1 00:00:00,000 --> 00:00:03,840 เคยสงสัยกันไหมคะว่า ยันต์ที่เขาเขียนๆกันลงในผ้า ลงในกระดาษ 2 00:00:03,860 --> 00:00:05,740 หรือว่าที่เขาเอามาสักตามตัวกันเนี่ย 3 00:00:05,740 --> 00:00:07,840 มันเขียนว่าอะไร มีความหมายว่ายังไง 4 00:00:07,840 --> 00:00:10,240 สวัสดีค่ะ วิวจากช่องยูทูบ Point of View ค่ะ 5 00:00:10,260 --> 00:00:13,000 วันนี้จะมาอ่านยันต์ให้ฟังค่ะ 6 00:00:13,800 --> 00:00:16,960 อาจจะแปลกใจนิดนึงว่าแบบเฮ้ยพี่ พี่ไปอ่านยันต์ออกได้ยังไง อะไรยังไง 7 00:00:16,960 --> 00:00:20,880 ก็ต้องเท้าความย้อนกลับไปถึงประวัติชีวิต ตัวเองก่อนเล็กน้อยนะคะ 8 00:00:20,880 --> 00:00:24,420 คือ ยันต์ทั้งหลายทั้งแหล่มันเขียนด้วยตัวอักษรขอมหวัด 9 00:00:24,420 --> 00:00:28,100 พูดง่ายๆว่าเป็นอักษรเขมรโบราณ ที่ไทยรับมาแล้วก็มาประยุกต์เล็กๆน้อยๆค่ะ 10 00:00:28,140 --> 00:00:30,200 ซึ่งในสมัยที่เรียนคณะอักษรศาสตร์นะคะ 11 00:00:30,200 --> 00:00:32,140 วิวเคยเรียนวิชาภาษาเขมรอยู่ค่ะ 12 00:00:32,140 --> 00:00:35,040 แม้ว่าปัจจุบันจะละลายหายสิ้นไปหมดแล้วก็ตามนะ 13 00:00:35,060 --> 00:00:39,880 แต่ว่ามันมีวิชาอีกวิชานึงค่ะ ชื่อว่าวิชาภาษาเขมรที่สัมพันธ์กับภาษาไทย 14 00:00:39,880 --> 00:00:44,100 และในวิชานี้นะคะ ตอนจบเทอมเนี่ย เขาจะมีให้ทำรายงานหนึ่งชิ้น 15 00:00:44,100 --> 00:00:46,100 เป็นเปเปอร์ หรือเขาเรียกว่าภาคนิพนธ์น่ะแหละ 16 00:00:46,100 --> 00:00:48,960 ตอนนั้นวิวทำเรื่องเกี่ยวกับการอ่านยันต์นี่แหละค่ะ 17 00:00:48,960 --> 00:00:51,180 ว่ายันต์ต่างๆเนี่ยมันหมายความว่ายังไง 18 00:00:51,180 --> 00:00:53,180 ดังนั้นหลังจากเรียนจบมาเนิ่นนานนะคะ 19 00:00:53,180 --> 00:00:56,460 วิวก็ดองรายงานฉบับนี้ไว้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรให้ใครฟังอีก 20 00:00:56,460 --> 00:00:58,460 แต่ว่าพอมาเล่าให้เพื่อนฟัง ว่าเฮ้ยรู้ป้ะ 21 00:00:58,460 --> 00:01:00,520 ตอนมหาลัยเนี่ย ชั้นทำรายงานเรื่องนี้นะ 22 00:01:00,520 --> 00:01:02,520 ทุกคนก็ดูจะอยากรู้กันค่ะว่าเฮ้ย 23 00:01:02,520 --> 00:01:04,340 จริงๆแล้วยันต์มันเขียนว่าอะไร อะไรอย่างเงี้ย 24 00:01:04,340 --> 00:01:08,080 ก็เลยคิดว่าอะไหนๆก็ไหนๆ มาลองอ่านยันต์ให้ฟังกันดีกว่าค่ะ 25 00:01:08,080 --> 00:01:11,100 เผื่อเราจะเข้าใจยันต์ที่เขาอธิบายๆกันมากขึ้นนะ 26 00:01:11,100 --> 00:01:13,900 โดยวันนี้นะคะวิวจะไม่ได้อ่านยันต์ทุกประเภทให้ทุกคนฟัง 27 00:01:13,900 --> 00:01:16,880 เพราะว่ายันต์ก็มีหลากหลายมากมายเต็มไปหมดนะ 28 00:01:16,880 --> 00:01:18,880 แต่จะอ่านแค่สามแบบให้ดูค่ะ 29 00:01:18,880 --> 00:01:21,700 แบบแรกก็คือ ยันต์ที่เขาเรียกว่า ยันต์มหาอุตม์ 30 00:01:23,820 --> 00:01:26,400 อ่า เคยดูหนังเรื่องมหาอุตม์ใช่ไหมคะ นั่นแหละค่ะ 31 00:01:26,400 --> 00:01:29,260 ส่วนประเภทที่สองนะคะก็เป็นยันต์ที่ค่อนข้างฮิตเหมือนกัน 32 00:01:29,260 --> 00:01:30,460 เรียกว่ายันต์เก้ายอด 33 00:01:31,400 --> 00:01:34,000 ส่วนประเภทที่สามนะคะเป็นยันต์ประเภทที่ฮิตที่สุดเลย 34 00:01:34,000 --> 00:01:35,580 ก็คือยันต์ห้าแถวนั่นเอง 35 00:01:37,080 --> 00:01:39,160 ที่ดารงดาราสักกันนั่นล่ะค่ะ 36 00:01:39,160 --> 00:01:41,540 ถ้าสนใจแล้วก็ไปฟังกันเลยดีกว่าค่ะ 37 00:01:45,580 --> 00:01:47,020 ต้องบอกก่อนนะคะว่ายันต์พวกนี้ 38 00:01:47,020 --> 00:01:49,820 ส่วนมากจะเขียนด้วยตัวอักษรขอม 39 00:01:49,820 --> 00:01:52,340 แต่ว่าสิ่งที่เขียนเนี่ยจะไม่ใช่ภาษาไทย จะไม่ใช่แบบว่า 40 00:01:52,340 --> 00:01:55,240 สวัสดี ขอจงมีความสุข อะไรอย่างเงี้ย ไม่ใช่ 41 00:01:55,240 --> 00:01:56,780 เขาจะเขียนเป็นภาษาบาลีค่ะ 42 00:01:56,780 --> 00:02:00,020 คือที่เราเคยสวดมนต์ภาษาบาลีกัน แบบนะโมตัสสะอะไรอย่างเงี้ย 43 00:02:00,020 --> 00:02:01,880 นั่นแหละค่ะ เค้าจะเขียนเป็นภาษาแบบนั้น 44 00:02:01,880 --> 00:02:03,880 ซึ่งแปลว่าการที่เราจะแปลยันต์ออกนะคะ 45 00:02:03,880 --> 00:02:06,980 เราจะต้องแปลตัวอักษรขอมเนี่ยออกเป็นภาษาบาลีก่อน 46 00:02:06,980 --> 00:02:08,940 แล้วที่สำคัญนะคะ พวกภาษาบาลีพวกเนี้ย 47 00:02:08,940 --> 00:02:11,980 เขาก็ไม่ได้เขียนตรงๆ ไม่ใช่แบบนะโมตัสสะภะคะวะโต อะไรยังงี้นะ 48 00:02:11,980 --> 00:02:13,960 แต่ว่าเขาจะเขียนเป็นตัวอักษรย่ออีก 49 00:02:13,960 --> 00:02:16,220 คือนึกออกไหม ยันต์มันมีแค่เนี้ย กลมๆเล็กๆ 50 00:02:16,220 --> 00:02:19,780 จะให้มาเขียนบทสวดทั้งหมดอะไรยังงี้ มันก็ยาวไป ไม่โอเคนะคะ 51 00:02:19,780 --> 00:02:22,120 ดังนั้นเขาก็เลยเขียนเป็นตัวอักษรย่ออีกทีนึงค่ะ 52 00:02:22,120 --> 00:02:23,320 ดูวิชาการจังเลยอะ 53 00:02:23,320 --> 00:02:25,320 เรามาเริ่มที่ยันต์ประเภทที่หนึ่งกันเลยดีกว่าค่ะ 54 00:02:25,320 --> 00:02:27,740 ประเภทที่หนึ่งนะคะก็คือ ยันต์มหาอุตม์นั่นเอง 55 00:02:27,740 --> 00:02:31,260 ซึ่งยันต์มหาอุตม์เนี่ยนะคะ ตัวอักษรขอมเนี่ยเขาเขียนเอาไว้ว่า 56 00:02:31,260 --> 00:02:33,260 นะโม พุทธายะ อิ สวา สุ 57 00:02:33,260 --> 00:02:35,760 อะ คำประโยคนี้ ประโยคนี้คืออะไร 58 00:02:35,760 --> 00:02:38,240 นะโมนะคะ ก็คือนะโมนั่นแหละ นะโมตัสสะ 59 00:02:38,240 --> 00:02:40,440 หมายถึงความนอบน้อม ขอนอบน้อมนะคะ 60 00:02:40,440 --> 00:02:42,300 พุทธายะนี่ก็หมายถึงพระพุทธเจ้า 61 00:02:42,300 --> 00:02:44,180 ดังนั้นนะโม พุทธายะจึงหมายถึงว่า 62 00:02:44,180 --> 00:02:46,620 ข้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า นะจ๊ะ 63 00:02:46,620 --> 00:02:50,100 ส่วน อิ สวา สุ เนี่ย เป็นคำย่อของบทสวดมนต์ที่เราคุ้นเคยกันดีค่ะ 64 00:02:50,100 --> 00:02:50,880 อิคืออะไร 65 00:02:50,880 --> 00:02:53,940 อิคือ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ 66 00:02:53,940 --> 00:02:56,100 วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู 67 00:02:56,100 --> 00:02:57,360 อะนุตตะโร ปุริสสะทัมมะสาระถิ 68 00:02:57,360 --> 00:02:59,120 นั่นล่ะค่ะบทที่เราคุ้นเคยกัน 69 00:02:59,120 --> 00:03:01,360 ก็คือบทบูชาพระพุทธเจ้านั่นเอง 70 00:03:01,360 --> 00:03:03,700 พอรู้อิแล้วก็น่าจะรู้สะนะ ว่าสะมาจากไหน 71 00:03:03,700 --> 00:03:08,040 สะก็มาจากสวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม...นั่นแหละค่ะบทนั้นเลย 72 00:03:08,040 --> 00:03:09,100 แล้วสุล่ะมาจากไหน 73 00:03:09,100 --> 00:03:11,220 สุก็คือ สุปะฏิปันโน สาวะกะสังโฆ 74 00:03:11,220 --> 00:03:12,800 บลาๆๆ เช่นเดียวกัน 75 00:03:12,800 --> 00:03:15,560 ดังนั้นยันต์มหาอุตม์คืออะไร ยันต์มหาอุตม์คือบอกว่า 76 00:03:15,560 --> 00:03:18,380 ข้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า เสร็จแล้วก็สรรเสริญ 77 00:03:18,380 --> 00:03:21,180 คุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม แล้วก็พระสงฆ์นั่นเอง 78 00:03:21,180 --> 00:03:23,580 อะ นี่ก็คือยันต์แรกนะคะ คือยันต์มหาอุตม์ 79 00:03:23,580 --> 00:03:25,240 ถัดไปค่ะ ยันต์เก้ายอด 80 00:03:25,240 --> 00:03:26,680 อันนี้จะตัวอักษรเยอะนิดนึง 81 00:03:26,680 --> 00:03:28,780 ถามว่าเขาเขียนว่าอะไร ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว 82 00:03:28,780 --> 00:03:33,480 เขาเขียนไว้ว่า อะสังวิสุ โลปุสะพุภะ สังวิทาปุกะยะปะ 83 00:03:33,480 --> 00:03:36,300 นะโมพุทธายะ มะอะอุ อะระหัง 84 00:03:36,300 --> 00:03:40,040 โอ้ ยาวมากกก นี่คืออะไร นี่มาสอนวิชาภาษาบาลีหรือยังไง 85 00:03:40,040 --> 00:03:42,260 บอกก่อนนะคะว่าตัวเองไม่ได้เชี่ยวชาญภาษาบาลี 86 00:03:42,260 --> 00:03:44,660 เอาเป็นว่าแปลแทบไม่ออกเลยดีกว่า ตอนทำรายงานก็ 87 00:03:44,660 --> 00:03:46,180 ค้นข้อมูลเยอะพอสมควรนะคะ 88 00:03:46,200 --> 00:03:47,280 ดังนั้นอย่าถามมากกว่านี้ 89 00:03:47,300 --> 00:03:49,020 หรือเอายันต์อื่นมาให้อ่าน ลืมไปหมดแล้ว 90 00:03:49,020 --> 00:03:51,980 ทีนี้ถามว่าประโยคเมื่อกี้ที่พูดมาเนี่ยแปลว่าอะไร 91 00:03:51,980 --> 00:03:55,600 คำว่าอะสังวิสุ โลปุสะพุภะเนี่ย เขาหมายถึง 92 00:03:55,600 --> 00:03:57,320 อะแรกหมายถึง พระอะระหัง 93 00:03:57,320 --> 00:03:59,400 ส่วนสังเนี่ยหมายถึง สัมมาสัมพุทโธ 94 00:03:59,400 --> 00:04:01,580 คือใช้คำว่า สัง แทน สัม นั่นเองนะคะ 95 00:04:01,580 --> 00:04:04,280 แล้วก็วิหมายถึง วิชชาจะระณะสัมปันโน 96 00:04:04,280 --> 00:04:06,700 สุก็คือสุคะโต โลคือโลกะวิทู 97 00:04:06,700 --> 00:04:09,760 ดังนั้นอะสังวิสุ โลปุสะพุภะก็คือ 98 00:04:09,760 --> 00:04:12,900 อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน บลาๆ 99 00:04:12,900 --> 00:04:15,260 เหมือนเมื่อกี้เป๊ะเลยนะคะ ดังนั้นก็คือการ 100 00:04:15,260 --> 00:04:17,260 บูชาพระพุทธเจ้านั่นแหละนะ 101 00:04:17,260 --> 00:04:19,260 ส่วนประโยคถัดไปนะคะที่เขาบอกว่า 102 00:04:19,260 --> 00:04:22,380 สังวิทาปุกะยะปะ อันนี้เป็นชื่อย่อคัมภีร์ 103 00:04:22,380 --> 00:04:24,500 เป็นคัมภีร์อภิธรรมเจ็ดพระคัมภีร์นะคะ 104 00:04:24,500 --> 00:04:26,500 ก็...ก็ช่างมันเหอะ ชื่อมันยาวน่ะนะ 105 00:04:26,500 --> 00:04:29,420 เอาเป็นว่าเป็นการพูดถึง พระคัมภีร์อภิธรรมต่างๆนานานะ 106 00:04:29,420 --> 00:04:31,260 มะอะอุ นะคะ อันนี้คือ 107 00:04:31,260 --> 00:04:33,820 มะ เนี่ยนะคะหมายถึง มะนุสสานังพุทโธภะคะวาติ 108 00:04:33,820 --> 00:04:35,120 เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้านะคะ 109 00:04:35,120 --> 00:04:37,460 ส่วนอะเนี่ย มาจากอะกาลิโกเอหิปัสสิโก 110 00:04:37,460 --> 00:04:39,200 ใช้เป็นสัญลักษณ์แทนพระธรรม คือพระธรรมเนี่ย 111 00:04:39,220 --> 00:04:40,980 อยู่เหนือกาลเวลานั่นเองนะคะ 112 00:04:40,980 --> 00:04:43,300 ส่วนสุดท้ายนะคะ อุ พระพุทธ พระธรรมมาแล้ว 113 00:04:43,320 --> 00:04:45,300 ก็น่าจะเดาได้ว่าอุหมายถึงพระสงฆ์ค่ะ 114 00:04:45,300 --> 00:04:48,540 ก็คืออุชุปะฏิปันโน สาวะกะสังโฆนั่นเองนะคะ 115 00:04:48,540 --> 00:04:52,140 ก็คือเป็นแบบพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ทำนองนี้นะ 116 00:04:52,140 --> 00:04:52,960 ก็เลยหมายถึงว่า 117 00:04:52,960 --> 00:04:56,600 ข้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ชั้นจำพระอภิธรรมทั้งเจ็ดได้ 118 00:04:56,600 --> 00:04:59,480 แล้วก็ขอบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นเองค่ะ 119 00:04:59,480 --> 00:05:02,700 ส่วนยันต์แบบสุดท้ายที่เราจะมา อ่านให้ฟังในวันนี้นะคะ ก็คือยันต์ห้าแถว 120 00:05:02,700 --> 00:05:05,120 อันนี้จะเป็นอันที่หลายคนคุ้นเคยกันนิดนึงนะ 121 00:05:05,120 --> 00:05:07,940 ยันต์ห้าแถว หรือที่เรียกว่ายันต์ห้าแถวหนุนดวง 122 00:05:07,940 --> 00:05:10,540 ยันต์โภคทรัพย์ห้าแถวอะไรอย่างเงี้ย เขียนว่าอะไร 123 00:05:10,540 --> 00:05:13,320 ต้องบอกว่าถึงจะมีห้าแถวก็ตามแต่มันเป็นการเล่นคำค่ะ 124 00:05:13,320 --> 00:05:16,520 คือมันเขียนประโยคเดียวกันแหละ มันแค่สลับตัวกันไปเรื่อยๆๆ 125 00:05:16,520 --> 00:05:18,100 ดังนั้นมีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น 126 00:05:18,100 --> 00:05:21,440 ซึ่งประโยคดังกล่าวนะคะเขียนว่า นะโมพุทธายะนะเมติ 127 00:05:21,440 --> 00:05:22,860 ซึ่งอันนี้ก็หมายความว่า 128 00:05:22,860 --> 00:05:25,840 ขอความนอบน้อมจงมีแด่พระพุทธเจ้า นั่นเอง 129 00:05:25,840 --> 00:05:30,200 สรุป ยันต์ทุกชนิดที่ยกขึ้นมา ยันต์ส่วนมากที่พระเขียนๆให้ 130 00:05:30,200 --> 00:05:32,200 ยันต์ส่วนมากที่พระเอามาสักให้เราเนี่ยนะ 131 00:05:32,200 --> 00:05:34,200 ความหมายแทบจะเหมือนกันหมดเลย ก็คือ 132 00:05:34,200 --> 00:05:36,000 ข้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า 133 00:05:36,000 --> 00:05:37,400 พระพุทธเจ้าเจ๋งมาก 134 00:05:37,400 --> 00:05:40,480 ขอบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 135 00:05:40,480 --> 00:05:43,380 ข้าจำบทสวดมนต์ได้ 136 00:05:43,380 --> 00:05:45,380 ถามว่าแล้วที่แปลความหมายกันว่าแบบ 137 00:05:45,380 --> 00:05:46,920 อันนี้ช่วยให้กันภัย 138 00:05:46,920 --> 00:05:49,740 อันนั้นช่วยให้รักษาโรคนู่นนี่นั่นแล้วมันทำไมเหรอ 139 00:05:49,740 --> 00:05:51,540 คือ อันนี้เป็นการตีความเองนะคะ 140 00:05:51,540 --> 00:05:54,620 ว่าการที่เราบูชาพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเนี่ย 141 00:05:54,620 --> 00:05:57,700 ก็เป็นเหมือนกับว่า อ๋อ ขอให้พระพุทธเจ้าดูแลเรานะจ๊ะ 142 00:05:57,700 --> 00:05:59,820 ชั้นบูชาพระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าแล้ว 143 00:05:59,820 --> 00:06:02,140 ขอให้พระพุทธเจ้าดูแลรักษาเราด้วย 144 00:06:02,140 --> 00:06:03,184 ก็เป็นทำนองนี้ค่ะ 145 00:06:03,184 --> 00:06:04,780 คลิปนี้จะซีเรียสนิดนึงนะคะ 146 00:06:04,780 --> 00:06:07,400 เนื้อหาค่อนข้างเป็นวิชาการ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล่าอะไรนึกออกไหม 147 00:06:07,400 --> 00:06:10,403 แต่ว่าคิดว่าเป็นเรื่องที่หลายคนน่าจะสนใจ 148 00:06:10,403 --> 00:06:12,880 แล้วก็น่าจะหาข้อมูลเองค่อนข้างยาก 149 00:06:12,880 --> 00:06:15,480 เพราะว่าตอนที่ทำรายงานก็หาข้อมูลค่อนข้างยากอะนะ 150 00:06:15,480 --> 00:06:17,640 ก็เลยอยากมาแชร์ให้ทุกคนได้ฟังค่ะ 151 00:06:17,640 --> 00:06:20,620 ถ้าชื่นชอบคลิปนี้ยังไงนะคะ อย่าลืมกดไลก์เป็นกำลังให้วิวนะคะ 152 00:06:20,620 --> 00:06:22,780 แล้วก็กดแชร์ เพื่อชวนเพื่อนๆมาดูด้วยกันค่ะ 153 00:06:22,780 --> 00:06:26,780 ไม่อยากพลาดคลิปวิดิโอใหม่ๆนะคะ อย่าลืมกด subscribe และกดปุ่มกระดิ่งเล็กๆข้างๆค่ะ 154 00:06:26,780 --> 00:06:29,520 มันจะได้แจ้งเตือนทุกครั้งที่วิวอัพคลิปวิดิโอเลย 155 00:06:29,520 --> 00:06:32,780 แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้านะคะ บ๊ายบาย สวัสดีค่า 156 00:06:32,780 --> 00:06:34,780 อาจจะข้อมูลไม่เป๊ะนิดนึงนะ เพราะว่า... 157 00:06:34,780 --> 00:06:39,660 ก็อย่างที่บอก เวลาผ่านมาเนิ่นนานแล้ว นับตั้งแต่การทำรายงานฉบับนั้นในสมัยปีสี่ 158 00:06:39,660 --> 00:06:41,660 แต่ว่าก็เป็นเรื่องที่สนุกนะ 159 00:06:41,660 --> 00:06:43,880 การที่เราเห็นอะไรมาตั้งแต่เด็กแล้วเราไม่เคยอ่านอะ 160 00:06:43,880 --> 00:06:48,300 แล้วก็แบบอยู่ดีๆก็ลองมานั่งอ่านดู แล้วก็ Oh! my gosh อะไรยังงี้ 161 00:06:48,300 --> 00:06:52,120 อยากสนับสนุนน้องๆทั้งหลายนะคะ ที่จะต้องทำรายงานวิชาอะไรก็ตาม 162 00:06:52,120 --> 00:06:56,540 แล้วครูอนุญาตว่าให้เลือกทำเรื่องอะไรก็ได้ในวิชานั้นนะ 163 00:06:56,540 --> 00:07:01,200 อย่าไปทำเลยเรื่องง่ายๆอะ เลือกทำเรื่องที่เราอยากรู้น่าจะดีที่สุดค่ะ 164 00:07:01,200 --> 00:07:03,400 เพราะมันจะทำให้เราสนุกสนานกับรายงานฉบับนั้น 165 00:07:03,400 --> 00:07:05,060 แล้วเราก็จะจำมันไปอีกนานแสนนาน 166 00:07:05,060 --> 00:07:08,000 ดีกว่าไปทำเรื่องที่แบบ เออ ให้ง่ายๆให้มันส่งๆไปนะ 167 00:07:08,000 --> 00:07:10,740 แล้วเราก็จะลืม เราก็จะไม่ได้อะไรจากรายงานฉบับนั้นเลยนะคะ 168 00:07:10,740 --> 00:07:14,400 อย่างเล่มนี้ก็เป็นเล่มที่ถือว่าเลือกเรื่องที่ยากพอสมควร 169 00:07:14,400 --> 00:07:17,360 แต่ว่าก็ไม่เสียใจเลยที่ทำนะ เพราะเป็นเรื่องที่คาใจอะ 170 00:07:17,360 --> 00:07:21,840 คือตอนเรียนวิชานี้ จะให้ไปนั่งแปลชื่อผลมงผลไม้ ที่มาจากภาษาเขมรไรงี้มันก็แบบ 171 00:07:21,840 --> 00:07:25,240 ไม่อยากรู้เรื่องผลไม้อะ อยากรู้เรื่องนี้ อะไรยังงี้นะคะ 172 00:07:25,240 --> 00:07:27,240 ก็สนุกสนานกันไปนะคะ