0:00:01.006,0:00:06.156 เรามีบันทึกทางประวัติศาสตร์[br]ที่ทำให้เรารู้ว่าชาวกรีกโบราณแต่งตัวอย่างไร 0:00:06.180,0:00:07.434 ใช้ชีวิตอย่างไร 0:00:07.458,0:00:08.980 สู้อย่างไร ... 0:00:09.004,0:00:10.528 แต่พวกเขารู้สึกอย่างไรล่ะ 0:00:11.432,0:00:15.872 หนึ่งในความคิดตามธรรมชาติก็คือ[br]แง่มุมที่ลึกที่สุดของความคิดของมนุษย์ -- 0:00:15.896,0:00:17.768 ความสามารถในการจินตนาการของเรา 0:00:17.792,0:00:19.189 การมีสติ 0:00:19.213,0:00:20.444 เพื่อที่จะฝัน -- 0:00:20.468,0:00:22.087 มันเหมือนกันมาโดยตลอด 0:00:22.872,0:00:24.371 ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ 0:00:24.395,0:00:28.118 การเปลี่ยนแปลงทางสังคม[br]ที่ก่อร่างวัฒนธรรมของเรา 0:00:28.142,0:00:31.927 อาจจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง[br]ทางความคิดของมนุษย์ 0:00:32.911,0:00:35.435 เราอาจมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้ 0:00:35.459,0:00:38.176 ที่จริงแล้วมันเป็นการถกเถียง[br]ทางปรัชญาที่ยาวนาน 0:00:38.644,0:00:41.371 แต่คำถามนี้มันจะคล้อยตาม[br]หลักทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ 0:00:42.834,0:00:45.340 นี่คือสิ่งที่ผมต้องการจะนำเสนอ 0:00:45.364,0:00:50.136 ว่าในแบบเดียวกัน เราสามารถสร้างภาพขึ้นมาใหม่[br]ได้ว่าเมืองกรีกโบราณมีหน้าตาอย่างไร 0:00:50.160,0:00:52.548 จากอิฐไม่กี่ก้อน 0:00:52.572,0:00:56.698 ว่าการจารึกของวัฒนธรรม[br]เป็นบันทึกทางโบราณคดี 0:00:56.722,0:00:58.865 ฟอสซิลของความคิดมนุษย์ 0:00:59.905,0:01:01.079 และในความเป็นจริง 0:01:01.103,0:01:03.309 การวิเคราะห์ทางจิตวิทยาบางแขนง 0:01:03.333,0:01:06.877 จากหนังสือที่เก่าแก่ที่สุด[br]เกี่ยวกับวัฒนธรรมมนุษย์ 0:01:06.901,0:01:12.856 ในยุค 70 จูเลี่ยน เจนส์ [br]ตั้งสมมติฐานสุดแปลกแหวกแนวขึ้นมา 0:01:12.880,0:01:15.293 ว่าเพียง 3,000 ปีก่อน 0:01:15.317,0:01:20.205 มนุษย์คือสิ่งที่ในวันนี้เราเรียกว่าจิตเภท 0:01:21.753,0:01:23.261 และเขาอ้างว่า 0:01:23.285,0:01:26.586 หนังสือเหล่านี้อธิบายไว้ว่า มนุษย์กลุ่มแรกนั้น 0:01:26.610,0:01:28.514 ประพฤติตัวคงเส้นคงวา 0:01:28.538,0:01:31.554 ตามประเพณีที่แตกต่างกัน[br]และในสถานที่ต่าง ๆ บนโลกใบนี้ 0:01:31.578,0:01:35.110 ราวกับว่าพวกเขาได้ยินและเชื่อฟังเสียง 0:01:35.134,0:01:38.174 ที่พวกเขารับรู้ว่ามาจากพระเจ้า 0:01:38.198,0:01:39.396 หรือจากแรงบันดาลใจ ... 0:01:40.063,0:01:42.832 สิ่งที่วันนี้พวกเราเรียกว่าภาพหลอน 0:01:43.888,0:01:46.514 และเมื่อเวลาผ่านไป 0:01:46.538,0:01:50.189 พวกเขาเริ่มที่จะรับรู้ว่า[br]พวกเขาเป็นผู้สร้าง 0:01:50.213,0:01:52.728 เจ้าของเสียงจากภายในเหล่านี้ 0:01:53.316,0:01:56.031 และด้วยสิ่งนี้ [br]พวกเขาได้มาซึ่งอันตรวินิจ (introspection) 0:01:56.055,0:01:58.538 ความสามารถที่จะคิด[br]เกี่ยวกับความนึกคิดของตัวเอง 0:01:59.785,0:02:03.182 ดังนั้นทฤษฎีของเจนส์ที่กล่าวว่า[br]ความตระหนักรู้ 0:02:03.206,0:02:06.372 อย่างน้อยก็เป็นวิธีที่เรารับรู้วันนี้ 0:02:06.396,0:02:09.936 ที่เรารู้สึกว่า[br]เราเป็นผู้ควบคุมการมีอยู่ของเราเอง -- 0:02:09.960,0:02:12.697 เป็นการพัฒนาทางวัฒนธรรมที่ค่อนข้างใหม่ 0:02:13.456,0:02:15.242 และทฤษฎีนี้ค่อนข้างมีความงดงามมาก 0:02:15.266,0:02:16.699 แต่มันมีปัญหาที่เห็นได้ชัดอยู่ 0:02:16.723,0:02:20.715 ซึ่งก็คือ มันอ้างอิงมาจากตัวอย่างจำนวนน้อย[br]และค่อนข้างจำเพาะ 0:02:21.085,0:02:22.848 ดังนั้นคำถามก็คือทฤษฎีที่ว่า 0:02:22.872,0:02:27.623 การพินิจภายในนั้นสร้างขึ้นมา[br]ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์แค่เมื่อ 3,000 ปีก่อน 0:02:27.647,0:02:30.631 สามารถตรวจสอบด้วยรูปแบบเชิงปริมาณ[br]และวัตถุประสงค์หรือไม่ 0:02:31.543,0:02:35.106 และปัญหาทีว่าจะกระทำการสิ่งนี้ด้วยวิธีใด[br]ก็ค่อนข้างชัดเจน 0:02:35.130,0:02:38.590 มันไม่เหมือนกับการที่พลาโตตื่นขึ้นมาในวันหนึ่ง [br]แล้วเขียนว่า 0:02:38.614,0:02:40.273 "สวัสดี ผมคือพลาโต 0:02:40.297,0:02:43.186 และในวันนี้ ผมมีสติในการใคร่ครวญ[br]อย่างเต็มที่" 0:02:43.210,0:02:45.503 (เสียงหัวเราะ) 0:02:45.527,0:02:48.860 และจริง ๆ แล้วนี่บ่งบอก[br]ถึงสาระสำคัญของปัญหา 0:02:49.467,0:02:53.522 เราต้องการที่จะค้นหาการเกิดขึ้น[br]ของแนวคิดที่ไม่เคยกล่าวไว้ 0:02:54.434,0:02:58.744 คำว่า พินิจภายใน ไม่เคยปรากฎขึ้นเลย 0:02:58.768,0:03:00.687 ในหนังสือที่เราต้องการวิเคราะห์ 0:03:01.728,0:03:05.815 ดังนั้น วิธีที่เราใช้แก้ปัญหานี้[br]คือการสร้างพื้นที่ของคำ 0:03:06.571,0:03:09.858 มันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีคำทั้งหมด 0:03:09.882,0:03:12.684 ในลักษณะที่ว่าระยะทางระหว่างคำสองคำ 0:03:12.708,0:03:15.591 เป็นตัวกำหนดว่า[br]พวกมันเกี่ยวข้องกันมากแค่ไหน 0:03:16.460,0:03:17.611 ตัวอย่างเช่น 0:03:17.635,0:03:20.532 คุณต้องการให้คำว่า "สุนัข" และ "แมว"[br]ใกล้กันมาก ๆ 0:03:20.556,0:03:24.387 แต่คำว่า "เกรฟฟรุต" และ "ลอการิทึม"[br]ห่างกันมาก ๆ 0:03:24.809,0:03:28.705 และนี่มันจะต้องเป็นจริง[br]สำหรับคำสองคำใด ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ 0:03:29.626,0:03:32.967 มีวิธีการต่าง ๆ ที่เราสามารถสร้างพื้นที่ของคำ 0:03:32.991,0:03:34.634 วิธีหนึ่งก็คือการถามเหล่าผู้เชี่ยวชาญ 0:03:34.658,0:03:36.554 คล้าย ๆ กับที่เราใช้พจนานุกรม 0:03:36.896,0:03:38.324 อีกวิธีหนึ่งที่เป็นไปได้คือ 0:03:38.348,0:03:42.063 การทำตามข้อสรุปพื้น ๆ ที่ว่า [br]เมื่อใดก็ตามที่คำสองคำเกี่ยวข้องกัน 0:03:42.087,0:03:44.436 พวกมันมักจะปรากฏอยู่ในประโยคเดียวกัน 0:03:44.460,0:03:45.913 ในย่อหน้าเดียวกัน 0:03:45.937,0:03:47.707 ในเอกสารเดียวกัน 0:03:47.731,0:03:50.913 บ่อยกว่าที่มันจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ 0:03:52.231,0:03:54.281 และด้วยสมมติฐานง่าย ๆ นี้เอง 0:03:54.305,0:03:55.611 วิธีการพื้นฐานนี้ 0:03:55.635,0:03:57.242 กับเทคนิคการคำนวณบางอย่าง 0:03:57.266,0:03:58.655 ที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทีว่า 0:03:58.679,0:04:01.743 พื้นที่ที่ซับซ้อนมากและมีหลายมิตินี้ 0:04:01.767,0:04:03.432 ค่อนข้างจะมีประสิทธิภาพ 0:04:04.155,0:04:06.957 และเพื่อที่จะให้คุณได้รับรู้ว่า[br]มันออกมาดีอย่างไร 0:04:06.981,0:04:10.893 นี่คือผลลัพธ์ที่เราได้[br]เมื่อเราวิเคราะห์คำที่คุ้นหู 0:04:11.607,0:04:12.792 และคุณจะเห็นเลยว่า 0:04:12.816,0:04:16.094 คำได้ถูกจัดเรียงเป็นส่วน ๆ ข้างเคียงกัน[br]โดยอัตโนมัติ 0:04:16.118,0:04:18.335 คุณเห็นว่ามีคำศัพท์เกี่ยวกับ[br]ผลไม้ อวัยวะของร่างกาย 0:04:18.359,0:04:20.784 ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์[br]คำศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ และอื่น ๆ[br] 0:04:21.119,0:04:25.341 อัลกอริธึมยังระบุว่า[br]เราจัดเรียงแนวคิดเป็นลำดับขั้น 0:04:25.852,0:04:27.003 ยกตัวอย่างเช่น 0:04:27.027,0:04:30.624 เราเห็นได้ว่าศัพท์ทางวิทยาศาสตร์[br]ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนย่อย 0:04:30.648,0:04:32.748 คือศัพท์ทางด้านดาราศาสตร์และฟิสิกส์ 0:04:33.338,0:04:35.584 และต่อจากนั้น มันก็มีสิ่งที่ละเอียดลงไป 0:04:35.608,0:04:37.513 ตัวอย่างเช่น คำว่า ดาราศาสตร์ 0:04:37.537,0:04:39.352 ซึ่งตำแหน่งที่มันอยู่[br]อาจดูแปลกนิดหน่อย 0:04:39.376,0:04:41.424 แต่จริง ๆ แล้วเป็นที่ที่มันควรอยู่ 0:04:41.448,0:04:43.043 ระหว่างสิ่งที่มันเป็น 0:04:43.067,0:04:44.337 ซึ่งคือ วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง 0:04:44.361,0:04:45.897 และระหว่างสิ่งที่เป็นนิยามของมัน 0:04:45.921,0:04:47.413 ซึ่งคือ ศัพท์ทางดาราศาสตร์ 0:04:48.182,0:04:50.073 และเราสามารถคุยเรื่องนี้กันไปได้เรื่อย ๆ 0:04:50.097,0:04:52.157 อันที่จริง ถ้าคุณจ้องตรงนี้สักครู่หนึ่ง 0:04:52.181,0:04:54.039 และคุณจะสร้างแนวโคจรแบบสุ่มขึ้นมา 0:04:54.063,0:04:57.229 คุณจะเห็นว่า ที่จริงแล้ว[br]มันรู้สึกคล้ายกับการแต่งกลอน 0:04:58.018,0:04:59.900 และนี่เป็นเพราะว่า 0:04:59.924,0:05:02.864 การเดินในพื้นที่นี้เหมือนกับการเดินในจิตใจ 0:05:04.027,0:05:05.644 และสิ่งสุดท้าย 0:05:05.668,0:05:09.708 คืออัลกอริธึมยังระบุ[br]ถึงสิ่งที่เป็นสัญชาตญาณของเรา 0:05:09.732,0:05:13.628 สิ่งที่คำจะนำไปสู่สิ่งที่ข้องเกี่ยว[br]กับอันตรวินิจ 0:05:13.652,0:05:14.875 ยกตัวอย่างเช่น 0:05:14.899,0:05:18.878 คำ เช่น "ตัวเอง" "ความรู้สึกผิด"[br]"เหตุผล" "อารมณ์" นั้น 0:05:18.902,0:05:20.791 มีความใกล้เคียงกับ "อันตรวินิจ" 0:05:20.815,0:05:21.966 แต่คำอื่น ๆ 0:05:21.990,0:05:24.157 เช่น "สีแดง" "ฟุตบอล"[br]"เทียน" "กล้วย" นั้น 0:05:24.181,0:05:25.633 อยู่ไปไกลออกไปมาก 0:05:26.054,0:05:28.816 และหลังจากที่เราสร้างพื้นที่ขึ้นมา 0:05:28.840,0:05:31.666 คำถามเกี่ยวกับประวัติของอันตรวินิจ 0:05:31.690,0:05:34.023 หรือ ประวัติของความคิดทั้งหลาย 0:05:34.047,0:05:38.826 ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหมือนจับต้องไม่ได้[br]หรืออาจคลุมเครือ 0:05:38.850,0:05:40.454 กลายเป็นเรื่องที่มีน้ำหนักขึ้น -- 0:05:40.478,0:05:43.216 สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์เชิงปริมาณได้ 0:05:44.216,0:05:46.978 สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือเอาหนังสือมา 0:05:47.002,0:05:48.383 ทำให้มันอยู่ในรูปแบบดิจิทัล 0:05:48.407,0:05:51.216 และใช้ของคำทั้งหลายเป็นเส้นโคจร 0:05:51.240,0:05:53.209 และนำพวกมันลงในพื้นที่ 0:05:53.233,0:05:56.987 และเราตั้งคำถามว่าเส้นโคจรนี้[br]ใช้เวลาอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ 0:05:57.011,0:06:00.003 ในการโครจรใกล้กับแนวคิดอันตรวินิจ 0:06:00.760,0:06:01.956 และด้วยสิ่งนี้ 0:06:01.980,0:06:04.092 เราสามารถวิเคราะห์ประวัติอันตรวินิจ 0:06:04.116,0:06:06.037 ในวัฒนธรรมกรีกโบราณ 0:06:06.061,0:06:08.663 ซึ่งพวกเรามีบันทึกที่ดีที่สุด[br]ที่เป็นลายลักษณ์อักษร 0:06:09.631,0:06:11.886 ดังนั้นสิ่งที่พวกเราทำคือ[br]พวกเรานำหนังสือทั้งหมด -- 0:06:11.910,0:06:14.194 เราแค่จัดลำดับตามเวลา -- 0:06:14.218,0:06:15.970 สำหรับหนังสือแต่ละเล่ม[br]เรานำคำมา 0:06:15.994,0:06:17.955 และนำพวกมันวางลงในพื้นที่ 0:06:17.979,0:06:21.011 และเราตั้งคำถามว่า คำแต่ละคำ[br]อยู่ใกล้กับอันตรวินิจแค่ไหน 0:06:21.035,0:06:22.265 และเราก็หาค่าเฉลี่ยของมัน 0:06:22.590,0:06:25.788 และตั้งคำถามว่า เมื่อเวลาผ่านไป 0:06:25.812,0:06:29.064 หนังสือเหล่านี้เข้าใกล้แนวคิดอันตรวินิจ 0:06:29.088,0:06:30.842 มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น หรือไม่ 0:06:30.866,0:06:34.667 และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น[br]ในวัฒนธรรมกรีกโบราณ 0:06:35.698,0:06:38.825 คุณจะเห็นได้ว่าหนังสือที่เก่าแก่ที่สุด[br]ในวัฒนธรรมโฮเมริค 0:06:38.849,0:06:42.261 มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสำหรับหนังสือ[br]ที่เข้าใกล้อันตรวินิจมากขึ้น 0:06:42.285,0:06:44.491 แต่ประมาณสี่ศตวรรษก่อนคริสตกาล 0:06:44.515,0:06:49.223 สิ่งนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[br]ไปจนเกือบมีการเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า 0:06:49.247,0:06:51.747 ของหนังสือที่เข้าใกล้แนวคิดอันตรวินิจ 0:06:51.771,0:06:53.453 มากขึ้นและมากขึ้น 0:06:54.159,0:06:56.583 ข่าวดีอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ 0:06:56.607,0:06:57.805 ตอนนี้เราสามารถตั้งคำถาม 0:06:57.829,0:07:01.976 ว่าสิ่งนี้จะยังเป็นจริง ในวัฒนธรรม[br]ที่แตกต่างและเป็นอิสระหรือไม่ 0:07:02.962,0:07:06.138 ดังนั้นเราจึงทำการวิเคราะห์แบบเดียวกัน[br]ในวัฒนธรรมของ จูดีโอ-คริสเตียน 0:07:06.162,0:07:08.883 และเราได้รูปแบบที่เหมือนกัน 0:07:09.548,0:07:14.183 อีกครั้งที่คุณเห็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย[br]สำหรับหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดในพันธสัญญาเดิม 0:07:14.207,0:07:16.121 และหลังจากนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 0:07:16.145,0:07:17.984 ในหนังสือของพันธสัญญาใหม่ 0:07:18.008,0:07:20.040 และถึงจุดสูงสุดของอันตรวินิจ 0:07:20.064,0:07:22.191 จาก "คำสารภาพของนักบุญออกัสติน" 0:07:22.215,0:07:24.072 ประมาณสี่ศตวรรษก่อนคริสตกาล 0:07:24.897,0:07:26.841 และมันสำคัญมาก 0:07:26.865,0:07:30.238 เพราะว่านักบุญออกัสติน[br]ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการ 0:07:30.262,0:07:32.434 นักภาษาศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ 0:07:32.458,0:07:34.536 ว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งอันตรวินิจ 0:07:35.060,0:07:38.357 ที่จริงแล้ว บางคนเชื่อว่า[br]ท่านเป็นบิดาของจิตวิทยาสมัยใหม่ 0:07:39.012,0:07:40.851 ฉะนั้น อัลกอริธึมของเรา 0:07:40.875,0:07:43.717 ซึ่งมีลักษณะเป็นไปในเชิงปริมาณ 0:07:43.741,0:07:45.004 เป็นไปในเชิงวัตถุวิสัย 0:07:45.028,0:07:47.044 และที่แน่นอนคือมีความรวดเร็ว - 0:07:47.068,0:07:49.465 มันดำเนินการได้ภายในเสี้ยววินาที -- 0:07:49.489,0:07:52.992 มันสามารถจับข้อสรุปบางส่วน[br]ที่สำคัญที่สุดได้ 0:07:53.016,0:07:55.238 ของการศึกษาวัฒนธรรมที่ยาวนานนี้ 0:07:56.317,0:07:59.968 และนี่คือหนึ่งในความงามของวิทยาศาสตร์ 0:07:59.992,0:08:03.468 ซึ่งตอนนี้แนวคิดนี้[br]สามารถแปลออกมาได้ 0:08:03.492,0:08:06.063 และสามารถทำให้ถูกจัด[br]ให้อยู่ในกลุ่มต่าง ๆ 0:08:06.769,0:08:11.536 โดยในแบบเดียวกันกับที่เราถามเกี่ยวกับ[br]อดีตของความตระหนักรู้ของมนุษย์ 0:08:11.560,0:08:14.966 ซึ่งบางทีนั่นอาจเป็นคำถาม[br]ที่ท้าทายที่สุดที่เราจะถามตัวเองได้ 0:08:14.990,0:08:19.127 มันจะสามารถบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ[br]อนาคตความตระหนักรู้ของพวกเราได้หรือไม่ 0:08:19.550,0:08:21.020 พูดตรง ๆ ก็คือ 0:08:21.044,0:08:23.460 คำที่เราพูดวันนี้ 0:08:23.484,0:08:28.681 จะสามารถบอกว่าได้หรือไม่ว่า[br]ความคิดของจะเป็นอย่างไรในอีกสองสามวัน 0:08:28.705,0:08:29.856 หรือในอีกสองสามเดือน 0:08:29.880,0:08:31.062 หรือในอีกสองสามปีต่อจากนี้ 0:08:31.597,0:08:34.617 และเป็นเหมือนกับที่เราใส่เครื่องตรวจจับ 0:08:34.641,0:08:36.427 สำหรับการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ 0:08:36.451,0:08:37.720 การหายใจ 0:08:37.744,0:08:39.411 พันธุกรรม 0:08:39.435,0:08:43.086 เพื่อหวังว่าสิ่งนี้อาจจะช่วยป้องกันโรคได้ 0:08:43.110,0:08:46.631 เราสามารถถามได้ว่าการติดตาม[br]และการวิเคราะห์คำที่เราพูด 0:08:46.655,0:08:49.338 ที่เราทวีท ที่เราอีเมล์ ที่เราเขียน 0:08:49.362,0:08:54.170 จะบอกเราล่วงหน้าได้หรือไม่[br]ว่าในความคิดของเราอาจมีบางสิ่งที่ผิดปกติไป 0:08:55.087,0:08:56.621 ผมกับ กิญาร์โม เชอกิ [br](Guillermo Cecchi) 0:08:56.645,0:08:59.646 ผู้ที่เป็นดังพี่ชายของผม[br]ในการผจญภัยครั้งนี้ 0:08:59.670,0:09:01.225 เรารับทำภารกิจนี้ 0:09:02.228,0:09:07.760 และเราทำเช่นนั้นโดยการวิเคราะห์[br]บันทึกคำพูดของหนุ่มสาว 34 คน 0:09:07.784,0:09:10.585 คนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นจิตเภท 0:09:11.434,0:09:14.315 สิ่งที่เราทำคือ เราวัดค่าคำพูด[br]ในวันที่หนึ่ง 0:09:14.339,0:09:17.581 และเราตั้งคำถามว่า[br]คุณสมบัติของคำพูดนี้จะทำนาย 0:09:17.605,0:09:20.101 การพัฒนาของโรคจิตเภท 0:09:20.125,0:09:22.160 ในภายในกรอบเวลาเกือบสามปีได้หรือไม่ 0:09:23.427,0:09:25.793 แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีความหวัง 0:09:25.817,0:09:28.934 เราก็พบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า 0:09:29.793,0:09:33.675 เพราะว่าเรามีข้อมูลไม่เพียงพอ 0:09:33.699,0:09:36.492 ที่จะทำนายอนาคตของการจัดการในจิตใจเรา 0:09:36.516,0:09:38.325 แต่มันก็ดีพอ 0:09:38.349,0:09:42.524 ที่จะแยกแยะระหว่างกลุ่มจิตเภท[br]และกลุ่มควบคุม 0:09:42.548,0:09:45.260 คล้าย ๆ กับที่เราทำกับคำโบราณ 0:09:45.284,0:09:48.278 แต่ไม่สามารถทำนายอาการ[br]ของโรคจิตเภทในอนาคตได้ 0:09:49.164,0:09:50.870 แต่จากนั้นเราก็ตระหนักว่า 0:09:50.894,0:09:54.982 สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจจะ[br]ไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่าเราพูดอะไร 0:09:55.006,0:09:56.679 แต่เป็นเรื่องที่ว่าเราพูดอย่างไรต่างหาก 0:09:57.679,0:09:58.899 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 0:09:58.923,0:10:01.750 มันไม่ได้เกี่ยวกับว่าคำนั้น[br]อยู่ในบริเวณของความหมายใด 0:10:01.774,0:10:04.374 แต่มันเกี่ยวกับว่า[br]มันกระโดดจากความหมายบริเวณหนึ่ง 0:10:04.398,0:10:06.699 ไปอีกบริเวณหนึ่งได้ไกลและเร็วแค่ไหน 0:10:07.247,0:10:08.628 ดังนั้นเราจึงได้ตัวชี้วัดนี้มา 0:10:08.628,0:10:10.900 ที่เรียกว่าการเชื่อมโยงของความหมาย 0:10:10.900,0:10:11.391 ซึ่งโดยหลักแล้ว วัดคำที่ปรากฏบ่อย ๆ ในบางส่วน 0:10:11.415,0:10:16.219 ภายใต้หมวดหมู่ความหมายหนึ่ง 0:10:16.243,0:10:17.772 และผลมันออกมาว่าในกลุ่ม 34 คนนี้ 0:10:19.294,0:10:23.341 อัลกอริธึมที่มาจากการเชื่อมโยงของความหมาย[br]สามารถทำนายได้ 0:10:23.365,0:10:27.024 ด้วยความถูกต้อง 100% 0:10:27.048,0:10:29.548 ว่าใครจะเป็นจิตเภทและใครจะไม่เป็น 0:10:29.572,0:10:32.079 และนี่คือสื่งที่เราไม่สามารถทำได้ -- 0:10:32.976,0:10:35.913 ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ -- 0:10:35.937,0:10:37.445 ด้วยตัวชี้วัดทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ก่อนหน้านี้ 0:10:37.469,0:10:40.595 และผมจำได้ชัดเจนว่า[br]ตอนที่ผมทำงานนี้ 0:10:42.525,0:10:46.104 ผมนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ของผม 0:10:46.128,0:10:48.445 และเห็นทวีทหลายอันจากโปโล -- 0:10:48.469,0:10:51.104 โปโลเป็นนักเรียนคนแรกของผม[br]ที่ บัวโนส ไอเรส 0:10:51.128,0:10:54.295 และตอนนั้นเขาอยู่ที่นิวยอร์ค 0:10:54.319,0:10:56.389 และมันมีบางอย่างในทวีทนี้ 0:10:56.413,0:10:58.501 ที่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าอะไร[br]เพราะไม่มีอะไรบอกอย่างชัดเจน 0:10:58.525,0:11:02.026 แต่ผมมีลางสังหรณ์อย่างแรง 0:11:02.050,0:11:04.071 สัณชาตญาณนี้บอกว่า[br]มันมีบางอย่างผิดปกติ 0:11:04.095,0:11:07.050 ผมจึงหยิบโทรศัพท์และโทรหาโปโล 0:11:08.347,0:11:11.070 และอันที่จริงแล้วเขารู้สึกไม่ค่อยสบาย 0:11:11.094,0:11:13.013 และข้อเท็จจริงก็คือ 0:11:13.362,0:11:15.299 เมื่ออ่านในความที่ซ่อนอยู่ 0:11:15.323,0:11:17.814 ผมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของเขา[br]ผ่านตัวหนังสือ 0:11:17.838,0:11:22.100 ได้อย่างง่ายดาย[br]แต่เป็นวิธีช่วยที่มีประสิทธิภาพ 0:11:22.124,0:11:24.743 สิ่งที่ผมบอกคุณวันนี้ 0:11:25.987,0:11:27.625 คือพวกเรากำลังเข้าใกล้ต่อความเข้าใจ 0:11:27.649,0:11:30.157 เกี่ยวกับการแปลงสัญชาตญาณนี้[br]ที่เราทุกคนมี 0:11:30.181,0:11:34.467 ที่เราทุกคนแบ่งปันกัน 0:11:34.491,0:11:35.856 ลงในอัลกอริธึม 0:11:35.880,0:11:37.077 และการทำแบบนั้น 0:11:38.102,0:11:39.563 ในอนาคตเราอาจเห็น[br]สภาพทางจิตในรูปแบบต่าง ๆ 0:11:39.587,0:11:44.237 ตามจุดประสงค์ และการวิเคราะห์[br]แบบอัตโนมัติและในเชิงปริมาณ 0:11:44.261,0:11:49.882 ของคำที่เราเขียน 0:11:49.906,0:11:51.615 ของคำที่เราพูด 0:11:51.639,0:11:53.176 ขอบคุณครับ 0:11:53.200,0:11:54.351 (เสียงปรบมือ)