WEBVTT 00:00:00.882 --> 00:00:03.482 หลังจากคริสต์มาสปีที่แล้ว 00:00:03.482 --> 00:00:07.320 เด็ก 132 คนในแคลิฟอร์เนียได้ติดโรคหัด 00:00:07.320 --> 00:00:09.333 จากใครคนหนึ่งที่ไปเที่ยวสวนสนุกดิสนี่แลนด์ 00:00:09.333 --> 00:00:12.282 หรือได้สัมผัสกับใครบางคนที่มีเชื้อโรคหัด ในที่แห่งนั้น 00:00:12.282 --> 00:00:15.486 เชื้อไวรัสได้กระโดดข้ามพรมแดนแคนาดา 00:00:15.486 --> 00:00:18.922 ทำให้เด็กมากกว่า 100 คนในควีเบก ติดโรคหัดไปด้วย 00:00:18.922 --> 00:00:21.871 หนึ่งในเรื่องที่น่าสลดใจเกี่ยวกับ การระบาดของโรคนี้ 00:00:21.871 --> 00:00:27.490 คือการติดโรคหัดที่อาจรุนแรงปางตาย กับเด็กที่ไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ 00:00:27.490 --> 00:00:31.275 วิธีการหนึ่งในการป้องกันที่ง่ายที่สุด กับเชื้อโรคในโลกนี้ 00:00:31.275 --> 00:00:33.272 วัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านมัน 00:00:33.272 --> 00:00:36.638 มีความสามารถมากกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว 00:00:36.638 --> 00:00:39.912 แต่เด็กจำนวนมากที่ติดโรคระบาดไข้หัดนี้ ในสวนสนุกดิสนี่แลนด์ 00:00:39.912 --> 00:00:41.886 ต่างไม่เคยได้รับวัคซีน 00:00:41.886 --> 00:00:44.138 เพราะพ่อแม่พวกเขาต่างหวาดกลัว 00:00:44.138 --> 00:00:47.157 กับบางอย่างที่ถูกกล่าวหาว่าว่าเลวร้ายมาก 00:00:47.157 --> 00:00:48.875 คือโรคออทิซีม NOTE Paragraph 00:00:48.875 --> 00:00:52.658 แต่เดี๋ยว แต่ไม่ใช่เอกสารนั่นหรือที่จุดไฟ การโต้เถียงอย่างรุนแรง 00:00:52.658 --> 00:00:54.981 เกี่ยวกับโรคออทิซิมและวัคซีน 00:00:54.981 --> 00:00:56.978 ถูกหักล้างความคิด ถูกถอนคำพูด 00:00:56.978 --> 00:00:59.450 ประทับตราการหลอกลวงอย่างไตร่ตรอง 00:00:59.450 --> 00:01:01.158 โดยวารสารการแพทย์ของอังกฤษ 00:01:01.158 --> 00:01:03.201 แล้วนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ 00:01:03.201 --> 00:01:07.520 รู้เรื่องทฤษฏีที่ว่าวัคซีนเป็นสาเหตุให้ เกิดโรคออทิซึมในอังกฤษหรือไม่ 00:01:07.520 --> 00:01:09.377 ผมคิดว่าหลายท่านรู้ 00:01:09.377 --> 00:01:11.955 แต่พ่อแม่นับล้านคนทั่วโลก 00:01:11.955 --> 00:01:16.573 ยังหวาดวิตกอย่างต่อเนื่องเรื่องวัคซีน ทำให้ลูก ๆ มีความเสี่ยงกับโรคออทิซีม NOTE Paragraph 00:01:16.923 --> 00:01:18.047 ทำไม 00:01:18.827 --> 00:01:20.290 นี่คือเหตุผลว่าทำไม 00:01:20.290 --> 00:01:25.375 นี่คือกราฟแสดงความชุกของโรคออทิซึม ที่ประมาณการที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 00:01:25.375 --> 00:01:27.488 มีจำนวนที่มากที่สุดในศตวรรษที่ 20 00:01:27.488 --> 00:01:31.180 โรคออทิซึมคาดว่ามีเงื่อนไขที่เป็นยากมาก กลายเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ 00:01:31.180 --> 00:01:34.500 มีนักจิตวิทยาและกุมารแพทย์น้อยรายมาก ที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ 00:01:34.500 --> 00:01:37.217 แสดงอย่างชัดเจนว่าพวกเขาน่าจะเคยพบคนไข้บ้าง จากงานอาชีพประจำ 00:01:37.217 --> 00:01:39.724 น่าจะเคยเห็นไม่ต่ำกว่าเรื่องเดียว 00:01:40.364 --> 00:01:43.602 หลายสิบปีความชุกของโรคที่ประมาณการ ยังคงที่ 00:01:43.602 --> 00:01:46.853 มีเด็กเพียง 3-4 คนใน 10,000 คน 00:01:46.853 --> 00:01:48.919 ต่อเมื่อในปี ค.ศ. 1990 00:01:48.919 --> 00:01:51.380 ตัวเลขกลับเริ่มถึบตัวขึ้นสูง 00:01:51.380 --> 00:01:54.608 องค์กรแสวงหารายได้จากโครงการต่าง ๆ เช่น ออทิซึมสปีคส์ 00:01:54.608 --> 00:01:57.696 อ้างอิงเสมอว่าโรคออทิซีมเหมือนโรคระบาด 00:01:57.696 --> 00:02:01.365 แต่ถ้าคุณสามารถจับโรคนี้ได้จากเด็ก อีกคนในสวนสนุกดิสนีแลนด์ NOTE Paragraph 00:02:01.365 --> 00:02:02.967 แล้วอะไรที่จะตามมา 00:02:02.967 --> 00:02:06.194 ถ้าไม่ใช้วัคซีค แล้วจะใช้อะไร 00:02:06.194 --> 00:02:10.165 ถ้าคุณถามพนักงานที่พบเจอ ที่สำนักงานกลางเพื่อควบคุมโรคในแอตลันต้า 00:02:10.165 --> 00:02:11.860 อะไรที่จะเกิดขึ้น 00:02:11.860 --> 00:02:16.370 พวกเขามีแนวโน้มที่จะตอบด้วยวลีว่า "วิธีการวินิจฉัยโรคที่แพร่ขยายตัวขึ้น" 00:02:16.370 --> 00:02:18.134 และ " กำลังค้นกรณีตัวอย่างที่ดีขึ้น " 00:02:18.134 --> 00:02:20.711 ในการอธิบายจำนวนที่เพิ่มขึ้นมาก 00:02:20.711 --> 00:02:22.731 แต่ประเภทของวาทะกรรมนั้น 00:02:22.731 --> 00:02:25.680 ไม่ได้บรรเทาอาการหวาดผวา ของแม่วัยสาวแต่อย่างใด 00:02:25.680 --> 00:02:30.324 ที่พบว่าเด็กวัยสองขวบที่สัมผัสกับตาได้ 00:02:30.324 --> 00:02:33.319 ถ้าการวินิจฉัยโรคมีการแผร่กระจายแล้ว 00:02:33.319 --> 00:02:36.152 ทำไม่ถึงอยู่ใกล้กับสถานที่แห่งแรก 00:02:36.152 --> 00:02:39.147 ทำไมกรณีโรคออทิซึ่มจึงยากกับการค้นพบ 00:02:39.147 --> 00:02:41.437 ก่อนปี ค.ศ. 1990 NOTE Paragraph 00:02:41.437 --> 00:02:47.172 ห้าปีก่อน ผมตัดสินใจที่จะพยายาม ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้ 00:02:47.172 --> 00:02:49.216 ผมเรียนรู้ว่ามีอะไรที่ได้เกิดขึ้นมาแล้ว 00:02:49.216 --> 00:02:53.116 ผลความล่าช้าและการเตือนภัยที่ก้าวหน้า ทางวิทยาศาสตร์ทำให้มีข้อมูลน้อยกว่า 00:02:53.116 --> 00:02:56.354 พลังการเล่าเรื่องราว(ข่าวลือ)ที่หลอกลวง 00:02:56.544 --> 00:02:58.750 ที่สำคัญที่สุดในศตรวรรษที่ 20 00:02:58.750 --> 00:03:01.211 แพทย์ที่รักษาโรคได้บอกเล่าเรื่องราวหนึ่ง 00:03:01.211 --> 00:03:04.763 เกี่ยวกับการเป็นโรคออทิซิมและมีวิธีการ ค้นพบได้อย่างไร 00:03:04.763 --> 00:03:07.573 แต่เรื่องราวนั้นกลับเป็นเรื่องที่ผิดพลาด 00:03:07.573 --> 00:03:09.384 และคุณลักษณะผลที่ได้ของโรคนี้ 00:03:09.384 --> 00:03:13.285 ได้สร้างผลกระทบสร้างความเสียหายอย่างมากมาย กับระบบสุขภาพสาธารณะทั่วโลก 00:03:13.285 --> 00:03:16.814 มีเรื่องราวลำดับที่ 2 เกี่ยวกับความจริง ของเรื่องโรคออทิซึม 00:03:16.814 --> 00:03:19.430 ที่สูญหายไปแล้วและมีการลืมเลือนไป 00:03:19.430 --> 00:03:22.410 ในแง่มุมต่าง ๆ ที่คลุมเครือเกี่ยวกับ สิ่งตีพิมพ์ทางการแพทย์ 00:03:22.410 --> 00:03:26.427 เรื่องราวที่ 2 นี้บอกเล่าทุกอย่างเกี่ยวกับ ว่าทำไมเราต้องมาที่นี่ 00:03:26.427 --> 00:03:29.032 และเราจะไปทางไหนกันต่อไป NOTE Paragraph 00:03:29.352 --> 00:03:33.996 เรื่องแรกสุดเริ่มต้นด้วยนักจิตแพทย์เด็ก ที่โรงพยาบาลจอห์นส์ ฮ๊อปคินส์ 00:03:33.996 --> 00:03:35.946 ชื่อว่า ลีโอ เคนเนอร์ 00:03:35.946 --> 00:03:39.499 ในปี ค.ศ. 1943 เคนเนอร์ ได้ตีพิมพ์เอกสาร 00:03:39.499 --> 00:03:44.212 อธิบายว่ามีคนไข้วัยรุ่น 11 คน ที่ดูเหมือนว่ามีโลกส่วนตัวของตนเอง 00:03:44.212 --> 00:03:46.302 ไม่ยอมรับรู้ผู้คนที่อยู่รอบข้าง 00:03:46.302 --> 00:03:48.462 แม้แต่พ่อแม่ของตนเอง 00:03:48.462 --> 00:03:50.737 พวกเขาสามารถหัวเราะเองได้เป็นชั่วโมง ๆ 00:03:50.737 --> 00:03:53.384 ด้วยการกระพือมือขึ้นลงหน้าใบหน้าตนเอง 00:03:53.384 --> 00:03:55.358 แต่พวกเขาจะรู้สึกตื่นตกใจกับเรื่องจิ๊บ ๆ 00:03:55.358 --> 00:03:58.970 เช่นของเล่นชิ้นโปรดที่ถูกย้ายไปจากที่เดิม ที่วางไว้เป็นประจำ 00:03:58.970 --> 00:04:00.977 โดยพวกเขาไม่รู้เรื่อง 00:04:00.977 --> 00:04:03.693 เรื่องนี้ขึ้นกับพ่อแม่เด็กที่ถูกพามาที่ คลีนิคของเขา 00:04:03.693 --> 00:04:07.269 เคนเนอร์ได้พิจารณาว่าโรคออทิซึม ค่อนข้างหายากมาก 00:04:07.269 --> 00:04:11.727 ในปี ค.ศ. 1950 ในฐานะผู้นำระดับโลกในเรื่องนี้ 00:04:11.727 --> 00:04:17.300 เขาได้ประกาศว่าเขาได้เห็นกรณีตัวอย่าง ของจริงในกลุ่มอาการโรคถึง 150 เรื่อง 00:04:17.300 --> 00:04:21.363 ในระหว่างลงพื้นที่ภาคสนามในที่ห่างไกล ที่ประเทศอัฟริกาใต้ 00:04:21.363 --> 00:04:23.754 ที่นั่นแน่นอนไมน่าแปลกใจแต่อย่างใด 00:04:23.754 --> 00:04:27.130 เพราะบรรทัดฐานของเคนเนอร์คือ การวินิจฉัยโรคออทิซึม 00:04:27.130 --> 00:04:29.443 ที่มีการคัดเลือกคนไข้มาอย่างไม่น่าเชื่อถือ 00:04:29.443 --> 00:04:34.621 ตัวอย่างเช่น เขาได้ทำลายขวัญด้วย การวินิจฉัยโรคเด็กที่เป็นโรคลมชัก 00:04:34.621 --> 00:04:38.382 แต่ตอนนี้เรารู้ว่าโรคลมชักเป็นอาการปรกติ ของโรคออทิซึม 00:04:38.382 --> 00:04:41.424 ครั้งหนึ่งเขาได้โวว่าเขาค้นพบเด็ก 9 ถึง 10 คน 00:04:41.424 --> 00:04:45.255 ที่ย้ายมาจากคลีนิคอื่นเพื่อมารักษา โรคออทิซีมที่คลีนิคของเขา 00:04:45.255 --> 00:04:47.883 โดยไม่มีการวินิจฉัยโรคออทิซึมแต่อย่างใด NOTE Paragraph 00:04:48.503 --> 00:04:50.944 เคนเนอร์เป็นคนที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง 00:04:50.944 --> 00:04:53.113 แต่จำนวนคนในทฤษฏีของเขา ไม่ได้จบลงด้วยดีเลย 00:04:53.113 --> 00:04:56.888 เขาจัดลำดับโรคออทิซึมเป็นรูปแบบ จากความผิดปรกติทางจิตตั้งแต่วัยเด็ก 00:04:56.888 --> 00:05:00.858 มาจากสาเหตุพ่อแม่เด็กที่เย็นชา และไม่แสดงออกถึงความรักเด็ก 00:05:00.858 --> 00:05:02.995 เด็กเหล่านี้ เขากล่าวว่า 00:05:02.995 --> 00:05:07.313 เหมือนกับถูกแช่ในตู้เย็นใบหนึ่ง ที่ไม่ได้ละลายน้ำแข็ง 00:05:07.313 --> 00:05:09.264 ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม 00:05:09.264 --> 00:05:12.189 เคนเนอร์สังเกตเห็นว่าบางครั้งคนไข้วัยรุ่น ของเขาบางคน 00:05:12.189 --> 00:05:15.602 มีความสามารถพิเศษในบางเรื่องอย่าง เฉพาะเจาะจง 00:05:15.602 --> 00:05:18.853 เช่น ดนตรี คณิตศาตร์ และความจำ 00:05:18.853 --> 00:05:20.734 เด็กคนหนึ่งในคลีนิคของเขา 00:05:20.734 --> 00:05:25.328 สามารถจำแนกความแตกต่างเพลงซิมโฟนี 18 บทก่อนวัยสองขวบ 00:05:25.796 --> 00:05:28.443 เมื่อแม่ของเด็กเปิดหนึ่งในเพลงโปรด เพลงหนึ่งของเด็ก 00:05:28.443 --> 00:05:31.809 เขาจะร้องบอกเสียงดังว่า "เบโธเฟน" 00:05:31.809 --> 00:05:34.665 แต่เคนเนอร์ไม่สนใจสังเกตในเรื่อง ความสามารถพิเศษเหล่านี้ 00:05:34.665 --> 00:05:38.242 โดยอ้างว่าเด็กเหล่านี้ต่างเป็นสิ่งของ ที่กำลังถูกย้อนคิดย้อนทำ 00:05:38.242 --> 00:05:40.865 เพราะพวกเขาได้ยินจากพ่อแม่ที่พูดเกินจริง 00:05:40.865 --> 00:05:43.465 เพราะสิ้นหวังกับการยอมรับในเรื่อง ที่ได้รับรู้ของพวกเขา 00:05:43.465 --> 00:05:48.829 โดยเหตุผลอีกอย่าง โรคออทิซึมเป็นเรื่องที่ น่าอับอายและอัปยศของหลายครอบครัว 00:05:48.829 --> 00:05:51.406 และคนสองรุ่นของเด็กที่เป็นโรคออทิซึ่ม 00:05:51.406 --> 00:05:54.889 ต่างหนีหายไปจากสถาบันต่าง ๆ เพื่อหนทาง ที่พวกเขาคิดว่าดี 00:05:54.889 --> 00:05:58.163 ด้วยการหายไปจากโลกจำนวนมาก NOTE Paragraph 00:05:58.163 --> 00:06:02.400 เรื่องที่น่าแปลกใจต้องรอจนถึงปี ค.ศ. 1970 00:06:02.400 --> 00:06:07.567 นักวิจัยหลายคนจึงเริ่มพิสูจน์ทฤษฏีเคนเนอร์ เรืองโรคออทิซึมที่ค่อนข้างหายาก 00:06:07.567 --> 00:06:11.305 ลอร์น่า วิง เป็นนักจิตวิทยาบำบัด การเรียนรู้ในลอนดอน 00:06:11.305 --> 00:06:14.509 ที่คิดว่าทฤษฏีเคนเนอร์เกี่ยวกับ ความเป็นพ่อแม่ที่เย็นชาไร้อารมณ์ 00:06:14.509 --> 00:06:17.528 เป็นเรื่อง "งี่เง่าเข้าไส้" ตามที่เธอบอกผม 00:06:17.528 --> 00:06:21.707 เธอกับจอห์น สามีของเธอต่างเป็นคนอบอุ่น และน่ารักใคร่ 00:06:21.707 --> 00:06:24.520 และพวกเขามีลูกสาวที่เป็นโรคออทิซึม อย่างเต็มที่ชื่อ ซูซี่ 00:06:25.110 --> 00:06:29.822 ลอร์น่ากับจอห์นต่างรู้ดีว่าเป็นงานหนักมาก ในการเลี้ยงดูเด็กอย่างซูซี่ 00:06:29.822 --> 00:06:31.784 ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือในหลายด้าน 00:06:31.784 --> 00:06:33.386 การศึกษาพิเศษ 00:06:33.386 --> 00:06:37.635 และทรัพยากรอื่น ๆ ที่สุดเอื้อมถ้าไม่ได้รับ การวินิจฉัยโรคนี้ 00:06:37.635 --> 00:06:40.259 เพื่อทำให้เป็นกรณีกับบริการสุขภาพของชาติ 00:06:40.259 --> 00:06:45.507 ทั้งยังต้องมีทรัพยากรหลายอย่างที่จำเป็นกับ เด็กที่เป็นโรคออทิซึมกับครอบครัวของพวกเขา NOTE Paragraph 00:06:45.507 --> 00:06:47.643 ลอร์น่ากับพื่อนร่วมงานของเธอ จูดิธ กูลด์ 00:06:47.643 --> 00:06:52.193 ได้ตัดสินใจที่จะทำบางอย่างที่ควรจะ มีการทำมาแล้วเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านี้ 00:06:52.193 --> 00:06:57.139 ทั้งสองคนทำการศึกษาโรคออทิซีมที่ชุก ในกลุ่มประชากรทั่วไป 00:06:57.139 --> 00:07:01.435 พวกเธอมุ่งเน้นในพื้นที่ของลอนดอน ในชุมชนที่เรียกว่า แคมเบอร์เวลล์ 00:07:01.435 --> 00:07:05.100 พยายามที่จะค้นหาเด็กออทิซึมในชุมชน 00:07:05.100 --> 00:07:09.767 แต่สิ่งที่พวกเธอเห็นทำให้รู้ชัดว่ารูปแบบ การศึกษาของเคนเนอร์มีวิธีการที่จำกัดมาก 00:07:09.767 --> 00:07:14.293 ขณะที่โรคออทิซึมที่แท้จริงมีมากกว่ามาก มีชีวิตชีวากับแตกต่างกันมาก 00:07:14.663 --> 00:07:16.806 เด็กบางคนไม่สามารถพูดได้เลย 00:07:16.806 --> 00:07:21.542 ขณะที่บางคนไปไกลกว่าด้วยการหลงใหล ในเรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์ 00:07:21.542 --> 00:07:25.486 ไดโนเสาร์ หรือ ลำดับการสืบทอดราชวงศ์ 00:07:25.486 --> 00:07:30.176 ในอีกนัยหนึ่ง เด็กเหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้ เรื่องความสุภาพ และการจัดกล่องให้เรียบร้อย 00:07:30.176 --> 00:07:31.871 หลังจากจูธิทวางไว้ทดสอบ 00:07:31.871 --> 00:07:33.752 และพวกเธอเห็นเด็กพวกนี้จำนวนมาก 00:07:33.752 --> 00:07:37.537 มีวิถีชีวิตที่มากกว่ารูปแบบเคนเนอร์ ที่มีขนาดใหญ่มากกว่าที่เคยทำนายไว้ NOTE Paragraph 00:07:37.537 --> 00:07:41.252 ในต้องแรกพวกเธอแทบจะสูญเสีย ความมั่นใจกับข้อมูลเหล่านี้ 00:07:41.252 --> 00:07:44.380 ทำไมไม่มีใครสังเกตเด็กเหล่านี้มาก่อน 00:07:44.380 --> 00:07:47.899 ต่อมาลอร์นาได้พบเอกสารอ้างอิง ที่เคยตีพิมพ์มาก่อนโดยบังเอิญ 00:07:47.899 --> 00:07:50.554 ในเยอรมันนี ในปี ค.ศ. 1944 00:07:50.554 --> 00:07:52.899 หนึ่งปีหลังจากเอกสารของเคนเนอร์ 00:07:52.899 --> 00:07:54.617 และแล้วถูกลืมไป 00:07:54.617 --> 00:07:57.194 ถูกฝังไปกับเถ้าถ่านของช่วงเวลาที่เลวร้าย (สงครามโลกครั้งที่ 2) 00:07:57.194 --> 00:08:00.445 ไม่มีใครต้องการจดจำหรือคิดถึงมันอีก 00:08:00.445 --> 00:08:03.115 เคนเนอร์ก็รู้ดีเกี่ยวกับเอกสารของคู่แข่ง 00:08:03.115 --> 00:08:07.860 แต่ได้หลีกเลี่ยงอย่างไร้จริยธรรม ที่จะอ้างอิงไว้ในงานของเขา 00:08:07.860 --> 00:08:10.322 มันไม่เคยมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ มาก่อนด้วยแต่อย่างใด 00:08:10.322 --> 00:08:13.285 แต่โชคดีที่สามีของลอร์น่าพูดภาษาเยอรมัน 00:08:13.285 --> 00:08:15.932 และเขาได้แปลเอกสารนี้ให้เธอ NOTE Paragraph 00:08:15.932 --> 00:08:19.624 เอกสารนี้ได้เสนอเรื่องราวทางเลือกอีกทาง ให้กับโรคออทิซีม 00:08:19.624 --> 00:08:22.317 โดยนักเขียนชาย ฮันส์ แอสเปอร์เจอร์ 00:08:22.317 --> 00:08:25.591 ที่ทำงานที่คลีนิครวมแพทย์กับโรงเรียนประจำ 00:08:25.591 --> 00:08:28.331 ในเวียนนาในปี ค.ศ. 1930 00:08:28.331 --> 00:08:32.302 แอสเปอร์เจอร์มีแนวคิดในการสอนเด็ก ด้วยการเรียนที่แตกต่างหลายอย่าง 00:08:32.302 --> 00:08:35.436 ที่ก้าวหน้ามากกว่ามาตรฐานต่าง ๆ ในยุคร่วมสมัย 00:08:35.436 --> 00:08:39.848 ทุกเช้าที่คลินิคของเขาจะเริ่มต้นด้วย การออกกำลังกายพร้อมเสียงดนตรี 00:08:39.848 --> 00:08:43.354 และเด็ก ๆ ต่างมีการละเล่นต่าง ๆ ใน วันอาทิตย์หลังเที่ยง 00:08:43.354 --> 00:08:46.349 แทนที่จะโทษพ่อแม่ที่เป็นสาเหตุของ โรคออทิซีม 00:08:46.349 --> 00:08:51.202 เอสเปอร์เจอร์วางเรื่องนี้ไว้ว่าเป็นเรื่อง ตลอดชีวิต พันธุกรรมที่บกพร่อง 00:08:51.202 --> 00:08:55.103 ที่ต้องการรูปแบบความเห็นอกเห็นใจ ด้วยการสนับสนุนและการปรับตัว 00:08:55.103 --> 00:08:58.510 มากกว่าแนวทางปฏิบัติแบบคนทั่วไปตลอดชีวิต 00:08:58.510 --> 00:09:01.395 แทนที่จะบำบัดรักษาเด็ก ๆ ในคลีนิค เหมือนกับพ่อแม่ 00:09:01.395 --> 00:09:04.460 แอสเปอร์เจอร์กับเรียกพวกเด็ก ๆ ว่า ศาตราจารย์ตัวน้อย ๆ 00:09:04.460 --> 00:09:08.245 แล้วระบุว่าต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา เพื่อพัฒนาระบบการศึกษา 00:09:08.245 --> 00:09:10.729 ที่เฉพาะเจาะจงเหมาะสมกับพวกเขา 00:09:10.729 --> 00:09:16.460 ที่สำคัญมาก เอสเปอร์เจอร์สังเกตโรคออทิซีม เหมือนกับความหลากหลายอย่างต่อเนื่อง 00:09:16.460 --> 00:09:21.114 สะพานเชื่อมขอบเขตที่น่าประหลาดใจระหว่าง อัจฉริยะกับความโง่เขลา 00:09:21.584 --> 00:09:25.116 เขาเชื่อว่าโรคออทิซึมและการรักษาเป็น เรื่องธรรมดา 00:09:25.116 --> 00:09:26.982 และอย่างที่เป็นมาตลอด 00:09:26.982 --> 00:09:32.276 โดยการดูจากแง่มุมความต่อเนื่องในต้นแบบ ที่คุ้นเคยจากวัฒนธรรมที่นิยมกันทั่วไป 00:09:32.276 --> 00:09:34.612 คล้ายกับสังคมนักวิทยาศาสตร์ที่งุ่มง่าม 00:09:34.612 --> 00:09:37.306 และศาตราจารย์ที่ใจลอย 00:09:37.306 --> 00:09:39.419 เขาไปไกลมากจนพูดได้ว่า 00:09:39.419 --> 00:09:42.646 ดูเหมือนว่าเป็นความสำเร็จของด้าน วิทยาศาตร์กับด้านศิลปศาสตร์ 00:09:42.646 --> 00:09:45.592 คุณสมบัติของโรคออทิซึ่มที่จำเป็นอย่างยิ่ง NOTE Paragraph 00:09:46.292 --> 00:09:51.214 ลอร์น่ากับจูดิธเชื่อว่าเคนเนอร์ได้ผิดพลาด ไปแล้วเรื่องโรคออทิซีมที่หายาก 00:09:51.214 --> 00:09:53.907 เหมือนกับพ่อแม่เด็กกำลังค้นพบมัน 00:09:53.907 --> 00:09:55.951 ในอีกเจ็ดปีต่อมา 00:09:55.951 --> 00:09:59.364 พวกเธอทำงานร่วมกับสมาคมจิตวิทยาแห่งอเมริกา 00:09:59.364 --> 00:10:01.964 ทำให้บรรทัดฐานเรื่องนี้มีการวินิจฉัย 00:10:01.964 --> 00:10:05.981 เพื่อสะท้อนความหลากหลายของเรื่อง ที่เรียกว่าการคาดคะเนโรคออทิซีม 00:10:05.981 --> 00:10:08.559 ในช่วงหลังยุค 80 จนถึงต้นยุค 90 00:10:08.559 --> 00:10:10.857 การเปลี่ยนแปลงของพวกเธอสร้างผลกระทบ 00:10:10.857 --> 00:10:13.226 ลบล้างรูปแบบความคิดคับแคบของเคนเนอร์ 00:10:13.226 --> 00:10:16.801 แทนที่ด้วยรูปแบบที่ครอบคลุมกว้างขวางกว่า ของเอสเปอร์เจอร์ NOTE Paragraph 00:10:16.801 --> 00:10:19.472 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน สุญญากาศ 00:10:19.472 --> 00:10:23.326 ด้วยการเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับการที่ ลอร์น่ากับจูดิธที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง 00:10:23.326 --> 00:10:25.160 ในการปรับปรุงการวินิจฉัยโรค 00:10:25.160 --> 00:10:30.176 ผู้คนทั่วโลกต่างรับรู้เรื่องโรคออทิซึ่ม ในวัยรุ่นเป็นครั้งแรก 00:10:30.176 --> 00:10:33.550 ก่อนหนังเรื่อง "มนุษย์ฝน" จะฉายในปี ค.ศ. 1988 00:10:33.550 --> 00:10:38.209 มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในระบบจำนวนน้อยมาก ที่รู้เกี่ยวกับโรคออทิซึม 00:10:38.209 --> 00:10:42.969 แต่หลังจากดัสติน ฮอฟแมนต์ ลืมเรื่องศักยภาพ ของ เรย์มอนด์ แบพบิตต์ 00:10:42.969 --> 00:10:46.104 ทำให้ "มนุษย์ฝน" ได้รางวัลอเคเดมี่ 00:10:46.104 --> 00:10:48.844 กุมารแพทย์ แพทย์จิตวิทยา 00:10:48.844 --> 00:10:53.534 ครูและพ่อแม่ทั่วโลกต่างรู้จักโรคออทิซึ่ม NOTE Paragraph 00:10:53.534 --> 00:10:56.459 ในเวลาเดียวกันโดยบังเอิญ 00:10:56.459 --> 00:11:01.589 เป็นครั้งแรกที่มีวิธีการง่าย ๆ ของคลีนิค นำมาใช้ในการทดสอบอาการโรคออทิซึม 00:11:01.939 --> 00:11:06.629 โดยไม่จำเป็นต้องไปพบกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จำนวนน้อยอีกเลย 00:11:06.629 --> 00:11:09.207 เพื่อพัฒนาการลูกของคุณ NOTE Paragraph 00:11:09.207 --> 00:11:11.320 พันธมิตรจากหนังเรื่อง "มนุษย์ฝน" 00:11:11.320 --> 00:11:15.499 คือการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่บรรทัดฐาน และการเริ่มต้นการทดสอบเหล่านี้ 00:11:15.499 --> 00:11:17.774 ได้สร้างผลกระทบกว้างขวาง 00:11:17.774 --> 00:11:21.304 การจู่โจมสมบูรณ์แบบกับการรับรู้โรคออทิซึม 00:11:21.304 --> 00:11:24.322 จำนวนครั้งในการวินิจฉัยโรคได้พุ่งทะยานขึ้น 00:11:24.322 --> 00:11:29.990 เหมือนกับที่ลอร์น่ากับจูดิธได้พยากรณ์ไว้ และได้คาดหวังไว้อย่างแท้จริง ว่าจะเป็นเช่นนั้น 00:11:29.990 --> 00:11:32.106 ทำให้คนที่เป็นออทิซีม และครอบครัวยอมเปิดเผยตัวตน 00:11:32.106 --> 00:11:35.798 ทำให้ในที่สุดได้รับการสนับสนุนและบริการ ในด้านต่าง ๆตามที่พวกเธอเรียกร้อง NOTE Paragraph 00:11:35.798 --> 00:11:37.864 แล้ว แอนดริว เวคฟิลด์ ก็ตามมา 00:11:37.864 --> 00:11:41.719 การประนามว่าเข็มฉีดยาใช้ใน การตรวจโรคจากวัคซีนต่าง ๆ 00:11:41.719 --> 00:11:43.832 ง่ายแต่ทรงพลัง 00:11:43.832 --> 00:11:46.618 และเรื่องราวที่น่าเชื่อถือแต่ชักชวน ไปในทางผิด ๆ 00:11:46.618 --> 00:11:48.986 เหมือนที่ผิดพลาดเหมือนกับทฤษฏีเคนเนอร์ 00:11:48.986 --> 00:11:51.239 ว่าโรคออทิซีมหายากมาก NOTE Paragraph 00:11:51.239 --> 00:11:54.710 ถ้าจากการประมาณการในตอนนี้ของ ซีดีซี 00:11:54.710 --> 00:11:59.133 มีเด็ก 1 คนในจำนวน 68 คนในอเมริกา ที่อยู่ในข่าย ถ้าถูกต้อง 00:11:59.133 --> 00:12:03.340 โรคออทิซึมเป็นหนึ่งในจำนวน คนกลุ่มน้อยที่มากที่สุดในโลก 00:12:03.340 --> 00:12:07.167 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ คนที่เป็นโรคออทิซึม ต่างได้มาพบกันในอินเทอร์เน็ต 00:12:07.167 --> 00:12:10.812 เพื่อปฏิเสธความเชื่อที่ว่าพวกเขาเป็น ปริศนาที่รอการแก้ไข 00:12:10.812 --> 00:12:12.995 ด้วยการฝ่าฝันอุปสรรคทางการแพทย์ในภายหน้า 00:12:12.995 --> 00:12:15.456 สร้างคำนิยามว่า ระบบประสาทที่หลากหลาย 00:12:15.456 --> 00:12:18.744 เพื่อเฉลิมฉลองความหลากหลาย ในการรับรู้ของผู้คน NOTE Paragraph 00:12:19.264 --> 00:12:21.655 หนึ่งในวิธีการที่จะเข้าใจ ระบบประสาทที่หลากหลาย 00:12:21.655 --> 00:12:25.324 คือให้คิดถึงรูปแบบระบบในร่างกายของมนุษย์ 00:12:25.324 --> 00:12:30.240 เหมือนอย่างว่า พีซีที่ไม่ได้ใช้วินโดส์ ไม่ได้หมายความว่ามันใช้งานไม่ได้ 00:12:30.240 --> 00:12:33.869 โดยมาตรฐานโรคออทิซีม กับมันสมองของคนทั่วไป 00:12:33.869 --> 00:12:35.889 ที่สับสนวุ่นวายอย่างง่าย ๆ 00:12:35.889 --> 00:12:37.677 สังคมที่ถูกครอบงำ 00:12:37.677 --> 00:12:40.997 และความทุกข์จากการขาดความสนใจ ในเรื่องรายละเอียด 00:12:40.997 --> 00:12:43.992 ให้แน่ใจว่า คนที่เป็นออทิซีม มีช่วงเวลาที่ยากลำบาก 00:12:43.992 --> 00:12:46.268 ในการอยู่บนโลกใบนี้ ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพวกเขา 00:12:46.268 --> 00:12:50.520 [เจ็ดสิบ] หลายปีต่อมา เรายังชื่นชมกับเอสเปอร์เจอร์ 00:12:50.520 --> 00:12:54.603 ผู้ที่เชื่อมั่น การบำบัดรักษา โรคออทิซึม ที่คาดหวังว่าไร้ความสามารถมากทีสุด 00:12:54.603 --> 00:12:57.529 แต่ถูกค้นพบโดยครูหลายท่านที่เข้าใจ 00:12:57.529 --> 00:12:59.665 นายจ้างหลายคนที่จัดที่จัดทางให้ 00:12:59.665 --> 00:13:01.522 การช่วยเหลือของชุมชนต่าง ๆ 00:13:01.522 --> 00:13:04.866 และพ่อแม่ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของลูก ๆ NOTE Paragraph 00:13:04.866 --> 00:13:07.908 ชายที่เป็นออทิซึม ชื่อว่าโซเซีย แซกส์ ครั้งหนึ่งพูดว่า 00:13:07.908 --> 00:13:13.211 "เราต้องการทุกคนอย่างเร่งด่วน เพื่อนำทางเรือมนุษย์ชาติ" 00:13:13.211 --> 00:13:15.764 ขณะที่เรากำลังแล่นผ่านอนาคตที่ไม่แน่นอน 00:13:15.764 --> 00:13:19.502 เราต้องการความเฉลียวฉลาดทุกรูปแบบ ของมนุษยชาติบนโลกใบนี้ 00:13:19.502 --> 00:13:25.469 ทำงานร่วมกันในการแก้ปัญหา กับความท้าทายหลายเรื่องที่พวกเราเจอในสังคม 00:13:25.469 --> 00:13:27.791 เราไม่สามารถสูญเสียมันสมองอีกต่อไปแล้ว NOTE Paragraph 00:13:27.791 --> 00:13:30.136 ขอบคุณมากครับ NOTE Paragraph 00:13:30.136 --> 00:13:34.136 (เสียงปรบมือ)