0:00:00.690,0:00:04.360 ในวิดีโอที่แล้ว เราเริ่มสำรวจแนวคิดเรื่อง[br]ฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:00:04.360,0:00:06.120 อย่าสับสนกับค่าคาดหมายล่ะ 0:00:06.120,0:00:08.000 เพราะมันใช้สัญลักษณ์เดียวกัน 0:00:08.000,0:00:09.810 ตรงนี้ E คือความคลาดเคลื่อน 0:00:09.810,0:00:10.840 และเรายังคิดว่า 0:00:10.840,0:00:13.180 บางครั้ง มันเรียกว่าฟังก์ชันเศษเหลือ 0:00:13.180,0:00:16.750 และเราเห็นว่ามันก็แค่ผลต่าง 0:00:16.750,0:00:20.440 ผลต่างระหว่างฟังก์ชันกับค่าประมาณฟังก์ชัน 0:00:20.440,0:00:25.980 ตัวอย่างเช่น ระยะนี่ตรงนี้ตรงนี้ [br]นี่คือค่าคลาดเคลื่อน 0:00:25.980,0:00:29.680 นั่นคือค่าคลาดเคลื่อนที่ x เท่ากับ b 0:00:29.680,0:00:32.340 และสิ่งที่เราสนใจคือค่าสัมบูรณ์ของมัน 0:00:32.340,0:00:35.290 เพราะสักแห่งหนึ่ง f ของ x [br]อาจมากกว่าพหุนาม 0:00:35.290,0:00:37.500 บางครั้ง พหุนามตรงนี้อาจมากกว่า f ของ x 0:00:37.500,0:00:40.860 สิ่งที่เราสนใจคือระยะสัมบูรณ์ระหว่างพวกมัน 0:00:40.860,0:00:42.500 และสิ่งที่ผมอยากทำในวิดีโอนี้คือ 0:00:42.500,0:00:48.430 พยายามหาขอบเขต พยายามหาขอบเขต[br]ของความคลาดเคลื่อนที่ b 0:00:48.430,0:00:49.560 หาขอบเขตค่าคลาดเคลื่อน 0:00:49.560,0:00:52.640 ว่ามันน้อยกว่าเท่ากับค่าคงที่ค่าหนึ่ง 0:00:52.640,0:00:55.840 พยายามหาขอบเขตที่ b สำหรับ b มากกว่า a 0:00:55.840,0:00:58.070 เราจะสมมุติว่า b มากกว่า a 0:00:58.070,0:01:01.620 และเราเห็นผลเย้ายวน เราได้ผลลัพธ์ 0:01:01.620,0:01:04.519 ที่ดูเย้ายวน ว่าเราจะหาขอบเขตมันได้[br]ในวิดีโอที่แล้ว 0:01:04.519,0:01:07.660 เราเห็นว่าอนุพันธ์อันดับ n บวก 1 [br]ของความคลาดเคลื่อน 0:01:07.660,0:01:12.060 เท่ากับอนุพันธ์อันดับที่ n บวก 1 [br]ของฟังก์ชันเรา 0:01:12.060,0:01:14.760 หรือค่าสัมบูรณ์ของพวกมัน 0:01:14.760,0:01:18.330 ถ้าเราหาขอบอนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:01:18.330,0:01:22.240 ของฟังก์ชันเราบนช่วงได้ ช่วงที่เราสนใจ 0:01:22.240,0:01:24.770 ช่วงที่อาจมี b ในนั้น 0:01:24.770,0:01:29.980 แล้วอย่างน้อย เราก็หาขอบอนุพันธ์อันดับ n บวก 1[br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนได้ 0:01:29.980,0:01:31.390 แล้ว เราอาจใช้การอินทิเกรต 0:01:31.390,0:01:36.120 เพื่อหาขอบเขตค่าคลาดเคลื่อนที่ค่า b ได้ 0:01:36.120,0:01:37.160 ลองดูว่าเราทำได้ไหม 0:01:37.160,0:01:40.060 ลองสมมุติ ลองสมมุติว่าเราอยู่ในโลกที่ 0:01:40.060,0:01:44.300 เรารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับอนุพันธ์[br]อันดับ n บวก 1 ของ f ของ x 0:01:44.300,0:01:46.420 สมมุติว่าเรารู้ว่าตัวนี้ 0:01:46.420,0:01:49.150 เราใช้สีที่ผมยังไม่ได้ใช้ 0:01:49.150,0:01:50.580 ผมจะใช้สีขาวนะ 0:01:50.580,0:01:55.400 สมมุติว่าตัวนี่ตรงนี้เป็นแบบนั้น 0:01:55.400,0:01:59.420 นั่นคือ f อนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:01:59.420,0:02:00.500 อนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:02:00.500,0:02:03.740 และผมสนใจแค่ช่วงนี่ตรงนี้ 0:02:03.740,0:02:06.140 ใครจะสนเทอมอื่น ผมแค่หาขอบบนช่วง 0:02:06.140,0:02:09.759 เพราะสุดท้าย ผมอยากได้ค่า b ตรงนี้ 0:02:09.759,0:02:12.750 สมมุติว่าค่าสัมบูรณ์ของตัวนี้ 0:02:12.750,0:02:13.740 สมมุติว่าเรารู้ 0:02:13.740,0:02:17.350 ขอผมเขียนมันตรงนี้นะ สมมุติว่าเรารู้ 0:02:19.170,0:02:23.800 เรารู้ว่าค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับ n บวก 1[br]อันดับ n บวก 1 0:02:23.800,0:02:26.520 โทษที ผมเปลี่ยนไปมาระหว่าง N ใหญ่ 0:02:26.520,0:02:28.120 กับ n เล็ก ผมทำอย่างนั้นไปในวิดีโอก่อน 0:02:28.120,0:02:29.690 ผมไม่ควรทำ แต่ตอนนี้คุณรู้แล้ว 0:02:29.690,0:02:32.078 ผมเผลอทำไป หวังว่าคุณคงไม่งงแล้วนะ 0:02:32.078,0:02:35.090 n บวก 1, แล้วสมมุติว่าเรารู้[br]อนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:02:35.090,0:02:40.110 ของ f ของ x, ค่าสัมบูรณ์ของมัน [br]สมมุติว่ามันมีขอบเขต 0:02:40.110,0:02:43.010 สมมุติว่ามันน้อยกว่าเท่ากับ M 0:02:43.010,0:02:45.160 บนช่วงนั้น เพราะเราสนใจเฉพาะช่วงนั้น 0:02:45.160,0:02:47.540 มันอาจไม่มีขอบเขตโดยทั่วไป แต่ที่เรา 0:02:47.540,0:02:50.168 สนใจคือมันมีค่าสูงสุดในช่วงนี้ 0:02:50.168,0:02:57.190 บนช่วง x ผมเขียนแบบนี้ได้ 0:02:57.190,0:03:04.190 บนช่วง x เป็นสมาชิกระหว่าง a กับ b[br]มันจึงรวมสองตัวนี้ด้วย 0:03:04.190,0:03:06.330 มันเป็นช่วงปิด x เป็น a ได้ 0:03:06.330,0:03:09.940 x เป็น b ได้ หรือ x เป็นอะไรตรงกลางก็ได้ 0:03:09.940,0:03:11.760 และเราบอกได้ว่า โดยทั่วไป 0:03:11.760,0:03:15.230 อนุพันธ์นี้จะมีค่าสูงสุด 0:03:15.230,0:03:20.060 นี่คือ ค่าสัมบูรณ์ ค่าสูงสุด ค่าสูงสุด [br]M แทน max 0:03:20.060,0:03:23.980 เรารู้ว่ามันจะมีค่าสูงสุด ถ้าตัวนี้ต่อเนื่อง 0:03:23.980,0:03:26.620 ย้ำอีกครั้ง เราจะสมมุติว่ามันต่อเนื่อง 0:03:26.620,0:03:30.710 และมันมีค่าสูงสุดบนช่วงนี่ตรงนี้ 0:03:30.710,0:03:34.796 พจน์นี้ พจน์นี่ตรงนี้ เรารู้ว่า 0:03:34.796,0:03:38.978 เท่ากับอนุพันธ์อันดับ n บวก 1 [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:03:38.978,0:03:46.220 แล้วเรารู้ว่า จากนั้น มันสื่อว่า มันสื่อว่า 0:03:46.220,0:03:51.980 มันสื่อวา ใช้สีใหม่นะ [br]ขอผมใช้สีฟ้า หรือสีเขียวนั่น 0:03:51.980,0:03:58.720 มันสื่อว่า อนุพันธ์อันดับ n บวก 1 [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:03:58.720,0:04:00.270 ค่าสัมบูรณ์ของมัน เนื่องจาก 0:04:00.270,0:04:04.570 มันเท่ากัน มันจะมีขอบเขตเป็น M 0:04:04.570,0:04:07.500 นั่นเป็นผลที่น่าสนใจ แต่มันไม่ได้พาเราไปไหน 0:04:07.500,0:04:11.450 มันอาจดูคล้ายกัน แต่นี่คืออนุพันธ์อันดับ n บวก 1[br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:04:11.450,0:04:14.000 และ เราะจต้องคิดว่าเราหา M ได้อย่างไรต่อไป 0:04:14.000,0:04:16.140 เราสมมุติว่าเรารู้ค่ามันและ 0:04:16.140,0:04:18.589 เราจะทำตัวอย่างที่เราหาค่ามันจริงๆ 0:04:18.589,0:04:20.160 แต่นี่คืออนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:04:20.160,0:04:21.750 เราให้ขอบเขตค่าสัมบูรณ์ของมัน แต่เรา 0:04:21.750,0:04:24.210 อยากได้ขอบเขตค่าฟังก์ชันคลาดเคลื่อนจริงๆ 0:04:24.210,0:04:27.710 อนุพันธ์อันดับ 0 ก็คือตัวฟังก์ชันเอง 0:04:27.710,0:04:31.380 สิ่งที่เราลองทำได้ [br]คืออินทิเกรตทั้งสองข้างแล้วดู 0:04:31.380,0:04:34.960 ว่าเราได้ E, ได้ E ของ x ไหม 0:04:34.960,0:04:38.095 ลองนำฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน หรือ[br]ฟังก์ชันเศษเหลือมาลองทำดู 0:04:38.095,0:04:44.050 ลองหาอินทิกรัล ลองหาอินทิกรัลทั้งสองข้างนี้ 0:04:44.050,0:04:46.290 ทีนี้ อินทิกรัลทางซ้ายมือ มันน่าสนใจนิดหน่อย 0:04:46.290,0:04:47.930 เราหาอินทิกรัลของค่าสัมบูรณ์ 0:04:47.930,0:04:51.570 มันจะง่ายว่าถ้าเราหาค่าสัมบูรณ์ของอินทิกรัล 0:04:51.570,0:04:54.220 โชคดี วิธีที่มันเป็น 0:04:54.220,0:04:56.480 ขอผมเขียนไว้ข้างๆ นะ 0:04:56.480,0:04:59.369 เรารู้โดยทั่วไปว่า ถ้าผมหา --[br]คุณควรลองคิดดู 0:04:59.369,0:05:03.029 ถ้าผมหา ถ้าผมมีตัวเลือกสองอย่าง ถ้าผมมี 0:05:03.029,0:05:09.090 ตัวเลือกสองย่าง อันนี้กับ [br]ไม่รู้สิ พวกมันดูเหมือนกัน 0:05:10.530,0:05:12.870 ผมรู้ว่ามันดูเหมือนกันตอนนี้ 0:05:12.870,0:05:15.810 ตรงนี้ ผมจะมีอินทิกรัลของค่าสัมบูรณ์ 0:05:15.810,0:05:19.690 และตรงนี้ ผมจะมีค่าสัมบูรณ์ของอินทิกรัล 0:05:19.690,0:05:24.310 ตัวไหนจะ ตัวไหนจะมากกว่า? 0:05:24.310,0:05:26.790 คุณแค่ต้องคิดถึงกรณีต่างๆ 0:05:26.790,0:05:30.170 ถ้า f ของ x เป็นบวกบนช่วงที่ 0:05:30.170,0:05:33.470 คุณอินทิเกรต พวกมันจะเท่ากัน 0:05:33.470,0:05:34.990 คุณจะได้ค่าบวก 0:05:34.990,0:05:36.760 หาค่าสัมบูรณ์ของค่าบวก 0:05:36.760,0:05:38.260 มันไม่ต่างกัน 0:05:38.260,0:05:40.990 มันจะต่างถ้า f ของ x เป็นลบ 0:05:40.990,0:05:43.780 ถ้า f ของ x, ถ้า f ของ x เป็นลบ 0:05:43.780,0:05:48.170 ตลอดเวลา แล้วถ้าแกน x ของเรา นั่นคือแกน y 0:05:48.170,0:05:51.070 ถ้า f ของ x เราเห็นว่าถ้ามันเป็นบวก 0:05:51.070,0:05:55.310 ตลอดเวลา คุณจะหาค่าสัมบูรณ์ของค่าบวก[br]ค่าสัมบูรณ์ของค่าบวก 0:05:55.310,0:05:56.130 มันจะไม่สำคัญ 0:05:56.130,0:05:57.860 สองตัวนี้จะเท่ากัน 0:05:57.860,0:06:00.800 ถ้า f ของ x เป็นลบตลอดเวลา แล้วคุณจะ 0:06:00.800,0:06:04.920 ได้ อินทิกรัลนี้จะหาค่าได้ค่าลบ 0:06:04.920,0:06:07.440 แล้วคุณหาค่าสัมบูรณ์ของมัน 0:06:07.440,0:06:10.090 แล้วตรงนี้ คุณจะได้ นี่คือ อินทิกรัลจะ 0:06:10.090,0:06:12.820 มีค่าบวก และมันยังเท่าเดิม 0:06:12.820,0:06:15.300 กรณีที่น่าสนใจคือเมื่อ f ของ x 0:06:15.300,0:06:18.970 มีทั้งบวกและลบ คุณนึกภาพกรณีแบบนี้ได้ 0:06:18.970,0:06:22.580 ถ้า f ของ x เป็นแบบนั้น แล้ว 0:06:22.580,0:06:25.580 ค่านี่ตรงนี้ อินทิกรัล คุณจะได้บวก 0:06:25.580,0:06:28.560 อันนี้จะเป็นบวก แล้วอันนี้จะเป็นลบตรงนี้ 0:06:28.560,0:06:30.810 แล้วพวกมันก็หักล้างกัน 0:06:30.810,0:06:32.230 อันนี้มีค่าน้อยลงกว่า 0:06:32.230,0:06:35.580 ถ้าคุณหาอินทิกรัลของค่าสัมบูรณ์ 0:06:35.580,0:06:39.470 อินทิกรัล ค่าสัมบูรณ์ของ f จะเป็นแบบนี้ 0:06:39.470,0:06:42.260 พื้นที่ทั้งหมดจะเป็น ถ้าคุณมอง 0:06:42.260,0:06:43.120 อินทิกรัล ถ้าคุณมองอันนี้ มันจะ 0:06:43.120,0:06:44.730 เป็นอินทิกรัลจำกัดเขตแน่นอน 0:06:44.730,0:06:48.380 พื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ทั้งหมดจะเป็นบวก 0:06:48.380,0:06:49.750 คุณก็จะ คุณจะได้ 0:06:49.750,0:06:53.210 ค่ามากกว่า ตอนคุณหาอินทิกรัลของค่าสัมบูรณ์ 0:06:53.210,0:06:54.791 คุณจะได้ค่ามากกว่า ยิ่งถ้า f ของ x 0:06:54.791,0:06:57.038 มีค่าทั้งบวกและลบบนช่วง 0:06:57.038,0:07:02.005 เทียบกับตอนที่คุณหาอินทิกรัลก่อน[br]แล้วค่อยหาค่าสัมบูรณ์ 0:07:02.005,0:07:04.090 เพราะ ย้ำอีกที ถ้าคุณหาอินทิกรัลก่อน [br]สำหรับฟังก์ชันแบบนี้ 0:07:04.090,0:07:07.020 คุณจะได้ค่าน้อยลงเพราะตัวนี้จะหักล้าง 0:07:07.020,0:07:09.500 จะหักล้างกับตัวนี่ตรงนี้ แล้วคุณ 0:07:09.500,0:07:13.470 หาค่าสัมบูรณ์ของค่าน้อย [br]จำนวนที่มีขนาดน้อยลง 0:07:13.470,0:07:15.880 และโดยทั่วไป อินทิกรัล 0:07:15.880,0:07:18.260 อินทิกรัล โทษที ค่าสัมบูรณ์ของอินทิกรัล 0:07:18.260,0:07:22.870 จะน้อยกว่าเท่ากับอินทิกรัลของค่าสัมบูรณ์ 0:07:22.870,0:07:24.670 เราจึงบอกได้ว่า ค่านี่ตรงนี้คืออินทิกรัลของ 0:07:24.670,0:07:27.740 ค่าสัมบูรณ์ ซึ่งมากกว่าเท่ากับ 0:07:27.740,0:07:29.840 สิ่งที่เราเขียนตรงนี้ก็แค่ตัวนี้ 0:07:29.840,0:07:31.910 มันจะมากกว่าเท่ากับ และคุณจะเห็น 0:07:31.910,0:07:34.550 ว่าทำไมผมถึงทำอันนี้เร็วๆ นี้ 0:07:34.550,0:07:39.670 มากกว่าเท่ากับค่าสัมบูรณ์ ค่าสัมบูรณ์ 0:07:39.670,0:07:45.920 ของอินทิกรัลของ ของอนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:07:45.920,0:07:48.960 อนุพันธ์อันดับ n บวก 1 ของ x, dx 0:07:48.960,0:07:51.490 สาเหตุที่มันมีประโยชน์ คือว่า เรายังเก็บ 0:07:51.490,0:07:55.090 อสมการนั้นไว้ได้ น้อยกว่าเท่ากับค่านี้ 0:07:55.090,0:07:58.700 แต่ตอนนี้ มันเป็นอินทิกรัลที่หาค่าได้ตรงๆ แล้ว 0:07:58.700,0:08:00.932 ปฏิยานุพันธ์ของอนุพันธ์อันดับ n บวก 1 0:08:00.932,0:08:04.240 จะเท่ากับอนุพันธ์อันดับที่ n 0:08:04.240,0:08:06.510 ตัวนี้ ตรงนี้ 0:08:06.510,0:08:09.960 จะเท่ากับค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับที่ n 0:08:11.150,0:08:16.310 ค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับที่ n [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:08:16.310,0:08:17.330 ผมพูดว่าค่าคาดหมายไปหรือเปล่า? 0:08:17.330,0:08:17.730 ผมไม่ควรพูดนะ 0:08:17.730,0:08:18.820 เห็นไหม ผมยังงงเลย 0:08:18.820,0:08:19.710 นี่คือฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:08:19.710,0:08:21.900 ผมควรใช้ R, R แทน remainder เศษเหลือ 0:08:21.900,0:08:22.660 แต่นี่ก็คือค่าคลาดเคลื่อน 0:08:22.660,0:08:25.170 ไม่เกี่ยวกับความน่าจะเป็น [br]หรือค่าคาดหมายในวิดีโอนี้ 0:08:25.170,0:08:25.850 นี่คือ 0:08:25.850,0:08:27.250 E แทนค่าคลาดเคลื่อน 0:08:27.250,0:08:30.030 เอาล่ะ มันจะเท่ากับ อนุพันธ์อันดับที่ n ของ 0:08:30.030,0:08:32.880 ฟังก์ชันคลาดเคลื่อน ซึ่งน้อยกว่าเท่ากับค่านี้ 0:08:32.880,0:08:37.230 ซึ่งน้อยกว่าเท่ากับปฏิยานุพันธ์ของ M 0:08:37.230,0:08:38.760 นั่นคือค่าคงที่ 0:08:38.760,0:08:42.630 มันจะเท่ากับ Mx, Mx 0:08:42.630,0:08:44.179 เพราะเราหาอินทิกรัลไม่จำกัดเขต 0:08:44.179,0:08:48.220 เราอย่าลืมว่าเรามีค่าคงที่ตรงนี้ 0:08:48.220,0:08:49.840 และโดยทั่วไป เวลาคุณพยายามหาขอบบน 0:08:49.840,0:08:52.220 คุณอยากให้มันเป็นขอบบน[br]ที่น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ 0:08:52.220,0:08:56.640 เราอยากให้ค่าน้อยที่สุด เราอยากให้[br]ค่าคงที่นี้น้อยที่สุด 0:08:56.640,0:09:00.180 โชคดี เรารู้ ว่าฟังก์ชันนี้ 0:09:00.180,0:09:04.410 คืออะไร ค่าฟังก์ชันนี้เป็นเท่าใดตรงจุดนั้น 0:09:04.410,0:09:08.430 เรารู้ว่าอนุพันธ์อันดับ n [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนที่ a เท่ากับ 0 0:09:08.430,0:09:09.940 ผมว่าผมเขียนมันตรงนี้นะ 0:09:09.940,0:09:12.480 อนุพันธ์อันดับ n ที่ a เท่ากับ 0 0:09:12.480,0:09:15.370 และนั่นเป็นเพราะอนุพันธ์อันดับ n [br]ของฟังก์ชันและ 0:09:15.370,0:09:19.550 ค่าประมาณที่ a จะเท่ากันพอดี 0:09:19.550,0:09:22.860 แล้ว ถ้าเราหาค่าทั้งสองข้างนี้ที่ a ผมจะ 0:09:22.860,0:09:27.010 ทำตรงนี้ข้างๆ เรารู้ค่าสัมบูรณ์นั้น 0:09:27.010,0:09:31.560 เรารู้ค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับ n ที่ a เรารู้ 0:09:31.560,0:09:34.670 ว่าตัวนี้จะเท่ากับค่าสัมบูรณ์ของ 0 0:09:34.670,0:09:35.400 ซึ่งก็คือ 0 0:09:35.400,0:09:37.820 ซึ่งต้องน้อยกว่าเท่ากับ เมื่อคุณหาค่านี้ 0:09:37.820,0:09:43.420 ที่ a ซึ่งน้อยกว่าเท่ากับ Ma บวก c 0:09:43.420,0:09:45.260 แล้วคุณได้ ถ้าคุณดูส่วนนี้ 0:09:45.260,0:09:47.710 ของอสมการ คุณลบ Ma จากทั้งสองด้าน 0:09:47.710,0:09:51.460 คุณจะได้ลบ Ma น้อยกว่าเท่ากับ c 0:09:51.460,0:09:53.590 ค่าคงที่ของเราตรงนี้ จากเงื่อนไข 0:09:53.590,0:09:56.310 ที่เราได้จากวิดีโอที่แล้ว 0:09:56.310,0:10:00.820 ค่าคงที่จะมากกว่าเท่ากับลบ Ma 0:10:00.820,0:10:03.880 ถ้าเราอยากให้ค่าคงที่น้อยที่สุด [br]ถ้าเราอยากได้ขอบค่าน้อย 0:10:03.880,0:10:08.090 ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ [br]เราก็เลือก c เท่ากับลบ Ma 0:10:08.090,0:10:10.250 นั่นคือ c ที่น้อยที่สุดที่ 0:10:10.250,0:10:13.170 ตรงตามเงื่อนไขเหล่านี้ ที่เรารู้ว่าเป็นจริง 0:10:13.170,0:10:16.969 เราจะเลือก c ให้เป็นลบ Ma 0:10:16.969,0:10:19.364 แล้วเราเขียนทั้งหมดนี้ใหม่ได้เป็น 0:10:19.364,0:10:22.590 ค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับที่ n[br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:10:22.590,0:10:24.640 อนุพันธ์อันดับ n ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:10:24.640,0:10:25.970 ไม่ใช่ค่าคาดหมายนะ 0:10:25.970,0:10:28.010 ผมสงสัยว่าผมหลุดพูดว่า ค่าคาดหมายไป 0:10:28.010,0:10:29.790 แต่นี่คือฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:10:29.790,0:10:30.440 อนุพันธ์อันดับ n 0:10:30.440,0:10:33.230 ค่าสัมบูรณ์ของอนุพันธ์อันดับ n ของ[br]ฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:10:33.230,0:10:38.600 น้อยกว่าเท่ากับ M คูณ x ลบ a 0:10:38.600,0:10:40.820 ย้ำอีกครั้ง เงื่อนไขทุกอย่างเป็นจริง 0:10:40.820,0:10:43.880 อันนี้สำหรับ อันนี้สำหรับ x [br]เป็นส่วนหนึ่งของช่วง 0:10:43.880,0:10:48.910 ช่วงปิดระหว่าง ช่วงปิดระหว่าง a กับ b 0:10:48.910,0:10:50.220 แต่ดูเหมือนว่าเราจะก้าวหน้าบ้างแล้ว 0:10:50.220,0:10:52.910 อย่างน้อยเราไปจากอนุพันธ์อันดับ n บวก 1[br]เป็นอนุพันธ์อันดับ n 0:10:52.910,0:10:55.170 ลองดูว่าเราทำต่อได้ไหม 0:10:55.170,0:10:57.750 แนวคิดทั่วไปเหมือนเดิม 0:10:57.750,0:11:00.090 ถ้าเรารู้อันนี้ แล้วเรารู้ว่า 0:11:00.090,0:11:00.740 เราหาอินทิกรัลทั้งสองข้างได้ 0:11:00.740,0:11:02.850 เราหาอินทิกรัลทั้งสองข้าง 0:11:06.280,0:11:08.360 ปฏิยานุพันธ์ทั้งสองข้างได้ 0:11:08.360,0:11:10.740 และเรารู้จากสิ่งที่เราไปบนนี้ว่า 0:11:10.740,0:11:14.780 มีสิ่งที่น้อยกว่าค่านี่ตรงนี้อีก 0:11:14.780,0:11:19.820 ค่าสัมบูรณ์ของอินทิกรัลของค่าคาดหมาย 0:11:19.820,0:11:21.070 ทีนี้ [หัวเราะ] เห็นไหม ผมบอกแล้ว 0:11:21.070,0:11:22.900 ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน ไม่ใช่ค่าคาดหมาย 0:11:22.900,0:11:23.900 ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:11:23.900,0:11:27.170 อนุพันธ์อันดับ n [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนของ x 0:11:27.170,0:11:29.940 อนุพันธ์อันดับ n ของฟังก์ชัน[br]ค่าคลาดเคลื่อนของ x dx 0:11:29.940,0:11:33.510 เรารู้ว่าค่านี้น้อยกว่าเท่ากับ [br]จากเหตุผลเดียวกันตรงนี้ 0:11:33.510,0:11:37.450 และมันมีประโยชน์ เพราะมันจะเท่ากับ มันก็แค่ 0:11:37.450,0:11:42.640 อนุพันธ์อันดับ n ลบ 1 [br]ของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนของ x 0:11:42.640,0:11:45.160 และแน่นอน เรามีค่าสัมบูรณ์ข้างนอกมัน 0:11:45.160,0:11:46.650 ตอนนี้ ค่านี้จะน้อยกว่าเท่ากับ 0:11:46.650,0:11:48.390 มันน้อยกว่าเท่ากับค่านี้ ซึ่งน้อยกว่าเท่ากับ 0:11:48.390,0:11:50.940 ตัวนี้ ซึ่งน้อยกว่าเท่ากับค่านี่ตรงนี้ 0:11:50.940,0:11:53.340 ปฏิยานุพันธ์ของค่านี้ตรงนี้จะ 0:11:53.340,0:11:58.060 เท่ากับ M คูณ x ลบ a กำลังสองส่วน 2 0:11:58.060,0:12:01.410 คุณใช้การแทนที่ u ก็ได้ถ้าต้องการ [br]หรือคุณบอกแค่ว่า ดูสิ 0:12:01.410,0:12:03.820 ฉันมีพจน์เล็กๆ ตรงนี้ อนุพันธ์ของมันเป็น 1 0:12:03.820,0:12:06.480 มันซ่อนอยู่ในนี้ ผมจะคิดว่ามันเป็น u ก็ได้ 0:12:06.480,0:12:09.320 ยกกำลังค่าหนึ่ง แล้วหารด้วยเลขชี้กำลังนั้น 0:12:09.320,0:12:11.460 เหมือนเดิม ผมกำลังหาอินทิกรัลไม่จำกัดเขต 0:12:11.460,0:12:14.350 ผมจึงบอกว่าบวก c ตรงนี้ 0:12:14.350,0:12:16.600 แต่ลองใช้เหตุผลเดียวกัน 0:12:16.600,0:12:19.130 ถ้าเราหาค่านี้ที่ a คุณจะได้ 0:12:19.130,0:12:22.250 ถ้าคุณหาค่านี้ที่ ลองหาค่าทั้งสองนี้ที่ a 0:12:22.250,0:12:25.990 ทางซ้ายมือเมื่อหาค่าที่ a เรารู้ว่าจะเป็น 0 0:12:25.990,0:12:29.250 เราหาไปแล้ว ข้างบนนี้ ในวิดีโอที่แล้ว 0:12:29.250,0:12:31.630 คุณจึงได้ ผมจะทำตรงนี้นะ 0:12:31.630,0:12:34.130 คุณได้ 0 แล้วคุณหาค่าซ้ายมือของ a 0:12:34.130,0:12:36.820 ทางขวาของ a ถ้าคุณ ทางขวามือของ 0:12:36.820,0:12:39.850 ค่า a คุณจะได้ m คูณ a ลบ a กำลังสองส่วน 2 0:12:39.850,0:12:45.220 คุณจึงได้ 0 บวก c คุณจะได้ [br]0 น้อยกว่าเท่ากับ c 0:12:45.220,0:12:47.620 เหมือนเดิม เราทำให้ค่านี้น้อยที่สุด 0:12:47.620,0:12:49.800 เราอยากให้ขอบบนตรงนี้น้อยที่สุด 0:12:49.800,0:12:52.930 เราอยากเลือกค่า c ที่น้อยที่สุด[br]ที่เรายังตรงตามเงื่อนไข 0:12:52.930,0:12:57.440 ค่า c น้อยที่สุดที่เป็นไปได้ [br]และตรงตามเงื่อนไขของเราคือ 0 0:12:57.440,0:13:01.070 แล้วแนวคิดทั่วไปตรงนี้คือว่า เราทำต่อได้ 0:13:01.070,0:13:07.270 เราทำแบบเดียวกับที่เราทำไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ 0:13:07.270,0:13:10.440 เราหาอินทิกรัลแบบเดิม แบบเดิมที่เรา 0:13:10.440,0:13:14.040 ทำมา และใช้สมบัติเดิมนี่ตรงนี้ 0:13:14.040,0:13:19.180 จนกระทั่งเราได้ เราได้ขอบเขต[br]ค่าคลาดเคลื่อนของ x 0:13:19.180,0:13:21.550 คุณมองเป็นอนุพันธ์อันดับ 0 ก็ได้ 0:13:21.550,0:13:22.740 คุณก็รู้ เราจะไปจนถึง 0:13:22.740,0:13:25.360 อนุพันธ์อันดับ 0 ซึ่งก็คือ[br]ฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อน 0:13:25.360,0:13:27.620 ขอบของฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนของ x จะ 0:13:27.620,0:13:29.660 น้อยกว่าเท่ากับ มันจะเป็นเท่าใด? 0:13:29.660,0:13:31.940 คุณเห็นรูปแบบตรงนี้แล้ว 0:13:31.940,0:13:36.270 มันจะเท่ากับ M คูณ x ลบ a 0:13:36.270,0:13:39.490 และเลขยกกำลัง วิธีคิดคือว่า เลขชี้กำลังนี้ 0:13:39.490,0:13:42.950 บวกอนุพันธ์นี้จะเท่ากับ n บวก 1 0:13:42.950,0:13:46.980 ทีนี้ อนุพันธ์นี้เป็น 0 [br]เลขชี้กำลังนี้จึงเป็น n บวก 1 0:13:46.980,0:13:50.210 และไม่ว่าเลขชี้กำลังนี้จะเป็นเท่าใด [br]คุณจะได้ ผมควร 0:13:50.210,0:13:54.280 ทำอย่างนั้น คุณจะได้ [br]n บวก 1 แฟคทอเรียลตรงนี้ 0:13:54.280,0:13:56.950 แล้วคุณอาจบอกว่า เดี๋ยวก่อน n บวก 1[br]แฟคทอเรียลนี้มาจากไหน? 0:13:56.950,0:13:58.370 ผมมีแค่ 2 ตรงนี้ 0:13:58.370,0:14:01.120 ลองคิดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราอินทิเกรตพจน์นี้อีกที 0:14:01.120,0:14:04.700 คุณจะยกกำลังค่านี้ด้วย 3 แล้วหารด้วย 3 0:14:04.700,0:14:07.050 ตัวส่วนของคุณจึงมี 2 คูณ 3 0:14:07.050,0:14:08.540 แล้วเมื่อคุณอินทิเกรตอีกที คุณจะยก 0:14:08.540,0:14:10.800 กำลังสี่แล้วหารด้วย 4 0:14:10.800,0:14:12.960 แล้วตัวส่วนของคุณจะเป็น 2 คูณ 3 คูณ 4 0:14:12.960,0:14:14.140 4 แฟคทอเรียล 0:14:14.140,0:14:15.530 ไม่ว่าคุณยกกำลังเท่าไหร่ 0:14:15.530,0:14:18.500 ตัวส่วนจะเท่ากับเลขกำลังนั้นแฟคทอเรียล 0:14:18.500,0:14:21.240 แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ตอนนี้คือว่า ถ้าเรา 0:14:21.240,0:14:24.360 หาค่าสูงสุดของฟังก์ชันเราได้ 0:14:24.360,0:14:28.510 ถ้าเราหาค่าสูงสุดของฟังก์ชันตรงนี้ได้ 0:14:28.510,0:14:31.800 ตอนนี้เรามีวิธีจำกัดค่าฟังก์ชันคลาดเคลื่อน 0:14:31.800,0:14:36.500 บนช่วงนั้น บนช่วงนั้นระหว่าง a กับ b 0:14:36.500,0:14:39.530 ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันค่าคลาดเคลื่อนที่ b 0:14:39.530,0:14:42.040 เราหาขีดจำกัดได้ถ้าเรารู้ว่า M คืออะไร 0:14:42.040,0:14:49.190 เราบอกได้ว่า ค่าคลาดเคลื่อนที่ b[br]จะน้อยกว่าเท่ากับ M คูณ 0:14:49.190,0:14:57.190 b ลบ a กำลัง n บวก 1 [br]ส่วน n บวก 1 แฟคทอเรียล 0:14:57.190,0:15:00.030 มันเป็นผลที่ทรงพลังจริงๆ 0:15:00.030,0:15:03.720 มีคณิตศาสตร์อยู่เบื้องหลัง 0:15:03.720,0:15:06.849 และตอนนี้เราสามารถยกตัวอย่างที่ใช้ผลนี้ได้