0:00:06.545,0:00:08.985 จากการศึกษาในปี 1990 0:00:08.985,0:00:13.887 ผู้เข้าร่วมถูกทำให้นึกถึงช่วงเวลา[br]ในวัยเด็กตอนที่พลัดหลงในห้างสรรพสินค้า 0:00:13.887,0:00:17.207 บางคนสามารถเล่าได้อย่างชัดเจน 0:00:17.207,0:00:20.887 บางคนจำได้แม้กระทั่ง[br]ว่ามีชายชราที่มาช่วยเหลือเขานั้น 0:00:20.887,0:00:23.863 สวมเสื้อสักหลาด 0:00:23.863,0:00:28.148 แต่จริง ๆ แล้วไม่มีใครเลยที่[br]เคยหลงในห้างสรรพสินค้าจริง ๆ 0:00:28.148,0:00:30.378 พวกเขาสร้างความทรงจำผิด ๆ 0:00:30.378,0:00:35.096 เมื่อนักจิตวิทยาที่ศึกษาเรื่องนี้[br]บอกพวกเขาว่าพวกเขาเคยหลง 0:00:35.096,0:00:37.696 และถึงแม้ว่าพวกเขา[br]จะไม่สามารถจำเหตุการณ์พลัดหลงนั้นได้ 0:00:37.696,0:00:40.456 แต่ครอบครัวของพวกเขา[br]ก็ช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่ง 0:00:40.456,0:00:45.311 และมันไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคน[br]ที่คิดว่าจำได้ว่าตนเคยพลัดหลง 0:00:45.311,0:00:48.161 แต่เป็นจำนวนหนึ่งในสี่[br]ของพวกเข้าร่วมเลยต่างหาก 0:00:48.161,0:00:50.921 การค้นพบนี้อาจจะฟังดูเหลือเชื่อ 0:00:50.921,0:00:54.571 แต่มันค่อนข้างสะท้อน[br]ถึงความเป็นจริงพื้นฐานที่ว่า 0:00:54.571,0:00:57.821 ความทรงจำของเรานั้น[br]ในบางครั้งเชื่อถือไม่ได้ 0:00:57.821,0:01:01.821 แต่ถึงอย่างนั้นพวกเรายังคง[br]ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าอะไรทำให้มันแย่ลง 0:01:01.821,0:01:03.591 ในทางประสาทวิทยา 0:01:03.591,0:01:07.591 งานวิจัยได้ชี้ชัดว่า[br]บางส่วนของความทรงจำของเรานั้น 0:01:07.591,0:01:10.591 แตกต่างไปจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริง 0:01:10.591,0:01:14.431 งานศึกษาเรื่องห้างสรรพสินค้าแสดง[br]ให้เห็นว่าเราสามารถประมวลผลข้อมูลผิด ๆ 0:01:14.431,0:01:16.161 จากปัจจัยภายนอก 0:01:16.161,0:01:18.391 เช่น คนอื่น ๆ หรือข่าวสารต่าง ๆ 0:01:18.391,0:01:22.566 มารวมเข้ากับความ[br]ทรงจำของเราโดยไม่รู้ตัว 0:01:22.566,0:01:27.129 ซึ่งข้อสังเกตุนี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่ง[br]ที่ส่งผลต่อความทรงจำของเรา 0:01:27.129,0:01:28.249 ในอีกการศึกษาหนึ่ง 0:01:28.249,0:01:32.574 ที่ซึ่งผู้ศึกษานั้นได้แสดงให้เห็น[br]โดยแสดงภาพถ่ายแบบสุ่ม 0:01:32.574,0:01:34.174 ให้กลุ่มศึกษา 0:01:34.174,0:01:39.817 โดยในรูปเหล่านั้นมีรูปถ่ายมหาวิทยาลัย[br]ที่พวกเขาไม่เคยไปเลยซักครั้ง 0:01:39.817,0:01:42.367 สามสัปดาห์ต่อมา 0:01:42.367,0:01:47.246 ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในกลุ่มศึกษา[br]บอกว่าพวกเขาอาจจะหรือค่อนข้างมั่นใจ 0:01:47.246,0:01:50.076 เคยมีโอกาสได้ไปที่มหาวิทยาลัยนั้น[br]ในอดีต 0:01:50.076,0:01:55.669 ผู้เข้าร่วมนั้นเกิดข้อมูลที่ผิดเพี้ยน [br]จากเพียงภาพถ่ายที่พวกเขาเคยเห็น 0:01:55.669,0:02:01.067 ไปสู่ความทรงจำที่[br]พวกเขาเชื่อว่ามันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ 0:02:01.067,0:02:05.545 ในการทดลองหนึ่ง ผู้ทดลอง[br]ได้ถูกแสดงภาพของแว่นขยาย 0:02:05.545,0:02:09.065 และถูกบอกให้จินตนาการ[br]ถึงภาพของอมยิ้ม 0:02:09.065,0:02:13.994 พวกเขามักจะคิดว่าเขาเคยเห็น[br]ทั้งแว่นขยายและอมยิ้มจริง ๆ 0:02:13.994,0:02:17.464 พวกเขาต้องพยายามที่จะเชื่อมโยง[br]วัตถุนั้นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง 0:02:17.464,0:02:21.464 ไม่ว่าพวกเขาจะเคยเห็นมันจริง ๆ [br]หรือแค่เพียงจินตนาการถึงมันก็ตาม 0:02:21.464,0:02:25.464 มีอีกการศึกษาหนึ่งที่นักจิตวิทยาถาม[br]คำถามกับผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน 0:02:25.464,0:02:29.044 เกี่ยวกับความเห็นถึงการ[br]ทำให้กัญชาถูกกฎหมาย 0:02:29.044,0:02:32.494 ซึ่งงานนี้แสดงให้เห็นถึงอีก[br]ปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความทรงจำ 0:02:32.494,0:02:38.462 ผู้เข้าร่วมตอบคำถามที่มีทั้ง[br]ปี 1973 และปี 1982 0:02:38.462,0:02:43.361 กลุ่มของพวกที่กล่าวว่าพวกเขา[br]สนับสนุนกัญชาให้ถูกกฎหมายในปี 1973 นั้น 0:02:43.361,0:02:46.841 แต่มีรายงานบอกว่าที่จริงพวกเขา[br]นั้นได้คัดค้านกฎหมายนี้ในปี 1982 0:02:46.841,0:02:53.402 พวกเขามีแนวโน้มที่จะระลึกได้ว่าพวกเขา[br]ต่อต้านการทำให้ถูกกฎหมายจริง ๆ ในปี 1973 0:02:53.402,0:02:57.790 ซึ่งนับเป็นการนำเอาทัศนคติเดิม ๆ [br]ต่อเรื่องหนึ่งมาเปรียบกับทัศนคติใหม่ 0:02:57.790,0:03:00.920 โดยความคิดเห็น, ความรู้สึก, [br]และประสบการณ์ของเราในปัจจุบัน 0:03:00.920,0:03:04.920 สามารถที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง[br]ในด้านความรู้สึกต่อความทรงจำในอดีต 0:03:04.920,0:03:06.060 ในอีกงานวิจัยหนึ่ง 0:03:06.060,0:03:10.262 ผู้วิจัยได้ทำการแบ่งผู้เข้าร่วมออก[br]เป็นสองกลุ่มและให้ข้อมูลพื้นฐาน 0:03:10.262,0:03:16.672 เกี่ยวกับประวัติสงครามและให้[br]พวกเขาเหล่านั้นโหวตว่าฝ่ายไหนจะชนะ 0:03:16.672,0:03:19.232 ผู้วิจัยให้ข้อมูล[br]แต่ละกลุ่มเหมือนกันทุกอย่าง 0:03:19.232,0:03:23.539 เว้นแต่ผู้วิจัยบอกว่าใคร[br]จะชนะสงครามเพียงกับแค่หนึ่งกลุ่มเท่านั้น 0:03:23.539,0:03:27.139 โดยที่อีกกลุ่มไม่ได้รู้[br]ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร 0:03:27.139,0:03:30.549 ในทางทฤษฎี คำตอบของ[br]ทั้งสองกลุ่มนั้นควรที่จะเหมือนกัน 0:03:30.549,0:03:32.839 เพราะความน่าจะเป็น[br]ที่แต่ละฝ่ายจะชนะนั้น 0:03:32.839,0:03:35.519 ไม่ได้ส่งผลว่าใครจะชนะจริง ๆ 0:03:35.519,0:03:39.879 ถ้าบอกว่ามีโอกาสเพียง 20% ที่จะเกิด[br]พายุฟ้าคะนองและพายุฟ้าคะนองเกิดขึ้นจริง ๆ 0:03:39.879,0:03:44.976 นั่นไม่ได้ทำให้โอกาสที่จะเกิด[br]พายุฟ้าคะนองกลายเป็น 100% ขึ้นมา 0:03:44.976,0:03:48.366 ถึงอย่างนั้นกลุ่มที่รู้คำตอบ[br]ว่าสงครามจะจบอย่างไร 0:03:48.366,0:03:53.956 ได้โหวตฝ่ายที่ชนะมากกว่าฝ่ายที่ท่าทาง[br]เหมือนจะชนะมากกว่ากลุ่มที่ไม่รู้คำตอบ 0:03:53.956,0:03:58.195 ความผิดเพี้ยนของความทรงจำทั้งหมด[br]สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อโลกความเป็นจริง 0:03:58.195,0:04:03.502 ถ้าตำรวจสอบปากคำโดยใช้[br]คำถามชี้นำกับพยานหรือผู้ต้องสงสัย 0:04:03.502,0:04:10.813 คำตอบที่ได้อาจจะระบุไม่ถูกต้อง[br]หรือได้รับคำสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ 0:04:10.813,0:04:13.393 หรือแม้จะไม่ใช้คำถามชี้นำ 0:04:13.393,0:04:17.775 การกล่าวอ้างหรือให้ข้อมูลผิด ๆ ของตำรวจก็[br]สามารถที่นำไปสู่การให้การผิด ๆ ของพยานได้ 0:04:17.775,0:04:18.655 ในศาล 0:04:18.655,0:04:21.685 หากผู้พิพากษากล่าวว่า[br]หลักฐานนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ 0:04:21.685,0:04:26.263 และให้คณะลูกขุนมองข้ามมันไป[br]พวกเขาอาจจะไม่สามารถขัดอย่างนั้นได้ 0:04:26.263,0:04:29.773 ในทางการแพทย์ หากคนไข้[br]นั้นมองหาความเห็นที่สองเพิ่มเติม 0:04:29.773,0:04:33.773 และผู้ให้ความเห็นที่สองนั้นพะวง[br]ถึงคำวินิจฉัยของคนแรก 0:04:33.773,0:04:37.403 ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อข้อสรุปได้ 0:04:37.403,0:04:41.403 ความทรงจำนั้นไม่ได้เป็นตัวแทน[br]ที่หนักแน่นที่จะแสดงถึงความเป็นจริง 0:04:41.403,0:04:43.753 แต่เป็นตัวแทนของการรับรู้ส่วนบุคคล 0:04:43.753,0:04:46.653 และมันก็ไม่ได้ผิดอะไร 0:04:46.653,0:04:50.653 แต่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อเราคิดว่า[br]ความทรงจำนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง 0:04:50.653,0:04:53.023 แทนที่เราจะยอมรับว่ามันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน 0:04:53.023,0:04:56.063 เกี่ยวกับธรรมชาติของความทรงจำ