WEBVTT 00:00:00.287 --> 00:00:04.534 ดังนั้นคุณเคยสงสัยมั้ย ว่าใครกันนะคิดค้นอินเทอร์เน็ต? 00:00:05.117 --> 00:00:08.274 บางคนได้กลายเป็นมหาเศรษฐี ต้องขอบคุณอินเทอร์เน็ต 00:00:08.594 --> 00:00:11.645 แต่ที่พวกเขาทำไม่ได้คิดค้นอะไร เพียงแต่ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างฉลาด 00:00:12.125 --> 00:00:15.957 ดังนั้นคนที่ "คิดค้นอินเทอร์เน็ต" ควรจะ โคตรมหาเศรษฐี 00:00:15.957 --> 00:00:17.939 สมควรแก่การพูดว่า, พระเจ้า พวกเขาไม่โคตรรวยหรือ? 00:00:18.799 --> 00:00:20.498 แล้วใครควรจะได้ชื่อว่า "คิดค้นอินเทอร์เน็ต" ล่ะ? 00:00:20.828 --> 00:00:23.039 เป็นเนิร์ดชาวอังกฤษ ในแลปใต้ดินที่สวิส? 00:00:23.469 --> 00:00:24.007 บางที 00:00:24.227 --> 00:00:27.527 ชาวอเมริกันแสนฉลาดที่ถูกคุกคามด้วย การทำลายล้างนิวเคลียร์โดยชาวรัสเซีย? 00:00:28.087 --> 00:00:28.775 เป็นความคิดที่ดี 00:00:29.385 --> 00:00:34.700 หรือว่า นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่ตัดสินใจที่จะเรียก เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของพวกเขาว่า "เลอ อินเทอร์เน็ต"? 00:00:34.980 --> 00:00:35.682 น่าสนใจ 00:00:36.542 --> 00:00:39.902 หรือมันต้องขอบคุณนักวิทยาศาสตร์มากมาย ที่ได้ทำบางสิ่ง 00:00:39.902 --> 00:00:43.818 ที่พวกเขารู้ว่าเป็นประโยชน์ แต่คิดไม่ถึงว่า มันจะขยายใหญ่ขนาดนี้? 00:00:51.198 --> 00:00:53.252 เอาล่ะ ลองฟังข้อเท็จจริง แบบตรงไปตรงมานะ 00:00:53.661 --> 00:00:57.708 อินเทอร์เน็ต หรือ กลุ่มเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อ กันและกันกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์อื่น ๆ 00:00:57.708 --> 00:01:01.954 แล้วจากนั้นก็มีเวิลด์ไวด์เว็บซึ่งเป็น วิธีการทำให้ง่ายต่อการแบ่งปัน 00:01:01.954 --> 00:01:05.391 ข้อมูล โดยใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดนั้นเอง 00:01:06.042 --> 00:01:10.046 อินเทอร์เน็ตที่เรารู้จักทุกวันนี้ เกิดและพัฒนามาอย่างน้อย 40 ปี 00:01:10.716 --> 00:01:14.970 เรื่องหนึ่งที่เป็นที่รู้กันแพร่หลายแบบผิดๆ ก็คือว่า อินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาโดยประเทศสหรัฐอเมริกา 00:01:14.970 --> 00:01:19.135 เพื่อให้พวกเขามีเครือข่ายการสื่อสารที่ จะมีชีวิตรอดสงครามนิวเคลียร์ 00:01:19.805 --> 00:01:23.753 ตามที่อ้างอิงโดยหนึ่งในผู้ก่อตั้ง เครือข่ายแรกที่อาร์พาเนตในปี 1960, 00:01:23.753 --> 00:01:27.767 การทดลองนี้ เครือข่ายแรกไม่ได้เกี่ยวกับ การสื่อสารเลย 00:01:27.767 --> 00:01:31.362 มันเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานหน่วยประมวลผล หรือระยะเวลาที่ทำงานร่วมกัน 00:01:31.362 --> 00:01:34.857 ซึ่งโดยทั่วไปหมายความว่านักวิทยาศาสตร์ สามารถแบ่งปันประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ด้วย 00:01:35.637 --> 00:01:40.283 นั่นเป็นเพราะจนถึงปี 1960 มันไม่มี เครือข่ายแต่คุณมีเครื่องคำนวณขนาดใหญ่ 00:01:40.283 --> 00:01:44.570 เรียกว่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ซึ่งตั้งอยู่ในห้อง และงานซึ่งประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ 00:01:44.570 --> 00:01:45.456 งานต่องาน 00:01:46.176 --> 00:01:49.903 การทำงานร่วมกัน คอมพิวเตอร์เหล่านี้อาจ ทำการประมวลผลงานได้หลายชิ้นพร้อมกันได้ 00:01:49.903 --> 00:01:53.667 ซึ่งหมายความว่าประสิทธิภาพของเครื่องสามารถนำมาใช้โดย นักวิทยาศาสตร์หลายคนพร้อมกันในครั้งเดียว 00:01:54.427 --> 00:01:57.570 และเห็นได้ชัดว่าเมื่อคุณเริ่มต้นการเชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน 00:01:57.570 --> 00:02:00.176 คุณเริ่มสงสัยเกี่ยวกับ สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ 00:02:00.176 --> 00:02:02.717 ที่จะทำให้การสื่อสาร ระหว่างพวกมันง่ายขึ้น 00:02:03.487 --> 00:02:06.530 นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังพยายามที่จะ แก้ปัญหานี้ 00:02:06.990 --> 00:02:10.586 ต่อมา มาดูที่แนวคิดอื่นๆที่สำคัญ ที่ได้ก่อตัวขึ้นที่ไหนสักแห่ง 00:02:11.427 --> 00:02:13.064 เริ่มต้นด้วยการสลับแพ็คเก็ต 00:02:13.424 --> 00:02:16.106 ในสหราชอาณาจักรมีเครือข่าย การเชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดย 00:02:16.106 --> 00:02:19.391 แลปกายภาพแห่งชาติ แต่ ไม่เคยได้แพ่งพราย 00:02:19.391 --> 00:02:20.944 เพราะมันไม่ได้รับการสนับสนุนเงินทุน 00:02:21.684 --> 00:02:25.103 แต่พวกเขาก็คิดไอเดียของ สลับแพ็คเก็ต, วิธีการหลีกเลี่ยง 00:02:25.103 --> 00:02:28.866 ความแออัดในเครือข่ายที่ไม่ว่างโดย ตัดข้อมูลที่ปลายด้านหนึ่งและ 00:02:28.866 --> 00:02:30.453 วางมันกลับมารวมกันที่อีกด้าน 00:02:31.463 --> 00:02:33.192 ฝรั่งเศสเองก็ยังมีบทบาทด้วย 00:02:33.392 --> 00:02:36.650 พวกเขากำลังทำงานบนเครือข่ายทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่าซิคลาดิส(CYCLADES) 00:02:36.650 --> 00:02:41.533 แต่พวกเขาไม่ได้มีงบประมาณขนาดใหญ่เพื่อให้พวกเขา ตัดสินใจที่จะทำงานในการเชื่อมต่อโดยตรง 00:02:41.533 --> 00:02:45.144 ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อเทียบกับการทำงาน กับคอมพิวเตอร์เกตเวย์ 00:02:45.894 --> 00:02:49.696 ตอนนี้ ต้องขอยอมรับเลยว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นวิทยาศาสตร์มาก 00:02:49.696 --> 00:02:54.820 แต่ตามทฤษฎีหนึ่ง งานวิจัยของพวกเขางานหนึ่ง ที่แยกออกมาคือชื่อว่า "อินเทอร์เน็ต" 00:02:55.420 --> 00:02:57.468 แต่คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้เรื่องนี้ ถ้าคุณไม่อยากที่จะเชื่อ 00:02:58.318 --> 00:03:00.615 เอาล่ะ ทีนี้ ก็ตอนต้นปี 1970 00:03:00.815 --> 00:03:03.680 มีโครงสร้างพื้นฐานแบบเป็นคอมพิวเตอร์ อยู่มาก แต่ขาดการสื่อสารระหว่างกัน 00:03:03.680 --> 00:03:07.489 เป็นที่น่าอึดอัดใจและเป็นจุดด้อย เพราะ เครือข่ายที่แตกต่างกันไม่สามารถสื่อสารกันได้ 00:03:08.239 --> 00:03:10.823 TCP/IP แก้ปัญหานี้ได้ 00:03:11.273 --> 00:03:15.585 โปรโตคอล TCP/IP ทำให้เกิดรูปแบบพื้นฐาน ภาษาสื่อสารของอินเทอร์เน็ต 00:03:15.585 --> 00:03:18.336 ซึ่งทำป้ายกำกับที่แพ็คเก็ตของข้อมูล และทำให้แน่ใจว่า 00:03:18.336 --> 00:03:21.329 แม้ว่าบางชิ้นส่วนของข้อมูลเดียวกัน ใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน 00:03:21.329 --> 00:03:24.990 พวกมันทั้งหมดมาถึงที่ปลายทางและ สามารถประกอบเป็นข้อมูลที่ส่งมาได้ 00:03:25.690 --> 00:03:29.500 เครือข่ายจริงๆเริ่มการสื่อสาร กับแต่ละที่ต่าง ๆ กัน ในปี 1975 00:03:29.500 --> 00:03:32.618 คุณสามารถอ้างว่า นี่ต่างหากล่ะ เป็นจุดเริ่มต้นของอินเทอร์เน็ตจริงๆ 00:03:33.248 --> 00:03:35.185 อีเมลก็เป็นสิ่งสำคัญมาก 00:03:35.255 --> 00:03:37.534 มันได้รับการพัฒนาในปี 1972 สำหรับอาร์พาเนต 00:03:38.324 --> 00:03:42.959 การจราจรทางอินเทอร์เน็ตที่มากที่สุดในปี 1976 คืออีเมล เนื่องจากนักวิชาการแลกเปลี่ยนความคิดกันและกัน 00:03:42.959 --> 00:03:45.252 ผ่านโน้ตทางอิเล็กทรอนิกส์ จนจราจรข้อมูลติดขัด 00:03:46.142 --> 00:03:49.965 เครือข่ายที่สามารถพูดคุยกันได้นี้ ทำให้การสื่อสารกลายเป็นเรื่องง่าย 00:03:50.525 --> 00:03:55.351 แต่ทั้งหมดนี้คือสื่อสารแบบข้อความล้วน และตัวหนังสือล้วนมันก็ไม่สวยเลยเวลาที่อ่าน 00:03:56.321 --> 00:03:58.931 ในช่วงปี 1980 ชาวอังกฤษชื่อว่า ทิโมธี เบิร์นเนอร์-ลี 00:03:58.931 --> 00:04:02.808 ทำงานอยู่กับเซิร์น องค์การเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป 00:04:02.808 --> 00:04:07.143 ที่นักฟิสิกส์กำลังพยายามที่จะไขคำตอบว่า จักรวาลประกอบด้วยอะไรบ้าง 00:04:07.623 --> 00:04:11.190 เขาต้องการที่จะจัดการข้อมูล ระหว่างกันของนักวิทยาศาสตร์และ 00:04:11.190 --> 00:04:13.346 ทำให้เกิดการแบ่งปันและเชื่อมต่อ งานระหว่างกันได้อย่างง่ายดาย 00:04:13.346 --> 00:04:15.511 ทำให้งานพวกเขามีความคืบหน้าได้มากขึ้น 00:04:16.301 --> 00:04:21.575 เขาทำเช่นนั้นได้โดยการคิดค้นอินเตอร์เฟซ ซึ่งใช้ HTTP, HTML และ URLs 00:04:21.575 --> 00:04:23.734 ทำให้เกิดเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตขึ้นมาได้ 00:04:24.164 --> 00:04:26.713 เขาเรียกว่าเบราว์เซอร์ของเขาว่าเวิลด์ไวด์เว็บ 00:04:26.933 --> 00:04:31.390 ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดค้นอินเทอร์เน็ต แต่เขาก็คิดค้นเว็บ 00:04:31.950 --> 00:04:37.217 เว็บไซต์ที่เขาสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก อยู่ที่เซิร์นในประเทศฝรั่งเศสในสิงหาคม 1991 00:04:37.827 --> 00:04:40.290 ดังนั้นเมื่อโครงสร้างพื้นฐานเริ่มต้น อยู่เข้าที่เข้าทางแล้ว 00:04:40.290 --> 00:04:42.249 เทคโนโลยีที่สำคัญก็ถูกคิดค้น 00:04:42.249 --> 00:04:45.217 กระดานข้อความ(บอร์ด)ทางอินเทอร์เน็ต เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดในช่วงยุค 80 00:04:45.217 --> 00:04:48.563 บริษัทโทรศัพท์เห็นโอกาสในเชิงพาณิชย์ ของศักยภาพของการสื่อสารดิจิตอล 00:04:48.563 --> 00:04:51.905 เว็บเบราเซอร์แพร่กระจายอย่างรวดเร็วใน ช่วงต้นทศวรรษ 1990 00:04:51.905 --> 00:04:53.734 และคนธรรมดาก็ใช้อีเมล 00:04:53.734 --> 00:04:57.371 แล้วอินเทอร์เน็ตขยาย ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง 00:04:57.371 --> 00:05:01.083 และกลายเป็นใช้การงานอย่างแพร่หลาย จากประมาณปี 1995 เป็นต้นมา 00:05:01.963 --> 00:05:05.714 แต่เดี๋ยวก่อน แล้วรองประธานาธิบดีอัลกอของอเมริกา คิดค้นอินเทอร์เน็ตไม่ใช่หรือ? 00:05:06.204 --> 00:05:07.195 เอ่อ... ไม่น่าใช่นะ 00:05:07.365 --> 00:05:11.512 และถ้าคุณอ่านสิ่งที่เขากล่าว คุณจะรู้ว่าเขาไม่เคยอ้างว่าได้คิดค้นนะ 00:05:11.992 --> 00:05:15.403 แต่มีหลายคนให้เครดิตเขาเนื่องด้วย เขาผลักดันการออกกฎหมาย 00:05:15.403 --> 00:05:17.556 ที่สนับสนุนการแพร่หลาย ของอินเทอร์เน็ต 00:05:18.676 --> 00:05:21.762 อินเทอร์เน็ตนั้นคงมีอยู่เพราะเรา ต้องการสื่อสาร 00:05:21.762 --> 00:05:24.252 และพวกเราส่วนใหญ่ต้องการที่จะสื่อสาร 00:05:24.782 --> 00:05:28.123 นั่นเป็นเหตุผลที่มนุษย์ได้กลายเป็น สายพันธุ์ที่ครองโลก 00:05:28.743 --> 00:05:32.538 คุณสามารถพิจารณาว่าอินเทอร์เน็ตเป็น อีกขั้นหนึ่งของวิวัฒนาการธรรมชาติ 00:05:32.538 --> 00:05:35.581 และการแสดงออกถึงความจำเป็นที่จะต้องวิวัฒนาการก็ได้ 00:05:36.141 --> 00:05:38.672 อินเทอร์เน็ตไม่ได้ถูกคิดค้นโดยใครคนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่ง 00:05:38.672 --> 00:05:42.345 แต่เมื่อหน่วยโครงสร้างพื้นฐานถูกวาง เข้าด้วยกันโดยหลายๆ กลุ่มนักวิทยาศาสตร์สุดเจ๋ง 00:05:42.345 --> 00:05:45.988 จากทั่วทุกมุมโลก อินเทอร์เน็ต กลายเป็นเครื่องมือสื่อสาร 00:05:45.988 --> 00:05:50.526 เครื่องมือค้าปลีก เครื่องมือในการวิจัย เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อ เครื่องมือสอดแนม 00:05:50.526 --> 00:05:53.923 เครื่องมือการช้อปปิ้ง เครื่องมือออกเดท เครื่องมือเพื่อความบันเทิง 00:05:53.923 --> 00:05:57.958 และวิถีการโดดงานในขณะที่ทำให้ดูเหมือนว่า คุณกำลังทำงานหรือเรียนอยู่ 00:05:57.958 --> 00:05:59.976 ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณอาจจะทำอยู่ตอนนี้ 00:06:00.316 --> 00:06:04.673 ในที่สุดแล้ว แม้ว่าคุณกำลังสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณแสดงความคิดเห็น 00:06:04.673 --> 00:06:07.487 และนั่นอาจทำให้คุณเป็น เป็นมนุษย์ที่ดีขึ้น 00:06:08.487 --> 00:06:15.000 คำบรรยายโดยชุมชน Amara.org: ytuaeb sciencemath