ผมโตมาโดยที่ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก ว่าเหตุใดพ่อแม่ถึงบังคับให้ผมทำโน่นทำนี่ ทำไมผมต้องไปตัดหญ้าด้วย ทำไมการบ้านถึงสำคัญนัก ทำไมผมใส่เจลลี่บีนลงซีเรียลไม่ได้ ชีวิตวัยเด็กของผมรายล้อมด้วยคำถามเช่นนี้ เรื่องธรรมดาที่เด็กสงสัยน่ะครับ และก็ได้รู้ว่าบางครั้ง ฟังพ่อแม่น่ะไว้ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลก็ตาม มันไม่ใช่ว่าท่านไม่อยากให้ ผมฝึกคิดหรอกครับ วิธีการเลี้ยงดูของพวกท่าน พยายามประสานรอยร้าว ของการให้ผมและพี่น้องเข้าใจ ความจริงของโลกใบนี้ กับการสอนเราไม่ให้คิดว่า สภาพสังคมตอนนี้เป็นเรื่องที่ต้องทนต่อไป ผมได้ตระหนักว่าวิธีเช่นนี้ คือการให้การศึกษา ที่มีจุดประสงค์ชัดเจนทีเดียว นักการศึกษาคนโปรดคนหนึ่งของผม นักเขียนและนักวิชาการชื่อ เปาโล เเฟร์ พูดไว้อย่างลุ่มลึกว่า การศึกษานั้น สมควรใช้ เป็นเครื่องมือสอนเด็ก ให้หัดคิดและสอนเรื่องมนุษยธรรม เขาเขียนในหนังสือชื่อดัง "การศึกษาสำหรับผู้ถูกกดขี่" ไว้ว่า "ไม่มีผู้ใดเป็นมนุษย์แท้จริงได้ หากเขาผู้นั้นขัดขวางมิให้ ผู้อื่นเป็นเช่นกัน" พักหลัง ๆ มานี้ ผมใช้เวลาคิด เรื่องนี้มากพอควรครับ มนุษยธรรมเนี่ย โดยเฉพาะเกี่ยวกับคนในโลกนี้ ที่ได้รับอภิสิทธิเหนือใคร ถูกจัดว่าเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โลกทั้งใบได้เห็น คนผิวดำไร้อาวุธทั้งชายและหญิง ถูกพรากเอาชีวิตไปด้วย เงื้อมมือของตำรวจและพวกศาลเตี้ย เหตุการณ์เหล่านี้และ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา ทำให้ผมหวนกลับไป คิดถึงวัยเด็กของตนเอง และสิ่งพ่อแม่ผมต้องตัดสินใจเมื่อ เลี้ยงเด็กผิวดำขึ้นในสังคมอเมริกา ว่า ผมในตอนนั้นไม่ได้ เข้าใจมันเหมือนผมในตอนนี้ ผมจินตนาการว่ามันหนักหนาเพียงใด ว่าพวกท่านคงรู้สึกไม่ยุติธรรมมากเพียงใด ที่พวกท่านจำเป็นต้องพรากวัยเด็ก ของผมไปบางส่วน เพียงเพื่อให้ผมกลับบ้านมาหาท่านได้ เช่น ยกตัวอย่างในคืนหนึ่ง ตอนที่ผมอายุประมาณ 12 ออกไปค้างคืนทัศนศึกษาต่างเมืองกับเพื่อน ผมกับเพื่อน ๆ ซื้อปืนฉีดน้ำกันมา เปลี่ยนลานจอดรถโรงแรม ให้กลายเป็นสมรภูมิน้ำของเราเอง พวกเราแอบกันอยู่หลังรถ วิ่งฝ่าความมืดที่เสาไฟส่องไม่ถึง เสียงหัวเราะของพวกเรา ดังไปทั่วชั้นใต้ดิน แต่เพียง 10 นาทีผ่านไป พ่อของผมเดินออกมา และรั้งต้นแขนผมไว้ ท่านพาผมกลับเข้าห้อง โดยที่ยังจับแขนผมแน่น ก่อนที่ผมจะทันพูดอะไร ก่อนจะได้บอกว่าพ่อทำให้ ผมดูโง่เง่าในสายตาเพื่อนแค่ไหน ท่านดุผมที่ไร้เดียงสานัก ท่านมองตาผม ความกลัวเกาะกินใบหน้านั้น ท่านพูดว่า "ลูก พ่อขอโทษ แต่ลูกทำตัวเหมือน เพื่อนผิวขาวไม่ได้หรอกนะ ลูกจะมาแสร้งว่ายิงปืน วิ่งเล่นในตอนกลางคืนไม่ได้ จะแอบอยู่หลังที่ไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น" ผมรู้แล้วตอนนี้ว่าตอนนั้นพ่อกลัวมากแค่ไหน ว่ามันง่ายแค่ไหนที่ผมจะถูกจบชีวิตตรงนั้น เพราะคนอื่นอาจจะมองพลาด ว่าปืนฉีดน้ำ อาจเป็นข้ออ้างให้พวกเขาลบล้างชีวิตผมไป สาส์นแบบนี้คือสิ่งที่ผมต้อง รับฟังและปฏิบัติตลอดทั้งชีวิต ให้พวกเขาเห็นมือเราเสมอ อย่าขยับตัวเร็วเกินไป ถอดฮูดคลุมลงหลังตะวันตกดิน พ่อแม่ผมเลี้ยงผมกับพี่น้องมา โดยสอนเรื่องแบบนี้ สอนให้ระมัดระวังเรื่องโน่นนี่ เพื่อให้ไม่มีใครมาพรากลมหายใจเราไปได้ เพื่อที่เขาจะไม่ทำให้ร่างนี้ เหลือเพียงความทรงจำ เพื่อที่เราจะได้เป็นเด็กต่อไป ไม่ใช่ลงเอยในโลงหรือหลุม และไม่ได้เป็นเพราะท่านคิดว่า มันจะทำให้เราดีกว่าคนอื่นเขาหรอกครับ แต่เป็นเพียงเพราะพวกท่าน อยากรักษาชีวิตพวกเราไว้ เพื่อนผิวดำของผมทุกคน ก็ถูกเลี้ยงดูมาแบบเดียวกัน พ่อแม่สอนพวกเราเรื่องนี้ ตอนที่พวกเราโตพอให้คนอื่น มองเห็นพวกเราเป็นเหมือน ตะปูให้ตอกจมลงติดพื้น เมื่อคนทำให้สีผิวของเราเป็น สิ่งที่ผู้คนทั่วไปหวาดกลัว แต่แล้วเด็ก ๆ จะรู้สึกเช่นไร เมื่อต้องโตมาโดยที่รู้ว่า เราไม่สามารถทำตัวเป็นเด็กได้ ว่าการละเล่นไร้สาระของเด็ก มันอันตรายต่อลมหายใจของเรา ว่าเราสงสัยอะไรไม่ได้ ว่าเราทำผิดพลาดอะไรไม่ได้ ว่าเพียงแค่อคติของบางคน อาจเป็นเหตุผลที่เราไม่ได้ ตื่นขึ้นอีกครั้งในตอนเช้า แต่นี่ย่อมไม่ใช่นิยามพวกเรา เพราะเรามีพ่อแม่ที่ สั่งสอนให้พวกเราเข้าใจ ว่าร่างกายของเราไม่ได้ มีไว้เพื่อให้กระสุนทะลุผ่าน แต่เพื่อใช้วิ่งเล่นว่าว กระโดดยาง หรือหัวเราะจนกระทั่งปวดท้อง เรามีคุณครูที่สอนเราให้ยกมือ ขึ้นในห้องเรียน ไม่ใช่เพียงชูมือขึ้นยอมแพ้ และสิ่งเดียวที่เราควรสละคือ ความคิดที่ว่าเราไม่ ควรค่ากับโลกใบนี้ ฉะนั้น เมื่อเราบอกว่า ชีวิตคนดำก็มีค่า ไม่ใช่เป็นเพราะ ชีวิตคนอื่นไม่มีค่า แต่หากเป็นเพราะเราอยากตอกย้ำ ว่าพวกเรามีค่าที่จะอยู่โดยไม่ต้องกลัว แม้หลายๆอย่างจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม ผมอยากจะอยู่ในโลกที่ลูกชายผม ไม่โดนทึกทักว่าผิดจริง ตั้งแต่วินาทีที่เขาเกิดมา โลกที่ของเล่นในมือเขา ไม่ถูกมองว่าเป็นอย่างอื่นนอกจากของเล่น และผมปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเรา ไม่สามารถสร้างโลกใบนี้ใหม่ ให้เป็นโลกที่ชื่อของเด็กคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องปรากฏบนเสื้อ หรือหลุมศพ ที่ซึ่งคุณค่าของชีวิตคน ไม่ได้ถูกตัดสินด้วยสิ่งใด นอกจากความจริงว่าเขามีปอด ที่ซึ่งพวกเราทุกคนหายใจได้ ขอบคุณมากครับ (เสียงปรบมือ)