1 00:00:14,068 --> 00:00:16,368 ถ้าคนเราบินได้ 2 00:00:16,392 --> 00:00:17,819 โดยไร้ซึ่งอุปกรณ์และเครื่องยนต์ใด ๆ 3 00:00:17,843 --> 00:00:20,102 คุณคิดว่าเราจะเคลื่อนที่ได้เร็วแค่ไหน 4 00:00:20,126 --> 00:00:22,509 ในปี ค.ศ. 2012 สถิติโลกบันทึกไว้ว่า 5 00:00:22,533 --> 00:00:24,606 การวิ่งระยะสั้นที่เร็วที่สุด 6 00:00:24,630 --> 00:00:27,339 คือราว ๆ 27 ไมล์ต่อชั่วโมง 7 00:00:27,363 --> 00:00:29,236 ความเร็วในการวิ่งขึ้นอยู่กับแรงที่ใช้ 8 00:00:29,260 --> 00:00:31,114 โดยขาของผู้วิ่ง 9 00:00:31,138 --> 00:00:34,341 และตามกฎการเคลื่อนที่ข้อที่สองของนิวตัน 10 00:00:34,365 --> 00:00:38,580 แรงคือผลลัพท์ของมวลคูณด้วยความเร่ง 11 00:00:38,604 --> 00:00:40,346 และกฎข้อที่สามของนิวตันกล่าวว่า 12 00:00:40,370 --> 00:00:41,623 ทุก ๆ การกระทำ 13 00:00:41,647 --> 00:00:44,759 มีปฏิกิริยาตอบสนองที่เท่ากัน และมีทิศทางตรงข้าม 14 00:00:44,783 --> 00:00:46,744 นั่นหมายความว่าการวิ่งนั้นจำเป็นต้องมี 15 00:00:46,768 --> 00:00:48,546 การส่งแรงผลักไปที่พื้น 16 00:00:48,570 --> 00:00:52,679 แล้วพื้นก็ส่งแรงกลับมายังเท้าของผู้วิ่ง 17 00:00:52,703 --> 00:00:55,210 ดังนั้นการบินจริง ๆ แล้วน่าจะ 18 00:00:55,234 --> 00:00:57,390 เป็นอะไรที่คล้ายกับการแหวกว่าย 19 00:00:57,414 --> 00:01:01,317 ไมเคิล เฟลปส์ คือมนุษย์ที่เร็วที่สุดในน้ำขณะนี้ 20 00:01:01,341 --> 00:01:04,964 และเป็นผู้ที่ครองเหรียญโอลิมปิก มากที่สุดตลอดกาล 21 00:01:04,988 --> 00:01:06,690 เดาซิว่าเขาว่ายน้ำได้เร็วแค่ไหน 22 00:01:06,714 --> 00:01:09,359 คำตอบอาจทำให้คุณประหลาดใจ 23 00:01:09,383 --> 00:01:11,236 ความเร็วสูงสุดของเขาที่ถูกบันทึกไว้คือ 24 00:01:11,260 --> 00:01:15,089 น้อยกว่า 5 ไมล์ต่อชั่วโมง 25 00:01:15,113 --> 00:01:17,368 เด็กน้อยวิ่งบนพื้นยังเร็วกว่า 26 00:01:17,392 --> 00:01:18,660 ไมเคิล เฟลปส์ที่อยู่ในน้ำ 27 00:01:18,684 --> 00:01:20,537 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 28 00:01:20,561 --> 00:01:23,224 ลองกลับไปดู กฎการเคลื่อนที่ข้อที่สามของนิวตัน 29 00:01:23,248 --> 00:01:24,792 เมื่อวิ่ง เราเคลื่อนไปข้างหน้า 30 00:01:24,816 --> 00:01:27,087 ด้วยการส่งแรงผลักไปยังพื้นดินด้วยเท้า 31 00:01:27,111 --> 00:01:28,397 และพื้นก็ส่งแรงผลักกลับมา 32 00:01:28,421 --> 00:01:30,388 ขับเคลื่อนเราไปข้างหน้า 33 00:01:30,412 --> 00:01:32,591 พื้นเป็นของแข็ง 34 00:01:32,615 --> 00:01:34,846 ตามคำนิยามแล้ว มันหมายถึงอนุภาค 35 00:01:34,870 --> 00:01:37,181 ที่ยึดติดแน่นอยู่กับที่ 36 00:01:37,205 --> 00:01:40,431 และต้องส่งแรงผลักกลับมา แทนที่จะกระเด็นออกไป 37 00:01:40,455 --> 00:01:43,644 แต่น้ำเป็นของเหลว และไหลไปมาได้ง่ายมาก 38 00:01:43,668 --> 00:01:44,730 เมื่อเราขยับแขนขา 39 00:01:44,754 --> 00:01:46,231 เพื่อผลักดันน้ำออกไป 40 00:01:46,255 --> 00:01:47,636 บางส่วนของโมเลกุลน้ำ 41 00:01:47,660 --> 00:01:49,403 ก็จะเคลื่อนผ่านกันไป 42 00:01:49,427 --> 00:01:50,894 แทนที่จะสะท้อนกลับมา 43 00:01:50,918 --> 00:01:52,528 มาลองคิดถึงการบิน 44 00:01:52,552 --> 00:01:54,448 อากาศมีพื้นที่ว่างมากมาย 45 00:01:54,472 --> 00:01:56,863 ให้โมเลกุลเคลื่อนผ่านกันไปมาได้ 46 00:01:56,887 --> 00:01:59,910 ฉะนั้น เราจะต้องใช้พลังงานมากกว่ามาก 47 00:01:59,934 --> 00:02:02,176 เราต้องผลักอากาศจำนวนมากไปด้านหลัง 48 00:02:02,200 --> 00:02:03,977 เพื่อจะเคลื่อนไปข้างหน้า 49 00:02:04,001 --> 00:02:05,833 มนุษย์อวกาศเคลื่อนไหวในกระสวยอวกาศ 50 00:02:05,857 --> 00:02:07,905 ในที่ไร้แรงดึงดูดตอนอยู่ในอวกาศส่วนนอก 51 00:02:07,929 --> 00:02:10,915 ด้วยการจับด้ามที่ติดอยู่บนผนังเพดาน 52 00:02:10,939 --> 00:02:12,644 และพื้นของกระสวยอวกาศ 53 00:02:12,668 --> 00:02:16,470 ตอนนี้ลองจินตนาการดูว่า คุณได้รับพลังที่ทำให้ลอยได้ 54 00:02:16,494 --> 00:02:19,263 คุณจะเคลื่อนที่อย่างไรเมื่ออยู่กลางถนน 55 00:02:19,287 --> 00:02:20,764 คุณคงจะไปได้ไม่ไกลนัก 56 00:02:20,788 --> 00:02:23,036 ด้วยการแหวกว่ายไปในอากาศใช่ไหม 57 00:02:23,060 --> 00:02:24,385 ผมคิดว่าคงไม่ใช่แน่ 58 00:02:24,409 --> 00:02:26,979 เอาล่ะ สมมติว่าคุณได้พลังที่ทำให้ลอยได้ 59 00:02:27,003 --> 00:02:29,733 และความเร็วในการลอยไปที่ต่าง ๆ ได้อย่างใจนึก 60 00:02:29,757 --> 00:02:32,600 ลองมาพูดถึงความสูง ของการบินของคุณกัน 61 00:02:32,624 --> 00:02:34,778 ตามกฎของก๊าซในอุดมคติ 62 00:02:34,802 --> 00:02:36,322 พี-วี เอ็น-อาร์-ที 63 00:02:36,346 --> 00:02:38,823 ความดันและอุณหภูมิ มีความสัมพันธ์ในเชิงบวก 64 00:02:38,847 --> 00:02:42,203 ที่หมายความว่าพวกมันต่างเพิ่ม และลดไปด้วยกัน 65 00:02:42,227 --> 00:02:44,497 นั่นเพราะว่าเมื่อปริมาตรอากาศขยายตัว 66 00:02:44,521 --> 00:02:45,815 โดยมีความดันน้อยลง 67 00:02:45,839 --> 00:02:48,247 ฉะนั้น โมเลกุลจึงมีพื้นที่ให้เคลื่อนที่มากขึ้น 68 00:02:48,271 --> 00:02:51,920 โดยไม่ชนกันเองจนเกิดความร้อน 69 00:02:51,944 --> 00:02:54,087 เนื่องจากความดันของบรรยากาศ ลดต่ำลงมาก 70 00:02:54,111 --> 00:02:55,306 ในบริเวณที่สูง 71 00:02:55,330 --> 00:02:56,866 มันจะหนาวจนแทบแข็ง 72 00:02:56,890 --> 00:02:58,644 ถ้าคุณบินอยู่เหนือก้อนเมฆ 73 00:02:58,668 --> 00:03:00,097 คุณต้องทำให้ร่างกายอุ่นขึ้น 74 00:03:00,121 --> 00:03:01,741 เพื่อรักษาระดับอุณหภูมิร่างกาย 75 00:03:01,765 --> 00:03:03,566 ให้มากกว่า 95 องศาฟาเรนไฮต์ 76 00:03:03,590 --> 00:03:06,436 ไม่อย่างนั้นคุณจะเริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง 77 00:03:06,460 --> 00:03:08,145 ความคิดอ่านจะค่อย ๆ สับสน 78 00:03:08,169 --> 00:03:09,789 และในที่สุดก็หล่นลงมาจากฟากฟ้า 79 00:03:09,813 --> 00:03:10,925 เนื่องจากไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ 80 00:03:10,949 --> 00:03:13,179 จากสภาวะอุณหภูมิร่างกาย ที่ลดต่ำลงกว่าปกติ 81 00:03:14,272 --> 00:03:16,197 เอาล่ะ กฎของก๊าซในอุดมคติอธิบายว่า 82 00:03:16,221 --> 00:03:17,903 เมื่อความดันลดต่ำลง 83 00:03:17,927 --> 00:03:19,732 ปริมาตรของก๊าซจะเพิ่มขึ้น 84 00:03:19,756 --> 00:03:21,995 ดังนั้น ถ้าคุณบินขึ้นไปตรง ๆ เร็วจนเกินไป 85 00:03:22,019 --> 00:03:24,596 ก๊าซเฉื่อยภายในร่างกายของคุณ จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว 86 00:03:24,620 --> 00:03:27,433 เหมือนกับน้ำโซดาที่ถูกเขย่า 87 00:03:27,457 --> 00:03:30,008 เราเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "โรคลดความกด"(the bends) 88 00:03:30,032 --> 00:03:31,161 การเมาความกดอากาศ 89 00:03:31,185 --> 00:03:32,873 หรือ "โรคน้ำหนีบ" (divers disease) 90 00:03:32,897 --> 00:03:35,580 เพราะนักดำน้ำใต้ทะเลลึก อาจมีอาการเช่นนี้ 91 00:03:35,604 --> 00:03:37,523 เมื่อพวกเขารีบขึ้นมาเร็วเกินไป 92 00:03:37,547 --> 00:03:39,379 มันทำให้เกิดความเจ็บปวด 93 00:03:39,403 --> 00:03:40,379 อัมพาต 94 00:03:40,403 --> 00:03:41,606 หรือเสียชีวิต 95 00:03:41,630 --> 00:03:44,641 ขึ้นอยู่กับว่าเลือดของคุณ กลายเป็นฟองมากแค่ไหน 96 00:03:44,665 --> 00:03:46,342 โอเค เอาล่ะ สมมติว่าคุณอยากบิน 97 00:03:46,366 --> 00:03:47,986 สูงจากพื้นแค่เมตรหน่อย ๆ 98 00:03:48,010 --> 00:03:49,820 โดยคุณจะยังคงเห็นป้ายข้างทาง 99 00:03:49,844 --> 00:03:51,306 และสูดออกซิเจนได้อย่างสะดวก 100 00:03:51,330 --> 00:03:53,346 คุณก็ยังต้องการแว่นตากันลมและหมวก 101 00:03:53,370 --> 00:03:54,980 เพื่อป้องกันตัวคุณจากนก 102 00:03:55,004 --> 00:03:55,953 แมลง 103 00:03:55,977 --> 00:03:56,757 ป้ายบอกทาง 104 00:03:56,781 --> 00:03:57,693 สายไฟฟ้า 105 00:03:57,717 --> 00:03:59,550 และมนุษย์บินคนอื่น ๆ 106 00:03:59,574 --> 00:04:01,150 รวมทั้งตำรวจบินได้ 107 00:04:01,174 --> 00:04:02,319 ที่พร้อมที่จะออกใบสั่งให้คุณ 108 00:04:02,343 --> 00:04:04,528 ถ้าคุณไม่บินตามกฎการบิน เข้าใจนะเพื่อนยาก 109 00:04:04,552 --> 00:04:07,025 จำไว้ด้วยว่า ถ้าคุณเกิดชนอะไรกลางอากาศ 110 00:04:07,049 --> 00:04:08,941 จนสลบไสลไร้สติ 111 00:04:08,965 --> 00:04:11,050 คุณจะได้ดิ่งพสุธา 112 00:04:11,074 --> 00:04:12,933 จนกระแทกพื้น 113 00:04:14,674 --> 00:04:17,551 ถ้าไม่มีสังคมเมือง หรือกฎของฟิสิกส์ 114 00:04:17,575 --> 00:04:20,960 การบินก็คงจะเป็นความสามารถ ที่ยอดเยี่ยมที่น่ามีเอาไว้เป็นอย่างยิ่ง 115 00:04:20,984 --> 00:04:22,775 แต่ถึงแม้ว่าเราจะสามารถลอยไปมา 116 00:04:22,799 --> 00:04:23,757 เหนือพื้นดินแค่ไม่กี่ฟุต 117 00:04:23,781 --> 00:04:25,465 และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปานหอยทาก 118 00:04:25,489 --> 00:04:28,992 ผมบอกคุณได้เลย ว่าผมก็ยังต้องการพลังนั้นอยู่ดี 119 00:04:29,016 --> 00:04:30,738 แล้วคุณล่ะ 120 00:04:30,762 --> 00:04:32,892 ใช่ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน 121 00:04:32,916 --> 00:04:35,392 ทีนี้ บทเรียนฟิสิกส์ เกี่ยวกับพลังเหนือมนุษย์แบบไหน 122 00:04:35,416 --> 00:04:37,779 ที่คุณอยากเรียนรู้อีก 123 00:04:37,803 --> 00:04:42,043 ย่อ ขยาย หรือแปลงร่างได้ 124 00:04:42,067 --> 00:04:43,401 มีความเร็วยิ่งยวด 125 00:04:43,425 --> 00:04:45,024 บินได้ 126 00:04:45,048 --> 00:04:47,972 สุดยอดความแข็งแกร่ง 127 00:04:47,996 --> 00:04:50,658 เป็นอมตะ 128 00:04:50,682 --> 00:04:52,216 และ 129 00:04:52,240 --> 00:04:54,910 ล่องหน