1 00:00:13,663 --> 00:00:15,924 น้ำมันมะกอก ประกอบด้วยไขมัน 100% 2 00:00:15,924 --> 00:00:16,964 มันไม่มีอะไรนอกอีกนอกจากนั้น 3 00:00:16,964 --> 00:00:18,232 แต่สำหรับ ส่วนผสมของแพนเค้กนั้น 4 00:00:18,232 --> 00:00:20,489 มันมีไขมันอยู่แค่ประมาณ 11% 5 00:00:20,489 --> 00:00:22,761 แต่กระนั้น น้ำมันมะกอกก็ยังดีต่อคุณ 6 00:00:22,761 --> 00:00:24,931 แต่ส่วนแพนเค้กนั้นกลับตรงข้าม 7 00:00:24,931 --> 00:00:26,312 ทำไมล่ะ 8 00:00:27,511 --> 00:00:28,478 มันกลายเป็นว่า 9 00:00:28,478 --> 00:00:29,889 ปริมาณของไขมันที่เรารับประทาน 10 00:00:29,889 --> 00:00:30,931 ไม่ได้มีผลต่อน้ำหนักของเรา 11 00:00:30,931 --> 00:00:31,858 หรือคอเลสเตอรอลของเรา 12 00:00:31,858 --> 00:00:33,064 หรือความเสี่ยงที่เราจะเป็นโรคหัวใจ 13 00:00:33,064 --> 00:00:35,924 ก็มากพอๆกันไม่ว่าเราจะรับประทานไขมันชนิดไหน 14 00:00:35,924 --> 00:00:37,123 แต่กลับมาทบทวนก่อน 15 00:00:37,123 --> 00:00:39,347 ไขมันคืออะไรกัน 16 00:00:39,347 --> 00:00:40,925 ถ้าเราเข้าไปดูใกล้ๆที่เนื้อแซลมอน 17 00:00:40,925 --> 00:00:42,003 ซึ่งเป็นปลาที่มีไขมันมาก 18 00:00:42,003 --> 00:00:42,823 ผ่านอวัยวะ 19 00:00:42,823 --> 00:00:43,613 ผ่านเนื้อเยื่อ 20 00:00:43,613 --> 00:00:45,329 ลงไปยังระดับเซลล์ 21 00:00:45,329 --> 00:00:47,421 พวกเราจะเห็นว่าสิ่งที่เราเรียกว่าเซลล์ไขมัน 22 00:00:47,421 --> 00:00:50,626 ที่จริงแล้วประกอบขึ้นจากโมเลกุลที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์ (triglycerides) 23 00:00:50,626 --> 00:00:52,545 และพวกมันไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด 24 00:00:52,545 --> 00:00:53,629 นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง 25 00:00:53,629 --> 00:00:55,730 คาร์บอนทั้งสามทางซ้ายนี้ คือ กลีเซอรอล (glycerol) 26 00:00:55,730 --> 00:00:57,262 เอาล่ะ คุณสามารถคิดได้ว่านั้นเป็นเหมือนแกนกลาง 27 00:00:57,262 --> 00:00:59,635 ที่ตรึงทั้งโมเลกุลเอาไว้ด้วยกัน 28 00:00:59,635 --> 00:01:00,929 สายยาวๆ ทั้งสามทางขวามือ 29 00:01:00,929 --> 00:01:02,379 เรียกว่า กรดไขมัน (fatty acids) 30 00:01:02,379 --> 00:01:05,272 และความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ในโครงสร้างของสายเหล่านี้ 31 00:01:05,272 --> 00:01:06,783 จะเป็นตัวกำหนดว่ามันจะเป็นไขมันแบบใด 32 00:01:06,783 --> 00:01:08,938 เช่น เป็นของแข็งหรือของเหลว 33 00:01:08,938 --> 00:01:11,143 หรือว่ามันจะเหม็นหืนช้าหรือเร็ว 34 00:01:11,143 --> 00:01:15,236 และที่สำคัญที่สุด ก็คือว่า มันดีหรือไม่ดีต่อคุณ 35 00:01:15,236 --> 00:01:17,024 ลองมาดูความแตกต่างบางส่วนเหล่านี้กัน 36 00:01:17,024 --> 00:01:18,075 อย่างแรกคือความยาว 37 00:01:18,075 --> 00:01:20,160 กรดไขมันอาจจะสั้นหรือยาว 38 00:01:20,160 --> 00:01:21,414 อีกอย่างหนึ่ง ความแตกต่างที่สำคัญกว่าก็คือ 39 00:01:21,414 --> 00:01:24,280 ชนิดของพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอน 40 00:01:24,280 --> 00:01:26,914 กรดไขมันบางชนิดมีเพียงแต่พันธะเดี่ยว 41 00:01:26,914 --> 00:01:29,831 พวกอื่นๆ มีทั้งพันธะเดี่ยวและพันธะคู่ 42 00:01:29,831 --> 00:01:31,354 กรดไขมันที่มีเพียงพันธะเดี่ยว 43 00:01:31,354 --> 00:01:32,834 เรียกว่า ไขมันอิ่มตัว (saturated) 44 00:01:32,834 --> 00:01:34,619 และพวกที่มีพันธะคู่หนึ่งหรือสองแห่ง 45 00:01:34,619 --> 00:01:36,667 เรียกว่า ไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated) 46 00:01:36,667 --> 00:01:39,256 ทีนี้ ไขมันไม่อิ่มตัวส่วนใหญ่นั้นดีต่อคุณ 47 00:01:39,256 --> 00:01:42,090 ในขณะที่ไขมันอิ่มตัวนั้นไม่ดีต่อคุณมากๆ 48 00:01:42,090 --> 00:01:44,713 สำหรับไขมันอิ่มตัว เรื่องทั้งหมดก็มีประมาณแค่นั้น 49 00:01:44,713 --> 00:01:47,120 แต่มันไม่สำหรับไขมันไม่อิ่มตัว 50 00:01:47,120 --> 00:01:48,831 พันธะคู่ในโมเลกุลเหล่านี้ 51 00:01:48,831 --> 00:01:50,515 มีคุณสมบัติที่ออกจะแปลกๆ 52 00:01:50,515 --> 00:01:52,139 พวกมันแข็ง 53 00:01:52,139 --> 00:01:54,062 ดังนั้น นั่นมีอยู่สองแบบ 54 00:01:54,062 --> 00:01:55,883 ที่จะเรียงทุกๆ พันธะคู่ 55 00:01:55,883 --> 00:01:57,005 อย่างแรกคือแบบนี้ 56 00:01:57,005 --> 00:01:58,902 ซึ่งไฮโดรเจนทั้งคู่นั้นอยู่ทางด้านเดียวกัน 57 00:01:58,902 --> 00:02:00,824 และคาร์บอนทั้งคู่นั้นก็อยู่ด้านเดียวกัน 58 00:02:00,824 --> 00:02:02,648 แบบที่สองก็คือแบบนี้ 59 00:02:02,648 --> 00:02:04,193 ทีนี้ไฮโดนเจนและคาร์บอน 60 00:02:04,193 --> 00:02:06,718 อยู่ด้านตรงข้ามกันของพันธะคู่ 61 00:02:06,718 --> 00:02:08,326 เอาล่ะ แม้ว่าโมเลกุลทั้งสองนี้ 62 00:02:08,326 --> 00:02:10,826 จะประกอบขึ้นด้วยส่วนประกอบเหมือนกันทุกประการ 63 00:02:10,826 --> 00:02:13,329 พวกมันทั้งสองเป็นสสารที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 64 00:02:13,329 --> 00:02:16,468 และพวกมันมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในพวกเรา 65 00:02:16,468 --> 00:02:18,972 รูปร่างแบบทางซ้ายแรกว่า ซิส (CIS) 66 00:02:18,972 --> 00:02:20,376 ซึ่งบางทีคุณอาจไม่เคยได้ยิน 67 00:02:20,376 --> 00:02:22,084 และอันที่อยู่ทางขวาเรียกว่า ทรานส์ (TRANS) 68 00:02:22,084 --> 00:02:24,713 และบางทีคุณอาจเคยได้ยิน ไขมันแบบทรานส์ มาก่อน 69 00:02:24,713 --> 00:02:25,883 พวกมันไม่เหม็นหืน 70 00:02:25,883 --> 00:02:27,843 พวกมันอยู่ตัวกว่าในระหว่างทำการทอด 71 00:02:27,843 --> 00:02:29,817 และพวกมันสามารถเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของอาหาร 72 00:02:29,817 --> 00:02:31,806 ในแบบที่ไขมันชนิดอื่นๆ ทำไม่ได้ 73 00:02:31,806 --> 00:02:34,097 พวกมันยังแย่มากๆต่อร่างกายคุณอีกด้วย 74 00:02:34,097 --> 00:02:35,974 แย่กว่าไขมันอิ่มตัวมากๆ 75 00:02:35,974 --> 00:02:38,019 และว่าทางเทคนิคแล้ว พวกมันจัดเป็น 76 00:02:38,019 --> 00:02:39,978 ไขมันไม่อิ่มตัว 77 00:02:39,978 --> 00:02:41,321 เอาล่ะ ผมรู้ว่านั้นอาจฟังดูบ้าไป 78 00:02:41,321 --> 00:02:42,517 แต่ร่างกายของคุณไม่สนใจ 79 00:02:42,517 --> 00:02:44,656 ว่าโมเลกุลหน้าตาเป็นอย่างไรบนกระดาษหรอก 80 00:02:44,656 --> 00:02:46,575 สิ่งที่สำคัญคือรูปทางสามมิติ 81 00:02:46,575 --> 00:02:47,694 ที่เข้ากับโมเลกุล 82 00:02:47,694 --> 00:02:48,406 ที่ไม่เข้ากับโมเลกุล 83 00:02:48,406 --> 00:02:50,990 และกระบวนการที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย 84 00:02:50,990 --> 00:02:51,950 ดังนั้น คุณจะรู้ได้อย่างไร 85 00:02:51,950 --> 00:02:53,827 ว่าอาหารมีไขมันแบบทรานส์ 86 00:02:53,827 --> 00:02:55,012 ครับ ทางเดียวที่จะมั่นใจได้ก็คือ 87 00:02:55,012 --> 00:02:56,084 ถ้าคุณอ่านคำเหล่านี้ดูในฉลาก 88 00:02:56,084 --> 00:02:59,255 "เติมไฮโดรเจนบางส่วน" (partially hydrogenated) 89 00:02:59,255 --> 00:03:02,034 อย่างให้ฉลากข้อมูลโภชนาการ หรือโฆษณาหลอกคุณ 90 00:03:02,034 --> 00:03:04,090 อ.ย. (FDA) อนุญาตให้ผู้ผลิตอ้างได้ว่า 91 00:03:04,090 --> 00:03:05,759 ผลิตภัณฑ์ของพวกเขานั้นมี 92 00:03:05,759 --> 00:03:08,004 "0" กรัม ของ ไขมันแบบทรานส์ 93 00:03:08,004 --> 00:03:12,635 ถึงแม้ว่า จริงๆแล้วจะมีไขมันแบบนี้อยู่ถึง ครึ่งกรัมต่อหน่วยบริโภค 94 00:03:12,635 --> 00:03:14,104 แต่มันไม่มีกฎเหล็กและกฎด่วน 95 00:03:14,104 --> 00:03:15,683 เกี่ยวกับว่าหนึ่งหน่วยบริโภคนั้นมีปริมาณเท่าใด 96 00:03:15,683 --> 00:03:18,730 และนั่นหมายถึง คุณจะต้องพึ่งการมองหาคำใบ้เหล่านี้ 97 00:03:18,730 --> 00:03:20,005 เติมไฮโดนเจนบางส่วน 98 00:03:20,005 --> 00:03:22,858 เพราะว่านั่นเป็นวิธีการที่ไขมันแบบทรานส์ถูกสร้างขึ้น 99 00:03:22,858 --> 00:03:25,776 โดยการเติมไฮโดรเจนบางส่วน ให้กับไขมันไม่อิ่มตัว 100 00:03:25,776 --> 00:03:28,967 ดังนั้น ลองกลับไปยังน้ำมันมะกอกและส่วนประกอบแพนเค้ก ที่เราพูดตอนแรก 101 00:03:28,967 --> 00:03:31,609 น้ำมันมะกอกประกอบด้วยไขมัน 100% 102 00:03:31,609 --> 00:03:34,339 ส่วนประกอบแพนเค้กนั้นมีแค่ไขมัน 11% 103 00:03:34,339 --> 00:03:37,205 แต่น้ำมันมะกอกส่วนใหญ่ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัว 104 00:03:37,205 --> 00:03:39,840 และมันไม่มีไขมันแบบทรานส์เลย 105 00:03:39,840 --> 00:03:42,001 แต่ทว่า กว่าครึ่งหนึ่งของไขมันทั้งหมด 106 00:03:42,001 --> 00:03:45,008 ในส่วนประกอบแพนเค้กนั้น ไม่เป็นไขมันอิ่มตัว ก็เป็นไขมันแบบทรานส์ 107 00:03:45,008 --> 00:03:47,339 และดังนั้น แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีไขมัน 108 00:03:47,339 --> 00:03:49,133 มากกว่าส่วนผสมแพนเค้กถึง 10 เท่า 109 00:03:49,133 --> 00:03:50,593 มันก็ดีต่อสุขภาพของคุณ 110 00:03:50,593 --> 00:03:52,386 ในขณะที่ส่วนผสมแพนเค้กนั้นไม่ 111 00:03:52,386 --> 00:03:54,180 เอาล่ะ ผมจะไม่ไปแหย่ส่วนผสมแพนเค้กแล้ว 112 00:03:54,180 --> 00:03:55,264 มันมีอาหารมากมาย 113 00:03:55,264 --> 00:03:57,183 ที่มีไขมันแบบนี้เป็นองค์ประกอบ 114 00:03:57,183 --> 00:03:58,409 ประเด็นก็คือว่า 115 00:03:58,409 --> 00:04:00,103 มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณรับประทานไขมัน 'มากแค่ไหน' 116 00:04:00,103 --> 00:04:01,795 มันอยู่ที่ว่า เป็นไขมัน 'ชนิดไหน' ต่างหาก 117 00:04:01,795 --> 00:04:04,610 และสิ่งที่ทำให้ไขมันนั้นดีหรือไม่ดีต่อสุขภาพ 118 00:04:04,610 --> 00:04:06,611 ก็คือรูปร่างของมัน