แบบที่สองมีราคาปานกลาง ปริมาณการผลิตปานกลาง และแบบที่สามที่จะมีราคาถูก ปริมาณการผลิตสูง เรากำลังอยู่ในขั้นที่สอง ดังนั้น เรามีรถสปอร์ตราคา 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งก็คือรุ่น Roadster จากนั้นเราก็มี Model S ซึ่งมีราคาเริ่มต้น ประมาณ 50,000 ดอลลาร์ และรถในรุ่นที่สามของเราซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะออกมาภายในสามหรือสี่ปี จะมีราคาที่ 30,000 ดอลลาร์ แต่ไม่ว่าเมื่อไรที่คุณได้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจริงๆ ปกติแล้วมันต้องผ่านการพัฒนา ไปประมาณสามรุ่นหลักๆ ก่อนที่มันจะเหมาะสมต่อการผลิตเพื่อการพาณิชย์ และผมก็คิดว่า พวกเราได้มีความก้าวหน้าไปในทิศทางนั้น และผมรู้สึกมั่นใจว่าเราจะไปถึงจุดนั้นแน่ คริส: ผมหมายถึงว่า ตอนนี้ ถ้าคุณเดินทางสั้นๆ คุณสามารถขับไป ขับกลับ แล้วชาร์จมันที่บ้าน มันยังไม่มีเครือข่ายของสถานีชาร์จไฟแบบรวดเร็ว ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ คุณเห็นว่าจริงๆแล้ว มันกำลังจะมาหรือเปล่า หรือว่าจะมีแค่เฉพาะตามถนนสายหลักครับ อีลอน: ที่จริงแล้วมันมีสถานีชาร์จไฟมากกว่า ที่คนรู้ และที่เทสล่า พวกเราพัฒนาอะไรบางอย่าง ที่เรียกว่า เทคโนโลยีซุปเปอร์ชาร์จิง (Supercharging) และพวกเราบริการสิ่งนี้ให้ ถ้าคุณซื้อ Model S ฟรีตลอดชีพเลย และนี่เป็นอะไรบางอย่างที่ บางทีคนจำนวนมากอาจยังไม่ทราบ ที่จริงแล้วพวกเรามีสถานีครอบคลุม แคลิฟอเนียและเนวาดา และมีทาง อีสเทิร์นซีบอร์ด (Eastern seaboard) ครอบคลุมจากบอสตัน ถีง วอชิงตันดีซี ภายในสิ้นปี เราจะสามารถขับรถ จากเอลเอไปถึงนิวยอร์ค แค่การใช้เครือข่ายซุเปอร์ชาร์จเจอร์ ซึ่งชาร์จไฟเร็วเป็นห้าเท่าของระบบอื่นๆ และที่สำคัญก็คือการมีอัตราส่วนเวลาในการขับ ต่อเวลาในการหยุด สักหกหรือเจ็ด ถ้าคุณขับสักสามชั่วโมง คุณต้องการหยุดสัก 20 หรือ 30 นาที เพราะว่านั้นเป็นช่วงปกติที่คนจะหยุด ถ้าคุณเริ่มออกเดินทางตอน 9 โมงเช้า พอถึงตอนเที่ยง คุณก็อยากที่จะหยุดเพื่อหาอะไรกิน เข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟ แล้วค่อยไปต่อ คริส: ฉะนั้น ข้อเสนอของคุณต่อผู้บริโภคก็คือ ถ้าจะชาร์จให้เต็มมันอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง ฉะนั้น มันปกติ ที่จะไม่ต้องหวังว่า จะออกจากตรงนี้ไปภายใน 10 นาที รอสักชั่วโมง แต่ข่าวดีก็คือ คุณได้ช่วยรักษาโลก และอีกอย่าง ค่าไฟฟ้าก็ฟรีด้วย คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลย อีลอน: อันที่จริง ที่เราคาดหวังจากผู้คน ให้หยุดสักประมาณ 20 ถึง 30 นาที ไม่ใช่เป็นชั่วโมง ที่จริงมันดีกว่าที่จะขับ สักประมาณ 160 หรือ 170 ไมล์ และจากนั้นก็หยุดสักครึ่งชั่วโมง และจากนั้นก็ค่อยขับต่อ นั่นเป็นจังหวะธรรมชาติของการเดินทางอยู่แล้ว คริส: เอาล่ะครับ นั่นก็เป็นเส้นสายหนึ่ง ในคันธนูพลังงานของคุณ คุณได้ทำงานบริหารบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ โซล่าซิตี้ (SolarCity) มันมีอะไรพิเศษหรือครับ อีลอน: ครับ อย่างที่ผมได้พูดก่อนหน้านี้ เราต้องมีการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับมีการใช้ที่ยั่งยืน ดังนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่า วิธีการหลัก ของการผลิตพลังงานไฟฟ้า จะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ ผมหมายถึงว่า มันเป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่นโดยอ้อม พวกเรามีเครื่องกำเนิดฟิวชั่นขนาดยักษ์ในท้องฟ้า เรียกว่า ดวงอาทิตย์ และเราต้องการแบ่งพลังงานนั้นแค่เพียงน้อยนิด เพื่อจุดประสงค์ของอารยธรรมแห่งมนุษยชาติ สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้แต่ไม่คิดว่าพวกเขารู้ ก็คือว่า โลกเกือบจะได้รับพลังงานทั้งหมด จากดวงอาทิตย์อยู่แล้ว ถ้าดวงอาทิตย์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น พวกเราก็คงเป็นก้อนน้ำแข็ง ที่อุณหภูมิสามเคลวิน และดวงอาทิตย์ก็ให้พลังงานกับ วัฏจักรของหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด ระบบนิเวศทั้งระบบนั้นขับเคลื่อน โดยพลังงานแสงอาทิตย์ คริส: แต่ถ้าต่อหนึ่งแกลลอนของน้ำมันเบนซิน มันเทียบเท่ากับพันๆ ปีของพลังงานแสงอาทิตย์ อัดลงในที่เล็กๆ ดังนั้น มันยากที่พลังงานแสงอาทิตย์ จะตามทันตัวเลขนั้นทัน และจะแข่งขันกับก๊าซธรรมชาติได้ ไอ้ก๊าซธรรมชาตินี่ คุณจะสร้างธุรกิจได้ยังไงกันครับ อีลอน: ครับ ที่จริง ผมมั่นใจว่าพลังงานแสงอาทิตย์ จะเอาชนะทุกอย่างแบบไม่ต้องสงสัยเลย รวมทั้งก๊าซธรรมชาติด้วย (เสียงปรบมือ) คริส: ยังไงกันครับ อีลอน: ที่จริง มันต้องเป็นเช่นนั้นครับ มิฉะนั้นแล้ว เรามีปัญหาใหญ่แน่ คริส: แต่คุณไม่ได้ขายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับผู้บริโภค คุณทำอะไรกันครับ อีลอน: ไม่ครับ จริงๆพวกเราขายครับ คุณสามารถซื้อพลังงานแสงอาทิตย์ หรือสามารถที่จะเช่าพลังงานแสงอาทิตย์ คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเช่า และสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ก็คือ มันไม่มีวัตถุดิบเพิ่มเติมหรือมีค่าดำเนินการอะไรอีก ดังนั้น เมื่อติดตั้งมันแล้ว มันก็อยู่ตรงนั้น มันทำงานได้หลายทศวรรษ บางทีอาจเป็นศตวรรษ ดังนั้น หัวใจสำคัญที่ต้องทำก็คือ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งนั้นลดลง และจากนั้นก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเงินลดลง เพราะว่านั้นน่าสนใจครับ นั่นเป็นสองโรงงาน ที่ขับเคลื่อนราคาของพลังงานแสงอาทิตย์ และเราก็กำลังมีความก้าวหน้า เป็นอย่างมากในทิศทางนั้น และนั้นเป็นเหตุว่าทำไม ผมจึงมั่นใจว่า เราจะเอาชนะก๊าซธรรมชาติได้จริงๆ คริส: ฉะนั้น ข้อเสนอตอนนี้ต่อผู้บริโภคก็คือ อย่าจ่ายหนักแต่แรกเริ่ม อีลอน: ศูนย์เลยครับ คริส: ไม่ต้องจ่ายเลยหรอครับ เราจะติดตั้งตัวแผงบนหลังคาของคุณ คุณจะจ่ายทีหลัง แล้วระยะให้เช่านี่นานแค่ไหนครับ อีลอน: โดยทั่วไปก็ 20 ปีครับ แต่ อย่างที่คุณพูดเป็นนัยๆ ค่าของข้อเสนอที่ตรงไปตรงมาก็คือ มันไม่มีการจ่ายเงินลงไป และค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของคุณก็ลดลง เป็นความคิดที่ดีครับ คริส: นั่นเหมือนกับว่าเป็นกำไรของผู้บริโภคเลย ไม่มีความเสี่ยง คุณจะจ่ายน้อยกว่าที่คุณกำลังจ่ายอยู่ตอนนี้ สำหรับคุณ ความฝันก็คือว่า-- ผมหมายถึง ใครจะเป็นเจ้าของไฟฟ้า ที่ได้มาจากแผงพลังงานในระยะยาว ผมหมายถึง คุณ บริษัทของคุณ จะได้กำไรได้อย่างไร อีลอน: ครับ หลักๆแล้ว โซล่าซิตี้ มีเงินกองทุนตั้งต้น มาจาก บริษัทหรือธนาคาร เป็นต้น กูเกิลก็เป็นหนึ่งในพันธมิตรของเรา และพวกเขาก็มีความคาดหวัง ที่จะได้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนนี้ ด้วยเงินทุนนั้น โซล่าซิตี้ได้จัดซื้อ และติดตั้งแผงพลังงานบนหลังคา และจากนั้นคิดค่าใช้จ่ายกับเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของกิจการ เป็นรายเดือนสำหรับค่าเช่า ซึ่งน้อยกว่าค่าไฟฟ้าปกติ คริส: แต่คุณเองได้ผลกำไรระยะยาวจากพลังงานนั้น มันแบบว่า คุณสร้างรูปแบบใหม่ของสาธารณูปโภค อีลอน: ใช่เลยครับ มันเสมือนเป็น การกระจายสาธารณูปโภคครั้งยิ่งใหญ่ ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าสาธารณูปโภคนั้น อยู่ในระบบผูกขาด และคนก็ไม่มีทางเลือก ฉะนั้น นีมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่มีการแข่งขันเกิดขึ้นกับระบบผูกขาดนี้ เพราะว่าสาธารณูปโภคนั้นเคยเป็นเพียงสิ่งเดียว ที่ครอบครองการแนวการแผ่ขยายของพลังงาน แต่ตอนนี้มันอยู่บนหลังคาบ้านของคุณ ดังนั้น ผมคิดว่ามันเป็นการให้อำนาจจริงๆ กับเจ้าของบ้านและเจ้าของธุรกิจ คริส: และคุณเห็นภาพอนาคตไหมครับ ว่าพลังงานหลักในอเมริกา ในอีกสักหนึ่งหรือสองทศวรรษหรือในช่วงชีวิตเรา มันจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ไหมครับ อีลอน: ผมมันใจเป็นอย่างยิ่งว่า พลังงานแสงอาทิตย์อย่างน้อยจะเป็นที่นิยมกว่า และน่าจะเป็นพลังงานหลัก และผมขอคาดเดาว่า มันจะเป็นที่นิยมในไม่เกิน 20 ปีนี้ ผมขอเดิมพันกับใครบางคน -- คริส: นิยามของความนิยมในที่นี้คือยังไงครับ อีลอน: เราจะได้พลังงานจากแสงอาทิตย์ มากกว่าจากแหล่งอื่น คริส: อ้า คุณพนันกับใครไว้ล่ะครับ อีลอน: กับเพื่อนที่ผมจะยังจะไม่เอ่ยนามเขาครับ คริส: เป็นความลับระหว่างเรา (เสียงหัวเราะ) อีลอน: ผมพนันไว้สองสามปีก่อนนะ ผมว่า มันก็ราวๆ 18 ปี ผมคิดว่าเราจะเห็นพลังงานจากแสงอาทิตย์ มากกว่าจากแหล่งอื่นๆ คริส: เอาล่ะครับ ลองกลับไปยังการเดิมพันอีกอันหนึ่ง ที่คุณได้ตั้งไว้กับตัวเองผมเดานะครับ ว่ามันค่อนข้างบ้าบิ่นทีเดียว คุณได้ทำเงินจากการขาย เพย์พาว (PayPal) คุณตัดสินใจที่จะสร้างบริษัทอวกาศ ทำไมคุณต้องทำบ้าอะไรอย่างนั้นด้วยครับ (เสียงหัวเราะ) อีลอน: ผมได้รับคำถามนั้นบ่อยครับ มันก็จริงครับ คุณจะถามว่า "คุณได้ยินเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งไม๊ คนที่ทำเงินได้นิดหน่อยจากบริษัทอวกาศไง" แน่ล่ะ "แต่ตอนเริ่มเขาใช้เงินไปเยอะเลย" นั่นเป็นวลีหลักเลยครับ และผมก็บอกคนอื่นว่า เอาล่ะ ผมพยายามที่จะคิดหา วิธีการที่เร็วที่สุด ที่จะเปลี่ยนเงินจำนวนมากให้เหลือนิดเดียว และพวกเขาก็มองผมแบบว่า "เขาเอาจริงหรอเนี่ย" คริส: และน่าประหลาด คุณก็เอาจริง และมันก็เกิดขึ้นใช่ไหม อีลอน: หืดขึ้นคอเลยครับ มันเกือบจะไม่ได้ผล พวกเราเกือบที่จะล้มเหลว แต่พวกเราจัดการผ่านจุดนั้นในปี 2008 มาได้ เป้าหมายของ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ก็คือ พยายามสร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจรวด โดยเฉพาะพยายามที่จะตีปัญหาให้แตก ซึ่งผมคิดว่ามันสำคัญ สำหรับมนุษยชาติที่จะมี อารยธรรมแผ่ขยายไปในอวกาศ ซึ่งก็คือการมีจรวดที่นำทุกส่วน มาใช้ซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า คริส: มนุษยชาติจะมีอารยธรรม แผ่ขยายไปในอวกาศหรือครับ แล้วนั่นเป็นฝันของคุณตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า คุณฝันถึงดาวอังคารและอะไรที่ไกลกว่านั้นหรือ อีลอน: ผมได้สร้างจรวดเมื่อผมเป็นเด็ก แต่ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับอันนี้นะครับ ที่มันเกี่ยวมากกว่าก็คือว่า อะไรเป็นจุดเริ่มต้น ของสิ่งที่ต้องการให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เพื่อที่ว่า อนาคตจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และผมก็คืดจริงๆว่ามันมีความแตกต่างขั้นพื้นฐาน ถ้าคุณแบบว่ามองไปในอนาคต ระหว่างมนุษยชาติที่มีอารยธรรม แผ่ขยายไปในอวกาศ ที่อยู่ข้างนอกนั้น สำรวจดวงดาว อยู่บนดาวเคราะห์ต่างๆ และผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมาก เทียบกับที่ว่า เราจะจำกัดอยู่กับโลกใบนี้ไปตลอดกาล จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การสูญพันธุ์ที่เป็นอันสิ้นสุด คริส: ฉะนั้นคุณก็ได้เฉือนค่าใช้จ่ายในการสร้าง จรวดไป 75 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะคำนวณมันอย่างไร คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน นาซ่าพยายามมาตั้งหลายปี คุณทำมันได้อย่างไรครับ อีลอน: พวกเราได้สร้างความก้าวหน้า ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ในเทคโนโลยีด้านลำตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์ อิเล็กทรอนิคส์ และระบบการปล่อยจรวด มันมีรายการนวัตกรรมยาวเหยียด ที่เราคิดขึ้นมาได้ มันยากไปซะหน่อยที่จะสื่อออกมาให้ฟังได้ ในการพูดครั้งนี้ แต่-- คริส: บอกไม่ได้เพราะคุณกลัวโดน ลอกเลียนใช่ไหมครับ คุณไม่ได้จดสิทธิบัตรสำหรับสิ่งพวกนี้ นี่มันน่าสนใจมากสำหรับผม อีลอน: ไม่ครับ เราไม่ได้จดสิทธิบัตร คริส: คุณไม่ได้จดสิทธิบัตรเพราะคุณคิดว่า มันอันตรายกว่าเมื่อจดสิทธิบัตรหรือเปล่า อีลอน: เพราะว่าผู้แข่งขันรายหลักของเรา คือบรรดารัฐบาลทั้งหลาย การบังคับใช้สิทธิบัตรนั้นมันยังเป็นที่น่าสงสัย (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ) คริส: มันน่าสนใจมากจริงๆครับ แต่นวัตกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ยังมาไม่ถึง และคุณก็กำลังพัฒนามันอยู่ตอนนี้ บอกเล่าหน่อยสิครับ อีลอน: ครับ มันเป็นนวัตกรรมมที่ยิ่งใหญ่ -- คริส: ลองมาดูวีดีโอนั่น แล้วให้คุณบรรยาย ให้พวกเราฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกันครับ อีลอน: ได้เลยครับ สิ่งที่เกี่ยวกับจรวดก็คือ ทุกชิ้นส่วนถูกใช้แล้วทิ้งไป จรวดทั้งหมดที่ใช้กันทุกวันนี้ไม่ถูกเก็บมาใช้อีก แต่กระสวยอวกาศนั้น คือความพยายามหนึ่ง ในการนำจรวดกลับมาใช้ แต่แม้แต่ตัวถังเชื้อเพลิงหลักของกระสวยอวกาศ ก็ยังถูกโยนทิ้งทุกที และส่วนทีสามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ก็ต้องใช้กลุ่มคนถึง 10,000 คน เพื่อซ่อมแซมมันนาน 9 เดือน ก่อนออกบินอีกครั้ง ดังนั้น การใช้กระสวยอวกาศ สิ้นเปลืองเงิน เป็นหลายพันล้านดอลล่าร์ต่อเที่ยวบิน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ดีแน่สำหรับ -- คริส: นั่นอะไรกันครับ เราเพิ่งเห็นอะไรบางอย่างลงจอด อีลอน: ใช่ครับ มันสำคัญว่าฐานของจรวดนั้น สามารถกลับมาได้ เพื่อที่จะกลับมายังฐานปล่อยจรวด และพร้อมที่จะถูกปล่อยขึ้นอีกครั้ง ภายในไม่กี่ชั่วโมง คริส: ว้าว จรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อีลอน: ใช่ครับ (เสียงปรบมือ) และที่คนมากมายไม่ได้ตระหนักก็คือ ค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิง และของตัวขับเคลื่อนนั้นน้อยมาก มันค่อนข้างจะเหมือนเครื่องยนต์เจ็ทมากๆ ฉะนั้นค่าใช้จ่ายของตัวขับเคลื่อนนั้น อยู่ที่ประมาณ .3 เปอร์เซ็นต์ ของค่าใช้จ่ายของจรวด ดังนั้น มันเป็นไปได้ที่จะลดค่าใช้จ่าย ราวๆ 100 เท่า ในด้านการบินอวกาศ ถ้าคุณสามารถนำจรวดมาใช้ได้ใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเป็นเหตุว่าทำไมมันถึงสำคัญ ทุกวิธีการคมนาคมที่พวกเราใช้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ จักรยาน หรือม้า มันสามารถนำกับมาใช้ใหม่ได้ แต่ไม่ใช่กับจรวด ดังนั้น เราต้องแก้ปัญหานี้ เพื่อที่จะก้าวไปสู่ การมีอารยธรรมที่แผ่ขยายออกไปในอวกาศ คริส: คุณถามผมก่อนหน้านี้ ว่าการเดินทางบนเรือสำราญ ที่เป็นที่นิยมจะเป็นอย่างไร ถ้าคุณจะต้องเผาเรือของคุณเมื่อจบการเดินทาง อีลอน: บริษัทเดินเรือมีปัญหามากอย่างแน่นอน คริส: ต้องแพงมากกว่านี้อย่างแน่นอน ดังนั้น เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีแบบลบล้าง (Disruptive Technology) นี้ และ ผมเดานะครับ ว่ามันปูทางให้กับความฝันของคุณ ที่จุดหนึ่งแล้ว จะนำมนุษยชาติไปยังดาวอังคาร คุณอยากจะเห็นประชากรบนดาวอังคาร อีลอน: ครับ แน่นอน สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) หรือการรวมตัว ของบริษัทหลายๆ แห่งและบรรดารัฐบาล จะต้องสร้างความก้าวหน้า ในทิศทางที่จะสร้างชีวิตในดาวเคราะห์อื่น ในการตั้งฐานในดาวเคราะห์อื่น บนดาวอังคาร -- ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกเดียว ที่สมเหตุผล -- และจากนั้นก็สร้างฐานขึ้น จนกระทั่งพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์อื่นได้จริงๆ คริส: ฉะนั้นความก้าวหน้าในเรื่อง "ทำให้มันนำกลับมาใช้ใหม่ได้" มันเป็นอย่างไรบ้างแล้วครับมันเป็น แค่วีดีโอจำลองที่เราเห็น เป็นอย่างไรบ้างแล้วครับ อีลอน: เรามีก็คือหน้าไปได้เป็นอย่างดีครับ ด้วยสิ่งที่เราเรียกว่า โครงการ กราสฮอปเปอร์ เทสท์ (the Grasshopper Test Project) ที่ซึ่งเราทดสอบการลงจอดแนวดิ่ง เป็นส่วนสุดท้ายที่มันค่อนข้างจะต้องใช้ฝีมือ และเราก็ได้ผลทดสอบที่ดี คริส: เราดูได้ไหมครับ อีลอน: ได้ครับ นี่เพื่อให้แค่เห็นถึงขนาดนะครับ เราจับคาวบอยแต่งตัวเป็น จอห์นนี่ แคช และยึดหุ่นจำลองไว้กับจรวด (เสียงหัวเราะ) คริส: เอาล่ะครับ ลองมาดูวีดีโอกัน เพราะว่านี่มันน่าทึ่งเสียจริงๆ เมื่อคุณคิดถึงมัน คุณไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จรวดถุกจุดขึ้น และจากนั้น -- อีลอน: ครับ จรวดนั้นก็มีขนาดประมาณ ตึก 12 ชั้น (เสียงปล่อยจรวด) ตอนนี้ มันลอยอยู่ที่ระดับประมาณ 40 เมตร และมันทำการปรับอย่างต่อเนื่อง ทั้งมุม ความเอียง และการหันของเครื่องยนต์หลัก และรักษาการระดับทิศทางด้วยตัวขับเคลื่อน จากก๊าซเชื้อเพลิง คริส: เจ๋งอะไรอย่างนี้ (เสียงปรบมือ) อีลอน คุณทำมันได้อย่างไรกันครับ โครงการเหล่านี้มันช่าง -- เพย์พาว โซล่าซิตี้ เทสล่า สเปซเอ็กซ์ พวกมันช่างแตกต่างกันอย่างน่าทึ่ง พวกมันเป็นโครงการ ที่ช่างทะเยอทะยานในระดับยักษ์ เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียว สามารถสร้างนวัตกรรมได้แบบนี้ สำหรับคุณว่ายังไงครับ อีลอน: ไม่ก็ไม่ทราบครับ จริงๆ ผมไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับคุณหรอกครับ ผมทำงานเยอะ ผมหมายถึง เยอะเลยครับ คริส: เอาล่ะ ผมมีทฤษฎีครับ อีลอน: โอเค เอาเลยครับ คริส: ทฤษฎีของผมก็คือว่า คุณมีความสามารถ ที่จะคิดในการออกแบบระดับระบบ ที่จะดึงเอาการออกแบบ เทคโนโลยี และธุรกิจ เข้ามารวมกัน ดังนั้น ถ้า TED เป็น TBD ซึ่งย่อมาจาก การออกแบบ เทคโนโลยีและธุรกิจ ในองค์รวมเดียวกัน ผสมผสานมันในรูปแบบ ที่น้อยคนจะสามารถทำได้ และ-- และนี่คือสิ่งสำคัญ -- การรู้สึกโคตรมั่นใจ ในการองค์รวมที่ลงตัว ที่คุณกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง คุณเดิมพันชะตาของคุณไว้กับมันเหมือนว่า คุณจะทำแบบนั้นหลายครั้งหลายทีด้วย ผมหมายถึงว่า แทบจะไม่มีใครเลย ที่สามารถทำแบบนั้นได้ และนั่น เราขอเคล็ดลับบ้างได้ไหมครับ เราจะนำมันเข้ามาในระบบการศึกษาได้อย่างไร ให้ใครสักคนมาเรียนรู้จากคุณได้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำมันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ อีลอน: ครับ ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ อืม ผมคิดว่ามันมีกรอบสำหรับแนวคิดที่ดี มันเป็นฟิสิกส์ ในแบบที่ว่าเป็นความรู้พื้นฐาน ของการให้เหตุผล โดยทั่วไปแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมหมายความว่า ขบปัญหาต่างๆ ลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง และใช้เหตุผลก่อนมันขึ้นมาจากตรงนั้น ซึ่งมันต่างจากการให้เหตุผลแบบเปรียบเปรย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ในชีวิตเรา เราใช้ชีวิตเรา โดยใช้เหตุผลแบบเปรียบเปรยอ้างอิง ซึ่งโดยหลักแล้วหมายถึงการลอกเลียนแบบสิ่ง ที่คนอื่นๆทำโดยมีความแตกต่างไปเล็กน้อย และคุณก็จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น มิฉะนั้น สมองคุณจะทำงานหนักจนเกินไป แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ๆ คุณต้องนำวิธีการทางฟิสิกส์เข้ามาใช้ ฟิสิกส์นั้นเข้าใจจริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะค้นพบ สิ่งใหม่ๆซึ่งแย้งต่อสามัญสำนึก เช่น กลศาสตร์ควอนตัม (quantum machanics) มันเป็นอะไรที่แย้งกับสามัญสำนึกจริงๆ ฉะนั้น ผมคิดว่า มันคือสิ่งสำคัญที่ต้องทำ และนอกจากนั้น ยังต้องให้ความใส่ใจ กับผลตอบรับด้านลบ และเรียกร้องหามัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเพื่อนฝูง นี่มันอาจเป็นคำแนะนำที่ฟังดูเรียบง่ายธรรมดา แต่แทบจะไม่มีใครปฎิบัติเช่นนั้น และมันก็มีประโยชน์มากจริงๆ คริส: เอ้า น้องๆหนูๆที่ดูกันอยู่นะครับ เรียนฟิสิกส์ เรียนรู้จากคนๆ นี้นะครับ อีลอน ผมอยากจะให้เรามีเวลาทั้งวัน แต่ขอบคุณมากนะครับที่มาที่ TED อีลอน: ขอบคุณครับ คริส: นั่นมันสุดยอดมาก เจ๋งสุดๆ ไปเลยครับ ดูนั่นสิครับ (เสียงปรบมือ) แค่โค้งก็พอครับ สุดยอดจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ