การผายลมหรือปล่อยตด
เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกๆ วัน
คนส่วนใหญ่ รวมถึงคุณด้วย
จะปล่อยก๊าซประมาณ 500-1500 มิลลิลิตร
และสามารถปล่อยตดได้ประมาณ
10 - 20 หน/วัน
แล้วก๊าซกลิ่นแรงนี่มาจากไหนกัน
ซึ่งในส่วนน้อยอาจมาจากก๊าซในลำไส้
ระหว่างที่คุณนอน หรือเวลาอื่นๆ
แต่ก๊าซส่วนใหญ่ถูกผลิตขึ้น
โดยแบคทีเรียในลำไส้
ในขณะที่พวกมันย่อยอาหาร
ในส่วนที่เราย่อยไม่ได้
ลำไส้ของพวกเรา
เป็นบ้านของแบคทีเรียเป็นพันล้าน
ที่อาศัยอยู่ในความสัมพันธ์แบบพึ่งพากับเรา
เรามีที่คุ้มภัยไว้ให้พวกมันอยู่
และอาหารให้พวกมันกิน
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
พวกมันช่วยสกัดพลังงานจากอาหารของเรา
ผลิตวิตามินให้เรา เช่นวิตามินบี และเค
เพื่อส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของเรา
และมีบทบาทหน้าที่สำคัญ
คือ เป็นปราการให้ระบบทางเดินอาหาร
การเคลื่อนไหว และการพัฒนา
ของระบบอวัยวะต่างๆ
เป็นที่ชัดเจนว่า เราควรใส่ใจ
ถึงสาระทุขสุกดิบของแบคทีเรียพวกนี้มากนั้น
แบคทีเรียในลำไส้ได้สารอาหารหลัก
จากอาหารที่ไม่ถูกย่อย
เช่น คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน
ซึ่งเข้ามาในลำไส้ใหญ่
พวกมันหมักอาหารที่ไม่ถูกย่อยเหล่านี้
เพื่อผลิตสารประกอบมากมาย
เช่น กรดไขมันสายสั้น
และแน่นอน ก๊าซ
ไฮโดรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์
เป็นผลิตภัณฑ์ก๊าซที่พบมากที่สุด
จากการหมักของแบคทีเรีย
และไม่มีกลิ่นใดๆ
บางคนผลิตมีเทน ด้วยเหตุที่
มีจุลชีพจำเพาะอยู่ในลำไส้ของพวกเขา
แต่มีเทนนั้นก็ไม่มีกลิ่นเช่นกัน
แล้วอย่างนี้ อะไรกันที่เหม็น
กลิ่นสุดแย่ตามปกติแล้วเกิดจาก
สารประกอบซัลเฟอร์ระเหย
เช่น ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และมีเทนเอทิออล์
หรือ เมทิล เมอร์แคปเทน
อย่างไรก็ดี ก๊าซเหล่านี้ มีอยู่น้อยกว่า
1% ของปริมาตร
และมักจะพบได้เมื่อมีการรับประทานกรดอะมิโน
ที่มีซัลเฟอร์อยู่
ซึ่งอาจอธิบายกลิ่นแย่ๆ ของก๊าซ
ได้ว่ามาจากการบริโภคโปรตีนเข้าไปมาก
ตดที่เพิ่มขึ้นจะพบได้ตามปกติ
หลังการรับประทานอาหาร
ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยไม่ได้
เป็นปริมาณมาก
เช่นถั่ว เลนทิล ผลิตภัณฑ์จากนม
หอม กระเทียม ลีค ไชเท้า
มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี กล่ำดอก
บล๊อคโคลี ผักกาด และบรัสเซล สเปราท์
คนขาดเอนไซม์
ดังนั้นแบคทีเรียที่สามารถหมักคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
จึงเข้ามาจัดการแทน
และนี่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ที่นำไปสู่ก๊าซที่มากขึ้น
แต่ถ้าคุณรู้สึกไม่สบาย
รู้สึกอืดๆ หรือบวมๆ
นี่อาจเป็นการบอกถึงการเคลื่อนที่ซึ่งไม่ปกติ
ของก๊าซไปตามทางเดินอาหาร
มันสำคัญที่เราจะไม่เอาแต่โทษอาหารบางชนิด
ว่าเป็นตัวการของก๊าซและอาการท้องอืด
และหลีกเลี่ยงพวกมัน
คุณคงไม่อยากทำให้แบคทีเรีย
ที่ย่อยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเหล่านี้อดอยาก
ไม่งั้นพวกมันจะเริ่มกินน้ำตาล
ในชั้นเมือกเคลือบของลำไส้
ก๊าซส่วนบุคคลของคุณจะต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับว่าคุณกินอะไร
และชนิดแบคทีเรียในลำไส้ของคุณ
เช่น จากน้ำตาลเริ่มต้นเหมือนๆ กัน
แบคทีเรีย คลอสทริเดียมผลิต
คาร์บอนไดออกไซด์ บิวไทเรต และออกซิเจน
ในขณะที่โพรพิโนแบคทีเรียสามารถผลิต
คาร์บอนไดออกไซด์ โพรพิโนเอต และอะซิเตต
ในเวลาเดียวกัน เมทะโนเจน
สามารถใช้ไฮโดรเจนและคาร์บอดไดออกได์
ที่ผลิตโดยแบคทีเรียอื่นๆ
ในการสร้างมีเทน
ซึ่งสามารถลดปริมาณของก๊าซ
โดยใช้ไฮโดรเจนกับคาร์บอนไดออกไซด์จนเรียบ
ดังนั้น มันมีเครือข่ายที่ซับซ้อน
ระหว่างแบคทีเรียในลำไส้
ที่ทำให้พวกมันได้รับการเลี้ยงดูทุกวัน
โดยกินที่เป็นอาหารที่เราย่อยไม่ได้
หรือใช้สิ่งที่แบคทีเรียอื่นๆ ผลิตออกมา
ความสัมพันธ์นี้เป็นตัวกำหนดหลัก
ของปริมาณและชนิดของก๊าซที่ถูกผลิต
ดังนั้น การผลิตก๊าซจึงเป็นสัญญาณว่า
แบคทีเรียนในลำไส้คุณกำลังทำงาน
แต่ในบางกรณี เราอาจมีอาการผิดปกติ
เนื่องจากก๊าซในกระเพาะ
ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อย คือการแพ้นม
(lactose intolerance)
คนส่วนใหญ่มีเอนไซม์สำหรับการย่อยแล็คโตส
ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีอยู่ในนม
และผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม
แต่บางคนอาจไม่มีเอนไซม์นั้นเลย
หรือเอนไซม์นั้นในปริมาณที่ไม่มาก
เช่น หลังจากเกิดการติดเชื้อในทางเดินอาหาร
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถย่อยผลิตภัณฑ์
ที่มีแล็คโตส และอาจรู้สึกปวดท้อง
ร่วมกับการมีก๊าซเพิ่มขึ้น
เพราะการหมักโดยแบคทีเรีย
แต่จำไว้ว่า ก๊าซส่วนใหญ่ที่ถูกผลิต
ในฐานะผลลัพธ์ทางธรรมชาติ
ของการหมักโดยแบคทีเรียในลำไส้
และบ่งบอกถึงลำไส้ที่ทำงานได้เป็นอย่างดี
ปริมาณและชนิดนั้นแตกต่างออกไป
ขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหารและแบคทีเรีย
บริหารมารยาททางสังคมเมื่อคุณต้องผายลม
และจงให้อภัยแบคทีเรียของคุณ
พวกมันแค่พยายามช่วยก็เท่านั้นเอง