"ยาชนิดใหม่อาจรักษามะเร็งได้"
"แอสไพรินอาจลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย"
"การกินอาหารเช้าช่วยลดน้ำหนักได้"
พาดหัวข่าวสุขภาพแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่ว
และบางทีก็ขัดแย้งกันเอง
แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า
ความกังวลด้านสุขภาพที่แท้จริงคืออะไร
หรือแนวโน้มการรักษาที่เป็นไปได้
และสิ่งใดยังไม่อาจสรุปได้
ในทางการแพทย์
การพาดหัวข่าวกับผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
มักไม่มีความเชื่อมโยงกันอยู่บ่อยครั้ง
นั่นก็เพราะพาดหัวข่าว
ออกแบบมาเพื่อดึงดูดความสนใจ
ซึ่งจะได้ผลดีมาก
เมื่อทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่
แต่ในทางกลับกัน
งานวิจัยจะให้ผลลัพธ์ที่มีความหมาย
เมื่อมีการตั้งคำถามที่ไม่กว้างเกินไป
และมีความเจาะจง
วิธีที่ดีที่สุดในการก้าวข้ามช่องโหว่นี้
คือการอ่านเนื้อหาวิจัยต้นฉบับ
ที่อยู่หลังพาดหัว
เรามาเริ่มกันที่สถานการณ์ง่าย ๆ
โดยพาดหัวข่าวทั้งสามนี้
จะใช้ทดสอบทักษะของคุณ
ตั้งใจฟังคำอธิบายของการศึกษาแรกให้ดี
จากนั้นกดหยุดที่พาดหัวข่าว
เพื่อหาข้อผิดพลาด
ข้อมูลทั้งหมดที่สามารถใช้เพื่อหาจุดผิด
จะรวมอยู่ในนั้นด้วย
เริ่มต้นด้วยสถานการณ์สมมตินี้กัน
ในการศึกษาที่ใช้หนูเพื่อทดสอบยารักษามะเร็ง
การศึกษานี้แบ่งหนูออกเป็นสองกลุ่ม
กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยยาจริง ๆ
อีกกลุ่มรักษาด้วยยาหลอก
ในตอนท้ายของการทดลอง
หนูที่รักษาด้วยยาจริงหายจากโรค
ขณะหนูที่รักษาด้วยยาหลอกไม่หายจากโรค
คุณเห็นข้อผิดพลาดในพาดหัวข่าวนี้หรือไม่
"งานวิจัยพบว่ายาตัวใหม่รักษามะเร็งได้"
เนื่องจากหนูเป็นหัวข้อของการศึกษานี้
เรายังไม่อาจสรุปว่าสามารถรักษาในมนุษย์ได้
ด้วยผลการวิจัยนี้ได้
ในความเป็นจริง การวิจัยตัวยาใหม่ ๆ
และการรักษาจะไม่ใช้มนุษย์ในการทดลอง
แต่ถ้าหากผลการทดลองมีแววเป็นไปได้
จะมีการทดลองทางคลินิกตามมา
เพื่อตัดสินใจว่าใช้ในมนุษย์ได้หรือไม่
ตอนนี้คุณก็ได้อุ่นเครื่องไปแล้ว
งั้นมาดูตัวอย่างที่พลิกแพลงมากขึ้น
การศึกษาเกี่ยวกับผลของแอสไพริน
ต่อความเสี่ยงภาวะหัวใจวาย
การศึกษานี้
ได้แบ่งกลุ่มชายเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มหนึ่งให้กินแอสไพรินทุกวัน
ขณะที่อีกกลุ่มให้กินยาหลอกแทนทุกวัน
ในตอนท้ายของการทดลอง
กลุ่มที่ไม่ได้กินแอสไพรินมีภาวะหัวใจวาย
อย่างมีนัยสำคัญ
มากกว่ากลุ่มที่กินแอสไพริน
จากสถานการณ์นี้ พาดหัวข่าวนี้ผิดอย่างไร
"แอสไพรินอาจลดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวาย"
ในกรณีนี้ การศึกษาแสดงให้เห็นว่า
แอสไพรินลดภาวะหัวใจวายในชายได้จริง
เพราะว่าผู้เข้าร่วมมีแต่เพศชาย
แต่การสรุปว่า "แอสไพรินลดภาวะหัวใจวาย"
นั้นกว้างเกินไป
เราไม่สามารถสรุปได้ว่าผลลัพธ์ที่พบในชาย
จะพบในหญิงด้วยเช่นกัน
ส่วนใหญ่แล้วการศึกษาจะจำกัดผู้เข้าร่วม
อันเนื่องมาจาก ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ อายุ เพศ
หรือปัจจัยอื่น ๆ
ก่อนที่การค้นพบเหล่านี้จะถูกเผยแพร่
จะต้องมีการศึกษาเช่นนี้ในกลุ่มอื่น ๆ ด้วย
ถ้าหากมีการพาดหัวข่าวโดยกล่าวรวม ๆ
ในตอนข่าวนั้นต้องมีการสรุปมางานวิจัย
ที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่งานฉบับเดียว
คุณสามารถนำทักษะจาก 2 คำถามแรก
มาในขั้นต่อไปได้ไหม
งั้นมาลองดูตัวอย่างนี้ ซึ่งเกี่ยวกับ
ผลของการกินอาหารเช้ากับการลดน้ำหนัก
นักวิจัยได้มีการเกณฑ์คนจำนวนหนึ่ง
ซึ่งไม่กินอาหารเช้า
และขอให้พวกเขาเริ่มกินอาหารเช้าทุกวัน
ผู้เข้าร่วมซึ่งประกอบไปด้วย
ชายและหญิงในช่วงวัยและภูมิหลังที่หลากหลาย
ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี
ผู้เข้าร่วมน้ำหนัดลดลงเฉลี่ย 5 ปอนด์
(2.27 กิโลกรัม)
แล้วพาดหัวข่าวผิดตรงไหนล่ะ
"การกินอาหารเช้าช่วยลดน้ำหนักได้"
ผู้เข้าร่วมในการศึกษานี้เริ่มกินอาหารเช้า
แล้วน้ำหนักลดลง
แต่เรายังไม่อาจทราบได้ว่าเหตุที่น้ำหนักลดลง
มาจากการเริ่มกินอาหารเช้าจริง ๆ
บางทีการติดตามน้ำหนักของพวกเขา
เป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขา
เปลี่ยนพฤติกรรมการกินไปในทางอื่น
เพื่อตัดปัจจัยอื่นที่เป็นไปได้
ต่อการลดน้ำหนักออก
เราต้องเปรียบเทียบผู้เข้าร่วมเหล่านี้
กับกลุ่มที่ไม่ได้กินอาหารเช้าก่อนการวิจัย
และยังคงไม่กินอาหารเช้าต่อไปในการวิจัย
จริง ๆ แล้วพาดหัวข่าวไม่ควรนำผลการวิจัย
มาสรุปว่าใช้ได้ผลจริง
ยิ่งถ้าหากการศึกษานั้นสรุปโดย
ไม่มีการเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ๆ
คุณควรตั้งคำถามแล้วว่า
มันน่าเชื่อถือหรือไม่
ตอนนี้คุณก็ได้ทดสอบทักษะของคุณ
ในกรณีศึกษาเกี่ยวกับพาดหัวข่าวไปแล้ว
คุณยังสามารถทดสอบได้ในข่าวจริง ๆ
ถึงแม้ว่าวิจัยฉบับเต็มอาจเสียค่าใช้จ่าย
ในการเข้าถึง
คุณยังสามารถพบสรุปย่อ
ของการออกแบบการทดลองและผลลัพธ์
ในบทคัดย่อที่เข้าถึงได้ฟรี
หรือในเนื้อความของบทความ
การศึกษาหนึ่งอาจให้ผลลัพธ์
ที่ไม่สอดคล้องกับพาดหัวข่าวที่น่าดึงดูด
ข้อสรุปที่ยิ่งใหญ่สำหรับปัญหาสุขภาพมนุษย์
ยิ่งต้องใช้เวลามากในการรวบรวมหลักฐาน
แต่ในขณะเดียวกัน
เราก็ยังตระหนักรู้ถึงวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงได้
ผ่านการมองข้ามพาดหัวข่าวนั้น