WEBVTT 00:00:09.339 --> 00:00:12.025 ดวงตาของมนุษย์เราคือกลไกการทำงานอันน่าทึ่ง 00:00:12.025 --> 00:00:16.465 สามารถรับแสงได้ตั้งแต่แสงไม่กี่โฟตอน จนถึงแสงโดยตรงจากดวงอาทิตย์ 00:00:16.465 --> 00:00:19.081 หรือเปลี่ยนโฟกัสจากจอที่อยู่ตรงหน้าคุณ 00:00:19.081 --> 00:00:22.631 ไปยังเส้นขอบฟ้าไกลๆ ได้ในชั่วพริบตา 00:00:22.631 --> 00:00:26.359 ที่จริง โครงสร้างที่ต้องการ ความยืดหยุ่นอันน่าเหลือเชื่อนี้ 00:00:26.359 --> 00:00:28.368 ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่ามีความซับซ้อนมาก 00:00:28.368 --> 00:00:33.499 ซึ่ง ชาร์ล ดาร์วิน ยอมรับว่า ในแง่ของการวิวัฒนาการ 00:00:33.499 --> 00:00:37.456 ดูแล้วแทบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย 00:00:37.456 --> 00:00:42.981 และนี่ คือสิ่งที่ได้เกิดขึ้น เริ่มต้นเมื่อกว่า 500 ล้านปีก่อน 00:00:42.981 --> 00:00:46.762 เรื่องราวของดวงตามนุษย์ กำเนิดจากจุดรับแสง (light spot) ง่ายๆ 00:00:46.762 --> 00:00:49.815 แบบเดียวกับที่พบในสัตว์เซลล์เดียว 00:00:49.815 --> 00:00:51.622 เช่น ยูกลีนา (euglena) 00:00:51.622 --> 00:00:53.843 มันเป็นกลุ่มก้อนโปรตีนที่มีความไวต่อแสง 00:00:53.843 --> 00:00:56.412 ต่อเชื่อมกับ แฟลกเจลลัม (flagellum) 00:00:56.412 --> 00:01:00.022 จะทำงานเมื่อมันเจอกับแสง และแน่นอน อาหาร 00:01:00.022 --> 00:01:05.037 จุดรับแสงที่ซับซ้อนมากขึ้น สามารถพบได้ใน หนอนตัวแบน พลานาเรีย (planaria) 00:01:05.037 --> 00:01:07.512 มันเว้าลงไป แทนที่การแบนราบ 00:01:07.512 --> 00:01:12.035 ทำให้การตรวจจับ ทิศทางของแสงนั้นดีขึ้น 00:01:12.035 --> 00:01:13.768 จำพวกที่ใช้งาน 00:01:13.768 --> 00:01:19.488 ความสามารถนี้ทำให้ระบบ ค้นหาที่ร่มเงา และซ่อนตัวจากนักล่า 00:01:19.488 --> 00:01:20.602 กว่าพันปีหลังจากนั้น 00:01:20.602 --> 00:01:23.429 จุดเว้ารับแสงนี้ก็ยิ่งขยาย ลึกลงไปในสิ่งมีชีวิตบางตัว 00:01:23.429 --> 00:01:26.453 ขณะที่รูเปิดด้านหน้าหดเล็กลง 00:01:26.453 --> 00:01:31.187 ผลคือทำให้เกิดปรากฏการณ์รูเข็ม มันเพิ่มความคมชัดของภาพขึ้นอย่างมาก 00:01:31.187 --> 00:01:36.464 ลดภาพบิดเบี้ยวโดย ให้เพียงลำแสงเล็กๆผ่านเข้าสู่ดวงตา 00:01:36.464 --> 00:01:39.083 หอยงวงช้าง ที่เป็นบรรพบุรุษของปลาหมึก 00:01:39.083 --> 00:01:45.148 ใช้ตารูเข็มนี้เพื่อ เพิ่มความคมชัด และการรับรู้ทิศทาง 00:01:45.148 --> 00:01:48.559 อย่างไรก็ตามตารูเข็ม แค่ทำให้เห็นภาพแบบง่ายๆ 00:01:48.559 --> 00:01:52.487 ก้าวสำคัญที่นำไปสู่ดวงตา อย่างที่เรารู้จัก ก็คือเลนส์ 00:01:52.487 --> 00:01:54.109 ซึ่งเชื่อมีวิวัฒนาการ 00:01:54.109 --> 00:01:58.556 มาจากเซลล์โปร่งแสงที่คลุมอยู่หน้ารูรับแสง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ 00:01:58.556 --> 00:02:01.617 มันทำให้ภายในดวงตานั้น เติมเต็มไปด้วยของเหลว 00:02:01.617 --> 00:02:05.235 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ของความไวแสง และการประมวลผล 00:02:05.235 --> 00:02:07.435 ผลึกโปรตีนก่อตัวที่พื้นผิว 00:02:07.435 --> 00:02:09.905 เกิดเป็นโครงสร้าง ที่พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ 00:02:09.905 --> 00:02:13.135 ในการโฟกัสแสงให้เป็นจุดๆเดียว บนจอประสาทตา (retina) 00:02:13.135 --> 00:02:17.480 ซึ่งเลนส์นี้เป็นกุญแจสำคัญ ของความสามารถ ในการปรับตัวของตา 00:02:17.480 --> 00:02:21.789 เปลี่ยนความโค้งของมัน ไปตามระยะของภาพที่อยู่ใกล้ หรือไกล 00:02:21.789 --> 00:02:24.681 โครงสร้างที่มีรูเข็มร่วมกับเลนส์ 00:02:24.681 --> 00:02:29.784 เป็นรากฐาน ในวิวัฒนาการไปเป็น ดวงตาของมนุษย์ 00:02:29.784 --> 00:02:33.193 การปรับปรุงขั้นต่อมาได้แก่ วงแหวนสีที่เรียกว่า ม่านตา (iris) 00:02:33.193 --> 00:02:36.694 มันคอยควบคุมปริมาณแสงที่เข้าสู่ดวงตา 00:02:36.694 --> 00:02:39.982 เยื่อบุตาด้านนอกที่เรียกว่า ตาขาว (sclera) 00:02:39.982 --> 00:02:41.910 ช่วยในการคงรูปร่างของลูกตา 00:02:41.910 --> 00:02:45.469 และต่อมน้ำตา ที่ขับสารออกมาเคลือบปกป้องลูกตา 00:02:45.469 --> 00:02:46.909 ที่สำคัญไม่แพ้กัน 00:02:46.909 --> 00:02:49.489 คือการพัฒนาที่ควบคู่ไปด้วยกันของสมอง 00:02:49.489 --> 00:02:51.501 สมองส่วนการมองเห็น (visual cortex) ได้ขยายใหญ่ขึ้น 00:02:51.501 --> 00:02:56.157 เพื่อประมวลภาพได้อย่างคมชัด และมีสีสันมากขึ้น 00:02:56.157 --> 00:03:00.242 ตอนนี้เรารู้ว่ามันยาวไกล กว่าจะมาเป็นผลงานออกแบบขิ้นเอก 00:03:00.242 --> 00:03:04.342 ตาของเราได้เผยให้เห็นร่องรอย ของวิวัฒนาการในแต่ละขั้น 00:03:04.342 --> 00:03:07.561 ตัวอย่างเช่น จอประสาทตา ของมนุษย์น้้นกลับด้าน 00:03:07.561 --> 00:03:11.249 โดยเซลล์รับแสงนั้นจะหันหลังให้กับรูรับแสง 00:03:11.249 --> 00:03:12.904 ผลคือ เกิดจุดบอด (blind spot) 00:03:12.904 --> 00:03:15.626 ตรงที่เส้นประสาทตาใช้เป็นจุดเชื่อมต่อ กับจอประสาทตา 00:03:15.626 --> 00:03:18.382 เพื่อเข้าถึงเซลล์ความไวต่อแสง ทีอยู่ทางด้านหลัง 00:03:18.382 --> 00:03:21.528 ดวงตาที่ดูคล้ายกัน ของพวกเซฟาโลพอด (Cephalopod) 00:03:21.528 --> 00:03:23.187 วิวัฒนาการโดยอิสระ 00:03:23.187 --> 00:03:27.970 มีจอประสาทตาที่หันหน้าไปทางรูรับแสง ทำให้พวกมันมองเห็นโดยที่ไม่มีจุดบอด 00:03:27.970 --> 00:03:30.794 ตาของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็มีการปรับตัวไป ในลักษณะที่แตกต่างกัน 00:03:30.794 --> 00:03:33.732 เอนาเบลป (Anableps) หรือปลาสี่ตา 00:03:33.732 --> 00:03:38.802 มีตาที่แบ่งออกเป็นสองส่วน ใช้ในการมองเหนือผิวน้ำ และใต้น้ำ 00:03:38.802 --> 00:03:42.258 เหมาะสำหรับการมองหา ทั้งศัตรูและเหยื่อของมัน 00:03:42.258 --> 00:03:47.465 แมว นักล่ายามราตรี ได้พัฒนาชั้นสะท้อนแสง (reflective layer) 00:03:47.465 --> 00:03:51.185 เพิ่มความสามารถของดวงตาในการรับแสง 00:03:51.185 --> 00:03:55.715 ช่วยให้มันมองเห็นในความมืดได้ดี มอบดวงตาเรืองแสงอันเป็นเอกลักษณ์ของมัน 00:03:55.715 --> 00:04:00.468 นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กน้อย ในความหลากหลายของดวงตาเหล่าสรรพสัตว์ 00:04:00.468 --> 00:04:04.869 ถ้าเกิดคุณสามารถออกแบบตาได้เอง คุณจะให้มีอะไรต่างไปจากนี้หรือไม่? 00:04:04.869 --> 00:04:07.632 นี้ไม่ได้เป็นคำถามประหลาดอย่างที่คิด 00:04:07.632 --> 00:04:11.285 ทุกวันนี้ แพทย์และนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา โครงสร้างตาหลายๆรูปแบบ 00:04:11.285 --> 00:04:15.662 เพื่อช่วยในการออกแบบปลูกถ่ายดวงตาเทียม สำหรับผู้พิการทางสายตา 00:04:15.662 --> 00:04:18.279 และในอนาคตไม่ไกลจากนี้ 00:04:18.279 --> 00:04:22.200 ดวงตาเทียมที่มีความคมชัด และยืดหยุ่นแบบดวงตาของมนุษย์ 00:04:22.200 --> 00:04:26.283 อาจทำให้เกิดความก้าวล้ำ ของวิวัฒนาการ กว่าที่เคยเป็นมา