สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะในทุกวันพุธที่วิวจะนำเอา บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับพระราชนิพนธ์ใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เล่มนี้มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ ซึ่งบอกเลยนะคะว่าตอนนี้หลังจากที่เราผ่านพ้นความ งี่เง่าของพระรามมามากมายแล้วนะคะ บอกเลยว่าตอนนี้พระรามจะงี่เง่าถึงขีดสุดเลยค่ะ เรียกได้ว่าความงี่เง่าทั้งหมดนี่ ระเบิดบึ้มมาในคลิปเดียวเลยนะคะ ดังนั้นเราไม่ต้องเกริ่นเยอะนะคะ เข้าไปฟังกันเลยดีกว่าค่ะ พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้ง สนุกแล้วก็ได้สาระกันรึยังคะ ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ ความเดิมจากตอนที่แล้วจำกันได้ใช่ไหมคะ พระรามเนี่ยขอลูกทั้งสองจากนางสีดาค่ะ เพราะว่าคาดหวังว่า นางสีดาจะทนคิดถึงลูกไม่ไหว แล้วก็ยอมกลับมาอยู่กับตัวเองนะคะ แต่นางสีดาเนี่ยใจแข็งมากๆค่ะ ดังนั้นพระรามก็เลยพาลูกทั้งสองนะคะ เข้าเมืองไปค่ะ เมื่อไปถึงเมืองนะคะ แน่นอนว่าพระรามก็จะต้องพาลูกๆเนี่ย ไปแนะนำให้กับย่าๆทั้งหลายรู้จักค่ะ นั่นก็คือแม่ๆทั้งสามของตัวเองน่ะนะ ซึ่งแม่ๆทั้งสามนี่ก็รับเลี้ยงหลานขึ้นมาอย่างดี ว่าอย่างนั้นเถอะ เรียกได้ว่าร้องไห้ฟูมฟายทันทีที่เจอหน้ากันนะคะ ประมาณว่า โถ หลานรัก นี่ ย่าก็ไม่ได้คิดเลยนะว่าจะยอมให้พ่อเขาไปฆ่าแม่ คืนนั้นน่ะพ่อเขารีบสั่งฆ่าแม่ไป ย่าไม่รู้เรื่องเลย มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ย่าเนี่ยร้องห่มร้องไห้หนักมาก เอาเป็นว่าเจ้ามาอยู่เป็นหลานของย่าแล้วกันนะ แน่นอนนะคะว่าหลังจากพระรามพาลูกเข้ามาแล้วเนี่ย ชาวบ้านชาวเมืองอะไรก็ดีใจกันไปหมดเลยค่ะ เพราะว่าก็ตอนแรกก็สงสารเด็กอยู่แล้วไง ที่แบบพระรามเอาเด็กมาทรมานทรกรรม แต่พอรู้ว่าเป็นลูกพระราม อ่าว ในที่สุดพระรามก็มีลูกแล้ว ทุกคนก็ดีใจเฉลิมฉลองกันนะคะ และแน่นอนว่าพระรามก็จะต้อง ไปหาโหรค่ะมาแล้วก็มาทำนายอะไรต่างๆว่า วันไหนดีนะที่จะเป็นฤกษ์อันดี ที่จะให้สมโภชลูก จัดงานเฉลิมฉลอง แต่งตั้งเป็นเหมือนกับว่า เป็นทายาทของเมืองประมาณนั้นค่ะ ซึ่งโหรนี่ก็ทำนายอะไรต่างๆให้นะคะ หาฤกษ์พานาทีหาวันมาได้เรียบร้อย ก็จัดงานเฉลิมฉลองใหญ่โตค่ะ และพระรามนะคะก็ให้ข้ารับใช้เด็กๆไป เรียกได้ว่าเยอะมากนะทุกคน ได้แก่ หาผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงชั้นสูง เรียกได้ว่าประมาณ 128 คนได้นะคะ ก็เยอะมากนะ ให้มาเป็นพี่เลี้ยงของเด็กๆค่ะ ก็คือมีพี่เลี้ยง 128 คน เรียกได้ว่าไม่ต้องแอบทำไรเลยนะชีวิตนี้ คือจะเดินไปล้มนี่แทบจะเอาพี่เลี้ยง เดินไปเอาตัวรองรับกันได้เลยนะคะ เท่านั้นยังไม่พอค่ะ คิดว่าพี่เลี้ยงเยอะแล้วใช่ไหม พระรามนะคะจัดพวกสาวๆ ให้มาเป็นสาวใช้ของเด็กๆเนี่ยนะคะ ทั้งหมดสิบร้อยคน นั่นก็คือสิบคูณร้อยได้เท่ากับ 1,000 คนค่ะ อู้หู รู้สึกว่าเยอะแล้วนะ ก็มีสาวๆให้เลือกใช้เต็มไปหมด อยากทำอะไรเรียกได้ว่า นอนอยู่เฉยๆ กระดิกนิ้วก็พออะ ไม่ต้องขยับไปไหนเลยนะคะ ถ้าคิดว่านี่เยอะแล้ว ที่เยอะกว่านั้นก็คือ เพื่อนเล่นค่ะ คือพระรามเนี่ยนะพยายามไปเกณฑ์เด็กต่างๆมาค่ะ บอกว่าไปหาเด็กที่มีชาติตระกูลดี ที่อายุสิบขวบพอดีเป๊ะ เอามาให้เท่ากับลูกข้าเนี่ยนะ มาให้ได้เยอะๆเลยมาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกข้า ซึ่งถามว่าพระรามไปเอาเด็กสิบขวบมากี่คน ลองเดากันไหมพระรามไปหามากี่คน หนึ่ง สอง สาม เดากันไม่ถูกหรอกค่ะ เพราะว่า พระรามไปหาเด็กๆ มาให้เป็นเพื่อนเล่นของลูกตัวเองเนี่ยนะคะ ทั้งหมด 16,000 คนค่ะ เรียกได้ว่าเยอะมาก และเอาจริงๆทำให้วิวสงสัยเลยนะว่า ประชากรกรุงศรีอยุธยานี่มีกี่คนกันแน่ คือเอาแค่เด็กที่อายุสิบขวบและมีชาติตระกูลดี ก็มีทั้งหมดหมื่นหกพันคนแล้วอะ แล้วเด็กที่มันอายุอื่นนี่มันจะมีกี่คน แล้วนี่ยังไม่นับรวมพวกชาติตระกูลไม่ดี แล้วยังไม่รวมพวกผู้ใหญ่ คนแก่ โอ้โห เรียกได้ว่า population ของเมืองนี้นี่ น่าจะโหดพอสมควรเลยนะทุกคน อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ เราข้ามเรื่องนี้ไปดีกว่านะ หลังจากจัดงานสมโภชอะไรต่างๆนะคะ เด็กๆก็อยู่กับพ่อมาเรื่อยๆค่ะ จนกระทั่งเวลาผ่านไปทั้งหมด 3 ปีนะคะ ตอนนี้เด็กอายุได้ 13 ปีแล้ว เอาจริงๆทุกวันเนี่ยเด็กๆก็ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายทุกวันค่ะ ประมาณว่าคิดถึงแม่ไง คือทั้งชีวิตอยู่กับแม่ ไม่เคยอยู่กับพ่อ ก็รู้สึกว่าตัวเองขาดพ่อ แต่พอมีพ่อ อ่าว ดันขาดแม่อีก ซึ่งเอาจริงๆระหว่างพ่อกับแม่ คุ้นกับใครมากกว่า ก็คุ้นกับแม่มากกว่าเพราะว่า อยู่กับแม่มาทั้งชีวิต ดังนั้นนะคะก็มีความร้องห่มร้องไห้หาแม่ทุกวันค่ะ จนกระทั่งวันนึงนะคะผ่านไป 3 ปีแล้ว เด็กๆก็ร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องนอนพ่อ จนกระทั่งพระรามเนี่ยนะคะอนุญาตค่ะบอกว่า อะ ลูกๆ อยากไปเยี่ยมแม่ใช่ไหม ก็ไปเยี่ยมสิ แต่ว่าไปเยี่ยมแล้วเนี่ยนะ ฝากบอกแม่ว่าพ่อเนี่ยเสียใจมาก ร้องห่มร้องไห้ทุกวันเลย อยากให้แม่มาอยู่ด้วยกัน พ่อเนี่ยจะตายให้ได้ อยากจะฆ่าตัวตายหนีไป เพราะว่าแม่ไม่ยอมมาอยู่กับพ่อนะคะ เด็กๆก็รับคำพ่อค่ะแล้วก็จัดทัพใหญ่โตนะคะ แล้วก็ยกแห่กันออกไปมีนางสนมกำนัลต่างๆ แห่ไปในป่านะคะ ไปถึงกุฏิก็ไปไหว้พระเจ้าตาก่อน ไหว้ๆ เสร็จปุ๊บ เด็กๆเนี่ยนะคะก็เข้าไปหาแม่ค่ะ ก็เข้าไปกอดกับแม่ ร้องห่มร้องไห้กันใหญ่โต เรียกได้ว่าก็คิดถึงกันว่าอย่างนั้นเถอะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดนี่คะ ร้องห่มร้องไห้เสร็จแม่ก็ถามว่า เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมลูก ลูกก็บอกว่าสบายดีแต่ว่าก็คิดถึงแม่ อะไรประมาณนี้ แต่มันมีข้อนึง คือพ่อเนี่ยไม่สบายเลย พ่อเสียใจร้องห่มร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ อยากให้แม่กลับไปอยู่ด้วย นางสีดาก็มีความแบบ ไม่อะลูก ไม่ ไม่ แม่ไม่กลับ แม่ไม่กลับหรอก ซึ่งลูกนะคะก็มีความแบบรับคำพ่อมาไง ก็บอกแม่ประมาณว่า แม่ แต่ถ้าแม่ไม่กลับนะ พ่ออาจจะฆ่าตัวตายก็ได้เพราะว่า พ่อเนี่ยเสียใจมาก พ่อดูแบบว่าซึมเศร้าอะไรอย่างนี้ คือดูแบบไม่โอเคแล้ว ไม่อยู่ในสถานการณ์ปกติ นางสีดานะคะด้วยความโกรธก็เลยบอกไปประมาณว่า อยากตายก็ตายไปสิ เอาเป็นว่าถ้าตายเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน แม่ก็จะเข้าไปทำศพ ไปดูไฟที่เขาเผาศพแล้วกัน สำหรับตอนนี้ เจ้ากลับไปเถอะ แม่ไม่กลับไปด้วยหรอก ซึ่งลูกๆนะคะก็พยายามจะโน้มน้าวแม่ต่างๆนานา นางสีดาก็ไม่ยอมค่ะ ถึงขนาดที่พวกเหล่าสาวสนมกำนัลต่างๆ ร้องห่มร้องไห้ให้นางสีดาว่าแบบ โอ้ย ทำไมนางสีดามาทรมานทรกรรมอยู่ในกุฏิริมป่าแบบนี้ อาหารการกินก็ไม่อุดมสมบูรณ์ แต่งกายก็ไม่สวย รับไม่ได้เลย ลูกก็พยายามบอกว่าเอาสนมกำนัลเอาไว้รับใช้ไหม เอาคนรับใช้มาไว้ที่นี่ นางสีดาก็บอกว่าไม่เอา แม่ไม่อยากได้อะไรแม้แต่อย่างเดียว ลูกกลับไปเถอะ อะไรที่เป็นของพ่อ แม่ไม่อยากได้นะคะ ดังนั้นค่ะลูกๆก็เลยจำเป็นจะต้อง เดินทางกลับเมืองไปค่ะ แน่นอนนะคะพอพระลบกับพระมงกุฎ ไม่สามารถโน้มน้าวจิตใจแม่ได้ ทั้งสองคนก็เลยกลับบ้านไปมือเปล่านะคะ ไปถึงพ่อก็ถามว่า เอ่า เป็นยังไงลูก ไปคุยกับแม่มาสำเร็จไหม ได้แบบที่พ่อบอกหรือเปล่า แม่ยอมรึเปล่านะคะ พระลบกับพระมงกุฎก็เลย เล่าคำพูดของนางสีดาทั้งหมดให้พระรามฟังค่ะว่า อ๋อ เสด็จแม่เนี่ยไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม เอานางกำนัลให้ก็ไม่เอา บอกว่าพ่อจะฆ่าตัวตายก็บอกว่า ก็ฆ่าตัวตายไปสิเดี๋ยวมาดูงานศพ ดังนั้นพระรามก็เลยเหมือนกับได้ไอเดียค่ะประมาณว่า เอาแล้ว ขนาดนี้เลยเหรอ ทำยังไงดี ทำยังไงให้นางกลับมานะ เอาแบบนี้ดีกว่า ว่าแล้วนะคะพระรามก็เลย เรียกประชุมเหล่าน้องๆทั้งสามของตัวเองค่ะ แล้วก็เรียกหนุมานเข้ามาด้วยนะคะแล้วก็บอกว่า เอาล่ะ ตอนนี้ข้ามีปัญหาระดับประเทศ ยิ่งใหญ่มากเรื่องนึง นั่นก็คือ เมียข้าไม่กลับบ้าน ข้าต้องการให้เมียกลับบ้าน เราจะต้องเซ็ตสถานการณ์นึงขึ้นมานั่นก็คือ ข้าจะแกล้งตาย เพราะว่าถ้าข้าแกล้งตายเนี่ย นางสีดาก็จะต้องมางานศพ ข้าก็จะได้เจอเมียไงล่ะ พวกเจ้าทั้งสามจะต้องช่วยข้า เอาเป็นว่าห้ามให้ใครนอกจากพวกเราตรงนี้ รู้เลยนะว่าข้าไม่ได้ตายจริง เอาล่ะหนุมาน เริ่มได้ หนุมานนะคะก็เริ่มจากการเนรมิต พระเมรุอะไรต่างๆขึ้นมาใหญ่โต เรียกได้ว่าจัดงานแบบ พระราชพิธีพระบรมศพใหญ่ๆเนี่ยนะคะ ขึ้นมาได้ด้วยการเสกปิ๊งเดียวแค่นี้เลยค่ะ ฝีมือหนุมานนะคะ เสร็จแล้วค่ะพระรามก็บอกว่า ให้น้องๆของตัวเองเนี่ย พาพระมงกุฎกับพระลบไปเที่ยวเล่นที่ไหนก่อนก็ได้ อย่าให้มารู้เรื่องนี้ ว่าแล้วนะคะพระรามก็ไปแอบอยู่หลังพระเมรุค่ะ ส่วนหนุมานก็เหาะไปนะคะ ไปที่กุฏิของนางสีดาค่ะ ไปถึงก็ร้องห่มร้องไห้ใหญ่โตนะคะ ฟูมฟายหนักมากนะคะ นางสีดาก็ถามว่า หนุมาน ท่านเป็นอะไร มาร้องห่มร้องไห้อยู่ตรงนี้ เกิดอะไรขึ้นเล่าให้ข้าฟังซิ หนุมานนะคะก็เลยบีบน้ำตาค่ะ แล้วก็เล่าให้นางสีดาฟังนะคะประมาณว่า พระแม่เจ้า เรื่องมันเศร้ามากๆ คือ ท่านจำได้ใช่ไหมตั้งแต่วันที่ท่านกับพระรามจากกัน แล้วพระรามรู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ พระรามก็กินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอด อยากให้ท่านกลับเมือง ก็ร้องห่มร้องไห้ทุกวัน จนในที่สุดวันนึงพระรามก็ทนไม่ไหว ก็เลยใช้ลูกๆเนี่ยมาตามท่านกลับไป แต่ปรากฏว่า ท่านดันใช้วาจารุนแรง ไม่มีเทคนิคทางจิตวิทยาใดๆ ไล่ให้พระรามไปตาย ทำไมไม่บอกให้พระรามไปปรึกษาจิตแพทย์ ทำไมท่านถึงไม่โอ๋พระรามเลย ท่านไม่รู้เหรอว่าคนจะฆ่าตัวตาย อย่าไปยุให้เขาฆ่าตัวตาย ตอนนี้พระรามได้ยินคำพูดของท่าน ก็เลยตรอมใจตายไปเรียบร้อยแล้วนะคะ นางสีดาได้ยินแบบนั้นนะคะ นางสีดาร้องไห้ขึ้นมาทันทีประมาณว่า อะไร เกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ยังไง ทำไม ทำไมพระรามถึงตาย แล้วอย่างนี้จะเป็นยังไงต่อไป อ่าว แย่แล้ว พระรามอวตารลงมาปราบยักษ์ แล้วตอนนี้เหล่ายักษ์เหล่าอสูรต่างๆ จะอาละวาดทั้งโลกไหม โอ๊ย จะเป็นยังไงนะ หนุมาน ข้าจะต้องไปงานศพพระรามใช่ไหม หนุมานก็บอกว่า ใช่ ตอนนี้พระรามจัดงานพระเมรุเรียบร้อยแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้เผาเพราะว่า ทุกคนบอกว่าให้หยุดรอท่านไปเผาก่อน นางสีดาก็บอกว่าได้ๆ ข้าจะไปงานศพพระรามนะ ซึ่งหนุมานก็บอกว่าเอางี้ เดินทางไปตอนนี้น่าจะไม่ทัน ท่านก็ขึ้นมือข้าแล้วกัน เดี๋ยวข้าทูนไปบนหัวเหมือนตอนที่ ทศกัณฐ์เนี่ยทูนพระแม่อุมาไปนะ จะได้ไม่ผิดผี ไม่อะไรทั้งสิ้น แล้วเดี๋ยวเรารีบเดินทางไปที่กรุงศรีอยุธยากัน นางสีดานะคะก็เชื่อค่ะ ก็รีบเดินทางไปที่กรุงศรีอยุธยา พอไปถึงนะคะ นางสีดาวิ่งเข้าไปก่อนเลยค่ะ วิ่งเข้าไปที่หน้าพระเมรุ ร้องห่มร้องไห้นะคะหนักมากประมาณว่า โถ ท่านก็ เราก็คู่ทุกข์คู่ยากกันมาตั้งนาน ผิดใจกันนิดหน่อย ไม่น่ารีบไปตายเลย ร้องไห้นะคะ ร้องไห้ ร้องๆๆ เรียกได้ว่าร้องหนักมาก คนในเมืองก็ร้องไห้กันทั้งเมือง คือไม่มีใครรู้ไงว่านี่งานศพปลอม นึกออกปะ ทุกคนก็นึกว่าพระรามตายแล้วจริงๆ ก็ร้องห่มร้องไห้บิ๊วอารมณ์กันไปนะคะ จนกระทั่งในที่สุดค่ะ แน่นอนตามสเต็ปเรื่องรามเกียรติ์ปกติ นางสีดาก็จะต้องร้องห่มร้องไห้จนกระทั่ง สลบไปตรงนั้นนะคะ ซึ่งพระรามอะ แอบอยู่หลังพระเมรุ เห็นนางสีดาสลบ ก็ตกใจนึกว่านางสีดาตายตามตัวเอง แบบ Romeo & Juliet นะคะ พระรามก็เลยรีบวิ่งออกมาค่ะ ช้อนหัวนางสีดาขึ้นมาวางบนตักตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ประมาณว่าแบบ สีดา สีดาของพี่อย่าเพิ่งตาย สีดา สีดาลุกขึ้นมาคุยกับพี่ก่อน คือเข้าใจว่านางสีดาตาย ปรากฏว่านางสีดาเนี่ยนะคะฟื้นง่ายกว่าที่คิดค่ะ คือปกติเนี่ยมันจะต้องมีการแบบ ประพรมน้ำอะไรอย่างนี้ เอากลิ่นหอมๆมาให้ดมถึงจะฟื้น แต่นางสีดานี่ไปฝึกตัวเองอยู่ในป่ามาสิบกว่าปีแล้วนะ เรียกได้ว่าแกร่งว่าอย่างนั้นเถอะ พระรามแค่ช้อนตัวขึ้นมานิดเดียว นางสีดาก็ฟื้นค่ะ ฟื้นมาปุ๊บเห็นหน้าพระราม นางสีดาแบบ ฮึ่ย นี่อะไร นี่ยังไม่ตายเหรอ นี่หลอกฉันเหรอ ฮะ กล้าดียังไงมาหลอกฉันว่าตัวเองตาย เพื่อจะให้ฉันเข้ามาเจอ แล้วปล่อยคนร้องไห้ทั้งเมืองนี่มันเกินไปแล้วนะพระราม นางสีดาโกรธมากนะคะก็เลยวิ่งหนีไปเลยค่ะ ฝั่งพระรามเนี่ยก็พยายามตามง้อนางสีดานะคะ ก็วิ่งไล่ตามกันไป เรียกได้ว่าสองฝั่งนี่ก็เล่นวิ่งไล่จับกันนะคะ วิ่งตุ๊กๆๆๆๆๆ ไล่จับกันไปเรื่อยๆค่ะ พระรามพยายามง้อยังไง นางสีดาก็บอกว่าไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่กลับ ฉันไม่กลับ พระรามก็วิ่งตามไม่ทันนะคะ สุดท้ายค่ะพระรามก็เลยตะโกนออกไปบอกว่า เฮ้ย น้องๆทั้งสามและหนุมาน มาช่วยข้าจับนางสีดาหน่อย อู้หู จับคนเดียวยังไม่พอนะ เรียกน้องๆกับหนุมานมาวิ่งไล่จับด้วย เรียกได้ว่าตอนนี้แทบจะแบบเล่นแปะแข็งกัน อะไรประมาณอย่างนี้เลยนะในพระเมรุนะคะ ทุกคนก็มาวิ่งไล่จับนางสีดาค่ะ วิ่งกันมั่วไปหมด พระพรตกั้นตรงนี้ พระลักษมณ์กั้นตรงนั้น หนุมานกั้นตรงนู้น เรียกได้ว่าตัว overpower ทั้งหลาย มารุมกันจับผู้หญิงคนเดียวอะ นางสีดาก็วิ่งหนีไปทางไหนก็ไม่ได้นะคะ หนีไปทางนั้นก็ติดพระลักษมณ์ หนีไปทางนี้ก็ติดพระสัตรุด หนีไปทางนี้ก็ติดพระพรต หนีไปทางนั้นก็ติดหนุมาน พระรามก็วิ่งมาข้างหลัง ทำอะไรไม่ถูกค่ะ ดังนั้นนางสีดาก็เลย ยกมือขึ้นพนมนะคะแล้วก็บอกว่า ด้วยความสัตย์ของข้าซึ่งไม่เคยนอกใจพระราม ไม่เคยโกหก ไม่เคยอะไรเลย ขอให้ข้าสามารถหนีไปที่เมืองบาดาลได้ด้วยเถอะ จังหวะนั้นเองนะคะพระรามก็ วิ่งมาถึงตัวนางสีดาพอดีค่ะ ก็คว้ามือนางสีดาได้ ฟึ่บ แต่นางสีดาเนี่ยนะคะสะบัดค่ะแบบ ไม่ อย่ามาจับมือฉัน แล้วนางสีดาก็แทรกแผ่นดิน ลงไปที่เมืองบาดาลทันทีนะคะ ฟึ่บ เรียกได้ว่าหายไปต่อหน้าต่อตาพระรามเลยค่ะ ทำให้พระรามตกใจมากนะคะ ส่วนนางสีดาเนี่ย ก็ลงไปที่ท้องพระโรงของเมืองบาดาลเลยนะคะ ซึ่งมีพญานาคตนนึงเนี่ยเป็นเจ้าเมืองอะนะ กำลังว่าราชการต่างๆอยู่ค่ะ อยู่ดีๆก็เห็นมนุษย์ผู้หญิงคนนึงลงมา สวยมากก็เลยถามว่า อ้าว เจ้าเป็นใครมาจากไหน เจ้ามนุษย์ เจ้ามาทำอะไรที่เมืองบาดาลของเรา นางสีดานะคะก็เลยเล่าเรื่องราว ชีวิตของตัวเองทั้งหมดค่ะ ให้กับพญานาคฟัง เรียกได้ว่าเล่ายาวมากนะคะทุกคน เล่ามาตั้งแต่ EP.1 ของเรื่องนี้มาจนถึง EP ปัจจุบันเลยทีเดียวก็ร้อยกว่าตอนแล้วนะคะ อย่างไรก็ตามค่ะ เราจะไม่เล่าซ้ำนะ ใครอยากรู้ก็กดไปดูซ้ำได้ที่มุมขวาบนแถวนั้นนะคะ ชี้ผิดด้านหรือเปล่าเนี่ย ช่างมันค่ะ เอาเป็นว่าหลังจากเล่าเสร็จนะคะ นางสีดาก็บอกว่า อะนั่นแหละ เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของข้า สีดาหรือว่าพระลักษมีอวตารนั่นเอง ซึ่งพญานาคเนี่ยนะคะ พอได้ยินแบบนั้นก็ตกใจค่ะ เพราะว่าพญานาคนี่ก็เป็นเหมือน ข้ารับใช้พระนารายณ์ว่าอย่างนั้นเถอะ เจอพระลักษมีตัวจริงเข้าไปนะคะ ก็แทบจะก้มกราบทันทีบอกว่า ท่านอยากอยู่ปราสาทของข้า เชิญตามสบายเลยจ้า อยากอยู่ตรงไหน เชิญ ข้าจะเลี้ยงอย่างดีนะคะ พญานาคก็จัดปราสาท จัดบัลลังก์ให้นางสีดา เรียกได้ว่าอยู่ดีมีสุข แฮปปี้กระดี๊กระด๊ามากๆ หรูหราฟู่ฟ่าอย่างยิ่งยวดนะคะ เอาจริงๆถ้าเป็นนางสีดาคงสงสัยว่า แล้วฉันจะทนไปอยู่กระท่อมพระฤๅษีทำไม ถ้ารู้อย่างนี้ฉันก็สวดมงสวดมนต์อย่างนี้ ตั้งแต่ตอนที่พระรามจะฆ่าฉันแล้วไหม ตั้งแต่ตอนกรุงศรีอยุธยาเมื่อ 13 ปีก่อนนู้น คงแบบว่าขอไปอยู่กับพญานาคเถอะจ้า ฟุ่บ ลงมาเลย ก็น่าจะชีวิตดี ไม่ต้องไปอยู่กับพระฤๅษี ทรมานทรกรรมนะคะ อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวนะ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นนะคะ พระรามก็เป็นห่วงว่านางสีดาหายตัวไปไหน ไปอยู่ที่บาดาลจะมีใครดูแลรึเปล่านะคะ ก็เลยส่งหนุมานลงมาดูค่ะ ปรากฏว่าหนุมานเนี่ยลงมาถึงก็ ไม่กล้าพูดอะไรนะคะ กลัวนางสีดามาก เพราะว่าตัวเองมีความผิดชนักปักหลังอยู่ไง ก็เลยหมอบอยู่อย่างนั้นไม่กล้าพูดอะไรนะคะ เล่นเอานางสีดาเนี่ยด่าหนุมานเช็ดเลยค่ะ ใครคิดว่านางสีดาด่าไม่เป็น นางสีดาด่าเป็นนะคะทุกคน แล้วตรงนี้ขออ่านให้ฟังนิดนึงค่ะ เผื่อว่าใครชอบบทด่าแซ่บๆนะคะ นางสีดาด่าหนุมานว่าอะไร นางสีดาบอกว่า เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดพิสมัย เสด็จอยู่กลางหมู่อนงค์ใน อรไทเหลือบเห็นหนุมาน ให้ขัดแค้นแน่นทรวงดวงจิต ดั่งเพลิงพิษร้อนเร่าเผาผลาญ จึ่งมีวาจาด่าประจาน เหวยไอ้เดียรัจฉานใจฉกรรจ์ มึงแกล้งแต่งกลไปโศกา ว่าพระจักราอาสัญ มิรู้เจ้าข้ากับน้องนั้น ร่วมคิดด้วยกันไม่อายคน เห็นกูผู้เดียวเป็นหญิง ต่างวิ่งไล่จับสับสน หากว่าแผ่นพื้นสุธาดล ให้ช่องจึ่งพ้นมือมา มึงนี้ไม่มีความสัตย์ สารพัดโกหกมุสา กูไม่ทันพิจารณา พาซื่อสำคัญว่าจริง อันความคิดของมึงพอหยั่งรู้ จะซ้ำลวงกูอีกสักสิ่ง ก้มหน้าอยู่ไยไอ้ลิง อย่านิ่งจงเร่งว่าไป อันตัวของเอ็งลงมา เคืองตากูดูมิใคร่ได้ เหวยไอ้แสนร้ายจังไร ไสคอมึงไปเสียบัดนี้ นะคะ เรื่องราวทั้งหมดที่นางสีดาด่าก็ประมาณว่า แหม หนุมาน นี่ข้านี่ก็หลงเชื่อเจ้านะ คิดว่าเจ้าเป็นลิงที่ดี ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าไปวางแผนอะไรมา มาตรงนี้อีกทำไม ไม่อยากเห็นหน้า ไปไหนก็ไปเลยไป๊ ไป ไป๊ จะมาหลอกอะไรข้าอีกนะคะ สุดท้ายหนุมานทำอะไรไม่ได้ค่ะ ก็เลยได้แต่บอกนางสีดาว่า ก็ จริงๆก็ไม่ได้ลงมาตามอะไร คือจริงๆก็แค่ลงมาเช็กว่าท่านอยู่ดีมีสุขแล้วใช่ไหม เพราะว่าพระรามเป็นห่วง ก็เอาเป็นว่าถ้าท่านมีพญานาคดูแลแล้วก็ดี อะ พญานาคฝากดูแลนางสีดาด้วยนะคร้าบ ไปแล้วนะคร้าบ บ๊ายบาย ไม่กล้าว่าอะไรแล้ว แล้วหนุมานก็กลับขึ้นไปบนดิน ไปรายงานให้พระรามฟังค่ะ ซึ่งทำให้วิวคิดว่าคลิปวิดีโอนี้ยาวพอสมควรแล้ว เราควรจะจบคลิปนี้แต่เพียงเท่านี้นะคะ ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้อย่าลืม กดไลก์เป็นกำลังใจให้วิวแล้วก็ กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ เชื่อว่าจบตอนนี้ไป หลายคนหงุดหงิดฝั่งพระรามแน่นอนนะคะ แต่ว่าหลังจากนี้ก็จะ ไม่มีเรื่องให้หงุดหงิดอะไรมากไปกว่านี้ละ เพราะว่ามันจะกลับไปสู่ เรื่องราวการผจญภัยอีกรอบนึงของพระรามค่ะ ซึ่งหลายๆคนเนี่ยไม่รู้เลยนะ เพราะหลายคนเข้าใจว่าพระรามผจญภัยแค่รอบเดียวนะคะ ดังนั้นเดี๋ยวเรามาฟังกันที่สัปดาห์หน้าดีกว่าว่า จะเกิดเรื่องราวอะไรต่อ ทำไมพระรามจะต้องออกผจญภัยอีกรอบค่ะ วันนี้ลาไปก่อนแล้วกันนะคะทุกคน บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ