1 00:00:01,190 --> 00:00:02,851 นี่คือแผนที่รัฐนิวยอร์ค 2 00:00:02,875 --> 00:00:06,393 ที่ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1937 โดยบริษัทเจเนอรัล ดราฟติง 3 00:00:06,417 --> 00:00:09,914 มันเป็นแผนที่ที่โด่งดัง สำหรับเหล่าเนิร์ดด้านแผ่นที่ 4 00:00:09,938 --> 00:00:12,659 เพราะว่าข้างล่างตรงนี้ ที่เชิงเขาแคทสกิล 5 00:00:12,683 --> 00:00:14,562 มีเมืองเล็กๆ ที่เรียกว่า โรสโคล -- 6 00:00:14,586 --> 00:00:17,284 ที่จริง มันคงจะง่ายกว่าถ้าผมเอาไว้ตรงนี้ -- 7 00:00:17,308 --> 00:00:20,838 ตรงนั้นมี โรสโคล และทางขวาเหนือโรสโคล คือร็อคแลนด์ นิวยอร์ค 8 00:00:20,862 --> 00:00:24,675 และจากนั้นเหนือนจากตรงนั้น คือเมืองเล็กของ แอ๊กโลว นิวยอร์ค 9 00:00:24,699 --> 00:00:27,758 แอ๊กโล นิวยอร์ค เป็นที่นิยมมาก สำหรับคนทำแผนที่ 10 00:00:27,782 --> 00:00:30,058 เพราะมันเป็นเมืองกระดาษ 11 00:00:30,082 --> 00:00:32,304 มันยังเป็นที่รู้จักกันในนาม หลุมพรางลิขสิทธิ์ 12 00:00:32,328 --> 00:00:35,682 คนทำแผนที่ -- เพราะว่าแผนที่นิวยอร์คของผม และแผนที่นิวยอร์คของคุณ 13 00:00:35,706 --> 00:00:39,372 คงออกมาดูคล้ายกัน ตามรูปร่างของนิวยอร์ค -- 14 00:00:39,396 --> 00:00:44,169 บ่อยครั้ง นักทำแผนที่จะแทรกภาพปลอมๆ เข้าไปในแผนที่ของเขา 15 00:00:44,193 --> 00:00:45,955 เพื่อที่จะปกป้องลิขสิทธิของเขา 16 00:00:45,979 --> 00:00:48,867 เพราะจากนั้น ถ้าสถานที่ปลอมของผม โผล่ขึ้นมาในแผนที่ของคุณ 17 00:00:48,891 --> 00:00:52,546 ผมก็จะสามารถบอกได้อย่างมั่นใจ ว่าคุณขโมยของของผม 18 00:00:52,570 --> 00:00:57,211 แอ๊กโลว เป็นลายเซ็นต์หวัดๆ ของชายสองคนที่สร้างแผนที่นี้ 19 00:00:57,235 --> 00:01:00,156 เอิร์ลเนส อัลเพอร์ และอ๊อตโต [จี.] ลินด์เบอร์ก 20 00:01:00,180 --> 00:01:03,456 และพวกเขาออกแผนที่นี้ในปี ค.ศ. 1937 21 00:01:03,480 --> 00:01:06,799 หลายศตวรรษต่อมา แรนด์ แม็คแนลลี่ ออกแผนที่ 22 00:01:06,823 --> 00:01:10,847 ที่มีแอ๊กโลว นิวยอร์ค ในนั้น ที่จุดตัดเดียวกันแป๊ะๆ 23 00:01:10,871 --> 00:01:13,139 ของถนนลูกรังทั้งสอง ตรงที่ร้างว่างเปล่า 24 00:01:14,205 --> 00:01:17,466 ครับ คุณคงจินตนาการออกถึงความกระหยิ่มใจ ของบริษัทเจเนอรัล ดราฟติง 25 00:01:17,490 --> 00:01:20,702 พวกเขาโทรไปหา แรนด์ แม็คแนลลี่ ในทันที และพูดว่า 26 00:01:20,726 --> 00:01:24,320 "พวกเราจับคุณได้แล้ว คุณกุสถานที่ชื่อ แอ๊คโลว นิวยอร์ค ขึ้น 27 00:01:24,344 --> 00:01:26,398 มันเป็นสถานที่ปลอมๆ มันเป็นเมืองกระดาษ 28 00:01:26,422 --> 00:01:28,123 เรากำลังจะฟ้องคุณให้หนักเลยทีเดียว" 29 00:01:29,003 --> 00:01:33,490 และ แรนด์ แม็คแนลลี่ก็พูดว่า "ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ แอ๊คโลว มีจริงๆ" 30 00:01:34,616 --> 00:01:39,160 เพราะว่าคนไปกันยังจุดตัด ของถนนลูกรังสองเส้นนั้นเสมอๆ 31 00:01:39,184 --> 00:01:40,208 (เสียงหัวเราะ) 32 00:01:40,232 --> 00:01:44,728 ตรงที่ร้างว่างเปล่า โดยคาดหวังว่า จะมีสถานที่ที่เรียกว่า แอ๊คโลว -- 33 00:01:44,752 --> 00:01:47,985 ใครบางคนสร้างสถานที่ชื่อว่า แอ็คโลว นิวยอร์ค 34 00:01:48,009 --> 00:01:49,048 (เสียงหัวเราะ) 35 00:01:49,072 --> 00:01:52,453 มันมีปั๊มน้ำมัน ร้านค้า และบ้านมากที่สุดสองหลัง 36 00:01:52,477 --> 00:01:54,747 (เสียงหัวเราะ) 37 00:01:55,596 --> 00:02:00,074 และแน่นอน นี่ก็เป็นการเปรียบเปรย ที่นักเขียนนิยายไม่อาจต้านทานได้ 38 00:02:00,098 --> 00:02:04,709 เพราะว่าพวกเราอยากจะเชื่อว่า เจ้าสิ่งนั้นที่เราเขียนลงบนกระดาษ 39 00:02:04,733 --> 00:02:07,525 จะสามารถเปลี่ยนโลกแห่งความเป็นจริง ที่เราอาศัยอยู่ 40 00:02:07,549 --> 00:02:09,938 นั่นเป็นเหตุว่าทำไมผมจึงเรียก หนังสือเล่มที่สามของผมว่า "เปเปอร์ทาวน์" 41 00:02:09,962 --> 00:02:14,501 แต่ที่ผมสนใจมากที่สุดกว่าคือสิ่งที่มันเกิดขึ้น 42 00:02:14,525 --> 00:02:16,906 คือตัวปรากฏการณ์นั้นเอง 43 00:02:17,521 --> 00:02:21,598 มันง่ายที่จะบอกว่า โลกรังสรรค์แผนที่โลกของเรา ใช่ไหมครับ 44 00:02:21,622 --> 00:02:26,049 เช่นรูปทรงโดยรวมของโลก มีผลกระทบต่อโลกของเราอย่างชัดเจน 45 00:02:26,503 --> 00:02:29,818 แต่ที่ผมได้พบว่ามันน่าสนใจมากกว่า 46 00:02:29,842 --> 00:02:33,383 คือการที่เราทำแผนที่นั้นเปลี่ยนโลกของเรา 47 00:02:33,872 --> 00:02:38,563 เพราะว่าโลกคงจะดูไม่เหมือนเดิม ถ้าขั้วโลกเหนืออยู่ข้างล่าง 48 00:02:38,587 --> 00:02:40,765 และโลกก็คงจะดูต่างออกไป 49 00:02:40,789 --> 00:02:43,808 ถ้าอะลาสก้าและรัสเซียไม่ได้อยู่ตรงข้ามกัน 50 00:02:43,832 --> 00:02:45,758 และโลกคงจะดูต่างออกไป 51 00:02:45,782 --> 00:02:48,942 ถ้าเราทำให้ยุโรปมีขนาดที่แท้จริง 52 00:02:49,930 --> 00:02:54,083 โลกถูกทำให้เปลี่ยนโดยแผนที่โลกของเรา 53 00:02:54,410 --> 00:02:59,265 การที่เราเลือก -- อะไรทำนองนั้น โครงการเกี่ยวกับการทำแผนที่ส่วนตัว 54 00:02:59,289 --> 00:03:01,924 ยังรังสรรค์แผนที่ชีวิตของเรา 55 00:03:01,948 --> 00:03:04,066 และในทางกลับกันก็รังสรรค์ชีวิตเราด้วย 56 00:03:04,090 --> 00:03:08,745 ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราได้ทำแผนที่ เปลี่ยนชีวิตที่เราดำเนินอยู่ 57 00:03:08,769 --> 00:03:13,183 และผมไม่ได้หมายถึงอะไรแบบ เครือข่ายลับนางฟ้าของโอปรา อะไรแบบนั้น 58 00:03:13,207 --> 00:03:16,177 แบบ ความรู้สึก ที่คุณคิดหาทางหายจากโรคมะเร็งได้เอง 59 00:03:16,201 --> 00:03:22,734 แต่ผมเชื่อว่าในขณะที่แผนที่ไม่ได้แสดงให้คุณเห็น ว่าชีวิตคุณจะดำเนินไปทางไหน 60 00:03:22,758 --> 00:03:24,749 พวกมันแสดงให้คุณเห็นว่าคุณอาจเดินไปทางไหน 61 00:03:24,773 --> 00:03:29,246 คุณแทบจะไม่ได้ไป ในสถานที่ซึ่งไม่อยู่ในแผนที่ส่วนตัว 62 00:03:29,853 --> 00:03:32,968 ผมเป็นนักเรียนที่แย่จริงๆ ตอนที่ผมเป็นเด็ก 63 00:03:32,992 --> 00:03:35,664 เกรดเฉลี่ยสะสมของผมต่ำกว่า 2 ตลอด 64 00:03:36,535 --> 00:03:39,296 และผมคิดว่าเหตุผลที่ผมเป็นนักเรียนแสนแย่แบบนั้น 65 00:03:39,320 --> 00:03:42,475 ก็เพราะว่าผมรู้สึกว่าการศึกษา เป็นเหมือนการวิ่งกระโดดข้ามรั้วต่อเนื่อง 66 00:03:42,499 --> 00:03:44,656 ที่ตั้งขึ้นอยู่เบื้องหน้าผม 67 00:03:44,680 --> 00:03:48,307 และผมต้องกระโดดข้ามไปเพื่อที่จะได้เป็นผู้ใหญ่ 68 00:03:48,331 --> 00:03:50,815 และผมไม่ต้องการ ที่จะกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางเหล่านั้นเลยจริงๆ 69 00:03:50,839 --> 00:03:53,773 เพราะว่าพวกมันเหมือนจะเป็นตัวกำหนดเบ็ดเสร็จ ผมก็มักจะไม่ต้องการทำแบบนั้น 70 00:03:53,797 --> 00:03:55,874 และคนก็จะมาขู่ผม 71 00:03:55,898 --> 00:03:58,827 พวกเขาจะมาขู่ด้วยประโยคที่ว่า "จะไปอยู่ในประวัติถาวร [ของผม]" 72 00:03:58,851 --> 00:04:01,060 หรือ "คุณจะไม่ได้งานดีๆ แน่" 73 00:04:01,084 --> 00:04:02,563 และผมไม่ได้ต้องการงานดีๆ 74 00:04:03,003 --> 00:04:05,599 เท่าที่ผมรู้ตอนอายุสิบเอ็ดหรือสิบสองปี 75 00:04:05,623 --> 00:04:08,775 แบบว่า คนที่มีงานดีๆ ตื่นเช้ามากๆ 76 00:04:08,799 --> 00:04:10,804 (เสียงหัวเราะ) 77 00:04:10,828 --> 00:04:15,400 และคนที่ได้งานดีๆ สิ่งแรกๆ ที่พวกเขาทำก็คือ 78 00:04:15,424 --> 00:04:19,347 ผูกผ้ารัดรอบคอแน่ๆ 79 00:04:19,924 --> 00:04:21,972 พวกเขาเอาบ่วงคล้องรอบคอ 80 00:04:21,996 --> 00:04:24,722 และจากนั้นก็เผ่นออกไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็เหอะ 81 00:04:25,455 --> 00:04:27,485 นั่นไม่ได้เป็นตำรับสำหรับชีวิตที่มีสุขเลย 82 00:04:27,918 --> 00:04:31,837 คนเหล่านี้ -- ในจินตนาการของเด็กสิบสองปี ที่บ้าสัญลักษณ์อย่างผม -- 83 00:04:31,861 --> 00:04:34,420 คนเหล่านี้กำลังทำให้ตัวเองยากลำบาก 84 00:04:34,444 --> 00:04:36,800 เมื่อสิ่งแรกที่เขาทำในทุกๆ เช้า 85 00:04:36,824 --> 00:04:38,584 ไม่อาจทำให้พวกเขามีความสุขได้ 86 00:04:38,608 --> 00:04:41,020 ทำไมพวกเขาจึงอยากกระโดด ผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดนี้ไป 87 00:04:41,044 --> 00:04:43,044 และนั่นมันเป็นจุดจบแล้วหรือ 88 00:04:43,068 --> 00:04:44,235 นั่นมันเป็นตอนจบที่แย่ที่สุด 89 00:04:45,454 --> 00:04:48,632 และจากนั้น เมื่อผมอยู่เกรดสิบ ผมไปโรงเรียนนี้ 90 00:04:48,656 --> 00:04:51,418 อินเดียน สปริง สกูล เป็นโรงเรียนประจำเล็กๆ 91 00:04:51,442 --> 00:04:53,252 นอกเบอร์มิงแฮม อาลาบามา 92 00:04:53,276 --> 00:04:56,791 และทันใดนั้นเองผมก็กลายเป็นผู้เรียนรู้ 93 00:04:56,815 --> 00:04:59,011 และผมกลายเป็นผู้เรียนรู้ เพราะว่าผมพบกับตัวเอง 94 00:04:59,035 --> 00:05:01,059 ในสังคมของผู้เรียนรู้ 95 00:05:01,083 --> 00:05:02,846 ผมพบว่าผมถูกรายล้อม 96 00:05:02,870 --> 00:05:06,100 ด้วยคนที่บูชาความรู้และการเข้าร่วม 97 00:05:06,124 --> 00:05:10,297 และผู้ที่คิดว่าการแตกต่าง ช่างแดกดันของผม 98 00:05:10,321 --> 00:05:12,175 ไม่ฉลาด หรือว่าขำ 99 00:05:12,199 --> 00:05:15,961 แต่ แบบว่า มันเป็นการตอบสนองที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา 100 00:05:15,985 --> 00:05:18,259 ต่อปัญหาที่น่าสนใจและซับซ้อน 101 00:05:18,692 --> 00:05:21,185 และผมก็เริ่มเรียนรู้ เพราะว่าการเรียนรู้มันเจ๋ง 102 00:05:21,209 --> 00:05:24,512 ผมเรียนรู้เรื่องเซทอนันต์บางเซท ใหญ่ว่าบางเซทอนันต์ 103 00:05:24,536 --> 00:05:28,630 และผมได้เรียนรู้ว่ามาตราไอแอมบ์คืออะไร และทำไมมันถึงฟังดูเข้าท่า 104 00:05:28,654 --> 00:05:32,096 ผมได้เรียนรู้ว่าสงครามกลางเมือง เป็นความขัดแย้งระดับชาติ 105 00:05:32,120 --> 00:05:33,287 ผมได้เรียนฟิสิกส์ 106 00:05:33,311 --> 00:05:36,467 ผมได้เรียนว่าไม่ควรสับสนเรื่องความสัมพันธ์ กับเหตุและผล 107 00:05:36,491 --> 00:05:38,284 สิ่งเหล่านี้ 108 00:05:38,308 --> 00:05:42,560 เสริมสร้างชีวิตของผมในแต่ละวัน 109 00:05:42,584 --> 00:05:46,170 และมันก็จริง ที่ผมไม่ได้ใช้พวกมันในการงาน 110 00:05:46,194 --> 00:05:48,108 แต่ผมก็ไม่ได้มองความสำคัญของมันแบบนั้น 111 00:05:48,132 --> 00:05:50,083 มันเกี่ยวกับการทำแผนที่ 112 00:05:50,107 --> 00:05:52,368 กระบวนการทำแผนที่คืออะไร 113 00:05:52,392 --> 00:05:55,553 มันคือการแล่นเรือไปในสักดินแดนหนึ่ง และคิดว่า 114 00:05:55,577 --> 00:05:57,678 "ผมคิดว่าผมจะวาดส่วนหนึ่งของแผ่นดิน" 115 00:05:57,702 --> 00:06:01,025 และจากนั้นก็คิดว่า "บางที มันยังมีดินแดนอื่นๆ ให้วาดอีก" 116 00:06:01,049 --> 00:06:03,256 และนั่นแหละ การเรียนที่แท้จริงสำหรับผมจึงเริ่มขึ้น 117 00:06:03,280 --> 00:06:05,916 มันจริงครับ ที่ผมมีครูที่เคยหน่ายกับผม 118 00:06:05,940 --> 00:06:08,258 และผมก็โชคดีที่มีครูเหล่านั้น 119 00:06:08,282 --> 00:06:12,456 เพราะว่าผมมักจะเป็นเหตุให้พวกเขาคิดว่า ไม่ควรที่จะมาคาดหวังอะไรกับผม 120 00:06:12,924 --> 00:06:16,030 แต่การเรียนมากมายที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม 121 00:06:16,054 --> 00:06:19,233 ไม่ได้เกี่ยวกับว่า มันเกิดอะไรขึ้นในห้องเรียน 122 00:06:19,257 --> 00:06:21,715 มันเกี่ยวกับว่า เกิดอะไรขึ้นนอกห้องเรียน 123 00:06:21,739 --> 00:06:23,096 ยกตัวอย่างเช่น ผมพูดบทกลอนได้ว่า 124 00:06:23,120 --> 00:06:25,953 "มีแสงที่เบียงเบน ในตอนบ่ายของฤดูหนาว 125 00:06:25,977 --> 00:06:28,430 ที่กดอย่างกับน้ำหนักของโบสถ์ใหญ่ทูนส์ " 126 00:06:28,454 --> 00:06:31,770 ไม่ใช่เพราะว่าผมจำบทประพันธ์ ของเอมิลี ดิคินสันได้ 127 00:06:31,794 --> 00:06:33,070 เมื่อผมเรียนอยู่ในระดับมัธยม 128 00:06:33,094 --> 00:06:35,689 แต่เพราะว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนที่ผมเรียนมัธยม 129 00:06:35,713 --> 00:06:38,200 และชื่อของเธอก็คือ อแมนด้า และผมแอบชอบเธอ 130 00:06:38,224 --> 00:06:40,598 และเธอชอบบทกลอนของ เอมิลี ดิคินสัน 131 00:06:40,622 --> 00:06:43,306 เหตุผลที่ผมบอกคุณได้ว่า โอกาสมีค่าแค่ไหน 132 00:06:43,330 --> 00:06:46,982 ก็เพราะว่าวันหนึ่งเมื่อผมกำลังเล่น ซุปเปอร์มาริโอ้คาร์ท อยู่บนเก้าอี้นวม 133 00:06:47,006 --> 00:06:48,878 เพื่อนของผม เอ็มเมด เดินเข้ามาและบอกว่า 134 00:06:48,902 --> 00:06:51,260 "แกเล่นซุปเปอร์โมริโอคาร์ทมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย" 135 00:06:51,284 --> 00:06:54,754 และผมก็บอกว่า "ไม่รู้สิ สัก หกชั่วโมงได้มั้ง" และเขาก็บอกว่า 136 00:06:54,778 --> 00:06:58,146 "แกไม่คิดหรอว่า ถ้าแกใช้เวลาหกชั่วโมงนั่น ทำงานที่ร้านบาสกิน-ร็อบบิน 137 00:06:58,170 --> 00:07:00,428 แกคงจะได้เงินสัก 30 ดอลล่าร์ 138 00:07:00,452 --> 00:07:03,372 แกเพิ่งจะเสียเงินเพื่อเล่นซุปเปอร์มาริโอคาร์ท ไปสามสิบดอลล่าร์" 139 00:07:03,396 --> 00:07:05,654 และผมก็แบบว่า "เออ ฉันยอมว่ะ" 140 00:07:05,678 --> 00:07:08,027 (เสียงหัวเราะ) 141 00:07:08,051 --> 00:07:11,976 แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าค่าของโอกาสคืออะไร 142 00:07:13,079 --> 00:07:16,761 และตลอดทางนั้น แผนที่ชีวิตของผมก็ดีขึ้น 143 00:07:16,785 --> 00:07:19,642 มันใหญ่ขึ้น มีสถานที่ต่างๆ มากขึ้น 144 00:07:19,666 --> 00:07:21,631 มีอะไรมากมายมากขึ้นที่อาจเกิดขึ้น 145 00:07:21,655 --> 00:07:23,614 มีอนาคตที่ผมอาจจะมีมากขึ้น 146 00:07:24,662 --> 00:07:27,949 กระบวนการเรียนรู้ มันไม่เป็นทางการ ไม่ได้ถูกจัดระเบียบ 147 00:07:27,973 --> 00:07:29,704 และผมก็สุขใจที่จะได้พูดถึงมันอย่างนั้น 148 00:07:29,728 --> 00:07:32,860 มันเป็นด่างๆ มันไม่สม่ำเสมอ มันมีอะไรหลายอย่างที่ผมไม่รู้ 149 00:07:32,884 --> 00:07:35,178 ผมอาจจะรู้ ถึงความคิดของเซนทอร์ 150 00:07:35,202 --> 00:07:38,035 ว่าเซตอนันต์บางเซต มีขนาดใหญ่กว่า เซตอนันต์บางเซต 151 00:07:38,059 --> 00:07:40,956 แต่ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ถึงแคลคูลัสที่อยู่เบื้องหลังความคิดนั้น 152 00:07:40,980 --> 00:07:42,995 ผมอาจรู้เรื่องแนวคิดคุณค่าของโอกาส 153 00:07:43,019 --> 00:07:45,329 แต่ผมไม่รู้ถึงกฎการย้อนกลับมาที่ลดลง 154 00:07:45,353 --> 00:07:48,326 แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการจินตนาการ ถึงการเรียนรู้ในฐานะที่มันเป็นการวาดแผนที่ 155 00:07:48,350 --> 00:07:50,438 แทนที่จะเป็นการจินตนาการมัน ในฐานะการข้ามสิ่งกีดขวางอย่างไรกฎเกณฑ์ 156 00:07:50,462 --> 00:07:51,820 ที่คุณจะต้องกระโดดข้ามไป 157 00:07:51,844 --> 00:07:55,316 คือคุณเห็นแนวหาดบางส่วน และนั่นทำให้คุณอยากจะเห็นมากกว่านั้น 158 00:07:55,340 --> 00:07:57,777 และตอนนี้ ผมรู้แคลคูลัสบางส่วน 159 00:07:57,801 --> 00:07:59,533 ที่เป็นพื้นฐานของทั้งหมดนี้ 160 00:07:59,557 --> 00:08:01,327 ฉะนั้น ผมมีสังคมการเรียนรู้แห่งหนึ่ง 161 00:08:01,351 --> 00:08:03,965 ในโรงเรียนมัธยม จากนั้น ผมก็ไปอีกแห่งเมื่อผมไปเรียนในมหาวิทยาลัย 162 00:08:03,989 --> 00:08:05,289 และจากนั้นผมไปยังอีกแห่งหนึ่ง 163 00:08:05,313 --> 00:08:07,909 เมื่อผมเริ่มทำงานให้กับนิตยสารที่เรียกว่า "บุคลีส" 164 00:08:07,933 --> 00:08:11,286 ที่ซึ่งผมเป็นผู้ช่วย ที่รายล้อมไปด้วย นักอ่านที่น่าทึ่ง 165 00:08:11,310 --> 00:08:12,836 และเมื่อผมเขียนหนังสือ 166 00:08:12,860 --> 00:08:15,060 และเหมือนกับนักเขียนอื่นๆ ฝันที่จะทำ 167 00:08:15,084 --> 00:08:17,013 ผมลาออกในทันที 168 00:08:17,037 --> 00:08:18,626 (เสียงหัวเราะ) 169 00:08:18,650 --> 00:08:20,626 และเป็นครั้งแรกตั้งแต่จากโรงเรียนมัธยม 170 00:08:20,650 --> 00:08:25,253 ผมพบว่าผมไม่ได้อยู่ในสังคมเรียนรู้ และมันก็น่าเศร้า 171 00:08:25,277 --> 00:08:26,711 ผมเกลียดมัน 172 00:08:26,735 --> 00:08:30,109 ผมอ่านหนังสือมากมาย ระหว่างช่วงสองปีนั่น 173 00:08:30,133 --> 00:08:31,896 และหนังสือเกี่ยวกับสตาลิน 174 00:08:31,920 --> 00:08:35,411 และหนังสือเกี่ยวกับคนอูซเบค ที่ถูกจัดเป็นชาวมูสลิม 175 00:08:35,435 --> 00:08:37,785 และผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำระเบิดอะตอม 176 00:08:37,809 --> 00:08:40,958 แต่รู้สึกเหมือนว่าสร้างอุปสรรค์ให้กับตัวเอง 177 00:08:40,982 --> 00:08:44,338 และจากนั้นก็กระโดดข้ามพวกมันด้วยตัวเอง แทนที่จะรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น 178 00:08:44,362 --> 00:08:48,011 ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมการเรียนรู้ สังคนของคน 179 00:08:48,035 --> 00:08:51,018 ที่เข้ามาเกี่ยวดองกัน ในองค์กรการทำแผนที่ 180 00:08:51,042 --> 00:08:54,598 ที่พยายามทำความเข้าใจและ ทำแผนที่โลกของเราให้ดีขึ้น 181 00:08:54,979 --> 00:08:58,068 และจากนั้น ใน ค.ศ. 2006 ผมได้พบกับคนคนนี้ 182 00:08:58,092 --> 00:08:59,243 เขามีชื่อว่า เซ แฟรงค์ 183 00:08:59,267 --> 00:09:01,904 ผมไม่ได้พบเขาจริงๆ หรอก แค่ทางออนไลน์ 184 00:09:02,455 --> 00:09:07,458 เซ แฟรงค์ เป็นผู้จัดรายการที่ตอนนั้นมีชื่อว่า "เดอะ โชว์ วิท เซ แฟรงค์" 185 00:09:07,482 --> 00:09:08,956 และผมได้ค้นพบรายการดังกล่าว 186 00:09:08,980 --> 00:09:12,214 และนั่นเป็นการเดินทางกลับไปยัง สังคมการเรียนรู้อีกครั้งหนึ่งของผม 187 00:09:12,238 --> 00:09:14,393 นี่คือ เซ ที่พูดเกี่ยวกับ ลาส เวกัส ครับ 188 00:09:15,823 --> 00:09:19,342 (วีดีโอ) เซ แฟรงค์: ลาส เวกัส ถูกสร้างขึ้น ท่ามกลางทะเลทรายร้อนแสนกว้างใหญ่ 189 00:09:19,366 --> 00:09:22,062 เกือบจะทุกอย่างที่นี่ถูกนำมาจากที่อื่น 190 00:09:22,086 --> 00:09:24,262 พวกหิน ต้นไม้ น้ำตก 191 00:09:24,286 --> 00:09:27,295 ปลาเหล่านี้ดูแปลกประหลาด เหมือนกับหมูที่บินได้ 192 00:09:27,319 --> 00:09:30,185 แตกต่างกับทะเลทรายร้อนระอุ ที่ล้อมรอบที่แห่งนี้ 193 00:09:30,209 --> 00:09:31,363 คนเหล่านี้ก็เช่นกัน 194 00:09:31,387 --> 00:09:35,318 สิ่งต่างๆ จากทั่วโลกถูกสร้างขึ้นใหม่ที่นี่ ห่างไกลจากประวัติศาสตร์ของพวกเขา 195 00:09:35,342 --> 00:09:38,090 และห่างไกลจากผู้คน ที่มีประสบการณ์ต่อมันแตกต่างกัน 196 00:09:38,114 --> 00:09:41,294 บางครั้งก็มีการดัดแปลง แม้กระทั่งสฟิงค์ก็มีจมูก 197 00:09:41,318 --> 00:09:44,209 ที่นี่ มันไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกว่า คุณมีอะไรขาดหายไป 198 00:09:44,233 --> 00:09:47,203 นิวยอร์คนี้มีความหมายเช่นเดียวกันต่อผม ดังเช่นต่อคนอื่นๆ 199 00:09:47,227 --> 00:09:50,784 ทุกๆ อย่างมันแปลกประหลาด และนั่นหมายถึงในทุกๆ บริบท 200 00:09:50,808 --> 00:09:52,738 บริการจอดรถด้วยตนเอง, ศูนย์จัดนิทรรศการ, ศูนย์เลี้ยงปลาฉลาม 201 00:09:52,762 --> 00:09:56,360 การทอประสานของสถานที่นี้ อาจเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก 202 00:09:56,384 --> 00:09:58,405 เพราะว่าไม่มีใครเหมาะกับที่นี่ ทุกๆ คนเป็นเช่นนั้น 203 00:09:58,429 --> 00:10:01,453 เมื่อผมเดินไปรอบๆ เช้านี้ ผมสังเกตว่าตึกส่วนใหญ่ 204 00:10:01,477 --> 00:10:04,217 เป็นกระจกขนาดใหญ่ ที่สะท้อนแสงแดดกลับไปยังทะเลทราย 205 00:10:04,241 --> 00:10:05,402 แต่ที่ไม่เหมือนกันกระจกส่วนใหญ่ 206 00:10:05,426 --> 00:10:08,801 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทิวทัศน์ภายนอกตัวคุณ ที่ฝังอยู่ในสถานที่นี้ 207 00:10:08,825 --> 00:10:10,270 กระจกเหล่านี้สะท้อนสิ่งว่างเปล่ากลับมา 208 00:10:10,294 --> 00:10:12,473 จอห์น กรีน: ทำเอาผมคิดถึงบ้านไปหลายวัน 209 00:10:12,497 --> 00:10:14,679 เมื่อคุณเห็นพิกเซลในวีดีโอออนไลน์ 210 00:10:14,703 --> 00:10:15,710 (เสียงหัวเราะ) 211 00:10:15,734 --> 00:10:19,820 เซ ไม่ได้เก่งแค่เรื่องให้ความรู้กับสาธารณะชน เขายังเก่งในเรื่องการสร้างสังคมอีกด้วย 212 00:10:19,844 --> 00:10:22,705 และสังคมของผู้คนที่ก่อตัวขึ้นรอบๆ วีดีโอเหล่านี้ 213 00:10:22,729 --> 00:10:24,741 เป็นสังคมของผู้เรียนรู้ ในหลายๆ แง่มุม 214 00:10:24,765 --> 00:10:28,289 ฉะนั้น เราเปิดวีดีโอ เซ แฟรงค์ เล่นหมากรุก และผมชนะเขา 215 00:10:28,313 --> 00:10:32,726 เราจัดการพาเด็กหนุ่มท่องไปทั่วอเมริกา 216 00:10:32,750 --> 00:10:34,701 เราเปลี่ยนโลกเป็นแซนวิช 217 00:10:34,725 --> 00:10:38,434 โดยให้คนหนึ่งถือขนมปังไว้ที่จุดหนึ่งบนโลก 218 00:10:38,458 --> 00:10:40,587 และที่จุดตรงข้ามกันพอดีอีกข้างหนึ่งของโลก 219 00:10:40,611 --> 00:10:43,123 ก็มีอีกคนหนึ่งถือขนมปังเอาไว้ 220 00:10:43,593 --> 00:10:49,601 ผมตระหนักว่า นั่นเป็นความคิดเพี้ยนๆ แต่พวกมันเป็นความคิดแห่ง "การเรียนรู้" เช่นกัน 221 00:10:49,625 --> 00:10:51,547 และนั่นก็น่าตื่นเต้นสำหรับผม 222 00:10:51,571 --> 00:10:55,161 และถ้าคุณออนไลน์ คุณสามารถพบกับ สังคมอย่างนี้ได้เต็มไปหมด 223 00:10:55,185 --> 00:10:57,066 ตาม แท็ก แคลคูลัส ในทัมเบลอร์ (Tumblr) 224 00:10:57,090 --> 00:10:59,741 ใช่ คุณจะเห็นคนบ่นเรื่องแคลคูลัส 225 00:10:59,765 --> 00:11:02,435 แต่คุณจะยังเห็นคนแชร์การบ่นเหล่านั้น 226 00:11:02,459 --> 00:11:05,643 ทำให้การถกเถียงเรื่องแคลคูลัส น่าสนใจและสวยงาม 227 00:11:05,667 --> 00:11:09,620 และนั่นเป็นวิธีที่จะคิดถึงปัญหา ที่คุณคิดว่ามันแก้ไม่ได้ 228 00:11:09,644 --> 00:11:12,240 คุณสามารถไปยังเว็บอย่าง เรดดิท และเจอ เรดดิทย่อย 229 00:11:12,264 --> 00:11:14,882 เช่น "ถามนักประวัติศาสตร์" หรือ "ถามนักวิทยาศาสตร์" 230 00:11:14,906 --> 00:11:18,137 เมื่อคุณถามผู้คน ว่าใครอยู่ในสายวิชาการเหล่านี้บ้าง 231 00:11:18,161 --> 00:11:19,629 คำถามหลากหลายมากมาย 232 00:11:19,653 --> 00:11:21,994 ตั้งแต่คำถามเครียดๆ ถึงคำถามที่บ้าบอ 233 00:11:22,018 --> 00:11:24,950 แต่สำหรับผม สิ่งที่น่าสนใจที่สุด สำหรับสังคมผู้เรียนรู้ 234 00:11:24,974 --> 00:11:27,837 ที่กำลังเติบโตขึ้นในอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ คือในยูทิวบ์ (Youtube) 235 00:11:27,861 --> 00:11:29,457 และบอกได้เลยว่า ผมลำเอียง 236 00:11:29,481 --> 00:11:34,015 แต่ผมคิดว่า ในหลายๆ แง่มุม เพจ ยูทิวบ์ คล้ายกับห้องเรียน 237 00:11:34,039 --> 00:11:35,863 ยกตัวอย่างเช่น ลองหา "นาทีฟิสิกส์" (Minute Physics) 238 00:11:35,887 --> 00:11:38,680 ชายคนนี้สอนคนทั่วโลกเกี่ยวกับฟิสิกส์ 239 00:11:38,704 --> 00:11:40,205 (วีดีโอ) พูดกันอย่างเปิดอกเลย 240 00:11:40,229 --> 00:11:43,587 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 ฮิกโบซอน เป็นชิ้นส่วนพื้นฐานสุดท้าย 241 00:11:43,611 --> 00:11:47,091 ของแบบจำลองมาตราฐานทางฟิสิกส์อนุภาค ที่ถูกค้นพบโดยการทดลอง 242 00:11:47,115 --> 00:11:49,169 แต่ คุณอาจตั้งคำถามว่า ทำไมฮิกโบซอน 243 00:11:49,193 --> 00:11:50,679 ถึงถูกรวมเข้าในแบบจำลองมาตราฐาน 244 00:11:50,703 --> 00:11:53,973 เคียงข้างกับอนุภาคที่เป็นที่รู้จักอื่นๆ อย่างอิเล็กตรอน และโปรตอน และคว๊าค 245 00:11:53,997 --> 00:11:56,517 ถ้ามันไม่ได้ถูกค้นพบ ย้อนกลับไปเมื่อยุค 1970 246 00:11:56,541 --> 00:11:58,541 ถามได้ดีครับ มันมีสองเหตุผล 247 00:11:58,565 --> 00:12:01,824 อย่างแรก เช่นเดียวกับอิเล็กตรอน ที่เป็นการกระตุ้นในสนามอิเล็กตรอน 248 00:12:01,848 --> 00:12:04,642 ฮิกโบซอนเป็นอนุภาค ซึ่งเป็นการถูกกระตุ้น 249 00:12:04,666 --> 00:12:06,649 ของสนามฮิกซ์ที่ซึมแทรกอยู่ทุกหนแห่ง 250 00:12:06,673 --> 00:12:08,917 สนามฮิกส์มีบทบาทสำคัญ 251 00:12:08,941 --> 00:12:10,870 ในแบบจำลองของเรา สำหรับแรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน 252 00:12:10,894 --> 00:12:14,054 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนามฮิกส์ช่วยอธิบายว่า ทำไมมันถึงอ่อนนัก 253 00:12:14,078 --> 00:12:16,142 เราจะพูดถึงมันในวีดีโอถัดไป 254 00:12:16,166 --> 00:12:20,000 แต่แม้ว่าด้วยทฤษฎีนิวเคลียร์อย่างอ่อน ได้รับการยืนยันในยุค 1980 ในสมการ 255 00:12:20,024 --> 00:12:23,736 สนามฮิกส์ ถูกผสมปนเปอยู่กับแรงอย่างอ่อน จนถึงกระทั่งตอนนี้ 256 00:12:23,760 --> 00:12:26,927 เราไม่สามารถที่จะยืนยันได้ ถึงการมีอยู่ของมันได้อย่างมั่นใจและเป็นอิสระ 257 00:12:26,951 --> 00:12:28,726 จอห์น: หรือวีดีโอที่ผมได้ทำขึ้น 258 00:12:28,750 --> 00:12:31,959 เป็นส่วนหนึ่งของรายการของผม "ครัช คอร์ส" ที่พูดถึงสงครามโลกครั้งที่ 1 259 00:12:31,983 --> 00:12:35,354 (วีดีโอ) การเกิดขึ้นโดยฉับพลัน แน่นอน คือการสังหารในซาราเยโว 260 00:12:35,378 --> 00:12:37,389 ของอาร์คดุ๊ค ฟรานซ์ เฟอร์ดินัน แห่งออสเตรีย 261 00:12:37,413 --> 00:12:41,839 ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 โดยนักชาตินิยม บอสเนีย-เซอร์บ ชื่อ กาฟริโล พรินซิป (Gavrilo Princip) 262 00:12:41,863 --> 00:12:43,305 กระเถิบมาดูตรงนี้ มันไม่มีค่าอะไรเท่าไร 263 00:12:43,329 --> 00:12:45,821 ที่สงครามใหญ่ครั้งแรกในศตวรรษที่ยี่สิบ 264 00:12:45,845 --> 00:12:47,066 เริ่มต้นด้วยการก่อการร้าย 265 00:12:47,090 --> 00:12:49,421 ฉะนั้น ฟรานซ์ เฟอร์ดินัน ไม่ได้เป็นที่รักสักเท่าไร 266 00:12:49,445 --> 00:12:53,079 สำหรับลุงของเขา จักรพรรดิ์ ฟรานซ์ โจเซป โอ้ นั่นหนวด 267 00:12:53,103 --> 00:12:56,878 แต่ถึงกระนั้น การสังหารนำออสเตรียไปสู่ การยื่นคำขาดต่อเซอร์เบีย 268 00:12:56,902 --> 00:13:00,114 ซึ่งเซอร์เบียตอบรับความต้องการของออสเตรีย แต่บางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด 269 00:13:00,138 --> 00:13:02,698 ทำให้ออสเตรียประกาศสงครามกับเซอร์เบีย 270 00:13:02,722 --> 00:13:06,103 และจากนั้นรัสเซียก็ระดมกำลัง ด้วยเหตุที่ประเทศนี้ เป็นพวกเดียวกับเซอร์บ 271 00:13:06,127 --> 00:13:08,437 เยอรมันที่เป็นพวกเดียวกับออสเตรีย 272 00:13:08,461 --> 00:13:09,958 ก็บอกรัสเซียให้หยุดระดมกำลัง 273 00:13:09,982 --> 00:13:13,241 ซึ่งรัสเซียไม่ทำตาม ฉะนั้นเยอรมันก็เลยระดมกำลังตัวเอง 274 00:13:13,265 --> 00:13:16,334 ประกาศสงครามกับรัสเซีย กระชับความสัมพันธ์กับพรรคพวกออตโตมัน 275 00:13:16,358 --> 00:13:19,937 และจากนั้นก็ประกาศสงครามกับฝรั่งเศส เพราะคุณก็รู้ๆ อยู่ว่าฝรั่งเศสเป็นยังไง 276 00:13:19,961 --> 00:13:23,414 (เสียงหัวเราะ) 277 00:13:23,438 --> 00:13:25,682 และมันก็ไม่ใช่แค่ฟิสิกส์ และประวัติศาสตร์โลก 278 00:13:25,706 --> 00:13:28,838 ที่คนเลือกจะเรียนผ่านยูทิวบ์ 279 00:13:28,862 --> 00:13:31,240 นี่เป็นวีดีโอที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ 280 00:13:33,914 --> 00:13:36,598 (วีดีโอ) ฉะนั้น คุณคือผม และคุณก็อยู่ในห้องเรียนคณิตศาสตร์อีกแล้ว 281 00:13:36,622 --> 00:13:38,624 เพราะว่ามันทำบังคับให้คุณไปทุกวัน 282 00:13:38,648 --> 00:13:41,915 และคุณก็เรียนเกี่ยวกับ ไม่รู้สิ ผลรวมของอนุกรมอนันต์ 283 00:13:41,939 --> 00:13:43,565 นั่นเป็นหัวข้อที่ได้เรียนในโรงเรียนมัธยม ใช่ไหมครับ 284 00:13:43,589 --> 00:13:47,505 ซึ่งก็น่าแปลก เพราะว่ามันเป็นวิชาที่เจ๋งมาก แต่พวกเขาก็ทำมันพังเสียจนได้ 285 00:13:47,529 --> 00:13:50,687 ฉะนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุว่าทำไม พวกเขาจึงยอมให้มีอนุกรมอนันต์ในหลักสูตร 286 00:13:50,711 --> 00:13:53,863 ก็พอเข้าใจได้ว่าคุณต้องการจะเบนความสนใจ ก็เลยวาดอะไรเรื่อยเปื่อย 287 00:13:53,887 --> 00:13:56,819 และคิดไปว่า พหูพจน์ของคำว่า "series" คืออะไร 288 00:13:56,843 --> 00:14:00,485 จากนั้นก็คิดถึงหัวข้อในมือนั้น: "serieses" "seriese", "seriesen" และ "serii" 289 00:14:00,509 --> 00:14:03,808 หรือว่าเอกพจน์ของมันควรจะเปลี่ยนเป็น : หนึ่ง "serie" หรือ "serum" 290 00:14:03,832 --> 00:14:06,276 เหมือนกับเอกพจน์ของ "sheep" ควรจะเป็น "shoop" 291 00:14:06,300 --> 00:14:07,793 แต่แนวคิดองค์รวม 292 00:14:07,817 --> 00:14:11,278 ของวิธีการของ 1/2 + 1/4 + 1/8 + 1/16 และต่อไป มีประโยชน์ 293 00:14:11,302 --> 00:14:13,065 ถ้าคุณต้องการวาดรูปช้าง 294 00:14:13,089 --> 00:14:14,905 ที่แต่ละตัวจูงหางตัวถัดไป 295 00:14:14,929 --> 00:14:18,097 ช้างทั่วๆ ไป ช้างเด็ก ช้างทารก ช้างที่มีขนาดเท่าหมา 296 00:14:18,121 --> 00:14:21,092 ช้างที่มีขนาดเท่าลูกหมา ลงไปเรื่อยๆ จนถึง คุณสีดอ และต่อๆ ไป 297 00:14:21,116 --> 00:14:22,897 ซึ่งอย่างน้อยมันก็เจ๋งไม่เบา 298 00:14:22,921 --> 00:14:25,868 เพราะว่าคุณสามารถได้เลขที่เป็นอนันต์ ของช้างในแถว 299 00:14:25,892 --> 00:14:28,345 และยังใส่มันลงไปให้สมุดหนึ่งหน้าได้ 300 00:14:28,369 --> 00:14:30,991 และสุดท้าย นี่คือ แดสติน จาก "ฉลาดขึ้นทุกวัน" (Smarter Every Day) 301 00:14:31,015 --> 00:14:33,424 ที่พูดถึงการสนทนาของโมเมนตัมเชิงมุม 302 00:14:33,448 --> 00:14:34,925 และเมื่อมันเป็นแมวแห่ง ยูทิวบ์ 303 00:14:34,949 --> 00:14:38,060 (วีดีโอ) เฮ่ ฉันเอง เดสติน ยินดีต้อนรับสู่ "ฉลาดขึ้นทุกวัน" 304 00:14:38,084 --> 00:14:41,426 คุณคงสังเกตว่าแมวเอาขาลงพื้นเสมอ 305 00:14:41,450 --> 00:14:43,410 คำถามวันนี้คือ ทำไม 306 00:14:43,434 --> 00:14:46,190 เหมือนคำถามพื้นๆ ทั่วไป มันมีคำตอบที่ซับซ้อนมาก 307 00:14:46,214 --> 00:14:48,224 ยกตัวอย่างเช่น ให้ผมลองถามใหม่นะ 308 00:14:48,248 --> 00:14:53,443 แมวเปลี่ยนจากขาชี้ฟ้ามาเป็นเอาขาลง ภายในกรอบเวลาที่กำลังตกลงมา 309 00:14:53,467 --> 00:14:56,432 โดยไม่รบกวนการอนุรักษ์ ของโมเมนตัมเชิงมุมได้อย่างไร 310 00:14:56,456 --> 00:14:57,467 (เสียงหัวเราะ) 311 00:14:57,491 --> 00:15:00,968 จอห์น: นี่คือสิ่งที่วีดีโอทั้งสี่มีร่วมกัน 312 00:15:01,397 --> 00:15:04,516 พวกมันมีคนเข้าชมมากกว่าครึ่งล้านใน ยูทิวบ์ 313 00:15:04,540 --> 00:15:07,609 และนั่นคือคนที่ไม่ได้ดูมันในชั้นเรียน 314 00:15:07,633 --> 00:15:11,274 แต่เพราะว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคมการเรียนรู้ 315 00:15:11,298 --> 00:15:13,313 ที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่องทางเหล่านี้ 316 00:15:13,686 --> 00:15:16,417 และผมไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยูทิวบ์ เป็นเหมือนห้องเรียนสำหรับผม 317 00:15:16,441 --> 00:15:19,124 และในหลายๆ แง่มุม มันก็เป็นอย่างนั้น เพราะว่านี่คือผู้สอน -- 318 00:15:19,148 --> 00:15:22,166 มันเหมือนห้องเรียนดั้งเดิม นี่คือผู้สอน 319 00:15:22,190 --> 00:15:24,513 และจากนั้นใต้ผู้สอนก็มีนักเรียน 320 00:15:24,537 --> 00:15:26,608 และพวกเขาก็มีการพูดคุยกัน 321 00:15:26,632 --> 00:15:30,661 และผมรู้ว่าการแสดงความคิดเห็นในยูทิวบ์ มีชื่อเสียงที่ไม่ดีมากๆ 322 00:15:30,685 --> 00:15:32,080 ในโลกของอินเทอร์เนต 323 00:15:32,104 --> 00:15:35,175 แต่อันที่จริงแล้ว ถ้าคุณไปดูความเห็นของช่องเหล่านี้ 324 00:15:35,199 --> 00:15:38,354 สิ่งที่คุณจะได้พบคือคนที่เข้าถึงกับเนื้อหาบทเรียน 325 00:15:38,378 --> 00:15:42,625 ถามคำถามยากๆ คำถามที่ซับซ้อน ที่เกี่ยวข้องการเนื้อหาบทเรียน 326 00:15:42,649 --> 00:15:45,387 และจากนั้น คนอื่นๆ ก็มีตอบคำถามเหล่านั้น 327 00:15:45,411 --> 00:15:50,245 และเพราะว่าเพจ ยูทิวบ์ ถูกสร้างขึ้น ฉะนั้น เพจที่ผมเล่าให้คุณฟัง 328 00:15:50,269 --> 00:15:54,112 อยู่บน -- ที่ซึ่งผมกำลังพูดถึง คือบนเพจเดียวกัน 329 00:15:54,136 --> 00:15:55,294 กับที่คุณให้ความคิดเห็น 330 00:15:55,318 --> 00:16:00,950 คุณกำลังมีส่วนร่วมในการสนทนาที่สดและจริง และเป็นมีรวดเร็ว 331 00:16:00,974 --> 00:16:04,545 และเพราะส่วนใหญ่ผมมักอยู่ใน การแสดงความเห็น ผมก็จะมีส่วนร่วมกันคุณ 332 00:16:04,569 --> 00:16:07,023 และคุณจะพบมัน ไม่ว่ามันจะเป็นประวัติศาสตร์โลก 333 00:16:07,047 --> 00:16:10,109 หรือคณิตศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์ หรืออะไรก็ตามแต่ 334 00:16:10,133 --> 00:16:15,751 คุณยังเห็นคนหนุ่มสาวใช้เครื่องมือ และอินเทอร์เน็ตชนิดต่างๆ 335 00:16:15,775 --> 00:16:18,852 เพื่อที่จะสร้างสถานที่สำหรับ การเข้าถึงเข้าร่วมในเชิงสร้างสรรค์ 336 00:16:18,876 --> 00:16:20,476 แทนที่จะเป็นการแบ่งแยกแดกดัน 337 00:16:20,500 --> 00:16:25,197 และบางทีพวกเราส่วนใหญ่ ก็เกี่ยวข้องกับรูปตัดต่อ และการชุมนุมทางอินเทอร์เน็ต -- 338 00:16:25,221 --> 00:16:27,745 อย่าง "เบื่อ ก็เลยประดิษฐ์แคลคูลัส" 339 00:16:27,769 --> 00:16:31,220 หรือ นี่คือ ฮันนี่ บูบู กำลังวิจารณ์ทุนนิยมอุตสาหกรรม 340 00:16:31,244 --> 00:16:33,910 ["ทุนนิยมเสรีนิยมไม่ได้เป็นความดี แห่งมวลมนุษยชาติเลย 341 00:16:33,934 --> 00:16:37,493 ตรงข้าม มันเป็นพาหนะของคติทำลายล้าง ที่ป่าเถื่อนและบ่อนทำลาย"] 342 00:16:37,517 --> 00:16:39,801 ถ้าคุณไม่เห็นว่าเธอพูดว่าอะไร ... อืม 343 00:16:40,325 --> 00:16:43,982 ผมเชื่อจริงๆ เลยว่า ที่เหล่านี้ 344 00:16:44,006 --> 00:16:49,039 สังคมเหล่านี้ ได้กลายเป็น ที่สำหรับผู้เรียนรู้รุ่นใหม่ 345 00:16:49,063 --> 00:16:53,428 ในสังคมแบบที่ เป็นสังคมในแบบการทำแผนที่ 346 00:16:53,452 --> 00:16:57,995 ที่ผมมีเมื่อผมเป็นนักเรียนมัธยม และจากนั้นอีกครั้งเมื่อผมเข้าวิทยาลัย 347 00:16:58,019 --> 00:17:01,288 และเมื่อเป็นผู้ใหญ่ การกลับมาพบสังคมเหล่านั้น 348 00:17:01,312 --> 00:17:04,622 ได้แนะนำให้ผมรู้จักกับสังคมของผู้เรียนรู้ อีกครั้งหนึ่ง 349 00:17:04,646 --> 00:17:09,544 และมันได้ผลักดันให้ผมสานต่อ การเป็นผู้เรียน แม้ในช่วงที่ผมเป็นผู้ใหญ่ 350 00:17:09,568 --> 00:17:14,279 ฉะนั้น ผมไม่รู้สึกอีกแล้วว่า การเรียนเป็นสิ่งที่เป็นของคนหนุ่มสาวเท่านั้น 351 00:17:14,303 --> 00:17:16,526 วิ ฮาร์ท (Vi Hart) "นาทีฟิสิกส์" แนะนำให้ผม 352 00:17:16,550 --> 00:17:19,350 รู้จักกับสิ่งต่างๆ มากมายที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน 353 00:17:19,754 --> 00:17:21,433 และผมรู้ว่าเราทุกคนฟังอย่างสนใจ 354 00:17:21,457 --> 00:17:24,543 ถึงเรื่องราวของการชุมนุมสังสรรค์ของชาวปารีส ในยุคเรืองปัญญา 355 00:17:24,567 --> 00:17:26,596 หรือโต๊ะกลมของอินเดียนแดงแองกองคิน และหวังว่า 356 00:17:26,620 --> 00:17:28,745 "โอ้ ฉันฝันอยากเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาจัง 357 00:17:28,769 --> 00:17:31,614 ฉันอยากจะหัวเราะไปกับมุขตลกของ โดโรธี ปาร์คเกอร์" 358 00:17:31,638 --> 00:17:36,416 แต่ผมอยู่ตรงนี้เพื่อจะบอกคุณว่า สถานที่เหล่านั้นมีอยู่ พวกมันยังมีอยู่ 359 00:17:36,440 --> 00:17:40,969 พวกมันอยู่ในมุมต่างๆ ในอินเทอร์เนต ที่ซึ่งคนแก่ๆ ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป 360 00:17:40,993 --> 00:17:41,996 (เสียงหัวเราะ) 361 00:17:42,020 --> 00:17:48,845 และผมเชื่อจริงๆ เลยครับว่า เมื่อผมประดิษฐ์ แอ๊กโลว นิวยอร์ค ในยุค 1960 362 00:17:48,869 --> 00:17:52,667 เมื่อผมสร้าง แอ๊กโลว ขึ้นมาจริงๆ เพวาะเราเพิ่งเริ่มต้นกันเองครับ 363 00:17:53,246 --> 00:17:54,398 ขอบคุณครับ 364 00:17:54,422 --> 00:17:57,003 (เสียงปรบมือ)