สวัสดีค่า วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
กลับมาอีกครั้งนะคะ กับซีรี่ส์ที่ทุกคนเรียกร้อง นั่นก็คือซีรี่ส์
ดราม่าระดับเทพ นั่นเองค่ะ
หลังจากที่ห่างหายไปค่อนข้างนานนะคะ
เห็นชื่อเรื่องด้านล่างกันมั้ยคะ
เป็นไง มีความละครดราม่าสมัยใหม่มั้ย
เล่ห์รักกามเทพนะคะ
ขอบอกเลยว่า นี่ไม่ใช่ละครสมัยใหม่ค่ะ
แต่เป็นดราม่าระดับเทพนะคะ
คือดราม่าของเหล่าเทพจริงๆ
และกามเทพในที่นี้ก็หมายถึงกามเทพจริงๆ ค่ะ
แต่ว่าไม่ใช่กามเทพแบบคิวปิดของฝั่งกรีกโรมันนะคะ
วันนี้เรากลับไปที่จุดเริ่มต้นของซีรี่ส์ ดราม่าระดับเทพ ของเราค่ะ
เพราะว่าวันนี้เราจะมาพูดถึงเทพของศาสนาพราห์มณ์ฮินดูกันนะคะ
ซึ่งเนื้อหาที่วิวจะนำมาเล่าในวันนี้เนี่ย
เป็นเรื่องราวที่ตัดตอนมาจากตำนานเทพอะไรต่างๆ มากมายค่ะ
ซึ่ง เช่นเคยเลย ขอย้ำอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้งว่า
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปากบ้าง
บันทึกบ้างอะไรบ้าง
ดังนั้นนะคะ มันจะมีหลากหลายเวอร์ชันเต็มไปหมดเลยค่ะ
นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คน
ไปอ่านเวอร์ชันนั้นเวอร์ชันนี้มาแล้วก็
รู้สึกว่า เฮ้ยเนื้อหามันไม่เหมือนกับที่วิวเล่านะคะ
สำหรับตัววิวเนี่ยนะคะ พอตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องนี้
ก็ไปหาอ่านมาค่อนข้างหลายเวอร์ชันเลยค่ะ
แล้วก็เลือกเอาเวอร์ชันที่น่าจะมันส์ที่สุดขึ้นมานะคะ
แต่อย่างไรก็ตาม วิวอาจจะไม่ได้เล่าแบบ
เวอร์ชันเดียวเปีะๆๆๆ
ดังนั้น ถ้าใครจะนำไปอ้างอิง จะนำไปเรียนหนังสืออะไร
แนะนำให้ไปหาอ่านเพิ่มค่ะ
วิวลงอ้างอิงไว้ให้ด้านล่างนะคะ สามารถไปหาอ่านกันได้
ซึ่ง เวอร์ชันหลักๆ ที่วิวจะนำมาเล่าในวันนี้เนี่ย
มาจากเล่มนี้ ภารตนิ ยายนะคะ
ของศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ศ รี แย้มนัดดา ค่ะ
ซึ่งเนื้อหาด้านในเนี่ย อาจารย์เหมือนจะรวบรวมมาจาก
หลายแหล่งเหมือนกันนะคะ
ถ้าเกิดสมมติว่าไปหาอ่านเอง ไปเจอเวอร์ชันศิวะปุราณะ
หรืออะไรอย่างนี้ เนื้อหาข้างในก็อาจจะต่างกันออกไปค่ะ
ดังนั้น ลองไปหาอ่านกันดูได้นะคะ
ไม่น่ายากอะไรค่ะ สำหรับตอนนี้
อย่าลืมกดติดตามวิวให้ครบทุกช่องทางนะคะ
จะได้ไม่พลาดคลิปวิดีโอสนุกๆ แล้วก็ข่าวสารดีๆ จากช่อง Point of View ค่ะ
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก และก็มีสาระกันหรือยังคะ
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ ไปฟังกันเลยค่ะ
เรื่องราวความรักของกามเทพในครั้งนี้นะคะ
เกิดขึ้นที่เมืองของอสูรตนนึงค่ะ
ชื่อว่าวัชรนาภ วัชระแปลว่าเพชร นาภะแปลว่าพุง
แปลว่าผู้มีพุง สะดือเป็นเพชร นั่นแหละ ประมาณนั้น
เอาเป็นว่า วัชรนาภเนี่ยนะคะ เป็นอสูรตนนึง
ที่ค่อนข้างจะเก่งกล้าสามารถมากๆ ค่ะ
วัชรนาภเนี่ยนะคะ มีปัญหาอยู่ข้อนึงค่ะ
คือรู้สึกว่า ตัวเองเนี่ย ทำไมจะต้องแพ้อยู่ตลอดเวลานะคะ
เพราะว่าในยุคของวัชรนาภเนี่ย
เกิดมีคนคนนึงเกิดขึ้นนะคะ นั่น ก็คือ
พระกฤษณะนั่นเองค่ะ
พระกฤษณะนี่เป็นอวตารอีกปางนึงของพระนารายณ์นะคะ
ลงมาต่อจากพระรามนั่นแหละ
อวตารลงมาก็ไล่ปราบอสูร ไล่ปราบพวกแทดอะไรต่างๆ
ตายกันไปเป็นหมู่เหล่า เป็นหมู่คณะเลยนะคะ
ไม่ใช่แค่พระกฤษณะคนเดียวนะคะที่ไล่ปราบแทด ไล่ปราบอสูรอะไรต่างๆ
ลูกๆ ของพระกฤษณะเนี่ยนะคะ ก็ช่วยกันปราบช่วยกันอะไรด้วย
รวมไปถึงลูกชายคนนึงของพระกฤษณะนะคะ ที่ชื่อ
ว่าปรัทยุมน์นะ คนนี้ก็ช่วยพ่อปราบแทดปราบอสูรอะไรต่างๆ
เรียกได้ว่า ล้มหายตายจากกันแทบจะล้างโคตรเลย ว่าอย่างนั้นเถอะค่ะ
พอมีปัญหาแบบนี้ ถามว่าวัชรนาภยอมมั้ยนะคะ
วัชรนาภไม่ยอมนะคะ วัชรนาภบอกว่า
เฮ้ย ฉันจะต้องอัพเกรดตัวเอง คือแบบ
ใครจะยอมแพ้ตลอดไปแบบนี้!
ศึกษามาจากเหล่าบรรพบุรุษ อสูรต่างๆ ในเรื่อง รามเกียรติ์แล้ว
เวลารู้สึกว่าตัวเองอ่อนเกินไป จะต้องไปขอพรจากเทพเจ้าองค์นึง
นั่นก็คือ พระพรหมนั่นเองค่ะ
ดังนั้นวัชรนาภนะคะ ก็เลยตัดสินใจไปนั่งสมาธิ บำเพ็ญตบะ
อะไรต่างๆ นะคะ เรียกได้ว่า ระลึกถึงคุณของพระพรหมอย่างยิ่งยวดเลยนะคะ
จนกระทั่งในที่สุดค่ะ พระพรหมก็รู้สึกว่าเห็นใจนะ
ประมาณว่า อุ้ย อสูรตนนี้อีกแล้ว มันจะต้องขอะไรฉันแน่ๆ เลย
ก็เลยลงมาหานะคะ แล้วก็ถามวัชรนาภว่า
อะ วัชรนาภ บำเพ็ญเพียรมาขนาดนี้
อยากได้อะไร ไหนบอกข้ามาซิ
วัชรนาภนะคะ ก็เริ่มด้วยการ
เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระพรหมฟังก่อนค่ะ
ประมาณว่า ตอนนี้พวกเราเหล่าอสูร
กำลังเดือดร้อนอย่างยิ่งยวด
เพราะว่าพระนารายณ์เนี่ยอวตารลงมาเป็นพระกฤษณะ
พออวตารลงมาแล้วก็ไล่ปราบแพดปราบอสูร
โดยเฉพาะลูกของพระกฤษณะ ก็ไล่ปราบๆๆ ตายกันเรียบ
แม้แต่เพื่อนสนิทของข้า หรือว่าญาติของข้า
ก็ไม่รอดไปหมดเลย ทำให้พวกเราเหล่าอสูรเนี่ย
เดือดร้อนหนักมาก ท่านต้องช่วยเรานะ
ซึ่งถามว่าพระพรหมได้ยินอย่างนั้นแล้ว พระพรหมว่ายังไงนะคะ
พระพรหมบอกว่า เอ๊า ก็ดีแล้วนี่ ก็ถูกแล้ว
ก็เหล่าอสูรมันอาละวาดอะไรต่างๆ
พระนารายณ์ก็ต้องอวตารลงมาปราบสิ
จะผิดไปได้ยังไง ก็ข้าจะช่วยยังไง
ก็มันผิดจริงอะ ซึ่งวัชรนาภ
ได้ยินอย่างนั้นก็บ อกว่า แต่เดี๋ยวก่อน!
พระพรหมอย่าเพิ่งตัดสินสิว่าทุกคนควรจะโดนปราบ
อสูรดีๆ ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ เช่น
อสูรของข้าเป็นต้น ท่านน่ะไม่ควรจะปล่อยให้เราเหล่าอสูรเนี่ย
จะต้องตายเปล่าไปหมดแบบนี้นะ
ท่านจะต้องเหลือบางตนเอาไว้
ซึ่งพระพรหมก็แบบ อยู่ดีๆ ก็เคลิ้ม
แล้วก็เห็นด้วย ประมาณว่า เอ้อ จริงด้วย
เจ้าอาจจะเป็นอสูรที่ดีก็ได้ เนี่ยดูซิ
เจ้านั่งบำเพ็ญตบะ นึกถึงข้ามาตั้งเป็นพันๆ ปี
เอ้อ โอเค ไหนอยากได้อะไร ขอมาซิ
ซึ่งวัชรนาภนะคะ ก็เลยตัดสินใจ ขอพรไปข้อนึงค่ะ
จริงๆ แต่ละเวอร์ชันขอพรไม่เหมือนกันนะ
แต่ว่า ในเวอร์ชันนี้ ขอพรไว้บอกว่า
เอาอย่างนี้นะ ข้าไม่ได้คิดอยากจะมี
พลังพิเศษอะไรมากมายหรอก ขอแค่อย่างเดียว
คือข้าเคยได้ยินเรื่องราวของอสูรในอดีต
ที่มีเมืองวิเศษอะไรอย่างนี้
ข้าอยากได้แบบนั้นบ้าง
คือ ขอให้เมืองของข้าเนี่ย เป็นเมืองที่คนมองไม่เห็น
ไม่มีใครสามารถเข้ามาตีได้
ยกเว้นว่า ถ้าใครอยากเข้าเมืองเนี่ย
ข้าจะต้องอนุญาตก่อน ประมาณว่า
ก็เมืองของฉันก็ตั้งอยู่ตรงนี้ ใครจะเข้ามาฉันต้องอนุญาตก่อน
แปลว่า ไม่มีใครจะสามารถเข้ามาตีเมืองเมืองนี้ได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต นะคะ
ก็ขอให้มันเป็นที่หลบภัยแหล่งสุดท้าย ของเหล่าอสูร ได้มั้ย นะคะ
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ
พระพรหมก็เคลิ้มไปเคลิ้มมา ก็มอบพรข้อนี้
ให้ไปเรียบร้อยค่ะ เสร็จแล้วพระพรหมก็กลับสวรรค์ไปเช่นเคยนะคะ
เรื่องราวหลังจากนั้นค่ะ แน่นอนว่า
ก็ตามสเต็ปเลย วัชรนาภรู้สึกว่า
เฮ้ยในตอนนี้ ในที่สุด ฉันก็มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว
จัดการมันเลยจ้า! ว่าแล้วนะคะ
วัชรนาภก็ยกทัพออกไปไล่ตีเมืองนั้นเมืองนี้ทั่วโลกไปหมดเลยค่ะ
ซึ่งถามว่าวัชรนาภนี่เก่งมั้ย
ก็เก่ง แต่ว่าไม่ได้เก่งขนาดนั้น
แต่ถามว่าทำไมถึงรบแล้วชนะนะคะ
เพราะว่าทุกครั้งที่รู้สึกว่าจะแพ้
วัชรนาภก็จะถอยทัพกลับเข้าเมือง
ปุ๊บ ก็ไม่มีใครตามมาจัดการได้ นึกออกมั้ย
คือเวลาใครแพ้เนี่ย เขาก็จะหนีเข้าเมืองกัน
แต่ว่าฝั่งชนะสามารถเข้าไปตีเมืองเขาได้ไง
อันนี้ก็แบบ ถ้าฉันถอนทัพทุกอย่างก็จบจ้า
ฉันเข้าเมืองแล้ว ไม่มีใครทำอะไรฉันได้
นะคะ ด้วยความสามารถข้อนี้ค่ะ ทำให้วัชรนาภเนี่ย
สามารถตีชนะๆๆๆ
ไปแทบจะรอบโลกเลยค่ะ
หลังจากที่มีอำนาจมากมายแล้วเนี่ยนะคะ
วัชรนาภก็คิดการใหญ่ขึ้นมาค่ะ
อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาได้ว่า เออ จะว่าไป พระอินทร์นี่ก็ปกครองสวรรค์มานานแล้วนะ
ทำไมเราถึงไม่ได้ปกครองสวรรค์บ้างอะ
อยากปกครองสวรรค์บ้างจังเลย ขึ้นไปแย่งสวรรค์จากพระอินทร์ดีกว่า
น่ะ คิดอย่างนี้ได้นะคะ อสูรก็ต้องตีกับพระอินทร์
ก็เป็นเรื่องปกตินะ
แต่ ถามว่าวัชรนาภเนี่ยมีความพิเศษยังไง
วัชรนาภนะคะ เป็นพี่น้องกับพระอินทร์ค่ะ
แต่ว่า เป็นพี่น้องต่างแม่กัน
คือมีพ่อร่วมกัน ได้แก่
พระกัศยปเทพบิดรนั่นเองนะคะ
ดังนั้น วันนึงค่ะ วัชรนาภก็เลย
ขึ้นไปข้างบนนะคะ ไปเยี่ยมพระกัศยปเทพบิดรค่ะ
ไปถึงก็บอกว่า สวัสดีครับคุณพ่อ ผมมาเยี่ยม
แน่นอนว่าพ่อก็จะต้องแบบ ลูกรัก มาเยี่ยมพ่อทำไมรึ
จริงๆ ตอนนี้พ่อกำลังทำยัญชพิธีอยู่
ยัญชพิธีคือพิธีแบบว่า บูชายัญ อะไรอย่างนี้ ยิ่งใหญ่นะคะ
แต่ว่าพอเห็นลูกมาเยี่ยมเนี่ย พระกัศยปเทพบิดรก็ดีใจไง
ก็แบบ ละมือจากยัญชพิธีแว้บนึง มาคุยกับลูกก่อน
วัชรนาภก็บอกว่า พ่อ ผมอะมีเรื่องสงสัยมากเรื่องนึง จะมาถามพ่อ
คือพ่อเนี่ย ก็มีลูกตั้งเยอะตั้งแยะ
ทำไมพ่อถึงยกสวรรค์ให้พระอินทร์ดูแล
ผมก็เป็นลูกของพ่อเหมือนกัน ผมก็ควรจะมีสิทธิ์เท่ากับพี่เขาไม่ใช่เหรอ
ดังนั้นเนี่ย พระอินทร์ปกครองสวรรค์มาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้น่าจะได้เป็นเวลาของผมแล้ว ที่จะขึ้นปกครองสวรรค์แทนพระอินทร์
พ่อยกสวรรค์ให้ผมแทนพระอินทร์เถอะ
ซึ่งพระกัศยปเทพบิดรนะคะ ได้ยินอย่างนั้นก็แบบ
เออะ ใช่มั้ย ใช่เรื่องหรือเปล่า
คือ ให้ลูกคนนึงไปแล้ว จะให้โยกมาให้อีกคนนึง
ก็ไม่ใช่เรื่อง แต่จะห้ามก็แบบ
เออ เหตุผลที่เขายกมามันก็จริง ก็ลูกเท่ากัน
ทำไมเราถึงให้ลูกคนนี้ ทำไมเราถึงไม่ให้ลูกคนนั้น ประมาณนั้นนะคะ
พอเถียงไม่ได้นะคะ พระกัศยปเทพบิดรก็เลยใช้วิธี
บอกปัดค่ะ ประมาณว่า โอ๊ยๆ เดี๋ยวนะลูก
ลูกจำได้มั้ยเมื่อกี้พ่อบอกว่าพ่อทำอะไรอยู่
พ่อกำลังทำยัญชพิธีอยู่ พ่องานยุ่ง!
เนี่ย เดี๋ยวรอพ่อบูชาเทพเจ้าอะไรเสร็จเดี๋ยวพ่อมาคุยด้วยนะ
เดี๋ยวตอนนั้นเราค่อยตกลงกันว่าจะแบ่งกันยังไงดี
ตอนนี้พ่อขอไปทำยัญชพิธีต่อก่อน
ซึ่ง วัชรนาภก็ถามว่า อ้าวแล้วพ่อจะว่างอีกนานมั้ย
ข้าจะได้นั่งรอ อะไรอย่างนี้ พ่อก็บอกว่า
อุ้ย แป๊บเดียว เดี๋ยวพ่อก็ไหว้เสร็จแล้ว
ขอเวลาไปไหว้ต่ออีกสิบปีเท่านั้นแหละลูก!
ว่าแล้วนะคะ พระกัศยปเทพบิดรก็สะบัดก้น ชึ่บ
แล้วก็กลับไปทำยัญชพิธีต่อค่ะ
ทิ้งให้วัชรนาภนะคะ นั่งเซ็งเลย
ประมาณว่า อ้าวแล้วฉันจะทำยังไง ฉันจะต้องยังไงต่อ
แล้วพ่อไม่คุยด้วยนะคะ อย่างไรก็ตามค่ะ
วัชรนาภก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอพ่อไปนะคะ
ตัดภาพกลับมาที่เมืองของวัชรนาภค่ะ
วัชรนาภมีลูกสาวอยู่คนนึงนะคะ ชื่อว่า ประภาวดีค่ะ
เป็นผู้หญิงที่สวยม๊าก ตามสไตล์ของนิทานสันสกฤตทุกเรื่องนะจ๊ะ
ปรากฏว่า ลูกสาวของวัชรนาภเนี่ย
ก็มีปัญหาเหมือนที่สาวๆ คนอื่นมีล่ะค่ะ ก็คือ
หลังจากที่อยู๋มาเรื่อยๆ ก็จำเริญวัยขึ้น
ถึงเวลาที่จะต้องแต่งงานค่ะ
แต่ว่า ประภาวดีเนี่ย ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันเนี่ยนะ
ไม่เคยหลงรักผู้ชายคนไหนเลย
ไม่ว่าพ่อจะหาใครมาให้ ไม่ว่าพ่อจะแนะนำใคร
พูดถึงใคร ประภาวดีก็แบบ ไม่อะพ่อ
ไม่สนใจ ไม่ชอบ ไม่หล่อ ไม่เอา
ปัดทิ้งหมดนะคะ ทีนี้ พ่อก็กลุ้มใจค่ะ ทำอะไรไม่ถูก
จนกระทั่งวันนึงนะคะ วัชรนาภเนี่ย
นั่งอยู่ในเมือง บังเอิญว่าตอนนั้นค่ะ
พระนารทฤๅษีเนี่ย เหาะผ่านมา
พระนารถฤๅษีเนี่ย เป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความรู้เรื่องต่างๆ เกี่ยวกับจักรวาลเต็มไปหมดนะคะ
เรียกได้ว่า เป็นเหมือนเจ้ากรมข่าวประจำวรรณคดีสันสกฤต ว่าอย่างนั้นเถอะ
ถามอะไร รู้หมด ประมาณนั้น
วัชรนาภเนี่ย ชอบคุยกับพระนารทฤๅษี
ก็เลยเชิญพระนารทฤๅษีเข้ามาในเมือง
เข้ามาก็นั่งในวังกัน คุยกันประมาณว่า
เป็นไงบ้างท่าน มาไหนจากไหน อะไรยังไง
คุยกันไปคุยกันมา ปรับทุกข์กันค่ะ
พระนารทฤๅษีเนี่ย ถามสารทุกข์สุขดิบของวัชรนาภ
วัชรนาภก็เลยเล่าขึ้นมาให้ฟัง บอกว่า
เนี่ย นอกจากเรื่องตีสวรรค์นะ
ข้าก็เครียดอยู่เรื่องเดียวนี่แหละ ก็คือ
ข้าน่ะอยากให้ลูกสาวข้าแต่งงานม๊าก แต่ลูกสาวข้าไม่สนใจใครเลย
ท่านพอจะรู้มั้ยว่าใครเป็นเนื้อคู่ของลูกข้า
ข้าจะได้ไปตามหามาให้
คือข้าก็เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้ นะคะ
ปรากฏว่า พระนารทฤๅษีเนี่ย พูดขึ้นมาชื่อนึง
ประมาณว่า โอ๊ย จะไปยากอะไร
เนื้อคู่ของลูกสาวเจ้าอะนะ เขาเป็นพรหมลิขิตกันมาตั้งแต่เกิดแล้ว
สาเหตุที่ลูกสาวเจ้าไม่สนใจใครเลยอะ
เพราะว่าเนื้อคู่ของลูกสาวเจ้า ชื่อว่าปรัทยุมน์
เป็นลูกของพระกฤษณะนั่นเอง!
ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้นนะคะ วัชรนาภแบบ ไม่ได้!
ท่านจะบ้าเหรอ นั่นมันศัตรูคู่แค้นของเรานะ
เราเกลียดพระกฤษณะมากถึงขั้นต้องไปขอพรจากพระพรหมเลยนะ
พระกฤษณะไล่ฆ่าอสูรต่างๆ
แล้วท่านจะให้ข้าเอาลูกสาวไปยกให้ปรัทยุมน์ได้ยังไง
ทำไมท่านถึงคิดว่าสองคนนี้เป็นเนื้อคู่กัน
พระนารทฤๅษีนะคะ ก็บอกว่า
อ๋อ เรื่องนี้มันเรื่องพรหมลิขิต ท่านไปฝืนพรหมลิติไม่ได้หรอก
ยังไงสองคนนี้ก็เกิดมาคู่กัน
เพราะว่าในชาติที่แล้วเนี่ยนะ
ปรัทยุมน์คือกามเทพ
ซึ่งใครๆ ก็รู้นะคะว่าพระชายาของกามเทพเนี่ย ชื่อว่านางรตี
สองคนนี้รักกันม๊ากนะคะ รักกันสุดๆ
ปัญหาก็คือ ถามว่าประภาวดีชาติที่แล้วเป็นใคร
ประภาวดีนะคะ ชาติที่แล้วเป็นนางอัปสรค่ะ
ที่หลงรักพระกามเทพมากๆ นะคะ
แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยแอบติดตามพระกามเทพไปทุกที่ๆๆๆ เลยค่ะ
จนกระทั่งในที่สุดนะคะ วันนึงกามเทพก็ไปก่อกวนพระศิวะเ ข้าน่ะนะ
จนกระทั่งตัวเองโดนเผา ร่างหายไหม้เป็นจุลนะคะ
เหลือแต่คอนเซปต์ของความเป็นกามเทพลอยไปลอยมา
ซึ่งตรงนี้สามารถไปฟังได้จาก ดราม่าระดับเทพ เรื่อง
พระอุมากับพระศิวะ กามเทพ อะไรประมาณนี้นะคะ
วิวเคยเล่าไว้แล้ว สามารถกดไปดูได้ตรงนี้เลยค่ะ
เอาเป็นว่า หลังจากที่กามเทพร่างกายหายไปเนี่ยนะคะ
เรื่องราวทั้งหมดก็เริ่มต้นขึ้นค่ะ
เพราะว่าคนที่น่าสงสารที่่สุดในเรื่องนี้ก็คือนางรตีนั่นเอง
นางรตีนี่อยู่ดีๆ ก็ผัวหายไง เหลือแต่คอนเซปต์
ดังนั้นนะคะ นางรตีก็เลยได้รับพรข้อนึงจากพระศิวะค่ะ
ว่าเดี๋ยวในอนาคตข้างหน้านะ
เมื่อไรก็ตามที่พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระกฤษณะเนี่ย
กามเทพจะได้อวตารลงมาเกิดด้วยเช่นกันนะคะ
ลงมาเป็นลูกของพระกฤษณะ
แล้วตอนนั้นเองเนี่ย นางรตีก็จะได้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์เหมือนกัน
ถึงเวลานั้น ทั้งคู่ก็จะสามารถมีร่างกาย
แล้วก็สามารถอยู่ด้วยกันได้อีกระยะเวลานึง
เป็นอีกครั้งนึงนะคะ ก่อนที่ทั้งคู่จะตายจากการเป็นมนุษย์
แล้วก็กลับไปอยู่บนสวรรค์เหมือนเดิมค่ะ
ซึ่งถามว่านางอัปสรที่หลงรักกามเทพเนี่ยลงมาด้วยมั้ย
ก็ลงมานั่นแหละ ลงมาเป็นลูกสาวของท่าน
ดังนั้นนะคะชาติที่แล้วรักกามเทพยังไง
ชาตินี้ลูกสาวของท่านก็จะรักกามเทพอยู่อย่างนั้นล่ะ
ถามว่า ปรึกษาไปปรึกษามานะคะ
วัชรนาภก็แบบ โอ๊ย โน
เรื่องไร้สาระ ข้าไม่เชื่อหรอกพระนารทฤๅษี
ช่างมัน เรื่องนี้เราปัดตกไปแล้วกันนะ ไม่ต้องมีใครมารู้หรอก
แต่ปัญหาคือ ทั้งสองไม่ได้คุยกันอยู่ในที่ลับขนาดนั้นไง
เรื่องมันก็กระจายไป
ดังนั้นนะคะ คนที่ได้ยินเรื่องนี้คือใคร
คือนางประภาวดีนั่นเองค่ะ นางประภาวดีได้ยินเรื่องราวทั้งหมดครับเลยนะคะ
ปรากฏว่า ถามว่าได้ยินแล้วเกิดอะไรขึ้น
เรื่องความรักห้ามกันไม่ได้ค่ะ
แค่ได้ยินแค่นี้ ประภาวดีแบบ โอ๊ะ
หัวใจเต้น นี่ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ที่ฉันได้ยินชื่อผู้ชายแล้วฉันหัวใจเต้น
คือที่ผ่านมา หล่อขนาดไหน ดีขนาดไหน
ฉันไม่เคยแคร์เลย ได้ยินชื่อของผู้ชายคนนี้ครั้งแรก
ฉันแบบ นี่แหละเนื้อคู่ของฉัน
แค่ได้ยินการบรรยายถึงหน้าตา ฉันก็หลงหัวปักหัวปำ
แทบจะเป็นพระเพื่อนพระแพง หลงพระลอแล้ว คือแบบ
อยากได้มากก อยากได้คนนี้เป็นผัวมากๆ
ทำยังไงดี นะคะ
ทำให้นางประภาวดีเนี่ย ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับนะ
อยากได้ปรัทยุมน์เนี่ย เป็นผัวมากๆๆๆ เลยค่ะ
แต่ถามว่าอยากได้ไปแล้ว ทำอะไรได้มั้ย
ก็ทำไม่ได้นะคะ เพราะว่าทั้งสองคนไม่รู้จักกัน
ปรัทยุมน์ไม่รู้จักนางเลยแม้แต่น้อย
นางเป็นผู้หญิง นางก็โดนขังอยู่ในเมือง
แล้วเมืองนี้ ถามว่าออกไปข้างนอกได้มั้ย ออกไม่ได้!
แล้วถามว่าคนข้างนอกจะมารู้จักนางได้มั้ย ก็ไม่ได้ เพราะเข้าเมืองไม่ได้ค่ะ
ดังนั้นเรื่องราวก็ค้างคาแบบนี้มาเรื่อยๆ นะคะ
จนกระทั่งวันนึงค่ะ ด้วยความเครียดของนางนะ
นางก็เลยไปเที่ยวสวนนะคะ แล้วก็ไปนั่งเหม่อมองสระบัวอยู่ในสวน
เหม่อไปเหม่อมา ปรากฏว่า
ตอนนั้นเนี่ยนะคะ มีฝูงหงส์ฝูงนึงค่ะ
บินร่อนลงมา แล้วก็ลงมาแวะเล่นน้ำในสวนตรงนั้นพอดี
ซึ่งประภาวดีเนี่ยนะคะ เห็นหงส์สีขาวฝูงใหญ่มาอยู่ตรงนั้น
ก็รู้สึกว่าแบบ หงส์สวยจังเลย น่าร๊าก อะไรอย่างนี้
ก็เลยเดินเข้าไปแล้วก็ลูบหัวหงส์นะคะ
ซึ่งไม่แนะนำให้ทำนะจ๊ะ
สำหรับใครที่เคยไปเที่ยวเมืองนอก โดยเฉพาะยุโรป แล้วเคยเห็นหงส์
จะรู้ว่า มันคือห่านดีๆ นี่เอง มันดุมากนะจ๊ะทุกคน
ไล่กัดนะคะ อย่าทำตาม โอเคนะ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นนิทานค่ะ
ดังนั้นสัตว์ในนิทานทุกตัวมันจะเฟรนด์ลี มีความเจ้าหญิงดิสนีย์กันนิดนึงนะจ๊ะ
ดังนั้นประภาวดีก็เลยลูบหัวหงส์ค่ะ ลูบไปลูบมา
นางหงส์ก็เลยหันมาถามว่า อ้าวสวัสดีจ้า ชื่ออะไรน่ะเรา
ไหนมาลูบหัวข้าทำไม เครียดอะไรเหรอ เล่าให้ฟังหน่อย นะคะ
ประภาวดีก็เลยมีความเมาท์กับหงส์ค่ะ
ประมาณว่า เออ เจ้านี่ดีเนอะ
เป็นสัตว์เนี่ย สามารถเข้าออกเมืองข้าได้อิสระ
ถ้าเจ้าเป็นมนุษย์ เป็นแทด เป็นอสูรเนี่ย
เข้าไม่ได้ นอกจากพ่อข้าจะอนุญาตเลย
ดีจังที่เจ้าอยากบินไปไหนก็ได้ เป็นอิสระ
อยากจะบินมาพักตรงนี้ จะบินไปตรงนั้น บินไปตรงไหนก็ได้
ข้าอยากเป็นอิสระแบบนี้บ้างจังเลย
เพราะว่าตอนนี้ข้ากำลังมีความรัก
และเป็นความรักที่ไม่สมหวังแน่ๆ
หงส์นะคะ ด้วยความฟังเรื่องไม่จบ
ก็เลยถามประมาณว่า เอ๊า ไหนมีความรักอะไรกับใคร
ไหนเล่าให้ข้าฟังหน่อยซิ
รู้มั้ยนี่ว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นหงส์ที่มีชื่อเสียงมากๆ นะในวรรณคดีสันสกฤต
ตอนที่พระนลกับนางทมยันตีจีบกันน่ะ ก็ข้านี่แหละ เป็นแม่สื่อให้
ไหน รักใครบอกข้าซิ เดี๋ยวข้าเป็นแม่สื่อให้
ข้านี่หงส์ระดับตำนานเลยนะจ๊ะทุกคน
ซึ่ง นางประภาวดีนะคะ ก็เลยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หงส์ฟังค่ะ
ประมาณว่า ข้านี่หลงรักผู้ชายคนนึง ชื่อว่าปรัทยุมน์นะ
แต่เขาไม่เคยรู้เลยว่าข้ามีตัวตนอยู่
แล้วข้าก็แบบ รักเขาม๊ากก
อยากได้เขาเป็นผัวอะไรอย่างนี้ จะทำยังไงดี นะคะ
หงส์ก็เลยบอกว่า ไม่ยาก เดี๋ยวข้าสื่อให้
ว่าแล้วนะคะ หงส์เนี่ยก็เลยตัดสินใจบินออกจากเมืองของวัชรนาภเนี่ย
บินข้ามไปที่เมืองทวารกา ซึ่งเป็นเมืองของพระกฤษณะ
ไปถึงก็ไปร่อนลงแบบฝูงใหญ่มาก นึกสภาพเมืองมนุษย์อะ
แล้วมีฝูงหงส์ฝูงใหญ่สีขาวนะคะ ร่อนลงมากลางเมือง
คนก็จะต้องมีความมุงนิดนึงอะ มีความอุ้ยๆ หงส์สวย อุ้ยสวยจังเลย อะไรอย่างนี้นะคะ
รวมไปถึงปรัทยุมน์ ก็ไปมุงกับเขาด้วยค่ะ
หงส์นี่หันไปเห็นปรัทยุมน์ก็รู้สึก
ว่าคนนี้มีสง่าราศีผิดปกติ
ใช่แน่ๆ นี่จะต้องเป็นเป้าหมายของเราแน่ๆ
เดินเข้าไปคุยด้วยดีกว่า
ว่าแล้วนะคะ ปรัทยุมน์ก็ได้คุยกับหงส์ค่ะ
หงส์ก็บอกว่า นี่ข้ามีความลับจะมาบอก
แต่คุยตรงนี้ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร เราไปคุยกันที่ลับๆ ดีกว่านะ
ทั้งหนึ่งคนและหนึ่งตัวเนี่ยนะคะ ก็เลยไปแอบคุยกันที่ลับๆ ค่ะ
เจ้าหงส์เนี่ยก็เล่าให้ปรัทยุมน์ฟังหมดเลยนะ ประมาณว่า
มีผู้หญิงคนนึงเขาแอบชอบเจ้าอยู่รู้หรือเปล่า
เนี่ยเป็นกามเทพซะเปล่า ต้องให้ข้าเป็นสื่อรัก
เขาอะชอบเจ้ามาก ไม่รู้จะทำยังไง
เนี่ยนะ เขาเป็นผู้หญิงคนนี้ ชื่อนั้น อยู่ในเมืองนี้
ก็เล่าๆ เล่าให้ฟังหมดนะคะ
ปรัทยุมน์ได้ยินอย่างนั้นก็แบบ อู๋ จริงเหรอออ
มีผู้หญิงชื่อประภาวดีชอบข้าเหรอ
โอ้ ได้ แต่ข้าเข้าไปเมืองของนางไม่ได้น่ะสิ
อาจจะต้องอาศัยเจ้าเนี่ยช่วยข้านิดนึง
คือฝากบอกประภาวดีหน่อย บอกว่าข้าก็สนใจนางเหมือนกัน เดี๋ยวข้าไปหา
แล้วก็ ฝากปล่อยข่าวไปรอบๆ เมืองของวัชรนาภหน่อย
ว่าเดี๋ยวจะมีคณะละครที่มีชื่อเสียงนะ
เป็นคณะละครแบบออกทัวร์อยู่
ไปทัวร์แถวเมืองของวัชรนาภ
ปล่อยข่าวนี้ให้หน่อยนะจ๊ะ
ซึ่งหงส์ได้ยินอย่างนั้นนะคะ ก็ตัดสินใจบินกลับไปอีกรอบนึง
เรียกได้ว่าเหมือนหงส์สื่อสารเลยนะ
ถ้าเป็นแฮร์รีนี่ก็นกฮูกสื่อสารแล้ว ว่าอย่างนั้นเถอะ
บินกลับไปอีกรอบนะคะ ไปหานางประภาวดี
แล้วก็ไปเล่าให้ฟังประมาณว่า ปรัทยุมน์เขาก็ชอบเจ้าเหมือนกันแหละ
เนี่ย เดี๋ยวข้าจะไปปล่อยข่าวนะว่ามีคณะละครที่มีชื่อเสียงที่สุดในดินแดนภารตมาเล่นแถวๆ เมืองพ่อเจ้า
พ่อเจ้าอะชอบดูละคร
รับรองว่า ได้ยินปุ๊บ เชิญเข้าเมืองปั๊บ
ไอ้ในละครนั้นน่ะ เดี๋ยวปรัทยุมน์ปลอม ตัวมาหาเจ้าแน่นอนนะจ๊ะ รอได้เลย
ตัดภาพกลับไปที่ปรัทยุมน์นะคะ ถามว่าทำอะไร ไปปลอมตัวเหรอ
เปล่า! ไปหาพ่อตัวเองค่ะ
ไปถึง รายงานให้พระกฤษณะฟังเรียบร้อย
ประมาณว่า พ่อ พ่อหาทางเข้าเมืองของวัชรนาภใช่มั้ย
ข้าหาได้แล้ว คือ นี่ ลูกสาวเขาชอบข้า
แล้วข้าเนี่ยก็แกล้งปล่อยข่าวไปเรียบร้อยแล้วว่า
มันจะมีคณะละครอะไรต่างๆ ไปเล่นแถวนั้น
รับรอง เดี๋ยวลูกสาวไปยุพ่อให้เชิญคณะละครเข้าเมืองแน่นอน
เดี๋ยวข้าเข้าไปเอง โอเคนะพ่อ
นัดแนะกันอย่างดี เดี๋ยวเราไปตีเมืองของวัชรนาภกัน
คือจังหวะนั้นน่ะเป็นจังหวะที่พระอินทร์กับพระกฤษณะกำลังปรึกษาอะไรกันอยู่พอดี
เพราะช่วงนั้นเนี่ย ทั้งคู่ก็เริ่มรับรู้แล้วว่า
วัชรนาภกำลังจะไปตีสวรรค์
ดังนั้น ในฐานะพันธมิตร ในฐานะคนที่จะต้องปราบอสูร
ก็หาทางจะไปตีไอ้เมืองนี้อยู่นี่แหละ
แต่ว่าหาทางไม่ได้ ประจวบเหมาะกับมีเรื่องลูกสาวเข้ามานี่แหละค่ะ
ดังนั้นนะคะ ปรัทยุมน์ก็เลยปลอมตัวเป็นคณะละครค่ะ
แล้วก็ไปเล่นละครอยู่แถวๆ เมืองของวัชรนาค่ะ
แน่นอนนะคะว่าเรื่องราวก็ต้องเป็นไปตามที่วางแผนไว้ค่ะ
พอถึงเวลาเนี่ย วัชรนาภได้ยินว่า
เหย มีละครชื่อดังมาเล่นอยู่แถวเมืองฉัน แล้วฉันก็เป็นคนต้องดูละคร
ดังนั้นนะคะ วัชรนาภก็เลยเชิญปรัทยุมน์ค่ะ เข้าเมืองซะอย่างนั้นเลยนะคะ
ก็เป็นอันว่า เมืองที่ตีถูกยากก็โดนเชิญเข้ามาด้วยความติดละครของเจ้าเมืองซะอย่างนั้นน่ะนะ
เข้ามาถึงนะคะ ปรัทยุมน์ก็จัดการเล่นละครต่างๆ
มันส์ถึงระดับที่ว่า วัชรนาภเนี่ย
สั่งไว้บอกว่า นี่ถ้าเจ้าไม่ได้มีโปรแกรมไปทัวร์ที่อื่น ยังคิดไม่ออกว่าจะไปไหนนะ
อยู่ในเมืองข้าไปก่อน อย่าเพิ่งไปไหนนะ
ตอนนี้ข้างานยุ่งๆ เดี๋ยวเวลาว่างข้ากลับมาดูต่อ
เพราะช่วงนั้นเนี่ยวัชรนาภรู้สึกว่าแบบ พ่อคงพึ่งอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไปตีเอาเองเลยดีกว่า
ประมาณนั้นค่ะ ซึ่งถามว่าพอปรัทยุมน์เข้ามาอยู่ในเมืองเนี่ย
เกิดอะไรขึ้นนะคะ
ระหว่างเล่นละครค่ะ แน่นอนว่าประภาวดีรู้อยู่แล้วใช่มั้ย
ว่าปรัทยุมน์จะเข้ามาในเมือง และจะแกล้งปลอมตัวมาเป็นตัวละคร
ดังนั้น ประภาวดีมานั่งดูละครทุกวันเลย
ประมาณว่า โอ๊ยตายแล้ว นี่แหละผู้ชายในฝันของฉัน
ยิ่งเห็นยิ่งชอบยิ่งรักนะคะ
ดังนั้นนะคะ ในคืนนึงค่ะ ปรัทยุมน์ก็เลยปลอมตัวนะคะ
แล้วก็ตัดสินใจว่าจะเข้าไปลองใจของประภาวดีก่อน
ว่าเฮ้ยรักเราจริงหรือเปล่า อะไรอย่างนี้
ก็เลยเริ่มจากการให้คนเนี่ยส่งดอกไม้ไปหาประภาวดีนะคะ
เป็นพวงมาลัยสวยงามเลย
ส่วนตัวเองเนี่ย แปลงร่าง แปลงเป็นแมลงเกาะพวงมาลัยไปค่ะ
ไปถึงก็ได้ยินประภาวดีกำลังคุยกับญาติๆ อยู่
ญาติๆ เนี่ยก็เป็นเหมือนแบบ พี่น้องผู้หญิงของตัวเองอะ
ก็สนิทๆ กันประมาณนี้ ก็คุยกันให้แซ่ดเลย
เมาท์กันอยู่ประมาณว่า ประภาวดี เธอรักกับปรัทยุมน์จะดีจริงๆ เหรอ
เนี่ยเชิญเขามาในเมืองแล้ว ถ้าพ่อเธอรู้เนี่ยจะเกิดอะไรขึ้น
พ่อเธอเนี่ยฆ่าเขาทิ้งแน่ๆ เลยนะ
ประภาวดีนะคะก็ตอบแบบเต็มปากเต็มคำเลยค่ะ
ประมาณว่า ถ้าพ่อฆ่าเขาทิ้งจริง
ฉันในฐานะที่ปักใจไปแล้วว่าฉันเป็นภรรยาของเขา
ฉันก็จะต้องตายตามสามีไป
คือฉันไม่ได้เห็นด้วยกับพ่อฉันเท่าไรหรอก
คือฉันก็ต้องตายตามสามีฉันไปอะนะ
ซึ่งทำให้ปรัทยุมน์นะคะได้ยินแล้วก็ดีใจมาก
ก็เลยคืนร่างกลับเป็นร่างของตัวเองค่ะ
แล้วก็แสดงตัวว่า ฮาย ประภาวดี ได้ข่าวว่าพูดถึงฉันเหรอจ๊ะ
ชอบฉันเหรอ นี่ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว นะคะ
ทำให้ประภาวดีตกใจมากค่ะ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูกนะ
ดังนั้นนะคะ ในคืนนั้น ประภาวดีกับปรัทยุมน์ก็เลยเข้าพิธีแต่งงานร่วมกันค่ะ
แล้วก็ไม่ได้เข้าแค่สองคนนะ แต่ว่าพาเอาญาติๆ ของประภาวดีที่นั่งเมาท์กันอยู๋อีกสองคนเนี่ย
กับคนที่ติดตามปรัทยุมน์มาอีกสองคน แต่งงานพร้อมกันทั้งหมดสามคู่เลยค่ะ
และแน่นอนว่าหลังจากนั้นก็จะต้องมีการพูดคุยกันเล็กน้อย
ประมาณว่า เฮ้ย แล้วเนี่ยฉันจะต้องสู้กับพ่อเธอ เธอจะโอเคเหรอ
อะไรอย่างนี้ แต่ประภาวดีบอกว่า
นี่จริงๆ ฉันเป็นผู้ภักดีต่อพระวิษณุ พระนารายณ์นะ
ดังนั้นฉันเห็นด้วยกับพ่อเธอมากกว่าพ่อตัวเองอีกอะ
เอางี้ ถ้าต้องสู้กันจริงๆ ฉันก็ยอม
เธอฆ่าๆ พ่อฉันไปเถอะ
ประมาณนั้นนะคะ คือ อะไร นี่พ่อตัวเองนะ!
อย่างไรก็ตามค่ะ ทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุข
เพราะว่าตอนนั้นวัชรนาภกำลังวุ่นวายกับการตีสวรรค์อยู่ค่ะ
จนกระทั่งวันนึงเนี่ยนะคะ วัชรนาภออกไปรบค่ะ
ก็ออกไปรบตามปกตินี่แหละ แต่ว่ารอบนี้แพ้
แล้วแพ้กระจุยเลยนะ แต่ว่าก็หนีกลับมาที่เมืองได้สำเร็จเหมือนปกติ
เสียไพร่พลไปค่อนข้างเยอะ แต่ตัวเองเนี่ยรอดกลับมา
กลับมาถึง ปรากฏได้ยินข่าว เขาลือกันให้แซ่ดทั้งเมืองสิ
ประมาณว่าลูกของท่านเนี่ยเสร็จลูกพระกฤษณะไปแล้วจ้า
ประมาณนั้นนะคะ วัชรนาภกลับมาถึง โกรธ!
โกรธเสร็จก็ไม่รู้จะทำยังไงนะคะ ก็เลยได้แต่ไปรบกับปรัทยุมน์ค่ะ
ซึ่งรบกันไปรบกันมาเนี่ย ก็เหมือนจะเพลี่ยงพล้ำเล็กๆ
เหมือนปรัทยุมน์จะแพ้เล็กๆ แต่ว่าสุดท้ายแล้วนะคะ
ไม่รู้อีท่าไหน อาจจะเพราะว่าปรัทยุมน์เข้าไปอยู่ในเมืองแล้วอะไรต่างๆ เนี่ย
พระกฤษณะ พ่อของปรัทยุมน์นะคะ ที่นัดกันเอาไว้เนี่ย
ก็สามารถบุกทะลวงเข้ามาในเมืองได้สำเร็จค่ะ
แล้วก็ใช้อาวุธวิเศษของตัวเองเนี่ย
ปาใส่หัวของวัชรนาภนะคะ
ปั่ก! ไป จนกระทั่งวัชรนาภตายในที่สุดค่ะ
เรื่องราวเนี่ย ก็เลยเหมือนจะจบลงตรงนี้นะ ตรงที่ปรัทยุมน์สั่งประภาวดีบอกว่า
ตอนนี้ข้าจะต้องกลับเมืองข้าแล้ว
ส่วนเจ้าเนี่ยมีลูกของข้าอยู่ในท้อง
ดังนั้น ขอให้เจ้าอยู่เลี้ยงลูกของเราให้โต
แล้วก็ให้ลูกของเราเนี่ย ปกครองเมืองนี้ต่อไป
เมื่อไรที่เจ้าหมดภาระตรงนั้นปุ๊บ ค่อยกลับเมืองทวารกาไปหาข้านะจ๊ะ
แล้วเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขค่ะ
ทำให้เรื่องนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
เป็นไงบ้างเรื่องนี้ ฟังแล้วสนุกมั้ย ดราม่ามั้ย
เหมือนละครรึเปล่านะคะ
ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆ มาดูด้วยกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่า
เป็นไงบ้างคะ ดราม่าระดับเทพในตอนนี้
สะใจมากมั้ย จริงๆ มันมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ มากมาย
ที่สามารถเล่าขยายไปได้เลยนะคะ เพราะว่า
เรื่องราวเกี่ยวกับเทพของพราห์มณ์ฮินดูเนี่ยมันต่อเนื่องกันไปหมด
สนุกสนานเลยค่ะ แม้แต่ประวัติของปรัทยุมน์เอง
ก็น่าเล่ามากๆ เหมือนกันนะ ดราม่าพอสมควรค่ะ
ดังนั้นถ้ามีโอกาสวันหน้าเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทีละเรื่องๆ นะคะ
วันนี้ลาไปก่อนค่ะ บ๊ายบาย
สวัสดีค่ะ