สวัสดีค่ะ วิวจากแชนเนล Point of View ค่ะ
กลับมาแล้วนะคะ ตามคำเรียกร้องกับเรื่อง
Harry Potter and the Cursed Child หรือว่า
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเด็กต้องสาป เป็นตอนที่ 3 แล้วค่ะ
ซึ่งบอกเลยว่ากระแสเรียกร้องนี่แรงมากๆ
ระดับที่ถ้าสมมติว่าวิวดองคลิปนี้นี่
น่าจะโดนอะไรหนักพอสมควรนะคะ
ดังนั้นกลับมาต่ออย่างรวดเร็วค่ะ
ซึ่งขอบอกเลยว่าตอนนี้จะเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ
จะไม่ได้เล่ายืดยาวออกไปมากกว่านี้แล้ว
เพราะว่าแค่นี้ก็ลงรายละเอียดมากพอ
เกินกว่าที่คาดไว้ไปเยอะมากแล้วจริงๆค่ะ
ดังนั้นนะคะถ้าใครอยากติดตามเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรก
ก็สามารถกดไปดูได้ตรงนี้นะคะ
ฟังตั้งแต่พาร์ตที่ 1 พาร์ตที่ 2
จนมาถึงพาร์ตที่ 3 นี้ได้เลยค่ะ
และที่สำคัญอย่าลืมกดติดตามวิว
ให้ครบทุกช่องทางนะคะ
เพราะว่าแต่ละช่องทางก็มี
เนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป
แล้วก็ขอบอกเลยว่าสนุกไม่แพ้
เรื่องราวของแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยค่ะ
สำหรับตอนนี้นะคะ
พร้อมจะไปฟังเรื่องราวที่ทั้งสนุก
แล้วก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าได้สาระรึเปล่า
แต่ว่าอยากเล่ารึยังคะ
ถ้าพร้อมกันแล้วก็ไปฟังกันเลยค่ะ
ความเดิมจากตอนที่แล้วนะคะ
เดลฟี่ค่ะ เป็นผู้หญิงคนนึงเนี่ย
ล่อลวงให้อัลบัสแล้วก็สกอร์เปียสนะคะ
ซึ่งเป็นลูกของแฮร์รี่กับลูกของมัลฟอยเนี่ย
พยายามย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตค่ะ
เพื่อที่จะช่วยชีวิตเซดริก ดิกกอรี่นะคะ
จนกระทั่งทั้งสองเนี่ยนะคะทำ timeline
ของโลกเวทมนตร์เนี่ยพังพินาศ
แล้วก็เกือบจะทำให้ลอร์ดโวลเดอมอร์เนี่ยนะคะ
กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งนึง
แต่ว่าด้วยความช่วยเหลือของเซเวอรัส สเนป
แล้วก็รอนกับเฮอร์ไมโอนี่
ในอีกเวอร์ชันนึงเนี่ยนะคะ
ก็ทำให้ทั้งคู่เนี่ยได้กลับไปแก้ไข
สิ่งที่ตัวเองทำทั้งหมด
แล้วก็ทำให้โลกปลอดภัยอีกครั้งนึง
เหมือนเรื่องราวจะจบลงตรงนี้นะคะ
แต่ว่าเรื่องไม่จบค่ะ เพราะว่า
เมื่อทั้งสองเนี่ยตัดสินใจว่าชั้นไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น
ชั้นจะไปทำลายเครื่องย้อนเวลาด้วยตัวเอง
ปรากฏว่าเดลฟี่ก็ดันโผล่มาตรงนั้นนะคะแล้วก็
จัดการพูดนู่นพูดนี่ค่ะ หลังจากนั้นก็
มีการปลดอาวุธทั้งสองนะคะ
แล้วก็หักไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองคนทิ้งค่ะ
หลังจากนั้นก็พาทั้งสองคนไปที่สนามควิดดิชนะคะ
และที่นั่นค่ะทำให้ทุกคนงงงวยมากว่า
เดลฟี่ เดลฟี่ต้องการอะไรเหรอ นะคะ
ซึ่งเดลฟี่นะคะก็พยายามจะบอกว่า
เราต้องช่วยเซดริกดิ
เพื่อทำให้คำทำนายเป็นจริง
ทุกคนก็แบบคำทำนาย คำทำนายอะไร
ไหน คำทำนายอะไร นะคะ
เดลฟี่ก็เลยพูดคำทำนายนึงขึ้นมาค่ะ
คำทำนายนั้นก็คือ
เมื่อตัวสำรองได้รับความช่วยเหลือ
เมื่อเด็กที่พ่อไม่ต้องการเนี่ยฆ่าพ่อตัวเอง
เมื่อนั้นนะคะเจ้าแห่งศาสตร์มืด
จะกลับมาเรืองอำนาจอีกครั้งนึง
ซึ่งเดลฟี่นะคะก็ตีความคำทำนายนี้
ให้ทั้งสองคนฟังว่า
นี่แหละ คำทำนายนี้คือคำทำนายที่
ชั้นพยายามจะต้องทำให้สำเร็จ
เมื่อตัวสำรองก็คือเซดริก ดิกกอรี่เนี่ยรอดชีวิต
เมื่อเด็กที่พ่อไม่ต้องการหรือว่าอัลบัสเนี่ยนะ
ฆ่าพ่อตัวเองด้วยการเข้าไปยุ่ง
กับกาลเวลาทำให้พ่อเนี่ยไม่ได้เกิดมา
เมื่อนั้นแหละ เจ้าแห่งศาสตร์มืด
หรือว่าลอร์ดโวลเดอมอร์
ก็จะกลับมาอีกครั้ง
ชั้นต้องการสิ่งนี้นะคะ
ซึ่งทั้งสองคนก็บอกว่า ฮึ ไม่เอา
ทำไมชั้นต้องร่วมมือกับเธอด้วยนะคะ
ซึ่งทำให้เดลฟี่ค่ะโกรธนะคะ
แล้วก็หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาค่ะ
แล้วก็เสกคำสาปกรีดแทงเนี่ยนะคะใส่อัลบัส
แบบ ครูซิโอ! ประมาณนี้เลยนะคะ
ซึ่งอัลบัสก็ลงไปดิ้นพล่านค่ะ
แต่ก็ยังไม่ยอมนะคะ
ซึ่งในตอนที่เถียงกันเรื่องคำทำนายนะคะ
ก็มีประโยคสำคัญประโยคนึงหลุดออกมาค่ะ
นั่นก็คือตอนที่เดลฟี่บอกว่า
ชั้นจะต้องทำคำทำนายนี้ให้สำเร็จ
คำทำนายมันเขียนไว้อยู่แล้วนะคะ
อัลบัสก็มีความบอกเดลฟี่ไปค่ะว่า
ไม่จริง คำทำนายมันไม่จำเป็นต้องสำเร็จหรอก
คำทำนายอะนะ มันเป็นสิ่งที่แก้ได้
ที่คำทำนายมันจะสำเร็จเพราะว่า
เธอเนี่ยเชื่อว่าคำทำนายมันสำเร็จ
แล้วเธอก็พยายามจะลากชั้นเนี่ย
มาทำให้คำทำนายสำเร็จนั่นแหละ
ถ้าสมมติว่าชั้นขัดขืนเนี่ยนะ ถ้าชั้นไม่ยอมทำ
แค่นี้คำทำนายก็จะไม่สำเร็จแล้ว
เพราะฉะนั้นชั้นไม่ทำ นะคะ
ดังนั้นค่ะ จากเดลฟี่ที่กำลังทรมานอัลบัสอยู่นะคะ
ก็เลยเปลี่ยนใจค่ะ ประมาณว่า
ได้ ชั้นบังคับแกไม่ได้ใช่ไหม
แต่ชั้นรู้ว่าจุดอ่อนของแกคือที่ไหน
ว่าแล้วนะคะเดลฟี่ก็หันไม้กายสิทธิ์ของเค้านะคะ
ไปที่สกอร์เปียสแทนค่ะ
แล้วก็บอกว่า อัลบัส จะทำหรือไม่ทำ
ถ้าเธอไม่ทำ ชั้นจะสาปเพื่อนเธอแทน
ว่าแล้วนะคะก็เสกคำสาปกรีดแทง
ใส่สกอร์เปียสแทนค่ะ
ก็เสกไป เสกไป
เรียกได้ว่าอัลบัสนี่ก็ซีดกว่าเดิมเลยนะคะ
คือเดลฟี่พยายามจะพูดค่ะประมาณว่า
ชั้นพยายามหาจุดอ่อนของเธอมานานแล้ว
เป็นความทะเยอทะยาน
ที่อยากจะเก่งกว่าพ่อรึเปล่านะ
หรือจะเป็นเรื่องอะไร
หรือจะเป็นเรื่องที่พ่อเกลียด
แต่สุดท้ายนะ หลังจากที่ชั้นรีเสิร์ชมานานแล้วชั้นก็รู้
ว่าจุดอ่อนของแกน่ะ มันอยู่ที่หัวใจ
ที่มันทำเป็นแข็งแรง ที่ชั้นแสดง ที่แท้แทบขาดใจ
ไม่ใช่ เล่นมุกอะไรก็ไม่รู้ กลับมา
เดลฟี่นะคะบอกอัลบัสว่า จุดอ่อนของแกมันคือ
ความเป็นเพื่อน มันคือ friendship
เหมือนกับพ่อของแกน่ะแหละ
ดังนั้นถ้าแกไม่ยอมทำนะ
ชั้นจะฆ่าเพื่อนแกทิ้ง
ซึ่งระหว่างนั้นนะคะก็บังเอิญมี
เด็กคนนึงค่ะชื่อว่า เครก เนี่ยนะคะ
เป็นเด็กที่อยู่ในฮอกวอตส์ตอนนั้นแหละ
จริงๆแล้วเป็นตัวประกอบแบบ
แทบไม่มีบทบาทอะไรเลยนะ
แต่เป็นตัวที่ชอบวิ่งออกมาแล้วก็
เสนอหน้าประมาณว่ารู้เรื่องทุกอย่างอะ
เครกก็แบบเกิดอะไรขึ้นน่ะ เกิดอะไรขึ้น
โผล่เข้ามาในสนามควิดดิชตอนนั้นพอดีนะคะ
ซึ่งทำให้เดลฟี่ค่ะ หันไปหาเครกนะคะ
แล้วก็อะวาดา เคดาฟรา
ฆ่าเครกทิ้งไปตรงนั้นเลยนะคะ
ซึ่งทำให้ทั้งสองคนตกใจมากประมาณว่า
เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น นะคะ
ซึ่งเดลฟี่นะคะก็เลยบอกว่า
เห็นไหม ชั้นไม่ได้ล้อเล่นนะ
ชั้นต้องการให้แกกลับไป
แล้วไปช่วยเซดริกจริงๆ
นี่ไม่ใช่เกม เพราะว่า
ถ้าเกิดสมมติว่าแกไม่ทำ
ชั้นจะฆ่าเพื่อนของแกแน่ๆ อัลบัส
ชั้นนี่แหละคือลูกสาวของลอร์ดโวลเดอมอร์
ซึ่งทำให้ทั้งคู่นะคะตกใจมาก อย่างไรก็ตามค่ะ
เดลฟี่ก็หักไม้กายสิทธิ์เค้าไปแล้ว
แล้วก็ใช้คาถาผูกทั้งสองคนเอาไว้ค่ะ
ทำให้ทั้งสองคนเนี่ยโดนมัด
แบบขยับตัวไม่ได้เลยนะ
หลังจากนั้นค่ะ เดลฟี่ก็เลยจัดการย้อนเวลาค่ะ
กลับไปในการประลองเวทไตรภาคีค่ะ
ในภารกิจที่ 3 นะคะ
แล้วก็ลากทั้งสองคนเข้าไปในเขาวงกตค่ะ
ปรากฏว่าก็มีการโต้เถียงกันนะคะประมาณว่าแบบ
แกต้องเป็นคนช่วยเซดริก นู่นนี่นั่น
แล้วก็มีการเสกคำสาปกรีดแทงเป็นระยะๆนะคะ
แต่ระหว่างที่กำลังเสกนั่นเสกนี่อยู่เนี่ยนะคะ
บังเอิญว่ามีเสียงนึงตะโกนขึ้นมาค่ะ ประมาณว่า
เอ็กซ์เปลลิอามัส นะคะ
แล้วก็มีการปลดอาวุธเดลฟี่ออกไปค่ะ
ทำให้เดลฟี่เนี่ยนะคะหยุดชะงักค่ะ
แล้วก็มีการเสกคาถาให้
เดลฟี่ขยับตัวไม่ได้ชั่วคราวนะคะ
ทั้งคู่ก็หันไปค่ะว่าแบบเฮ้ย ใครมาช่วยเราน่ะ
ปรากฏว่าหันไปนะคะ คนที่เจอก็คือ
เซดริกนั่นเอง ซึ่งเซดริกก็งงนะประมาณว่าแบบ
ชั้นต้องจัดการแกสองคนด้วยไหม
แกสองคนเป็นภารกิจของชั้น
ด้วยรึเปล่าที่อยู่ในเขาวงกต
ซึ่งทั้งสองคนก็แบบเอ่อะ...เอ่อ...
ไม่ใช่ ชั้นไม่ใช่ภารกิจ....
เอ่อ...ภารกิจของเธอคือ...
เอ่อ...อะไรดีนะ
อ๋อ ภารกิจของเธอคือปล่อยชั้น
ปล่อยชั้น อย่าให้ชั้นโดนมัดอยู่แบบนี้
ซึ่งเซดริกก็งงๆนะคะแต่ก็
ปล่อยทั้งคู่ออกมาจากการโดนมัดค่ะ
ซึ่งเซดริกนะคะก็พูดประมาณว่า
อะ ชั้นปล่อยทั้งสองคนแล้ว
งั้นชั้นต้องไปทำภารกิจต่อแล้วนะ
ชั้นจะต้องชนะการประลองเวทนี้ให้ได้
ซึ่งทั้งสองคนนะคะก็หนักใจนิดนึงแต่ก็แบบ
อืม ก็รู้ว่านี่เป็นการส่งเซดริกไปตายนะ
ก็แบบใช่ เซดริก เซดริกจะต้องไป
ชนะการประลองเวทไตรภาคีนะ
แต่ก่อนที่เซดริกจะหันหลังแล้วเดินจากไปค่ะ
ทั้งสองคนก็ตะโกนบอกเซดริก
ไปประโยคนึงนะคะ
ประโยคนั้นก็คือ เซดริก ก่อนจะไป
เรามีอะไรอยากบอกนายอะ
เรื่องที่เราอยากบอกก็คือ
พ่อนายรักนายมากนะ
ซึ่งเซดริกก็คงงงๆ
คือไม่รู้ชะตากรรมตัวเองไง
อยู่ดีๆมีคนบอกว่าพ่อรักชั้นมากก็จะแบบ
บอกทำไมอะ
แต่เซดริกก็จากไปนะคะ
ซึ่งระหว่างนั้นค่ะเผอิญว่าเดลฟี่เนี่ยนะคะ
เหมือนกับเวทมนตร์คลายพอดี
ก็เลยคลานๆๆนะคะ
คลานไปที่เครื่องย้อนเวลาค่ะ
เสร็จแล้วก็จัดการหมุนๆๆๆๆนะคะ
ทำท่าจะย้อนเวลาไปคนเดียวค่ะ
ซึ่งทำให้ทั้งสองคนเนี่ยตกใจมาก
เพราะว่าถ้าเกิดตัวเองสองคนติดอยู่ตรงนี้
ก็คือติดอยู่ในระหว่างเวลา
ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตามก็เลย
ต้องตามเครื่องย้อนเวลาไปค่ะ
ก็เลยกระโจนไปเกาะเดลฟี่นะคะ
และทั้งหมดก็ย้อนเวลากลับไปค่ะ
หลังจากที่ย้อนเวลาไปค่ะ พอไปถึงปุ๊บ
ปรากฏว่าเดลฟี่เนี่ยนะคะหายตัวไปทันที
ในขณะที่เครื่องย้อนเวลาค่ะ
ด้วยความที่มันทำงานหนักเกินเหตุนะคะ
มันก็ระเบิดบึ้ม
แล้วก็แตกสลายไปค่ะ
ทำให้เด็กทั้งสองคนเนี่ยตกใจมากว่า
เฮ้ย ชั้นติดอยู่ในระหว่างกาลเวลา
ชั้นจะทำยังไงดี
แล้วนี่คือที่ไหน เวลาไหน เมื่อไหร่ ยังไงนะคะ
ทั้งสองค่ะรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในฮอกวอตส์ต่อไปไม่ได้
เพราะเดี๋ยวใครมาเจอ
แล้วเดี๋ยวจะเป็นเรื่องนะคะ
ดังนั้นก็เลยหนีออกมานอกฮอกวอตส์ค่ะ
แล้วก็ลงไปที่สถานีรถไฟนะคะ
ที่นั่นค่ะ ตอนแรกก็กำลังงงๆว่า
แล้วเราจะทำยังไงดี เราไม่มีอะไรเลย
ไม้กายสิทธิ์ก็ไม่มี ไม้กวาดก็ไม่มี
อยู่เวลาไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลยนะคะ
แต่ตอนนั้นค่ะ นายสถานีก็เดินเข้ามาพอดีประมาณว่า
เฮ้ย เด็กสองคนจะไปไหนอะ
ถ้าสมมติว่าจะรอรถไฟเนี่ยนะ
ตอนนี้ตารางเวลามันเลื่อนนะ
นี่ๆๆ แล้วก็ชี้ไปที่ตารางเวลานะคะ
ซึ่งทำให้ทั้งสองคนค่ะเงยหน้ามอง
ไปที่ตารางเวลาแล้วก็พบกับวันที่นะคะ
ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าเฮ้ย นี่มันเป็นเวลาหนึ่งวันก่อนวันที่
ลอร์ดโวลเดอมอร์จะพยายามฆ่าแฮร์รี่
ตอนที่แฮร์รี่เป็นเด็กทารกนี่หน่า
ดังนั้นนะคะทั้งคู่ก็เลยคิดได้ค่ะว่า เฮ้ย
ด้วยความที่ตอนนั้นน่ะ จำได้ไหม
เราบอกเดลฟี่ไปว่าคำทำนายเนี่ยแก้ไขได้
ถ้าสมมติว่าเราขัดขืนคำทำนาย
ดังนั้นเดลฟี่เนี่ยไม่ได้พยายามจะทำให้
คำทำนายเรื่องเซดริกเป็นจริงอีกแล้ว
แต่ตอนนี้เดลฟี่กำลังจะทำลาย
คำทำนายที่ยิ่งใหญ่กว่า
ก็คือคำทำนายเรื่องของลอร์ดโวลเดอมอร์
กับแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเอง
ถ้าโวลเดอมอร์ไม่ได้พยายามฆ่าแฮร์รี่
ไม่ได้ mark สัญลักษณ์ว่า
แฮร์รี่คือคนที่เท่าเทียมกับลอร์ดโวลเดอมอร์
ลอร์ดโวลเดอมอร์ก็จะไม่โดนทำลายนะคะ
และก็จะยังคงมีอำนาจแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ
ก็คือไม่ได้สร้างแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่มี
แผลเป็นสายฟ้าขึ้นมานั่นเองนะคะ
ดังนั้นทั้งคู่ก็ตกใจค่ะแล้วก็ตัดสินใจ
เดินทางไปที่ก็อดดริกส์โฮลโล่นะคะ
หรือว่าบ้านของพ่อแม่แฮร์รี่นั่นเอง
เพื่อที่จะมาคิดกันต่อว่าทำยังไงดี
ตอนนั้นเนี่ยนะคะทั้งคู่ก็
มีความเถียงกันต่างๆค่ะว่า
ทำไงดีนะ ทำไงดีนะ ทำไงดีนะ
เราจะต้องยับยั้งเดลฟี่ไม่ให้
เข้าไปเจอลอร์ดโวลเดอมอร์
ไม่ให้ไปห้ามลอร์ดโวลเดอมอร์ไม่ให้ฆ่าแฮร์รี่
แต่เราจะห้ามยังไง ไม้กายสิทธิ์เราก็ไม่มี
เดลฟี่นี่ก็เป็นแม่มดที่มีความสามารถ
เราควรจะทำยังไงดีนะ
ว่าแล้วนะคะทั้งคู่ก็แอบมอง
บ้านของพ่อแม่แฮร์รี่ไปเรื่อยๆค่ะ
ก็กำลังคิดว่า เอ๊ หรือเราจะเข้าไปบอกปู่กะย่าเราดีนะ
ปู่กะย่าเราก็เป็นพ่อมดแม่มดที่ค่อนข้างจะเก่ง
คือเด็กอะนะพอเห็นอะไรอย่างนี้
ก็ไปบอกบรรพบุรุษตัวเองก็น่าจะช่วยมากกว่า
แต่ทั้งคู่ก็เถียงกันประมาณว่า
ไม่ได้ จะไปบอกไม่ได้ จะให้ไปบอกว่ายังไง
นี่ วันนี้จะเป็นวันตายของเธอสองคน
จะไม่ได้เห็นลูกตัวเองโตนะ
อะไรอย่างนี้เหรอ มันก็ไม่ใช่ไหม
แต่ถ้าสมมติไปบอกแล้วเวลาเปลี่ยน
เวลาแบบมั่วสั่วทำยังไง
สมมติว่าลิลี่รู้อยู่แล้วว่ายังไงแฮร์รี่ก็รอด
ก็ไม่ได้มีความรู้สึกแรงกล้า
ที่จะต้อง protect แฮร์รี่ขนาดนั้น
ดังนั้นเดี๋ยวคำสาปอะไร mix up
โอ๊ยไม่ได้หรอก ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้นะคะ
คิดไปคิดมาบอกดัมเบิลดอร์ดีไหม
ดัมเบิลดอร์เนี่ยเป็นคนที่รับได้ทุกอย่างแหละ
พ่อมดยิ่งใหญ่ระดับดัมเบิลดอร์
แต่ทั้งคู่ก็แบบไม่ใช่และ ไม่ใช่ ไม่ใช่ ไม่ใช่
ดัมเบิลดอร์ก็ไม่ควรจะรู้อนาคตไหม
ถ้าเค้ารู้อนาคต เดี๋ยวเค้าไม่ทำนั่น
ไม่ทำนี่ ไม่ทำโน่น
เดี๋ยววุ่นวายไปหมดอีก
ก็เลยคิดว่าไม่ได้ หรือทำยังไงดี
เราต้องการคนจากอนาคตนี่แหละมาแก้ไขสิ่งนี้
เพราะว่าคนของอนาคตเนี่ย
รู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่แล้ว
ว่าแต่เราจะส่งข้อความไปยังอนาคตยังไงดี
ทั้งคู่ก็มีความเถียงกันนะคะว่า
หรือว่าเราจะแอบซ่อนอยู่ตรงนี้
ในรูเนี่ยประมาณ 40 ปี
เพื่อที่จะรอให้เราโต ทุกคนโต
แล้วก็ไปบอกพ่อแม่เราในอนาคตดี
ซึ่งทั้งสองคนก็ตกลงกันว่า
เฮ้ย วิธีการนั้นมันไม่เวิร์กหรอก
คือต่อให้เรารอจนถึงตอนนั้นเนี่ย
แค่เดลฟี่เนี่ยจัดการบอกลอร์ดโวลเดอมอร์เสร็จ
เค้าก็ไล่ฆ่าเราแล้ว
ไม่เหลือเวลาให้เราไปบอกพ่อเราหรอก
ทำไงดีนะ ทำไงดีนะ ทำไงดีนะ
ซึ่งบังเอิญระหว่างนั้นค่ะ
ตอนนั้นเนี่ยลิลี่ หมายถึงลิลี่ พอตเตอร์เนี่ยนะ
เข็นแฮร์รี่ออกมาหน้าบ้านพอดีค่ะ
แล้วก็มีความแบบเอาผ้าห่มมาคลุมให้ลูก
ประมาณว่าแบบโอ๊ยลูก วันนี้หนาวหน่อยนะ
เอามาห่มคลุม ฟุ่บ! นะคะ
ซึ่งทำให้อัลบัสนะคะได้ไอเดียว่า
เฮ้ย นี่ๆๆ ผ้าห่มผืนนั้นน่ะ
มันเป็นผ้าห่มผืนเดียวกับที่แฮร์รี่เนี่ย
มองทุกครั้งที่มีปัญหา
และพ่อยังมีผ้าห่มผืนนี้อยู่
เราจะต้องส่งข้อความผ่านผ้าห่มผืนนี้แหละ
เอ้า ไหนสกอร์เปียสในฐานะเนิร์ด
บอกชั้นมาซิว่ามีสารประกอบอะไร
อยู่ใน love potion หรือว่ายาเสน่ห์บ้าง
มันมี pearl dust หรือว่าผงไข่มุกเหรอ
แล้วผงไข่มุกทำปฏิกิริยากับอะไร
คุยกันไปคุยกันมานะคะก็ได้สารตัวนึงมาค่ะ
ซึ่งเวลาเขียนลงไปเนี่ย
มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ซักก็ไม่ออก อะไรก็ไม่ออก
แต่ถ้าสารตัวนี้ไปเจอกับ
pearl dust ที่อยู่ในยาเสน่ห์เนี่ยนะคะ
มันจะลุกเป็นไฟขึ้นมาค่ะ
ทั้งคู่ก็เลยไปขโมยสารชนิดนี้นะคะ
จากบ้านของบาธิลดา แบ็กช็อต
ที่บ้านอยู่ข้างบ้านของแฮร์รี่
น่ะ จำได้ใช่ไหม คนที่เป็นคนเขียน
ตำราประวัติศาสตร์ คนนั้นนี่แหละค่ะ
ไปขโมยสารมาแล้วก็จัดการ
เขียนลงไปที่ผ้าห่มผืนนี้นะคะ
ซึ่งในเรื่องนี่ก็ไม่ได้ระบุนะว่า
บุกไปถึงตัวเด็กได้ยังไง ไปเขียนได้ยังไง
ก็...
เอาเป็นว่าระบบการรักษา
ความปลอดภัยของแฮร์รี่ในยุคเด็กนี่
อ่อนด้อยมากนะคะ
ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารอดจาก
โวลเดอมอร์มาได้ยังไงอะนะ
จริงๆแค่เอาผู้เสพความตาย
มาหักคงหักคอนี่ก็น่าจะได้แล้วนะ
อย่างไรก็ตาม ช่างมันค่ะ
สิ่งที่เค้าเขียนไว้นะคะก็คือ
Dad Help Godric's Hollow
แล้วก็เขียนวันเวลาเรียบร้อยค่ะ
ทีนี้นะคะตัดภาพกลับไปที่เวลาปัจจุบันค่ะ
พวกพ่อๆแม่ๆนี่ก็เครียดกันมากนะคะว่าแบบ
ลูกหาย โอ๊ยตายแล้ว
เดลฟี่เป็นลูกของลอร์ดโวลเดอมอร์ด้วย
ตอนนี้รู้ความจริงแล้วทำยังไงดีนะคะ
ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่นะคะไม่อยากทำตัวเอง
เป็นคอร์นีเลียส ฟัดจ์ค่ะ
ที่พยายามแบบปิดหูปิดตา ไม่จริง ไม่จริง
ไม่ได้มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นนะคะ
เฮอร์ไมโอนี่ก็เลยมีการเรียกประชุม
เหล่าพ่อมดแม่มดค่ะ
แล้วก็ชี้แจงตามตรงนะคะว่า
ตอนนี้โลกของเรากำลังประสบปัญหานะเพราะว่า
มันมีเครื่องย้อนเวลาและตอนนี้
ลูกของลอร์ดโวลเดอมอร์ได้เครื่องย้อนเวลาไป
แล้วย้อนเวลาไปตอนไหนก็ไม่รู้นะคะ
ซึ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่เนี่ยโดนด่าหนักมาก
โดนด่าๆๆๆๆจากทุกคน
รวมถึงศาสตราจารย์มักกอนนากัลด้วยนะคะ
ซึ่งตอนนั้นนะคะหลายๆคนก็
ก้าวมาปกป้องเฮอร์ไมโอนี่ค่ะ
เริ่มจากแฮร์รี่ก่อน ก้าวขึ้นมาบอกว่า
เดี๋ยว นี่มันไม่ใช่ความผิด
ของเฮอร์ไมโอนี่คนเดียว
เธอพยายามทำดีที่สุดแล้ว อะไรอย่างนี้
ก็มีการก้าวขึ้นมาปกป้อง
หลังจากที่แฮร์รี่ขึ้นมาปกป้องเฮอร์ไมโอนี่
จินนี่ก็ลุกขึ้นมาปกป้องแฮร์รี่ ประมาณว่า
นี่มันเป็นลูกของชั้นด้วย
ชั้นจะต้องปกป้องลูกของชั้น
อะไรอย่างนี้นะคะ
และในที่สุดรอนก็ก้าวขึ้นมาบนเวที
อีกคนนึงค่ะแล้วก็บอกว่า
จริงๆชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องนี้เป็นยังไง
ชั้นก็ไม่ได้ทำงานกระทรวง
แล้วก็ลูกชั้นก็ปลอดภัยดี นอนอยู่ที่บ้านน่ะนะ
แต่ว่าเห็นทุกคนก้าวขึ้นมาบนนี้เยอะแล้ว
ชั้นก็ก้าวขึ้นมาด้วยแล้วกัน เย้~ นะคะ
ก็คือรอนเป็นตัวโจ๊กของเรื่องนี้นั่นเองน่ะนะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ทั้งหมดก็จับมือกันไว้นะคะ
แล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ
แต่เวลาผ่านไปไม่นานนะคะ
บังเอิญว่ามีคนนึงเข้าพบแฮร์รี่ค่ะ
คนคนนั้นก็คือเดรโก มัลฟอยนั่นเอง
มัลฟอยเนี่ยเดินเข้ามา
ในห้องทำงานของแฮร์รี่นะคะ
แล้วก็บอกแฮร์รี่ว่า
เนี่ย จริงๆแล้วนะถ้าความจริงแบบที่
สกอร์เปียสบอกเป็นจริงเนี่ย
นี่คือห้องทำงานของชั้นนะ
หลังจากที่แกตายไปเนี่ย
อื้ม แต่อย่างไรก็ตามนะ
ชั้นมีของสิ่งนึงจะมาให้แก
คือไอเครื่องย้อนเวลาที่แกจับมาได้จาก
ทีโอดอร์ น็อตต์เนี่ยนะมันเป็นแค่รุ่น prototype
แล้วมันก็ใข้ได้ง่อยๆ
ใช้ได้แค่ห้านาทีแล้วมันก็จะ
หมุนๆๆๆแล้วย้อนกลับมาปัจจุบัน
ซึ่งมันก็เป็นแค่ของง่อยๆชิ้นนึงง่ะ
ซึ่งก็ทำให้แฮร์รี่เริ่มเอ๊ะๆว่าแบบ
มัลฟอย ทำไมมัลฟอยรู้ละเอียดจังเลย
เดรโก ไหนอธิบายมาซิว่าเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายนะคะ เดรโกก็เลยเฉลยออกมาค่ะว่า
เครื่องย้อนเวลาทั้งหมดนี้ คนที่สั่งทำขึ้นมาก็คือ
พ่อของเค้านั่นเอง
เพราะว่าพ่อเค้าเป็นนักสะสมของศาสตร์มืดนะ
ก็เลยอยากได้เครื่องย้อนเวลามาเป็นของตัวเอง
แต่เครื่องย้อนเวลาที่พ่อเค้ามีเนี่ย
มันเป็นเครื่องจริง
มันเป็นเครื่องที่ไม่มีปัญหาเลย
ว่าจะย้อนได้กี่นาทีกี่ชั่วโมง
ย้อนเท่าไหร่ก็ได้
และเดรโก มัลฟอยนะคะ
ถือเครื่องย้อนเวลานี้ของพ่ออยู่ค่ะ
แต่ไม่ยอมส่งให้กระทรวงตั้งแต่แรกเพราะว่า
ถ้าส่งให้กระทรวงตั้งแต่แรกเนี่ยนะ
ข่าวลือที่ว่าสกอร์เปียสเป็นลูกของ
โวลเดอมอร์ก็จะจริงมากๆเลยใช่ไหม
เพราะว่าก็มีเครื่องย้อนเวลาอยู่จริง
มัลฟอยนะคะก็เลยเล่าให้แฮร์รี่ฟังค่ะ
ว่าเรื่องราวจริงๆน่ะเป็นยังไง
คือมัลฟอยนะคะแต่งงานกับผู้หญิงคนนึง
แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่อยู่
ในตระกูลที่โดนสายเลือดต้องสาป
ก็คือร่างกายจะไม่แข็งแรง ประมาณนั้นแหละ
แบบแทบจะมีทายาทไม่ไหวเลยจริงๆนะ
เรียกได้ว่าร่างกายอ่อนแอมาก
คือเหมือนแบบต้นตระกูลโดนสาป
แล้วคำสาปก็ส่งลงมารุ่นต่อรุ่น ต่อรุ่น ต่อรุ่นนะคะ
แล้วมาปรากฏผลในตัวของแม่สกอร์เปียสพอดีค่ะ
พ่อของเดรโกตอนแรกก็
ไม่อยากให้แต่งด้วยหรอก
เพราะว่าแบบเอ๊ย ไม่ได้ เธอจะต้องมีลูก
เพื่อตระกูลมัลฟอยอันยิ่งใหญ่
จะได้สืบสายเลือดต่อไปนะคะ
ส่วนเดรโกเนี่ยจริงๆรัก
ผู้หญิงคนนี้มากแล้วก็รู้สึกว่าแบบ
ไม่เป็นไรเลย เธอไม่ต้องมีลูกก็ได้
เราอยู่กันสองคนก็ได้นะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ผู้หญิงคนนี้รู้ว่า
เดรโกเป็นคนที่ขี้เหงาขนาดไหน
คือความอบอุ่นจากพ่อก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้
และถ้าปล่อยให้เดรโกอยู่คนเดียวเนี่ย
มันจะรู้สึกแย่มาก
แล้วเค้าก็รู้ตัวนะคะว่าเค้าเนี่ยอายุสั้น
คืออยู่ไปไม่ยาวแน่ๆ
ก็เลยอยากมีลูกนะคะ
เพื่อที่ลูกเนี่ยจะได้อยู่เป็นเพื่อนเดรโก
ในตอนที่ตัวเองตายจากไปแล้วค่ะ
ดังนั้นก็เลยฝืนมีลูกนะคะ
ปรากฏว่าฝืนมีลูกออกมาเนี่ย
ทั้งสองคนก็ดีใจมากค่ะแต่ว่า
ร่างกายของผู้หญิงเนี่ยก็อ่อนแอหนักมาก
เดรโกเนี่ยนะคะก็เลยพาครอบครัวตัวเองค่ะ
หลบไปอยู่ที่นึงเพื่อที่จะ
รักษาสุขภาพผู้หญิงประมาณนี้
ซึ่งทำให้ข่าวลือแพร่กระจายไปค่ะเพราะว่า
ก็เหมือนกับว่าหายตัวไปในช่วงมีลูกพอดีนั่นแหละ
ซึ่งหลังจากนั้นนะคะ
แฮร์รี่ก็เลยเข้าใจเดรโกมากขึ้นค่ะ
ประมาณว่าแบบโถ เดรโก ชั้นเข้าใจแล้วว่า
ทำไมเธอถึงไม่เอาเครื่องย้อนเวลา
มาให้ชั้นตั้งแต่แรก ประมาณนี้นะคะ
เดรโกนะคะก็เลยบอกว่า
ให้เราใช้เครื่องย้อนเวลานี้
ย้อนเวลาไปช่วยลูกๆของเรากันเถอะ
แต่แฮร์รี่ก็บอกว่าแล้วจะย้อนไปตอนไหนล่ะ
คือเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกของเราเนี่ย
ไปอยู่ที่ไหนในกาลเวลา
คือเราย้อนไปมั่วไม่ได้ไง
เราต้องรอให้ลูกของเราเนี่ย
ส่งสัญญาณมาก่อนว่าเค้าอยู่ที่ไหนนะคะ
คืนนั้นค่ะแฮร์รี่เครียดมากนะคะก็เลย
เข้าไปในห้องของอัลบัสค่ะ เข้าไปนั่งเครียดอยู่
ซึ่งจริงๆแล้วในห้องของอัลบัสเนี่ย
จินนี่เก็บรักษาไว้นะคะ
ไม่ให้ใครเข้าไปในห้องนี้เลย
ตั้งแต่วันที่อัลบัสหายตัวไปค่ะ
แฮร์รี่เข้าไปก็ไปนั่งเครียดนะคะ
จินนี่ก็มาปลอบประมาณว่าแบบ
ไม่เป็นไรน้า เธอทำดีที่สุดแล้ว
ลูกเนี่ยแค่ต้องการให้เห็นความรักเท่านั้นแหละ
คือแฮร์รี่เนี่ยรู้สึกว่า
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของชั้น
ชั้นเป็นคนไล่ลูกตัวเองไปหา
ลูกของลอร์ดโวลเดอมอร์
ถ้าชั้นรักเค้ามากกว่านี้
ถ้าชั้นเลี้ยงเค้าดีกว่านี้เนี่ยนะ
ลูกก็คงไม่ทิ้งไปแบบนั้นนะคะ
แต่จินนี่บอกว่า แฮร์รี่รักลูกแล้วแหละ
แต่ว่าแฮร์รี่ดันไม่เคยแสดงให้
ลูกเห็นว่าตัวเองรักเค้าขนาดไหน
ก็กำลังคุยกันเรื่องนี้อยู่ค่ะ
ปรากฏว่าระหว่างนั้นเนี่ยนะคะ
แฮร์รี่ก็นั่งพลิกผ้าห่มของตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ
ผ้าห่มที่ได้มาจากแม่นี่แหละ
พลิกไปพลิกมา เอ๊ะ
ทำไมมันมีรอยไหม้ตรงนี้
ชั้นไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
ทั้งคู่ก็เลยพยายามช่วยกันอ่านนะคะ
เพราะว่าก็เริ่มแก่แล้ว สายตาเริ่มไม่ดีนะ
ตอนแรกก็แบบ Dad Hello
คืออะไร Dad Hello คืออะไร
ฮึ อะไรงงๆ
มีตัวเลขด้วย นี่เป็นอะไร รหัสไปรษณีย์เหรอ
หรือว่า Mos Code
หรือว่าเป็น GPS ของพวกมักเกิ้ล
อะไรอย่างนี้นะคะก็มีการคุยๆกัน
ปรากฏว่าแกะไปแกะมา
อ่านออกค่ะ ประมาณว่า
Dad Help Godric's Hollow
แล้วก็เป็นวันเวลานะคะ
ซึ่งแฮร์รี่จำได้ว่านี่คือวันเวลาที่พ่อแม่ของชั้นตายค่ะ
ก็เลยรู้ว่าลูกๆของเราเนี่ยไปซ่อนตัวอยู่ตรงนี้นั่นเอง
ดังนั้นแฮร์รี่นะคะก็เลยรีบติดต่อไปที่เฮอร์ไมโอนี่ค่ะ
และทั้งหมดนะคะก็รีบไป
รวมตัวกันที่ก็อดดริกส์โฮลโล่ค่ะ
เพื่อที่จะย้อนเวลาไปช่วยลูกๆค่ะ
ซึ่งตรงนี้ก็เป็นฉากที่ตลกนิดนึงนะ
คือไปถึงแล้วทุกคนก็ประมาณว่า
เอาล่ะ เราจะมาร่วมมือกันช่วยลูกของเรา
คนที่จะไปนะคะก็มีเฮอร์ไมโอนี่
มีรอน มีแฮร์รี่ มีจินนี่
แล้วก็มีเดรโกนั่นเองค่ะ ห้าคนนะคะ
ซึ่งไปถึงเนี่ย ทุกคนก็เหมือนจะร่วมมือกันและ
แต่อย่างแรกเลยค่ะ ตัวบุกเริ่มก่อน
รอนนะคะ รอนเป็นตัวเปิดเลย ไปถึงจะ
กระชากคอเดรโกนะคะประมาณว่าแบบ
แก ถึงเราจะร่วมมือกัน
แต่ว่าคราวก่อนที่เจอกันเนี่ย
แกด่าเมียชั้นไว้ไม่โอเคเลย
ชั้นต้องปกป้องเมียชั้น
คือคราวที่แล้วเหมือนแบบ
ด้วยความเสียใจที่ลูกตัวเองหายไปอะ
เดรโกก็เลยพูดจาแรงๆ
ใส่เฮอร์ไมโอนี่ไปนิดนึงนะคะ
ซึ่งทำให้รอนไม่พอใจมากๆ
รอนเนี่ยใช้คำประมาณว่าแบบ
แกมาพูดอย่างนี้กับภรรยาของชั้นไม่ได้
ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็ลุกขึ้นมาประมาณว่า
ซึ่งภรรยาของเธอเนี่ยไม่ต้องการ
ให้เธอมาช่วยปกป้อง
หลบไป หลบไป
รอนนี่ก็แบบมีความกลัวเมียนิดนึง
ก็จะแบบอยู่ข้างหลัง
หลบอยู่ข้างหลังเฮอร์ไมโอนี่แล้วก็แบบ
อย่านะ อย่าให้ชั้นได้ยินว่า
แกด่าเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้งนึงนะ
ไม่งั้นชั้นจะ...
เฮอร์ไมโอนี่นะคะ
ก็พูดแทรกขึ้นมาประมาณว่า
ไม่งั้นเธอจะต้องไปกอดเค้า
คือประมาณว่ารอนกับเดรโก
แกเนี่ยกอดกันรักกันซะดีๆนะคะ
ทั้งหมดก็เลยเหมือนดีกันค่ะประมาณว่าแบบ
เราอยู่ทีมเดียวกันฮัลโหล ร่วมมือกันซะดีๆ
ว่าแล้วทั้งหมดก็ย้อนเวลากลับไปค่ะ
ย้อนกลับไปในวันที่พ่อแม่
ของแฮร์รี่กำลังจะตายนะคะ
พอย้อนกลับไปนะคะ
อัลบัสก็เห็นหน้าแม่ของตัวเองหรือว่าจินนี่นะคะ
ก็วิ่งมากอดอย่างรวดเร็วค่ะ
แฮร์รี่ก็ยืนอยู่ข้างๆประมาณว่าแบบ
อืมๆๆ ดีกันแล้ว ดีกันแล้ว ประมาณนี้นะคะ
ตัดภาพไปที่สกอร์เปียสค่ะ
สกอร์เปียสก็เดินเข้ามา เดรโกก็แบบ
เรา...เราจะต้องกอดกันแบบนั้นบ้างไหม
คือนึกออกไหม มัลฟอยมันแบบมัลฟอยอะ
อะไรประมาณนี้นะคะก็แบบ
กอดกันแบบ awkward นิดนึงนะคะ
อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็คุยกันค่ะประมาณว่า
แล้วเดลฟี่หายไปไหน
อ๋อ เดลฟี่หายตัวไปแล้ว
แล้วก็คิดกันได้นะคะว่าเฮ้ย จริงๆแล้วเนี่ย
เดลฟี่ไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาฆ่าแฮร์รี่
แต่เดลฟี่มาที่นี่เพื่อมาห้ามลอร์ดโวลเดอมอร์
ไม่ให้ฆ่าแฮร์รี่ต่างหาก
เพราะว่าถ้าสมมติว่าลอร์ดโวลเดอมอร์
ฆ่าแฮร์รี่ก็จะตรงตามคำทำนายประมาณนี้นะคะ
แต่ที่เดลฟี่เนี่ยมาก่อนเวลาถึง 24 ชั่วโมง
เพราะว่าเดลฟี่ไม่รู้เวลาว่าลอร์ดโวลเดอมอร์
จะมาที่ก็อดดริกส์โฮลโล่เวลาไหนนะคะ
ทั้งหมดก็เลยตกลงวางแผนกันค่ะ
ไปซุ่มกันอยู่ในโบสถ์ใกล้ๆ ประมาณนั้นนะคะ
เพราะว่าเป็นจุดที่สามารถเห็นทุกอย่างในเมืองได้
แล้วทั้งหมดก็ตกลงกันเลยว่า
เฮ้ย เราจะต้องปลอมตัวนี่แหละ
ให้ใครซักคนนึงปลอมตัวเป็น
ลอร์ดโวลเดอมอร์เพื่อล่อเดลฟี่ออกมา
เรารอลอร์ดโวลเดอมอร์ตัวจริงมาไม่ไหวหรอก
เรากำจัดลอร์ดโวลเดอมอร์พร้อมกับเดลฟี่
ซึ่งเป็นแม่มดที่มีพลังมากๆ สองคนพร้อมกันไม่ไหวนะ
ดังนั้นเราจะต้องแกล้งทำตัวเป็น
ลอร์ดโวลเดอมอร์ออกไปเดินไปเดินมา
เดลฟี่เห็นลอร์ดโวลเดอมอร์
เดลฟี่ก็จะออกมา พอออกมาเท่านั้นแหละ
เราก็สามารถจัดการเดลฟี่ได้นะคะ
ซึ่งทุกคนก็เถียงกันนะคะว่า
แล้วใครจะปลอมตัวเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์
แล้วทุกคนก็เสนอตัว
รอนก็บอกว่าชั้นเป็นคนที่ชิลล์ที่สุด
ถ้าชั้นปลอมตัวเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์เนี่ย
ชั้นก็จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบอะไร
จากการที่ในหัวมีเสียงหัวเราะ
ของลอร์ดโวลเดอมอร์อยู่
เฮอร์ไมโอนี่ก็บอกว่า
แต่ชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเวทมนตร์
ชั้นควรจะรับหน้าที่อันหนักหนาสาหัสนี้
เดรโกนะคะก็เสนอขึ้นมาว่า
แต่ชั้นเป็นคนที่รู้เรื่องศาสตร์มืดดีที่สุดน้า
แล้วชั้นก็มีความเป็นผู้เสพความตาย
อะไรอย่างนี้ ชั้นน่าจะเหมาะสุดรึเปล่า
ในขณะที่ทุกคนเถียงกันนะคะ
แฮร์รี่ก็พูดขึ้นมาว่า
ไม่ได้หรอก มันต้องเป็นชั้นนี่แหละ
เพราะว่า หนึ่ง ชั้นรู้ว่าโวลเดอมอร์คิดอะไร
ชั้นเคยมีโวลเดอมอร์อยู่ในหัวชั้น จำได้ไหม
ว่าชั้นเคยเป็นฮอร์ครักซ์ของเค้า
นอกจากนี้นะแน่นอนว่าเดลฟี่โผล่มา
มันจะต้องมีการพิสูจน์ตัวตนด้วยการ
พูดภาษาพาร์เซลแน่นอนนะคะ
ดังนั้นพวกแกทุกคนพูดไม่ได้ ชั้นพูดได้คนเดียว
ดังนั้นต้องเป็นชั้นแล้วแหละ
แม้ว่าจินนี่จะมีความแบบไม่อยากให้เป็นเท่าไหร่
เพราะว่ากลัวนะคะ กลัวว่าแฮร์รี่จะ
ติดอยู่ในร่างของโวลเดอมอร์ตลอดไป
แต่แฮร์รี่ก็จำเป็นต้องทำค่ะ
สุดท้ายแฮร์รี่นะคะก็เลย
แปลงร่างเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์โดยการที่
ใช้เวทมนตร์ของทุกคนเนี่ยเสกๆๆๆเข้าไป
เพราะว่าถ้าทำน้ำยาสรรพรสคงทำไม่ทัน
แล้วก็ประกอบกับว่าถ้าทำน้ำยาสรรพรส
มันจะต้องมีส่วนบางส่วนของลอร์ดโวลเดอมอร์
มาใส่เข้าไปในน้ำยาใช่ไหม
คงไม่มีใครไปเก็บผมโวลเดอมอร์ซึ่งก็ไม่มีผม
ไปเก็บเล็บเท้าเหรอ ก็ไม่ใช่ใช่ไหมคะ
ดังนั้นสุดท้ายนะคะทุกคนก็เลย
ใช้วิธีเสกเวทมนตร์ใส่แฮร์รี่ค่ะ
ให้แฮร์รี่กลายเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์นะคะ
และตามแผนก็คือให้แฮร์รี่เดินออกไปแล้วก็
หลอกล่อให้เดลฟี่เข้ามาในโบสถ์นี้ค่ะ
พอเข้ามาในโบสถ์
ทุกคนก็จะรุมเสกคาถาใส่เดลฟี่
เพราะว่าเดลฟี่นี่เป็นแม่มดที่ทรงพลังมากๆนะคะ
อย่างไรก็ตามค่ะ ถึงเวลาจริงแฮร์รี่ก็ออกไป
เดินในร่างลอร์ดโวลเดอมอร์ค่ะ เดินๆๆ
ปรากฏว่าเดลฟี่ก็โผล่มาจริงๆค่ะ
ทั้งคู่ก็มีการคุยกันอะไรต่างๆ
แฮร์รี่ก็พยายามแอ๊บเนียนนะคะ
ตอนแรกเดลฟี่ก็เชื่อค่ะ
แฮร์รี่ก็พยายามจะหลอกล่อเดลฟี่ประมาณว่า
เดินมาตรงนี้สิลูก
เข้ามาอยู่ในแสงให้พ่อเห็นหน้าเจ้าชัดๆซิ
ประมาณนั้นนะคะ
แต่ขณะที่เดลฟี่กำลังจะเดินออกมาค่ะ
ปรากฏว่าเวทมนตร์ที่เสกไว้เนี่ย
มันหมดพอดีนะคะ
แฮร์รี่ก็ค่อยๆคืนร่างเป็นร่างตัวเองค่ะ
เดลฟี่ก็เลยไม่เชื่อนะคะ
สุดท้ายนะคะ ตอนนี้เดลฟี่เข้ามาในโบสถ์แล้วแหละ
แล้วคนอื่นก็ซ่อนตัวอยู่
กำลังจะเข้ามาในโบสถ์เพื่อมารุมเดลฟี่กันค่ะ
แต่เดลฟี่เนี่ยนะคะ
อาศัยจังหวะนั้นเสกคาถาค่ะ
ปิดประตูโบสถ์ ปึง!
เรียกได้ว่าล็อกจากด้านในนะคะ
แล้วก็สู้กับแฮร์รี่อยู่ตามลำพังภายในโบสถ์ค่ะ
ซึ่งทำให้คนอื่นเนี่ยกังวลมาก
เพราะแฮร์รี่สู้ไม่ไหวหรอกนะ
อย่างไรก็ตามนะคะ จะเปิดประตูก็เปิดไม่ได้
เพราะว่าประตูมันล็อกจากด้านใน
สุดท้ายนะคะ อัลบัสค่ะ
ซึ่งเป็นเด็กตัวเล็กเนี่ยก็เลยเสนอว่า
จริงๆแล้วเนี่ยนะโบสถ์มันมีรูอยู่นิดนึง
ทุกคนเข้าไปไม่ได้หรอก
แต่ชั้นเนี่ยเข้าไปได้
ขอคลานเข้าไปแล้วไป
เปิดประตูให้จากด้านในได้ไหม
ซึ่งทุกคนก็เป็นห่วงอัลบัสนะคะ
แต่มันก็ไม่มีทางอื่น มันเป็นทางเดียว
อัลบัสก็เลยคลานเข้าไปด้านในค่ะ
แล้วก็ปลดล็อกประตูนะคะ
ทำให้ทุกคนเข้าไปรุมยำเดลฟี่ได้นะคะ ได้สำเร็จ
แล้วเดลฟี่ก็มีการท้าทายประมาณว่า
ฆ่าชั้นสิ ฆ่าชั้นสิ ประมาณนี้นะคะ
แต่ทุกคนค่ะก็ด้วยความเป็นตัวเอกนะคะ ก็เป็นคนดี
ก็เลยจัดการแค่เสกคาถา
แบบมัดเดลฟี่ไว้อะไรอย่างนี้
เพื่อที่จะเอาเดลฟี่ไปเข้าอัซคาบันในโลกปัจจุบันค่ะ
หลังจากนั้นก็คือทุกคนเนี่ยอยู่ที่ก็อดดริกส์โฮลโล่
แล้วก็รู้ว่าโวลเดอมอร์กำลังจะมาค่ะ
ดังนั้นแฮร์รี่ก็เลยได้มีโอกาสนะคะ
เห็นภาพโวลเดอมอร์ฆ่าพ่อแม่ของตัวเองค่ะ
แต่ว่าทุกคนก็อยู่เป็นเพื่อนแฮร์รี่
แล้วก็คอยปลอบใจนะคะ
หลังจากนั้นค่ะ ทั้งหมดก็ย้อนเวลา
กลับไปโลกปัจจุบันนะคะ
และทุกคนก็เหมือนเคลียร์ใจกันได้ ประมาณนั้นเลย
ที่สำคัญนะคะ ในโลกปัจจุบันเนี่ย
เรื่องราวก็เริ่มเปลี่ยนไป
เพราะว่าสกอร์เปียสเนี่ย หลังจากที่ไป
เผชิญเรื่องราวอะไรต่างๆมามากมาย
ก็เริ่มเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น
โดยสิ่งแรกที่เค้าทำค่ะก็คือ
ไปหาโรสนะคะ ลูกของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่
ที่ตัวเองแอบชอบ
แล้วก็ไปขอเป็นแฟน ประมาณนั้น
ซึ่งถามว่าโรสตกลงไหม
ก็ไม่ตกลงหรอก
แต่ว่าสกอร์เปียสเนี่ยดีใจ
เพราะว่าเหมือนกับว่า
ในที่สุดชั้นก็กล้าพูดแล้วนะ
เหมือนกับว่าชั้นปลูกต้นรักในใจเธอแล้ว
มันจะเติบโตงอกงามไปถึงขนาดไหนในอนาคต
มันก็เป็นเรื่องของอนาคตนะคะ
และที่สำคัญนะคะ ตอนแรกสกอร์เปียส
เป็นพวกไม่เข้าสังคมเลยเนี่ยนะ
แต่ว่าพอโรสชวน บอกว่า
ไปดูควิดดิชกันไหมอะไรอย่างนี้
สกอร์เปียสก็เริ่มโอเค
แล้วก็เริ่มมีความแบบชั้นอาจไปฝึกควิดดิช
จนได้อยู่ในทีมของบ้านเลยก็ได้นะ อะไรอย่างนี้
แล้วก็ชวนอัลบัสไปด้วยค่ะ
แต่ว่าอัลบัสเนี่ยไม่ไป บอกว่า
ตัวเองเนี่ยมีนัดกับพ่อนะคะ
ซึ่งแฮร์รี่นี่ก็พาอัลบัสไปที่นึงค่ะ
ที่ที่นั่นก็คือเป็นเนินแห่งนึง
อัลบัสก็มีความถามพ่อว่า
ที่นี่ที่ไหนเหรอ อะไรอย่างนี้นะคะ
พ่อเนี่ยก็บอกว่า อ๋อ ที่นี่คือหลุมฝังศพของเซดริก
เราจะมาเคารพหลุมฝังศพของเซดริกด้วยกันนะคะ
และที่นั่นค่ะก็กลายเป็นที่ฝังศพของเครก
เด็กผู้ชายคนนึงที่ตายไป
ตอนที่เดลฟี่เสกคาถาใส่นั่นเองค่ะ
ทั้งคู่ก็เลยเหมือนแชร์ความรู้สึกกันประมาณว่าเนี่ย
เราเข้าใจกันและกันนะเพราะว่า
พ่อก็ไม่อยากให้เซดริกตาย
ลูกก็ไม่อยากให้เครกตาย
แต่ว่าเรื่องอย่างนี้มันก็เกิดขึ้น
เราก็จะต้องรู้สึกผิดอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งคู่ก็มีความเคลียร์ใจกันนะคะ
พ่อก็แบบแสดงให้เห็นว่า
ตัวเองรักลูกขนาดไหนแต่ว่า
ทั้งหมดนี้พ่อเป็นพ่อที่ไม่ดีหรอก เพราะว่าไร
เพราะว่าพ่อพยายามจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
แต่พ่อไม่ได้มีตัวอย่างไง นึกออกไหม
แต่คือแบบเกิดมาก็...ก็ไม่มีใครเลี้ยงอะ
ก็อยู่ในบ้านเดอร์สลีย์ โดน abuse
โดนแบบว่าใช้ความรุนแรงอะไรต่างๆ
ก็เลยไม่เข้าใจว่า
การเป็นพ่อที่ถูกต้องเนี่ย ต้องเป็นยังไง
เค้าก็พยายามเรียนรู้อยู่
เรามาเรียนรู้การเป็นพ่อ
การเป็นลูกไปพร้อมๆกันนะ
คือแบบก็ไม่มีตัวอย่างให้ดู ประมาณนั้นนะคะ
ฝั่งอัลบัสค่ะก็เล่าให้พ่อฟังบอกว่า
เออ จริงๆแล้วพ่อรู้ไหมว่า
เรื่องนี้ผมอยากเล่าให้พ่อฟังก็คือ
พ่อบอกว่าพ่อไม่ได้มีโอกาส
เห็นพ่อของตัวเองใช่ไหม
คือผมเนี่ยได้เห็น วันนั้นน่ะที่ผมไปนั่ง
อยู่ที่ก็อดดริกส์โฮลโล่เนี่ย
ก่อนที่พ่อจะมา ผมก็ได้อยู่ตรงนั้น
ตั้งแบบหลายชั่วโมง
ผมก็ได้เห็นตอนที่พ่อแม่ของพ่อเนี่ยเล่นกับพ่อ
ก็เล่าให้ฟังนะคะว่าเรื่องราวเป็นยังไงบ้าง
เล่นอะไรกันบ้างอะไรอย่างนี้
ซึ่งทำให้ทั้งคู่เนี่ยเคลียร์ใจกัน
แล้วก็กลับมาเลิฟๆกันอีกรอบนึงค่ะ
และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงตรงนี้นี่แหละค่ะ
เป็นไงบ้าง ยาวนานจริงๆนะคะ
สำหรับสามตอนของ
Harry Potter and the Cursed Child
หรือว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเด็กต้องสาปค่ะ
ถ้าใครชื่นชอบคลิปนี้นะคะ
อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังใจให้วิว
แล้วก็กดแชร์เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ
แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะทุกคน
บ๊ายบาย สวัสดีค่ะ
จริงๆนะถึงวิวบอกว่า
วิวลงรายละเอียดเยอะแล้ว
ถึงอะไรยังไงก็ตาม
แต่อยากให้ทุกคนเนี่ย
ลองไปหาเล่มจริงมาอ่านเพราะว่า
มันจะมีรายละเอียดมุกตลกอะไรเล็กๆน้อยๆ
มากมายที่มันแทรกอยู่แล้วมันสนุกมาก
อย่างเช่นตอนที่สกอร์เปียสกับอัลบัสเนี่ย
ตกลงกันไว้ว่าจะส่งข้อมูลไปที่อนาคตเนี่ย
มันก็มีความแบบว่าหรือเราจะเดินไปหา
เบบี้แฮร์รี่ แฮร์รี่ตอนเด็กดี
แล้วตะโกนใส่ประมาณว่า
ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วย
แล้วหวังว่าจิตใต้สำนึกของแฮร์รี่จะนึกออก
ในตอนเด็กว่าแบบ
เคยมีคนตะโกนคำว่าช่วยด้วยใส่
อะไรอย่างนี้รึเปล่า
มันจะมีมุกอะไรอย่างนี้อีกเยอะมากนะคะ
ดังนั้นลองไปหาอ่านดู
แล้วถ้าใครมีโอกาสก็
ไปดูละครเวทีได้ที่อังกฤษนะคะ
บอกเลยว่ามันส์แล้วก็
เทคนิคการทำละครเวทีดีจริงๆ
นี่พูดเหมือนเค้าจ่ายนะ แต่เค้าไม่ได้จ่าย
ซักแอะ ซักแดงเลยนะคลิปนี้
ยังไงก็ช่างมันละกันค่ะ
เอาเป็นว่าใครอยากฟังเรื่องอะไรอีก
คอมเมนต์มาด้านล่างแล้วกันนะคะ
สำหรับวันนี้วิวลาไปก่อนค่ะทุกคน
บ๊ายบาย
สวัสดีค่ะ